เจอรอย"พญานาค"ขึ้นรถฟอร์จูนเนอร์ ที่นครพนม ชาวบ้านแห่มาดู

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 1 มีนาคม 2012.

  1. ละโลก

    ละโลก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    188
    ค่าพลัง:
    +654
    เข้าเห็นมีประเด็นกันอยู่เลยนำข้อมูลมาให้ลองฟังกันดูครับ(ฟังให้จบนะครับ)

    ดร. วรภัทร ภู่เจริญ ธรรมะไร้ขอบเขต Full version

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=rdwEvRz8ZA8]ดร วรภัทร ภู่เจริญ ธรรมะไร้ขอบเขต Full version - YouTube[/ame]
     
  2. แสงอุ่น

    แสงอุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    612
    ค่าพลัง:
    +1,036
    จะเถียงกันไปทำไมล่ะพี่น้อง เหมือนเรื่องมนุษย์ต่างดาวนั้นและ ความเชื่อความจริงไม่ใช่ว่าต้องจับได้เสมอ จึงเป็นเรื่องยากที่จะพิสูจน์ ทุกวันนี้แสงสว่างมีจริง ต่างก็เห็นว่ามันสว่าง ยังไม่มีปัญญาจะจับต้องมันเลย ความมืดอีกล่ะจับมันได้มั๊ย ไม่ต้องไกลตัวหรอกเห็นกันอยู่วันทุกเวลา
     
  3. ลูกอิสระ

    ลูกอิสระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +9
    ‎"...จะพูดถึงวิธีปฏิบัติงานโดยแยบคายต่อไป ข้อแรก จะต้องสร้างศรัทธาให้มีขึ้นก่อน เพราะศรัทธา หรือความเชื่อมั่นในประโยชน์ของงานนั้น เป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิบัติ คือทำให้มีการปฏิบัติด้วยใจในทันที แม้ก่อนที่จะลงมือทำ ดังนั้นไม่ว่าจะทำการใดๆ จึงต้องสร้างสร้างศรัทธาขึ้นก่อน และการสร้างศรัทธานั้น จำเป็นต้องทำให้ถูกต้องด้วย ศรัทธาที่พึงประสงค์จะต้องไม่เกิดจากความเชื่อง่าย ใจอ่อนปราศจากเหตุผล หากจะต้องเกิดขึ้นจากความเพ่งพินิจ พิจารณา ใคร่ครวญแล้วด้วยความคิดจิตใจที่หนักแน่นสมบูรณ์ด้วยเหตุผล จนเห็นถ่องแท้ถึงคุณค่าและประโยชน์อันแท้จริงในผลของการปฏิบัติที่จะบังเกิดตามมา ศรัทธาลักษณะนี้ เมื่อบังเกิดขึ้นแล้ว ย่อมน้อมนำฉันทะ ความพอใจ ความกระตือรือร้น ความพากเพียรขวนขวาย ตลอดจนความฉลาดริเริ่มให้เกิดขึ้นเกื้อกูลกันอย่างพร้อมเพรียง แล้วสนับสนุนส่งเสริมให้การปฏิบัติงานดำเนินก้าวหน้าไปโดยราบรื่นจนสำฤทธิ์ผล..."

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=FlXJ-cKTQvI&context=C31bebd4ADOEgsToPDskKZT5p-l5-CHPXXML8gDcop]Timeline CoffTV ความเชื่อ ความงมงาย กับคนไทย ตอนที่1 - YouTube[/ame]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=BJNCLTZm2rs&feature=context&context=C31bebd4ADOEgsToPDskKZT5p-l5-CHPXXML8gDcop]Timeline CoffTV ความเชื่อ ความงมงาย กับคนไทย ตอนที่ 2 - YouTube[/ame]
     
