คลังเรื่องเด่น
-
"หาอุบายสอนตน" (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
"หาอุบายสอนตน"
" .. เราต้องมีอุบายแยบคายในใจ "สอนใจของตนนี้ให้มันได้" ผู้อื่นสอนนั้นถ้าตนไม่สมัครใจจะละจะถอนแล้ว มันก็ถอนไม่ได้หรอก "ถ้าหากว่าตนเองสอนตนเองเข้าไปแล้วอย่างนี้ มันมีทางที่จะละจะถอนได้" เป็นอย่างนั้น
เพราะฉะนั้นจึงว่า "ทุกคนขอให้มีอุบายสอนจิตใจของตนให้ได้" ถ้าใจของตนมันมากไปด้วยกิเลสชนิดไหน "ก็พยายามสอนใจให้มันเห็นโทษของกิเลสชนิดนั้นให้มาก ๆ จนมันเกิดนิพพิทาความเบื่อหน่ายขึ้นมา"
เช่น "อย่างผู้มากไปด้วยความรักอย่างนี้ ก็ต้องสอนใจของตนให้เห็นโทษแห่งความรักว่า มันเป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์ อย่างนั้น อย่างนั้น อย่างนั้น"
เราก็ต้องใช้ปัญญาสอนจิตให้มันรู้ฤทธิ์เดชแห่งความรักว่า "มันเป็นทุกข์แก่บุคคลผู้ตกเป็นทาสแห่งความรักได้อย่างไรบ้าง" นี่ถ้าเราเพ่งพิจารณาไป ก็จะรู้จะเห็นได้แน่นอนเลย
อย่างเช่น ที่พระศาสดาทรงแสดงไว้ในธัมมจักรกัปปวัตนสูตร "บุคคลผู้มัวเมาอยู่ในกามสุขสมบัติเหล่านั้น ๆ มันเป็นไปเพื่อให้ได้สร้างบ้านสร้างเรือน" ให้ได้ขวนขวาย ในการงานต่าง ๆ หลายอย่างหลายประการ
"เพราะการสร้างบ้านสร้างเรือนมันเป็นกังวล มันไม่มีโอกาสที่จะได้หาทางพ้นจากทุกข์ได้"... -
หลวงปู่สิม พุทธาจาโรเล่าถึงฤทธิ์อภิญญาของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
หลวงปู่สิม พุทธาจาโรเล่าถึงฤทธิ์อภิญญาของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เมื่อครั้งที่ท่านเดินทางจากเชียงใหม่ไปร่วมงานบุญที่วัดท่าซุง อุทัยธานี บันทึกไว้โดยหลวงตาวัชรชัย เ้จาอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) สระบุรี
หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร เป็นศิษย์ของพระคุณหลวงปู่มั่น ภูริทัตฺโต เป็นประทีปแก้วอีกดวงหนึ่งซึ่งส่องแสงเจิดจ้าจับใจชาวโลก แล้วก็ดับไปตามสัจธรรมที่สมเด็จพ่อของเราทั้งหลายทรงแสดงไว้ ประทีปอันบริสุทธิ์เย็นใจดวงนี้ได้มาเพิ่มความสุขให้แก่บรรดาลูกศิษย์หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ที่วัดท่าซุงถึง 3 ปี ติดต่อกัน ได้ประทับฝากฝังความทรงจำแก่ทุกคนที่ได้พบเห็นไม่มีวันลืมไปได้
ในการจัดงานวัดของเราเมื่อปี 2518 มีหลวงปู่หลายองค์ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นพระสุปฏิบันโนหรือพระอริยสงฆ์ที่มีผู้คนเคารพนับถือ มาพักที่วัดท่าซุง พ่อสั่งกำชับเป็นคำขาดว่า ไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปรบกวนหลวงปู่ในกุฏิที่พัก ถ้าท่านจะสงเคราะห์ท่านก็ออกมานั่งอาสนะที่จัดถวายไว้ในศาลารับแขกโดยเฉพาะ ตรงกับกุฏิแต่ละหลังก็มีตั่งอาสนะประจำกุฏิ มีประตูทางเดินทะลุจากกุฏิเข้ามาได้เลย ใครๆ จะมาบำเพ็ญกุศลกราบนมัสการก็ให้นั่งคอยที่นี่จนกว่าท่านจะมาสงเคราะห์เอง... -
"อยากพ้นทุกข์เป็นมรรค ไม่ใช่ตัณหา"
"อยากพ้นทุกข์เป็นมรรค ไม่ใช่ตัณหา"
" .. ความอยากไปนิพพานั้นเป็นมรรค ไม่ใช่เป็นตัณหา "อยากพ้นทุกข์เป็นมรรคไม่ใช่เป็นตัณหา" ความอยากมีสองประเภท อยาก(ที่)เป็นโลก อยาก(ที่)เป็นธรรม
ที่นี่ ความอยากหลุดพ้นจากทุกข์ ความอยากไปนิพพาน สร้างกำลังทางด้านอรรถด้านธรรมให้มากขึ้นภายในตนเอง "ความอุตสาห์ก็เป็นมรรค ความเพียรเป็นมรรค ความอดความทนเป็นมรรค ความบึกบึนทุกแง่ทุกมุมเพื่อพ้นทุกข์เป็นมรรคทั้งมวล" เมื่อถึงที่ถึงฐานแล้วความอยากก็หายไป .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน -
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน ปฐวีธาตุ ของดีลุ่มแม่น้ำโขง
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน ปฐวีธาตุ ของดีลุ่มแม่น้ำโขง
“ปฐวีธาตุ” หรือ “พระเพชร”แห่งลุ่มแม่นำโขง
หลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ วัดธาตุมหาชัย นครพนม
