คลังเรื่องเด่น
-
ระวัง! กรรมจากการล่วงเกิน " ผู้มีธรรม "
ระวัง....การล่วงเกิน " ผู้มีธรรม "
เมื่อเขียนเรื่องการใช้ไหว้วาน "ผู้ทรงธรรม" แล้ว ก็เลยอยากจะเขียนถึงเรื่อง "การล่วงเกิน "ผู้มีธรรม" ด้วย การใช้ไหว้วาน "ผู้ทรงธรรม" นั้น ก็เป็นสิ่งไม่ควรอยู่แล้ว แต่การล่วงเกิน "ผู้ทรงธรรม" หรือ "ผู้มีธรรม" นั้นหนักกว่า บาปมากกว่า เพราะเป็นการล่วงเกิน เป็นการทำร้าย "ผู้ทรงธรรม" ไม่ว่าจะเป็นทั้งกายหรือใจ หรือจะด้วยเจตนาและไม่เจตนาก็ตาม
เพราะ "ผู้มีธรรม" และ "ผู้ทรงธรรม" นั้น คล้ายกันในความหมาย ก็คือเป็นผู้ที่ยึดถือการกระทำความดี เป็นชีวิตจิตใจ เป็นสรณะ เป็นที่พึ่งและเป็น "คนดี" ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
คำว่าเป็นคนดีนั้น หมายความว่า....
1. ทำอะไรก็แล้วแต่.....มีประโยชน์ต่อตนเอง
2. ทำอะไรก็แล้วแต่.....มีประโยชน์ต่อคนอื่น
3. ทำอะไรก็แล้วแต่.....ไม่สร้างเดือดร้อนต่อตนเอง
4. ทำอะไรก็แล้วแต่.....ไม่สร้างเดือดร้อนต่อคนอื่น
ต้องทำให้ได้ครบ 4 ข้อ เราจึงเรียกว่า " ความดี "
"ผู้มีธรรม"....ต้องทำ "ความดี" ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
"ผู้มีธรรม" นั้นมีทั้งภิกษุ สงฆ์ ผู้ทรงศีล นักบวช และฆราวาสที่มี "จิต" ดี
เราไม่มีโอกาสจะทราบได้อย่างแน่ชัด 100... -
หญิงสองร่างนางสองชาติ... โดย หลวงพ่อจรัญ
เรื่องมาสร้างกุฎิกัมมัฎฐานโดยหญิงสองร่าง นางสองชาติ อาตมาเคยคิดว่ามันจะมีอย่างไรเรือ่งนรกสวรรค์ แต่ก็มีประสบการณ์กับที่วัดเรานี่เอง
เมื่อตอนที่อาตมาอยู่ที่วัดนี้ พ.ศ. 2499 พอดี 2500 กุฎิกัมมัฎฐานไม่มีเลย ยังไม่ได้มาเริ่ม เริ่มมาจากที่อื่น สอนกัมมัฎฐานมาเมื่อ 2495 สอนมานาน เมื่อสอนแล้วมาอยู่ที่วัดนี้ มาเป็นเจ้าอาวาส มาประสบการณ์กับหญิงสองร่าง นางสองชาติ จึงได้สร้างกุฎิกัมมัฎฐานต่อเนื่องมาตามลำดับจนบัดนี้
เล่าถึงประวัติ นายปุ่น นางสอิ้ง นายปุ่น บวช 2-3 พรรษา สวดปาติโมกข์ได้รุ่นเก่าแก่นานมาแล้ว
แล้วเจริญกัมมัฎฐาน เมื่อสึกแล้วก็มาแต่งงานกับแม่สอิ้ง อยู่ด้วยกันมีลูก 2 คน ตาปุ่นเป็นคนร่ำรวยอยู่ในอำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ นายปุ่น นี้จิตใจเป้นมหากุศล สวดมนต์ไหว้พระตลอด แต่นางสอิ้ง ใจบาปหยาบช้า มีร่างกายที่เขียนรูปไว้ นุ่งผ้าโจงกระเบน ใส่เสื้อเตี่ยว มีผมก็ทัดหู มีสร้อยใส่..ไปบ้านใครต้องลักขโมยตลอดเวลา.....
