คลังเรื่องเด่น
-
ไม่ละพยายาม แม้ยาวนานชั่วกัปกัลป์!! ย้อนเล่า "สุเมธ ดาบส"บุรุษผู้ได้รับคำนายว่า อีก ๔ อสงไขแสนกัป ดาบสผู้นี้จะได้เป็นองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า !
ไม่ละพยายาม แม้ยาวนานชั่วกัปกัลป์!! ย้อนเล่า "สุเมธ ดาบส"บุรุษผู้ได้รับคำนายว่า อีก ๔ อสงไขแสนกัป ดาบสผู้นี้จะได้เป็นองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า !
ในสมัยพระทีปังกรพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ของเราทรงถือกำเนิดในตระกูลพราหมณ์ มีชื่อว่า สุเมธ เป็นผู้คงแก่เรียนเชี่ยวชาญในศาสตร์ทั้งหลายที่มีอยู่ในศาสนาพราหมณ์ เมื่อบิดามารดาละโลกไปแล้ว เบื่อหน่ายในการเวียนว่ายตายเกิด จึงสละทรัพย์ถวายพระราชาใช้บำรุงบ้านเมือง แล้วออกบวชเป็นดาบสอยู่ในป่าหิมพานต์ ทำความเพียรอยู่ ๗ วัน บรรลุฌาน อภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ มีความสุขในการเข้าฌาน
วันหนึ่งท่านสุเมธดาบสออกจากฌานสมาบัติ เหาะไปในอากาศ เห็นชาวเมืองช่วยกันแผ้วถางหนทาง และปรับพื้นที่ให้เป็นทางเดินกันอยู่มากมาย จึงลงจากอากาศไปสอบถาม ได้รับคำตอบว่าเตรียมหนทางให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมด้วยเหล่าภิกษุสงฆ์อรหันตสาวก ๔ แสนรูป เสด็จบิณฑบาตตามที่ชาวเมืองทูลอาราธนาไว้
เมื่อสุเมธดาบสได้ยินคำว่า พุทธะ ก็มีความปีติตื่นเต้นยินดีเป็นที่ยิ่ง จึงขอมีส่วนร่วมในการทำทางบ้าง ชาวเมืองแบ่งส่วนที่เป็นโคลนตมให้ เพราะเห็นว่าเป็นผู้มีฤทธิ์เหาะได้... -
พญานาคมีจริง!!!ปางก่อนเป็นคน หมั่นทำบุญ ถืออุโบสถศีล ส่งผลให้เกิดในภพภูมิเทวะพญานาค ตามที่ได้คุยกับ"หลวงปู่ชอบ" เพื่อปกป้องพระศาสนา.
พญานาคมีจริง!!!ปางก่อนเป็นคน หมั่นทำบุญ ถืออุโบสถศีล ส่งผลให้เกิดในภพภูมิเทวะพญานาค ตามที่ได้คุยกับ"หลวงปู่ชอบ" เพื่อปกป้องพระศาสนา.
บุพกรรมพญานาคสองผัวเมีย
องค์ท่านหลวงปู่ชอบถามถึงบุพกรรมของเจ้าจอมผาห่มพร้าวกับคู่บารมี กรรมอะไรที่ทำให้ท่านทั้งสองได้มาเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา กรรมอะไรที่ทำให้ท่านทั้งสองได้มาปกปักรักษาสมบัติของพระศาสนาอยู่ที่นี่?
กากะละนาคราชบอกองค์ท่านว่า ชาติที่ข้าพเจ้าเป็นมนุษย์ ข้าพเจ้าเป็นคนนักเลงใจร้อนมุทะลุ เมียข้าพเจ้าจึงชวนเข้าวัดปฏิบัติธรรมถือศีลอุโบสถในวันพระ บุญที่ข้าพเจ้ารักษาศีลห้าและศีลอุโบสถ ประกอบกับบุญที่ข้าพเจ้าอุปัฏฐากพระสงฆ์องค์เณร บุญกุศลนี้จึงส่งผลให้ข้าพเจ้าได้เกิดเป็นเทวะภูมิพญานาคในชาติปัจจุบัน
ตอนเป็นมนุษย์ปฏิบัติอยู่ในวัดวาศาสนา ข้าพเจ้าเผลอพลาดกรรมเพียงครั้งเดียวในการปฏิบัติต่อสมบัติศาสนา ข้าพเจ้ากับเมียยืมจอบเสียมมีดพร้าของวัดเอาไปปลูกผักทำไร่ พอพืชผักออกผลข้าพเจ้ากับเมียก็นำมาทำอาหารถวายพระสงฆ์องค์เณรในวัด มีดพร้าจอบเสียมที่ยืมของสงฆ์ไปชำรุดแตกหักข้าพเจ้าก็ไม่ได้นำมาใช้คืนให้สงฆ์... -
"ฝึกสมาธิ ให้เหมือนชาวนาทำนา" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
"ฝึกสมาธิ ให้เหมือนชาวนาทำนา"
" .. ฝึกหัดสมาธิ ให้เหมือนชาวนาทำนา "เขาไม่รีบร้อน เขาหว่านกล้า ไถ คราด ปักดำ โดยลำดับ ไม่ข้ามขั้นตอน แล้วรอให้ต้นข้าวแก่" ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่เห็นเมล็ดไม่เห็นรวงเลย แต่เขาก็มีความเชื่อมั่นของเขาว่า "จะมีเมล็ดมีรวงวันหนึ่งข้างหน้าแน่ ๆ"
เมื่อต้นข้าวแก่แล้วออกรวงมาจึงเชื่อแน่ว่า "จะได้รับผลแน่นอน" เขาไม่ไปดึงต้นข้าวให้ออกรวงเอาตามใจชอบ ผู้ไปกระทำเช่นนั้นย่อมไร้ผลโดยแท้ "การฝึกสมาธิภาวนาก็เช่นเดียวกัน จะรีบร้อนข้ามขั้นตอนย่อมไม่ได้" ต้องตั้งจิตให้เลื่อมใสศรัทธาให้แน่วแน่ว่าอันนี้ล่ะ เป็นคำบริกรรมที่จะทำให้จิตของเราเป็นสมาธิได้แท้จริง
"แล้วอย่าไปลังเลสงสัยว่า คำบริกรรมนี้จะถูกกับจริตนิสสัยของเราหรือไม่หนอ" คำบริกรรมอันนั้น "คนนั้นทำมันเป็นไปอย่างนั้นอย่างนี้ เราทำแล้วจิตไม่ตั้งมั่น" อย่างนี้ใช้ไม่ได้ .. "
"ฝึกสมาธิ โดยบริกรรมพุทโธ"
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี -
วีดีโอ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เรื่อง บุพกรรมของพระมหาสาวก (๕ ช.ม.)
