คลังเรื่องเด่น
-
สุดสยอง ขนลุกซู่ !!! ทหารพม่าแห่งวัดสุวรรณารามราชวรวิหาร ที่มาของศาลแปลกตากับเหตุผลสุดสะพรึง !?! ประวัติศาสตร์ที่ขาดหาย !!!
สุดสยอง ขนลุกซู่ !!! ทหารพม่าแห่งวัดสุวรรณารามราชวรวิหาร ที่มาของศาลแปลกตากับเหตุผลสุดสะพรึง !?! ประวัติศาสตร์ที่ขาดหาย !!!
หากจะพูดถึงวัดเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนาน ทั้งการศึกษาด้านประวัติศาสตร์ และความหลอน สุดสะพรึงกลัว คงหนีไม่พ้นที่จะต้องพูดถึงวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และเป็นวัดที่ขึ้นชื่อมากตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นั่นก็คือ วัดสุวรรณาราม ราชวรวิหาร หรือ วัดทอง ในสมัยกรุงธนบุรี
วัดสุวรรณาราม ราชวรวิหาร หรือ วัดทอง ในอดีต เป็นสถานที่สำคัญที่พระเจ้าตากสินมหาราช ทรงมีพระราชดำรัสให้นำตัวเฉลยศึกพม่าจากค่ายบางแก้ว ในจังหวัดราชบุรีในสมัยนี้ ไปประหารชีวิตที่ วัดสุวรรณารามแห่งนี้ซึ่งตั้งอยู่ริมคลองบางกอกน้อย วัดสุวรรณาราม ถือเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และเมื่อมาถึงสมัยกรุงธนบุรี ลานวัดสุวรรณารามแห่งนี้ก็ขึ้นชื่อในการใช้เป็นสถานที่ประหารเฉลยศึกสงครามจากประเทศพม่าโดยใช้การตัดคอ ซึ่งก็มีเรื่องเล่ากันว่า มีคนเคยเห็นร่างของผู้ชายร่ายยักษ์ สูงใหญ่ นุ่งโจงกระเบน แต่ไม่มีหัวมายืนให้หลายคนเห็น นอกจากลานวัดจะเป็นที่ตัดคอเฉลยศึกแล้ว... -
โศกนาฏกรรมความรัก!! "นางสาวสามมุข" สู่ "เจ้าแม่สามมุข" ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ณ หาดบางแสน แม้แต่"สุนทรภู่" บรมครูสยามประเทศยังเคารพนับถือ!!
โศกนาฏกรรมความรัก!! "นางสาวสามมุข" สู่ "เจ้าแม่สามมุข" ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ณ หาดบางแสน แม้แต่"สุนทรภู่" บรมครูสยามประเทศยังเคารพนับถือ!!
“เขาสามมุก” เป็นเนินเขาที่อาศัยของฝูงลิง ซึ่งอยู่กึ่งกลางระหว่างบ้านอ่างศิลาและหาดบางแสน ขับรถไปตามถนนเลียบริมหาดจากอ่างศิลาเป็นทางลาดขึ้นไปนั่นก็คือบริเวณที่เรียกกันว่าเขาสามมุก และที่เป็นที่เลื่องลือในหมู่คนท้องถิ่นและคนนอกท้องถิ่นคือ “ศาลเจ้าแม่สามมุก”ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา อันเป็นสัญลักษณ์แห่งโศกนาฏกรรมความรัก ตามตำนานดังต่อไปนี้...
เมื่อปลายรัชสมัยกรุงศรีอยุธยาบริเวณบางแสนและเขาสามมุข ยังไม่มีบ้านเรือนและผู้คนหนาแน่นเหมือนปัจจุบันนี้ ชื่อบางแสนและเขาสามมุขก็ยังไม่ปรากฏ จะมีก็แต่ตำบลอ่างหิน ในปัจจุบันก็คือตำบลอ่างศิลาอันเป็นชุมชนของชาวประมงริมทะเล ณ ตำบลอ่างหินนี่เอง (อ่างศิลา) มีเจ้าของชื่อโป๊ะ หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันในนามว่า “กำนันบ่าย” มีลูกชายชื่อว่า “แสน” ห่างจากตำบลอ่างหินออกไปพอประมาณมียายหลานอาศัยกันอยู่คู่หนึ่ง ยายมีชื่อเสียงเรียงนามใดไม่ได้ปรากฏไว้ ส่วนหลานสาวนั้นมีชื่อว่า “สามมุข” อาศัยอยู่ในเมืองปลาสร้อย... -
การขอโทษและการให้อภัย (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
การขอโทษและการให้อภัย (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
การรู้จักขอโทษนั้นเป็นมารยาทอันดีงามสำหรับตัวผู้ทำเอง และเป็นการช่วยระงับหรือช่วยแก้โทสะของผู้ถูกกระทบกระทั่งให้เรียบร้อยด้วยดีในทางหนึ่ง หรือจะกล่าวว่าการขอโทษคือการพยายามป้องกันมิให้มีการผูกเวรกันก็ไม่ผิด เพราะเมื่อผู้หนึ่งทำผิด อีกผู้หนึ่งเกิดโทสะเพราะถือความผิดนั้นเป็นความล่วงเกินกระทบกระทั่งถึงตน แม้ไม่อาจแก้โทสะนั้นได้ ความผูกโกรธหรือความผูกเวรก็ย่อมมีขึ้น ถ้าแก้โทสะนั้นได้ก็เท่ากับแก้ความผูกโกรธหรือผูกเวรได้ เป็นการสร้างอภัยทานขึ้นแทน อภัยทานก็คือการยกโทษให้ คือการไม่ถือความผิดหรือการล่วงเกินกระทบกระทั่งว่าเป็นโทษ อันอภัยทานนี้เป็นคุณแก่ผู้ให้ ยิ่งกว่าแก่ผู้รับ เช่นเดียวกับทานทั้งหลายเหมือนกัน คืออภัยทานหรือการให้อภัยนี้ เมื่อเกิดขึ้นในใจผู้ใด จะยังจิตใจของผู้นั้นให้ผ่องใสพ้นจากการกลุ้มรุมบดบังของโทสะโกรธแล้วหายโกรธเอง กับโกรธแล้วหายโกรธเพราะให้อภัย ไม่เหมือนกัน โกรธแล้วหายโกรธเองเป็นเรื่องธรรมดา ทุกสิ่งเมื่อเกิดแล้วต้องดับ ไม่เป็นการบริหารจิตแต่อย่างใด แต่โกรธแล้วหายโกรธเพราะคิดให้อภัย เป็นการบริหารจิตโดยตรง... -
จุดจบของผู้ที่ทำลายพระพุทธศาสนา
ย้อนหลังไป 52 ปี พ.ศ.2507 ประเทศเวียดนามมีผู้นับถือศาสนาพุทธ
อยู่ถึง 99 เปอร์เซ็นต์ ไม่ต่างกับประเทศไทย รวมทั้งประเทศเพื่อน
บ้านอื่นๆเช่น ลาว กัมพูชา และพม่า แต่พุทธศาสนาในเวียดนามต้องพบกับการบีบคั้นเป็นอย่างมาก จากรัฐบาลที่เป็นกลุ่มตัวแทนของคาทอลิค และมีใบสั่งจากอเมริกา
เหตุการณ์เลวร้ายในเวียดนามเกิดขึ้นในสมัยของ ประธานาธิบดี โง ดินห์ เดียม ผู้โค่นล้มระบอบกษัตริย์บ่าวได๋ และ ตั้งตนเองขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนแรกของเวียดนาม โดยการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา ร่วมกับกรุงวาติกัน(ศูนย์กลางคริสต์จักรคาทอลิค)