แล้วมาวันหนึ่ง นางสอิ้ง ไปช่วยงานหลานตาปุ่นบวชในพระศาสนา นางสอิ้ง ก็ลักทอง ลักสร้อยแล้วก็บุ้ยใบ้ไปโทษหลานตาปุ่นที่ยากจนกว่า ตีเสียหัวร้างข้างแตก แล้วยัดเยียดให้เป็นคนขโมย... -
คุณสมบัติและอัธยาศัยของพระโพธิสัตว์
สำหรับพระโพธิสัตว์ ที่ยังเป็น อนิยตะโพธิสัตว์ ที่สร้างบารมีสมบูรณ์แล้ว จะได้รับพุทธพยากรณ์เป็น
ครั้งแรก ต่อพระพักตร์พุทธเจ้า ต้องมีธรรมสโมธาน 8 ประการสมบูรณ์ จึงได้รับพุทธพยากรณ์โดยนัยว่า
จะได้ตรัสรู้เป็นองค์พระพุทธเจ้า ทรงนามว่าอย่างนั้น ในกัปอันเป็นอนาคตที่เท่านั้น ก็กลายเป็น นิยตะโพธิสัตว์ ทันที
คือเป็นพระโพธิสัตว์ที่เที่ยงแท้
ธรรมสโมธาน 8 ประการคือ
1. ได้เกิดเป็นมนุษย์
2. เป็นบุรุษเพศ ไม่เป็นกระเทย
3. มีอุปนิสสัยปัจจัยแห่งพระอรหันต์รุ่งเรืองอยู่ในขันธสันดาน(ถ้าเกิดเปลียนใจก็จะเป็นพระอรหันต์ทันที)
4. ต้องพบพระพุทธเจ้าขณะมีพระชนชีพอยู่ และได้สร้างกองบุญกุศลต่อพระพักตร์
5. ต้องเป็นบรรพชิต หรือต้องเป็น โยคี ฤาษี ดาบส หรือปริพาชก
ที่มีลัทธิเชื่อว่า บุญมี บาปมี ทำบุญได้บุญ ทำบาปได้บาป ต้องไม่เป็นคฤหัสผู้ครองเรือน
6. ต้องมีอภิญญาและฌานสมาบัติ อันเชี่ยวชาญ
7. เคยให้ชีวิตของตนเป็นทาน เพื่อสัมโพธิญาณมาก่อนในอดีดชาติ
8. ต้องมี ฉันทะ คือมีความรักความพอใจในพุทธภูมิเป็นกำลัง... -
ดงพญาไฟ ประสบการณ์ขนหัวลุกจากตำบลมวกเหล็กในอดีต
"ป้าผ่อง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากตำบลมวกเหล็กในอดีต
สมัยก่อน ดิฉันเป็นเด็กอยู่ตลาดมวกเหล็ก สระบุรี ไข้มาลาเรียชุมมากค่ะ ชาวบ้านเรียกไข้ป่า มีคนเจ็บป่วยล้มตายมากๆ สมัยสงคราม เพราะขาดแคลนยาควินินที่ใช้ป้องกันและรักษา ป่าดิบดงดำที่นั่นจึงมีชื่อน่ากลัวว่า "ดงพญาไฟ"
ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "ดงพญาเย็น" ก็ยังไม่วายมีคนตายด้วยไข้ป่าตามเดิม
เมื่อสงครามสงบ ความเจริญก็เริ่มต้นขึ้นช้าๆ เพราะการคมนาคมยังไม่สะดวกเหมือนปัจจุบัน มีรถไฟเป็นพาหนะอย่างเดียวเท่านั้น ที่ติดต่อระหว่างภาคอีสานกับภาคกลาง
ถนนมิตรภาพยังไม่ได้สร้าง คนที่ต้องไปค้าขายหรือติดต่อเยี่ยมเยียน ไปมาหาสู่กันก็ต้องขึ้นรถไฟระยะสั้นๆ อย่าง หินลับ-ทับกวาง-ผาเสด็จ หรือไม่ก็ล่องไปสระบุรีบ้าง ขึ้นโคราชบ้าง
ไข้ป่ายังคร่าชีวิตคนไปบ่อยๆ เพราะยาควินินยังหายากและราคาแพง ชาวบ้านมักอาศัยหมอกลางบ้าน ใช้ยาหม้อบ้าง กินน้ำมนต์บ้าง เป็นไข้จับสั่นกันเสียส่วนมาก หน้าเหลืองตัวเหลืองกันแทบทั้งนั้น โดยเฉพาะพวกที่ต้องออกไปทำไร่ข้าวโพด และไร่น้อยหน่า มักจะหนีไข้ป่าไม่ค่อยพ้น
