ไครรู้จักบ้านสวน พีระมิด มั่งครับ

เห็นด้วยกับคุณ Nipanada นะครับผมคิดว่าถ้าคุณ xcz ต้องการคำตอบ"อย่างจริงใจ" ทำไมไม่สมัครไปถามเองในเวปล่ะครับ ผมก็เห็นเค้ามี กระทู้ให้ ถามคำถามนะครับ แต่ถ้าจะสมัครเวปดังกล่าว ก็ต้องใช้ชื่อจริง-นามสกุลจริง เข้าไปนะครับ ไม่รู้ว่าคุณ"หนักใจ"ตรงข้อนี้หรือเปล่าครับ
โดยส่วนตัว ถ้าผมอยากจะรู้และศึกษาอะไรสักอย่าง ผมก็จะแสวงหาข้อมูลเอง เพราะผมไม่ใช่คนที่เชื่ออะไรง่ายๆ อยู่แล้ว แล้วสมมุติว่าถ้ามีคนตอบคำถามคุณแล้ว คุณจะเชื่อหรือ ในเมื่อใจคุณตอนนี้ เป็นอย่างไรคุณก็น่าจะรู้ตัวเองดี ว่าจุดประสงค์ของคุณคืออะไร คนอ่านเขาก็มีวิจารณญาณนะครับ อีกอย่างการปรามาสสิ่งใด โดยที่ไม่รู้จริง และไม่ใช้สติปัญญากลั่นกรองก่อน เผลอๆไปเจอ พระอริยเจ้า นี่ก็แย่หน่อยนะครับ เตือนด้วยความหวังดี คงเคยได้ยินคำนี้ใช่ไหมครับ "อย่าสนใจในจริยาของบุคคลอื่น" เพราะการเป็นพระอริยเจ้า เขาไม่ได้วัดกันที่ เครื่องแต่งกาย ครับ

 

พอดีอ่านเห็น ก็เลยอดใจไม่ไหวอยากเข้ามาแชร์ประสบการณ์ด้วย ขอให้พวกคุณเข้าใจคุณ xcz ด้วยเพราะผมคิดแบบเขาจริงๆ ผมสงสัยหลายข้อคล้ายๆกันเลย เพราะผมไปเจอ Facebook ปลอมที่เขาล้อเลียนบ้านสวนพีระมิด ผมเข้าไปอ่าน และรู้สึกว่าโดนใจเพราะกลุ่มนี้สงสัยเหมือนกันกับผม และรู้สึกชอบมากที่เขาเขียนได้ฮาดี แต่ก็รู้สึกไม่ชอบเหมือนกันตรงที่เขาเอารูปคนอื่นไปตัดต่อเป็นภาพเปลือย หรือด่าคำหยาบคาย

เพียงแต่ผมมาหยุดฮา และฮาต่อไม่ออกตรงที่เขาเอารูปพระพุทธเจ้าไปตัดแต่งล้อเลียนและเอารูปหล่อท้าวเวสสุวรรณไปวางตรงฝ่าเท้านี่แหละ ทำให้ผมขำไม่ออกเลย เพราะผมเคารพทั้งสองพระองค์มาก ไม่คิดว่าจะเล่นแรงกันขนาดนี้ เลยได้มานั่งคิดใหม่ ว่าผมไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเฟสบุ๊คปลอมนี้อีก เพราะเขาเล่นแรงไป เขียนด่าพระอีกหลายองค์ เช่น หลวงพ่อฤาษีลิงดำ พระ ว.วชิระเมธี ลามไปถึงพระพุทธเจ้า ผมก็ขอบาย ไม่เอาดีกว่า

เลยมาคิดว่าพวกบ้านสวนเขาทำไมเชื่อคนง่ายอย่างนี้หรือว่าเขาคิดไม่เหมือนผมหรือยังไง ผมเลยเข้าไปถามเฟสบุ๊คจริงของบ้านสวนพีระมิด เขาก็ตอบว่าให้ผมไปอ่านเอา เหมือนที่หลายๆคนตอบเลย ผมก็ยั๊วะนะที่ไม่ยอมตอบสักที และยังบอกว่าผมทำไมไม่ยอมศึกษา แต่ปล่อยให้คนอื่นมีอิทธิพลมากรอกข้อมูลให้ ต้องอ่านเอง ผมก็อยากหาข้อมูลมาแย้งกับเขาเลยต้องอ่าน ถึงตอนนี้ผมก็บอกตรงๆว่าผมเปิดใจยอมรับฟังกลุ่มบ้านสวนมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาผมโมโหตรงที่เขาพูดเรื่องพีระมิดและอื่นๆซึ่งในตำราของพุทธไม่มี ก็เลยไม่รู้ว่าเขาสอนอะไร และผมก็พยายามคิดต่อต้านเขามาตลอด ตอนนี้ผมยิ่งอ่านก็เข้าใจมากขึ้นว่าเขาไม่ได้สอนอย่างที่ผมเคยคิด เขาสอนใหคนรู้จักศีลแบบที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย และเชื่อในกฏแห่งกรรมและใช้ปัญญา และหากมีโอกาสก็อยากเข้าไปที่บ้านสวนดูสักครั้ง

 

ผมก็รับรู้มาจากเฟสบุ๊คปลอมเกี่ยวกับสฟิงซ์ว่าเป็นสัตว์ ก็เลยลองหาประวัติดูพบว่ามีหลายตำรามากมายเลย บางแหล่งก็บอกว่าเป็นสัตว์ที่ถามคำถามหากตอบไม่ได้ก็กินคน บางแหล่งก็บอกว่าเป็นสิ่งที่ดี และอื่นๆ ทำให้ผมรู้ว่าแหล่งข้อมูลต่างๆนั้นมีมากจริงๆ ผมเลยลองค้นหาในวิกิพีเดียดู ก็พบอีกแบบหนึ่งก็เลยลองเอามาให้อ่านดู

มหาสฟิงซ์

<!-- /firstHeading --><!-- bodyContent --><!-- tagline -->จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
<!-- /tagline --><!-- subtitle -->
<!-- /subtitle --><!-- jumpto -->ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
<!-- /jumpto --><!-- bodycontent -->

