คลังเรื่องเด่น
-
16. เทศน์อัศจรรย์ ครั้งสุดท้าย - ชีวิตและปฏิปทา หลวงปูมั่น - หลวงตามหาบัว
16. เทศน์อัศจรรย์ ครั้งสุดท้าย - ชีวิตและปฏิปทา หลวงปูมั่น - หลวงตามหาบัว
DrSeripiput Srimuang :-
Published on Dec 16, 2016
Playlist...
หนังสือหน้า 277 บรรทัด 4 ท่านเทศน์ อัศจรรย์ ครั้งสุดท้าย
ประวัติพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ฉบับสมบูรณ์
พระญาณวิริยาจารย์ (พระอาจารย์วิริยังค์)
(เจ้าอาวาส วัดธรรมมงคล แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ)
http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-mun/lp-mun-hist-03-01.htm -
หลวงพ่อฤาษียืนยันประเทศไทยรอดพ้นจากภัยสงครามโลกครั้งที่3
หลวงพ่อฤาษียืนยันประเทศไทยรอดพ้นจากภัยสงครามโลกครั้งที่3 -
เกร็ดธรรม คำสอน "รู้" ของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล
- สิ้นชาติขาดภพ -
พระมหาเถระผู้ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากัมมัฏฐาน สนทนาธรรมะขั้นปรมัตถ์กับหลวงปู่หลายข้อ แล้วลงท้ายด้วยคำถามว่า พระเถระนักปฏิบัติบางท่าน มีปฏิปทาดี น่าเชื่อถือ แม้พระด้วยกันก็ยอมรับว่าท่านเป็นผู้มั่นคงในพระศาสนา แต่ในที่สุดก็ไปไม่รอด ถึงขั้นต้องสึกหาลาเพศไปก็มี หรือไม่ก็ทำไขว้เขวประพฤติตนมัวหมองอยู่ในพระธรรมวินัยก็มี จึงไม่ทราบว่าจะปฏิบัติถึงขั้นไหนอีก จึงจะตัดวัฏสงสารให้สิ้นภพสิ้นชาติได้ ฯ
หลวงปู่กล่าวว่า
"การสำรวมสำเหนียกในพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด และสมาทานถือธุดงค์นั้น เป็นปฏิปทาที่ดีงามอย่างยิ่ง น่าเลื่อมใส แต่ถ้าเจริญจิตไม่ถึงอธิจิต อธิปัญญาแล้ว ย่อมเสื่อมลงได้เสมอ เพราะยังไม่ถึงโลกุตตรภูมิ ที่จริงพระอรหันต์ทั้งหลายท่านไม่ได้รู้อะไรมากมายเลย เพียงแต่เจริญจิตให้รู้ในขันธ์ ๕ แทงตลอดในปฏิจจสมุปบาท หยุดการปรุงแต่ง หยุดการแสวงหา หยุดกริยาจิต มันก็จบแค่นี้ เหลือแต่ บริสุทธิ์ สะอาด สว่าง มหาสุญตา ว่างมหาศาล
- อยู่อย่างไรปลอดภัยที่สุด -
จำได้ว่าเมื่อปี ๒๕๑๙ มีพระเถระ ๒ รูป... -
"ผี"ในรั้ววัง!!! "โอปปาติกะ" ที่มาปรากฏให้เห็นเฉพาะพระพักตร์ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 เรื่องเล่าจากบันทึกของพระองค์เอง
"ผี"ในรั้ววัง!!! "โอปปาติกะ" ที่มาปรากฏให้เห็นเฉพาะพระพักตร์ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 เรื่องเล่าจากบันทึกของพระองค์เอง
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เสด็จพระราชดำเนินจากพระที่นั่งอุดร เพื่อไปประทับรถพระที่นั่งที่จอดรออยู่หน้าพระที่นั่งอัมพรสถาณ เสด็จไปพระราชทานน้ำสรงอาบพระศพพระเจ้าบรมวงค์เธอกรมพระนเรศวรฤทธิ์ ซึ้งในขณะนั้นพระองค์เสด็จคนเดียว
ขณะที่พระราชดำเนินไปตามเฉลียงนั้น ทรงทอดพระเนตรเห็น นายพันโท พระฤทธิรณจักร รองผู้บังคับการกรมทหารรักษาพระราชวัง และเป็นพระราชองครักษ์เวร มายืนเฝ้ารับเสด็จ และถวายความเคารพ
ในขณะที่ทรงรับการเคารพนั้น พระองค์ก็ทรงสงสัยว่าทำไมพระฤทธิรณจักร ไม่ไปรอรับเสด็จที่พระที่นั่งอัมพรสถาน และทำไมไม่แต่ชุดเต็มยศขาว แต่กลับแต่งชุดเต็มยศเครื่องใหญ่
ครั้นเสด็จจากการพระราชทานน้ำสรงพระเจ้าบรมวงค์เธอกรมพระนเรศวรฤทธิ์ มาถึงพระที่นั่งอุดร ก็ทรงทอดพระเนตรเห็นดอกไม้ธูปเทียน ที่จัดแบบกราบถวายบังคมทูลลาตายตั้งอยุ่ จึงทรงหยิบหนังสือขึ้นทอดพระเนตร มีข้อความว่า
" ดอกไม้ธูปเทียนของข้าพระพุทธเจ้า นายพันโท พระฤทธิรณจักร (กรับ โฆษะโยธิน)... -
ตามรอยอดีตชาติ...หลวงปู่บุดดา!! พระอริยะผู้ระลึกชาติได้ถึง7ชาติตั้งแต่วัยเยาว์ พิสูจน์นิมิตหลวงปู่เจอกระโหลกตัวเองเมื่อชาติที่แล้ว
ตามรอยอดีตชาติ...หลวงปู่บุดดา!! พระอริยะผู้ระลึกชาติได้ถึง7ชาติตั้งแต่วัยเยาว์ พิสูจน์นิมิตหลวงปู่เจอกระโหลกตัวเองเมื่อชาติที่แล้ว
ประวัติหลวงปู่บุดดา ถาวโร
บ้านหนองเต่า ตำบลพุคา อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี คือสถานที่กำเนิดของหลวงปู่บุดดา ถาวโร พระอริยสงฆ์อีกรูปหนึ่งของสยามประเทศ
พ่อของท่านชื่อน้อย แม่ชื่ออึ่ง นามสกุล มงคลทอง ประกอบอาชีพทำนา หลวงปู่บุดดาถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ ขึ้น 10 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะเมีย ตรงกับวันที่ 5 มกราคม ปี พ.ศ.2437 มีพี่น้องร่วมท้อง 7 คน เป็นชาย 4 หญิง 3
ในวัยเด็ก ท่านมีชื่อว่า “มุกดา” หรือบุดดา มงคลทอง เมื่อเจริญวัยเติบโตขึ้นพอรู้ความ ดูเหมือนว่าท่านจะมีความรักความรู้สึกผูกพันกับผู้พ่อเป็นพิเศษ เช่นเดียวกับพ่อของท่านซึ่งมีความเมตตา เอ็นดูลูกชายตัวน้อยคนนี้มากเช่นกัน