ย้อนไปเมื่อสมัยท่านเจ้าคุณนรฯ ยังทรงสังขารอยู่ ท่านเคยปรารภว่า พระรูปเหมือนนั่งใบโพธิ์ของท่านประสบความสำเร็จ (คือมีคนนิยมมาก) ต่อไปจะมีผู้ร้างพระใบโพธิ์อีกมากมายแต่ไม่ประสบความสำเร็จดังเช่นของท่าน หากจะมีพระทางภาคอีสานรูปหนึ่ง ประสบความสำเร็จในพระรูปเหมือนใบโพธิ์เช่นของท่าน แต่พระรูปนั้นจะต้องอธิษฐานจิตปฐวีธาตุได้ด้วย จึงได้เกิดการตามหาพระรูปนั้นหลังจากที่สิ้นท่านเจ้าคุณนรฯ ไปแล้ว
หลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ วัดธาตุมหาชัย นครพนม คือพระรูปนั้น ท่านได้ทำปฐวีธาตุแจกศิษย์มาแต่ปี พ.ศ. 2495 ก่อนท่านเจ้าคุณนรฯ เสียอีก ท่านได้เล่าให้ฟังว่า ท่านได้รับตำราการอธิษฐานจิต“ ปฐวีธาตุ” มาตั้งแต่ยังเป็นพระหนุ่มโดยได้มีชายผู้หนึ่งได้นำมาถวายให้ท่านตามคำสั่งเสียของบิดาก่อนตาย โดยบิดาของชายผู้นั้นได้สั่งกำชับบุตรชายไว้ว่า เมื่อพ่อตายแล้วจงเอาคัมภีร์เล่มนี้ไปมอบให้กับหลวงพ่อคำพันธ์แต่เพียงรูปเดียวเท่านั้น ซึ่งตำราเล่มนั้นเขียนด้วย “ตัวธัมใหญ่”... -
พญานาคที่วัดดอนธาตุมาทดสอบ หลวงปู่ดี ฉันโน!! จนแน่ใจว่า”ท่านยอมมอบกายถวายพระพุทธศาสนา”จึงยอมถอยให้ท่านปฏิบัติธรรมต่อไป
พญานาคที่วัดดอนธาตุมาทดสอบ หลวงปู่ดี ฉันโน!! จนแน่ใจว่า”ท่านยอมมอบกายถวายพระพุทธศาสนา”จึงยอมถอยให้ท่านปฏิบัติธรรมต่อไป
วัดดอนธาตุเดิมเป็นวัดร้าง อยู่ที่ดอนกลางแม่น้ำมูลทางทิศใต้ของ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานีลงไป 6 กิโลเมตร เป็นวัดร้างมีผีดุมาก คนผ่านไปมาจะถูกผีหลอกหลอนทั้งกลางวันและกลางคืน มีคำลำลื่อว่ามีงูใหญ่หงอนแดงปรากฏตัวเล่นน้ำมูลอยู่ใกล้ๆ ดอนนี้ทุกวันพระ แล้วเลื้อยขึ้นจากน้ำหายไปบนดอนนี้ ชาวบ้านเรียกว่า "ดอนธาตุ" เพราะบนดอนเป็นวัดร้างมีพระธาตุเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่
ครั้งนั้นพระอาจารย์ดี ฉันโน ได้พาสามเณรหงส์ทองซึ่งเป็นหลานชายลงเรือ โดยขอให้ชาวบ้านพายไปส่งที่ดอนธาตุซึ่งเป็นเกาะอยู่กลางแม่น้ำมูล และได้ปักกลดในป่าวัดร้างบนเกาะนี้ พอค่ำมืดลงพระอาจารย์ดีนั่งสมาธิอยู่ในกลด ได้นิมิตร้ายเห็นภูตผีปีศาจจึงทราบด้วยสมาธิรู้ว่าวัดร้างบนเกาะดอนธาตุนี้มีผีดุจริง ๆ จึงออกจากกลดมาบอกสามเณรหงส์ทองที่ปักกลดอยู่ห่าง ๆ ว่า “คืนนี้ห้ามนอนเด็ดขาด มีโอปปาติกะวิญญาณดุร้ายมากมาย ยังไม่รู้ว่าเป็นพวกไหน ให้เณรนั่งสมาธิตลอดคืน จิตยึดมั่นอยู่กับสมาธิอย่างเดียวเท่านั้น มีอะไรเกิดขึ้นให้วางเฉย... -
หลวงปู่เดินหน กับหลวงพ่อเกษม
ஐ หลวงปู่เดินหน กับหลวงพ่อเกษม ஐ
❀❀❀❀❀❀❀❀
............
ราวปี พ.ศ. ๒๕๐๐ หลวงปู่เดินหนเคยกล่าวถึงพระอรหันต์ ๒ รูป ซึ่งต่อไปจะโด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ พระอรหันต์รูปแรกสำเร็จอรหันต์ในกุฏิอยู่ในเมืองหลวง โดยวัดอยู่ใกล้ ๆ กับคลองและไม่ไกลโรงภาพยนตร์ ท่านบอกศิษย์ว่าให้ไปเสาะหาดูเอาเอง ต่อมาพระคุณเจ้าที่หลวงปู่กล่าวถึงก็เจิดจรัสแสงแห่งธรรมขึ้นมา คือ ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต วัดเทพศิรินทราวาส วัดท่านตั้งอยู่ใกล้คลองผดุงกรุงเกษม ทั้งมีโรงหนังตั้งอยู่ไม่ห่างวัดนัก
............
❀❀❀❀❀❀❀❀
............
ภายหลังพระอาจารย์เชื้อ วัดสะพานสูง บางซื่อ กราบเรียนถามหลวงปู่เดินหนว่า พระอรหันต์ที่ท่านเคยกล่าวถึงใช่ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ วัดเทพฯ หรือไม่ หลวงปู่เดินหนออกปากรับรองว่าใช่ อาจารย์เชื้อจึงเดินทางมากราบคารวะท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ทั้งยังได้สร้างรูปหล่อเนื้อโลหะเป็นรูปท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ ศิษย์หลวงปู่เดินหนหลายท่านให้ความเคารพ ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯ เช่น คุณสุจินต์ วงศ์ไพศาล อดีตผู้บริหารบริษัททางการเงินชื่อดังในอดีต
............