จนกลายเป็นรัฐบาลคริสเตียนโรมันคาทอลิค โดยโง ดินห์ เดียม
ได้แต่งตั้งญาติพี่น้องและคนใกล้ชิดที่เป็นคาทอลิคด้วยกันเข้าร่วมรัฐบาล พร้อมกับให้ความสำคัญและให้สิทธิพิเศษแก่ข้าราชการ
ทหาร ตำรวจ รวมถึงประชาชนที่นับถือศาสนาคริสต์ ส่วนผู้
นับถือศาสนาพุทธกลายเป็นบุคคลชั้นสอง -
อานุภาพแห่งการสวดมนต์!! ป้องกันเภทภัยอันตรายทุกชนิด ทั้ง”สมเด็จโต” และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย รับรองตรงกัน
อานุภาพแห่งการสวดมนต์!! ป้องกันเภทภัยอันตรายทุกชนิด ทั้ง”สมเด็จโต” และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย รับรองตรงกัน
อาตมา (สมเด็จโต) ได้เห็นอานิสงส์ของการสวดมนต์ด้วยตัวอาตมาเอง ในสมัยที่อาตมาได้ออกเดินธุดงค์ในป่าเป็นเวลา 15 ปี โดยอาศัยอยู่ในเขตดงพญาไฟ ซึ่งเป็นเขตที่อยู่ใกล้ชายแดนของประเทศเขมร
ในสมัยนั้น…เต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์ และภูติผีวิญญาณ ตลอดจนชาวบ้านที่มีเวทมนต์คาถา และเล่นคุณไสยกันอยู่อย่างมากมายในอาณาบริเวณชายแดนแห่งประเทศสยามในตอนนั้น อาตมาได้เดินธุดงค์แต่เพียงลำพัง ในช่วงนั้นอาตมามิได้ศึกษาในพระเวทมนต์คาถาอาคมใดเลย นอกจากคำว่า
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ซึ่งมีความหมายว่า ข้าพเจ้าขอยึดมั่น พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง พระธรรมเป็นที่พึ่ง พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง อาตมาไปที่แห่งหนตำบลใด ก็จะกล่าวเพียงคำนี้ตลอดเวลาของจิตใจอันเป็นที่พึ่งของอาตมา
อาตมาเดินทางเข้าสู่หมู่บ้านชายแดนแห่งประเทศสยาม ในดงพญาไฟขณะนั้น ในหมู่บ้านมีชาวบ้านอาศัยอยู่เพียงเล็กน้อย อาตมาจึงได้ปักกลดอยู่ที่ท้ายหมู่บ้าน มีชาวบ้านนำอาหารมาถวายตามกำลังที่เขาจะพอทำได้... -
พระกริ่งชัยวัฒน์มงคลวราภรณ์ พระชัยวัฒน์ประจำรัชกาลที่5
พระกริ่ง(เล็ก)ไชยวัฒน์ ประจำรัชกาลที่5 มีชื่อเรียกว่า พระชัยวัฒนมงคลวราภรณ์ (พระชัยศิริวัฒน์) เป็นเบญจภาคีพระไชยวัฒน์อันดับ1
ฝีมือช่างสิบหมู่ สร้างครั้งที่2 ปีพ.ศ.๒๔๒๘ โดยมีพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวรเรศ เป็นประธานการจัดสร้าง และรัชกาลที่ 5 ทรงพระราชทานให้เชื้อพระวงศ์และเจ้านายชั้นสูงตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๔๒๘-๒๔๔๓
พระไชยวัฒน์ที่มีหายากและมีความนิยมที่สุดคือ พระชัยวัฒนมงคลวราภรณ์ (พระชัยศิริวัฒน์) ที่สร้างในรัชกาลที่5
https://www.komchadluek.net/news/knowledge/52990
พระชัยวัฒน์ ในวงการพระที่นิยมกันสุดๆ หายากสุดๆ และแพงสุดๆ อ.เกี๊ยก ทวีทรัพย์ ผู้ชำนาญพระกริ่งพระชัยวัฒน์ บอกว่า มี ๕ องค์ คือ
๑.พระชัยวัฒน์มงคลวราภรณ์ ที่ ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ ทรงสร้างพระชัยวัฒน์ประจำรัชกาลขึ้น เพื่อพระราชทานแก่เชื้อพระวงศ์ พระราชโอรส พระราชธิดา เหล่าองค์มนตรี โดยสร้างครั้งแรก (พ.ศ.๒๔๒๗) และครั้งที่ ๒ (พ.ศ.๒๔๒๘) ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ทรงเป็นประธานและครั้งที่ ๓ (พ.ศ.๒๔๓๖) ที่วัดนิเวศธรรมประวัติ บางปะอิน โดยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส... -
ตำนานเล่าขาน ตอน พระพุทธเสรฏฐมุนี พระพุทธรูปปราบยาเสพติด
ตำนานเล่าขาน ตอน พระพุทธเสรฏฐมุนี พระพุทธรูปกลับร้ายกลายดี
พระพุทธเสรฏฐมุนี
พระพุทธเสรฏฐมุนี เป็นพระพุทธรูปสมัยรัตนโกสินทร์ ปางมารวิชัย วัสดุทองเหลือง หน้าตักกว้าง 1 ศอก 1 คืบ 1 นิ้ว ประดิษฐานเป็นพระประธานในศาลาการเปรียญ
ครั้งแผ่นดินรัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีชาวต่างชาตินำฝิ่นเข้ามาเผยแพร่ในราชอาณาจักรเป็นสินค้าเข้า ให้รายได้สูง แต่ฝิ่นเป็นสิ่งเสพติด มอมเมาพลเมือง เสพแล้วทำให้ร่างกายเปลี้ย สติปัญญาเสื่อมถอย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีสายพระเนตรที่ยาวไกล ทรงมีพระราชดำริว่า เมื่อพลเมืองของชาติติดสิ่งเสพติดย่อมเป็นการบั่นทอนความมั่นคงของบ้านเมือง การที่กำลังของชาติคือประชาชนอ่อนแอ หมดความรับผิดชอบในหน้าที่ ดูเป็นที่น่าเวทนา
จึงมีพระบรมราชโองการให้ปราบอย่างเด็ดขาด ในปีพ.ศ.2382 มีการปราบฝิ่นครั้งใหญ่ตั้งแต่ภาคกลางลงไปจนภาคใต้ คราวที่ใหญ่ที่สุดนี้ปราบตั้งแต่ปราณบุรีจนถึงนครศรีธรรมราชฟากหนึ่ง ตะกั่วป่าถึงถลางอีกฟากหนึ่ง ได้ฝิ่นดิบเข้ามา 3,700 หาบเศษ ฝิ่นสุก 2 หาบ รวมแล้วเกือบ 2.6 แสนกิโลกรัม
ตัวฝิ่นนั้นโปรดให้เผาที่หน้าพระที่นั่งสุทธาสวรรย์... -
"ภาวนา เพื่อให้รู้ใจตน" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
"ภาวนา เพื่อให้รู้ใจตน"
" .. ภาวนา คือหมายถึง "หัดทำความสงบ อบรมใจให้อยู่ในอารมณ์อันเดียว" เพราะคนเราเกิดขึ้นมามีใจกันอยู่ทุกคน "แต่ว่าไม่รู้จักใจของตนเพราะใจไม่สงบ" นี่คือความมุ่งหมายของการภาวนา
พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เราภาวนา "ก็คือให้รู้จักการพักใจ รวมใจให้รู้จักสงบ" เราทุกคนคงรู้สึกตัวดีว่า ใจของตนยังไม่ทันสงบเลย "ถ้าหากผู้ที่ไม่ได้ภาวนาหรือทำใจไม่สงบก็ไม่เห็นใจของตนแน่นอน" ใจมีลักษณะอาการอย่างไร
ใจของเราถ้าหากไม่มีการสงบเสียเลย "คือไม่มีการพัก ก็จะไม่มีพลังในการที่จะต่อสู้อารมณ์ต่าง ๆ ได้" นี่คือความมุ่งหมายของการหัดภาวนาหรือทำสมาธิ .. "
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี -
วันปล่อยของ - พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน
วันปล่อยของ
ถาม : อ่านเรื่องไสยศาสตร์มา ทำไมเขาถึงต้องมีวันปล่อยของ เขาไม่กลัวพลังของมันหรือครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่ใช่พวกที่ตั้งใจทำร้ายใครโดยเฉพาะ ตามสายการปฏิบัติของไสยศาสตร์ วันเสาร์กับวันอังคารจะต้องปล่อยของครั้งหนึ่ง ไม่อย่างนั้นตัวเองจะร้อนรุ่มกระวนกระวาย พูดง่าย ๆ คือกินไม่ได้นอนไม่หลับ เดือดร้อนเอง ในเมื่อเขาปล่อยไป ก็แล้วแต่เวรแต่กรรม โบราณเรียกว่าลมเพลมพัด
เรื่องของลมเพลมพัด ถ้าเราไม่ทักก็ไม่เกิดโทษ แต่ถ้าทักเมื่อไรก็เข้าตัวเมื่อนั้น แสดงว่าคนนั้นมีวาระกรรมเปิดอยู่ แต่ถ้าพวกที่เขารับเงินรับทองมาเพื่อไปเล่นงานคนอื่น เขาไม่สนใจว่าคุณจะเป็นใคร กำลังใจของคุณจะบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์แค่ไหน รู้อยู่อย่างเดียวว่ารับเงินมาก็เล่นคนนั้นแหละ ส่วนจะทำได้หรือไม่ได้ ค่อยมาคิดกันทีหลัง
ถาม : ถ้าปล่อยของมาจะมีผลกับใครบ้างครับ เกี่ยวกับคนที่มีกำลังสูงกว่าหรือต่ำกว่าหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ต่อให้กำลังสูงกว่า แต่ถ้าวิบากกรรมเปิดให้พอดี ก็มีช่วงเผลอให้โดนได้ อย่างหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ท่านโดนบังฟัน วิชาบังฟันต้องบอกว่าเป็นการฆ่าที่โหดมาก เพราะว่าคนที่โดนตายโดยที่ร่องรอยบาดแผลภายนอกไม่มี... -
หากคิดถึงบ้าน ให้หันหลังไปทางบ้าน แล้วสะพายบาตรเดินขึ้นเขาไป
หากคิดถึงบ้าน ให้หันหลังไปทางบ้าน แล้วสะพายบาตรเดินขึ้นเขาไป
พระอาจารย์อุทัย สิริธโร ได้มีโอกาสพบ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ในปี พ.ศ. 2503 หลังจากนั้นเป็นต้นมาท่านได้ติดตามศึกษาปฏิบัติธรรมและอุปัฎฐากหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ที่วัดถ้ำขาม จ.สกลนครเรื่อยมา โดยได้รับอุบายธรรมจากหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ว่า " หากคิดถึงบ้าน ให้หันหลังไปทางบ้าน แล้วสะพายบาตรเดินขึ้นเขาไป"
⚜พระอาจารย์อุทัย สิริธโร มีโอกาสได้รับอุบายธรรมจากหลวงปู่ฝั้น อาจาโร อยู่เสมอๆ จนเกิดความซาบซึ้งใจในธรรม จิตตั้งมั่นในคำสอนของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร โดยท่านจะเน้นเรื่องของศีล สมาธิและคำสอนของพระพุทธเจ้า อีกทั้งยังได้รับอุบายธรรมในเรื่องการอดอาหาร และการกวาดตาล จากหลวงปู่ฝั้น อาจาโร อีกด้วย พระอาจารย์อุทัย สิริธโร ได้ศึกษาธรรมกับ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร จวบจนท่านหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ละสังขารในปี 2520
⛋หลังจากหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ละสังขาร พระอาจารย์อุทัย สิริธโร และ พระอาจารย์เสถียร คุณวโร ได้ชวนกันไปปลีกวิเวกที่สำนักสงฆ์ถ้ำพระภูวัว อ.เซกา จ.หนองคาย ซึ่งเป็นสถานที่สัปปายะเหมาะแก่การเจริญธรรมศึกษาธรรม ซึ่งพระอาจารย์อุทัย สิริธโร... -
5 วัดสวย UNSEEN ที่คุณอาจไม่เคยไปมาก่อน
5 วัดสวย UNSEEN ที่คุณอาจไม่เคยไปมาก่อน
ประเทศไทยเรานั้นมีวัดสวยแบบ unseen มากมายเต็มไปหมด อาจเป็นวัดที่คุณไม่เคยไปมาก่อนก็ได้ วันนี้เราจึงอยากจะเสนอ 5 วัดสวย unseen มาฝากกันด้วยจะมีอะไรบ้างมาดูเลย
1.วัดบ้านเด่น จ. เชียงใหม่
วัดบ้านเด่นเป็นวัดที่ตั้งอยู่เขต ต.อิทชิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนพื้นที่แบบเนินเตี้ยๆ โดยภายใต้เนินนั้นกลับเป็นถ้ำที่ชาวบ้านในละแวกนั้นต่างพากันนับถือเป็นอย่างมาก เรียกว่า เป็นถ้ำที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากอีกที่หนึ่งของจ. เชียงใหม่เลยก็ว่าได้ บริเวณโดยรอบวัดนั้นจะมีลักษณะภูมิทัศน์ที่สวยงามมาก มีความโดดเด่นตามสไตล์ภาคเหนือ
สำหรับการเดินทางไปที่วัดนี้คุณสามารถใช้เส้นทางเส้นเดียวกับทางไปเขื่อนแม่งัดได้เลย ให้ขับตามหมายเลขทางหลวงหมายเลข 107 ขับผ่านไปทางแยกแม่มาลัย ขับยาวไปเรื่อย ๆ จนถึง อ.แม่แตง จากนั้นก็ให้เลี้ยวขวาไปทางเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ขับทางตรงไปจนผ่านตัวซุ้มเทศบาลเมืองแกน เมื่อคุณขับมาจนถึงสนามกีฬาแล้วละก็คุณก็จะสามารถเห็นป้ายวัดอยู่ทางด้านซ้ายได้เลย
2.วัดบางน้ำผึ้งนอก โบสถ์เก่า บางกระเจ้า สมุทรปราการ
ที่มา:... -
6 วิธีทำบุญ แบบไม่ต้องไปวัดก็ได้…ง่ายจัง!
6 วิธีทำบุญ แบบไม่ต้องไปวัดก็ได้…ง่ายจัง!