และในวัยเด็กนั้น เป็นที่น่าสังเกตว่าเด็กชายบุดดาไม่ชอบทำร้ายเบียดเบียนสัตว์ตัวเล็กๆ ให้ได้รับความลำบากเดือดร้อน ยิ่งเป็นการฆ่าทำลายชีวิตสัตว์ต่างๆ ด้วยแล้ว เด็กชายบุดดาจะไม่แตะต้องเอาเสียเลย
ซึ่งวิถีชีวิตของชาวชนบทบ้านไร่บ้านนา ย่อมหลีกเลี่ยงการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตไม่ค่อยได้... -
เป็นบุญตา! เผยภาพพระธาตุหลวงปู่มั่น หาโอกาสชมได้น้อยมากในชีวิต ปัจจุบันบรรจุไว้อย่างดีในผอบทองคำ ตามกันไปสักการะบูชาได้ที่วัดในจ.อุดร
เป็นบุญตา! เผยภาพพระธาตุหลวงปู่มั่น หาโอกาสชมได้น้อยมากในชีวิต ปัจจุบันบรรจุไว้อย่างดีในผอบทองคำ ตามกันไปสักการะบูชาได้ที่วัดในจ.อุดร
เมื่อวานนี้ 20 เมษายน 2560 ทางเฟซบุ๊ค “พล สกลนคร” ได้โพสต์ภาพที่เฟซบุ๊ค และแชร์ลงในกลุ่ม “กลุ่มวัตถุมงคลพระป่าและวัตถุมงคลตามสายวิชาตำราโบราณ โดย พล สกลนคร” เป็นภาพพระธาตุของหลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์รูปสำคัญของพระป่ากรรมฐาน
โดยมีข้อความระบุว่า
พระธาตุหลวงปู่มั่น ผมได้ถวายพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่กฤษณ์ จ.เชียงราย เพื่อนำไปบรรจุในเจดีย์หลวงตามหาบัว วัดถ้ำผาแดง จ.อุดรธานี
พี่จิต พิมพิชม วรัชต์ญารมย์ ศิษย์คนสนิท ได้สร้างผอบทองคำหนักหลายบาท บรรจุพระธาตุดังกล่าว เพื่อสืบพระศาสนา
เอามาให้พี่น้องสายบุญได้ชมกันเพื่อเป็นบุญตา บุญใจครับ สาธุๆๆ
ทั้งนี้ ผู้โพสต์ภาพ “พล สกลนคร” ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า
ปี 2558 ผมเอาพระธาตุหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่ได้จากพระเถระที่ จ.สกลนคร อัญเชิญไปถวายหลวงปู่กฤษณ์ วัดรัศมีมณีโชติ จ.เชียงราย พระอริยสงฆ์พ่อแม่ครูอาจารย์สายหลวงปู่มั่น
หลวงปู่กฤษณ์ ผม และคณะศิษย์ ได้สร้างผอบทองคำหนัก หลายสิบบาท... -
หลวงพ่อจรัญใช้วิธีเจริญสติปัฏฐาน ๔ ระลึกชาติ และยังรู้กฎแห่งกรรมจากพระป่านิรนาม
หลวงพ่อจรัญใช้วิธีเจริญสติปัฏฐาน ๔ ระลึกชาติ และยังรู้กฎแห่งกรรมจากพระป่านิรนาม
หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม เกิดในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ ตำบลม่วงหมู่ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี ในขณะเป็นพระ พระจรัญอายุได้ ๒๕ ปี ได้ยินข่าวลือว่า มีพระรูปหนึ่งอยู่ที่ขอนแก่น สอนวิชายืดเหรียญ ท่านจึงเดินทางไปขอนแก่นเพื่อเรียนวิชานี้ แต่พระจรัญก็ไม่ปักใจเชื่อเสียทีเดียว จึงได้ขอให้ผู้ใหญ่บ้านพาไปพบพระรูปนั้น พระรูปนั้นท่านอยู่ในป่า ห่างจากหมู่บ้านไป ๔ กิโลเมตร เมื่อไปพบ ท่านนั่งขัดสมาธิหลับตาอยู่ใต้ต้นไทรกลางทุ่ง คะเนอยายุได้ราว ๗๐ ปี พระจรัญได้เข้าไปกราบ และพูดกับท่านเรื่องขอเรียนวิชายืดเหรียญ แต่ท่านไม่ตอบกลับนั่งหลับตาเฉยๆ เมื่อพระจรัญถามเรื่อง ธรรมะและการปฏิบัติ ท่านได้ตอบว่า “สติปัฏฐาน ๔ ระลึกชาติได้ รู้กฎแห่งกรรม เกิดปัญญาแก้ปัญหาได้” พระจรัญขอให้ท่านสอน “สติปัฏฐาน ๔” ให้ แต่ท่านตอบว่า “รอให้อายุ ๔๕ ปี เสียก่อนแล้วค่อยพบกัน เมื่อต้องการจะพบฉันให้เธอปฏิบัติ ดังนี้” พร้อมบอกเคล็ดลับ ๓ ข้อ และย้ำว่าไม่ให้บุคลที่สามล่วงรู้โดยเด็ดขาด
เมื่อหลวงพ่ออายุครบ ๔๕ ปี... -
บันได ๑๐ ขั้น สู่ ‘อรหันต์’
“เส้นทางอรหันต์” ไม่ใช่เส้นทางของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นเส้นทางที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน ตลอดเวลาเท่ากาลเวลาของสังสารวัฏ เส้นทางบรรลุธรรมไม่เคยหนีหายหรือเปลี่ยนแปลงไป เพราะตราบใดที่มนุษย์ยังคงคุณงามความดี ตราบนั้นโลกนี้ไม่ร้างจาก “พระอรหันต์”
มีเพียงบางช่วงเวลาเท่านั้นที่เส้นทางนี้เงียบเหงา ปราศจากนักเดินทาง บางช่วงเวลาก็คึกคักราวกับทั่วทั้งโลกธาตุหอมหวนด้วยความดี
วินาทีที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ พระองค์ได้ทรงอบรมกุลบุตรกุลธิดาให้บรรลุธรรมเป็นจำนวนมาก พระอรหันต์ทุกท่านได้ถ่ายทอดธรรมผ่านทายาทธรรมอันได้แก่พระอริยสงฆ์ ซึ่งบางท่านได้ใช้ชีวิตของตนเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติธรรม บางท่านได้ชำระพระธรรม รจนาเป็นอักษรใบลาน กระจายไปยังวัดต่างๆ เพื่อให้ธรรมะดำรงคงอยู่สืบมาจนถึงปัจจุบัน เส้นทางธรรมจึงไม่เคยห่างจากพระอรหันต์
แม้แต่ในช่วงที่ประเทศสยามกำลังเข้าสู่วิกฤติ การเมืองโลกมีการเปลี่ยนแปลงนับตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ สังคมไทยก็ไม่เคยสิ้นพระอริยเจ้า ในดินแดนอีสานอันห่างไกลได้ให้กำเนิดกองทัพธรรมอันยิ่งใหญ่ โดยมีหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล และหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เป็นผู้หมุนกงล้อธรรมอีกครั้ง... -