❀❀❀❀❀❀❀❀
............... -
"คนหมดบุญ" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
"คนหมดบุญ"
" .. "บุญในทางพุทธศาสนา คือการละบาป" เมื่อละบาปแล้วมันก็ไม่มีบาป ไม่มีบาปมันก็ไม่ร้อน ไม่ร้อนมันก็เย็น "จิตที่สงบแล้วนั้นจึงว่า เป็นกุศลจิต" ไม่คิดโมโห มันก็ผ่องใส ผ่องใสด้วยวิธีอะไร ก็ให้โยมรู้จักไว้
แหมวันนี้น่ะ "ใจมันดุเหลือเกิน ไปมองดูอะไร แม้แต่จะมองดูถ้วยในตู้ มันก็ไม่สบาย" อยากจะทุบมันทิ้งให้หมดทุกใบเลย "ไปดูอะไรก็ไม่ชอบใจไปเสียทั้งนั้น" ดูใคร ดูเป็ด ดูไก่ดูสุนัข ดูแมว ไม่ชอบใจ
แม้แต่พ่อบ้านพูดขึ้นมาก็ไม่ชอบใจ "เมื่อดูในใจของเราก็ไม่ชอบใจของเรา" ทีนี้ก็ไม่รู้จะไปอยู่ตรงไหนแล้วละ ทำไมมันถึงได้เกิดความร้อนอย่างนี้ "นั้นแหละที่เรียกว่าคนหมดบุญล่ะ"
เดี๋ยวนี้ "เรียกคนตายว่าคนหมดบุญแล้ว" ไม่ใช่อย่างนั้น "คนที่ไม่ตายแต่หมดบุญมีเยอะ คือคนที่ไม่รู้จักบุญ ใจมันเป็นแต่บาปอยู่อย่างนั้น" จึงสะสมแต่บาปอยู่ .. "
"น้ำไหลนิ่ง"
หลวงปู่ชา สุภัทโท -
ท่านชยสาโร ภิกขุ เทศนาเรื่องเวลา(ศิษย์หลวงพ่อชา)
ท่านชยสาโร ภิกขุ เทศนาเรื่องเวลา
(ศิษย์หลวงพ่อชา)
urai1791 :-
Published on Jun 28, 2014
ท่านชยสาโร ภิกขุ เทศนาเรื่องเวลา สถานพำนักสงฆ์ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
พระฌอน ชยสาโร
พระอาจารย์ชยสาโร มีนามเดิมว่า ฌอน ชิเวอร์ตัน (อังกฤษ: Shaun Chiverton) นามเดิมของท่านก่อนจะเปลี่ยน "ฉายา" เป็นชยสาโรภิกขุ เมื่อ 19 ปีก่อน และใช้ชีวิตอยู่ในร่มกาสาวพักตร์มานานถึง 33 ปีแล้ว แต่สำหรับตัวท่านเองออกจะคุ้นหูกับคำว่า "พระฝรั่ง" มากกว่าพระอาจารย์ชยสาโรภิกขุ แห่งสถานพำนักสงฆ์บ้านไร่ทอสี จังหวัดนครราชสีมา เป็นผู้มีศรัทธาในพลังแห่งพุทธศาสนา จนได้ชื่อว่าเป็นพระฝรั่งที่ถ่ายทอดความลึกซึ้งทางธรรมฉบับภาษาไทยได้สละสลวย และเป็นที่ประทับใจต่อพุทธศาสนิกชนทั่วโลก
เกิด
พ.ศ. 2501
อายุ 59
วัด สถานพำนักสงฆ์บ้านไร่ทอสี
ท้องที่ นครราชสีมา
การศึกษา
ท่านเกิดที่ประเทศอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2501 เมื่อยังเล็กท่านมีสุขภาพไม่ดี มีอาการหอบหืด แม้จะต้องหยุดโรงเรียนบ่อย แต่ก็ได้ใช้เวลาในการศึกษาด้วยตนเอง ด้วยความเป็นคนที่ช่างคิด ช่างค้นคว้าจึงมีผลการเรียนที่ดีเยี่ยมจน บิดามีความหวังให้เข้าสอบชิงทุนเพื่อเรียน... -
ความอัศจรรย์ เมื่อหลวงปู่ฝั้นและท่านพ่อลีมากราบหลวงปู่มั่น
ความอัศจรรย์ เมื่อหลวงปู่ฝั้นและท่านพ่อลีมากราบหลวงปู่มั่น
FaithThaiStory :-
Published on May 24, 2017
ความอัศจรรย์ เมื่อหลวงปู่ฝั้นและท่านพ่อลีมากราบหลวงปู่มั่น
เที่ยววัดอโศการาม
http://www.faiththaistory.com/wat-aso...
เที่ยววัดถ้ำขาม
http://www.faiththaistory.com/tham-kham
เที่ยววัดป่าอุดมสมพร
http://www.faiththaistory.com/udomsom...
แอดมินเล่าเรื่อง : ท่านพ่อลี พระที่หลวงปู่มั่นเมตตาเป็นพิเศษ
แอดมินเล่าเรื่อง : กำเนิดวัดถ้ำขาม นิมิตของหลวงปู่ฟั่นและเรื่องเร้นลับ
ติดตามเรื่องราวได้ที่
Facebook ภารกิจเที่ยววัด https://www.facebook.com/faith108
เว็บไซต์หลัก http://www.faiththaistory.com -
"สมาธิ การสำรวมใจให้สงบ" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
"สมาธิ การสำรวมใจให้สงบ"
" .. "สมาธิภาวนาก็คือการสำรวมใจให้สงบ" จะสงบมากน้อยสักเท่าใดก็ตามใจ "ไม่ใช่จะให้สงบถึงฌานสมาธิสมาบัติมรรคผลนิพพานจึงจะทำ"
แท้ที่จริงเราหัดเบื้องต้นหัดเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่แหละ "สงบได้แค่ไหนก็เอาชั่วครู่หนึ่งก็เอา" หัดทำความสงบให้ได้ "ถ้าเราไม่ทำก็ไม่มีใครทำให้" นี่เป็นงานประจำชีวิตของเราทุกคนที่จะต้องประกอบและทำ ถ้าไม่ทำเสียก็ขาดจากการปฏิบัติคุณงามความดีในชีวิต
ห้าสิบ หกสิบ เจ็ดสิบปีก็ตายทิ้งเปล่า ๆ "พุทธศาสนาเลยไม่เข้าถึงจิตใจสักที ธรรมะก็ไม่มีในตน" เป็นคนเปล่าเสียจากความดีไม่มีค่าถึงจิตใจ .. "
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี -
มลทินของสมณะ ผจญกองทัพเปรต เรื่องเล่าของหลวงพ่อจรัญ
มลทินของสมณะ ผจญกองทัพเปรต เรื่องเล่าของหลวงพ่อจรัญ
เรื่องเล่าผ่านกาลเวลา :-
Published on May 31, 2017
มลทินของสมณะ ผจญกองทัพเปรต เรื่องเล่าของหลวงพ่อจรัญ
ฉัททันตะปริตต์
พระปริตรบทนี้มีตำนานกล่าวว่า ครั้งหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า กำลังแสดงพระธรรมเทศนาอยู่ ณ เชตวันมหาวิหาร พระภิกษุณีรูปหนึ่งฟังธรรมอยู่ และปรารภว่าตัวเรานี้เคยเป็นบาทบริจาริกาของพระผู้มีพระภาคเจ้ามาแล้วในอดีตกาลหรือไม่หนอ แล้วก็เกิดญาณอันหนึ่งระลึกชาติได้ว่า เคยเป็นบาทบริจาริกาเมื่อครั้งเป็นพระยาช้างฉัททันต์ ก็ยินดีหัวเราะขึ้น แล้วพิจารณาต่อไปอีกก็รู้ว่าตนได้ให้นายพรานโสณุดร ไปยิงพระยาช้างฉัททันต์ด้วยลูกศรอาบยาพิษให้ถึงแก่ความตาย ก็กลับเศร้าโศกแล้วร้องไห้ พระศาสดาทรงปรารภ เหตุนี้จึงแย้มพระโอษฐ์ให้ปรากฏ แล้วนำเรื่องฉัททันตชาดกมาแสดงธรรมเทศนา ความว่า
พระยาช้างอยู่ในป่าหิมพานต์ ชื่อพระยาฉัททันต์ มเหษีของพระยาช้างมีสอง ชื่อจุลสุภัททา ๑ มหาสุภัททา ๑ มีช้าง ๘๐๐๐ เป็นบริวาร วันหนึ่งดอกไม้รัง บานแล้ว พระยาช้างพามเหษีทั้งสองไปชมดอกรัง พระยาช้างชนต้นรังนั้น นางจุลสุภัททายืนอยู่ใกล้ต้นไม้รังนั้น... -
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน ข้าวสารดำศักดิ์สิทธิ์พันปี** ...ความลี้ลับในป่าพงไพร
**ข้าวสารดำศักดิ์สิทธิ์พันปี** ...ความลี้ลับในป่าพงไพร...ประเพณีการสร้างพระธาตุเจดีย์ของโบราณ....มรดกขลังของพระนางสิงขรเทวี....การบูชาพระแม่โพสพผู้เป็นจ้าวแห่งความอุดมสมบูรณ์...การรักษาโรคและวัตถุมงคล..
