เจอรอย"พญานาค"ขึ้นรถฟอร์จูนเนอร์ ที่นครพนม ชาวบ้านแห่มาดู

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 1 มีนาคม 2012.

  1. O LEO

    O LEO Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2010
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +50
    ผมไม่ใด้มาป่วนหรือกวนใคร...แค่อยากคุณเปิดใจให้กว้างมองเห็นความนจริงของโลกว่าคนเราต่างมีความคิดความเชื่อของตนเองถึงแม้มันจะผิดแต่ก็มีสิทธิ์จริงใหม...อย่างมีต่างชาติมาบอกพระพุทธเจ้าไม่มีหรอกศาสนายูมั่วของไอนี้จริงคุณจะเชื่อเขาใหม...ถ้าคุณเชื่อในพระพุทธเจ้าจริงคุณก็ตอบไม่จริงปะ...คุณต้องเปิดใจป้าง...และคำถามนะ...สิ่งที่เราเถียงกันนะมันใช่คำสอนของพระองค์หรอใช่หนทางแห่งการเข้าพระนิพพานหรอ. .ตอบไม่เลย...หัวใจหลักคำสอนไม่มีฉะไรมากเลย...แค่มองเห็นความจริงของโลกว่าทุกสิ่งไม่เที่ยงแท้ มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นธรรมดา...ตัวเราใจเราไม่ใช่ของเรา...ตัดแล้วซึ่งกิเลสทั้งมวล....นั้นและหัวใจคำสอน
     
  2. Ms,13

    Ms,13 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ต้องโทษคนเมาสองคน มาป่วนในที่สนทนาธรรม จริงปะ กำลังสนุกกันอยู่เลยเปิดโลกกว้างแต่ดันมีคนเมาเสล่ออวดรู้มาจากไหนไม่รู้ ลูกอิสระ ก็นิ่งสงบ ตอบคำถามให้ พอถามกลับไปบ้างดันตอบไม่ได้ แย่มาก เลยน้า ไม่รู้จะเข้ามาป่าววันนี้ นานๆ ทีมันจะเข้ามาเดือนละ2_3 ครั้งเอง ส่วนมากห้องนี้มันไม่เข้ามาหลอก ลองไปตามหาคำตอบดูสิ ห้องอภิยา ห้องพระไตร เดี๋ยวเจอฝากถามให้ด้วยแล้วกัน pm ก็ไม่ตอบกลับ
     
  3. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    อายตนะภายใน ๖ อย่าง
    ๑. อายตนะ คือตา
    ๒. อายตนะ คือหู
    ๓. อายตนะ คือจมูก
    ๔. อายตนะ คือลิ้น
    ๕. อายตนะ คือกาย
    ๖. อายตนะ คือใจ

    อายตนะภายนอก ๖ อย่าง
    ๑. อายตนะ คือ รูป
    ๒. อายตนะ คือ เสียง
    ๓. อายตนะ คือ กลิ่น
    ๔. อายตนะ คือ รส
    ๕. อายตนะ คือ โผฏฐัพพะ
    ๖. อายตนะ คือ ธรรม

    หมวดวิญญาณ ๖
    ๑. จักขุวิญญาณ [ความรู้สึกอาศัยตา]
    ๒. โสตวิญญาณ [ความรู้สึกอาศัยหู]
    ๓. ฆานวิญญาณ [ความรู้สึกอาศัยจมูก]
    ๔. ชิวหาวิญญาณ [ความรู้สึกอาศัยลิ้น]
    ๕. กายวิญญาณ [ความรู้สึกอาศัยกาย]
    ๖. มโนวิญญาณ [ความรู้สึกอาศัยใจ]

    อุปาทาน ๔ อย่าง
    ๑. กามุปาทาน [ถือมั่นกาม]
    ๒. ทิฏฐุปาทาน [ถือมั่นทิฐิ]
    ๓. สีลัพพตุปาทาน [ถือมั่นศีลและพรต]
    ๔. อัตตวาทุปาทาน [ถือมั่นวาทะว่าตน]

    หมวดผัสสะ ๖
    ๑. จักขุสัมผัสส์ [ความถูกต้องอาศัยตา]
    ๒. โสตสัมผัสส์ [ความถูกต้องอาศัยหู]
    ๓. ฆานสัมผัสส์ [ความถูกต้องอาศัยจมูก]
    ๔. ชิวหาสัมผัสส์ [ความถูกต้องอาศัยลิ้น]
    ๕. กายสัมผัสส์ [ความถูกต้องอาศัยกาย]
    ๖. มโนสัมผัสส์ [ความถูกต้องอาศัยใจ]