"ทำบุญน้อย ได้ฟังสุกฺกธมฺมสูตร จะได้เสวยทิพยสมบัติ"ธรรมเทศนาที่เทวดาอยากฟัง จากปากของหลวงปู่มั่น
"ทำบุญน้อย ได้ฟังสุกฺกธมฺมสูตร จะได้เสวยทิพยสมบัติ"ธรรมเทศนาที่เทวดาอยากฟัง จากปากของหลวงปู่มั่น
เรื่องนี้เกิดขึ้นประมาณกลางฤดูหนาวของปี พ.ศ.2490 ในคืนหนึ่ง เวลาประมาณ 1 ทุ่มถึง 2 ทุ่ม เป็นเวลาที่ท่านพระอาจารย์กำลังให้โอวาทแก่สานุศิษย์ มีทั้งเก่าและใหม่ ขณะให้โอวาทอยู่ ท่านหยุดไปครู่หนึ่ง กลั้นใจอึดหนึ่ง ก้มหน้านิดๆ พอเงยหน้าขึ้นมาก็โบกมือ บอกว่า "เลิกกัน"
ปกติแบบนี้มีไม่บ่อยนัก ศิษย์ก็งง นั่งเฉยอยู่
ท่านย้ำอีก "บอกเลิกกัน ไม่รู้ภาษาหรือ"
ไม่มีใครคิดอะไร บอกเลิกก็เลิก ท่านฯ สั่งผู้เล่าเชิงบังคับให้รีบเก็บข้าวของเข้าห้อง เสร็จแล้วให้กลับกุฏิ มีภิกษุบางรูปเฉลียวใจไม่ยอมนอนพัก รอที่กุฏิของตนพอสมควรแล้ว ย้อนกลับมามองที่กุฏิของท่านพระอาจารย์ เห็นกุฏิของท่านสว่างไสวไปหมด คิดว่าไฟไหม้กุฏิ แต่ดูไปแล้วไม่ใช่แสงไฟ เป็นแสงใสนวลๆ คล้ายปุยสำลี แต่ใส ดูตั้งนานไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็เลยกลับกุฏิ
รุ่งเช้าขึ้นมา ท่านลุกขึ้นกระทำสรีรกิจตามปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตกค่ำถึงเวลาให้โอวาท วันนั้นท่านฯ แสดงเรื่อง ทุกกะ คือ หมวด 2 ว่า สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ให้ชื่อว่า โลกปาลธรรม... -
สุดยอด!! "หลวงปู่ฝั้น"สอนวิธีดูมนุษย์!!...คุณเป็นมนุษย์ประเภทไหน!? อยากรู้ต้องอ่าน เปรตหรือเทวดา ในตัวคุณ!
สุดยอด!! "หลวงปู่ฝั้น"สอนวิธีดูมนุษย์!!...คุณเป็นมนุษย์ประเภทไหน!? อยากรู้ต้องอ่าน เปรตหรือเทวดา ในตัวคุณ!
มนุษย์ ๗ จำพวก
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ณ วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร พระธรรมเทศนาเมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๑๘ มนุษย์ทั้งหลายมี ๗ จำพวก มนุษย์มี ๗ อย่าง
มนุสสติรัจฉาโน ทำไมจึงว่ามนุสสติรัจฉาโน
ดูซิ ร่างกายเป็นมนุษย์ หัวใจเป็นสัตว์เดรัจฉานคือมันขี้เกียจขี้คร้าน รับอาหารแล้วก็นอน ไม่รู้จักการกราบ ไม่รู้จักการไหว้ ไม่รู้จักการรักษาศีลภาวนา ทำบุญให้ทานอะไร เหมือนกับสัตว์เดรัจฉานน่ะ มนุษย์เช่นนั้นแหละตายไปก็ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานดูเอาซิ พิจารณาเอาซี ร่างกายเป็นมนุษย์แต่หัวใจเป็นสัตว์เดรัจฉาน
มนุสสเปโต ร่างกายเป็นมนุษย์ แต่หัวใจเป็นเปรต
มันมีแต่โมโหโทโส อยากฆ่า อยากฟัน ความทะเยอทะยานดิ้นรน มีพยาบาทอาฆาตจองเวร ดูซิ ใจมันมีอาฆาต นี่แหละมนุสสเปโตร่างกายเป็นมนุษย์ เมื่อดับขันธ์ไปแล้วก็ไปเป็นเปรต
มนุสสนิรเย ร่างกายเป็นมนุษย์ หัวใจเป็นนรก
หัวใจเป็นนรก คือมันมืด มันกลุ้มอกกลุ้มใจ ให้ทุกข์ให้ร้อนดูเอาซิ นั่นแหละนรก ดับขันธ์ไปแล้วก็ไปนรกซี่ ได้รับความทุกข์ยากความลำบากรำคาญ นี่มนุษย์เช่นนี้... -
เรียนรู้ด้วยภาพกับลูกอมผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ทั้งสามยุคของแท้เป็นอย่างไร
ลูกอมผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ แบ่งเป็น 3 ยุค
ผงบรอนซ์แบ่งเป็นสองยี่ห้อหลัก คือ บรอนซ์ตาหัวกวาง จะเหลืออมทอง และ บรอนซ์ตราอูฐ จะทองอมส้ม
ผงบรอนซ์คือผงของโลหะละเอียด เมือนำมาผสมกับน้ำมัน แลกเกอร์ น้ำมันสน ยางไม้ ผงบรอนซ์ทองส้ม จะกลับเป็นสีน้ำตาล ส่วนทองอมเหลืองก็จะเปลียมเป็มน้ำตาลอมเขียวก็มี อยู่ที่การผสมเคี้ยวกวนบรอนซ์
ลูกอมแบ่งเป็น 3 ยุค ได้แก่
ลูกอมยุคแรก คือ ลูกอมผงพรายกุมารแก่ผงยาจินดามณี และ น้ำมันอาถรรพ์ หลวงปู่ทิมท่านปั้นด้วยมือเพียงข้างเดียว เก็บไว้ในขวดโหล วางไว้บนหัวเตียงนอนท่าน คุณเพียรวิทย์ได้บอกกับผมว่า เป็นลูกอมที่หลวงปู่ทิมหวงแหนมากที่สุด ท่านไม่ได้ให้ใครง่ายๆ ลูกอมยุคแรกนี้มวลสารแก่เด่นไปทางน้ำมันผีอีกด้วย
ลูกอมยุคกลาง คือ ลูกอม ที่มีส่วนผสมของบรอนซ์น้ำมัน น้ำมันใส่มากน้อยต่างกันในแต่ละลูก แบ่งเป็น 2 แบบ คือ
1 ลูกอมบรอนซ์น้ำมันแบบทาน้ำมันหนา เนื้อบรอนซ์ จะแบบเดียวกันกับ บรอนซ์หัวเล็ก พรายคู่ พรายเดี่ยว เป็นต้น
2 ลูกอมผงบรอนซ์ใส่น้ำมันน้อย เช่น ชุดของช่างมงคล นาคแพน ศิษย์ครอบครูที่ท่านได้เก็บไว้
ลูกอมยุคกลาง เกิดจากการเตรียมตัวปั้นเป็นเม็ดกลมเตรียมกดพระ... -
ผีขอสังฆทานที่มีพระพุทธรูป◇เทวดาขอให้บวชเณร◇อานิสงส์คืออะไร?-หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
☆☆☆☆☆
◇ ผีมาขอสังฆทานที่มีพระพุทธรูป
◇ เทวดามาขอให้บวชเณร
◇ อานิสงส์คืออะไร...?