มหาสฟิงซ์แห่งกิซ่า หมอบเฝ้าอยู่ใกล้กับ พีระมิดคาเฟร


มหาสฟิงซ์ (The Great Sphinx of Giza) คือ รูปสฟิงซ์แกะสลักด้วยหินขนาดใหญ่ที่สุด ใน ประเทศอียิปต์ มีตัวเป็น สิงโต และมีหัวเป็น มนุษย์ อยู่ในบริเวณหมู่พีระมิดทั้ง 3 แห่งกิซ่า หมอบเฝ้าอยู่ใกล้กับ พีระมิดคาเฟร โดยหันหน้าไปทาง ทิศตะวันออก
สฟิงซ์คือชื่อ สัตว์ประหลาด ในตำนานไอยคุปต์วิทยา และมีในตำนานชนชาติอื่นด้วย มีลักษณะต่างกันไป แต่จะมีตัวเป็นสิงโตเหมือนกัน สฟิงซ์ในตำนานกรีก มีใบหน้าและช่วงอก เป็นหญิงสาว มีปีกแบบนกอินทรีย์ และสามารถพูดภาษามนุษย์ได้ สฟิงซ์จะคอยถามคำถาม กับมนุษย์ที่หลงมาพบมันเข้า หากตอบคำถามไม่ได้ มนุษย์ผู้เคราะห์ร้ายนั้นก็จะถูกสังหาร ส่วนสฟิงซ์ของอียิปต์โบราณ ไม่มีปีกมีหน้าเป็นมนุษย์ผู้ชาย และยังมีแบบที่หัวเป็นแกะ (Criosphinx) และหัวเป็นนกเหยี่ยว (Hierocosphinx) อีกด้วย
ชาวอียิปต์โบราณ แกะสลักหินเป็นรูปสฟิงซ์ไว้เป็นจำนวนมาก แต่ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ มหาสฟิงซ์แห่งกิซ่า นี้เอง โดยนักโบราณคดีเชื่อว่า มหาสฟิงซ์แห่งกิซ่าเป็นอนุสาวรีย์ของ ฟาโรห์คาเฟร (Khafre) หรือ คีเฟรน(Chephren) ฟาโรห์ในราชวงศ์ที่ 4 ผู้สร้างพีระมิดคาเฟร เมื่อประมาณ 2600 ปี ก่อนคริสตกาล โดยเชื่อว่าใบหน้าของมหาสฟิงซ์ จำลองมาจากใบหน้า ของฟาโรห์คีเฟรน และสามารถสังเกตว่าส่วนหัวของ มหาสฟิงซ์ มีสัญลักษณ์ของฟาโรห์อียิปต์ แสดงเอาไว้อย่างชัดเจน คือมีเคราที่คาง มีงูจงอางแผ่แม่เบี้ยที่หน้าผาก และยังมีเครื่องประดับ รัดเกล้าแบบฟาโรห์ ประกอบเข้ากับผ้าคลุมศีรษะ และคออีกด้วย จึงถือกันว่ามหาสฟิงซ์นี้ เป็นอนุสาวรีย์แกะสลักเก่าแก่ที่สุดที่รู้จักกัน อียิปต์โบราณถือกันว่าสฟิงซ์เป็นร่างจำแลงภาคหนึ่งของเทพเจ้า การที่ฟาโรห์คาเฟร ให้แกะสลักใบหน้าสฟิงซ์เป็นใบหน้าของพระองค์ จึงเป็นการแสดงว่าพระองค์เปรียบดังเทพเจ้านั่นเอง

 

ก่อนอื่นขอให้ท่านตัวแทนบ้านสวนไปอ่านข้อความ29ของเราในกระทู้นี้ เราบอกว่าเราจะเก็บเงินไว้กินข้าวกับเราขอใช้ พระพุทธเจ้าช่วยด้วย แต่มีคนกดไม่เห็นด้วยกับเรา นั่นจึงเป็นที่มาของคำถามที่หนึ่งของเรา ว่าท่านใช้เงินกันคนละเท่าไหร่กันในการซื้อของบ้านสวนฯ เพราะเงินก็เงินของเรา ท่านยังกดไม่เห็นด้วย ดังนั้นถ้าเราจะถามท่านบ้างก็น่าจะสมน้ำสมเนื้อกัน ถ้าท่านคิดว่ามันบอกไม่ได้ก็ไม่เป็นไร

คำถามของเรานั้น เคยมีคนถามไปแล้ว ดูได้ตามลิงค์นี้ เชิญถามปัญหา ได้ที่ห้องนี้ค่ะ

แต่คำตอบของอ.อุบลไม่มี โดยเฉพาะเรื่ององค์เทพสฟิงซ์ ลองดูลิงค์ข้างบนดีๆ คำตอบของอ.อุบลส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้คือ ให้เชื่ออาจารย์ๆๆๆๆๆๆ อาจารย์คุยกับพระพุทธเจ้ามา พระพุทธเจ้าบอกมาอย่างโน้นอย่างนี้ เรื่องรหัสอ.อุบลช่วยได้ร้อยแปดก็เช่นกัน มีแต่คำอ้าง แล้วถ้าอ.อุบลซึ่งถือศีลก็คงไม่เท่าพระ เกิดอาการหลงนิมิตแล้วมาบอกล่ะ

จริงๆใครๆก็ทำวัตถุมงคลออกขาย แต่ของอ.อุบลมันแปลกตรงที่มีแบบ sample ให้ลองพระพุทธคุณก่อน ลองแล้วพระพุทธคุณจะหมดฤทธิ์ภายในห้านาที ดังข้อความของอ.อุบลเอง

เชิญพิสูจน์ บารมีพระศรีอาริย์ เห็นผลฉับพลันทันที เดี๋ยวนี้
บ้านสวนพีระมิด
ได้ผลิตอุปกรณ์ ช่วยเหลือผู้คนที่
กำลังมีทุกข์ มีปัญหาชีวิต
ซึ่งมีอยู่มากมาย
ทั่วประเทศ และ ทั่วโลก
ไม่ว่าจะเจ็บปวด ป่วยด้วยโรคใด
ทั้งโรคภายนอก ภายใน
....
ก่อนบูชาทดลองมาสารภาพบาป
ในเวปไซด์นี้ ได้ คนละ
1 ครั้ง หรือ 1 อาการเจ็บปวด
จะหายชั่วคราวประมาณ 5 นาที
แล้วจะกลับไปเป็นอย่างเดิม
เพื่อเป็นการตรวจสอบพุทธคุณ