    หมวดสัญญา ๖
    ๑. รูปสัญญา [สัญญาที่เกิดขึ้นยึดรูปเป็นอารมณ์]
    ๒. สัททสัญญา [สัญญาที่เกิดขึ้นยึดเสียงเป็นอารมณ์]
    ๓. คันธสัญญา [สัญญาที่เกิดขึ้นยึดกลิ่นเป็นอารมณ์]
    ๔. รสสัญญา [สัญญาที่เกิดขึ้นยึดรสเป็นอารมณ์]
    ๕. โผฏฐัพพสัญญา [สัญญาที่เกิดขึ้นยึดโผฏฐัพพะเป็นอารมณ์]
    ๖. ธัมมสัญญา [สัญญาที่เกิดขึ้นยึดธรรมเป็นอารมณ์]

    หมวดเวทนา ๖
    ๑. จักขุสัมผัสสชาเวทนา [เวทนาที่เกิดแต่ความถูกต้องอาศัยตา]
    ๒. โสตสัมผัสสชาเวทนา [เวทนาที่เกิดแต่ความถูกต้องอาศัยหู]
    ๓. ฆานสัมผัสสชาเวทนา [เวทนาที่เกิดแต่ความถูกต้องอาศัยจมูก]
    ๔. ชิวหาสัมผัสสชาเวทนา [เวทนาที่เกิดแต่ความถูกต้องอาศัยลิ้น]
    ๕. กายสัมผัสสชาเวทนา [เวทนาที่เกิดแต่ความถูกต้องอาศัยกาย]
    ๖. มโนสัมผัสสชาเวทนา [เวทนาที่เกิดแต่ความถูกต้องอาศัยใจ]

    หมวดตัณหา ๖
    ๑. รูปตัณหา [ตัณหาที่เกิดขึ้นยึดรูปเป็นอารมณ์]
    ๒. สัททตัณหา [ตัณหาที่เกิดขึ้นยึดเสียงเป็นอารมณ์]
    ๓. คันธตัณหา [ตัณหาที่เกิดขึ้นยึดกลิ่นเป็นอารมณ์]
    ๔. รสตัณหา [ตัณหาที่เกิดขึ้นยึดรสเป็นอารมณ์]
    ๕. โผฏฐัพพตัณหา [ตัณหาที่เกิดขึ้นยึดโผฏฐัพพะเป็นอารมณ์]
    ๖. ธัมมตัณหา [ตัณหาที่เกิดขึ้นยึดธรรมเป็นอารมณ์]

    อุปาทาน ๔ อย่าง
    ๑. กามุปาทาน [ถือมั่นกาม]
    ๒. ทิฏฐุปาทาน [ถือมั่นทิฐิ]
    ๓. สีลัพพตุปาทาน [ถือมั่นศีลและพรต]
    ๔. อัตตวาทุปาทาน [ถือมั่นวาทะว่าตน]

    [๑๕๔] ก็ญายธรรมอันประเสริฐ อันอริยสาวกเห็นดีแล้ว แทงตลอดดีแล้วด้วยปัญญา
    เป็นไฉน ดูกรคฤหบดี อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ กระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ถึงปฏิจจสมุป
    บาทเป็นอย่างดีว่า เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้น สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี
    เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ ด้วยประการดังนี้ คือ เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมี
    สังขาร เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป เพราะนามรูป
    เป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะเพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมี
    เวทนา เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน เพราะอุปาทาน
    เป็นปัจจัย จึงมีภพ เพราะภพเป็นปัจจัยจึงมีชาติ เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงมีชราและมรณะ
    โสกปริเทวทุกขโทมนัสและอุปายาส ความเกิดแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการ
    อย่างนี้ ก็เพราะอวิชชาดับด้วยสำรอกโดยไม่เหลือ สังขารจึงดับ เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ
    เพราะวิญญาณดับ นามรูปจึงดับ เพราะนามรูปดับ สฬายตนะจึงดับ เพราะสฬายตนะดับ
    ผัสสะจึงดับ เพราะผัสสะดับ เวทนาจึงดับ เพราะเวทนาดับ ตัณหาจึงดับเพราะตัณหาดับ
    อุปาทานจึงดับ เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ เพราะภพดับชาติจึงดับ เพราะชาติดับ ชราและ
    มรณะโสกปริเทวทุกขโทมนัสและอุปายาสจึงดับความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วย
    ประการอย่างนี้ ญายธรรมอันประเสริฐนี้ อริยสาวกนั้นเห็นดีแล้ว แทงตลอดดีแล้ว ด้วยปัญญา ฯ
     
