คลังเรื่องเด่น
-
เราจะสื่อสารให้มนุษย์ต่างดาว รู้จักโลกและมนุษย์ได้อย่างไร
ย้อนหลังไปเมื่อเดือนสิงหาคมและกันยายน ค.ศ. 1977 ยานอวกาศฝาแฝด Voyager 1 และ Voyager 2 ถูกส่งขึ้นสู่ห้วงอวกาศโดยมีภารกิจคือ สำรวจระบบสุริยะ “จากดาวพฤหัสบดีถึงดาวเนปจูน” ก่อนจะออกจากระบบสุริยะมุ่งหน้าสู่อวกาศระหว่างดาว (interstellar space) และดินแดนที่ไม่เคยมีใครสำรวจมาก่อน สิ่งที่ยานทั้งสองนำติดไปด้วยคือแถบบันทึกฉาบทองคำบรรจุข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตบนโลก ทำนองเดียวกับเป็นสารในขวดแก้วที่รอให้สิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญานอกโลกมาพบเข้า
สิ่งที่บรรจุอยู่ในแถบบันทึกข้อมูลดังกล่าวมีอาทิ ไฟล์เสียงชื่อว่า “สรรพเสียงจากโลก” หรือ “Sounds of Earth” (ฟังได้ที่ http://voyager.jpl.nasa.gov/spacecraft/sounds.html) บทเพลง Cavatina ของบีโทเฟ่น คำพูดทักทายใน 54 ภาษา และที่สำคัญที่สุด (อย่างน้อยสำหรับเรา) ก็คือ ภาพถ่ายที่สามารถสื่อสารข้อเท็จจริงเกี่ยวกับฟิสิกส์ ชีววิทยา สังคมวิทยา และความงดงามของดาวเคราะห์สีน้ำเงินที่เราเรียกว่า “บ้าน”
ภาพที่ได้รับการคัดเลือกจากทีมงานมาจากแหล่งข้อมูลต่างๆ แต่ที่เราภาคภูมิใจคือ 10 ภาพประวัติศาสตร์ต่อไปนี้จาก เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก... -
การจารคัมภีร์ใบลาน ขุมทรัพย์ภูมิปัญญา ทางพระพุทธศาสนา
#หาชมได้ยาก การจารคัมภีร์ใบลาน ขุมทรัพย์ภูมิปัญญา ทางพระพุทธศาสนา
.
#คัมภีร์ใบลาน ภูมิปัญญาดั้งเดิมที่สำคัญของคนพุทธ ใช้เพื่อบันทึกองค์ความรู้ หลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศานา ด้วยคุณสมบัติที่ทนทาน ทำให้คัมภีร์ใบลานบางชุดมีอายุกว่า 500 ปี เช่นที่วัดไหล่หิน จ.ลำปาง ซึ่งยังทำหน้าที่เก็บข้อมูลสำคัญต่างๆ ต่ออายุศาสนาให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ตลอดมา
.
#กว่าจะเป็นคัมภีร์ใบลาน ไม่ใช่เรื่องง่ายต้องผ่านหลายขั้นตอนที่เปี่ยมไปด้วยศรัทธาของคนทำ คลิปนี้บอกขั้นตอนการทำคัมภีร์ใบลานไว้ให้ได้ดูกัน
.
มีคนเคยบอกไว้ว่า คัมภีร์ใบลานเป็นจารึกที่เก็บมากกว่าองค์ความรู้ แต่เปี่ยมไปด้วยศรัทธาของคนทำ ที่หวังจะต่ออายุพระพุทธศาสนาต่อไปตราบนานเท่านาน
ติดตาม The North องศาเหนือ ตอน คัมภีร์ลานล้านนา
-----------------------------
ชมคลิปค่ะ -
มหาเทพนาคา! “พญาศรีสุทโธนาคราช” มีอยู่จริง!! เคยมาหาหลวงปู่ขาวที่ถ้ำเป็ดเพื่อเข้ากราบด้วยความเคารพ
เรื่อง "พญาศรีสุทโธนาคราช มากราบหลวงปู่ขาว" (เทศนาโดย หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป)
เรื่องนี้เกิดในช่วงที่ หลวงปู่ขาว อนาลโย จำพรรษาที่ถ้ำเป็ด พระยาสุทโธนาคราช ได้มากราบหลวงปู่ ซึ่งหลวงปู่ขาวได้เล่าให้ศิษย์ฟังแล้วหลวงปู่เปลี่ยนได้มาถ่ายทอดอีกที่หนึ่งมีรายละเอียดในครั้งนั้น ดังนี้
คืนหนึ่ง แม่ชีแก่คนหนึ่งกำลังนั่งภาวนาบนกุฏิ เวลาประมาณ ๒ ทุ่ม มีเสียงคล้ายคนใส่รองเท้าเดินเสียงดังเข้ามายังกุฏิ แม่ชีตกใจจนหัวใจสั่น ร้องถามขึ้นว่า “มาทำไมกลางค่ำกลางคืนอย่างนี้ ฉันเป็นแม่ชีเฒ่า อย่าได้ขึ้นมาเลย”
เสียงผู้ชายตอบว่า “ไม่เป็นไรหรอก ฉันแวะมาถามเฉยๆ ดอก”
แม่ชีถามกลับไปว่า “ถามอะไร?”
ชายคนนั้นตอบว่า “ฉันจะไปถ้ำเป็ด ไปกราบหลวงปู่ขาว”
แม่ชีจึงจุดโคมไฟขึ้น เห็นชายผู้นั้นแต่งตัว คล้ายกับเจ้านายสูงศักดิ์ จึงถามว่า “เจ้าชื่ออะไร มาจากไหน?”
ชายผู้นั้นตอบว่า “ผมชื่อว่า พระยาสุทโธนาคราช จากชโนดดง”
แม่ชีถาม “ชโนดดงอยู่ที่ไหน”
เขาตอบว่า “อยู่ที่อำเภอบ้านดุง นี่แหละ” (จังหวัดอุดรธานี)
ก่อนจากไป แล้วชายผู้นั้นถามแม่ชีว่า “แม่ชีฝันดีบ้างไหม?”
แม่ชีตอบทันทีว่า “ฝันอะไรกัน ฉันมาบำเพ็ญภาวนาหาบุญต่างหาก”... -
เราพร้อม "เทเลพอร์ต" กันแล้วหรือยัง ?
เมื่อเดือนที่แล้ว นักวิทยาศาสตร์จีนสร้างความฮือฮาหลังประสบความสำเร็จในการส่งข้อมูลด้วยอนุภาคควอนตัมผ่านดาวเทียมม่อจื๊อ (Micius) ซึ่งในการส่งข้อมูลดังกล่าว นักวิทยาศาสตร์ประจำโครงการอ้างว่าได้ทำการ "เทเลพอร์ต" (Teleportation) หรือเคลื่อนย้ายข้อมูลสถานะของอนุภาคโฟตอนซึ่งเป็นอนุภาคของแสงจากพื้นโลกขึ้นไปยังดาวเทียมม่อจื๊อในอวกาศได้ในชั่วพริบตา ความสำเร็จนี้จะทำให้ในอนาคตอันใกล้ มนุษย์จะสามารถเคลื่อนย้ายมวลสารต่าง ๆ รวมทั้งตนเองไปยังห้วงอวกาศอันไกลโพ้นได้ในชั่วอึดใจ เหมือนกับในภาพยนตร์วิทยาศาสตร์หรือไม่ ?