ที่มา เชิญพิสูจน์ บารมีพระศรีอาริย์

 

เรื่องสฟิงซ์ในตำนาน จริงๆในตำนานมันเป็นสัตว์ครึ่งคนครึ่งสิงห์ ไม่เคยอยู่ในฐานะเทพอะไรทั้งนั้น ถ้าจะอ้างว่าเกี่ยวกับเทพรา แล้วทำไมไม่บูชาเทพราไปเลย ส่วนที่อ้างพระอาจารย์ ขอบอกว่าที่พระอาจารย์พูด ท่านหมายถึงขาขวาหน้าของสฟิงซ์ที่อยู่ที่อียิปต์โน่น มันมีพลังงานหรือความลับอะไรนี่แหละ จะนั่งสมาธิอะไรยังต้องกำหนดจิตส่งไปอียิปต์โน่น

แล้วอ.อุบลรู้ได้ยังไงว่า องค์เทพสฟิงซ์ มีพุทธานุภาพ เทวานุภาพ สังฆานุภาพ
พรหมานุภาพ มีฤทธานุภาพ มีอานุภาพรวมหมดทั้งมหาจักรวาล<!-- google_ad_section_end -->

อ.อุบลเอาจากไหนมา

 

โปรดอย่าเหมาว่าผมเป็นตัวแทนบ้านสวนเลยครับ หรือไปเดาว่าใครต่อใครเป็นตัวแทนบ้านสวน ไม่ดีเลย หากคิดเช่นนี้คนอื่นก็อาจคิดได้ว่าคุณxczเป็นตัวแทนของกลุ่มทำลายบ้านสวนหรือคนทำเฟสบุ๊คปลอมที่ผมเคยเข้าไปอ่านได้เหมือนกันนะ ผมว่าทุกคนมีสิทธิ์ออกความเห็นได้อย่าไปคิดเองเออเองเลยครับ

เรื่องสฟิงซ์ คุณxcz เกิดทันในยุคสฟิงซ์นั้นเหรอครับทำไมกล้าไปสรุปอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นผมคงไม่กล้าสรุปไรเองแบบนี้หรอกครับ ผมไม่รู้จริงผมก็ได้แค่ศึกษาอ่านและเพื่อรับรู้ ไม่ใช่ว่าสรุปแบบให้คนยอมรับว่าจริงไม่จริงตามที่ตัวเองคิด แบบนี้ยิ่งกว่าพวกบ้านสวนที่คุณไปสงสัยอีกนะ 5555

 

แล้วลองทูลขอ ปรากฎว่า
ทรงมีพุึทธานุญาต
ตอนนั้น ก็ยังคิดนะว่า โห บอกใคร ใครจะเชื่อเนี่ย มันเป็นสิ่งที่วิเศษมากเลย

โดยเฉพาะ คนขี้อาย
ไม่อยากสารภาพออกทีวี นี่ดีที่สุด
ยอดเยี่ยมเลย ไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องเสียค่ารถ
ไม่ต้องเหนื่อย สำหรับคนขี้เกียจ มาใช้แรงกาย
ไม่ต้องมีคนที่ไม่มีวินัย มาวุ่นวาย
ในบ้านสวนกันมากมาย

เราจะได้ขอแต่คนที่มีหน้าที่สำคัญ
ที่อาสามาจริงๆ หรือ
ตัวละครที่ท่านส่งมาเท่านั้น
ที่จะเข้ามาบ้านสวนได้

จึงขอทำ
จี้องค์เทพสฟิงซ์
รวมพลังทุกสิ่งที่มีอำนาจ
มีพุทธานุภาพ เทวานุภาพ สังฆานุภาพ
พรหมานุภาพ มีฤทธานุภาพ มีอานุภาพรวม
หมดทั้งมหาจักรวาลด้วย
ที่มา เชิญถามปัญหา ได้ที่ห้องนี้ค่ะ ข้อที่21​

ข้างบนคือ ข้อความของอ.อุบลเอง จะเห็นว่าองค์เทพสฟิงซ์ที่จะสร้าง ไม่มีที่มาที่ไป คืออ.อุบลบอกว่าจะสร้างของ ก็นึกว่าจะเอาสฟิงซ์นี่แหละ แล้วไปขอพระพุทธเจ้า แล้วก็มาบอกว่าเป็นองค์เทพสฟิงซ์ มีพุทธานุภาพ เทวานุภาพ สังฆานุภาพ
พรหมานุภาพ มีฤทธานุภาพ มีอานุภาพรวมหมดทั้งมหาจักรวาล

 

ขอให้คุณxczหากสนใจจริงๆหากคิดว่าไม่ดีผมว่าน่าจะเข้าไปพิสูจน์เลยครับ หากมั่นใจว่าตนเองมีเหตุผลที่ดี ถูกต้องและศึกษาของเขาดีแล้วจริงๆ ผมว่าการทำแบบนี้คือการจงใจทำลายหรือดิสเครดิตเขามากกว่า เพราะดูจากคำถามของคุณแล้วผมมั่นใจว่าคุณไม่ได้ต้องการคำตอบหรอก เพราะคุณตั้งคำตอบไว้ในใจคุณแล้ว หากมั่นใจอย่างนั้นก็พิสูจน์เลยดีกว่านะผมว่า นอกซะจากคุณเองก็ไม่มั่นใจในตัวเอง เพราะที่ผ่านมาผมก็ไปหลงทางไปร่วมก๊วนกับพวกเฟสบุ๊คปลอมมาก่อนเหมือนกัน คนจริงจะกลัวอะไรล่ะครับ ผมว่าเขาแน่จริงมากกว่า หากของปลอมคนที่เขาไปหาคงออกมาโวยวายด่ากันจนปิดสำนักหนีไปแล้วนะ เมื่อก่อนผมก็ลืมนึกจุดนี้ไป เพราะมัวแต่ไปด่าพวกดอกเตอร์ นักวิทยาศาสตร์หรือคนมีความรู้และอื่นๆอีกมากมายที่เข้าไปศึกษาและเชื่อที่นี่ เพราะตอนนั้นคิดแต่ว่าพวกนี้โดนหลอก งมงาย เชื่อไปได้ยังไง ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมนี่แหละที่โดนหลอก คือโดนตัวเองหลอกตัวเองมานานว่าผมรู้ดีกว่าคนอื่น อย่าเสียเวลาเลยครับ หากมั่นใจว่าทำถูกพิสูจน์เลยดีกว่า คนจริงทำจริงไปเลย