ตามความเชื่อของคนโบราณในการสร้างพระธาตุเจดีย์ตามที่ต่างๆนั้น โดยเฉพาะจะกล่าวในภาคอีสาน มีความเชื่อว่า เมื่อพุทธศาสนิกชนได้พร้อมใจกันนำพระบรมสารีริกธาตุและอรหันตธาตุบรรจุในพระเจดีย์แล้วซึ่งตามคติความเชื่อคนโบราณมักจะทำการบรรจุพระธาตุไว้ในส่วนฐานของพระเจดีย์หรือห้องเก็บพระธาตุใต้ดินภายในองค์พระเจดีย์ ด้วยมีความเชื่อว่าอีกต่อไปในอนาคตหากพระธาตุเจดีย์เกิดความเสียหายหรือล้มลงมาแล้ว ส่วนของพระบรมสารีริกธาตุหรือส่วนของอรหันตธาตุจะไม่ได้รับความเสียหายได้ จึงทำการเก็บพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุไว้ในที่เบื้องล่างขององค์เจดีย์ แต่ด้วยภูมิปัญญาอันล้ำลึกของคนโบราณ ซึ่งผมคิดว่าเป็นภูมิปัญญาที่รอบคอบมากกว่าคนในสมัยปัจจุับันนี้เสียอีกว่า หากอีกต่อไปพระเจดีย์เกิดการล้มลงมาจะทำให้ไม่สามารถทราบได้ว่าห้องบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเก็บไว้ที่ส่วนใดของเจดีย์... -
เปิดตำนานทหารผี "ยิงไม่เข้า ฆ่าไม่ตาย จำไว้นั่นคือทหารไทย" เสียงร่ำลือในสงครามอินโดจีน เกจิไทยเรียกวิญญาณมาช่วยรบ!!!
เปิดตำนานทหารผี "ยิงไม่เข้า ฆ่าไม่ตาย จำไว้นั่นคือทหารไทย" เสียงร่ำลือในสงครามอินโดจีน เกจิไทยเรียกวิญญาณมาช่วยรบ!!!
ในสงครามเวียตนาม ผบ.ทหารเวียตนามเหนือได้ส่งใบปลิวนี้เพื่อเป็นคำเตือนต่อทหารเวียตนามเหนือ เองและฝ่ายพันธมิตรคือเวียตกงและเวียตมิน "ถ้าหากปะทะกับกองกำลังไม่ปรากฏฝ่ายให้พวกทหารพึงระลึกไว้ว่า
1.ถ้าปะทะกับศัตรูที่ยิงต่อสู้กับเราแล้วหยุดยิงเป็นระยะๆ และมีปืนใหญ่ยิงสนับสนุนมานั่นคือทหารอเมริกัน
2.ถ้าปะทะกับศัตรูที่ยิงต่อสู้กับเราแล้วหมอบหรือคลานต่ำนั่นคือทหารเวียตนามใต้
3.ถ้าปะทะกับศัตรูที่ยิงต่อสู้กับเราแล้วอยู่กับที่ไม่เคลื่อนไหวนั่นคือทหารลาว
4.ถ้า ปะทะกับศัตรูที่ยิงต่อสู้กับเราแล้วไม่มีปืนใหญ่หรือนกยักษ์(เครื่อง บิน)มาสนับสนุน ไม่รู้จักหยุดยิง ไม่รู้จักหมอบ ไม่รู้จักคลาน ไม่รู้จักถอย เอาแต่วิ่งเข้าใส่ บางรายยิงไม่ตาย บางรายยิงไม่เข้า จงระวังไว้นั่นคือ........ทหารไทย
ณ ฐานที่มั่นทหารเสือพรานของไทยแห่งหนึ่งที่เวียตนามใต้(จำชื่อฐานไม่ได้) ทหารเวียตนามเหนือพยายามตีฐานนี้หลายสิบครั้งแต่ก็ไม่แตก จึงส่งกองพันกล้าตายที่ 21... -
ความสำคัญของการมีกัลยาณมิตร,คุณสมบัติของกัลยาณมิตร
กล่าวนำก่อนเพราะบทความนี้นำมาจากหนังสือพุทธธรรม
หลักการหรือคำสอนใดก็ตาม ที่เป็นเพียงการคิดค้นหาเหตุผลในเรื่องความจริงเพื่อสนองความต้องการทางปัญญา โดยมิได้มุ่งหมายและมิได้แสดงแนวทางสำหรับประพฤติปฏิบัติในชีวิตจริง อันนั้น ให้ถือว่าไม่ใช่พระพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างที่ถือว่าเป็นคำสอนเดิมแท้ของพระพุทธเจ้า ซึ่งในที่นี้เรียกว่าพุทธธรรม
พุทธการกธรรม ธรรมที่ทำให้เป็นพระพุทธเจ้า ตามปกติหมายถึง บารมี ๑๐ นั่นเอง (ในถาคาบางทีเรียกสั้นๆว่า พุทธธรรม) -
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เรื่อง ฤาษีสอนลูกภาคใต้ 6Hrs.