ศาสตราจารย์ซานดู โปเปสคู จากมหาวิทยาลัยบริสทอลของสหราชอาณาจักรตอบคำถามนี้ว่า "หากพูดถึงการเคลื่อนย้ายมวลสารในชั่วพริบตาแบบในภาพยนตร์สตาร์เทร็ก มันจะไม่ใช่แค่การเคลื่อนย้ายอนุภาคเพียงตัวเดียวเท่านั้น แต่หมายถึงการเคลื่อนย้ายอนุภาคกว่าหลายพันล้านล้านล้านอนุภาค จากคนผู้หนึ่งไปยังดวงดาวที่ห่างไกล ซึ่งนอกจากอนุภาคที่เป็นมวลสารของร่างกายแล้ว ยังต้องส่งข้อมูลที่ประกอบกันขึ้นเป็นความคิดจิตใจของคนผู้นั้นไปด้วย นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลย"
ศาสตราจารย์โปเปสคูชี้ว่า แม้การ "เทเลพอร์ต"... -
เจอแล้ว…”ต้นมักกะลีผล” ที่ถูกแชร์สนั่นโลกโซเชียลฯ ที่แท้อยู่ “เพชรบูรณ์” ผลห้อยโตงเตงเต็มต้น!!?
จากกรณีที่ในโลกโซเชียลฯได้มีผู้โพสต์ภาพ “ต้นมักกะลีผล หรือ ต้นนารีผล” ต้นไม้ในเทพนิยายที่ออกผลคล้ายกับหญิงสาวเปลือยกาย ว่ามีอยู่จริงที่ในสวนป่าหิมพานต์ ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ และมีการแชร์ต่อกันในโลกโซเชียลมีเดียร์ กันเป็นจำนวนมาก โดยมีทั้งผู้ที่มีความเห็นเชื่อว่าน่าจะมีอยู่จริง และผู้ที่ไม่เชื่อว่าจะมีอยู่จริง ขณะที่บางกระทู้ได้แชร์ว่ามีอยู่จริงแต่อยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ลาว เขมร พม่า และ อินเดีย เป็นต้น
ล่าสุดได้มีผู้แชร์ต่อไปว่า มีอยู่จริงในพุทธธรรมสถานวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ซึ่งเป็นแหล่งปฏิบัติธรรม และแหล่งท่องเที่ยวทางศาสนาชื่อดังของจังหวัดเพชรบูรณ์ จนทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวในช่วงนี้ได้มีบรรดานักท่องเที่ยว และผู้แสวงบุญ หลั่งไหลกันเดินทางมาเที่ยวชม รวมทั้งผู้ที่ต้องการมาชมต้นมักกะลีผลที่วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว กันเป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบ ที่สวนป่าหิมพานต์ ตั้งอยู่หมู่ 8 บ้านทุ่งตีนผา ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งมีเนื้อที่เกือบ 700 ไร่ มีการปลูกต้นไม้ที่หาชมยาก รวมทั้งรูปปั้นสัตว์ และต้นไม้... -
คาถาย่นระยะทางของพระอินทร์ เรื่องเล่าของหลวงพ่อจรัญ
คาถาย่นระยะทางของพระอินทร์ เรื่องเล่าของหลวงพ่อจรัญ
เรื่องเล่าผ่านกาลเวลา :-
Published on Jul 18, 2017
คาถาย่นระยะทางของพระอินทร์ เรื่องเล่าของหลวงพ่อจรัญ -
สมิทธ ชี้ไทยเสี่ยงโดนพายุไต้ฝุ่นและไซโคลน 3-4 ลูกถล่ม ช่วงกรกฎาคม-สิงหาคมนี้
สมิทธ ชี้ไทยเสี่ยงโดนพายุไต้ฝุ่นและไซโคลน 3-4 ลูกถล่ม ช่วงกรกฎาคม-สิงหาคมนี้ แนะรัฐบาล-กรมชลฯ ตั้งรับเร่งระบายน้ำลงทะเล ไม่เช่นนั้นอาจเกิดน้ำท่วมใหญ่เหมือนปี 2554
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2560 นายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานมูลนิธิเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวว่า ขอให้รัฐบาลและหน่วยงานเกี่ยวข้องด้านน้ำของประเทศ ติดตามสถานการณ์ฝนตกหนักจากพายุ และร่องมรสุมที่จะเกิดในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้ เนื่องจากแนวปะทะความกดอากาศสูงกับความกดอากาศต่ำ ทำให้เกิดฝนตกแช่ที่ประเทศจีนรุนแรงมาก ซึ่งตอนนี้กำลังเลื่อนลงมาทางเกาะฮ่องกงและไหหลำ ทำให้ขณะนี้ในทะเลจีนมีพายุ 1 ลูก พาดผ่านระหว่างไทยกับลาว ส่งผลให้ฝนตกทางภาคเหนือช่วง 1-2 วันนี้
https://hilight.kapook.com/view/156766
https://www.dailynews.co.th/politics/585679
อีกทั้งประกอบกับลักษณะอากาศมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ทางมหาสมุทรอินเดีย นำความชื้นจากทะเลอันดามัน และยังมีสรสุมตะวันออกจากจีน ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น มาปะทะด้วย ส่งผลให้ทะเลจีนใต้ปั่นป่วน ทำให้ประเทศไทยเจอพายุไต้ฝุ่น และพายุไซโคลน 3-4 ลูก ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม... -
มส.ยันหน้าที่ชาวพุทธชี้แจงคนโจมตีว่าร้าย
มส.ยันหน้าที่ชาวพุทธชี้แจงคนโจมตีว่าร้าย
มส.เปิดโครงการอบรมวิชาการเทศนา พระนักเทศน์ รุ่นที่ 25 วัดประยุรวงศาวาส แนะชาวพุทธมีหน้าที่ชี้แจงหากมีคนโจมตีว่าร้าย ขณะที่ "สด แดงเอียด" อดีตอธิบดีกรมการศาสนาเตือนถ้าพระพุทธศาสนาไม่เข้มแข็ง ศาสนาอื่นจะมีความเข้มแข็ง
วันที่ 16 ก.ค.2560 พระพรหมบัณฑิต (ป.ธ.9, ศ.,ดร.,ราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์, อัคคมหาบัณฑิต) กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) เจ้าคณะภาค 2 เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร กล่าวเปิดในพิธีปฐมนิเทศพระนักเทศน์ รุ่นที่ 25 โครงการอบรมวิชาการเทศนา ณ วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ซึ่งมีสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ให้การสนับสนุน ความว่า
การมาเรียนเป็นนักเทศน์จะต้องเกิด 4 ประการ คือ
1) "มาให้เกิดแรงบันดาลใจ" การมาเรียนทำให้เราเกิดแรงบันดาลใจ ซึ่งต้องเกิดมาจากฉันทะในอิทธิบาท ใฝ่ที่จะเป็น จะมีความเพียรตามมา เอาจิตจดจ่อมุ่งมั่นตั้งใจ ถ้าไม่มีแรงบันดาลใจไม่มีจุดเริ่มต้น อย่าคิดว่างานเผยแผ่เป็นภาระ
แต่เป็นธุระสำคัญทางพระพุทธศาสนา ธุระสำคัญ 4 เรื่องที่พระพุทธเจ้าหวัง คือ ศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรม... -
หรือเวียดนามจะแซงไทยเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาโลก?
หรือเวียดนามจะแซงไทยเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาโลก?