 

ที่จริงผมว่าก็ดีนะครับ หากเราสงสัยอะไรก็ควรพิสูจน์ด้วยตนเอง ศึกษาด้วยตนเอง และใช้หลักกาลามสูตร10 ที่สำคัญการศึกษาหรืออะไรก็ตามแต่หากเป็นไปด้วยจิตที่ไม่เป็นกลางก็ยากครับที่จะได้ข้อสรุป ส่วนตัวผมก็เห็นด้วยนะครับหากสงสัยก็พิสูจน์ด้วยตนเองดีกว่า เพราะทุกคนล้วนมีวิจารณญาณของตนเอง แบบผมก็ได้ลองทดลองทุกอย่างแล้วถึงได้ยอมเปิดใจ และศรัทธาเขา เพราะชีวิตที่ผ่านมาผมมีปัญหาทางโรคภัยในร่างกายหลายอย่าง จนได้มารู้ว่าเราสร้างกรรมมา และเจอสิ่งที่ไม่เคยเจอมาก่อนคือหลังจากที่เรายอมรับและพูดเรื่องบาปกรรมที่ตนเองเคยทำมา ผิดศีลแต่ละข้อ ให้บุญเขา โรคหลายๆอย่างที่ผมเป็นมานานก็หายไปจริงๆและหายแบบทันทีอย่างที่เขาบอกไว้ ผมไม่ได้พูดเล่นๆหรือว่าพูดเกินจริงนะครับ ผมถึงสงสัยว่าเขาทำได้ยังไงกัน ถึงได้รู้ว่านี่คืออานุสาสนียปาฏิหาริย์ แสดงเหตุและผล เมื่อดับเหตุ ผลจึงดับ อย่างที่พระพุทธเจ้าสอน และเขาก็สอนเรื่องการให้ทานซึ่งมี3ระดับ ทำบุญอย่างไรถึงได้บุญแบบใช้ปัญญา และผมชอบที่สุดคือเขาทำบุญทุกอย่างถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวง สาธุ

 

อ่านอยู่ตอนแรกคิดว่าอำเล่นกัน พุทธคุณตัวอย่าง5นาที เข้าไปดู มันมีนี่หว่า
นึกถึงพวกแจกของตามสะพานให้ไปลองใช้ก่อน พุทธคุณตัวอย่างใช้ได้5นาที ไปหมดแล้วสมอง:boo:

 

เท่าที่อ่านข้อความของคุณ xcz คิดว่า คุณแค่อ่าน แล้วก็ สรุปเองเลยว่าไม่จริง "ไม่เชื่อ และก็ไม่พิสูจน์ด้วย" แล้วก็พยายามโน้มน้าวให้ผู้อื่น เชื่อในสิ่งที่ตนคิด ว่าถูกต้อง แม่นยำ สรุปคือเชื่อมั่นในตวามคิดของตนเอง
ส่วนเรื่องสฟิงค์นั้นก็ เชื่อในตำนานซึ่งไม่รู้ว่า ที่มาที่ไป ถูกหรือเปล่า รู้ไหมครับว่า ที่คุณทำอยู่นั้นน่ะ ผิดหลักกาลามสูตรหมดเลย ส่วนตัวผม วันงานที่ มหิดล และที่โรงแรมเดอะเทรเวลเลอร์ ที่ได้จัดธรรมมะสัญจร ก็ได้มีโอกาสเห็นคนที่เขาหาย มากมาย จำได้ว่า มี ดร.เพียงจันทร์ ที่คุณแม่หายจากโรคงูสวัด ผมเชื่อนะครับ เพราะคนที่มีความรู้ระดับ ดร. จะมาเชื่ออะไรง่ายๆนั้นดู ไม่สมเหตุสมผล แต่ผมก็ได้พบเหมือนกัน (เพราะไม่ใช่คนหูเบา)
และอีกหลายๆคนก็ ดีขึ้นหรือหาย
จริงๆแล้วการจะเอาคลิปมาลง โดยที่ไม่ได้ขออนุญาติ จากเจ้าของผมไม่ทำครับ แต่หากอยากเห็น ปรากฎการณ์แบบที่ผมเห็น ก็มีให้ชม คลิปที่เขาลงในเวปนั่นแหละ แนะนำให้ดูกิจกรรมธรรมมะสัญจร ที่ ม.มหิดล และ โรงแรมเดอะเทรเวลเลอร์ ครับ ส่วนดูแล้วก็ใช้วิจารณญาณเอาเองครับ
คำถามที่คุณถามๆ มาก็มีใน 2 คลิปนี้แหละ "ถ้าคุณมีเจตนาอยากหาความรู้จริงๆ"

 

หลักธรรมกาลมสูตร พระสูตรนี้ได้แสดงให้เห็นความเป็นนักเสรีประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้า เพราะพระองค์ทรงสอนให้คนใช้ความคิดด้วยเหตุผลโดยรอบคอบเสียก่อนแล้วจึงค่อยเชื่อ

พระพุทธเจ้าทรงสอนว่าจงอย่าได้เชื่อโดยการอ้างตำรา หรือเพราะครูอาจารย์สอนไว้อย่างนั้น หรือเพราะคำพูดนั้นตรงกับความเห็นของเรา หรือเพราะผู้นั้นเป็นบุคคลที่ควรเชื่อ หรือโดยการคาดคะเน หรือนึกเดาเอาหรือโดยการใช้เหตุผลตามหลักตรรกศาสตร์

พระองค์ทรงสอนว่าการกระทำใด ๆ ถ้าจะไม่ก่อให้เกิดความทุกข์ในภายหลัง นักปราชญ์ไม่ติเตียน ไม่เป็นไปเพื่อเบียดเบียนตน และผู้อื่นแล้ว พึงทำเถิดแต่ถ้าตรงกันข้ามกันก็อย่าทำเลย

 