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เรื่อง ฤาษีสอนลูกภาคใต้
Buddhism Channel :-
Published on May 19, 2017
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เรื่อง ฤาษีสอนลูกภาคใต้ -
สืบสานพุทธศาสนา ตามทางพระราชบิดา พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภาเสด็จแทนพระองค์บำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวายในหลวงร.๗ สมเด็จพระสังฆราช นำสวดพระพุทธมนต์
สืบสานพุทธศาสนา ตามทางพระราชบิดา พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภาเสด็จแทนพระองค์บำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวายในหลวงร.๗ สมเด็จพระสังฆราช นำสวดพระพุทธมนต์
เย็นวันอังคาร ที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๐ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จแทนพระองค์ไปในการทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวาย พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (๓๐ พฤษภาคม) และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี (๒๒ พฤษภาคม) ณ พระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
การนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเป็นประธานสงฆ์ในการสวดพระพุทธมนต์ และสดับปกรณ์พระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระราชสรีรางคาร สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ซึ่งบรรจุอยู่ในฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธอังคีรส ประธานพระอุโบสถ
ครั้นเสร็จการพระราชกุศลแล้ว เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ทรงนำคณะพระภิกษุสามเณรวัดราชบพิธ สวดพระพุทธมนต์... -
วีดีโอ ฌาณที่ 1-4 ตอนที่5 - อานาปานสติ โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
ฌาณที่ 1-4 ตอนที่5 - อานาปานสติ โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
กุญแจธรรม :- Published on Jun 24, 2016 -
"พุทโธ เป็นอย่างไร" (หลวงปู่ดุลย์ อตุโล)
"พุทโธ เป็นอย่างไร"
" .. หลวงปู่ได้เมตตาตอบว่า "เวลาภาวนาอย่าส่งจิตออกนอก" ความรู้อะไรทั้งหลายทั้งปวงอย่าไปยึด "ความรู้ที่เราเรียนกับตำหรับตำรา หรือจากครูบาอาจารย์ อย่าเอามายุ่งเลย" ให้ตัดอารมณ์ออกให้หมด
แล้วก็เวลาภาวนาไปให้มันรู้ "รู้จากจิตของเรานั่นแหละ จิตของเราสงบเราจะรู้เอง" ต้องภาวนาให้มาก ๆ เข้า "เวลามันจะเป็น จะเป็นของมันเอง" ความรู้อะไร ๆ ให้มันออกจากจิตของเรา
"ความรู้ที่ออกจากจิตที่สงบนั่นแหละ เป็นความรู้ที่ลึกซึ้งถึงที่สุด" ให้มันรู้ออกจากจิตเองนั่นแหละมันดี คือจิตมันสงบ ทำจิตให้เกิดอารมณ์อันเดียว "อย่าส่งจิตออกนอก ให้จิตอยู่ในจิต" แล้วให้จิตภาวนาเอาเอง
"ให้จิตเป็นผู้บริกรรมพุทโธ พุทโธอยู่นั่นแหละ" แล้วพุทโธนั่นแหละจะผุดขึ้นในจิตของเรา "เราจะได้รู้จักว่า พุทโธ นั้นเป็นอย่างไร" แล้วรู้เอง .. เท่านั้นแหละ ไม่มีอะไรมากมาย .. "
หลวงปู่ดุลย์ อตุโล
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=13583 -
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน ข้าวสารหิน ของวิเศษจากพระแม่โพสพ
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน ข้าวสารหิน ของวิเศษจากพระแม่โพสพ
ข้าวสารหินเป็นของวิเศษ กายสิทธิ์ มีอานุภาพในเรื่องโชคลาภ เสน่ห์เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัยจากภัยนานาประการ ไม่มีสิ่งใดๆมาทำร้ายคุณวิเศษต่างๆได้ เรียกได้ว่าของ “ทนศักดิ์” มีเทพารักษ์คอยรักษาอยู่ บางคนมีความเชื่อและนับถือด้วยว่าเป็นพระธาตุ เรียกว่า “พระธาตุข้าวสารหิน”
ตามตำนานเชื่อกันว่า เป็นข้าวสารที่พระพุทธองค์ฉันเสร็จแล้วทำการอธิษฐานเพื่อให้เป็นของมงคลใน แผ่นดิน คณาจารย์ในสมัยโบราณกล่าวไว้ว่า “เกิดจากฤทธิ์อำนาจของพระแม่ธรณี”
บางเกจิอาจารย์กล่าวไว้ในคัมภีร์ต่างๆ ว่า “เป็นข้าวอธิษฐานของฤาษี สามารถนำมาอาราธนาทำน้ำพุทธมนต์ได้ อธิษฐานสิ่งใดก็สมปรารถนา”
บางตำนานเก่าและใหม่ยังกล่าวไว้อีกว่า ข้าวสารหินเป็นของวิเศษสุด มีฤทธิ์ตามธรรมชาติ ผู้วิเศษผู้มีฤทธิ์กำหนดขึ้นมาทั้งสิ้น และยังมีความเชื่อกันอีกว่า“พระแม่ธรณีท่านอธิษฐานไว้ให้ข้าวสารหินเป็นของดี ไม่เน่าเปื่อย คงทนถาวร
เป็นสิ่งที่มีพลังอำนาจจากจักรวาลซึมแทรกอยู่ เป็นที่รวมพลังของ ดิน น้ำ ลม ไฟ จึงเกิดเป็นพลังเร้นลับ มีอำนาจบันดาลให้ผู้ที่มีไว้ครอบครองจะอยู่ดีกินดี... -
หลวงปู่มั่นมาสร้างวัดป่าบ้านนามน พญานาคร่วมบุญทิ้งรอยไว้ชี้จุดสร้างกุฏิและวัดอาณาบริเวณวัดให้ จากคำบอกเล่าของหลวงปู่อว้าน เขมโก
หลวงปู่มั่นมาสร้างวัดป่าบ้านนามน พญานาคร่วมบุญทิ้งรอยไว้ชี้จุดสร้างกุฏิและวัดอาณาบริเวณวัดให้ จากคำบอกเล่าของหลวงปู่อว้าน เขมโก
ครั้งหนึ่งเมื่อพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโตเถระ มาสร้างครั้งวัดป่านาคนิมิตต์ บ้านนามน ต.ตองโขบ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ครั้งแรกอาตมา(หลวงปู่อว้าน เขมโก)เองยังไม่ได้เกิดนะ เดิมวัดนี้มีท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีลมหาเถระ เดินธุดงค์มาก่อน ท่านพระอาจารย์เสาร์มาพักรุขมูล ครั้นต่อมาท่านก็เดินธุดงค์ต่อไป แล้วท่านพระอาจารย์มั่นท่านก็เดินธุดงค์ตามรอยท่านพระอาจารย์เสาร์มา ท่านพระอาจารย์เสาร์พักที่ไหน ท่านพระอาจารย์มั่นก็พักที่นั่น
ท่านพระอาจารย์มั่นมาเห็นที่สัปปายะ ท่านก็เลยปรารภกับโยม “คิดจะสร้างเป็นวัด” โยมชาวบ้านนามนเขาจะปลูกสร้างกุฏิหลังนี้แหละ (กุฏิท่านพระอาจารย์มั่น) เขาเตรียมไม้ไว้ว่าจะยกวันพรุ่งนี้ ในตอนกลางคืนพญานาคเขามาทำรอยเอาไว้ให้ ตอนเช้าโยมเขามาว่าจะยกกุฏิ ท่านพระอาจารย์มั่น ก็ชี้บอกโยมเขาว่า “นั่นแหละ พญานาคทำรอยไว้ให้แล้ว” โยมเขาไปดู เขาว่าเป็นรอยกลมๆ วงกลมจึงก่นหลุม (ขุดหลุม) ตามรอยนั่นแหละ แล้วท่านพระอาจารย์มั่นก็พูดบอกโยมเขาว่า “วัดนี้ให้ชื่อว่า... -
เสือสมิงสาวในป่าลึก!! บังอาจแปลงร่างหลอก "หลวงพ่อเคลือบ" เจอเพียงแค่ ก้อนหินเสก เผ่นแนบ แทบไม่ทัน!!
เสือสมิงสาวในป่าลึก!! บังอาจแปลงร่างหลอก "หลวงพ่อเคลือบ" เจอเพียงแค่ ก้อนหินเสก เผ่นแนบ แทบไม่ทัน!!