☆☆☆☆☆
ตอนนี่ว่าง คุยกันเรื่องผีดีกว่า ดีไหม
▪คือเรื่องของผีก็มีว่า
"สังฆทานที่จัดให้มีพระพุทธรูป ผ้าไตร และอาหารบ้างเล็กน้อยนั้น เพราะเหตุมาจากผี คือว่าสมัยก่อนมีผีมาขอ"
ขณะที่ผีต่างๆ มาขอ แกขอแบบนี้แหละ
◇ ขอพระพุทธรูป ๑ องค์ หน้าตักไม่น้อยกว่า ๔ นิ้ว คือเกิน ๔ นิ้วขึ้นไป
◇ ผ้า ๑ ผืน หรือผ้าไตร ๑ ไตรก็ได้ ผ้า ๑ ผืนก็ได้
◇ มีอาหารเล็กน้อย อาหารแห้ง อาหารสดก็ได้ทั้งนั้น
▪ต่อมาหลายปีเข้าทุกหน่วยที่มาขอ
ขอเหมือนกันหมด มาขอแปลกอยู่คนเดียว
"ขอบวชเณร"
คนมาขอให้บวชเณรเป็นเทวดาอยู่ชั้นดาวดึงส์
ถามว่า : "จะบวชพระให้เอาไหม"
แกบอก : แกไม่เอา
ถาม : "ทำไม"
แกบอก : "อานิสงส์บวชพระของผมมีแล้วผมขาดอานิสงส์บวชเณร"
ถาม : "อยู่ที่ไหน"
แกพาไปบ้านแก สวยแจ๋วเลย
ถาม : "แกมีวิมานสวยขนาดนี้ ยังขอบวชเณรทำไมอีก"
เขาก็ชี้ให้ดูวิมานข้างๆ วิมานข้างๆ สวยกว่าของแก
แกบอก : "นั่นเขามีทั้งอานิสงส์สังฆทาน บวชพระ บวชเณร เสร็จ ผมขาดบวชเณรสู้เขาไม่ได้"
▪เออ...เทวดายังเอาอีกนะ... -
“ข้าฯบำเพ็ญศีลทานการกุศลใดๆ ก็ปรารถนาพระโพธิญาณสิ่งเดียว"เปิดพงศาวดาร สมเด็จพระเจ้าตากสิน กับ ความปรารถนาในพุทธภูมิ ขอตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
“ข้าฯบำเพ็ญศีลทานการกุศลใดๆ ก็ปรารถนาพระโพธิญาณสิ่งเดียว"เปิดพงศาวดาร สมเด็จพระเจ้าตากสิน กับ ความปรารถนาในพุทธภูมิ ขอตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
ความจริงสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีมิใช่พระมหากษัตริย์สยามพระองค์แรกและพระองค์เดียวที่มีความปราถนาในพระโพธิญาณ อย่างน้อยเราก็พบว่า มีพระมหากษัตริย์อีก ๓ พระองค์ที่ปรารถนาในพุทธภูมิ คือ พระมหาธรรมราชาลิไท แห่งกรุงสุโขทัย (ผู้รจนาคัมภีร์ไตรภูมิพระร่วง) และสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ในสมัยอยุธยา
เช่นเดียวกับพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว “...ทรงปรารถนาพระโพธิญาณศรัทธิกบารมี...” ที่จารึกในฐานพระสมุทรเจดีย์ สมุทรปราการ
และความที่ยกมาในตอนที่ทรงอธิษฐานเสี่ยงทายว่าจะได้บรรลุซึ่งพระสัมมาสัมโพธิญาณที่วัดกลางดอยเขาแก้วก็มิใช่ครั้งแรกและครั้งเดียวที่พงศาวดารกล่าวถึงปรารถนาแห่งพระโพธิญาณของพระเจ้าตากฯ
ดังเมื่อครั้งเสร็จศึกอะแวหวุ่นกี้ปี ๒๓๑๙ ก็ได้ทรงโปรดให้มีงานบุญใหม่พระราชพิธีบังสุกุลพระอัฐิของพระมารดา พระเจ้าตากฯ ก็ทรงอธิษฐานว่า
“เดชะผลทานบูชานี้ ขอจงยังพระลักขณะ พระปิติทั้ง๕... -
งดงามสุดอลังการ!!สตรีชาวพิษณุโลก 2,660 คน ร่วมใจรำถวายพระพุทธชินราช ครบรอบ 660 ปี รอบเมือง ชาวเมืองรวมชมตื้นตันน้ำตาไหล
งดงามสุดอลังการ!!สตรีชาวพิษณุโลก 2,660 คน ร่วมใจรำถวายพระพุทธชินราช ครบรอบ 660 ปี รอบเมือง ชาวเมืองรวมชมตื้นตันน้ำตาไหล
วันที่ 28 เมษายน 2560 ที่จ.พิษณุโลก ได้จัดงานสมโภชพระพุทธชินราช 660 ปี โดยมีการเคลื่อนขบวนธรรมยาตรา บูชาพระพุทธชินราช ในพิธีเปิดงานสมโภชพระพุทธชินราช 660 ปี จากสวนชมน่านเฉลิมพระเกียรติฯ สะพานเอกาทศรถ ถนนนเรศวรผ่านวงเวียนสถานีรถไฟ ไปยังถนนเอกาทศรถ เพื่อมุ่งหน้าไปวิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร ซึ่งขบวนอัญเชิญเครื่องสักการะพระพุทธชินราช ประกอบด้วย ขบวนแห่พระพุทธชินราชจำลอง ขนาดหน้าตัก 29 นิ้ว และอัญเชิญ อัญเชิญเครื่องสักการะ 10 แถวประกอบด้วย พานดอกไม้ พานธูป พานเทียน พานหมากพลู พานพุ่ม พานพุ่มเงินทอง พานบายศรี พานพวงมาลัยดอกไม้สด พานโพธิ์เงินโพธิ์ทอง และพานฉัตรเงินฉัตรทองไปถวายองค์หลวงพ่อพระพุทธชินราช และมีนางรำกว่า 2,660 คน พร้อมใจแต่งกายชุดสีขาวปฏิบัติธรรม คล้องผ้าสไบสีทอง รำถวายพระพุทธชินราช ในวาระโอกาสครบรอบ 660 ปี อย่างสวยงาม และร่วมเดินขบวนธรรมยาตรา บูชาพระพุทธชินราชไปรอบเมืองพิษณุโลก
พร้อมรำถวายพระพุทธชินราข โดยจุดที่ 1... -
สุดอัศจรรย์ !! เปิด 16 คำทำนายของพระพุทธเจ้า เมื่อ2,500ปีที่แล้ว ที่หลายข้อได้เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน!
สุดอัศจรรย์ !! เปิด 16 คำทำนายของพระพุทธเจ้า เมื่อ2,500ปีที่แล้ว ที่หลายข้อได้เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน!
สุดอัศจรรย์ !! เปิด 16 คำทำนายของพระพุทธเจ้า เมื่อ2,500ปีที่แล้ว ที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน!