พระครูพิพิธสุตาธร (พระมหาบุญช่วย สิรินฺธโร) รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) วิทยาเขตเชียงใหม่ ได้เดินทางไปร่วมการประชุมนานาชาติ เพื่อนำเสนอบทความทางวิชาการและผลงานวิจัย ของสมาคมวัฒนธรรมและศาสนาแห่งเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South and Southeast Asia Association for Culture and Religion – SSEASR) และการประชุมระดับภูมิภาคของสมาคมเพื่อประวัติศาสตร์ศาสนานานาชาติ (International Association for the History of Religions – IAHR) ซึ่งจัดโดยสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์เวียตนาม (Vietnam Buddhist Research Institute) ณ สถาบันธรรมมินห์ ดัง กวาง ระหว่างวันที่ 9 – 11 กรกฎาคม 2560 นี้
หลังจากนั้นได้สรุปเนื้อหาพร้อมภาพเผยแพร่ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวคือ "Phramaha Boonchuay Doojai" ซึ่งได้เห็นมติก็การทำงานร่วมกันทางวิชาการระหว่างผู้นำชาวพุทธ โดยได้เห็นภาพสังฆราชประเทสกัมพูชาและพระผู้นำประเทศเวียดนามได้เข้าร่วมอย่างพร้อมเพียง... -
เรื่องเล่าในพระธรรมบท ตอน ท้าวสักกเทวราช จอมเทวาสวรรค์ผู้ทรงมีคุณธรรม
เรื่องเล่าในพระธรรมบท ตอน ท้าวสักกเทวราช จอมเทวาสวรรค์ผู้ทรงมีคุณธรรม
ท้าวสักกะ
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในวัดกูฎาคารศาลา ทรงปรารภท้าวสักกเทวราช ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 30 นี้
ครั้งหนึ่งเจ้าลิจฉวีพระนามว่า มหาลิ ได้เสด็จมาฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดา พระศาสดาได้ทรงแสดง สักกปัณหสูตร โดยที่พระศาสดาทรงกล่าวถึงท้าวสักกะอย่างกระจ่างชัดมาก ดังนั้นเจ้ามหาลิจึงดำริว่าพระศาสดาจะต้องเคยพบกับท้าวสักกะด้วยพระองค์เองมาแน่ๆ แต่เพื่อให้เกิดความมั่นใจเจ้ามหาลิจึงได้ทูลถามเรื่องนี้กับพระศาสดา ซึ่งพระศาสดาได้ตรัสตอบว่า “มหาลิ อาตมภาพรู้จักท้าวสักกะ อาตมภาพยังรู้ด้วยว่าธรรมะอะไรทำให้ท้าวเธอเป็นท้าวสักกะ” จากนั้นพระศาสดาได้ทรงเล่าว่าท้าวสักกะผู้เป็นจอมแห่งเทพทั้งหลายนี้ในอดีตชาติเมื่อครั้งเป็นมนุษย์มีชื่อว่า มฆมาณพ อยู่ในหมู่บ้านชื่ออจาละในแคว้นมคธ มฆมาณพนี้กับสหายอีก 32 คนได้ช่วยกันก่อสร้างถนนหนทาง และที่พักริมทาง สำหรับตัวมฆมาณพเองนั้นได้ปฏิบัติวัตรบท 7 ประการ ตลอดชีวิต คือ 1. เลี้ยงดูบิดามารดา 2. ให้ความเคารพผู้ใหญ่ในตระกูล 3. พูดคำสุภาพอ่อนหวาน 4. ไม่พูดส่อเสียด 5. ชอบเผื่อแผ่แบ่งปัน ไม่ตระหนี่ 6.... -
เรื่องเล่าในพระธรรมบท ตอน พระภิกษุผู้สำเร็จอรหันต์ด้วยการเห็นไฟไหม้
เรื่องเล่าในพระธรรมบท ตอน พระภิกษุผู้สำเร็จอรหันต์ด้วยการเห็นไฟไหม้
ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 31 นี้
มีภิกษุรูปหนึ่ง หลังจากรับพระกัมมัฏฐานจากพระศาสดาแล้ว ก็ได้เข้าไปปฏิบัติพระกัมมัฏฐานในป่า แม้ว่าท่านจะได้ทำความพยายามอย่างเต็มที่แล้ว ก็มีความก้าวหน้าในการปฏิบัติพระกัมมัฏฐานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ท่านจึงมีความเก็บกดอยู่ภายใน ท่านมีความคิดว่าควรที่ท่านจะกลับไปขอคำแนะนำพิเศษมากยิ่งขึ้นจากพระศาสดา จึงได้ออกเดินทางจะไปพระเชตวัน ในระหว่างทางท่านเห็นไฟป่าลุกไหม้อยู่ ก็ได้วิ่งขึ้นบนภูเขามองลงมาดูไฟป่านั้นจากที่สูง ขณะที่ไฟฟ้ากำลังไหม้ลุกลามอยู่นั้น ท่านก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า “ ไฟป่านี้ไหม้เชื้อเพลิงทุกสิ่งทุกอย่างทั้งใหญ่และน้อยฉันใด อริยมรรคญาณก็จะไหม้สังโยชน์ทุกอย่างทั้งใหญ่และน้อย ฉันนั้น”
พระศาสดา ประทับนั่งในพระคันธกุฎีที่วัดพระเชตวัน ทรงทราบความคิดของพระภิกษุรูปนั้น จึงแผ่พระรัศมีไปปรากฏอยู่เบื้องหน้าของท่าน “ดูก่อนภิกษุ” พระศาสดาตรัส “เธอคิดถูกต้องแล้ว จงคิดเช่นนั้นต่อไปเถิด... -
ท่านท้าวมหาราช ๔ พระองค์คอยดูแลตอนเจริญพระกรรมฐาน
..."เวลาจะนั่งกรรมฐาน ต้องคิดไว้เสมอ จะเป็นผีเป็นเทวดานี่เขาเข้าถึงตัวเราไม่ได้
วัดจากตัวเราไปได้ ๑ วา รอบ ๆ อย่างเก่งก็มีฤทธิ์ได้แค่นั้น ไม่ว่าจิตอยู่ในเกณฑ์ของสมาธิ
มากหรือน้อยก็ตาม ถ้าเราสมาทานแล้ว คำว่าผีจริง ๆ เข้ามาไม่ได้เลย ที่จะเข้าใกล้เราได้มี
พวกเทวดาเท่านั้น นี่จำไว้เลย
ถ้าเจริญกรรมฐาน จิตจะเริ่มเข้าถึงปีติ อันนี้ท้าวมหาราชจะส่งเทวดาเข้าคุมทุกคนนะ
ปีตินั้นคือ จิตใจของเรามีความแน่วแน่ เวลาเจริญพระกรรมฐานนี่นะ การทำสมาธิจิต
จะแบบไหนก็ตาม ถ้าเรามีความชอบใจ อันนี้เป็นปีติตั้งแต่ระยะนี้เป็นต้นไป ท้าวมหาราชจะส่งคน
มาคุม กันผีเข้ามารบกวน
พวกผีหรือที่เรียกว่า อมนุษย์ ถ้าจะมาทำร้ายเรา เขาเข้าไม่ได้เลย ถ้าบังเอิญเรานั่งไป เราก็เห็น
ว่ามีคนสักคนหนึ่งลากคอคนหรือรัดมือรัดเท้าลากไป อย่าไปห้ามนะ ถ้าหากมาเป็นศัตรูเขาก็จัดการทันที
ถ้ามันจะมาขอส่วนบุญ ถ้าเข้ามาใกล้ แค่มายืนได้ แค่วากว่า ๆ ถ้าเราสงสัย เราเห็นเข้าก็อุทิศส่วน
กุศลให้แก รูปร่างหน้าตาแจ่มใสแกก็ไป ไม่มีอะไรไม่ต้องกลัว.."