….เรื่องราวของหลวงพ่อเคลือบผจญกับเสือสมิงในป่าลึกระหว่างรุกขมูลอยู่นั้น เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ท่านได้เล่าให้นายวิเชียร จีนนาฎ ผู้เป็นหลานชาย และศิษย์ใกล้ชิดอีกหลายๆท่านฟัง มีปรากฏอยู่ในหนังสือชีวประวัติ หน้าที่ ๔ บันทึกโดยพระอาจารย์สมปอง นันทฺสาโร อดีตเจ้าอาวาส รูปที่ ๔ ของวัดหนองกระดี่เก่า ความว่า…
คืนหนึ่งเป็นเวลาดึกสงัด ขณะตัวท่านนั่งทำภาวนาอยู่นั้นเอง ปรากฏว่ามีหญิงสาวหน้าตาดี ผิวพรรณสะอาดสะอ้านเรียบร้อยดูไม่เหมือนสาวชาวป่าทั่วไปเข้ามาหาบอกท่านว่า แม่กำลังป่วยหนักขอให้หลวงพ่อช่วยไปรักษาให้ที ตัวท่านนั่งเพ่งพิจารณาดูอยู่ครู่หนึ่งก็ทราบว่าเป็นเสือสมิงแปลงมา ท่านจึงล้วงลงไปในย่ามหยิบได้ว่านยาหัวหนึ่ง แล้วบอกกับโยมผู้นั้นไปว่า “โยมเอายานี้ไปต้มกินก็แล้วกัน!”
ทันทีที่ท่านโยนว่านยาหัวนั้นตกถึงพื้น ร่างของหญิงสาวผู้นั้นได้กลายเป็นเสือทันทีและหมายกระโจนเข้าใส่หลวงพ่อ หลวงพ่อจึงหยิบเอาก้อนดินตรงหน้าเสกแล้วโยนใส่ไปทันที เสือตัวนั้นหายเข้าไปในความมืดแล้วไม่ปรากฏออกมาให้เห็นอีกเลย... -
เรามีบารมีขั้นไหน ?
ความเข้มข้นของบารมีก็ต้องจัดเป็นชั้นบารมีต้น อุปบารมี และ ปรมัตถบารมี เราจะคิดว่าเรามีบารมีขั้นไหนก็ดูกำลังใจของเราเป็นสำคัญว่า
คนมีบารมีต้นคือ กำลังใจที่จะทำความดี บุคคลประเภทนี้ชวนเข้าวัด เดือนหนึ่งมี ๔ วันพระ ยังไปไม่ครบเลย ดีไม่ดีวันพระนี้ปวดท้องขี้ไม่ไปเสียแล้ว วันพระโน้นหลานมันร้องไปวัดไม่ได้แล้ว อย่างป้าหวง เป็นต้น
ถามว่า "ป้าหวงไม่ไปทำบุญหรือ"
"ฮือ...ลูกยังเล็กเจ้าค่ะ"
ต่อมาลูกมีผัวมีเมียมีหลาน ถามว่า
"ป้าหวงไม่ไปวัดหรือ?"
"หลานยังไม่โตเจ้าค่ะ"
พอดีตายไปทำบุญไม่ได้ ไปบ้างก็ผลุบๆ โผล่ๆ เขาเรียกว่า "ศรัทธาหัวเต่า" ผลุบเข้า ผลุบออก อย่างนี้เขาเรียก "บารมีต้น" นะ
ทีนี้ต่อมาเป็น "อุปบารมี" บารมีขั้นกลาง บารมีขั้นกลางนี่เวลาจะไปวัดไปวา "พอใจในศีล พอใจในทาน พอใจในการสดับพระธรรมเทศนา" ความมั่นคงในกามาวจรสมบูรณ์แบบ หมายความว่า ถ้าทำบุญพอใจขั้นกามาวจร คือการให้ทานถวายทานไปเกิดเป็นเทวดา การรักษาศีลตามปกติไปเกิดเป็นเทวดา การสดับพระธรรมเทศนาพอใจในธรรมะไปเกิดเป็นเทวดา อารมณ์อย่างนี้มีความพอใจ แต่ว่ามีบุคคลใดเขาชวนไปเจริญสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน "ไม่ว่าง"... -
วิธีที่จะให้ผลบุญส่งผลอย่างรวดเร็วในชาตินี้
วิธีที่จะให้ผลบุญส่งผลอย่างรวดเร็วในชาตินี้
ถาม : เคยอ่านที่พระอาจารย์บอกว่า การทำบุญในปัจจุบัน เราจะไม่ได้ผลในชาตินี้ นอกจากทำบุญอย่างต่อเนื่องเป็นสิบปี แล้วทำไมการทำแท้งจึงให้ผลชาตินี้ครับ ?
ตอบ : โยมทำบุญแล้วเคยนึกถึงบุญที่ทำบ้างไหม ? แต่คนทำแท้งนั้นตอกย้ำตัวเองทุกวินาทีว่าเขาทำความชั่ว ในเมื่อเขามุ่งใจจดจ่ออยู่ตลอดเวลา ตรงดิ่งอย่างเดียวเลย ผลกรรมจึงเกิดเร็ว แต่เราเองทำบุญมากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง น้อยครั้งที่เราจะนึกว่าทำอะไรไปบ้าง
เพราะฉะนั้น.. ถ้าโยมต้องการที่จะให้ผลบุญนั้นส่งผลอย่างรวดเร็วในชาตินี้ เราก็ต้องจดจ่อต่อเนื่องอยู่กับผลบุญนั้น ก่อนจะทำก็มีความปีติยินดีว่าเราจะได้ทำ กำลังทำก็มีความปีติยินดีว่าเราได้ทำ เมื่อทำได้แล้วนึกถึงเมื่อไรก็มีความปีติยินดีว่าเราได้ทำบุญนั้นแล้ว ถ้าสามารถรักษากำลังต่อเนื่องอย่างนี้ได้ตลอดเวลาผลก็จะเกิดเร็วเหมือนกัน
เมื่อวานมีพระมาทำบุญ ท่านบอกว่า "ทำบุญอุทิศให้ลูก ผมฆ่าลูก"อาตมาถามว่าไปฆ่าอีท่าไหน ? ท่านบอกว่า “ทำแท้งครับ” นั่นขนาดผู้ชายใจยังจดจ่ออยู่ตลอดเวลาว่าตัวเองได้ทำในสิ่งที่ไม่ดีแล้ว ลองคิดดูว่าถ้าคนที่ทำเป็นผู้หญิงเขาจะรู้สึกอย่างไร ?... -
อานิสงส์พิเศษของการปล่อยสัตว์ชนิดต่างๆ
ถาม : ที่ หลวงพ่อฤๅษี เคยบอกว่า คนผิดศีลข้ออทินนาทาน กฎแห่งกรรมก็คือทรัพย์สมบัติที่มีจะถูกทำลายโดยภัยธรรมชาติ หรือภัยต่างๆ ในกรณีที่เพื่อน ๆ ผมที่ทำงานถูกน้ำท่วม และทรัพย์สินเสียหาย ควรจะมีการชักชวนเขามาชำระพระหนี้สงฆ์ ไม่ทราบว่าผลจะตรงหรือไม่ครับ ?