  4. ลูกอิสระ

    ลูกอิสระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +9
    ในครั้งหนึ่ง มีนาคาปลอมตัวมาบวชในพระพุทธศาสนา ได้เป็นพระภิกษุ ในตอนนี้ตำนานกลับไปกล่าวว่านาคา คือพญานาคตนหนึ่งปลอมตัวเป็นมนุษย์มาบวช วันหนึ่งภิกษุอื่นไปแอบเห็นภิกษุนั้นนอนหลับในกุฎิโดยลืมตน คืนกายเป็นพญานาคหรืองูใหญ่ จึงไปร้องเรียนต่อพระพุทธองค์ว่าอมนุษย์ไม่สมควรบวชเป็นพระภิกษุได้

    พระพุทธเจ้าทรงเรียกนาคานั้นมาตรัสถาม และได้ความว่าเป็นจริง จึงทรงขอให้นาคานั้นสึกออกไป ซึ่งนาคานั้นก็ยอมแต่โดยดีแต่ขอพรต่อพระพุทธองค์ไว้ว่า ต่อไป ผู้ใดจะขอบวชเป็นพระภิกษุก็ขอให้บวชเป็นนาคาก่อน พระพุทธองค์ทรงอนุญาต

    ตีความตอนนี้คือ เมื่อคนป่านั้นถูกพระอื่นๆจับได้ในขณะนอนหลับ(อาจจะจีวรรุ่ยหลุดจนเห็นรอยสักตามลำตัว)จึงพากันไปฟ้องพระพุทธเจ้า ซึ่งต่อหน้าพระพักตร์คนป่านั้นก็ยอมรับความจริง ต้องเข้าใจด้วยว่าพระที่ก่อม็อบมาบีบพระอวค์เหล่านั้นมิใช่พระอรหันต์ และยังยึดถือกฏเกณฑ์ของโลกเป็นใหญ่ พระพุทธองค์เองก็มิได้ขัดต่อโลกธรรม เพื่อมิให้หนักพระทัย คนป่านั้นจึงสมัครใจที่จะสึก แต่ได้ทูลถามพระองค์ว่า คนป่า หากปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้ว จะสามารถจะบรรลุอรหัตตผลได้หรือไม่ ทรงยอมรับว่า ได้ คนป่าจึงได้ทูลต่อว่า เพื่อให้คนทั้งหลายได้แจ้งในเรื่องดังกล่าว ก็ขอให้ผู้ที่ปราวณาตนขอบวชเป็นพระภิกษุจะต้องครองผ้าขาวเป็นสัญญลักษณ์แห่งความจริงอันนี้(สมัยนี้ต้องเรียกว่า สิทธิมนุษยชน)เสียก่อน ซึ่งทรงอนุญาตตามที่ขอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2012
  5. ลูกอิสระ

    ลูกอิสระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +9
    [​IMG]

    ตังนั้นอุบาสกเมื่อขออุปสมบท จึงนุ่งขาวห่มขาว เข้าพิธีกรรมของสงฆ์ ตอนหนึ่งนั้นจะต้องถูกซักถาม(เป็นภาษาบาลี)ว่า มนุสโสสิ อันแปลว่า ท่านเป็นมนุษย์หรือเปล่า นาคจะตอบว่า อามะ ภันเต อันแปลว่า เป็นพระเจ้าข้า ทั้งนี้ก็เพื่อกันข้อผิดพลาดที่แล้วมานั่นเอง
     
  6. ลูกอิสระ

    ลูกอิสระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +9
    ก่อนที่ศาสนาเข้ามาในสุวรรรภูมิ

    ครั้งที่ 3
    ในพ.ศ.235

    มูลเหตุ : พวกเดียรถีย์หรือพวกนักบวชในศาสนาอื่นมาปลอมบวชในพระพุทธศาสนา ด้วยเห็นแก่ลาภสักการะ และเพื่อบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา ได้แสดงลัทธิและความเห็นของตนว่า "เป็นพระพุทธศาสนา เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า" พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระได้ขอความอุปถัมภ์จากพระเจ้าอโศกมหาราชให้มีการสอบสวน สะสาง กำจัดพวกเดียรถีย์ปลอมบวชประมาณ 60,000 รูป แล้วให้สละสมณเพศออกจากพระพุทธศาสนาได้สำเร็จ