พูดถึงเรื่อง “ วิธีทำบุญ ” ผู้คนจำนวนมากมักนึกถึงแต่วัด แต่รู้ไหมว่าเราสามารถทำบุญแบบอื่นได้ด้วย…
1.ช่วยน้องให้ท้องอิ่ม
ชัยพฤกษ์มูลนิธิ
ชัยพฤกษ์มูลนิธิก่อตั้งและดำเนินการโดยสองสามีภรรยา คือนพ.สมศักดิ์ สมสุขดี กับ พญ.เคลียวพันธุ์ สูรพันธุ์ หลังจากทั้งคู่พบว่าปัญหาเด็กถูกทอดทิ้งเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมที่ยากแก่การเยียวยาจึงตัดสินใจก่อตั้งชัยพฤกษ์มูลนิธิขึ้นในปีพ.ศ.2528 เพื่อรับดูแลเด็กที่ถูกทอดทิ้งอย่างใกล้ชิด ให้พวกเขาได้เติบโตขึ้นท่ามกลางความรัก มีการศึกษาที่ดี
นอกจากช่วยเหลือดูแลเด็กๆ แล้ว ทางมูลนิธิฯยังมีโครงการพึ่งพาตนเองเพื่อเติมเต็มความรู้นอกตำราให้แก่เด็กๆ อีก 2 โครงการ คือ โครงการเลี้ยงไส้เดือน กับ โครงการเบเกอรี่
ปัจจุบันมูลนิธิฯมีเด็กในความดูแลกว่า 40 ชีวิต ที่นี่เด็กๆ จะได้รับการปลูกฝังให้มีความรับผิดชอบและรู้จักพึ่งพาตัวเอง ทุกคนจะต้องซักผ้า ทำอาหาร ล้างชามเอง เพื่อถึงวันที่แต่ละคนเติบโตและต้องออกจากบ้านไปใช้ชีวิตในสังคม พวกเขาจะได้เป็นคนดีและสามารถยืนหยัดต่อสู้ได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง
Help me! ความช่วยเหลือที่ต้องการ... -
อานิสงส์ชายผ้าเหลือง!!! "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ" ยืนยัน “เกาะบุญชายผ้าเหลืองของลูกชาย" แม้เป็นแค่เณรน้อย ก็ยังพ้นแดนนรกได้
อานิสงส์ชายผ้าเหลือง!!! "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ" ยืนยัน “เกาะบุญชายผ้าเหลืองของลูกชาย" แม้เป็นแค่เณรน้อย ก็ยังพ้นแดนนรกได้
"..ตัวอย่างในพระสูตรที่มีมาในเรื่องของ เณรสุบิน ท่านกล่าวว่า เณรสุบินคนนี้ ปรากฏว่าบิดามารดาเป็นพรานแต่ว่าลูกชายมีจิตใจเลื่อมใสในศาสนาขององค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า มีคติไม่ตรงกัน พ่อชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แม่ก็มีอารมณ์จิตเหมือนกับพ่อ แต่ว่าสำหรับลูกชายกลับเป็นคนที่มีจิตน้อมไปในกุศลในพระพุทธศาสนา หนีพ่อหนีแม่ไปบรรพชาเป็นสามเณร เป็นอันว่าพ่อแม่สามเณรไม่มีโอกาสจะพบกัน
..ต่อมาเมื่อกาลเวลาเข้ามาถึง พ่อและแม่ก็ตายจากความเป็นคนด้วยอำนาจกรรมที่เป็นอกุศล พระยายมก็สั่งคนมาเชิญไป เป็นแขกรับเชิญคือเชิญไปในขุมนรก เชิญไปในสำนักพระยายมก็สอบสวนตามความเป็นจริงว่า ทำกรรมที่เป็นอกุศลอะไรบ้าง แกก็รับทุกอย่างว่า ได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตตั้งแต่สัตว์เล็กถึงสัตว์ใหญ่ อาศัยกฎของกรรมอันนี้ก็ปรากฎว่าท่านทั้งสองจะต้องลงนรก เขาจึงนำไป เมื่อนำไปแล้วตามธรรมดาสัตว์นรกที่มีกรรมที่เป็นอกุศลทั้งหมด เมื่อเข้าเขตของนรกแล้วก็ต้องลงขุมได้ทันที
..แต่ว่าบิดามารดาของสามเณรนี้ลงไม่ได้... -
แม้บวชมา ๑๐๐ พรรษา...แต่ก็กลายเป็น"เปรต" ! หลวงปู่จันทา เล่าเรื่อง "เมื่อพระกลายเป็นเปรต" ด้วยเหตุเพราะประพฤติตนเช่นนี้เสมอ ขณะครองสมณะเพศ
แม้บวชมา ๑๐๐ พรรษา...แต่ก็กลายเป็น"เปรต" ! หลวงปู่จันทา เล่าเรื่อง "เมื่อพระกลายเป็นเปรต" ด้วยเหตุเพราะประพฤติตนเช่นนี้เสมอ ขณะครองสมณะเพศ
เปรตพระบนถ้ำภูพานสารภาพกับหลวงปู่จันทาสิ้นไส้! บวชพระตั้งร้อยพรรษา...ทำไมถึงพลาดพลั้งมาเป็นเปรตได้?
หลวงปู่จันทา ถาวโร เป็นพระอริยสงฆ์แห่งวัดป่าเขาน้อย อ. วังทรายพูน จังหวัดพิจิตร
สมัยที่หลวงปู่จันทา ถาวโร ไปวิเวกกับพระอาจารย์บุญพินกตปุญโญ และพระจ่อย ไปอยู่ที่ถ้ำจำปา อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ที่ถ้ำจำปาอยู่บนภูพาน โยมก็พาไปทำที่พักให้อยู่หน้าถ้ำ พอค่ำลง ก็ทำความเพียร เดินจงกรมจนถึง ๓ ทุ่ม จากนั้น ก็ไหว้พระ สวดมนต์แล้วอุทิศส่วนบุญ เสร็จแล้วก็เข้าที่ นั่งภาวนา พอจิตสงบ เกิดแสงสว่างจ้า ไม่นานเห็นเทพบุตรมาคุย เมื่อเทพบุตรลากลับไป จากนั้นไม่นาน ก็มีเปรตพระ ๓ ตนเข้ามาหา เป็นคนโบราณรูปร่างสูงใหญ่ มีเครายาวถึงหน้าอก เข้ามานั่งใกล้ ๆ ลูบขาข้างซ้าย แล้วพูดว่า...