ครั้งหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกศล ผู้ครองกรุงสาวัตถี ได้เสด็จเข้าสู่นิทรารมย์ในราตรีกาล ครั้นล่วงปัจฉิมยามใกล้รุ่ง ได้ทอดพระเนตรเห็น พระสุบินนิมิตอันใหญ่หลวง ถึง 16 ประการ อันเป็นพระสุบินที่แปลกประหลาด จึงทรงตกพระทัยตื่นบรรทม และครั้นรุ่งเช้า ก็ได้ให้พวกพราหมณ์ปุโรหิตประจำราชสำนักทำนาย พวกพราหมณ์ปุโรหิต ก็พากันทำนายว่าเป็นพระสุบินที่ร้าย
และว่าพระองค์จะต้องประสบภัยอันตราย 3 ประการ ไม่เสียราชทรัพย์ ก็จะมีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน หรือไม่ก็ต้องสวรรคต อย่างใดอย่างหนึ่ง และแนะให้พระองค์ทำพิธีบูชายัญสัตว์ เพื่อสะเดาะเคราะห์ เมื่อพระนางมัลลิกา พระมเหสีทราบเรื่องเข้า จึงทูลให้ไปขอคำแนะนำจากพระพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธองค์ก็ได้ทรงทำนายว่า เหตุร้ายนั้นจะมีแน่นอน เพียงแต่มิใช่เกิดแก่พระเจ้าปเสนทิโกศล หรือแว่นแคว้นของพระองค์ แต่เหตุร้ายเหล่านี้จะเกิดแก่สัตว์โลกทั่วๆ ไป
1. ทรงฝันว่า มีโคตัวผู้สีเหมือนดอกอัญชัญ 4... -
การเกิดเป็นเทวดา
การจะไปเกิดเป็นเทวดานั้น เกิดจากดวงจิตวิญญาณ ที่มาจากมนุษย์ หรือสัตว์ที่ตายแล้ว แต่ว่าดวงจิตนั้น มีความบริสุทธิ์อยู่
หากเป็นมนุษย์ ก็คือ เป็นคนที่มีการทำบุญ ทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาอยู่ตลอด ทำให้จิตใจบริสุทธิ์ ก่อนที่จิตจะออกจากร่าง แต่ว่าจิตนั้น ก็ยังไม่ถึงขนาดที่ว่า สำเร็จได้เป็นฌาน แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีธรรม และบุญกุศล ที่ได้ทำมา ทำให้ได้ไปเกิดเป็นเทวดาได้
ในอานิสงส์ของบุญนั้น มาจากการสร้างบุญบารมีอย่างถูกต้อง ที่มาจากการทาน ศีล และการเจริญภาวนา แต่ไม่ใช่ว่า มีเพียงแต่มนุษย์ ที่ได้เกิดเป็นเทวดาได้เพียงอย่างเดียว
แม้เป็นสัตว์เดรัจฉาน ก็มีสิทธิ์ไปเกิดเป็นเทวดาได้เหมือนกัน หากก่อนตาย จิตมีความบริสุทธิ์มากพอ และมีผลบุญในอดีตชาติ คอยเป็นกำลังสนับสนุน
ครูบาอาจารย์คนสำคัญท่านหนึ่ง ของเมืองไทย ได้เตือนลูกศิษย์อยู่เสมอว่า อย่าไปทำร้ายทำลาย หรือเบียดเบียนสัตว์เป็นอันขาด เพราะอาจจะเป็นผู้มีบุญ มาชดใช้กรรมอยู่ จะกลายเป็นการสร้างกรรม ที่หนักกว่าปกติธรรมดาหลายเท่านัก จึงสอนให้ระมัดระวังในเรื่องนี้มาก
ในทางพระพุทธศาสนาเชื่อว่า ดวงจิตนั้น จะไปเกิดกับพ่อแม่เทวดาคู่ไหนในสวรรค์... -
เปรตวิสัยภูมิ
เปรตวิสัยภูมิ คือโลกที่อยู่ของสัตว์ผู้ห่างไกลจากความสุข เพราะอกุศลกรรมที่ทำด้วยโลภะนำมาเกิด
ได้แก่ วิชชาตะเปรต,วิวิธเปรต, สูกรเปรต, ปรทัตตูปชีวีเปรต และทวาทสวิธเปรต ซึ่งอยู่ในโลกมนุษย์ คือ วันตาสาเปรต, กุณปขาทาเปรต, คูถขาทาเปรต, อัคคีชาลมุขาเปรต, สุจิมุขาเปรต, ตัณหาชิตาเปรต, นิชฌามักกาเปรต ฯ
ในไตรภูมิ บรรยายรูปร่างของเปรตไว้ว่า เปรตบางชนิดมีตัวใหญ่ ปากเท่ารูเข็ม เปรตบางชนิดก็ตัวผอมไม่มีเนื้อหนังมังสา ตาลึกกลวง และร้องไห้ตลอดเวลา
แต่ก็มีเปรตบางชนิด ที่ตัวงามเป็นทอง แต่ปากเป็นหมู และมีกลิ่นเหม็นมาก มนุษย์ที่ทำบาปกับบุพการี เช่น ด่าทอบุพการี และทุบตีบุพการี จะเกิดเป็นเปรต สรุปรวมๆ แล้วก็คือ เมื่อตอนเป็นคนแล้ว ทำบาปอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อตายไป ก็จะเป็นเปรตตามที่ทำบาปไว้
เปรตนั้น มีโอกาสดีกว่าสัตว์นรก เนื่องจาก สามารถออกมาขอบุญกุศล จากการทำบุญของมนุษย์ได้
องค์สมเด็จพระชินสีห์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสเล่าให้พระสารีบุตร เถระองค์อัครสาวกฟัง คราวครั้งหนึ่ง ในขณะที่พระองค์ประทบอยู่ ณ ราวป่าด้านตะวันตก นอกพระนครไพศาลี ได้มีพุทธฎีกาว่า.....
“ดูกร ! สารีบุตร... -
ศีลโพธิสัตว์... สิ่งที่มากกว่าความเป็นศีล....
ศีลโพธิสัตว์... สิ่งที่มากกว่าความเป็นศีล....
โดย...ราช รามัญ
วันก่อนเดินทางไปวัดมังกรบุปผาราม จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ มีน้องๆ สมัครใจมาบวชเป็นสามเณรกันเนืองแน่น โดยการสนับสนุนของวัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ หรือ วัดเล่งเน่ยยี่ 2 ที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ช่วยส่งเสริมให้เยาวชนได้มาอยู่ใกล้พระพุทธศาสนา การบวชสามเณรของนิกายมหายานนั้น ไม่ใช่มาถึงก็บวชได้เลย กฎระเบียบค่อนข้างมีมากพอควร อย่างแรกเลย ไม่ใช่มาบวชแบบ 3 วัน 5 วัน แล้วลาสิกขาบท อย่างน้อยผู้ที่จะมาบวชต้องอยู่ให้ครบ 3 ปี แล้วในขณะที่บวชก็ต้องฝึกใจฝึกตนอย่างต่อเนื่องพร้อมกับการศึกษาธรรมะและการศึกษาทางโลกควบคู่กันไป แต่สิ่งที่สำคัญอยู่ตรงที่ก่อนบวชนี่ต่างหาก
สิ่งที่ผู้จะเข้ามาบวชทั้งพระและสามเณรของสายมหายานนั้น จะต้องทำการรักษาศีลโพธิสัตว์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก ฝึกจิตฝึกตนในศีลนี้แล้วก็รักษาไปจนกระทั่งได้บวชเป็นพระและสามเณรกันเลยทีเดียว
ศีลของโพธิสัตว์น่าสนใจมาก ประกอบด้วย ครุกาบัติ 10 ข้อ และลหุกาบัติอีก 48 ข้อ รวมทั้งหมด 58 ข้อ ความละเอียดของศีลโพธิสัตว์มีมาก และที่สำคัญในลหุกาบัตินั้น กล่าวกันว่า แม้คนธรรมดาๆ... -
ความมีขึ้นแห่งภพ
( นัยที่ ๑ )
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! พระผูมี้พระภาคเจ้า กล่าวอยู่ว่า.....‘ภพ–ภพ’ ดังนี้ ภพ ย่อมมีได้ด้วยเหตุเพียงเท่าไร พระเจ้าข้า
อานนท์ ! ถ้ากรรมมีกามธาตุ เป็นวิบาก จักไม่ได้มีแล้วไซร้ กามภพ จะพึงปรากฏได้แลหรือ ?