    สถานที่ : อโศการาม กรุงปาตลีบุตร ชมพูทวีป

    องค์อุปถัมภ์ : พระเจ้าอโศกมหาราช

    การจัดการ : พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระเป็นประธาน พระอรหันต์เข้าประชุมเป็นสังคีติการกสงฆ์จำนวน 1,000 รูป

    ระยะเวลา : 9 เดือน จึงสำเร็จ

    การสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งนี้ คงมีการซักถามพระธรรมวินัยและตอบข้อซักถามเช่นเดียวกับการสังคายนาครั้งก่อน แต่ไม่ปรากฏรายละเอียดว่า พระเถระรูปใดทำหน้าที่ซักถาม รูปใดทำหน้าที่ตอบข้อซักถาม แต่ปรากฏว่า พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระได้เสนอคำถาม 500 ข้อเพิ่มเข้าในคัมภีร์กถาวัตถุ ซึ่งเป็นคัมภีร์ในพระอภิธรรมปิฎก เป็นการขยายความคัมภีร์นั้นให้พิสดารออกไปอีก ที่ประชุมสงฆ์ได้รับรองเป็นคำอธิบายที่ถูกต้องตามหลักธรรมในพระพุทธศาสนา

    ผลการสังคายนาครั้งนี้ นอกจากจะได้กำจัดพวกเดียรถีย์ปลอมบวช ให้ออกจากพระพุทธศาสนาแล้ว ยังได้สอบทานพระธรรมวินัยให้ถูกต้อง และได้ตอบคำถาม 500 ข้อ คำตอบ 500 ข้อ เพิ่มเข้าในคัมภีร์กถาวัตถุด้วย เมื่อเสร็จการสังคายนาแล้วได้มีการส่งสมณทูตไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดนต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศรวม 9 สายด้วยกัน และส่งไปสายละ 5 รูป เพื่อจะได้ให้การอุปสมบทแก่ผู้เลื่อมใสได้ถูกต้องตามพระวินัย

    สายที่ 1 พระมัชฌันติกเถระ พร้อมด้วยคณะ ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ แคว้นกัศมีระและแคว้นคันธาระ

    สายที่ 2 พระมหาเทวเถระ พร้อมด้วยคณะ ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ แคว้นมหิสมณฑล และดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำโคธาวารี

    สายที่ 3 พระรักขิตเถระ พร้อมด้วยคณะ ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ วนวาลีประเทศ

    สายที่ 4 พระธรรมรักขิตเถระ หรือพระโยนกธรรมรักขิตเถระ (ซึ่งเข้าใจกันว่าเป็นฝรั่งคนแรกในชาติกรีกที่ได้เข้าบวชในพระพุทธศาสนา) พร้อมด้วยคณะ ได้ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ อปรันตกชนบท

    สายที่ 5 พระมหาธรรมรักขิตเถระ พร้อมด้วยคณะ ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ แคว้นมหาราษฎร์

    สายที่ 6 พระมหารักขิตเถระ พร้อมด้วยคณะ ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ โยนกประเทศ

    สายที่ 7 พระมัชฌิมเถระ พร้อมด้วยคณะ คือพระกัสสปโคตรเถระ พระมูลกเทวเถระ พระทุนทภิสสระเถระ และพระเทวเถระ ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ ดินแดนแถบภูเขาหิมาลัย

    สายที่ 8 พระโสณเถระ และพระอุตตรเถระ พร้อมด้วยคณะ ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ ดินแดนสุวรรณภูมิ

    สายที่ 9 พระมหินทเถระ (โอรสพระเจ้าอโศกมหาราช) พร้อมด้วยคณะ คือพระอริฏฐเถระ พระอุทริยเถระ พระสัมพลเถระ และพระหัททสารเถระ ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ ลังกาทวีป ในรัชสมัยของพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ กษัตริย์แห่งลังกาทวีป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2012
  7. ลูกอิสระ

    ลูกอิสระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +9
    นาคไม่ใช่คำในภาษาพื้นเมืองของภูมิภาคอุษาคเนย์ คำนี้ติดมากับพวกพราหมณ์จากอินเดียโบราณใช้เรียกคนพื้นเมืองทั้งหมดของอุษาคเนย์ที่ล้าหลังทางเทคโนโลยี คนพื้นเมืองพวกนี้ยังไม่รู้จักศาสนาพุทธ พราหมณ์ แต่มีศาสนาของตัวเองเรียกรวม ๆ ศาสนาผี เพราะนับถือผีพื้นเมืองของแต่ละเผ่า และอำนาจเหนือธรรมชาติ ผีพื้นเมืองมีหลายระดับ ตั้งแต่ผีเรือน ขยายเป็นผีของหมู่บ้าน เรียกผีบ้าน จนถึงผีของเผ่าพันธุ์ เช่น ผีฟ้า หรือผีแถน ภายหลังเรียกรวม ๆ ว่า ผีฟ้าพญาแถน แต่บางเผ่านับถือผีเจือง ที่รู้จักแพร่หลายในเอกสารสมัยหลังว่า ท้าวฮุ่งหรือขุนเจือง ของพวกลัวะกับพวกข่า ระบบความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับศาสนาผี และถือเป็นเรื่องสำคัญในชีวิตประจำวัน คือความเชื่อเรื่องขวัญ คนเรามีส่วนประกอบที่สำคัญอยู่ ๒ ส่วน คือส่วนที่เป็นตัวตน ได้แก่ ร่างกาย และส่วนที่ไม่เป็นตัวตน ได้แก่ ขวัญ ทั้งยังมีความเชื่อร่วมกันอีกว่า ถ้าขวัญอยู่คู่กับร่างกาย เจ้าของขวัญจะมีความสุขสบาย แต่ถ้าขวัญออกจากร่างกายไป เจ้าของขวัญจะไม่เป็นปกติ อาจเจ็บไข้ได้ป่วยจนถึงตาย เมื่อใดก็ตามที่เจ้าของขวัญเจ็บป่วยมาก แสดงว่าขวัญไม่อยู่กับตัว ผู้ใหญ่ในครอบครัวจึงต้องจัดพิธี เรียกขวัญ ให้กลับเข้าสู่ตัวเพื่อความเป็นสิริมงคลและอยู่ดีมีสุข เหตุที่ต้องทำขวัญมีทั้งเหตุดี และเหตุไม่ดี เหตุดี เช่น ได้แต่งงาน ได้ลูก ได้เลื่อนยศถาบรรดาศักดิ์ รวมทั้งได้บวช ได้ข้าวปลาอาหาร เหตุไม่ดี เช่น ผัวตาย ลูกตาย เมียตายจาก ฝันร้ายเจ็บไข้ได้ป่วย พิธีบวชนาค ยุคแรกเริ่มเดิมทีมีร่องรอยเหลืออยู่ในพม่า คือนาคยังไม่ปลงผมโกนหัว เอานาคขึ้นม้าไปแห่เสียก่อน ต่อเมื่อจะเข้าโบสถ์ขออุปสมบทจึงค่อยโกนหัว ซึ่งต่างจากคนไทยทุกวันนี้ที่ให้นาคโกนหัวก่อนแล้วค่อยแห่นาค
     