โดยหลวงพ่อฤาษี วัดจันทาราม (ท่าซุง) อุทัยธานี
https://www.facebook.com/groups/287049074816527/ -
ขุดพบ "พระมัมมี่" อายุกว่า 1000ปี ก่อนหมอนำเข้า "เครื่องสแกน" เห็นสิ่งที่อยู่ภายใน? พนมมือสาธุท่วมหัว
บนโลกใบนี้ยังมีเรื่องราวมากมาย ที่แม้แต่วงการแพทย์และวิทยาศาสตร์ยังหาคำอธิบายไม่ได้ เมื่อเว็บไซต์ Dailymail ได้เผยการค้นพบ รูปปั้นมัมมี่อายุกว่า 1000ปี ซึ่งภายในบรรรจุร่างพระอาจารย์ Ci Xian ณ วัด Dinghui มณฑลเหอเป่ย ประเทศจีน
ซึ่งเมื่อนำเข้าเครื่อง CT สแกนก็พบว่าร่างของพระอาจารย์ Ci Xian ยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์มาก โดยโครงกระดูกและสมองยังอยู่ในสภาพดีจนสามารถนำไปศึกษาได้ ท่ามกลางความตกใจของพระและเหล่านักบวชที่มาร่วมเป็นพยาน
ขณะที่กระดูก ไม่ว่าจะเป็นกราม ฟัน ซี่โครง กระดูกสันหลังและข้อต่อทั้งหมดของพระอาจารย์มีความสมบูรณ์ราวกับคนปกติทั่วไปเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม สำหรับพระอาจารย์ Ci Xian ถือเป็นพระที่ได้รับการนับถือบูชาในสมัยก่อน และยังเคยเดินทางไปเผยแพร่พุทธศาสนา จากประเทศอินเดียไปยังจีนอีกด้วย
ขอบคุณที่มา dailymail / catdumb
เรียบเรียง และ เขียนข่าวโดย
สุจินาถ ปาลิตานนท์ : ทีมงาน ที่สุดดอทคอม
-----------------
ที่มา ::
http://www.tsood.com/contents/ax/3000870 -
"ฝึกใจให้เฉย"
ให้พิจารณาความไม่เที่ยงแท้ไม่ถาวรของทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีอยู่ แม้แต่ร่างกายของเราก็จะต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย ห้ามมันไม่ได้ อนัตตา แปลว่าห้ามมันไม่ได้ สั่งมันไม่ได้ เป็นเหมือนลม ห้ามมันไม่ได้สั่งมันไม่ได้ เราสั่งลมได้ไหม ห้ามได้ไหม ไม่ได้ เราสั่งความแก่ ความเจ็บ ความตายได้ไหม แต่เราจะทุกข์หรือไม่ทุกข์ อยู่ที่ว่าเราจะเฉยหรือไม่เฉย ถ้าเราเฉยเราก็จะไม่ทุกข์ แก่ก็แก่ไป เจ็บก็เจ็บไป ตายก็ตายไป ถ้าอย่างนี้ก็ไม่ทุกข์ แต่ถ้าไม่อยากแก่ก็จะทุกข์ขึ้นมาทันที ผมหงอกเส้นหนึ่งก็ทุกข์แล้ว ใจไม่สบายแล้ว ฟันปวดหน่อยก็ทุกข์แล้ว เจ็บฟันหน่อยก็ทุกข์ขึ้นมา แต่ถ้าเรารู้ว่าห้ามมันไม่ได้ ไปสั่งมันไม่ได้ เราก็ทำใจให้เฉยเหมือนกับลมพัดอย่างนี้ เรารู้ว่าเราห้ามลมพัดไม่ได้ ลมพัดเราก็เฉยไป ต้องฝึกสติให้มากๆ ฝึกใจให้เฉยให้มากๆ ฝึกใจให้ใจเข้าสู่สมาธิให้มาก เพราะเวลาเข้าสู่สมาธิแล้วมันจะเฉยจริง.
สนทนาธรรมะบนเขา
วันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
--------------------
ขอขอบคุณที่มา :: -
รับดาวราหูจร!! เจาะตำนาน "พระราหู" ในพุทธศาสนา นับเป็นองค์"พระโพธิสัตว์" ได้รับการพยากรณ์ ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต!!!
พระราหูในพระพุทธศาสนา บุพกรรมของพระราหู
ในวรรณคดีทางพระพุทธศาสนาได้เล่าเรื่องพระราหู พระอาทิตย์และพระจันทร์ เกี่ยวกับบุพพกรรมที่ทั้งสามได้เคยสร้างร่วมกันมา จนเป็นเหตุให้เกิดเรื่องราวแห่งพระราหู พระอาทิตย์และพระจันทร์มาจนทุกวันนี้ เล่าครั้งหนึ่งว่าทั้งสามคือ พระอาทิตย์ พระจันทร์และพระราหูเกิดเป็นพี่น้องกันมีพระอาทิตย์เป็นพี่คนโต พระจันทร์เป็นคนรองพระราหูเป็นน้องเล็ก พระอาทิตย์และพระจันทร์นั้นนิสัยดีชอบทำบุญใส่บาตร เลือกเอาของดีถวายพระภิกษุสงฆ์เสมอๆ แต่พระราหูนั้นนิสัยออกเกเร เป็นนักเลง เจ้าโทสะ ไม่ค่อยประดิษฐ์ประดอยเหมือนพี่ๆเขา ครั้งหนึ่งพระอาทิตย์ชวนน้องทั้งสองใส่บาตร พระอาทิตย์เลือกใช้ขันทอง พระจันทร์เลือกใช้ขันเงิน แต่พระราหูนั้นเลือกเอากะลาเป็นขันใส่ข้าว รวมทั้งทัพพีตักข้าวด้วย
ด้วยกรรมดังนี้พระอาทิตย์ตั้งจิตอธิษฐานให้ตนเองเกิดเป็นสุริยเทพผู้มีรัศมีสองแสงเป็นสีทองส่องสว่างแก่มนุษย์ยามกลางวัน พระจันทร์ตั้งจิตขอไปเกิดเป็นจันทราเทพผู้มีรัศมีเย็นตา ให้ความสว่างแก่มนุษย์ยามกลางคืน... -
ตำนานบทสวดมนต์ ตอน "พุทธมังคลคาถา"ของท่านสมเด็จพระพุฒาจารย์โต เพื่อด้านลาภผลและมงคลทั้งปวง
ตำนานบทสวดมนต์ ตอน "พุทธมังคลคาถา"ของท่านสมเด็จพระพุฒาจารย์โต เพื่อด้านลาภผลและมงคลทั้งปวง
ความเป็นมา
บทคำนมัสการพระอรหันต์ 8 ทิศ หรือเรียกอีกอย่างว่า "พุทธมังคลคาถา"
เป็นพระคาถาอีกบทของของท่านสมเด็จพระพุฒาจารย์ ที่ถือว่ามีอิทธิฤทธิ์ด้านลาภผลและมงคลทั้งปวง เพราะคำว่าพุทธมังคลคาถานี้ คือการนมัสการบูชาพระอรหันต์แปดทิศ ซึ่งล้วนแต่เป็นพระมหาเถระที่ยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น
พุทธมงคลนมัสการพระอรหันต์ ๘ ทิศนี้ เป็นบทสวดเพื่อนหวนระลึกถึงและบูชาพระอรหันต์ ๘ ทิศ โดยเน้นการสวดเป็นทำนองสรภัญญะ โดยได้อาราธนาพระอรหันต์ผู้ทรงคุณทรงฤทธิ์ทั้ง ๘ ทิศ มาเป็นกำแพงแก้ว ปกป้องคุ้มครองให้แคล้วคลาดจากภยันตราย บังเกิดแต่ความสุขสวัสดีตลอดกาล
เพื่อการสักการบูชาคุณของพระรัตนตรัยและส่วนที่เป็นสังฆานุภาพ มีพระอรหันต์ ๘ ทิศเป็นสื่อธรรม สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังษี ได้รจนาพระบาลีนมัสการพระอรหันต์ ๘ ทิศนี้ขึ้น นำสู่การสาธยายทำวัตรเช้าเย็นและเจริญพระพุทธมนต์ในพระอุโบสถ มาบัดนี้ บทสวดนมัสการ ๘ พระอรหันต์ได้แผ่ไพศาลสู่การสาธยายโดยทั่ว... -
“เมืองดงละคร” เมืองลึกลับที่ รัชกาลที่ 5 ทรงสนพระทัยยิ่ง !! ทั้งยังนำน้ำศักดิ์สิทธิ์จากเมืองนี้ ไปประกอบพิธีในพระราชพิธีมากมายสมัย ร.9 !!