(เปรตพระ) : “ ท่าน ๆ ผมกับท่านใครจะแก่พรรษากว่ากัน ? ”
เรา(หลวงปู่จันทา)ก็ตอบเขาไปว่า “ หลวงพ่อนั่นแหละ แก่กว่า ”
(เปรตพระ) : “ ก็คงจะจริงอย่างท่านว่านั่นแหละ... -
ครอบครัวมีแต่ปัญหา ล้วนมีเหตุแห่งกรรม และเราสามารถสร้างบุญใหญ่ เพื่อแก้ปัญหาและดับทุกข์นั้นได้ ส่งผลแแบบทันที
ครอบครัวมีแต่ปัญหาล้วนมีเหตุแห่งกรรม
และเราสามารถสร้างบุญใหญ่เพื่อแก้ปัญหาและดับทุกข์นั้นได้ ส่งผลแแบบทันที
ปัญหาครอบครัวเป็นปัญหาใหญ่อันดับต้นๆ ของมนุษย์เรา เพราะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นใกล้ตัวมากที่สุด ตั้งแต่ ลูกดื้อรั้นไม่เชื่อฟัง พ่อแม่ทะเลาะวิวาท ติดอบายมุข เงินไม่พอใช้ในครอบครัว ไม่รักไม่สามัคคี นอกใจกัน ไม่ได้คุยกัน จนครอบครัวล่มสลาย
เมื่อครอบครัวล่มสลายแล้ว ปัญหาอย่างอื่นก็ตามมาได้ง่าย
เพราะคนในครอบครัวต่างไร้ที่พึ่งพิงทางใจ
ปัญหาอื่น จึงแทรกซึมและทำลายชีวิตคนๆ นั้นได้
หากไม่มีสติควบคุมใจได้ ก็อาจทำร้ายตัวเองถึงชีวิต
ล้วนเกิดจากทั้งกรรมเก่าและกรรมให่ม่ที่มองเห็นและมองไม่เห็น
คนที่เคยทำบาปไว้ต่อไปนี้ เป็นกรรมหนัก และมักมีปัญหาครอบครัว
1. ทำแท้ง
2. ด่าว่าบุพการี
3. เคยทุบตีพ่อแม่
4. ผิดศีลกาเม ทั้งในชาติก่อนและชาติปัจจุบัน
5. เคยทำผิดปรามาสต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าที่เจ้าทาง
กรรมเหล่านี้ส่งผลเสมอ และหนักมากอย่างยิ่ง
ถ้าเคยทำแท้ง จิตวิญญาณเด็กที่อาฆาตเพราะโดนทำร้ายเอาไว้ จะตามไม่หยุดจนกว่าได้รับบุญกุศล ช่วยเหลือ ได้รับการขอขมา ได้รับการแสดงซึ่งความสำนึกผิด... -
อานิสงส์แห่งการให้ ทาน ยิ่งใหญ่ เป็นสุข ทั้งกาย ทั้งใจ เป็นบุญขั้นต้น ที่ทำง่าย ไม่ต้องยุ่งยาก ทานบารมี บุญที่ทำง่าย ขอแค่ให้ได้ทำ การทำบุญที่ง่ายที่ส
อานิสงส์แห่งการให้ ทาน ยิ่งใหญ่ เป็นสุข ทั้งกาย ทั้งใจ
เป็นบุญขั้นต้น ที่ทำง่าย ไม่ต้องยุ่งยาก
ทานบารมี บุญที่ทำง่าย ขอแค่ให้ได้ทำ
การทำบุญที่ง่ายที่สุดคือการให้ พระพุทธเจ้าทรงตรัสระบุไว้เป็น กองบุญวิธีที่ 1 คือทานมัย บุญสำเร็จด้วยทาน
ที่พระพุทธองค์ทรงระบุอย่างนั้นก็เพราะว่า ไม่ว่าคนมั่งมี หรือคนยากจนที่สุด ย่อมต้องมีทรัพย์อย่างน้อยที่สุด 1 อย่าง ขอแค่ได้สละออกไปเท่านั้น "กระแสบุญ" ก็เกิดขึ้นแล้วกล่าวคือ
ความเห็นชอบหรือ สัมมาทิฐิ เริ่มมีขึ้น เพราะการได้สละออก จะลดความตระหนี่ที่อยู่ในใจออกไป ถือเป็นการ "ขัดเกลา" กิเลสพื้นฐานที่ฝังแน่นออก
เพราะความตระหนี่ เป็น "บ่อเกิดแห่งความชั่ว"
คนตระหนี่จะเป็นคนเห็นแก่ตัว
เมื่อเห็นแก่ตัว อะไรที่ได้ผลได้ประโยชน์แก่ตน ก็จะทำก่อนโดยไม่นึกถึงคนอื่น หรือส่วนรวม
พอเห็นแก่ตัวมากเข้า ก็เกิดความโลภอยากจะได้ อยากจะมี
และยอมทำผิดได้เพื่อให้เกิดผลประโยชน์แก่ตน
สุดท้ายแล้ว ก็ทำผิดขั้นร้ายแรงได้ครบทุกอย่าง
ขณะที่การให้ หรือการเสียสละ จะเป็นตัวขจัดกิเลสกองนี้ออกก่อน ให้เป็นคนที่ "ไม่เห็นแก่ตน"
คนที่ไม่เห็นแก่ตนก็มักจะสร้างวิสัย มุมมองเพื่อ "ประโยชน์สุข"... -
คณะพระธรรมฑูตไทย เยือน ภูฏาน เข้าถวายพระพร "รินโปเชลามะน้อย" หลานชายกษัตริย์จิ๊กมี วัย ๓ พรรษา ผู้ระลึกชาติ!!
คณะพระธรรมฑูตไทย เยือน ภูฏาน เข้าถวายพระพร "รินโปเชลามะน้อย" หลานชายกษัตริย์จิ๊กมี วัย ๓ พรรษา ผู้ระลึกชาติ!!
วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๐ เวลา ๑๗.๐๐ น. พระพรหมสิทธิ กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร พร้อมด้วยคณะพระธรรมทูตไทย มหาเถรานุเถระมี พระธรรมโพธิวงศ์ หัวหน้าพระธรรมทูตไทยสายอินเดีย-เนปาล พระวิสุทธิศาสนวิเทศ ผู้ช่วยเลขานุการประธาน สนง.กำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ วัดสระเกศ เป็นต้น ปฏิบัติศาสนกิจ เข้าถวายพระพร พร้อมเจริญศาสนสัมพันธ์ พุทธเถรวาท - พุทธตันตรยาน ณ พระตำหนัก พระราชอุทยานทิมพู เมืองทิมพู (Thimphu) ประเทศภูฏาน(Bhutan)
ในโอกาสนี้ สมเด็จพระราชินีอาชิ เชริง เป็ม วังชุก พร้อมด้วยพระธิดา และรินโปเชลามะน้อย เจ้าชายราชวงศ์ภูฏาน ที่มีพระชันษา ๓ ปี ซึ่งสามารถระลึกชาติได้ ประทานพระวโรกาส ให้คณะพระธรรมทูต ในนามคณะสงฆ์ไทย นำโดย พระพรหมสิทธิ กรรมการมหาเถรสมาคม เข้าถวายพระพร
โดย รินโปเช องค์ลามะน้อย เจ้าชายพระองค์นี้ เป็นพระโอรสของเจ้าหญิง พระธิดาของสมเด็จพระราชินีอาชิ เชริง เป็ม วังชุก พระมเหสีองค์ที่ 2... -
"การภาวนานี้คือยาแก้กิเลส" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
"การภาวนานี้คือยาแก้กิเลส"
" .. เวลามันยุ่งมาก เราจดจ่อทางคำภาวนาของเราให้มาก "เช่นพุทโธ" ใครชอบคำไหนก็ตาม ตามแต่จริตนิสัยชอบ "พุทโธ หรือธัมโม หรือสังโฆ" หรือธรรมบทอื่นใดก็ตาม ขอให้ถูกกับจริต ให้นำมาบริกรรม ให้จิตเกาะอยู่กับคำบริกรรมนั้น
ให้รู้อยู่กับนั้น เช่น "พุทโธ ๆ ก็ให้รู้อยู่กับพุทโธ" สติควบคุมอยู่นี้ มันอยากคิดไปไหน บังคับไว้ไม่ให้คิด คำว่าอยากคิดคือกิเลสละมันลากออกไป ให้อยาก ๆ นี่ละกำลังของกิเลส มันอยากให้คิดนั้นคิดนี้
มันอยากเราก็ไม่ออกไป "เราบังคับไว้ไม่ยอมให้มันออก นี่เรียกว่าบังคับกัน" ในเบื้องต้นเป็นอย่างนั้น บังคับไม่หยุด เอ้าทางนั้นอยากมาก ทางนี้ตั้งใจบังคับมากเข้า "สักเดี๋ยวสู้ทางธรรมไม่ได้ แล้วค่อยสงบเข้ามา" สงบเข้ามาแล้วแน่วนิ่งนะ สงบแน่ว "ความคิดความปรุงที่เป็นเรื่องของกิเลสสงบตัวไปด้วยอำนาจของการภาวนา"
"นี้แหละที่เรียกว่าน้ำดับไฟ" คือจิตฟุ้งซ่านรำคาญ ผสมกับกองทุกข์ไปในขณะเดียวกัน "เราภาวนาบีบบังคับ พอจิตสงบมันก็เป็นน้ำดับไฟ ใจสบาย โล่ง" พากันจำทุกคน .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน -
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เรื่อง พระพุทธศาสนาช่วยโลก (7Hrs.)