หามิได้ พระเจ้าข้า !
อานนท์ ! ด้วยเหตุนี้แหละ กรรมจึงเป็นเนื้อนา วิญญาณเป็นเมล็ดพืช
ตัณหาเป็นยาง (สำหรับหล่อเลี้ยงเชื้องอก) ของพืช
วิญญาณของสัตว์ทั้งหลาย มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูก ตั้งอยู่แล้วด้วย
ธาตุชั้นทราม (กามธาตุ) การบังเกิดขึ้นในภพใหม่ต่อไป ย่อมมีได้ ด้วยอาการอย่างนี้.
อานนท์ ! ถ้ากรรมมีรูปธาตุ เป็นวิบาก จักไม่ได้มีแล้วไซร้ รูปภพ จะพึงปรากฏได้แลหรือ ?
หามิได้ พระเจ้าข้า !
อานนท์ ! ด้วยเหตุนี้แหละ กรรมจึงเป็นเนื้อนา วิญญาณเป็นเมล็ดพืช ตัณหาเป็นยางของพืช
วิญญาณของสัตว์ทั้งหลาย มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูก ตั้งอยู่แล้วด้วยธาตุชั้นกลาง (รูปธาตุ) การบังเกิดขึ้นในภพใหม่ต่อไป ย่อมมีได้ ด้วยอาการอย่างนี้.
อานนท์ ! ถ้ากรรมมีอรูปธาตุ เป็นวิบาก จักไม่ได้มีแล้วไซร้ อรูปภพ จะพึงปรากฏได้แลหรือ ?
หามิได้ พระเจ้าข้า !... -
นิพพานชาตินี้ หรือ รออีก ๓๐๐ ปีทิพย์
*** นิพพานชาตินี้ หรือ รออีก ๓๐๐ ปีทิพย์ ***
"...และเวลานี้ ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัทท่านใดมีความปรารถนานิพพานไว้เป็นเบื้องหน้า แม้จะตายจากความเป็นคน เป็นเทวดาก็ตาม เป็นพรหมก็ตาม มีหวังพระนิพพานเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ก็เพราะว่าในศาสนานี้ยังมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกองค์ หนึ่ง มีนามว่า “ พระศรีอาริยเมตไตรย ” จะตรัสไม่นานนัก สมมติว่าบรรดาท่านพุทธบริษัทเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก บนดาวดึงส์นี่เขามีเวลาอยู่ ๑,๐๐๐ ปีทิพย์ แต่ว่าท่านจะอยู่เพียง ๓๐๐ ปีทิพย์ ก็พบ พระศรีอาริย์ แล้ว เมื่อพบองค์สมเด็จพระประทีปแก้ว ฟังเทศน์เพียงจบเดียว คนที่ยังไม่ได้เป็นพระอริยเจ้า ก็จะเป็นพระโสดาบัน ถ้าฟังเทศน์เพียงครั้งที่ ๒ เทวดานางฟ้าพวกนั้น ก็จะเป็นพระอรหันต์ ต่อไปเป็นอันว่า ขณะใดที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ขณะที่พระองค์ทรงเทศน์จบ เทวดากับนางฟ้าและพรหมเป็นพระอริยเจ้ามากกว่ามนุษย์"
----------------------------------------------
ที่มา : นิตยสารธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๓๒๖
ประจำเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๑
หน้า ๓๒-๔๒
********************************************************... -
ปากกาครู วิชาเอก สุดยอดวิชาของหลวงปู่หงษ์
"ปากกาครู วิชาเอก สุดยอดวิชาของหลวงปู่หงษ์"
คราวหนึ่งหลวงปู่เล่าให้ฟังถึงวัยเด็กเมื่อครั้งเป็นเด็กชายหงษ์ อายุประมาณ 14 ปี ท่านได้พบฤาษีนิรนามรูปหนึ่งโดยทางฝัน เมื่อท่านย้ำว่าฝัน ผมกลับนึกถึงคำพูดของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ที่เล่าถึงวัยเด็กเมื่อบรรพชาเป็นสามเณร อายุได้ 14 ปี จิตของท่านดิ่งลงรวมเป็นสมาธิ เข้าใจไปว่าหลับสนิททั้งที่มีความสว่างปรากฏในจิต
กรณีหลวง ปู่หงษ์ก็ดังนั้น ผมคิดเอาว่าจิตท่านคงสงบเป็นสมาธิระดับหนึ่ง เมื่อใจว่าง ฤาษีก็เข้ามาหาด้วยบุพพกรรมที่ผูกพันกันมา ฤาษีรูปนั้นสอนวิธีการทำวัตถุมงคลชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นของหาได้ง่ายในโลก แต่ไม่ปรากฏว่าใครที่ไหนในโลกทำกันนั่นคือ ‘ปากกา’
ปากกา ธรรมดานี้แหละเอามาลงพระคาถาสำคัญ และเสกด้วยพระเวทเฉพาะบท ซึ่งฤาษีรูปนั้นสอนหลวงปู่โดยทางนิมิตไว้อย่างครบถ้วน อธิบายถ่ายทอดให้ฟังละเอียด แม้ครั้งนั้นครั้งเดียวหลวงปู่ในวัยเด็กกลับจำได้หมดสิ้นน่าอัศจรรย์ ก่อนพระฤาษีจากไปย้ำเด็กชายหงษ์ถึงวิชาลี้ลับนี้ว่า ห้ามถ่ายทอดใคร ห้ามสอนใครทั้งสิ้น ปล่อยวิชานี้ตายไปกับตัวดุจดัง ‘ตะกรุดนารายณ์แปลงรูป’ ของพ่อท่านนอง ธัมมภูโต... -
จิตของผู้มีบุญ : หลวงตาพระมหาบัว
๑. ไม่บ่น
เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นปัญญา ทำให้ยอมรับต่อความเป็นจริงของชีวิต ทำให้รู้เห็นและเข้าใจถึงระดับวาสนาของตนและบุคคลอื่น
๒. ไม่กลัว
เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นความเข้มแข็ง กล้าหาญ ทำให้ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรค
๓. ไม่ทำชั่ว
เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นตัวควบคุม ตามกำลังของบุญฤทธิ์ ทำให้เกิดความกลัว ความละอายต่อบาป ต่อกรรม
๔. ไม่คิดมาก
เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นความสะอาด ความสว่าง ความสงบ
๕. รอได้ คอยได้
เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นความใจเย็น มีความยืดหยุ่น
๖. อดได้ ทนได้
เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นพลังงานเข้มแข็ง
๗. สงบได้ เย็นได้
เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะเป็นสภาพให้เป็นคนที่สงบได้ เย็นได้