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เรื่อง บุพกรรมของพระมหาสาวก
Buddhism Channel :-
Published on Apr 14, 2017
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เรื่อง บุพกรรมของพระมหาสาวก -
พระอรหันต์ปราบมาร ที่ยังคงธาตุขันธ์
พระเถระท่านหนึ่งที่ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านยืนยันว่ายังมีชีวิตอยู่ ก็คือ "พระอุปคุต" ผู้ที่มีวิมานอยู่ที่สะดือทะเล ซึ่งครูบาอาจารย์บางท่านบอกว่าอยู่ในบริเวณมหาสมุทรอินเดีย
ในสมัยที่หลวงปู่มีชีวิต บ่อยครั้งที่ท่านจะฝึกนักปฏิบัติให้มีความว่องไวในเรื่องมโนมยิทธิ โดยเฉพาะเด็ก ๆ ท่านก็จะให้ขอบารมีหลวงปู่ทวดนำจิต ไปกราบพระอุปคุตที่สะดือทะเล ซึ่งเด็ก ๆ ที่เพิ่งไปเป็นครั้งแรกมักจะกลัว เพราะต้องผ่านน้ำวน ๆ ลงไป ก็จะพบวิมานอยู่ในถ้ำใต้น้ำ มีพญานาคเฝ้าดูแลอยู่
https://www.facebook.com/profile.php?id=100008385811533&hc_ref=NEWSFEED&fref=nf -
ภาวะสงครามโลก - หลวงตาพระมหาบัว
ภาวะสงครามโลก ก็คือ ความทุกข์ ความพินาศ ฉิบหายของสัตว์โลก นั้นมันเกิดเป็นครั้งเป็นคราว
....ธาตุ ขันธ์ ใจ กับกิเลสตัณหา เป็นสงครามที่เกิดแก่เราทุกคน มันเกิดอยู่ตลอดเวลา สงครามนี้ใครๆ ก็มี ใครๆ ก็เกิด ปกติมันอยู่กับธาตุกับขันธ์ อยู่กับจิตใจ......
อยู่กับธาตุกับขันธ์ ก็คือ การเจ็บไข้ได้ป่วย ปวดหัวตัวร้อน มีประการต่างๆ ที่เรียกว่า “สงครามจำเพาะตัวใครตัวเรา” ต้องใช้ยาเข้าไปปราบ ถ้ายาถูกมันก็หาย ถ้ายาไม่ถูกมันก็ตาย นี่ก็สงคราม คือสงครามธาตุขันธ์
สงครามโลก ก็มีเรื่องธาตุกับขันธ์ ทำลายสมบัติเงินทองต่างๆ ทำลายจิตใจของกันและกัน
สงครามภายในระหว่างกิเลสกับใจนั้น ก็เป็นทำนองเดียวกัน ถ้าอันนี้ระงับสงครามโลกก็ไม่เกิด เพราะสงครามภายในใจไม่เกิดชนวน ที่ทำให้เกิดสงครามเพราะกิเลสนี้มีมาก เมื่อลุกลามขึ้นมากน้อยเพียงไรก็แสดงออกมาให้โลกได้เห็นชัดเจน ถ้าสุมอยู่ภายในก็แสดงอยู่ภายในขันธ์ อยู่ภายในจิตใจของแต่ละคน ซึ่งล้วนแต่เรื่องของสงครามทั้งนั้น นี่ควรเรียกว่า “สงครามใต้ดิน” และเป็นสงครามยืดเยื้อเรื้อรังไม่รู้จักสงบและเลิกรากันได้ ถ้าไม่มีธรรมเป็นเครื่องปราบปราม ดังท่านผู้ได้ชัยชนะเคยปราบปรามมาแล้ว... -
เทวดา พญานาค มักเคารพผู้ทรงศีล!!! หลวงปู่กูดสนทนากับพญานาค!!! เหตุที่พญานาคอาราธนาศีลได้คล่องแคล่ว เพราะเคยพบหลวงปู่มั่นมาแล้ว!!!
เทวดา พญานาค มักเคารพผู้ทรงศีล!!! หลวงปู่กูดสนทนากับพญานาค!!! เหตุที่พญานาคอาราธนาศีลได้คล่องแคล่ว เพราะเคยพบหลวงปู่มั่นมาแล้ว!!!
เทวดา พญานาค มาขอฟังธรรม
หลวงปู่กูด รักขิตสีโล ท่านได้ขึ้นไปภาวนาอยู่ที่ถ้ำภูยางอู่ ในถ้ำนี้เองเวลากลางคืนได้มีเทพและนาคมากมายมาขอสมาทานศีล ๕ และขอฟังธรรมจากหลวงปู่กูดด้วย ลักษณะของเทพที่มา มีลักษณะกิริยามารยาทเรียบร้อย หน้าตางดงามมาก นุ่งขาวทั้งชายหญิง เทวดาทรงผมธรรมดา เทพธิดาปล่อยผมยาว เป็นเด็กก็มี ส่วนผู้เป็นหัวหน้านั้นเป็นเทพบุตร หลวงปู่กูดท่านนั่งสมาธิอยู่ลานหินกว้าง เหล่าเทพมาถึงแล้วก็นั่งรอเป็นทิวแถวเป็นระเบียบเรียบร้อยดีมาก ไม่มีเสียงดังให้ได้ยินเลย หลวงปู่กูด ท่านให้รับศีลและให้ตั้งอยู่ในพระไตรสรณคมน์แล้ว ท่านไม่ได้เทศน์สั่งสอนอะไรเลย จึงนั่งสมาธิเงียบๆ อยู่ พวกเทพเห็นดังนั้น ก็นั่งสมาธิกับหลวงปู่กูดด้วยประมาณ ๑ ชั่วโมง จึงกราบลงแล้วลากลับไป
เมื่อเทพเหล่านั้นกลับไปแล้ว พวกนาคก็มาหาท่านอีก หัวหน้าก็เป็นชายอีกเช่นเดียวกัน เขาอาราธนาศีลเก่งเหมือนกันหมดทุกคน ไม่ว่าเทพหรือนาค หลวงปู่กูด ก็อัศจรรย์ใจยิ่งนักว่า ทำไมเขาถึงอาราธนาศีลเก่งนัก... -
พรวิเศษจากหลวงปู่ฝั้น เมื่อ "พระป่ากรรมฐาน" ปลอมตัวเป็น "ผีเจ้าที่"!!
สมัยที่ "หลวงปู่ฝั้น อาจาโร" ยังเป็นพระหนุ่มเที่ยวธุดงค์ไปตามที่ต่างๆ นั้น หลวงปู่มั่นจะแบ่งพระเณรที่ออกธุดงค์เป็นกลุ่ม ๆ กลุ่มของหลวงปู่ฝั้นประกอบด้วยหลวงปู่กู่ ธัมมทินโน และหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ซึ่งเมื่อถึงเวลาออกธุดงค์ก็จะแยกกันไปหาความสงบวิเวกตามป่าเขา และเมื่อครบตามเวลาที่นัดหมายจึงค่อยกลับมารวมตัวกัน
คราวนั้นหลวงปู่ฝั้นได้แยกธุดงค์ไปปักกลดอยู่แถว ๆ เลียบริมฝั่งแม่น้ำโขง เขตอำเภอศรีเชียงใหม่ ท่านได้มาพักค้างแรมอยู่ที่ศาลภูตา (ศาลบูชาผีเจ้าที่) แห่งหนึ่ง ริมฝั่งแม่น้ำ ศาลแห่งนี้กว้างยาวประมาณวากว่า ๆ และสูงเพียงครึ่งเมตรเท่านั้น
หลวงปู่ฝั้นพักและนั่งภาวนาอยู่ที่ศาลภูตาแห่งนี้ตลอดทั้งคืน จนกระทั่งในเวลาเช้ามืด พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น มีชายคนหนึ่งพายเรือมาใกล้ๆ กับศาลภูตา พอถึงศาลก็หยุดเรือแล้วยกมือพนมขึ้นพร้อมทั้งกล่าวอธิษฐานเสียงดังว่า
"ขอให้เจ้าแม่นางอั้วดลบันดาลให้ค้าขายดี ๆ ร่ำรวย ๆ อยู่เย็นเป็นสุขด้วยเถิด"
หลวงปู่ฝั้นเห็นชายคนนั้น แถมยังได้ยินคำอธิษฐานอย่างนั้น ท่านก็อดขำไม่ได้ ก็เลยพูดแทนเจ้าแม่นางอั้วออกไปว่า
"เออ...เอาซี!!"