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เรื่อง พระพุทธศาสนาช่วยโลก(7hrs.)
Buddhism Channel :-
Published on Mar 28, 2017
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เรื่อง พระพุทธศาสนาช่วยโลก -
พระพุทธศาสนากำลังผลิบานในประเทศเอสโตเนีย จากพระและกลุ่มเด็กวัยรุ่น
มีกลุ่มเด็กวัยรุ่นสนใจการนั่งสมาธิไปเข้าคอร์สกับพระอาจารย์ที่เกาะ ซึ่งเป็นสถานปฏิบัติธรรมแห่งแรกในประเทศเอสโตเนีย เป็นเวลา4วัน ซึ่งไม่ได้บังคับว่าจะอยู่ตลอดหรือกลับก่อน
ต้องขอเกริ่นก่อนว่า ส่วนตัวดิฉันมาทำงานอย่างถูกกฎหมายในประเทศนี้ และได้รู้จักกับคุณสม เป็นชาวเมียนม่าร์เชื้อสายไทใหญ่ ผู้เป็นโยมอุปัฏฐากของพระสงฆ์ชาวเอสโตเนียนรูปหนึ่ง ท่านเป็นพระฝรั่งที่เคยไปศึกษาในไทยและศรีลังกา ได้มีความตั้งใจจะตั้งหลักปักฐานพระพุทธศาสนาในประเทศบ้านเกิด ที่ผู้คนมีแต่ผิวขาว หาผิวสีแทบไม่ได้ ความยาก อุปสรรคต่างๆรวมถึงความจำกัดในข้อกฎหมายไม่ต้องพูดถึงว่ามีมากแน่นอน
ท่านได้พยายามจนสามารถเริ่มต้นสถานปฎิบัติธรรมเล็กๆได้ จากการไปซื้อบ้านเก่าบนเกาะที่ตั้งห่างไปจากกรุงทาลลิน(เกาะนี้จะมีเรือวิ่งเฉพาะหน้าร้อน)
และในช่วงวันที่21-24 มิถุนายน ที่ผ่านมาได้มีเด็กวัยรุ่นไม่เกิน20ปี กลุ่มหนึ่ง ได้ไปฝึกปฎิบัติธรรมกับพระอาจารย์ ซึ่งขณะนั้นพระอีกรูปจากศรีลังกาท่านได้มาช่วยสอนเด็กๆด้วย มีการนั่งสมาธิครั้งละ20นาที เทศนาเป็นภาษาอังกฤษและภาษาเอสติ รวมถึงช่วยเหลืองานต่างๆ
ในวันที่23นั้น ที่ทำงานดิฉันเลิกงานไว... -
วีดีโอ ( เรื่องเล่า อาจารย์ยอด ) : ประวัติ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
( เรื่องเล่า อาจารย์ยอด ) : ประวัติ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
รายการ เรื่องเล่า ตำนานเรื่องเล่า เรื่องเล่าชาวบ้าน อาจารย์ยอดบรรยาย เรื่องเล่าอาจารย์ยอด กฎแห่งกรรม เรื่องลี้ลับ เรื่องเร้นลับ เรื่องผี ตานาน อาถรรพ์ เรื่องน่ากลัว สอนใจ คติธรรม ธรรมะ ประวัติพระ ช่องอย่างเป็นทางการในการเผยแพร่ผลงานของอาจารย์ยอด
youtube.com/c/คติธรรม
youtube.com/c/อาจารย์ยอด
youtube.com/c/tvakane -
วิธีทำบุญใส่บาตรอย่างไร!!! ให้ได้บุญถึงพระพุทธเจ้าและพระสุปฏิปันโน ตามแบบที่ "หลวงพ่อจรัญ" บอก?
วิธีทำบุญใส่บาตรอย่างไร!!! ให้ได้บุญถึงพระพุทธเจ้าและพระสุปฏิปันโน ตามแบบที่ "หลวงพ่อจรัญ" บอก?
หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ได้เมตตาแนะนำการทำบุญตักบาตรว่าเราควรตักบาตรด้วยความตั้งจิตตั้งใจแนวแน่ในการทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ทุกรูปโดยเมตตาแนะนำวิธีตั้งจิตให้เกิดผลบุญสูงสุดในการตักบาตรไว้ดังนี้ว่า
คุณค่าของพระสงฆ์ ก็มี ๓ พระสงฆ์ คือ
๑. ปฏิบัติดี
๒. ปฏิบัติชอบ
๓. ปฏิบัติ คงวาคงศอก
นี้คือพระสงฆ์ ปัจจุบันนี้มีไหม ท่านทั้งหลายไม่ต้องไปหาพระสุปฏิปันโนแล้ว ไม่มีหรอก หายาก เพราะลูกชาวบ้าน มาบวช แล้วมาบิณฑบาต แต่ทว่าเราไม่ได้ใส่บาตรเพราะเป็นลูกใคร
ตอนใส่บาตรเราสวด "สุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆังนะมามิ สุทินนัง วะตะเมทานัง ปะริสุทธิทานัง อาสะวะกะยา วะหัง นิพพานัง โหตุ" ข้าพเจ้าขอทำบุญกับพระสุปฏิปันโน ผู้ประพฤติดีและปฏิบัติชอบ แล้วก็ใส่บาตรไป
แต่ตัวพระองค์นั้นจะดีหรือชั่วอย่าไปมอง เราจะไปหาที่ไหนพระสุปฏิปันโน เหมือนอย่างพวกกุรงเทพฯ ทัวร์บุญเที่ยวไปหาพระสุปฏิปันโน วัดไหนมีบ้างหรือ ก็ขอเจริญพร พระมาบิณฑบาต หน้าบ้าน แต่บอกว่าฉันไม่ใส่บาตรพระวัดนี้ บางบ้านพูดให้อาตมาได้ยิน... -
หลวงพ่ออลงกต ติกฺขปญฺโญ ผู้ปลูก “ต้นโพธิ์” แห่งวัดพระบาทน้ำพุ
หลวงพ่ออลงกต ติกฺขปญฺโญ ผู้ปลูก “ต้นโพธิ์” แห่งวัดพระบาทน้ำพุ
หลายสิบปีก่อน นักศึกษาปริญญาโท สาขาวิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย…อลงกต พลมุข มีโอกาสได้อ่านหนังสือ พุทธธรรม ของพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) และเกิดความประทับใจที่หนังสือให้ข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอนในขณะที่ความรู้จากรั้วมหาวิทยาลัยกลับไม่อาจตอบข้อสงสัยได้ว่า “ที่สุดแล้ว…เป้าหมายของชีวิตคืออะไร”
นักศึกษาหนุ่มจึงตัดสินใจเข้าอุปสมบท ณ วัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายกทรงเป็นองค์อุปัชฌาย์และได้รับฉายาว่า “ติกฺขปญฺโญ” แปลว่า “ผู้มีปัญญาหลักแหลม” ต่อมาในปี 2546 ท่านได้รับพระราชทานราชทินนามว่า “พระอุดมประชาทร”
นับเป็นสมณศักดิ์ซึ่งสอดคล้องกับกิจที่ท่านทำเพื่อมวลมนุษย์ผู้ไร้ที่พึ่งมาตลอดเวลาหลายสิบปี
“กิจ” ของสงฆ์ที่แปลกและเปลี่ยนไป