  4. ชุณห์

    ชุณห์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +67
    เจอ พญานาค

    ผมคิดว่า รู้ไปก็เท่านั้นแหละครับ รู้แล้วก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรเลยครับ
    ถ้า รู้ว่าท่านมีจริง แล้วเราจะทำอะไรได้ครับ ไปบอกเค้าว่าฉันเห็นพญานาค
    ไม่มีใครเค้าเชื่อหรอกครับ นอกจากต้องหาร่องรอย ภาพถ่าย มาพิสูจน์ จึงจะเชื่อ ผมว่าเอาเวลามานั่งเถียงกันเนี่ย ไปนั่งพิจารณา ร่างกายของเราดีกว่าไหม ผมก็ขอฝากไว้เพียงเท่านี้:'(
     
  5. Ms,13

    Ms,13 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=2jk4pJQ3_R4&feature=youtube_gdata_player]โฆษณา สสส โทรหาแอ๊ด - YouTube[/ame]
     
  6. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    เกิดเป็นมนุษย์ไม่ปฏิบัติธรรม รักษาศีล พญานาคอยู่ในภพที่ต่ำกว่ามนุษย์ พญานาคปฏิบัติธรรม รักษาศีลแปด เพื่อปรารถนาเกิดเป็นมนุษย์ แต่มนุษย์ได้เกิดในภพที่ดีกว่า กลับตั้งอยู่ในความประมาท ไม่ปฏิบัติธรรม รักษาศีล เชื่อถืองมงายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คิดว่าพญานาคมีอิทธิฤทธิ์มาก ปรารถนาจะเห็นพญานาค คิดว่าเห็นพญานาคแล้วจะเป็นบุญ ตกลงใครมีบุญมากกว่ากัน
     
  7. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๗ หน้าที่ ๓๘๗/๔๖๒ ข้อที่ ๒๒๐๑

    [๒๒๐๑] พระเจ้ากาสิกราชนั้น ครั้นเสวยสมบัติและทรงรื่นรมย์อยู่ในนาคพิภพ
    นั้นแล้ว ได้ตรัสถามจัมเปยยนาคราชว่า วิมานอันประเสริฐของท่าน
    เหล่านี้ มีรัศมีดังพระอาทิตย์งามผุดผ่อง วิมานเช่นนี้ไม่มีในมนุษยโลก
    ดูกรพญานาคราช ท่านบำเพ็ญตบะธรรมเพื่อประโยชน์อะไร? นาง
    นาคกัญญาเหล่านั้นล้วนสวมใส่กำไลทอง นุ่งห่มเรียบร้อย มีนิ้วมือกลม
    กลึง ฝ่ามือฝ่าเท้าแดงงาม ผิวพรรณไม่ทราม พากันยกทิพยปานะถวาย
    ให้พระองค์ทรงเสวย เหล่านารีเช่นนี้จะได้มีอยู่ในมนุษยโลกก็หาไม่
    ดูกรพญานาคราช ท่านบำเพ็ญตบะธรรมเพื่อประโยชน์อะไร? อนึ่ง มหา
    นทีอันชุ่มชื่น ดาษดื่นไปด้วยปลาที่มีเกล็ดนานาชนิด มีนกเงือกร่ำร้อง
    อยู่อึงมี่ มีท่าราบเรียบ แม่น้ำเช่นนี้จะได้มีอยู่ในมนุษยโลกก็หาไม่ ดูกร
    พระยานาคราช ท่านบำเพ็ญตบะธรรมเพื่อประโยชน์อะไร? ฝูงนก
    กระเรียน ฝูงนกยูง ฝูงหงส์ และฝูงนกดุเหว่าทิพย์ ร่ำร้องเสียงไพเราะ
    จับใจ ต่างก็โผผินบินจับอยู่บนต้นไม้ ทิพยสกุณาเช่นนี้จะได้มีใน
    มนุษยโลกก็หาไม่ ดูกรพญานาคราช ท่านบำเพ็ญตบะธรรมเพื่อ
    ประโยชน์อะไร? ต้นมะม่วง ต้นสาละ หมากเหม้าควาย ต้นหว้า
    ต้นราชพฤกษ์ และแคฝอย ผลิตดอกออกผลเป็นพวงๆ ทิพยรุกขชาติ
    เช่นนี้จะได้มีอยู่ในมนุษยโลกก็หาไม่ ดูกรพระยานาคราช ท่านบำเพ็ญ
    ตบะธรรมเพื่อประโยชน์อะไร? อนึ่ง ทิพยสุคนธ์รอบๆ สระโบกขรณี
    เหล่านี้ หอมฟุ้งอยู่เป็นนิตย์ ทิพยสุคนธ์เช่นนี้จะได้มีอยู่ในมนุษยโลก
    ก็หาไม่ ดูกรพญานาคราช ท่านบำเพ็ญตบะธรรมเพื่อประโยชน์อะไร?
    [๒๒๐๒] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมประชาชน ข้าพระพุทธเจ้าบำเพ็ญตบะธรรม
    เพราะเหตุแห่งบุตรทรัพย์ หรือแม้เพราะเหตุแห่งอายุก็หาไม่ แต่เพราะ
    ข้าพระพุทธเจ้าปรารถนากำเนิดมนุษย์ ฉะนั้น จึงได้บากบั่นบำเพ็ญตบะ
    ธรรม.
     