ชายคนนั้นได้ยินเสียงตอบกลับมาก็สะดุ้งโหยง... -
ไขปริศนานิมิตหลวงปู่ดู่ ฉันดวงดาว๓ดวง ที่มาของการใช้ไตรสรณคมน์เป็นคาถาสำคัญ
ไขปริศนานิมิตหลวงปู่ดู่ ฉันดวงดาว๓ดวง ที่มาของการใช้ไตรสรณคมน์เป็นคาถาสำคัญ
ในคืนหนึ่ง ในช่วงก่อน ปี พ.ศ. ๒๕๐๐เล็กน้อยหลังจากที่ท่านสวดมนต์ทำวัตรเย็น และเข้าจำวัดแล้วนั้นเกิดนิมิตไปว่าได้ฉันดาว ที่มีแสงสว่างมากเข้าไป ๓ ดวง ขณะที่ฉันนั้นรู้สึกว่า กรอบๆ ดี เมื่อฉันหมดก็ตกใจตื่นท่านจึงได้พิจารณานิมิตที่เกิดขึ้น ก็เกิดความเข้าใจในนิมิตนั้นว่า ดาวสามดวง ก็คือ “ดวงแก้วไตรสรณาคมน์” นั้นเอง
(หลวงปู่ดู่ หลวงปู่ทวด)
านจึงท่อง “ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ” ก็เกิดปิติขึ้นในจิตท่านอย่างท่วมท้น เกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและมั่นใจว่า การยึดมั่นพระไตรสรณาคมน์ เป็นวิธีที่เข้าสู่แก่นแท้เป็นรากแก้วของพระพุทธศาสนา ท่านจึงกำหนดเอา พระไตรสรณาคมน์เป็นองค์บริกรรมภาวนา
แต่นั้นมาท่านก็เจริญในสมณธรรมยิ่งขึ้นๆ จนได้เห็นธรรมอันอัศจรรย์ ตลอดจนถึงภูมิธรรมเดิมของตนเองอย่างสิ้นสงสัย ความเจริญในหลักภาวนาของหลวงปู่ดู่ท่านนั้น เป็นสิ่งที่ปุถุชนมิอาจหยั่งได้เลย แต่เป็นที่ปรากฏว่าท่านสามารถล่วงรู้และรับรู้ได้ว่า บุคคลผู้ใดพึงจะสำเร็จเป็นพระอรหันต์ประการหนึ่ง... -
เส้นทางสร้างพระโพธิสัตว์ ยากง่ายแค่ไหน!!!... หลวงพ่อเล็กเฉลย
เส้นทางสร้างพระโพธิสัตว์ ยากง่ายแค่ไหน!!!... หลวงพ่อเล็กเฉลย
เมื่อลูกศิษย์ ได้ถามหลวงพ่อเล็ก(พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)ใน หนังสือ “เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี “ดังนี้
ถาม : สำหรับพระโพธิสัตว์ บารมี ๓๐ ทัศ อย่างเดียวไปไม่รอดใช่ไหมครับ จะต้องรู้ธรรมะที่พระพุทธเจ้าท่านเคยทรงปฏิบัติมาก่อนใช่ไหมครับ ?
ตอบ : บารมี ๓๐ ทัศ ก็เกินพอแล้ว
ถาม : ไม่ต้องไปค้นหาธรรมะที่แท้จริงหรือครับ ?
ตอบ : ปัญญาบารมีเอ็งเอาไว้ทำอะไรวะ..?! ไม่มีใครตะกายไปทำทั้ง ๓๐ ทัศ หรอก ทำอย่างเดียวก็พอแล้ว
คนที่จะให้ทานได้ก็ต้องมีปัญญา เห็นว่าการให้ทานนั้นดีถึงจะให้ คนที่จะให้ของคนอื่นได้จิตก็ต้องประกอบไปด้วยเมตตา บุคคลที่จิตประกอบด้วยเมตตาศีลก็ต้องมี ลองไล่ไปดูสิเดี๋ยวก็ครบ ๑๐ ข้อ เพียงแต่ว่าทำจริงให้ได้สักข้อ เดี๋ยวข้ออื่นก็มาเอง
ถาม : ที่ผ่านๆ มา ความโกรธดับไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ
ตอบ : ชาติหน้าบ่ายๆ โน่น..! พระโพธิสัตว์ที่ไหนดับโกรธได้ คนที่จะดับโกรธได้ต้องเป็นพระอริยเจ้าตั้งแต่พระอนาคามีขึ้นไป พระโพธิสัตว์ท่านจะไปตรัสรู้ดับกิเลสเอาชาติสุดท้าย
ตอนเป็นพระโพธิสัตว์ความโกรธของท่านยังมีอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์... -
"จิตของบัณฑิต เหมือนภูเขา" (สมเด็จพระญาณสังวร)
"จิตของบัณฑิต เหมือนภูเขา"
" .. พุทธภาษิตหนึ่งกล่าวไว้แปลความว่า "ภูเขาแท่งทึบ ไม่สั่นสะเทือนเพราะลมฉันใด บัณฑิตย่อมไม่หวั่นไหวในนินทาและสรรเสริญ ฉันนั้น"
พระพุทธองค์ทรงเปรียบบัณฑิต ดังภูเขาหินแท่งทึบ "เหตุด้วยบัณฑิตไม่หวั่นไหวเพราะนินทาและสรรเสริญ" นั่นคือทรงแสดงว่า "บัณฑิตมีคุณลักษณะของภูเขา คือมีความหนักแน่น ความแข็งแกร่ง ความผนึกติดกับพื้นฐานใหญ่มั่นคง คือความดี ความมีสติปัญญา"
"บัณฑิต"ในพระพุทธศาสนาหมายถึง "คนดีมีปัญญา ผู้เป็นคนดี มีปัญญาเพียงพอ ย่อมรู้ธรรม ย่อมเชื่อมั่นในกรรม" ย่อมไม่หวั่นไหว เมื่อมีผู้เจรจาส่งเสริมเพื่อให้สูงขึ้น "ย่อมรู้ว่า กรรม คือการ[กระทำ ความประพฤติปฎิบัติของตนเองเท่านั้น ที่จะเหยียบย่ำตนให้ต่ำลงได้ หรือส่งเสริมตนให้สูงขึ้นได้" ผู้ใดอื่นหาทำได้ไม่ "นินทาก็ตาม สรรเสริญก็ตาม ไม่อาจทำได้ ทั้งเพื่อให้ตนต่ำลง หรือสูงขึ้น"
สำหรับบัณฑิต "นินทาและสรรเสริญ จึงย่อมทำให้เกิดเมตตาในผู้นินทาและกตัญญู รู้น้ำใจผู้สรรเสริญเพียงเท่านั้น" มิได้ทำให้หวั่นไหวแต่อย่างใด .. "
"ตนอันเป็นที่รักยิ่งของตน"
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ ๑๙ -
วีดีโอ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เรื่อง เมื่อข้าพเจ้าตาย (๖ช.ม.)