เข้าไปอ่านกระทู้หนึ่งในเว็บบ้านสวนพีระมิด ที่หัวข้อประมาณว่า เชิญพิสูจน์บารมีพระศรีอาริย์แบบทันที เกี่ยวกับอุปกรณ์พีระมิดที่มีบารมีพระศรีอาริย์ ตรวจสอบพระพุทธคุณได้โดยการสารภาพบาป จะหายชั่วคราวประมาณ 5 นาที เรากำลังปวดสะโพก ไหนๆแล้วเลยเปิดใจพิสูจน์ดู สารภาพหน้าจอกับรูปอุปกรณ์ว่าเคยทำให้คนอื่นเจ็บตรงสะโพก (เราอาจเคยเตะ หรือใช้ของตีตรงสะโพกคนอื่นไม่ได้เจตนา) แปลกมากๆ เราหายทันที ใครไม่เจอกับตัวคงไม่รู้ เลยคิดว่าถ้าใครไม่เชื่อ อย่าลบหลู่ อย่าเอามาล้อเล่นดีกว่า ถ้าพระศรีอาริย์ท่านคุ้มครองอยู่จริงๆ กลัวว่าจะเป็นบาปน่ะ

 

ดิฉันขอแสดงความคิดเห็นของตัวเองบ้างนะคะ
เอาแบบกลางๆ ไม่เข้าข้างใคร แต่จะขอพูดและเล่าจากสิ่งที่ตัวเองประสบพบเจอมาค่ะ
ตอนแรกเลยที่ดิฉันรู้จักเว็บบ้านสวน
ก็จากเว็บพลังจิตนี่แหล่ะค่ะ ลองเข้าไปศึกษาดู
เห็นว่าเน้นมากๆ เรื่องกฎแห่งกรรม รักษาศีล 5
ทำบุญทุกบุญถวายในหลวง
ซึ่งตรงคอนเซ็ปดิฉันค่ะเลยเข้าไปดู
พอเข้าไปแล้ว เริ่มจากดูคลิปนี่แหล่ะค่ะ ดูแล้ว อึ้ง
งง สงสัยมากๆ ว่าทำไมนะ
แค่เราสำนึกกรรม ไม่กลับไปทำอีก ขออโหสิกรรม
โรคภัยไข้เจ็บทำไมมันดีขึ้น ถึงหายได้
ทำไมที่บ้านสวนถึงใช้เวลาอันสั้นในการทำให้คนหายได้ ทำให้คนเปลี่ยนมารักษาศีล 5 ได้ ก็มาได้คำตอบค่ะว่า เพราะที่นี่ใช้ความจริงมาพูด ใช้ความสำนึกในกรรมที่ตัวเองทำมา
ใครที่เคยชั่ว เคยเลว ที่พร้อมจะกลับใจ ไปได้เลยค่ะ ตอนที่ดิฉันไปตอนนั้นยังไม่มีกฎระเบียบเข้มงวดเหมือนตอนนี้ค่ะ
เพราะเมื่อก่อนคนยังไม่เยอะ

แต่เดี๋ยวนี้ บ้านสวนต้องขออนุญาติเข้าก่อนค่ะโดยแจ้งทางเว็บไซต์ เพราะเดี๋ยวนี้มีคนไปบ้านสวนเยอะมาก แต่ละคนก็คงอยากหายเจ็บ หายจนเหมือนดิฉันนี่แหล่ะค่ะ
แห่กันไป เห็นว่า อ.อุบลไม่ได้พักได้ผ่อน อีกอย่างเราเองก็ลืมคิดไปว่า บ้านสวนเป็นบ้านส่วนตัวของ อ.อุบล ดังนั้น การที่ใครจะเข้าออก ก็ต้องขออนุญาติถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

กลับมาเล่าเรื่องตัวเองต่อ จำได้ว่าตอนนั้นในคลิปรายการ
ขึ้นตัวหนังสือเลยว่ายินดีรับเฉพาะคนชั่ว เท่านั้น
โอ้โฮมันตรงใจเรามาก มีด้วยเหรอสถานที่ปฏิบัติธรรมแบบนี้
ยิ่งได้มารู้ว่า อ.อุบลเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำด้วย ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่ และ อ.อุบล บอกว่าไอ้ที่เรายังจนเนี่ย ก็เพราะเราไม่ทำทาน อยากรวยต้องทำทาน อยากสวยต้องรักษาศีล อยากมีปัญญา ฉลาดต้องทำสมาธิ
ตัวดิฉันไม่มีเลยสักข้อ ดิฉันจำได้แม่นเลยค่ะ อ.อุบลยกพระไตรปิฏกมาสอนกันเลยว่า ทำบุญอย่างไรถึงจะเห็นผลฉับพลันทันที หรือที่เราเรียกว่าเจอปาฏิหารย์นั่นเอง วิธีการก็คือ

1. เราต้องมีใจศรัทธาในบุญที่เราจะทำ
2. สิ่งของ เงินทอง ทรัพย์ที่เอาไปทำบุญนั้นต้องได้มาด้วยความบริสุทธิ์
3. ผู้ที่เราจะไปทำบุญด้วยนั้น เป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบหรือไม่

ถ้าได้ครบทั้ง 3 ข้อนี้รับรอง เห็นผลฉับพลันทันทีแน่นอน ตามที่พระพุทธเจ้าทรงบอกไว้แน่ค่ะ ในส่วนของข้อ 1 ตอนนั้นดิฉันไปด้วยศรัทธาจริงๆ เพราะอยากให้หนี้สินคลี่คลายค่ะ
ส่วนข้อ 2 นั้น อ.อุบลก็บอกอีกว่า บางทีอาชีพที่เราทำอาจไม่สุจริตก็ได้ หรือเงินเดือนที่เราได้บางทีเราอาจจะขาดลา มาสาย คุยโทรศํพท์ อู้งาน นี่ก็เงินไม่บริสุทธิ์แล้ว
อ.อุบลสอนขนาดนี้เลยนะ