  8. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    - ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่พญานาคมีจริงหรือไม่ ผมแค่อยากชี้ให้เห็นว่าสิ่งที่เราไม่เห็นไม่ใช่ว่าไม่มี
    - บางอย่างเราไม่รู้ก็อย่าเพิ่งไปสรุปว่าคนที่รู้เค้างมงาย หลอกลวง
    - ถามว่าทำไมต้องห่วง เพราะผมคิดว่าความคิดเหล่านี้ก็เป็นสิ่งกีดขวางการภาวนา เห็นทุกคนมุ่งมั่นเรื่องธรรมคำสั่งสอน แนวทางหลุดพ้น เลยอยากให้ทุกคนเปิดใจกว้าง ยังมีอะไรที่เราไม่รู้อีกมาก และจากการที่หลายท่านไม่รู้ก็แสดงให้เห็นว่ายังไม่ได้ภาวนาเลย มีแต่ใช้สมองพิจารณา ใช้ความคิดความรู้ที่เรียนมา แต่จิตเป็นอย่างไร ปัญญาที่เกิดจากจิตเป็นอย่างไร คิดว่าน่าจะยังเข้าไม่ถึง(ผมเองก็ยังไม่ถึงแต่ก็ได้ยินมาบ้างจากคนที่ฝึกถึงขั้นนั้น)
    - เวลาที่ไปอ่านประวัติพระพุทธเจ้า หรือพระอรหันต์สาวก หรือพระอรหันต์ในยุคปัจจุบันก็ตาม จะได้ไม่ไปปรามาสให้เกิดบาปหรืออกุศลจิตขึ้น
    - เดี๋ยวจะมาบอกว่าผมไม่เคยเห้นแล้วเชื่อไว้ก่อนนี่งมงายหรือไม่ ก้ต้องบอกว่าผมเชื่อว่าท่านเหล่านั้นพูดจริง แต่ผมไม่ได้หยุดแค่นี้ ผมก็ตั้งใจที่จะปฏิบัติภาวนาให้รู้เองเห้นเองเช่นกัน
    สำหรับคนที่ไม่เชื่อก็ไม่ควรหยุดอยู่แค่นั้น ควรจะปฏิบัติภาวนาแล้วพิสูจน์ด้วยตัวเองเช่นกัน หลักกาลามสูตรจึงไม่ได้จบแค่การฟังแล้วคิดขณะนั้นว่าเชื่อไม่เชื่อ แต่ต้องนำมาใคร่ครวญทบทวน บางอย่างก็ต้องมาพิสูจน์ต่อ ผมว่านี่ก็เป็นหลักการทางวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่งนะ
     
  9. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ท่านตาดำดำ จะปฏิบัติภาวนาเพื่อรู้เห็นพญานาคหรือครับ
     
  10. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,300
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,126
    เห็นอย่างยิ่งด้วยครับ
    ไม่ต้องไปไกลถึงเรื่องพญานาคอะไรหรอกครับเอาแบบที่เห็นๆดีกว่า

    ก่อนหน้าที่นักวิทยาศาสตร์จะประดิษฐ์เครื่องไม้เครื่องมือจนสามารถทำกล้องส่องมองเห็นเชื้อโรคซึ่งมีขนาดเล็กมากจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น และตอนที่ัยังไม่สามารถทำกล้องส่องเห็นเชื้อโรคได้นั้น ถามว่าเชื้อโรคมันไม่มีอยู่ หรือมันเพิ่งจะปรากฎขึ้นหลังจากนักวิทยาศาสตร์ทำกล้องขึ้นมาได้...