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เรื่อง เมื่อข้าพเจ้าตาย
Buddhism Channel :-
Published on Apr 4, 2017
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เรื่อง เมื่อข้าพเจ้าตาย -
สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม...แต่เมตตาธรรมช่วยค้ำจุนสัตว์โลก!! เมื่อหญิงคนหนึ่งชะตากำลังขาด ท่านพ่อลีก็เลยให้หวย...หวังได้เงินรางวัลช่วยค่าทำศพ!!
สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม...แต่เมตตาธรรมช่วยค้ำจุนสัตว์โลก!! เมื่อหญิงคนหนึ่งชะตากำลังขาด ท่านพ่อลีก็เลยให้หวย...หวังได้เงินรางวัลช่วยค่าทำศพ!!
“กวง ตั้งศรีงามสง่า” ลูกศิษย์ของ “ท่านพ่อลี ธัมมธโร” เคยเล่าให้ฟังว่า
มีโยมผู้หญิงคนหนึ่งไปขอหวยจากท่านพ่อลี ท่านจึงเขียนเลขใส่กระดาษ ม้วนกลม ๆ แล้วส่งให้เธอ เธอรับไว้ด้วยความดีใจ กราบลาท่านแล้วก็รีบกลับไปทันที
นายกวงเห็นดังนั้นก็รีบลุกขึ้นเพื่อจะตามไปขอดูเลขหวย เพราะปกติไม่เคยเห็นท่านพ่อลีทำเช่นนี้กับใคร แต่ในขณะที่เขากำลังจะวิ่งตามผู้หญิงคนนั้น ท่านพ่อลีก็ถามว่า
“กวง...มึงจะไปไหน?”
“จะไปเอาเลขจากยายคนนั้น”
ท่านพ่อลีก็ห้ามว่า
“อย่า... อย่าไปเอาเป็นอันขาด!!”
แล้วท่านพ่อลีก็อธิบายให้นายกวงฟังว่า
“กวง... กูจะบอกให้มึงฟัง โยมผู้หญิงคนนั้นน่ะเธอหมดอายุขัยแล้ว นอกจากเธอจะหมดอายุขัยแล้วก็ยังยากจนมากด้วย เราพิจารณาเห็นแล้วสงสาร เราก็เลยสงเคราะห์เขา เมื่อเขาถูกหวยแล้ว เขาก็จะตาย เงินที่ถูกหวยนั่นแหละจะเป็นเงินทำศพของเขาเอง และลูกหลานของเขาจะได้ไม่ต้องลำบาก”
[ท่านพ่อลี ธัมมธโร]
หลังจากวันหวยออกแล้ว... -
เปิดตำนาน "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์" เรื่องลี้ลับที่เล่าขานกันมาในอดีต เรื่องราวที่ผ่านการค้นหา..สุดท้าย ลงเอยอย่างไร???
เปิดตำนาน "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์" เรื่องลี้ลับที่เล่าขานกันมาในอดีต เรื่องราวที่ผ่านการค้นหา..สุดท้าย ลงเอยอย่างไร???
ตำนานปู่โสม เฝ้าทรัพย์
กรุงศรีอยุธยาอดีตราชธานีอันยิ่งใหญ่ของไทย ครั้งที่บ้านเมืองยังสงบอาณาประชาราษฎร์ล้วนมีชีวิตที่สุขสบาย ขุนนาง ขุนศึก พ่อค้าและชาวบ้านทั้งหลายยิ้มย่องผ่องใสมีชีวิตรุ่งเรืองถึงขีดสุด จึงต่างเก็บหอมรอมริบ สะสมแก้วแหวนเงินทองมีค่าไว้มากมาย
จนกระทั่ง เกิดสงครามถึงคราวพ่ายแพ้แก่พม่า กรุงศรีอยุธยาต้องล่มสลาย ผู้คนและเหล่าทหาร ช้าง ม้า วัว ถูกฆ่าตายกลาดเกลื่อน สมบัติมากมายที่สะสมกันไว้จึงถูกซุกซ่อนฝังไว้ตามจุดต่างๆ
ขุนนาง คหบดีและเจ้านายบางพระองค์ นอกจากจะฝังสมบัติไว้แล้ว ยังถึงกับฆ่าบริวารหรือทหารของตนให้ตายโหงอยู่ตรงที่ฝังสมบัติ เพราะหวังจะให้วิญญาณของผู้ตายกลายเป็นผี "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์" เฝ้าสมบัติของตนก็มี
เมืองกรุงเก่าอยุธยานับแต่อดีตถึงปัจจุบันจึง ขึ้นชื่อลือชานักในเรื่องของวิญญาณ ที่มักมาปรากฏตามสถานที่โบราณต่างๆ หลายเรื่องน่ากลัว หลายเรื่องฟังแล้วน่าตื่นเต้นดีและทุกเรื่องล้วนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ดังเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้...... -
บุญคุณต้องทดแทน! หลวงพ่อจรัญ แนะ ๑๐วิธี ทดแทนบุญคุญคุณพ่อแม่ เพื่อความเจริญก้าวหน้าของชีวิต ...ร่วมสืบสานความงดงามแบบไทยๆ
บุญคุณต้องทดแทน! หลวงพ่อจรัญ แนะ ๑๐วิธี ทดแทนบุญคุญคุณพ่อแม่ เพื่อความเจริญก้าวหน้าของชีวิต ...ร่วมสืบสานความงดงามแบบไทยๆ
หลวงพ่อจรัญ แนะ ๑๐วิธี ทดแทนบุญคุญคุณพ่อแม่เพื่อความเจริญก้าวหน้าของชีวิต
หนี้บุญคุณอันยิ่งใหญ่ ทำแล้วชีวิตดี ที่เราควรจะทำ เพื่อทดแทนบุญคุณพ่อแม่ ที่ท่านหลวงพ่อจรัญได้เมตตาแนะนำไว้คือ10 วิธีที่พึงปฏิบัติ พ่อแม่คือผู้ให้ชีวิตกับเราแต่เล็กจนโตท่านต้องคอยพร่ำสอนให้ทำความดี ส่งเสียให้เรียนหนังสือ เลี้ยงดูแลเอาใจใส่เราในทุก ๆ เรื่อง เมื่อเราโตขึ้นหน้าที่ของลูกทุกคนก็คือ กตัญญูกตเวที คอยดูแลเลี้ยงดูท่านเมื่อยามแก่เฒ่า ทำให้ท่านมีความสุขเพราะ "พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก" พระพุทธศาสนาสอนให้เราเป็นคนกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดา แล้วชีวิตก็จะมีแต่เรื่องดี ๆ จึงขอนำเรื่องราวสาระธรรมดี ๆ ที่ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม ได้เขียนไว้สอนใจ ฝากถึงลูก ๆ ทุกคน กับ 10 วิธีใช้หนี้พ่อแม่ มีดังนี้
๑. จงสร้างความดีให้กับตัวเอง และนี่ก็เป็นการใช้หนี้ตัวเอง ตัวเราพ่อให้หัวใจ แม่ให้น้ำเลือดน้ำเหลืองอยู่ในตัวแล้ว จะไปแสวงหาพ่อที่ไหน จะไปแสวงหาแม่ที่ไหน บางคนรังเกียจแม่... -
"เล่าเรื่องพระนางพิมพาและพุทธมารดา"
"เล่าเรื่องพระนางพิมพาและพุทธมารดา"
" .. นี่เวลาเราเข้าไปเยี่ยมพระนางพิมพา "พระนางพิมพาจะมาทำอะไร ๆ กับเราก็ตาม ให้นิ่งหมดแบบหูหนวกตาบอดทั้งหมด ถ้าหากว่ามีกระทบกระเทือน พระนางพิมพาจะสลบ แล้วจะขาดมรรคผลนิพพาน สายบารมีจะขาดสะบั้นในตรงนั้น" พระพิมพาจะทำอะไรเราก็ตาม อย่าไปสนใจ ท่านรับสั่งไว้เลย ก็พระองค์เล็งดูเรียบร้อยแล้วว่าจะเป็นอย่างนั้นเข้าใจไหมล่ะ .. "
" .. มีอยู่เรื่องหนึ่ง อยากกราบเรียนพ่อแม่ครูอาจารย์ครับ อยากเรียนถามว่า "ตอนที่ท่านขึ้นเสด็จไปโปรดพระพุทธมารดา ชั้นดาวดึงส์ พระพุทธมารดาได้สำเร็จมรรคผลอะไรบ้างหรือเปล่า" เหมือนพระนางพิมพาหรือเปล่า
"ทรงปรารถนาจะเป็นพระมารดาของพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์" คือพระกกุสันโธ โกนาคมน์ กัสสโปกัสสปะ โคตโม พระพุทธเจ้าของเรานี้องค์หนึ่ง
เวลานี้อยู่ชั้นดุสิต "จะเป็นพระมารดาของพระศรีอริยเมตไตรยก่อน" เสร็จนั้นแล้วก็นิพพานเลย แล้วมีอะไรอีกล่ะ นั่นละเรื่องราวเป็นอย่างนั้น "เดี๋ยวนี้ยังไม่นิพพาน" จะเป็นพระมารดาของพระศรีอริยเมตไตรยเสียก่อน .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=3840&CatID=2 -
เคล็ดลับ!!! การทำความสะอาดพระ สรงน้ำพระ ในเทศกาลสงกรานต์ อย่างถูกวิธี..ชีวิตมีความสุข หากทำตามขั้นตอนที่บอก!!!