ดังนั้น ที่บ้านสวนจึงเน้นทำบุญด้วยแรงกาย
ซึ่งบริสุทธิ์แล้วใครทำใครก็ได้
ยุติธรรมดี ส่วนข้อ 3 เราไม่มีทางรู้เลยว่า
พระที่เราทำบุญด้วย ท่านเป็นพระดี
หรือไม่ดี หลวงพ่อฤาษีท่านเคยบอกไว้ว่า
ในหลวงถือเป็นเนื้อนาบุญที่บริสุทธิ์ อ.อุบลจึง
ให้ผู้ที่มาสร้างบุญทุกบุญที่บ้านสวน
ให้ถวายบุญทั้งหมดแด่ในหลวง เท่านี้แหล่ะค่ะ

จึงเป็นคำตอบที่ว่าทำไม บ้านสวนจึงมีเรื่องราวปาฏิหารย์
เกิดขึ้นมากมายคนป่วย หายแบบฉับพลันทันที
ซึ่งก็เป็นบทพิสูจน์โดยการปฏิบัติตามคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตาม รายละเอียดทั้ง 3 ข้อ ถ้าเราสร้างบุญได้ตามทั้ง 3 ข้อนี้ ใครๆ ก็ย่อมพบปาฏิหารย์ได้แน่นอนค่ะ
เรื่องราวที่ดิฉันเจอมากับตัวเองก็ขอเล่าแค่นี้ก่อนค่ะ จริงๆ มีมากมายหลายเรื่อง ชีวิตมันดีขึ้นทุกๆ ด้าน หนี้สินที่มีตอนนี้คลี่คลายไม่ต้องหนี ต้องหลบ มีช่องทางใช้หนี้แบบไม่น่าจะเป็นไปได้ ตั้งแต่รู้จักบ้านสวน และ อ.อุบล ผู้นำคำสอนพระพุทธเจ้ามาสอนพวกเรา เดินตามพระพุทธเจ้าไม่มีหลงทางแน่นอนค่ะ

ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ดิฉันไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับใคร แต่ขอพูด และเล่าสิ่งที่ตัวเองพบเจอมา ตามความเป็นจริงค่ะ

 

เราก็มีโอกาสได้ดูรายการ คุยไปแจกไป ที่ อ.อุบลเป็นผู้ทำขึ้น โดยท่านสอนธรรมะได้เข้าใจง่ายมากเลยอ่ะ สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วย แล้วก็สามารถอ้างอิงกับพระไตรปิฎกได้ด้วย ตอนแรกเราดูก็คิดว่านี่มันอะไรกันเนี่ย แต่พอดูไปนานๆก็เริ่มติดใจ เราคิดว่าเหมาะสำหรับคนที่ชอบธรรมะแบบง่ายๆ สบายๆ ทำได้ในชีวิตประจำวัน แล้วก็จับต้องได้ เพราะเข้าใจง่าย ท่านไม่ใช้ศัพท์สูงที่เราไม่เข้าใจ แต่เน้นให้คนทุกชนชั้นเข้าใจได้ง่ายๆ ใครสนใจก็ลองหาดูใน youtube ก็ได้นะ พิมว่า "รายกายคุยไปแจกไป" แล้วก็ลองศึกษาดูนะ ว่าที่นี่เค้าทำอะไรกัน เค้าสอนอะไรกัน อาจจะได้พบสิ่งที่ตามหากันอยู่ก็ได้นะ เดี๋ยวจะมาว่าโม้ ไปดูเองเลยดีกว่า 555 แต่สำหรับเรานะ เราดูรายการคุยไปแจกไปแล้ว ทำให้เราหันมารักษาศีลได้มากขึ้น แล้วก็กลัวผลของบาปมากๆเลยอ่ะ ถ้าอยากรู้ว่าทำไม? ต้องไปดูเองจ้า อิอิ

 

ขอร่วมแบ่งปัน แชร์ประสบการณ์ของตัวเอง

- ก่อนที่ได้รู้จักบ้านสวนพีระมิด ชีวิตมีปัญหาทุกด้านเช่น ครอบครัว ทะเลาะเบาะแว้งกันประจำ
การงาน การเงิน (เก็บเงินไม่อยู่) พูดจาไม่มีใครเชื่อถือ ฯลฯ
เรียกว่ามีความทุกข์อย่างแสนสาหัส โดยเฉพาะทางจิตใจ

- รู้จักบ้านสวนพีระมิด ก็จากเวปพลังจิตนี่แหละ
เพราะชอบอ่านธรรมมะของหลวงพ่อฤาษี
เริ่มตามอ่านกระทู้ต่าง ๆ ในเวปบ้านสวนพีระมิด
อ่านทุกบรรทัด ทุกตัวอักษร (ไม่ได้อ่านจากที่คนอื่น ก๊อบมาเป็นประโยค ๆ)
และ ดูรายการคุยไปแจกไป ดูไปอนุโมทนาผ่านหน้าจอไป
ก็รู้สึกว่าตัวเบาสบายขึ้นอย่างอัศจรรย์

- พอศึกษามาสักระยะหนึ่งทำให้รู้ว่า ที่ตัวเอง
มีปัญหามากมายในชีวิต ล้วนมาจากการผิดศีล 5 ทั้งนั้น
จึงได้เริ่มปฏิบัติตามที่ ท่าน อ.อุบลสอน
คือ ให้ทาน เพื่อละวางความโลภ โกรธ หลง จะได้มีสภาพคล่องทางการเงิน รักษาศีล 5 และ ทานมังสวิรัติ

- แต่ที่ชอบมากที่สุด คือ เพิ่งได้รู้จัก “การทำบุญด้วยแรงกาย”
ว่าเป็นวัตถุทานที่บริสุทธิ์ที่สุด และมีอานิสงมากตามกำลังศรัทธา
พูดง่าย ๆ ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย (ตามแรงของแต่ละคน)
และที่สำคัญก็ไม่ต้องเสียตังค์สักบาท
อย่างการถือศีล 5 นี่ก็มีอานิสงมาก และก็ไม่เสียตังค์อีกแล้ว

- "รหัส อ.อุบลช่วยด้วย" ก็เหมือนกัน ขอเพียงมีศรัทธา
และ ขอในเรื่องที่ไม่ผิดศีล (ไม่เสียตังค์เหมือนเดิม) ก็เลยไม่คิดมาก
ลองใช้ดู ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง ขึ้นอยู่กับจิตของตัวเอง
แต่ที่ต้องจำไปตลอดชีวิตเลย คือ รถเบรคหลุด รอดมาได้เพราะ
"รหัส อ.อุบลช่วยด้วย" นี่แหละ จึงได้ขอขอบคุณเทวดาที่รักษา ท่าน อ.อุบล