ทำงานได้วันสองวันก็จับไข้นอนซม หนาวสะท้าน พอทุเลาก็ต้องออกไปทำไร่อีกแล้ว หลายๆ... -
ศีลโพธิสัตว์ 58 ข้อ
ศีลบารมี ในมหายานนั้นมีสิกขาบท 250 ข้อ ศีลโพธิสัตว์ 58 ข้อ ซึ่งแบ่งเป็นครุกาบัติ 10 ข้อ และลหุกาบัติ 48 ข้อ จากหนังสือพระพุทธศาสนามหายานของคณะสงฆ์จีนนิกาย
ครุกาบัติ 10
1. ผู้ฆ่าชีวิตมนุษย์ให้ตายด้วยมือตนเอง ใช้ผู้อื่นกระทำ หรือเป็นใจสมรู้ ตลอดจนฆ่าชีวิตสัตว์เล็กใหญ่ให้ตาย ต้องสถานโทษหนัก
2. ผู้ถือเอาของผู้อื่น มีราคา 5 มาสก ตลอดจนลักเอาของไม่มีค่าที่เจ้าของไม่อนุญาตด้วยตนเองหรือใช้ผู้อื่นกระทำ ต้องสถานโทษหนัก
3. ผู้เสพเมถุน นำนิมิตล่วงเข้าไปในทวารหลัก ทวารเบา หรือทางปากของผู้ชาย หรือผู้หญิงตลอดจนสัตว์เดรัจฉานตัวเมีย ต้องสถานโทษหนัก
4. ผู้อุตตริมนุษยธรรม อวดรู้ฌานรู้มรรคผลที่ไม่มีในตน ตลอดจนพูดมุสาวาทที่ไม่ใช่ความจริง กระทำด้วยตนเองหรือใช้ผู้อื่นกระทำ ต้องสถานโทษหนัก
5. ผู้ผลิตสุราเมรัยน้ำเมา ตลอดจนยาดองสุราที่ไม่ใช่รักษาโรคโดยตรง กระทำหรือผลิตเองหรอใช้คนอื่นกระทำหรือผลิต ต้องสถานโทษหนัก
6. ผู้กล่าวร้ายบริษัทสี่ ใส่ไคล้อาบัติชั่ว ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ตลอดจนศึกษามานะ (สิกขามานา) สามเณร และสามเณรี โดยไม่มีมูลด้วยตนเองหรือใช้ผู้อื่นกระทำ ต้องสถานโทษหนัก
7. ผู้ยกตนข่มท่าน... -
แม่ห่วงสมบัติ
ผู้ถาม
หลวงพ่อเจ้าขา คุณแม่ของลูกเป็นคนห่วงสมบัติมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งห่วงทุกๆ อย่าง ไม่เคยทำบุญ แกก็ยังบอกว่ายังไม่สบายใจ ลูกเกรงว่าแม่ตายแล้วจะตกนรก เพราะไม่ค่อยได้ทำบุญ ขอคำแนะนำจากหลวงพ่อด้วยเถิดเจ้าค่ะ...
หลวงพ่อ
ความจริงถ้าคนไม่มีศรัทธานะ ถ้าไปกวนใจมากเกินไป จิตจะวุ่นวายมาก อันตรายหนัก ทางที่ดีทำให้ท่านมีศรัทธา เอาอย่างนี้แล้วกันนี่ เราก็เอาสตางค์ให้ท่าน แล้วขอสตางค์ท่านบามสองบาท เก้าบาทสิบบาท บอกจะเอาไปซื้อโน่นซื้อนี้ แล้วเราก็เอาไปทำบุญ อย่าให้มากนักนะ มากนักด้วยท่านจะสะเทือน ไปร่วมกับสังฆทาน วิหารทานก็ได้ ไม่ต้องมาก
ว่างๆ ท่านสบายใจก็บอกแม่ สตางค์ที่ขอวันนั้นเอาไปทำบุญแล้ว ขอแม่โมทนานะ ทางที่ดีก็หาพระสูตรเกี่ยว กับอานิสงส์ถวายสังฆทาน การสร้างวิหารทาน อ่านให้ฟังเป็นนิทานไปเรื่อยๆ อย่างนี้พอจะมีประโยชน์บ้างนะ
จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม 5
http://www.praruttanatri.com/member/htm/mhsb.html
หน้า 413 ของ 413