เคล็ดลับ!!! การทำความสะอาดพระ สรงน้ำพระ ในเทศกาลสงกรานต์ อย่างถูกวิธี..ชีวิตมีความสุข หากทำตามขั้นตอนที่บอก!!!
8 วิธีทำความสะอาดหิ้งพระและพระพุทธรูปวันสงกรานต์
สิ่งหนึ่งที่เราชาวพุทธนิยมทำกันในช่วงวันสงกรานต์นอกจากการสาดน้ำสงกรานต์ รดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่ ไปวัดทำบุญ หรือสรงน้ำพระแล้ว หลายๆ บ้านยังนิยมจัดและทำความสะอาดหิ้งพระในช่วงวันสงกรานต์เพื่อเป็นนิมิตหมายอันดีในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในช่วงปีใหม่แบบไทย ลองเก็บเคล็ดลับเหล่านี้ไว้สำหรับทำความสะอาดพระในบ้าน
วิธีที่ 1สรงน้ำ สมมุติว่าได้พระสมเด็จมา 1 องค์ ขั้นตอนแรกให้ใช้แอลกอฮอล์ชโลมเพื่อฆ่าเชื้อโรคก่อน แล้วจึงสรงด้วยน้ำอุ่น โดยใช้สำลีชุบน้ำอุ่นลูบไล้ตามซอกต่าง ๆ ให้ทั่ว แล้วนำไปผึ่งลม (ห้ามนำพระลงแช่น้ำอุ่นทั้งองค์โดยเด็ดขาด) เมื่อแห้งสนิทแล้ว สีพระอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง ไม่ต้องตกใจ เพราะที่เป็นอย่างนี้เพราะเหงื่อไคล หรือขี้มือ การแก้ไขความซีดของพระไม่ยาก ให้ใช้สำลีชุบน้ำหอมสีอ่อนๆ ทาให้ทั่วองค์ เนื้อพระจะกลับมาเหมือนเดิม
วิธีที่ 2 การกำจัดฝุ่นละออง ให้ใช้คอตตอนบัด ลูบเบา ๆ ปัดในซอกลึก ๆ ฝุ่นละอองจะหมดไป... -
“ขยับมานี่ จะบอกคาถาลี้ช้างลี้เสือให้” จากคำบอกของหลวงปู่สรวง!!!... เมื่อได้คาถาดีจากหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ขณะอยู่ที่ถ้ำขาม
“ขยับมานี่ จะบอกคาถาลี้ช้างลี้เสือให้” จากคำบอกของหลวงปู่สรวง!!!... เมื่อได้คาถาดีจากหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ขณะอยู่ที่ถ้ำขาม
ราวปี พ.ศ. ๒๔๙๗ หลวงปู่สรวง สิริปุญโญ ได้เดินทางไปศึกษาแสวงหาครูบาอาจารย์ โดยได้เดินทางขึ้นไปทางสกลนคร ได้ไปพักที่ วัดป่าภูธรพิทักษ์ บางครั้งไปเยี่ยมหลวงตาพวงพี่ชาย ที่วัดถ้ำขาม ไม่ก็ไปพักภาวนาที่นี่เพื่อจะขอศึกษาข้อวัตรปฎิบัตรกับหลวงปู่ฝั้น และช่วยงานครูบาอาจารย์ที่นี้
หลวงปู่เคยเล่าให้ฟังว่า “ช่วงที่อยู่ที่ถ้ำขามปฏิบัติธรรมอยู่กับพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ที่ถ้ำขาม สกลนคร ขณะนั้น มักมีเสียงสัตว์ป่าพวกเสือ มันร้องอยู่ตลอด ทำให้จิตไม่ค่อยเป็นสมาธิ เพราะกลัวเสือ วันหนึ่งหลังสรงน้ำหลวงปู่ฝั้น เสร็จก็ไปนวดเส้นท่าน หลวงปู่ฝั้น ถามว่า “ท่านภาวนากันยังไง ภาวนาแบบไหนไม่มีพุทโธ ระวังพวกช้างพวกเสือจะมาคาบไปกินหล่ะ” พอหลวงปู่ฝั้น พูดเสร็จ ก็ยิ่งทำให้ท่านเกิดความกลัวยิ่งขึ้น หลวงปู่ฝั้น จึงบอกว่า “ขยับมานี่ จะบอกคาถาลี้ช้างลี้เสือให้” จากนั้นหลวงปู่ฝั้น ก็มาจับที่มือ ตอนที่เราประนมมือไหว้อยู่ ชี้ลงที่กลางหน้าอก และบอกว่า “ให้เอาจิตจี้ลงไปตรงนี้ จี้ลงไปลึก ๆ... -
เคล็ดบูชาพระประจำวันเกิด รับปีใหม่(ตำรับ หลวงตาแยบ วัดโรงช้าง พิจิตร)
เคล็ดบูชาพระประจำวันเกิด รับปีใหม่ไทย
เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ นะครับ ในวันที่๑๕เมษายนนี้จะเป็นการเข้าสู่ปีใหม่ไทยอย่างแท้จริง ในสมัยโบราณเมื่อถึงวันเถลิงศกใหม่ ชาวไทยมักจะไปขอพรพระประจำวันเกิดตนเอง เพราะมีความเชื่อว่าพระประจำวันเกิดท่านจะประทานพรให้คนที่ไปบูชาท่านนั้นเกิดความสุขตลอดปี
ขั้นแรกขอให้ท่านไปวัดที่มีพระประจำวันเกิด หรือมีพระประจำวันเกิดองค์ใหญ่ๆๆยิ่งดีและให้ท่านเตรียมสิ่งของดังนี้
๑.ทองคำเปลว ๙แผ่น
๒.ดอกบัว หรือจะทำเป็นพุ่มดอกบัวเล็กๆก็ได้ ๑ดอก หรือ๑พุ่ม
๓.สตางค์เหรียญ ๑๐๘บาท
ให้ไปที่วัดที่มีพระประจำวันเกิด แต่เช้าได้ยิ่งดี ควรทำในวันที่๑๕เมษายนแต่ไม่ควรเกิน๒๐เมษายน เสร็จแล้วเมื่อไปถึงให้ไปที่องค์พระประจำวันเกิดของเราก่อน
ให้นำพานพุ่ม หรือดอกบัวพนมมือ แล้วตั้งนโมสามจบว่า
อิติปิโสภควา ข้าจะไหว้พระอาทิตย์สะเทวา ขอเชิญพระอาทิตย์เสด็จ ลงมารักษาอายุข้าพเจ้า ได้ ๖ ปี มาเวียนรอบในราศรี เที่ยงคืนในราตรี ต้องลักษณ์ ต้องจันทร์ ต้องพระเคราะห์ตัวนอก ต้องพระเคราะห์ตัวในต้องพระเคราะห์ตัวใดๆ สารพัดทุกข์ สารพัดโศก สารพัดโรค สารพัดภัย สารพัดเสนียดจัญไร จงสิ้นไปเสียในวันนี้... -
"เล่าเรื่องพระกัสสปะ" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
"เล่าเรื่องพระกัสสปะ"