ตอบ : สิ่งที่เราทำเป็นความดีใหญ่ แต่ผลไม่ตรง เพราะว่าทรัพย์สินเสียหายเกิดจากกรรมเก่าที่เราสร้างมาในอดีต ส่วนบุญใหม่ที่เราสร้างในปัจจุบันเป็นส่วนของบุญ บุญกับกรรมนี่ต่างคนต่างอยู่ ถึงเวลาต่างคนต่างให้ผล เพราะฉะนั้น..ทำไว้ดีกว่าไม่ทำ แต่ไม่ใช่การแก้กันโดยตรง
ในเรื่องของการสูญเสียทรัพย์สิน มีเคล็ดลับง่ายๆ ว่าให้ปล่อยนกบ่อยๆ สักเดือนละตัวสองตัวก็ได้ ถ้าปล่อยนกจะป้องกันในเรื่องของการสูญเสียทรัพย์สินได้ เพราะถึงเวลานกบินไปแล้วไปลับ ก็ปล่อยนกไปแทน จริงๆ โบราณเขาเก่งเหมือนกัน การปล่อยสัตว์อย่าง ปล่อยนก จะมีอานิสงส์พิเศษคือป้องกันเรื่องข้าวของสูญหาย ทรัพย์สินเสียหาย
เรื่องของการ ปล่อยปลา ถ้าทำเป็นประจำจะมีความเป็นอยู่คล่องตัว คนอื่นเขาลำบากแค่ไหนเราก็ไปได้เรื่อย เหมือนปลาที่แถกเหงือกไปเรื่อยๆ เพื่อไปหาที่อยู่ใหม่ แต่นี่เราปล่อยลงแม่น้ำใหญ่... -
อานิสงส์การสร้างสมเด็จองค์ปฐม
ถาม : ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงเคยบอกเอาไว้ว่า อานิสงส์การสร้างสมเด็จองค์ปฐมจะเข้าถึงพระนิพพานเร็วมาก ต้องตั้งความปรารถนาด้วยไหมครับ ?
ตอบ: พูดง่ายๆ ว่า ถ้าตั้งความปรารถนาไว้ แปลว่ากำลังบารมีของเราอยู่ในระดับปรมัตถบารมีแล้ว "คนที่จะใช้อธิษฐานบารมีเป็นต้องอยู่ในระดับอุปบารมีขั้นปลายหรือปรมัตถบารมีเท่านั้น"
อธิษฐานบารมีคือตั้งใจว่า เราทำสิ่งนี้เพื่ออะไร ถ้าหากว่ายังอยู่ในระดับบารมีขั้นต้น ขั้นกลาง บางครั้งอธิษฐานไม่เป็นหรอก ดีไม่ดีเวลาเห็นคนอื่นอธิษฐานยังไปค้านเขาเสียอีก บอกว่าทำแล้วยังอยากได้โน่น อยากได้นี่ ยังโลภอยู่
ถาม : อย่างคนที่ร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐม ด้วยความศรัทธา แต่ว่าไม่ได้อธิษฐานจะเข้าสู่พระนิพพาน..?
ตอบ: อย่างน้อยๆ ตัวอานิสงส์พุทธบูชาก็จะไม่ไปเกิดนอกเขตพระพุทธศาสนาแน่นอน
การที่อยู่ในเขตพระพุทธศาสนา อย่างน้อยๆ เรื่องทาน ศีล ภาวนาต้องมี เป็นการทำให้บารมีของเขาเข้มข้นเร็วขึ้น ขณะเดียวกันว่า ถ้าหากว่าตั้งใจเอาไว้ ก็จะไปพระนิพพานได้เร็วขึ้น
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๕ -
เป็นนักปฏิบัติต้องรู้จักเลือกอย่างผึ้ง
ถ้าหากว่าใครเคยสังเกตรังผึ้ง จะเห็นว่าสะอาดจริงๆ และไม่ได้สะอาดเปล่าๆ ถ้าอากาศร้อนมาก ขี้ผึ้งจะละลาย ผึ้งก็จะพร้อมใจกันกระพือปีก เพื่อที่จะสร้างความเย็น ไม่ให้รังละลาย และที่แน่ๆ ผึ้งไม่เคยไปแย่งแมลงวันกิน เพราะว่าผึ้งเป็นสัตว์ที่รักความสะอาด เลือกกินแต่น้ำหวานกับเกสรดอกไม้ ความสกปรกใดๆ ผึ้งจะไม่เอาเลย
เราเองเป็นนักปฏิบัติ ก็ต้องรู้จักเลือก เลือกแต่กำลังใจที่ดีๆ ในเรื่องของทาน ของศีล ของภาวนา ธรรมอะไรที่ช่วยให้คลายกำหนัด ช่วยให้ถอนจากราคะ โทสะ โมหะ เพื่อให้ไม่คลุกคลีกับหมู่คณะ ช่วยให้เราเป็นผู้ที่มีจิตตั้งมั่น ให้เลือกเอาธรรมเหล่านั้นมาปฏิบัติ เราถึงจะเป็นผู้ที่สะอาดด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ
พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร. -
สติ สัมปชัญญะ" (หลวงปู่ขาว อนาลโย)
"สติ สัมปชัญญะ"
" .. ความโง่ เรียกอวิชชา "เหมือนกันกับเหล็ก เหล็กนั้นมันก็ดี ๆ อยู่นั่นแหละ แต่สนิมมันเกิดขึ้นในเหล็กนั่นแหละ" แต่เขาตีขัดเกลาจนเป็นดาบคมได้ ใช้การได้ "ถ้าไม่ตีมันก็อยู่อย่างนั้น สนิมกินเสียจนใช้การไม่ได้"
จิตของเราก็ดี "อาศัยสติเป็นผู้ขัดเกลา อาศัยสติเป็นผู้คุ้มครองเชื่อมั่น" อันที่จริงอาคันตุกะกิเลสก็ไม่เป็นปัญหา คือ "รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสภา ยนอก ไม่เป็นปัญหา" เค้ามูละมูเลของมันก็คือ "กาม กามาสวะ อวิชชาสวะ สามอันนี้เป็นอนุสัย เป็นสนิมของมัน" เป็นสนิมหุ้มห่อจิตให้มืดมนอนธการ
เพราะเหตุนี้แหละ "เราหัดสติ ทำสติให้มีกำลัง" เมื่อสติมีกำลังแล้ว "จิตมันก็จะรู้เท่าตามความเป็นจริง" ครั้นเมื่อมีสติแล้ว "ก็เกิดสัมปชัญญะ ความรู้ตัวพร้อม" ก็หมายความว่า "ดวงปัญญานั่นแหละ ญาณก็ว่าปัญญาก็ว่า" .. "
หลวงปู่ขาว อนาลโย -
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอนอานุภาพของหินพระธาตุเขาสามร้อยยอด(ธรรมปกิณกะครูบาชัยยะวงศา)
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอนอานุภาพของหินพระธาตุเขาสามร้อยยอด(ธรรมปกิณกะครูบาชัยยะวงศา)
พระพุทธคุณในพระธาตุเขาสามร้อยยอดนั้น มีอัปมาณนา เกินที่จะคาดคะเนได้ ไม่ว่าจะเป็นลายไหน หินสีอะไร ก็มีคุณวิเศษเหมือนกันหมด เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นพระธาตุแล้วย่อมบริสุทธิ์ ไม่มีวัตถุสิ่งใดมาเทียมได้ในสามแดนโลกธาตุนี้ เพราะฉนั้นย่อมมีเทวดาคุ้มครองรักษาครับ ใครได้ไป ก็นับว่าเป็นบุญของคนๆนั้นจริงๆ ผู้ที่ครอบครองไว้บูชา จะอยู่ร่มเย็นเป็นสุข คุ้มครองปกป้องภยันตรายได้ เป็นหลักใหญ่ของหินพระธาตุเขาสามร้อยยอดครับ สีหินที่พบ ส่วนใหญ่ออกตามวรรณะพระธาตุที่ฝัง อยู่ เช่น สีแดง สีน้ำผึ้ง สีน้ำตาล สีเหลือง สีดำ สีขาว เป็นต้น มีผู้หลายท่านได้จำแนกสีหินพระธาตุ ไว้ว่าสีนี้มีอิทธิคุณ อย่างไร อาจจะพบโดยประสบการณ์หรือ ได้ญาณหยั่งรู้บ้างก็มี
ความเชื่อตามสีของหินพระธาตุ...