    ก็แหมคุณเอากล้องส่องพระมีกำลังขยายแค่ 10X ,20X ,30X มาส่องดูเชื้อโรคแล้วชาตินี้มันจะเห็นมั๊ยเนี่ย....น้องจ๋า น้องคิด ได้ไง
     
  11. tools&die

    tools&die สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +0
    ประการแรกนั้นไม่ใช่ททางที่หลุดพ้นประการที่สองไม่เชื่อแล้วไม่คิดพิสูจน์นี้สิเรียกว่ามิจฉาทิฏฐิ
     
  12. ยมยักษ์

    ยมยักษ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2011
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +35
    กระทู้นี้ โลกมันเปิดกว้างดีนะ น่าจะปล่อยให้ความคิดใหม่ ๆเข้ามาบ้างนะดูถูกคนอื่นคงไม่ใช่แนวทาง......ของ....

    [​IMG]
     
  13. O LEO

    O LEO Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2010
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +50
    น่าสงสารปากก็บอกเชื่อในพระพุทธเจ้าแต่ยังละซึ่งโทสะ โมหะ การยึดมั่นถือมั่นในตัวตนไม่ใด้เลย ทั้งที่อยู่ในคำสอนแท้ๆ
     
  14. Ms,13

    Ms,13 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ก็เหมือนบางคนนั้นละที่พูดไม่รู้เรื่องยังยึดติดอยากให้พูดออกมา น่าสงสารปากจริงๆ ยังไม่เข้าใจเลย
     
  15. Ms,13

    Ms,13 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    น่าสงสาร สะอึ้น สะอึ้น
     
  16. O LEO

    O LEO Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2010
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +50
    ผมก็ไม่เห็นด้วยกับการเชื่อที่งมงายไร้สาระ ผมนะเข้าใจคุณนะแต่ไม่ถุกต้องที่มาคิดว่าความเชื่อนั้นผิด งั้นหมายความว่าใครที่นับถือศาสนาอื่นผิดด้วยซิ
     
  17. Ms,13

    Ms,13 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    หมอกฤษ ฟันธงเอ๋ย เจ้าพ่อร้อยยูส คิดถึงจอมป่วน
     
  18. O LEO

    O LEO Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2010
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +50
    เจตนาคุณนะดี แต่วิธีการนะผิด
     
  19. Ms,13

    Ms,13 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ขอโทษนะจ๊ะ อิอิรู้จักใครสักคนอย่าเพิ่งตัดสินเขาสิเพราะที่ผ่านมา ลูกอิสระ แน่นปัก ๆๆ ของดีหายากอิอิไม่ได้โม้ ต้องเข้าสู่ลานธรรมมะ ไม่ใช่ห้อง ทางจิตคนพูดไม่รู้เรื่องบัว 4 เหล่ายากนักที่จะอธิบายใช่ปะ ก็ขี้เมาอะน้า คุยกะคนเมารู้เรื่องที่ไหนละ คุยกะคนอยู่ใต้ต้นไม้ดีกว่าอากาศก็เย็นสบาย คนก็รับฟัง ใครจะมาคุยที่ๆ ไม่ควรคุย อยู่สบายใจคุยกะคนคุยได้ไม่ดีกว่าหรือ คนตายไปรู้ว่าสวรรค์สบาย จะลงมาอยู่กองขี้ทำไมละใช่ปะ ก็คนบางคนมันปากเหม็นไง อะอะ
     
  20. Ms,13

    Ms,13 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ผิดตรงไหนอธิบายเพื่อคนมาอ่านเห็นยูสเก่าเหมือนกันเลย กล้าสาบาญก่อนคุยไหมละว่าไม่ใช่คนเดียวกันที่ป่วนทุกคนจะได้สบายใจ และลานธรรมะจะได้ปลอดคนเมา ให้เขาคุยเสร็จแล้วยกมือถามมารยาทของผู้ดีในการฟัง ป๋อย ป๋อย
     

แชร์หน้านี้

Loading...