ในช่วงแรกที่บวช ภิกษุวัย 26 ปีได้ศึกษาธรรมวินัยและได้จาริกแสวงหาความสงบแห่งจิตไปยังพื้นที่ต่าง ๆ กระทั่งมาจำพรรษาอยู่เพียงรูปเดียวที่วัดถ้ำเขาเขียวในเขตวัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี... -
ชาวไทยปลื้มปีติ!!!“พระบรมฉายาลักษณ์ร.9”ปรากฏในฉาก“Spider-Man : Homecoming”เผยผู้สร้างภาพยนตร์น้อมรำลึกกษัตริย์ของปวงประชา
ชาวไทยปลื้มปีติ!!!“พระบรมฉายาลักษณ์ร.9”ปรากฏในฉาก“Spider-Man : Homecoming”เผยผู้สร้างภาพยนตร์น้อมรำลึกกษัตริย์ของปวงประชา
จากกรณีมีการแชร์ภาพและข้อความผ่านโลกโซเชียลโดยอ้างกันว่าภาพยนตร์เรื่อง Spider-Man : Homecoming ได้ปรากฏฉากพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่9 ซึ่งในภาพเป็นหนึ่งในฉากของภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวที่ถ่ายทำในร้านอาหารแห่งหนึ่งโดยมีการระบุว่าเป็นร้านอาหารไทย
ทั้งนี้ต่อมาได้มีการตรวจสอบถึงที่มาของเรื่องราวดังกล่าวว่ามีที่มาอย่างไรเป็นข้อเท็จจริงประการใด กระนั้นก็พบว่าแหล่งที่มาของข้อมูลที่น่าประทับใจนี้มาจากแฟนเพจ Marvel Studio Thai ซึ่งเมื่อได้ตามเข้าไปดูในเฟซบุ๊กดังกล่าวก็พบว่า มีการโพสต์ข้อความพร้อมลิงค์ภาพยนตร์ตัวอย่างซึ่งมีฉากดังกล่าวปรากฏอยู่ดังนี้
“ในภาพยนตร์ Spider-Man : Homecoming ได้มีฉากที่จะทำให้ชาวไทยได้ปลื้มปิติ..เพราะเราจะได้เห็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯพ่อหลวงของปวงชนชาวไทย ..ในฉากที่ป้าเมย์ได้รับประทานอาหารในร้านอาหารไทยกับปีเตอร์... -
การให้พรมีผลหรือไม่ ?
ถาม : เรื่องของการให้พร..พระที่ให้พรคนที่มาทำบุญ หรือที่เขาบอกว่าคนทั่วไปให้พรกันว่า ขอให้มีความสุข อันนั้นมีผลจริงหรือเปล่า ?
ตอบ: มีผลจริง ๆ อย่าลืมว่าคนทั่วไป แต่ละท่านได้สร้างบารมีมาไม่ใช่น้อย สิ่งที่ท่านบอกกล่าวออกไปด้วยความหวังดี ปรารถนาดี อย่าลืมว่าท่านไม่ใช่ตัวคนเดียว แต่ละท่านล้วนแล้วแต่มีเทวดาประจำตัว มีผู้ที่รักษาตัวทั้งนั้น ในเมื่อเราตั้งใจส่งความปรารถนาดีให้คนอื่นเขา เทวดาประจำตัวของเรา ถ้าเห็นว่าไม่เกินวิสัย ก็จะช่วยสงเคราะห์ให้เขาตามนั้น
ส่วนเรื่องของพระ ถ้าหากว่ารู้จักวิธีจริง ๆ ท่านจะให้โดยลักษณะว่าท่านเป็นตัวแทนเท่านั้น หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอนพระว่า เวลาให้พร ให้นึกถึงพระพุทธเจ้า ว่าพระพุทธเจ้าเป็นผู้ให้พร ตัวเราเป็นผู้ที่รับพรจากพระองค์ท่านส่งไปให้โยม โดยที่เป็นเสียงของเราเท่านั้นเอง
ถ้าหากว่าขนาดพระพุทธเจ้าให้แล้วไม่มีผล ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนพฤศจิกายน ๒๕๔๕ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ -
การที่เราจะได้ ไม่ได้...ขึ้นอยู่กับจังหวะชีวิตด้วยหรือเปล่าคะ ?
ถาม : การที่เราจะได้ไม่ได้...ขึ้นอยู่กับจังหวะชีวิตด้วยหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับจังหวะ ถ้าหากว่าจังหวะไหนกุศลส่งอะไรก็ง่ายไปหมด
ถ้าหากว่าเป็นช่วงอกุศลคือความไม่ดีที่เราทำไว้เข้ามา อะไรเข้ามาก็สะดุดติดขัดไปหมด
จำเอาไว้ว่า เราเกิดเป็นมนุษย์ ต้นทุนเราพอแล้ว บุญเราต้องทำมาพอสมควรทีเดียวถึงได้เกิดเป็นมนุษย์ได้ ในเมื่อบุญเราทำมาพอสมควรแล้วก็อย่าประมาท ต้องรีบเร่งทำไปให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะตัวที่ไม่เสียอะไรเลย ก็คือศีลกับภาวนา รักษาศีลให้ปกติ ภาวนาเจริญสมาธิให้เป็นปกติ พวกนี้จะเป็นบุญใหญ่ กำลังสูงมาก
ถ้าหากว่าเราให้ทานอย่างเดียว คือเสียทรัพย์เสียของ แต่ศีลกับภาวนาเราไม่ต้องเสียอะไรเลย เป็นบุญใหญ่ที่ง่ายที่สุด บุญกุศลพวกนี้ที่จะตามส่งผลให้กับเรา ถ้าจะมีเคราะห์กรรมอะไรเนื่องด้วยสิ่งไม่ดีเก่า ๆ ที่เราทำมา ถ้าเราเป็นผู้มั่นคงใน ทาน ศีล ภาวนา สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นจะตามสนองเราได้ไม่ถึง ๒๕ เปอร์เซ็นต์ เต็มที่ก็ได้แค่ ๑ ใน ๔ เท่านั้น อีก ๓ ส่วน อานุภาพของทาน ศีล ภาวนากันไว้เรียบร้อยแล้ว
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๕... -
วีดีโอ อิทธิฤทธิ์ พระเกจิอาจารย์ - เรื่องเล่า อาจารย์ยอด
อิทธิฤทธิ์ พระเกจิอาจารย์ - เรื่องเล่า อาจารย์ยอด
เรื่องเล่า ตำนานเรื่องเล่า เรื่องเล่าชาวบ้าน อาจารย์ยอดบรรยาย เรื่องเล่าอาจารย์ยอด กฎแห่งกรรม เรื่องลี้ลับ เรื่องเร้นลับ เรื่องผี ตานาน อาถรรพ์ เรื่องน่ากลัว สอนใจ คติธรรม ธรรมะ ประวัติพระ
ช่องอย่างเป็นทางการในการเผยแพร่ผลงานของอาจารย์ยอด
http://youtube.com/c/คติธรรม -
สุดยอดอานุภาพแห่ง "ยันต์เกราะเพชร หลวงพ่อปาน" ไม่ตายโหงแน่นอน!! พระโดนงูเห่ากัดจังๆ ไม่ต้องรักษา แค่วูบวาบ แล้วหายไปเอง..