๘. ปล่อยได้ วางได้
เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นคนที่รู้จักการละ การวาง
๙. รู้ได้ ตื่นได้ และเบิกบานได้
เมื่อมีบุญแล้ว ผลแ ห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นความรู้ตื่น
อ้างอิง :
โอวาทธรรม ขององค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน มหาเถระ
วัดป่าบ้านตาด... -
"ศีลข้อ ๔ มุสาวาท"
"ศีลข้อ ๔ มุสาวาท"
" .. ตามคำสอนของพระพุทธศาสนานั้น หมายถึง "การโกหก เพื่อทำลายประโยชน์ของผู้อื่น" หรือว่า "เพื่อให้ผู้อื่นหายนะ"
ฉะนั้น "แม้การโกหกเพื่อทำให้ผู้อื่นสบายใจ ก็ยังเป็นการโกหก จึงมีโทษหรือบาป" แต่เนื่องจาก "มิใช่โกหก เพื่อทำลายผู้อื่น" จึงเป็นการโกหกไม่สมบูรณ์ หรือครบถ้วนตามลักษณะของการโกหก "จึงมีโทษน้อย" .. "
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ ๑๙ -
ประวัติตักศิลาไสยเวทย์เขาอ้อ พระปิดตาพระอาจารย์ทองเฒ่า และ พระเครื่องเครื่องรางผู้สืบทอด
ประวัติศาสตร์ตักศิลาเขาอ้อ
พระปรมาจารย์ทองเฒ่า หรือ “พ่อท่านทองเฒ่า” ชาวบ้านนิยมเรียกว่า " พ่อท่านเขาอ้อ " เป็นเจ้าอาวาสเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐาน เชื่อกันว่าเป็นอาจารย์ที่เรืองวิทยาคมทางไสยศาสตร์ และแพทย์แผนโบราณ จนเป็นที่เคารพนับถือยำเกรงของคนทั่วไป ตรงศรีษะของท่านมีเส้นผมสีขาวกระจุกหนึ่ง เล่ากันว่าไม่สามารถโกนหรือตัดให้ขาดได้
ในสมัยของ พระปรมาจารย์ทองเฒ่า สานุศิษย์ของท่านนิยมทำพิธีแช่ว่านยา กินเหนียว กินมัน กันมาก ราวสมัยรัชกาลที่ 5 พระอาจารย์ทองเฒ่า ได้รับแต่งตั้งดำรงสมณศักดิ์เป็น "พระครูสังฆวิจารณ์ฉัตรทันต์บรรพต” เป็นเจ้าคณะตำบลมะกอกเหนือ และเป็นพระอุปัชฌาย์ด้วย ท่านได้ปรับปรุงวัดให้มีความเจริญขึ้นเป็นอันมาก และสอนสั่งศิษยานุศิษย์ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ ให้ดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท ด้วยวิชาพุทธาคม ที่เข้มขลังด้วยการประพฤติตนไว้ในที่ชอบ ไม่เบียดเบียนตนเองและบุคคลอื่นให้ลำบากกายใจ นำวิชาไปใช้ช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยาก
พระปรมาจารย์ทองเฒ่า มรณภาพ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๐ รวมอายุได้ ๗๘ ปี
การสร้างวัตถุมงคล
พระปรมาจารย์ทองเฒ่า ได้จัดสร้างเครื่องรางของขลัง ประเภทตะกรุด... -
หลักวิธีฝึกสมาธิแบบอานาปานสติ ของท่านพ่อลี ธมฺมธโร
.. หลักในการปฏิบัติ ก็มีดังนี้ คือ
๑. กำจัดอารมณ์ที่ชั่วออกจากจิตให้หมด
๒. ทำจิตให้อยู่ในอารมณ์ที่ดี
๓. อารมณ์ที่ดีต่างๆ ให้ต้อนเข้าไปรวมอยู่ในจุดอันเดียวที่เรียกว่า เอกัคคตารมณ์
๔. พิจารณาอารมณ์หนึ่งนั้นให้เป็น อนิจจัง ไม่เที่ยง ทุกขัง เป็นทุกข์ อนัตตา ไม่ใช่ตัวตน สัตว์บุคคล ว่างเปล่า
๕. วางอารมณ์ที่ดีและอารมณ์ชั่วไปตามสภาพของอารมณ์ เพราะดีและชั่วย่อมอยู่ด้วยกัน มีสภาพเสมอกัน วางจิตไว้ตามสภาพของจิต รู้ไว้ตามสภาพแห่งรู้ รู้นั้น ไม่รู้จักเกิด ไม่รู้จักดับ นั้นแล คือ สันติธรรม
ดีก็รู้ ดีไม่ใช่รู้ รู้ไม่ใช่ดี ชั่วก็รู้ รู้ไม่ใช่ชั่ว ชั่วไม่ใช่รู้ คือ รู้ไม่ติดความรู้ รู้ไม่ติดสิ่งที่รู้ นั่นแหละคือธรรมชาติธาตุแท้อันบริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนน้ำที่อยู่ในใบบัว ฉะนั้นจึงเรียกว่า อสังขตธาตุ เป็นธาตุแท้
เมื่อใครทำได้เช่นนี้ ก็จะเห็นของดีวิเศษเกิดขึ้นในใจแห่งตน จะเป็นกุศลวาสนาบารมีของท่านผู้ปฏิบัติในทางสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน จะได้ผล ๒ ประการดังกล่าวมา คือ โลกิยผลที่จะทำให้สำเร็จประโยชน์อนามัยของร่างกายแห่งท่านและคนอื่นๆทั่วไปในสากลโลกนี้ประการหนึ่ง ประการที่ ๒... -
กรรม...ที่ทำให้เกิดเป็นสัตว์ต่างๆ
ภิกษุทั้งหลาย ! มีเหล่าสัตว์เดรัจฉาน จำพวกมีหญ้าเป็นภักษา สัตว์เดรัจฉานเหล่านั้น ย่อมใช้ฟันแทะเล็ม กินหญ้าสด ก็เหล่าสัตว์เดรัจฉาน จำพวกมีหญ้าเป็นภักษาคืออะไร ?
คือ ม้า โค ลา แพะ เนื้อ หรือแม้จำพวกอื่นๆ ไม่ว่าชนิดไรๆ ที่มีหญ้าเป็นภักษา.
ภิกษุทั้งหลาย ! ในเบื้องต้น คนพาลนั้น...นั่นแล เป็นผู้กินอาหาร ด้วยความติดใจในรส และทำกรรมอันเป็นบาปไว้ในโลกนี้ เมื่อตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงความเป็นสหาย ของสัตว์จำพวก
ที่มีหญ้าเป็นภักษาเหล่านั้น.
.....................................................................................................................................
ภิกษุทั้งหลาย ! มีเหล่าสัตว์เดรัจฉาน จำพวกมีคูถเป็นภักษา สัตว์เดรัจฉานเหล่านั้น ได้กลิ่นคูถแต่ไกลๆ แล้ว ย่อมวิ่งไปด้วยหวังว่า จักกินตรงนี้ จักกินตรงนี้
เปรียบเหมือนพวกพราหมณ์ เดินไปตามกลิ่นเครื่องบูชา ด้วยตั้งใจว่า จักกินตรงนี้ จักกินตรงนี้ ฉันใด.