“ที่ภูเขาหรือที่ชายป่าตีนเขาในวันพระ หากใครกล้าท้าพิสูจน์ แนะนำช่วงเวลาค่ำคืน ไปด้อมๆ มองๆ จะได้ยินเสียงผู้คน หญิงชาย เด็กเล็ก อีกทั้งมโหรีปี่แตรก้องสนั่นป่า กลิ่นดอกไม้ลอยลมมาแต่ไกล เหล่านางฟ้าหรือผีบังบด เก็บดอกไม้บูชาพระ” นี่เป็นส่วนหนึ่งของคำบอกเล่าชาวบ้านในบริเวณ
แต่เดิมชาวบ้านเรียกเมืองนี้ว่าเมืองลับแล ส่วนชื่อเมืองว่าดงละครนั้นไม่ทราบที่มาแน่ชัด บางแห่งกล่าวว่า เวลากลางคืน ได้ยินเสียงดนตรีวงมโหรีแว่วมาจากในเมืองกลางป่า คล้ายกับมีการเล่นละครในวัง จึงเรียกว่าดงละคร หมายถึงมาเล่นละครในดง ส่วนอีกแห่งก็กล่าวว่า เดิมเมืองนี้น่าจะเรียกว่า ดงนคร หมายถึงนครที่อยู่ในดง แต่นานเข้าจึงเรียกเพี้ยนกลายเป็น ดงละคร แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับที่มาของชื่อเมืองดงละครนี้
เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสเมืองปราจีนบุรี ได้มีพระบรมราชาธิบายเกี่ยวกับเมืองดงละครไว้ว่า เป็นเมืองที่สร้างขึ้นโดยเจ้าแผ่นดินเขมรโบราณซึ่งเป็นสตรี หรืออาจเรียกว่าราชินีแห่งแผ่นดินเขมรโบราณนั่นเอง โดยเมื่อราชินีองค์นี้ขึ้นครองแผ่นดินเขมร ได้เฟ้นหาชายรูปงามจากแคว้นต่างๆ... -
วิธีดูเหรียญเสือหลวงพ่อสุดวัดกาหลงทุกรุ่น Odin Thailand
ตี๋ใหญ่อดีตตำนานจอมโจรชื่อดัง เชื่อกันว่า ตี๋ใหญ่ เป็นโจรจอมขมังเวทย์ มีคาถาอาคมกำบังหายตัวได้ จึงทำให้หลุดรอดจากการจับกุมของทางการอยู่เสมอ ๆ โดยที่มีตะกรุดของหลวงพ่อสุดวัดกาหลงติดตัวอยู่เสมอ
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2524 จุดจบตี๋ใหญ่ก็มาถึง เมื่อลูกน้องได้ขโมยตะกรุดไป ทำให้ตี๋ใหญ่ต้องเดินทางไปหาหลวงพ่อสุด แต่วันนั้นหลวงพ่อไม่อยู่ จึงถูกลูกน้องยิงตาย แล้วรีบออกจากรถ หลังจากตำรวจมาถึงรถที่ตี๋ใหญ่ตายอยู่ในรถก็ได้ระดมยิงถล่มรถอีกครั้งโดยไม่รู้ว่าตี๋ใหญ่ได้ตายอยู่ในรถก่อนหน้านี้แล้ว แต่ทว่าจากคำบอกกล่าวของลูกน้องคนนึงของตี๋ใหญ่ กล่าวว่า ตี๋ใหญ่ถูกลูกน้องคนนี้หักหลัง ด้วยถูกตำรวจจ้างด้วยเงิน 200,000 บาท พร้อมให้สัญญาจะช่วยในคดีฆ่าคนตาย 2 คดีให้หลุดพ้น ซึ่งตี๋ใหญ่ไม่ได้ถูกตำรวจฆ่าตาย
หลวงพ่อสุด วัดกาหลง เป็นพระเกจิอาจารย์ที่เข้มขลังในวิทยาคมและมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย วัตถุมงคลของท่านเด่นทางด้านอยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาด และเมตตามหานิยม และปัจจุบันมีการปลอมแปลงเป็นจำนวนมาก
แต่บัดนี้ท่าน Odin Thailand ได้บันทึกการดูเหรียญหลวงพ่อสุดรุ่นต่างๆ ทาง youtube อันจะเกิดประโยชน์กับนักสะสมต่อไป... -
สมเด็จติดบ่วงแทนนก
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี )ท่านแผ่เมตตาให้สัตว์ทั้งหลายทั่วกัน ไม่จำกัดขอบเขตว่า จะเป็นสัตว์ชนิดใด เมื่อพบสัตว์ประสบทุกข์ต้องภัยพิบัติ ท่านก็ช่วยเหลือแก้ไขด้วยการุณยจิต
มีเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่งท่านเดินทางไปต่างจังหวัด ระหว่างทางได้มองเห็นนกตัวหนึ่งติดแร้วอยู่ กำลังดิ้นรนเพื่อจะเอาชีวิตให้รอดไป แต่ก็ไม่สามารถหลุดไปจากแร้วได้ ท่านจึงแก้บ่วงแร้วปล่อยนกนั้นไป แล้วท่านก็เอาเท้าของท่านสอดเข้าไปในบ่วงนั้น นั่งทำทีเป็นติดแร้วไปไม่ได้ เมื่อคนเดินผ่านมาพบ ก็เข้าไปจะช่วยแกะเชือกแก้บ่วงออก ท่านไม่ยอมให้แก้บอกให้ไปตามเจ้าของแร้วมาก่อน เมื่อเจ้าของแร้วมา ท่านก็บอกความจริงว่า นกติดแร้วแต่ท่านช่วยปล่อยนกนั้นไป จึงขอติดแร้วแทนนก
เจ้าของแร้วบอกท่านว่า ไม่เป็นไร อนุญาต ยินยอมให้ท่านปล่อยนกนั้นได้ โดยไม่ติดใจโกรธแต่อย่างใด ท่านจึงแก้บ่วงจากเท้า แล้วบอกให้เจ้าของแร้วกรวดน้ำ ท่านยถาสัพพี เสร็จแล้วท่านจึงออกเดินทางต่อไป
เรื่องการแก้บ่วงปล่อยนกไปนั้น ว่าตามทางพระวินัย ท่านมีความผิดเพราะนกนั้นเป็นทรัพย์มีเจ้าของแล้ว ปรับเป้นภัณฑไทย ดังนั้น ท่านจึงต้องคอยให้เจ้าของแร้วอนุญาตก่อนจึงพ้นผิดได้... -
ปัญหาพระนิพพานและอานิสงส์ต่าง ๆ
..................
ปัญหาพระนิพพานและอานิสงส์ต่าง ๆ
"จะไปนิพพานก็ต้องได้ “สังขารุเปกขาญาณ” เป็นวิปัสสนาญาณตัวสุดท้าย เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน จะไปนิพพานต้องเป็นพระอรหันต์ ถ้าไม่เป็นพระอรหันต์ไปนิพพานไม่ได้ พระอรหันต์เขาเป็นตอนไหน ตอนที่ตัดสักกายทิฎฐิ ได้เด็ดขาด..."
จิตลอยไปตัดใจไปนิพพาน
ผู้ถาม หนูนั่งกรรมฐานที่ ซอยสายลม บ้าน เจ้ากรมเสริม ปรากฏว่าน้ำตาไหลและดวงจิตล่องลอยออกไปไม่ค่อยจะกลับมา เลยตัดสินใจว่าตายวันนี้ขอไปนิพพานทันที อย่างนี้พอมีโอกาสไปได้ไหมคะ เพราะตอนนั้นใจมันลอยไปแล้ว ...?