- จึงขอแนะนำสำหรับ ผู้ที่สนใจอยากเริ่มศึกษาและรู้จักบ้านสวนพีระมิด
แนะนำให้เริ่มดูรายการคุยไปแจกไปก่อน เพราะจะได้เห็นตัวอย่างต่าง ๆ
ของผู้ที่เคยทำผิดพลาดในอดีตจนต้องมารับผลกรรมในปัจจุบัน
ดูไปเรื่อย ๆ อนุโมทนากับเขาไปเรื่อย ๆ
และอ่านบทความต่าง ๆ ในกระทู้บ้านสวน ฯ
เพราะคำตอบที่หลายท่าน สงสัย และอยากรู้นั้น มีอยู่ในกระทู้หมดแล้ว
ฯลฯ

ที่เขียนมาข้างต้นเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น
เพราะธรรมมะของพระพุทธองค์ที่ ท่าน อ.อุบล นำมาสอนนั้น
มากมาย ลึกซึ้ง เข้าใจง่าย และปฏิบัติได้จริงในชีวิตประจำวัน
เพียงคุณเปิดจิต เข้ามาศึกษา ปฏิบัติ พิสูจน์ ด้วยตัวของคุณเอง
ผลที่ได้รับตัวคุณเองเท่านั้นที่จะรู้ และสัมผัสได้
แล้วคุณก็ได้พบหนทางสว่างในชีวิตเหมือนที่ผู้เขียนได้รับ สาธุ

 

เราต้องศึกษาและพิจารณากันก่อน ไม่ใช่รู้เห็นอะไรมาก็คล้อยตามแล้ว
ดีหรือไม่ดี ทำถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง ก็ต้องพิสูจน์ ไม่ใช่ว่าถ้าไม่ตรงตาม
ความเห็นของตนเองก็สรุปเลยว่าเขาทำไม่ดี เขาชั่ว เขาเลว

ฉะนั้นใครจะว่าดีหรือเลวยังไงต้องศึกษาก่อนไม่ใช่ ว่าก่อน สรุปว่าเขาไม่ดีแล้ว

ส่วนใครที่ว่า แล้วอ้างว่าขัดคำสอนของพระพุทธเจ้า หรือหลวงปู่ หลวงพ่อนั้น
คนที่ว่าปฎิบัติรึยัง ทำได้รึยัง รู้จักหัวใจของพระศาสนารึเปล่า พระพุทธองค์
สอนให้ ละชั่ว ทำความดี ทำใจให้บริสุทธิ์ ไม่ล่วงละเมิดศีล ทั้งมโนกรรม
วจีกรรม และกายกรรม

การจะกล่าวตำหนิโทษผู้อื่นโดยไม่ได้รู้จริง ไม่ได้ศึกษาเขาจริง เป็นการก่อกรรม
ทางด้านมโนกรรม มาเขียนมาแสดงออกก็เป็นกายกรรม วจีกรรม ไม่เคารพศีล
ซึ่งเป็นพระธรรมของพระพุทธองค์ ตามที่ชอบอ้างศาสนาพุทธ

ยังเป็นการแสดงออกให้คนเห็นถึงสภาวะจิตใจตนเอง ประณามตนเองสู่สาธารณะ
ว่าเป็นคนจิตใจต่ำทราม เพ่งโทษผู้อื่น เป็นพลังงานลบที่ไม่ควรกระทำ

ธรรมใดเกิดแต่เหตุ พระพุทธองค์ทรงตรัสเหตุนั้น และความดับไปของเหตุนั้น
ดับเหตุ ดับกรรม ทุกข์ดับ

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=qakh9mTWFT8]ท่านดตาจินินเสด็จมาบ้านสวนพีระมิด - YouTube[/ame]

หมายเหตุ: คลิปที่นำมาให้ชมนี้ น่าจะไม่ใช่ "คลิปลับ" หรือแอบถ่ายทำแต่ประการใด มีเผยแพร่ทั่วไปใน Youtube และวิดีโอนี้มีเตรียมการจัดทำออกมาเป็นอย่างดี ออกสู่ภายนอก เพราะมีกาีรติดตัวหนังสือ ประกาศสินค้าผลิตภัณฑ์ที่ขาย ตอนเริ่มต้นวิดีโอ และสถานที่ติดต่อให้ไว้เรียบร้อย

คลิปนี้จากที่บ้านสวนพีระมิด
ไม่รู้ว่าแต่ละท่านที่ดูแล้ว มีมุมมองความเห็นประเด็นนี้อย่างไรกันบ้าง

หากเปิดดูในยูทูปโดยตรง ก็จะมีการแสดงความคิดเห็นที่หลากหลายดี เป็นไปตามสิทธิที่แสดงความเห็นแต่ละบุคคลไป

ส่วนตัวดูจบแล้ว มีความเห็นว่า ...
- ในคลิปของบ้านสวนพีระมิดอันนี้ มีซุปเปอร์แมนด้วยเท่ห์มากๆ (นั่งข้างๆคนทรง)

- ตอนใกล้ๆจบวิดีโอ นาทีที่16:20 มีผู้หญิงด้านหลังที่ใส่เสื้อเหลืองแย่งซีนไปเล็กน้อย

- ถ้าให้ดี ควรถาม ดร.เทพพนม ครับว่า ดตาจินินชาวดาวอังคารแวะมาเข้าทรงจริงหรือเปล่า? เพราะตามข่าวทราบมาว่าเค้าเป็นเพื่อนกัน ติดต่อกันเป็นประจำ

เพราะที่บอกว่ามีมนุษย์ต่างดาว(อ้างถึงดตาจินินชาวดาวอังคาร)มาเข้าทรงนั้น บางทีคงอาจจะไม่ใช่ ข้อมูลและอาการหลอนอาจเกิดออกมาจากจิตใต้สำนึก และจิตสำนึก ที่ได้รับรู้สิ่งต่างๆที่ได้ซึมซับจากความรู้ที่นั่นของคนทรงนั้นเอง