ภิกษุทั้งหลาย ! ฉันนั้น เหมือนกันแล มีเหล่าสัตว์เดรัจฉาน จำพวกมีคูถเป็นภักษา สัตว์เดรัจฉานเหล่านั้น ได้กลิ่นคูถแต่ไกลๆ แล้ว ย่อมวิ่งไป ด้วยหวังว่า จักกินตรงนี้ จักกินตรงนี้... -
นั่งสมาธิแล้วขาชาควรเปลี่ยนท่าได้มั้ยคะ
รบกวนสอบถามค่ะ ถ้าเรานั่งสมาธิแล้วขาชาถึงสะโพก จนเรารู้สึกกลัวว่าเลือดจะไม่ไปเลี้ยงช่วงขา เราสามารถประคองจิตนิ่งๆ หลับตาเหมือนเดิมแล้วค่อยๆขยับเปลี่ยนท่าเป็นพับเพียบจนขาหายชาแล้วค่อยๆเคลื่อนขากลับมาท่าเดิมได้มั้ยคะ รู้สึกว่าพอมันชานานๆแล้วจิตเราไปกังวลอยู่ตรงนั้น หรือเราปล่อยให้ชาไปเรื่อยๆจนทนไม่ไหวเองคะ แต่ตรงจุดนี้ทำให้นั่งสมาธิไม่ไปถึงไหนเลยค่ะ รบกวนด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ -
แค่ได้เห็นก็เป็นบุญตา!! เผยโฉมหน้าฝรั่ง 4 คนแรกของโลกที่บวชอุทิศชีวิตให้พุทธศาสนา...จนกลายมาเป็นผู้บุกเบิกตำนาน "พระฝรั่ง"!!
แค่ได้เห็นก็เป็นบุญตา!! เผยโฉมหน้าฝรั่ง 4 คนแรกของโลกที่บวชอุทิศชีวิตให้พุทธศาสนา...จนกลายมาเป็นผู้บุกเบิกตำนาน "พระฝรั่ง"!!
การศึกษาพุทธศาสนาในโลกตะวันตกเริ่มขึ้นในยุคต้น ๆ ของคริสต์ศตวรรษที่ ๑๙ แต่พุทธศาสนาตามความเข้าใจของชาวตะวันตกในตอนนั้นยังพร่ามัวอยู่มาก และส่วนใหญ่ก็มักจะรู้จักพุทธศาสนาแบบมหายานมากกว่าพุทธศาสนาแบบเถรวาท ส่วนพุทธศาสนาแบบเถรวาทนั้นก็เพิ่งได้รับความสนใจและมีการศึกษาอย่างจริงจังเมื่อประมาณร้อยกว่าปีมานี้เอง
แรกเริ่มเดิมที การศึกษาพุทธศาสนาของโลกตะวันตกเป็นการศึกษาที่จำกัดอยู่ในแวดวงของชาวตะวันตกที่มีความสนใจร่วมกันเท่านั้น จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ชาวตะวันตกทั้งยุโรปและสหรัฐอเมริกาจึงได้เข้ามาศึกษาพุทธศาสนากันอย่างจริงจังในดินแดนที่เป็นถิ่นของพุทธศาสนาโดยตรง เช่น ลังกา พม่า ไทย
เมื่อการศึกษาพุทธศาสนาในหมู่ชาวตะวันตกเป็นไปอย่างแพร่หลายก็ทำให้ชาวตะวันตกบางคนเกิดความศรัทธามากขึ้นจนสามารถสละโลกแล้วเข้ามาอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพุทธศาสนา
จากหลักฐานต่าง ๆ ที่มีอยู่ทำให้เราทราบว่า ชาวตะวันตกคนแรกที่บวชเป็นพระในพุทธศาสนานั้นคือชายชาวอังกฤษที่ชื่อ “กอร์ดอน... -
"พุทธธรรม" หนังสือธรรมะที่พระไพศาลยกย่องว่าดีที่สุด!!
"พุทธธรรม" หนังสือธรรมะที่พระไพศาลยกย่องว่าดีที่สุด!!
“พระไพศาล วิสาโล” คือพระนักคิดและนักเขียน หนังสืออันเป็นผลงานการเขียนของท่านนั้นมีมากมายกว่าร้อยเล่ม ทั้งในนามของพระไพศาล วิสาโล และในนามปากกาอื่น ๆ แต่ในฐานะนักอ่าน มีหนังสืออยู่เล่มหนึ่งที่ท่านยกย่องมากถึงขนาดว่า ถ้ามีหนังสือเพียงเล่มเดียวที่สามารถนำติดตัวไปได้ในชีวิต หนังสือเล่มที่ท่านเลือกก็คือ “พุทธธรรม” ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตฺโต)
พระไพศาลเล่าถึงหนังสือ “พุทธธรรม” ว่า
“หนังสือเล่มนี้อาตมาอ่านจบช่วงเข้าพรรษาสมัยที่เป็นฆราวาสเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๕ ตั้งใจว่าจะอ่านให้ได้วันละสิบหน้าก็อ่านได้ทุกวัน พรรษาหนึ่งประมาณเก้าสิบกว่าวัน หนังสือมีความหนาประมาณพันกว่าหน้า อ่านตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายก็พอดี เป็นการฝึกความเพียรและวินัยด้วย บางทีเราเดินทางไปต่างจังหวัด ก่อนหน้านั้นวันหนึ่งจะต้องอ่านเพิ่มอีกสิบหน้าเพื่อชดเชยกับวันที่ต้องเดินทาง”
นอกจากความเพียรในการอ่านแล้ว ช่วงนั้นพระไพศาลซึ่งเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่เพิ่งจบมหาวิทยาลัยยังได้รับความเมตตาจากพระราชวรมุนี (สมณศักดิ์ในขณะนั้นของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์)... -
"จิตใจมันวุ่นวายมาก"
"จิตใจมันวุ่นวายมาก"
" .. ถ้าหากว่าจิตใจมันวุ่นวายมาก "ก็ตั้งสติขึ้น สูดลมเข้าให้มันมากจนไม่มีที่เก็บ แล้วก็ปล่อยให้มันหมดจนกว่าที่มันไม่มีในนี้แล้ว" ก็หายใจเข้ามาอีก "สูดให้มันเต็มที่ แล้วก็ปล่อยไปสามครั้ง" ตั้งจิตใหม่มีความสงบขึ้น
ถ้ามีอารมณ์วุ่นวายอีก "ก็ทำอย่างนี้อีกทุกครั้ง" จะเดินจงกรมก็ตาม จะนั่งสมาธิก็ตาม "ถ้าเดินจงกรมมันวุ่นวายมากก็หยุดนิ่ง" กำหนดให้ลงในที่สงบ "ตั้งใหม่ให้รู้ จิตจึงจะเกาะ" แล้วก็เดินต่อไป
"นั่งสมาธิก็เหมือนกันอย่างนั้น เดินจงกรมก็เหมือนกันอย่างนั้น" มันต่างกันแต่อิริยาบถนั่งกับอิริยาบถเดิน เท่านั้น .. "
หลวงปู่ชา สุภัทโท
หน้า 378 ของ 412