หลวงพ่อ ใจมันลอยไป แล้วใครมันนึกล่ะ ใจลอยไปมันหมายความว่ายังไง เอาล่ะไม่เป็นไร ถือว่าตัดสินใจถูกดีกว่า นั้นแหละถูกต้องนะ อย่างนั้นแน่นอน ถ้าตายเวลานั้นไปนิพพานจริง ๆ เอาอย่างนี้ดีกว่า ง่ายดี !
ผู้ถาม ไม่ต้องลงทุนอะไรเลยหรือครับหลวงพ่อ...?
หลวงพ่อ ก็ลงทุนเยอะ ลงมุนต้องทิ้งบ้านมา ต้องเสียค่ารถมา ต้องเสียความสุขที่อยู่ที่บ้าน เสียความสุขที่อยู่โรงหนัง เสียความสุขในโรงเหล้า โอ๊ะ ! ลงทุนมาก โดยเฉพาะลงทุนหนักก็ตือ ต้องลงทุนทำลายกิเลส เวลานั้นจิตบริสุทธิ์จริง ๆ... -
ตายแล้วย้อนกลับมาบ้านเรือน
จิตวิญญาณท่องเที่ยวในวัฏสงสาร จะกว้างแคบขนาดไหนจิตวิญญาณจะไปได้ด้วยอำนาจแห่งกรรมดี กรรมชั่วหนุนพาให้ไป ผู้ที่ว่าไปสวรรค์ชั้นนั้น ๆ ถ้าจะพูดถึงเรื่องการวัดชั้นเป็นถนนหนทาง ทางจากนี้ไปสวรรค์ชั้นนั้นห่างสักกี่กิโลอย่างนี้นั้น เรานับไม่ได้ สังขารร่างกายเราไปไม่ได้ แต่จิตใจนั้นไม่ว่าจะอยู่ใกล้ไกลขนาดไหน ไปได้ทั้งนั้นชั่วขณะเดียว จิตใจนี้ไปได้ ระยะความใกล้ความไกลไม่มีปัญหาในจิตใจของแต่ละสัตว์แต่ละบุคคล ตายแล้วไปทางดีทางชั่ว เสวยสุขเสวยทุกข์ได้ด้วยกันทั้งนั้น ขอให้มีคำว่าบุญและบาปที่ตนสร้างไว้แล้วติดใจของตนเถิด ไม่ว่าไกลว่าใกล้ เช่นไปเสวยความทุกข์ความทรมาน ใกล้ไกลที่ไหนไม่มีประมาณ ถึงทันที ๆ
เช่นอย่างไปนรก แดนนรกนี้ถ้าธรรมดาแล้วจะไม่มีใครไปถึง เพราะอยู่ไกลแสนไกล แต่อำนาจแห่งกรรมที่เราสร้างไว้ไม่ดีนั้น มันติดอยู่กับตัวของเรา ติดพันกันไป จนกระทั่งถึงนรกหลุมไหนไม่มีคำว่าใกล้ว่าไกล ขึ้นอยู่กับอำนาจแห่งกรรมชั่วของตน ผู้ที่จะไปสวรรค์ พรหมโลก และนิพพานก็เช่นเดียวกัน ไม่มีคำว่าใกล้ว่าไกล ขอให้มีบุญมีกุศลติดใจของเราเถิด จะไปได้ถึงหมดไม่ว่าชั้นใดภูมิใด ตามอำนาจแห่งกรรมดีของเราที่มีมากน้อย... -
กตัญญูเป็นเลิศ.. "หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค" ยามพ่อแม่เจ็บป่วย ไม่สบาย ท่านจะดูแลด้วยตัวเอง แม้จะโดนกล่าวหา แต่ พระพุทธเจ้าบอกไม่บาป!!
หลวงพ่อปาน(โสนันโท) ท่านมีความกตัญญูกตเวทีกับ
พ่อแม่มาก เวลาพ่อแม่ของท่านป่วย หลวงพ่อปาน(โสนันโท) ท่านไม่ยอมให้อยู่ที่บ้าน
ท่านนำมารักษาที่วัดให้นอนในกุฏิท่าน ผ้านุ่ง ผ้าห่มของท่าน ท่านซักเอง เวลาท่านแม่ลุกไม่ถนัด ท่านก็อุ้มลุกอุ้มนั่ง เช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้
มีหลายคนตำหนิท่านว่า ท่านเป็นพระ ทำอย่างนี้แม่ท่านจะบาป
ท่านก็เลยบอกว่า พระพุทธเจ้า ท่านว่าไม่บาป เป็นความดีที่แสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่
เวลานี้ท่านเป็นพระเป็นลูกของพระพุทธเจ้า ท่านก็เลยทำตามพระพุทธเจ้า พระองค์เทศน์ไว้ในพระไตรปิฎกมีอยู่
ในสมัยที่ พระพุทธเจ้ายังเสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์ เสวยพระชาติมีนามว่า "สุวรรณสาม" สมัยนั้นพระองค์ก็ปรนนิบัติดูแล
ท่านพ่อท่านแม่ของท่านเป็นอย่างดี
ขอขอบคุณท่านเจ้าของภาพ และที่มาเนื้อหาข้อมูล จาก หนังสือ ตายไม่สูญ...แล้วไปไหน
โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี กล่าวปรารภถึง หลวงพ่อปาน โสนันโท วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
เรียบเรียงโดย
ศักดิ์ศรี บุญรังศรี : สำนักข่าวทีนิวส์
--------------------------... -
ตำนานบทสวดมนต์ ตอน คาถา “ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก” ต้นฉบับโบราณดั้งเดิม เสริมโชคลาภ คุ้มกันภัย
ตำนานบทสวดมนต์ ตอน คาถา “ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก” ต้นฉบับโบราณดั้งเดิม เสริมโชคลาภ คุ้มกันภัย
ต้นฉบับเดิมเปิดกรุได้ที่เมืองสวรรค์โลก จารเป็นอักษรขอม จารึกไว้ในใบลาน โบราณาจารย์จึงได้แปลเป็นอักษรไทย หลวงธรรมาธิกรณ์ (พระภิกษุแสง) ได้มาแต่พระแท่นศิลาอาสน์ มณฑลพิษณุโลกมีคำกล่าวในหนังสือนำนั้นว่า ผู้ใดมียอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกไว้ประจำบ้านเรือน มีอานิสงส์ยิ่งกว่าได้สร้างพระเจดีย์ทองคำสูงเทียมเทวโลกและป้องกันภยันตรายต่าง ๆ ทำมาหากินเจริญ ฯลฯประวัติต้นฉบับเดิมกล่าวว่า หนังสือยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกนี้ มีคำกล่าวไว้ในหนังสือนำว่าเป็นพุทธมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ ถ้าผู้ใดได้สวดมนต์ภาวนาทุกเช้าค่ำแล้ว เป็นการบูชารำลึกถึงพระพุทธเจ้า ผู้นั้นจะไม่ไปตกอบายภูมิ แม้ได้บูชาไว้กับบ้านเรือน ก็ป้องกันอันตรายต่าง ๆ จะภาวนาพระคาถาอื่น ๆ สัก ๑๐๐ ปี อานิสงส์ก็ไม่สูงเท่าภาวนาพระคาถานี้ครั้งหนึ่ง ถึงแม้ว่า อินทร์ พรหม ยมยักษ์ ที่มีอิทธิฤทธิ์ จะเนรมิตแผ่นอิฐเป็นทองคำก่อเป็นพระเจดีย์ ตั้งแต่มนุษย์โลกสูงขึ้นไปจนถึงพรหมโลก อานิสงส์ก็ยังไม่เท่าภาวนายอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกนี้ และมีคำอธิบายคุณความดีไว้ในต้นฉบับเดิมนั้นอีกนานับปการ ฯ... -
สาธุ!! ยอดพระคาถา "หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค" หมั่นท่อง หมั่นจำ รับรองดีจริง! มีวิธีอย่างไร ต้องลองดู!!
หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อยุธยา
หลวงพ่อปาน เกิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2418 ในสมัยรัชกาลที่ 5 โยมบิดาชื่อ อาจ โยมมารดาชื่อ อิ่ม นามสกุล สุทธาวงศ์ ที่ย่านบางนมโค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยอาชีพทางครอบครัว คือ ทำนา ครอบครัวของท่านนับได้ว่าเป็นครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะ สมัยนั้นเขายังมีทาสกันอยู่ ที่บ้านท่านก็มีทาส เมื่อตอนท่านเกิดมา มีปานแดงอยู่ที่นิ้วก้อยมือซ้ายตั้งแต่โคนนิ้วถึงปลายนิ้วคล้ายปลอกนิ้ว โยมบิดาจึงตั้งชื่อท่านว่า "ปาน"
ประวัติของท่านในวัยเด็ก เมื่อตอนอายุสัก 3 - 4 ขวบ ก็มีเหตุที่ทำให้ท่านได้ยินคำว่า “พระอรหัง” เป็นครั้งแรก โดยในเรื่องนี้ท่านเล่าให้หลวงพ่อพระราชพรหมญาณ (วีระ ถาวโร หรือ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) ซึ่งหลวงพ่อพระราชพรหมญาณ (ซึ่งต่อๆ ไปในนี้จะเรียกสั้น ๆ ว่า หลวงพ่อฤๅษีฯ ) ได้เขียนไว้ในหนังสือ ประวัติหลวงพ่อปาน พอสรุปได้ว่า
วันหนึ่งท่านวิ่งเล่นอยู่ใต้ถุนบ้านย่าของท่าน ก็ปรากฏว่าย่าของท่านกำลังป่วยหนักใกล้จะตาย เวลานั้นเป็นเวลาบ่ายประมาณ 2-3 โมง คนทุกคนเขามาเยี่ยมย่า พ่อแม่ของท่านก็ไป เมื่อคนทุกคนขึ้นไปแล้ว ท่านก็ได้ยินเสียงร้องดัง ๆ บอก “แม่ แม่ อรหังนะ อรหัง ภาวนาไว้... -
“ศิษย์หลวงพ่อปานเมื่อออกธุดงค์ มักมีเทวดามาใส่บาตรให้เสมอ” หลวงพ่อฤๅษีลิงดำเล่าให้ฟังว่าเพราะเหตุใด?
หลวงพ่อฤๅษีลิงดำเคยเล่าถึง การออกธุดงค์ของเหล่าลูกศิษย์ของหลวงพ่อปานที่ต้องการจะศึกษาปฏิบัติแบบ “ อุกฤษฏ์” คือการออกธุดงค์ให้ได้สำเร็จ ไม่ก็จะขอตายเสียในป่า โดยได้เตรียมพร้อมซักซ้อมกันที่ป่าอำเภอศรีประจันต์จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อซักซ้อมกันเป็นที่พร้อมแล้วในเดือนยี่(มีนาคม) พ.ศ.2480 เมื่อสมาทานเสร็จ หลวงพ่อปานได้สั่งไว้ว่า นับแต่วันนี้เป็นต้นไปเธอจงพยายามหนีบ้าน รีบเดินทางให้พ้นเขตบ้านภายใน 3 วัน เป็นอย่างช้า ต่อจากนั้นจงอยู่แต่ในป่าที่ไม่มีบ้านบิณฑบาต ถ้าเธออยู่ในป่าไม่พบบ้านเลยไม่ถึง 3 เดือน เธอจงอย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้า แต่ถ้าอยู่ครบ 3 เดือน โดยไม่บิณฑบาตอาศัยข้าวชาวบ้านกินเลยเธอกลับมาหาฉันได้
หลวงพ่อปาน ท่านจะฝึกพระสงฆ์ที่เป็นศิษย์อย่างเคร่งครัด เวลาที่อยู่ในป่า ท่านให้ถือเอาใบไม้ที่ร่วงหล่น ต้นไม้ กระดูกสัตว์ที่ตายและปรากฏให้เห็นเป็นอารมณ์วิปัสสนาญาณ ในป่าลึกแม้จะไม่มีบ้านคนเลย แต่ศิษย์ทุกรูปของหลวงพ่อปานก็ต้องออกเดินบิณฑบาต
วันหนึ่งขณะคณะศิษย์ออกบิณฑบาต เดินห่างจากโคนต้นไม้ที่ปักกลดไม่ถึง ๒๐๐ เมตร ก็ปรากฏร่างเด็กหญิงชาวป่า อายุไม่เกิน 13 ปี แต่งตัวด้วยผ้าเก่า... -
“หลวงปู่จาม” ออกธุดงค์มีเสือโคร่งและกวางป่ามาคอยเฝ้า ที่แท้เป็นลูกหลานเมื่อชาติก่อน!
เมื่อครั้งที่หลวงปู่จามออกธุดงค์ไปภาวนาอยู่ขุนขาน บ้านแม่สาบ อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ เสือโคร่งตัวใหญ่ มันมานอนฝีงไฟที่ก่อเอาไว้ ดึกแล้วมันหากินอิ่มแล้วมันก็มานอน อากาศหนาวเย็น มันมาอาศัยไออุ่นจากกองไฟ พอหลวงปู่จามลงไปก่อไฟเดินจงกรมไปมา ตัวมันก็เฉยอยู่ นอนเฉยๆ มันมาใหม่ก็ย้านมันอยู่ แต่สองวันสามวันก็ไม่กลัวมัน เมตตาให้มัน ก่อไฟให้มัน ตัวมันก็พลิกข้างเข้าหาไฟ ตัวใหญ่ขนาดกับงัวแม่ซือ งัวพื้นบ้านนี้หล่ะ เป็นเสือหนุ่มไม่ใช่เสือเฒ่า มันไม่ร้องครางให้รบกวนหรอกมันเดินมาก็รู้อยู่จนใกล้แจ้งได้อรุณมันจึงหนีไป บางวันต้องปลุกมัน ไป๊…. มึงไปเดี๋ยวคนจะมา มึงจะเป็นอันตราย มันก็ลุกมาเหยียดตัว โย้หน้าโย้หลัง กะหงึกหัว ๓ ที ให้แล้วก็ไปอย่างนั้นทุกวัน รอบที่พักนั้นเงียบสงัด ไม่มีสัตว์ใดมารบกวนเลย
ตรงที่กางกลดนั้นเป็นเงื้อมหิน โยมบ้านแม่สาบ มาทำร้านที่พักให้ หาฟืนมาไว้ให้ตอนกลางคืน เสือมาอยู่ด้วย ตอนกลางวันฟานหม้อ(เก้ง หรือ กวาง) ไม่เฒ่าไม่หนุ่มมาร้องใกล้ “โปก ๆ” มันมาส่องดูทุกวัน เราก็พูดกับมัน ว่า “ เออ….. กูอยู่สบายดีอยู่ จะไปหากินก็ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงกู ตัวมึงเถอะ ให้ระวังอันตราย ”... -
ตำนานบทสวดมนต์ ตอน ไชยเบ็งชรต้นแบบพระคาถาชินบัญชรของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต
ตำนานบทสวดมนต์ ตอน ไชยเบ็งชรต้นแบบพระคาถาชินบัญชรของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต
คาถาชินบัญชรมีชื่อเรียกเป็นภาษาบาลีว่า “ชินะปัญชะระปริตร” บ้าง “ชะยะปัญชะระคาถา” บ้าง ทางล้านนาจัดเข้าในไชยทั้ง ๗ เรียกว่า “ไชยะเบ็งชร” มีอยู่มากมายหลายฉบับ แต่ฉบับที่รู้จักกันมากที่สุดก็คือ ฉบับของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพมหานคร เพราะ เจ้าประคุณสมเด็จเป็นผู้นำมาเผยแพร่ก่อนเป็นองค์แรก คนทั่วไปจึงเข้าใจว่าสมเด็จท่านเป็นผู้แต่งพระคาถาบทนี้ เมื่อเห็นชินบัญชรต้องนึกถึงสมเด็จก่อน แต่ที่จริงคาถาชินบัญชรนี้เป็นของโบราณ สมเด็จท่านค้นพบในคัมภีร์ใบลานและนำมาเผยแพร่อีกต่อหนึ่ง ดังนั้นจึงปรากฏว่ามีอยู่มากมายหลายฉบับและแตกต่างกันออกไปบ้าง แต่ยังคงเค้าเดิมไว้เป็นส่วนมาก แสดงว่าผู้แต่งเป็นคน ๆ เดียวกัน ที่แผกกันน่าจะมาดัดแปลงแก้ไขในชั้นหลัง ๆ และถึงแม้จะต่างกันโดยพยัญชนะ แต่ก็ไม่ทำให้เสียอรรถะและความมุ่งหมายของท่านผู้แต่งแต่อย่างใด เกี่ยวกับเรื่องนี้หลวงพ่อธรรมสร สิริจนฺโท แห่งวัดตึ๊ดใหม่ อ.เชียงกลาง จ.น่าน เคยกล่าวไว้ว่า “คาถาชินบัญชรมีอยู่มากมายหลายฉบับ ผู้ใดขึ้นใจได้บทใด... -
เมื่อ"ขั้วโลกใต้"ส่งเสียงเตือนครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ถ้าเรายังอยู่เฉย น้ำท่วมโลกจะเป็นเพียงเศษเสี้ยว
หลังจากมีข่าวว่ามีหิ้งน้ำแข็งได้หลุดจากขั้วโลกใต้ออกมานั้น ล่าสุด ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ได้ออกมาโพสต์ข้องความผ่านเฟซบุ๊ก "Thon Thamrongnawasawat" สรุปเรื่องดังกล่าว โดยมีเนื้อหาดังนี้
วันนี้ผมให้สัมภาษณ์เรื่องหิ้งน้ำแข็งหลุดจากขั้วโลกใต้ เลยสรุปเรื่องมาบอกเพื่อนธรณ์ #เมื่อขั้วโลกใต้กรีดร้อง #เวลาของเราใกล้หมดแล้ว
โลกกำลังร้อนขึ้น ปัญหาใหญ่มาจากการกระทำมนุษย์ ก๊าซเรือนกระจกคือตัวการสำคัญ เรื่องนั้นพวกเรารู้กันดีแล้ว
สหประชาชาติพยายามหาทางให้คนทั้งโลกมาร่วมมือ จนเกิด Paris Agreement ที่อาจช่วยผ่อนหนักเป็นเบา แต่จู่ๆ นายทรัมป์ก็บอกว่าอเมริกาขอถอนตัวเฉยเลย แถมยังบอกว่าโลกร้อนเป็นเรื่องตลก ฮ่าๆ ตรูไม่เชื่อเฟ้ย
โป๊ะ...แคร็ก ส่วนหนึ่งของหิ้งน้ำแข็งขนาดยักษ์ชื่อ Larsen C แตกเปรี๊ยะหลุดจากขั้วโลกใต้ (แล้ว Larsen A กับ B หายไปไหน ? คำตอบคือแตกไปก่อนหน้านี้และละลายไปหมดแล้วฮะ)
ส่วนที่แตกออกมาของ Larsen C เป็นการแตกตัวของน้ำแข็งขั้วโลกใต้ ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึก ขนาด 5,300 ตร.กม. ใหญ่กว่ากรุงเทพเกือบ 4 เท่า (กรุงเทพมีพื้นที่ 1,500 ตร.กม.)
นอกจากใหญ่ ยังหนาถึง 350 เมตร... -
ปฐมบท.."สมเด็จลุน ผู้วิเศษเหนือโลก" เรียนวิชาจากตำราในหอไตร ห้ามสึกตลอดชีวิต นั่งกรรมฐานไม่ขาดแม้วันเดียว!! จนอิทธิฤทธิ์เหนืออื่นใด..
สมเด็จลุน ผู้วิเศษเหนือโลกแห่งประเทศลาว
หากจะกล่าวถึงสุดยอดพระอภิญญาที่เลื่องชื่อในยุคนั้น ต้องหนีไม่พ้น “สำเร็จลุนแห่งนครจำปาศักดิ์” ท่านเป็นพระที่ทรงอภิญญา มีปฏิปทาทางพระโพธิสัตว์ หวังพุทธภูมิเป็นเบื้องหน้า ไม่ได้หวังเอาแค่นิพพานในปัจจุบันชาติ แต่ท่านหวังจะสำเร็จเป็นพระสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในภายภาคหน้า ประวัติความเป็นมาของท่านลี้ลับยิ่งนัก บางคนเชื่อว่าท่านมีอายุยืนยาวมานานนับพันปี การตายของท่านนับเป็นการตายหลอกๆ เท่านั้น
มีความเชื่อกันว่าท่านมีตัวยาอายุวัฒนะที่ทานเข้าไปแล้วจะมีอายุขัยยาวนานได้ถึง ๓ พันปี บางท่านกล่าวว่าสำเร็จลุนท่านใช้อำนาจทางอภิญญาสมาบัติเดินไต่ไปบนผิวน้ำ ข้ามแก่งลี่หลี่ผีสีทันดร จนถึงต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่า “ต้นไทรมณีโครธ” เป็นไม้ใหญ่อายุนับพันปี อยู่กลางแก่งหลี่ผี ชาวบ้านร่ำลือว่า สำเร็จลุนท่านเป็นผู้มีบุญญาวาสนาได้ทาน “หมากไม้มณีโครธ”
เรื่องราวของสำเร็จลุนนั้นถูกเล่าขานกันอย่างยิ่งถึงปาฏิหาริย์ความลี้ลับมหัศจรรย์ ทั้งชาวลาว และชาวไทย เช่นว่า ท่านจะมากราบพระธาตุพนมทุกปี บางทีก็เดินมาบนผิวน้ำ บางทีก็ล่องหนหายตัวมา... -
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว( ร. ๙ ) ได้ทรงบำเพ็ญ อักโกธะบารมี (ความไม่โกรธ) ให้เป็นที่ประจักษ์ฯ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ร.๙) ได้ทรงบำเพ็ญ
อักโกธะบารมี (ความไม่โกรธ)
ให้เป็นที่ประจักษ์ใจทั้งในหมู่ประชาชนชาวไทย และต่างชาติ
ที่ปุถุชนน้อยคนนักจะทำได้
การที่ประเทศไทยมีพระมหากษัตริยาธิราชผู้ทรงบำเพ็ญอักโกธะบารมี หรือความไม่โกรธได้อย่างมั่นคงเช่นนี้ จึงทำให้ประเทศไทยสามารถรักษาสัมพันธไมตรีอันดีกับนานาประเทศไว้ได้ตลอดมา พระเกียรติคุณของพระองค์ในข้อนี้จึงเป็นที่ชื่นชมของชาวไทยและชาวต่างประเทศยิ่งนัก
ดังบทหนึ่งในพระราชนิพนธ์หนังสือ เรื่อง”ความทรงจำในการตามเสด็จต่างประเทศทางราชการ” ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ที่ทรงเล่าเหตุการณ์ที่ทรงตามเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว(ร.๙) เสด็จฯไปที่มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เพื่อรับการทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ในวันที่ 3 ก.ย. 2505
ในวันนั้นเองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ร.๙) ทรงถูกท้าทายจากกลุ่มนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่มีความคิดรุนแรง ส่งเสียงโห่ฮาลบหลู่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงบรรยายถึงเหตุการณ์ ในพระราชนิพนธ์ ความตอนหนึ่งว่า...
หน้า 367 ของ 419