คิดหิน หรือไข่ในหินทุกสี หรือที่นิยมเรียกว่าหินพระธาตุนั้นจะเป็นชั้นๆ เมื่อผ่าออกภายในจะมีลักษณะเป็นวงซ้อนกัน คล้ายกับพระอาทิตย์หรือพระจันทร์ทรงกลด จัดเป็นธาตุกายสิทธิ์ตามธรรมชาติ มีอิทธฤทธิ์พลังฤทธิ์ โดยไม่ต้องผ่านพิธีกรรมทางศาสนา... -
หลวงปู่เจี๊ยะ!ถามหลวงปู่มั่นเรื่องเทวดา ท่านจึงเมตตาเล่าเรื่อง“เทวดามาฟังธรรมที่ดอยมูเซอ และอารธนาให้อยู่ประจำวัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่” ให้ฟัง
หลวงปู่เจี๊ยะ!ถามหลวงปู่มั่นเรื่องเทวดา ท่านจึงเมตตาเล่าเรื่อง“เทวดามาฟังธรรมที่ดอยมูเซอ และอารธนาให้อยู่ประจำวัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่” ให้ฟัง
อยู่กับท่านพระอาจารย์มั่นนี้ ได้รู้เรื่องราวความวิเศษของพุทธศาสนาเรื่องเทพ เทวดา ภูต ผี ก็เป็นที่น่าอัศจรรย์ ท่านเห็นประหนึ่งว่าเป็นหลักธรรมชาติทั่วๆ ไป แต่สำหรับพวกเราเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น น่าหวาดเสียวตื่นตูม อยากรู้อยากเห็น เป็นเรื่องใหม่ ทั้งๆ ที่สิ่งนั้นมีประจำโลกมานมนาน เมื่อเราทราบว่าท่านรู้เรื่องนั้นเรื่องนี้ อันเหตุสุดวิสัยของมนุษย์ธรรมดาทั่วไปที่จะรู้ได้ ก็อดที่จะกราบเรียนถามท่านไม่ได้ ทั้งที่มีความกลัวมากกว่าความกล้าเป็นเท่าทวีคูณ แต่ก็ต้องจำยอมอดทนบากหน้าถาม เพื่อสนองความอยากรู้และความสงสัยแห่งตน เมื่อได้โอกาสถามก็เข้าไปใกล้ๆ อันเป็นเวลาทำวัตรปฏิบัติ กำตามแข้งตามขา ยังไม่ได้ทันถามเลย เพียงแต่คิดไว้ภายใน ท่านกลับถามเราขึ้นก่อนว่า
“เจี๊ยะ...มีอะไรจะถามก็ถามมา ท่านนี่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง” ท่านเปรยขึ้นเท่านั้นเราก็ปอดแหกแล้ว
“ครูบาจารย์ เทวดาหน้าตามันเป็นอย่างไง อยากเห็นบ้าง?” เราก็เสือกถามท่านทั้งที่กลัวจะตาย... -
ทุกข์จากความรัก
ทุกข์จากความรัก
หลวงตาม้า สอนว่าความทุกข์จากความรักนั้นมันเป็นพลังงาน ที่เสียเวลายาวนาน บางคนยึดมั่นในรัก ติดอยู่ในภพภูมิ เสียเวลายาวนาน กว่าจะได้เจอกัน และมารอกันอีก หากอีกคนแยกไปก็เกิดการฆ่ากันอีก เกิดเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันอีก หรือเรียกว่าทั้งรักทั้งแค้น ผูกกันไปอีก ยาวนาน นี่คือทุกข์ของความรักที่เจือปน ไม่ใช่ความรักที่แท้จริง การอธิษฐานแก้ไขในกรรมประเภทนี้ หลวงตา ให้ใช้ กรรมฐาน การฝึกจิต สมาธิ ฝึกให้ขึ้นพรหม (อันมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา) จะแก้ไขในเรื่องทุกข์ของความรักนี้ได้ เพราะว่าพรหมไม่มีเพศ จึงหมดเรื่องพวกนี้โดยปริยาย หลวงตากล่าวเน้นว่า "ความรักคือความปรารถนาดีกับทุกๆคน ที่ยังเวียนว่ายตายเกิด โดยไม่ได้หวังผลประโยชน์อะไร นี่แหละความรักที่แท้จริง"
หลวงตาม้า อธิบายว่า เจ้ากรรมนายเวรโดยตรงต่อเราในชาติปัจจุบัน ก็คือ คนที่รักเราหรือคนที่เรารักมากที่สุดนั่นแหละ ที่งี้เราไม่รู้หรอกว่าเจ้ากรรมนายเวรเราอยู่ที่ไหน หากอยู่เทวดาหรือพรหม เขาก็ไม่เอาเรื่องเราหรอก ถ้าติดอยู่ข้างล่างก็เหมือนติดคุก เขาก็เอาเรื่องเราไม่ได้ ดังนั้นเจ้ากรรมนายเวรเราอยู่ที่โลกมนุษย์เรานั้นแหละ...
หน้า 371 ของ 413