" .. พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ๗ วัน ถวายพระเพลิง ทรงพิจารณาด้วยเหตุผลกลไกอะไรสมศาสดาเอก พิจารณาซิ "นั่นละ ๗ วันเท่านั้น พระพุทธเจ้าไว้เพียง ๗ วัน" นี่ละแบบฉบับ พระสาวกองค์ไหนตาย องค์ไหนนิพพานก็เข้าป่าเงียบ ๆ ไม่มีในประวัติให้เห็น
มีแต่ "พระกัสสปะ ที่ประวัติยืดยาวหน่อย พระกัสสปะนี้เป็นกรรมเกี่ยวข้องกันกับ พระอริยเมตไตรย มีกรรมเกี่ยวข้องกัน" ท่านจึงแสดงไว้ในปฐมสมโพธิ "อันนี้อัฐของท่านอยู่ในเขา ๓ ลูกชนกัน" ไม่มีใครเห็น เพราะกรรมจำเพาะกัน
"พระอริยเมตไตรย เป็นนายควาญช้าง พระกัสสปะนี้เป็นช้าง" ช้างตัวนี้เป็นช้างที่ดีมาก บอกให้เป็น – เป็น บอกให้ตาย – ตาย รักเจ้าของ เจ้าของชี้ให้ตาย – ตาย ชี้ให้เป็น – เป็น
พระเทวทัตนี่เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ถ้าจำไม่ผิด ท่านประมวลชาดกมา เพราะชื่อเสียงของช้างที่มีความจงรักภักดีต่อเจ้าของนี้ดังลั่นไปทั่วประเทศ พระราชารับสั่งให้นายควาญช้างนั้นเข้าเฝ้า "ไหนว่าช้างเธอนั้นดีทุกสิ่งทุกอย่าง บอกให้เป็นก็ได้ บอกให้ตายก็ได้ ใช้ยังไงได้หมดใช่ไหม" "ใช่" ว่างั้นเลย
"ถ้าอย่างนั้นวันนั้นเราจะให้เขาเผาเหล็กแดงให้ช้างมาจับได้ไหม" "ได้" เรื่องนี้ได้... -
มีใครเคย...บ้าง ? - พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน
มีใครเคยนั่งภาวนาจนก้นพองบ้าง ? มีใครเดินจงกรมจนเท้าแตกบ้าง ? มั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าไม่มี ขอบอกว่าครูบาอาจารย์ที่นั่งกรรมฐานจนก้นพอง เดินจงกรมจนเท้าแตก เมื่อท่านเข้าถึงธรรมในส่วนที่ต้องการแล้ว ยังกล่าวว่า "แค่นั้นยังพยายามไม่พอ" หรือที่บรรดาสายวัดป่าท่านใช้คำว่า "ธรรมะอยู่ฟากตาย" ก็คือต้องเพียรพยายามอย่างชนิดเอาชีวิตเข้าแลก ไม่อย่างนั้นแล้วโอกาสที่จะเห็นทุกข์มียากมาก
ถ้าความเพียรพยายามไม่เพียงพอก็ไม่ขึ้นชื่อว่าเป็นบารมี เพราะว่าการจะสร้างบารมีแต่ละอย่างจะต้องทุ่มเท ต้องทำด้วยชีวิตและต้องทำมาหลายชีวิตคือหลายชาติแล้ว
วันนี้จึงอยากเตือนสติทุกท่านว่า การปฏิบัติของเราท่านทั้งหลายนั้นยังขาดความเพียรอยู่มาก เราสามารถกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกได้ทุกเวลาอย่างที่ต้องการหรือไม่? เราสามารถทรงฌานได้ทุกเวลาที่ต้องการหรือไม่ ?
เราใช้ปัญญาพิจารณาวิปัสสนาญาณแล้วรู้แจ้งแทงตลอดในทุกสถานหรือไม่ ? ถ้าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ยังมีคำตอบอยู่ว่า "ไม่" ก็แปลว่าเรายังใช้ความพากเพียรของเราไม่พอ
คำสอนพระคุณหลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
๔ เมษายน ๒๕๕๘
เครดิตภาพ : คุณบิ๊ก -
อลังการงานสร้าง!! "นครวัด" เทวสถานมหัศจรรย์ สร้างด้วยก้อนหินจำนวนมหาศาล ... มากยิ่งกว่าหินที่ใช้สร้างพีระมิดทั้งอียิปต์รวมกัน!!
อลังการงานสร้าง!! "นครวัด" เทวสถานมหัศจรรย์ สร้างด้วยก้อนหินจำนวนมหาศาล ... มากยิ่งกว่าหินที่ใช้สร้างพีระมิดทั้งอียิปต์รวมกัน!!
“นครวัด” ถือเป็นที่สุดของสถาปัตยกรรมเขมรสมัยคลาสสิกรุ่งเรือง ซึ่งเริ่มต้นสร้างในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ ๑๒ วัสดุหลักที่สถาปนิกชาวกัมพูชาใช้ก่อสร้างก็คือหินทราย ในขณะที่โครงสร้างภายในและกำแพงรอบนอกก่อขึ้นด้วยศิลาแลง ส่วนวัสดุที่ใช้เชื่อมต่อนั้นสันนิษฐานว่าเป็นยางไม้หรือไม่ก็ปูนขาว
หินทรายที่ใช้ในการสร้างนครวัดนั้นเชื่อกันว่ามีจำนวนมากถึง ๕-๑๐ ล้านก้อน ซึ่งบางก้อนมีน้ำหนักถึง ๑.๕ ตัน ก้อนหินจำนวนมหาศาลนี้ต้องบอกว่ามากกว่าจำนวนก้อนหินทั้งหมดที่ใช้สร้างพีระมิดของอียิปต์หรือกินพื้นที่มากกว่ากรุงปารีสทั้งกรุงเสียอีก
หินทรายเหล่านี้ถูกลำเลียงมาจากแหล่งสกัดหินบนภูเขากุเลนซึ่งอยู่ห่างออกไปราวๆ ๒๕ ไมล์ ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ โดยลำเลียงมาตามลำคลองเป็นระยะทาง ๓๕ กิโลเมตร จนถึงทะเลสาบโตนเลซับ ข้ามทะเลสาบไปอีก ๓๕ กิโลเมตร แล้วเดินทางไปตามแม่น้ำเสียมเรียบอีก ๑๕ กิโลเมตร รวมระยะทางทั้งสิ้นกว่า ๙๐ กิโลเมตร แต่อย่างไรก็ตาม เอ็ตสึโอะ อุชิดะ และอิชิตะ ชิโมดะ... -
สงกรานต์ปีนี้ ขอให้เดินทางด้วยความแคล้วคลาด ปลอดภัย ด้วย!!"พระคาถา หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด" สาธุยาวๆ..