- และตามคลิปน่าจะเป็นคำถามในลักษณะการ"ชี้นำ"จาก อ.ผู้หญิงที่เป็นเจ้าสำนัก ให้ไปตามสิ่งที่เค้าอยากพูดออกมาให้ได้"เข้าทาง" สินค้า ศรัทธาน่าเชื่อถือ ส่วนนึงมาจาก"ความกลัว"ของมนุษย์ ที่เป็นความกลัวจากภัยธรรมชาติ ใช่ไหม?? ... สินค้าระลอกนี้คงขายดีที่นั่น

ตามที่สังเกต บ้านสวนพีระมิด มีการเอาคุณลักษณ์ อัตลักษณ์ความเชื่อความรู้แต่ละที่มาผสมไว้รวมกัน ที่เห็นก็มี
1. วัดท่าซุง -> ท่านท้าวเวสสุวรรณ, พระพุทธเจ้าองค์ปฐม
2. พระอาจารย์รัตน์ -> สฟิงค์ ,พีระมิด, พลังปราณ มโนธาตุ
3. ดร.เทพพนม เมืองแมน -> ดตาจินิน มนุษย์ต่างดาว และUFO
ซึ่งจะเป็นจริงแท้อย่างไร ซึ่งก็สุดแต่วิจารณญาณพิจารณาด้วยปัญญาของแต่ละท่าน .

ส่วนเรื่องอื่น อาทิคือ กฏแห่งกรรม, ศีล๕, สมาธิภาวนา ส่วนใหญ่แล้วก็จะสอนดีเกือบทุกที่ทุกสำนักโดยพื้นฐานหลักการขั้นต้น ที่เหลืออยู่ที่ผู้ปฏิบัติ เพราะหากนำคำสอนพระพุทธเจ้ามาชี้นำ ส่วนด้านนี้ก็จะอยู่ในกรอบ ในพระไตรปิฏก
http://www.geocities.ws/tmchote/tpd-mcu/index.htm

..............................................

 

ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุงได้ทำบุญสังฆทานกับหลวงพ่อที่บ้านสายลม มาตั้งแต่ครั้งหลวงพ่อท่านยังอยู่จนปัจจุบันก็ยังไปถวายสังฆทานที่ซอยสายลมและผมเองก็เป็นลูกศิษย์ของท่านอาจารย์อุบลเข้าไปบ้านสวนพีระมิดแรก ๆ ก็ด้วยความสงสัย ปรามาสท่านเหมือนกันเคยสงสัยว่าท่านเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อได้อย่างไรกันเพราะหลวงพ่อท่านไม่เคยพูดถึงเรื่องปิรามิด ยอมรับว่าทำแต่สังฆทาน แต่ศีลแหว่ง ศีลขาด ศีลปุปะจนเมื่อมาพบท่านอาจารย์ที่สอนพระธรรมจากพระไตรปิฎกสอนในลีลาที่เหมือนหลวงพ่อท่านสอน เวลากลางวันก็เปิดเสียงตามสายเป็นเสียงหลวงพ่อเทศน์ตลอดให้ทุกคนได้ฟังกัน ผมก็เริ่มเปลี่ยนกรรมของตัวเองโดยพยายามรักษาศีลแม้กระทั่งความคิดสอนให้ทำบุญทุกอย่างถวายพระเจ้าอยู่หัวเหมือนตัวท่านเพราะท่านบอกว่า ในหลวงทรงเป็นเนื้อนาบุญที่บริสุทธิ์ที่สุดแล้ว ไม่ต้องสงสัยและไม่เคยเรียกร้องเงินทอง มีแต่บอกว่าไม่มีเงินก็ไม่ต้องมาทำบุญด้วยเงินแต่ให้ทำบุญแรงกายแทน เพราะแรงกายของเราเป็นทานที่บริสุทธิ์ไม่เหมือนเงินทำบุญ ที่เรารับมาเต็มๆ ทุกเดือน แต่ทำงานไม่เต็มเวลาขาด ลา มาสาย โกงเวลาทำงานแล้ว เงินที่ได้จะบริสุทธิ์ได้สักกี่เปอร์เซ็นต์ ท่านแม่นในพระไตรปิฎกมาก เพราะท่านเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดของหลวงพ่อเสงี่ยมโอภาสีวัดใหม่สันติธรรมที่เพิ่งมรณะภาพไป ซึ่งท่านตาพิการ เวลาท่านจะศึกษาธรรมะท่านก็จะขอให้ท่านอาจารย์ช่วยบันทึกเทปให้ หลายคนมีเงินน้อย แต่ก็อยากนำเงินมาทำบุญ ท่านรับแล้วคืนให้ บอกว่าท่านรับแล้ว ท่านให้เงินนี้กลับไปใช้ในครอบครัว ท่านสอนให้รู้จักระวังความคิด เพราะทำให้ผิดศีลถึงขั้นมหาศีล สอนสมาธิแสงสว่างตามแนวท่านท่านอาจารย์ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยาที่สอนให้คนเราคิดดี ทำดี และพูดดี เลิกโกรธ เลิกอาฆาตผู้อื่น ที่สำคัญ ท่านบอกว่า ท่านเป็นคนธรรมดา มีครอบครัวและไม่เคยอ้างว่า เวลาที่ท่านแสดงกรรมแล้วทุกคนหายเจ็บ หายจน หายทุกข์นั้นเกิดจากตัวท่านเองสักครั้ง แต่เกิดจากพระบารมีแห่งพระพุทธองค์ เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณทั้งสิ้น โดยเฉพาะ หากคนที่สารภาพกรรม สำนึกผิดจริง พระพุทธองค์เสด็จมาจริง ก็ขอให้หายจากอาการเจ็บป่วยทันที เป็นต้นนอกจากนี้ หากท่านเคยอ่านหนังสือจุไรท่องดวงดาวของหลวงพ่อจะเห็นว่า ท่านไม่ได้ปฏิเสธของเรื่องต่างดาวและอารยธรรมของดาวดวงอื่นแต่ท่านยอมรับว่ามีจริงด้วยซ้ำ โดยออกตัวบอกว่า เรื่องที่ท่านเล่าเป็นนิทาน ที่ผมเล่ามานี้ ก็อยากฝากไว้ช่วยกันพิจารณาด้วยครับ