สุดยอดอานุภาพแห่ง "ยันต์เกราะเพชร หลวงพ่อปาน" ไม่ตายโหงแน่นอน!! พระโดนงูเห่ากัดจังๆ ไม่ต้องรักษา แค่วูบวาบ แล้วหายไปเอง..
คุณวิเศษ แห่งวิชายันต์เกราะเพชร
ยันต์เกราะเพชร ของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค นั้นเป็นตำราของอาจารย์พระร่วง ท่านเรียนมาจากอาจารย์แจง สวรรคโลก เป็นลูกหลานในสายพระร่วงหลวงพ่อฤาษีฯ ท่านเมตตาเล่าว่า งานเป่ายันต์แต่ละครั้ง เรือแพแน่นขนัดไปทั้งแม่น้ำ ผู้คนหลั่งไหลกันมามืดฟ้ามัวดิน หุงข้าวพร้อมกันทีละแปดกระทะ ตั้งแต่เช้ายันเย็นยังไม่พอเลี้ยงคนเลย
พุทธคุณของยันต์เกราะเพชร
๑. จะไม่มีทางตายโหง
๒. จะไม่ถูกคุณผี คุณคน จะป้องกันสรรพอันตรายที่บุคคลทั้งหลายทำมาด้วยวิชาการต่างๆ
๓. จะไม่ตายด้วยพิษของสัตว์พิษ
๔. ปลอดภัยจากไสยศาสตร์ทุกชนิด
๕. ไสยศาสตร์ สิ่งไม่ดี ทุกประเภท จะสะท้อนกลับไปเอง
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เล่าว่า คราวหนึ่ง พระผลบวชพรรษาเดียวกับฉัน ปรากฏว่าถูกงูเห่ากัด เห็นตัวชัดเพราะเป็นกลางคืนเดือนหงาย เห็นว่าเป็นงูเห่าแน่ เอาไฟส่องดูก็แผ่แม่เบี้ยหราเป็นงูเห่า แกก็วิ่งเข้ามาหาหลวงพ่อปาน หลวงพ่อปานก็ถามว่า
แกรับยันต์เกราะเพชรหรือเปล่า พระผลก็บอกว่ารับขอรับ ท่านบอกว่าถ้ารับไม่รักษา... -
"ธรรมเกิดก่อนศีล" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
"ธรรมเกิดก่อนศีล"
" .. ผู้จะถึงอริยภูมิต้องมีรากฐานให้มั่นคง "นอกจากมีหิริ โอตตัปปะ แล้วยังต้องมีความเมตตา กรุณาอยู่ในใจอีกด้วย ธรรมที่เป็นรากเหง้าของศีลทั้งปวง" ไม่ว่าศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ และศีล ๒๒๗ ของภิกษุ เมื่อไม่มีธรรมเป็นรากเหง้าแล้วศีลจะตั้งมั่นไม่ได้เลย
"ธรรมเปรียบเหมือนกับไม้ยืนต้น ศีลเปรียบเหมือนกิ่งก้านสาขา" กิ่งก้านสาขา ต้องอาศัยรากเหง้าดูดเอาอาหารรสของดินขึ้นมาหล่อเลี้ยงกิ่งก้านสาขาจึงเขียวชอุ่มอยู่ได้ ฉันใด ศีลก็ฉันนั้น
"ศีลที่บุคคลรักษาดีแล้วในชาตินี้ ย่อมเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้มีธรรมประจำอยู่ในใจ" ให้ไปเกิดต่อไปในชาติหน้า "เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ จึงพึงมีแต่ความเมตตากรุณาในหมู่มนุษย์และสัตว์ด้วยกัน ไม่มีความอิจฉาริษยา พยาบาทปองร้ายบุคคลอื่นและสัตว์อื่น" เห็นคนอื่นเบียดเบียนมนุษย์อื่นและสัตว์อื่น ก็กลัวและละอายต่อบาปกรรมนั้นเป็นอย่างยิ่ง
"เมื่อได้ยินพระท่านแสดงธรรม หรือคนอื่นชักชวนให้งดเว้นจากบาปกรรมมารักษาศีล ก็ยินดีพอใจที่จะทำตามทันที" สมกับคำว่า "บุคคลที่ได้กระทำบุญไว้แต่ปางก่อน ย่อมเป็นเหตุให้ตั้งตนไว้ชอบ" .. "
"ของดีมีในศาสนาพุทธ"
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี -
ดอกบัวแห่งพุทธชาติกำลังเบ่งบานขึ้นที่นิวซีแลนด์ พระอาจารย์ธีรธัมโม
ดอกบัวแห่งพุทธชาติกำลังเบ่งบานขึ้นที่นิวซีแลนด์ พระอาจารย์ธีรธัมโม
พระอาจารย์ธีระธัมโม เล่าว่า ท่านมีประสบการณ์ทางพุทธจากมหาวิทยาลัย จากการอ่านหนังสืออย่างเดียวที่แคนาดา เรื่องฝึกจิต ต้องไปประเทศอื่น ท่านก็ไปอินเดีย แล้วก็มาเมืองไทย มีคนหนึ่งบอกว่า มีอาจารย์กัมมัฏฐานหลายองค์ ปัญหาอันหนึ่งคืออาจารย์กัมมัฏฐาน ท่านไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ พระอาจารย์ต้องอาศัยหนังสืออ่าน ตอนหลังมีข้อสงสัยเกิดขึ้น เมื่อได้อ่านหนังสือของหลวงพ่อชาที่ได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษ อ่านแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องของศาสนาพุทธ แต่เป็นเรื่องของการฝึกจิต
การฝึกจิต คือ เราควรจะนอนกี่ชั่วโมงในเวลากลางคืน เมื่อได้พบหลวงพ่อชาในภายหลัง ได้ถามท่านว่า ในพระไตรปิฎกบอกว่า นอนสี่ชั่วโมง แต่ความจริงแล้วเราควรจะนอนเท่าไร ท่านตอบว่า แล้วแต่โยมนะ อาตมาก็เลยมีกำลังใจในการปฏิบัติคำสั่งสอนของหลวงพ่อชา เป็นคำสั่งสอนที่มีปัญญามาก ไม่ใช่คำสอนที่ออกจากหนังสือ แต่เป็นคำสอนที่ออกมาจากปัญญาจริงๆ ให้รู้กาย รู้ใจ
พระอาจารย์เดินทางมาอยู่ที่เชียงใหม่ 3 ปี แล้วก็ไปอุบลราชธานี เพื่อพบหลวงพ่อชา ที่วัดหนองป่าพง ตอนที่ไปถึงครั้งแรก มาถึงแล้วมืดแล้ว...
หน้า 366 ของ 413