สงกรานต์ปีนี้ ขอให้เดินทางด้วยความแคล้วคลาด ปลอดภัย ด้วย!!"พระคาถา หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด" สาธุยาวๆ..
คาถาหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด
“นะโม โพธิสัตว์โต อาคันติ มายะ อิติภะคะวา”
ขอบารมี หลวงปู่ทวด คุ้มครองทุกท่าน เดินทางช่วงสงกรานต์นี้ให้ปลอดภัย ทั้งไปและกลับ ภาวนาคาถาหลวงปู่ทวด ขอให้โชคดี แคล้วคลาด ปลอดภัย ทุกๆท่าน
ประวัติหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด วัดช้างให้
หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ เหยียบน้ำทะเลจืด เกิดเมื่อ วันศุกร์ เดือน4 ปีมะโรง พ.ศ.2125 ณ บ้านสวนจันทร์ ตำบลชุมพล อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา มีชื่อว่า “ ปู่ ” หรือ “ ปู ” บิดามีนามว่า (ตาหู) มารดามีนามว่า (นางจันทร์) มีฐานะยากจนปลูกบ้านอาศัยที่ดินเศรษฐีผู้หนึ่งไว้ชื่อ “ปาน” ตาหูและนางจันทร์เป็นข้าทาสของเศรษฐีปาน แห่งเมืองสทิงพระ ระยะที่หลวงพ่อทวดเกิด เป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยว ข้าวในนา ในระหว่างที่พ่อแม่กำลังเกี่ยวข้าวอยู่ ได้ผูกเปลให้ลูกน้อยนอน ทำงานไปก็คอยเหลียวดูลูกน้อยเป็นระยะ แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น คือนางจันทร์ได้เห็นงูตัวใหญ่มาพันที่เปลลูกน้อยแล้วชูคอแผ่แม่เบี้ย นายหู-นางจันทร์ได้พนมมือบอกเจ้าที่เจ้าทาง... -
ยกมือสาธุ!รับพรปีใหม่จากสมเด็จพระสังฆราช!! ทรงแนะให้ชวนกันหาวิธีอนุรักษ์สงกรานต์แบบเก่า เขยิบใกล้กันนิด ค่อยๆสาดน้ำหน่อยๆ
ยกมือสาธุ!รับพรปีใหม่จากสมเด็จพระสังฆราช!! ทรงแนะให้ชวนกันหาวิธีอนุรักษ์สงกรานต์แบบเก่า เขยิบใกล้กันนิด ค่อยๆสาดน้ำหน่อยๆ
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้ให้โอวาทแก่ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และคณะข้าราชการ พศ.ที่เข้าสรงน้ำขอพรเนื่องในวันสงกรานต์ ขึ้นปีใหม่ของไทย ว่า
เนื่องในวันสงกรานต์ ขึ้นปีใหม่ไทยเดิมของเรา ที่ได้รักษาไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณี และเป็นการสมควรสรรเสริญ การดำรงคงไว้ประเพณีสงกรานต์ เท่าที่เราได้เห็นกันในปัจจุบันมันเพี้ยนๆ ไปกว่าเก่ามาก ตั้งแต่อาตมาเป็นเด็กๆ มาจนถึงอายุ 90 แล้วนะพูดกันง่ายๆ พูดกันแบบคุยๆ กันแบบนี้แหละสงกรานต์ผิดเพี้ยนไปเยอะ ถ้าเรามีทางไหนที่จะดำเนินการชักชวนให้มาทำกันแบบเก่า ไม่สาดกันโครมๆ มาใกล้ๆ กันสาดกันนิดๆ หน่อยๆ แล้วก็อวยพรกันดูเหมือนจะสบายดี เป็นที่ปลื้มใจ ดึงกลับมาแบบเก่าเรา
เมื่อครั้งไปที่เชียงใหม่ดูก็ไม่เหมือนเก่าแล้ว ผู้เฒ่าที่นั่นก็เล่าให้ฟังว่ามันผิดเพี้ยนหมดเลยไม่เหมือนเก่า วันเนาโดยเฉพาะในกรุงเทพฯเท่าที่เห็นมันก็เพี้ยนไปเยอะเหมือนกันนะ... -
"อะไรหนัก ก็ให้วางเสีย" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
"อะไรหนัก ก็ให้วางเสีย"
" .. "เมื่อทุกข์เกิดขึ้นมา ก็รู้จักว่ามันทุกข์ ทุกข์นี่มันเกิดขึ้นมาเพราะอะไร" มันจะเห็นอะไรไม๊ "ถ้าเราเห็นตามธรรมดา มันก็ไม่ทุกข์" เช่นว่าเราอยู่อย่างนี้ ๆ เราก็สบาย
อีกวาระหนึ่ง "เราอยากได้กระโถนใบนี้มา ยกมันขึ้นมา ต่างแล้ว ต่างกว่าแต่ก่อนที่ยังไม่ได้ยกกระโถน ถ้าไปยกกระโถนขึ้นมา มีความรู้สึกว่ามันหนัก" มันเพิ่มขึ้นมา
"มันมีเหตุหนัก มันจะเกิดเพราะอะไร ถ้าไม่เพราะเราไปยกมัน ถ้าเราไม่ยกมัน มันก็ไม่มีอะไร" ถ้าไม่ยกมันเบา อะไรเป็นเหตุเท่านี้ก็รู้แล้ว ไม่ต้องไปเรียนที่ไหน "ถ้าเราไปยึดอะไร อันนั้นแหละเป็นเหตุให้เกิดทุกข์" ถ้าเราปล่อย มันก็ไม่มีทุกข์ .. "
"รู้เพื่อละ" หลวงปู่ชา สุภัทโท
http://www.ubu.ac.th/wat/ebooks/chahthai/Know_in_order_to_Let_Go.php -
ปฏิบัติธรรมก่อนนอนแบบง่ายๆ- พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน
+++ ปฏิบัติธรรมก่อนนอนแบบง่ายๆ +++
ถาม : เวลากลางวันเราทำงานมาเหนื่อยแล้ว เหนื่อยทั้งแรงกายแรงใจ ก่อนนอนมีเวลาปฏิบัติได้ไม่นาน ?
ตอบ : เวลาก่อนนอนเอาแค่ว่า #ถ้าไม่ไหวให้กราบพระ ๓ ครั้ง #นอนหงายลงไปนึกถึงพระว่า "#ถ้าเราตายลงไปวันนี้ขอไปพระนิพพาน" แล้วภาวนาหลับไปเลย #แต่ตื่นนอนนี่เราพักผ่อนมาเต็มที่แล้ว #ภาวนาอย่างเป็นทางการสักหน่อย เอาให้ได้สัก ๒๐ นาทีหรือครึ่งชั่วโมง #พอกำลังใจทรงตัวก็ตั้งใจว่า "#เราจะไปทำหน้าที่การงานของเราแล้ว #ถ้าหมดอายุขัยตายลงไปก็ตาม #หรือเกิดอุบัติเหตุอันใดถึงแก่ชีวิตก็ตาม #เราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว" แล้วก็แบ่งความรู้สึกส่วนหนึ่งประคับประคองภาพพระหรือคำภาวนาของเราไว้ แล้วก็ทำหน้าที่ของเราไป
ฉะนั้น..#เวลาก่อนนอนอย่าไปบังคับตัวเองมาก เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ก็เหลือแต่ตื่นนอนที่ขี้เกียจไม่ได้
ถาม : กลายเป็นว่าเหนื่อยล้ามาก เวลานอนไม่ฟุ้งซ่าน กลับสงบนิ่ง
ตอบ : ถูก...แต่ถ้าไปฝืนมากๆ ร่างกายไม่ไหว เดี๋ยวจะไม่เอากับเราอีก เหมือนกำลังเหนื่อยมากๆ แล้วไปโหมทำงานต่อ พอร่างกายล้ามากวันรุ่งขึ้นก็จะทำงานไม่ไหว
สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.(หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
ณ... -
"ภาวนา คือการสร้างพลังใจ" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
"ภาวนา คือการสร้างพลังใจ"
" .. "หัดภาวนา คือการสำรวมใจให้มาอยู่ในที่เดียว" อย่าให้จิตส่งส่ายออกไปภายนอก "เหมือนกับน้ำมีหลายสาย เราปิดให้มีสายเดียวมันก็มีพลังแรงขึ้น" หรือมิฉะนั้นก็ เปรียบเหมือนกับไฟฟ้าของเรา "ไฟฟ้าถ้าหากเปิดหลาย ๆ ดวงมันก็หรี่ลงไป ถ้าเปิดดวงเดียวแล้วแสงมันก็สว่างจ้า" มีพลังขึ้น
"ใจคนเราถ้าหากส่งส่ายไปมาก ๆ พลังใจมันก็น้อยไป" ต้านทานสู้กับอารมณ์ไม่ได้ "ถ้าหากเราสำรวมอยู่ในจุดเดียว อารมณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านไปผ่านมามันก็ไม่ปรากฏ ด้วยอำนาจของพลังใจอยู่ในจุดเดียว" เพราะฉะนั้น "การทำภาวนา คือการสร้างพลังใจของเราให้มีขึ้น" .. "
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี -
ระวัง...โลกนี้มีสัตว์มากมายกำลังบำเพ็ญบารมี!! หลวงปู่จันทร์นั่งทางในเห็น "ปลาพระโพธิสัตว์" เลยต้องรีบช่วย ก่อนชาวบ้านจะซวยเพราะเอาไปแกงกิน!!
ระวัง...โลกนี้มีสัตว์มากมายกำลังบำเพ็ญบารมี!! หลวงปู่จันทร์นั่งทางในเห็น "ปลาพระโพธิสัตว์" เลยต้องรีบช่วย ก่อนชาวบ้านจะซวยเพราะเอาไปแกงกิน!!
หลายคนคงจะสงสัยว่า การเกิดมาเพื่อบำเพ็ญบารมีพระโพธิสัตว์เพื่อจะไปเป็นพระพุทธเจ้าตามที่ระบุไว้ในพระไตรปิฎกนั้นมีจริงหรือไม่ ... ลองอ่านเรื่องนี้แล้วพิจารณาดู
เหตุเกิดที่จังหวัดนครพนม ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม โดย "หลวงปู่จันทร์ เขมิโย" ท่านได้เล่าไว้ว่า
คืนหนึ่ง ขณะที่ท่านกำลังทำสมาธิกรรมฐานก็ปรากฏภาพนิมิตขึ้นในสมาธิ...เป็นภาพของแอ่งน้ำที่กำลังแห้ง ในนั้นมีปลาอยู่หกตัว เป็นปลาหมอสามตัว ปลาดุกสามตัว กำลังดิ้นรนกระเสือกกระสนอยู่
หลวงปู่จันทร์จึงกำหนดจิตถามว่าเป็นคู่เวรคู่กรรมมาทวงหนี้ใช่หรือไม่?
ปลาเหล่านั้นตอบว่า
"พวกเราเป็นพระโพธิสัตว์ มาเกิดเป็นปลาเพื่อบำเพ็ญบารมี แต่กระแสกรรมทำให้ถูกนายบุญช่วย สุวรรณทรรภ จับมาขังไว้ในตุ่มน้ำในสวนกล้วยติดหลังวัด ตอนนี้น้ำกำลังแห้ง ถ้าตายก่อนจะหมดโอกาสบำเพ็ญบารมี!!"
หลวงปู่จันทร์จึงถามว่า เหตุใดจึงมาปรากฏในข่ายฌานสมาธิของท่าน
ปลาพระโพธิสัตว์เหล่านั้นตอบว่า
"พวกเราตั้งจิตอธิษฐานว่า... -
สวยงามตระการตา ! “อุทยานธรรมเขานาในหลวง” สถานที่ปฏิบัติธรรมที่ลือชื่อ เรื่องความงาม พร้อมสัมผัสทะเลหมอก ณ เจดีย์ลอยฟ้า
สวยงามตระการตา ! “อุทยานธรรมเขานาในหลวง” สถานที่ปฏิบัติธรรมที่ลือชื่อ เรื่องความงาม พร้อมสัมผัสทะเลหมอก ณ เจดีย์ลอยฟ้า
อุทยานธรรมเขานาในหลวง จังหวัดสุราษฎร์ธานี หนึ่งในสถานที่ปฏิบัติธรรม ชมทะเลหมอก และสักการะรอยพระพุทธบาท ที่ห้อมล้อมด้วยบรรยากาศธรรมชาติแห่งขุนเขาอันแสนงดงาม
จุดเด่นของที่นี่คือทุกอย่างภายในอุทยานธรรมไม่มีค่าจ้างค่าแรงงานใดๆคณะพระสงฆ์และชาวบ้านทำด้วยใจศรัทธาค่ะเพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา
อุทยานธรรมเขานาในหลวง ตั้งอยู่ที่ตำบลต้นยวน อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นสถานที่ตั้งเจดีย์ลอยฟ้า พระพุทธศิลาวดี และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ อันก่อสร้างด้วยศิลาแลงจากเมืองกำแพงเพชร ตั้งอยู่บนยอดเขาหินปูนสูงจากพื้นดินเกือบ 300 เมตร
นอกเหนือจากการเป็น ศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่เคารพบูชาของคนทั่วไปแล้ว สถาปัตยกรรมต่าง ๆ ภายในอุทยานธรรมเขานาในหลวงยังมีความงดงามทั้งซุ้มประตูพุทธวดี 9 ยอดยิ่งเมื่อแสงอาทิตย์ตกกระทบเข้ากับซุ้มประตู
และที่พลาดไม่ได้คือ การชมทะเลหมอก ไม่ต้องเดินทางขึ้นไปเที่ยวภาคเหนือก็มีทะเลหมอกสวย ๆ ให้ได้เห็นกัน
การเดินทางมายังอุทยานธรรมเขานาในหลวง...
หน้า 381 ของ 412