  8. ลูกอิสระ

    ลูกอิสระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +9
    เมื่อคนอินเดียแผ่อารยธรรมมาทางอุษาคเนย์ โดยเฉพาะในลุ่มทะเลสาปเขมร ก็มาพบชาวพื้นเมืองไม่นุ่งผ้านุ่งผ่อนดังว่า ก็เรียกพวกนี้ว่าพวกนาคา และอาจใช้เวลานับร้อยๆปีที่จะค่อยๆผสมผสานกับคนเหล่านั้น ซึ่งคงจะไม่ถึงกับดุร้ายเป็นมนุษย์กินคนเช่นในเมืองแขก แถมอาจจะหน้าตาไปวัดไปวาได้ด้วย จนในที่สุดสามารถช่วยกันสร้างบ้านแปงเมือง ถึงกับมีสถาปัตยกรรมอันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่เรียกว่านครวัตได้ สถาปัตยกรรมสร้างขึ้นในเขมรยุคนั้นเป็นส่วนหนึ่งที่เรียกว่าอารยธรรมขอม ซึ่งก็ไม่แตกต่างกับอารยธรรมของอินเดียร่วมสมัยไปกี่มากน้อย ดังนั้น ผู้รู้บางกลุ่มถึงกับไม่ยอมรับว่าขอมคือคนเขมร เพราะหลักฐานไม่ปรากฏพัฒนาการของอารยธรรมบนแผ่นดินนั้นเลย อยู่ๆก็จะมีMasterpieceโผล่ขึ้นมาได้อย่างไร และถึงกับว่าขอมไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยซ้ำ เป็นเพียงชื่อของอารยธรรมแห่งยุคเท่านั้นเอง แต่เรื่องดังกล่าวคนเขมรจะยอมรับไม่ได้มาช้านานแล้ว ไม่ใช่จะเพิ่งจะไม่ยอมรับเมื่อร้อย-สองร้อยปีมานี้ ตำนานของเขมรจะปรุงแต่งให้เป็นไปว่า แผ่นดินตรงนั้นเป็นเมืองของพญานาค ที่ตอนหลังยอมรับให้พวกมนุษย์ผู้มีบุญมาสร้างเมืองขึ้นใหม่ อะไรที่เอ่ยถึงนาคา จะกลบปมด้อยโดยแปลเป็นพญานาคไปหมด
     
  9. ลูกอิสระ

    ลูกอิสระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +9
    ตังนั้นอุบาสกเมื่อขออุปสมบท จึงนุ่งขาวห่มขาว เข้าพิธีกรรมของสงฆ์ ตอนหนึ่งนั้นจะต้องถูกซักถาม(เป็นภาษาบาลี)ว่า มนุสโสสิ อันแปลว่า ท่านเป็นมนุษย์หรือเปล่า นาคจะตอบว่า อามะ ภันเต อันแปลว่า เป็นพระเจ้าข้า ทั้งนี้ก็เพื่อกันข้อผิดพลาดที่แล้วมานั่นเอง

    คนในประเทศอื่นรุ่นหลังๆไม่รู้จักพวกคนป่าที่เรียกว่าพวกนาคา รู้จักแต่คำแปลนาคาที่แปลว่าพญานาคเท่านั้น เรื่องจึงเพี้ยนสืบมา

    รูปที่นำมาแสดงเป็นพวกนาคาในปัจจุบันที่เกาะอันดามัน พวกนี้ยังอยู่กินกันป่าเถื่อนเหมือนเมื่อพันสองพันปีก่อน รัฐบาลอินเดียติดตามอนุรักษ์คนเหล่านี้อยู่มิให้วัฒนธรรมสม้ยใหม่กระทบชีวิตพวกเขาเกินไป
     
  10. ลูกอิสระ

    ลูกอิสระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +9
    ตังนั้นอุบาสกเมื่อขออุปสมบท จึงนุ่งขาวห่มขาว เข้าพิธีกรรมของสงฆ์ ตอนหนึ่งนั้นจะต้องถูกซักถาม(เป็นภาษาบาลี)ว่า มนุสโสสิ อันแปลว่า ท่านเป็นมนุษย์หรือเปล่า นาคจะตอบว่า อามะ ภันเต อันแปลว่า เป็นพระเจ้าข้า ทั้งนี้ก็เพื่อกันข้อผิดพลาดที่แล้วมานั่นเอง

    คนในประเทศอื่นรุ่นหลังๆไม่รู้จักพวกคนป่าที่เรียกว่าพวกนาคา รู้จักแต่คำแปลนาคาที่แปลว่าพญานาคเท่านั้น เรื่องจึงเพี้ยนสืบมา

    พวกนาคาในปัจจุบันที่เกาะอันดามัน พวกนี้ยังอยู่กินกันป่าเถื่อนเหมือนเมื่อพันสองพันปีก่อน รัฐบาลอินเดียติดตามอนุรักษ์คนเหล่านี้อยู่มิให้วัฒนธรรมสม้ยใหม่กระทบชีวิตพวกเขาเกินไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2012
  11. ลูกอิสระ

    ลูกอิสระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +9
    ส่วนความเชื่อที่สืบต่อกันมา นั้นเป็นเรื่อง
    อจินไตย แปลว่าสิ่งที่ไม่ควรคิด หมายถึงสิ่งที่ไม่อาจเข้าใจได้ด้วยตรรกะสามัญของปุถุชน มี 4 อย่างได้แก่
    พุทธวิสัย วิสัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
    ฌานวิสัย วิสัยแห่งอิทธิฤทธิ์ของฌาน
    กรรมวิสัย วิสัยของกฎแห่งกรรม ที่สามารถติดตามไปได้ทุกชาติ รวมถึงการให้ผล และการรับวิบากกรรม
    โลกวิสัย วิสัยการมีอยู่ของโลก
    ในทางพระพุทธศาสนาไม่แนะนำให้คิดเรื่องอจินไตย เพราะวิสัยปุถุชนไม่อาจเข้าใจได้โดยถูกต้องถ่องแท้ ทั้งเพราะความเข้าใจไม่ได้ในฐานะที่เป็นของลึกซึ้ง เป็นเรื่องทางจิต หรือเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหาคำตอบที่สิ้นสุดได้ ถ้าคิดมากจริงจังในการหาคำตอบเหล่านั้นจากการคิดเดาเอาด้วยตรรกะเองจึงอาจกลายเป็นคนบ้าได้ อจินไตยในเรื่องทางจิตจึงเป็นเรื่องที่รู้ได้ด้วยการบรรลุธรรมชั้นสูงเท่านั้น
     
  12. ลูกอิสระ

    ลูกอิสระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +9
    ส่วนความเชื่อที่สืบต่อกันมา นั้นเป็นเรื่อง
    อจินไตย แปลว่าสิ่งที่ไม่ควรคิด หมายถึงสิ่งที่ไม่อาจเข้าใจได้ด้วยตรรกะสามัญของปุถุชน มี 4 อย่างได้แก่
    พุทธวิสัย วิสัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
    ฌานวิสัย วิสัยแห่งอิทธิฤทธิ์ของฌาน
    กรรมวิสัย วิสัยของกฎแห่งกรรม ที่สามารถติดตามไปได้ทุกชาติ รวมถึงการให้ผล และการรับวิบากกรรม
    โลกวิสัย วิสัยการมีอยู่ของโลก
    ในทางพระพุทธศาสนาไม่แนะนำให้คิดเรื่องอจินไตย เพราะวิสัยปุถุชนไม่อาจเข้าใจได้โดยถูกต้องถ่องแท้ ทั้งเพราะความเข้าใจไม่ได้ในฐานะที่เป็นของลึกซึ้ง เป็นเรื่องทางจิต หรือเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหาคำตอบที่สิ้นสุดได้ ถ้าคิดมากจริงจังในการหาคำตอบเหล่านั้นจากการคิดเดาเอาด้วยตรรกะเองจึงอาจกลายเป็นคนบ้าได้ อจินไตยในเรื่องทางจิตจึงเป็นเรื่องที่รู้ได้ด้วยการบรรลุธรรมชั้นสูงเท่านั้น
     
  13. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    คนที่บิดเบือนไม่ใช่คนทำสังคายนาหรอก น่าจะเป็นคนที่ ไม่รู้แล้วคิดว่ารู้ มากกว่า
    ปล. - คนป่าแผ่พังพานได้เหรอ หรือคิดว่าเค้าเอาผ้านุ่งวนรอบพระพุทธเจ้าแล้วมายืนกางร่มให้
    - เปรต ผี วิญญาณ ยักษ์ เทวดา ป่าหิมพานต์ มีจริงมั้ย หรือเป็นคนป่าเผ่าต่างๆด้วย
    - พระพุทธเจ้าเสด็จไปดาวดึงส์หลังทำยมกปาฏิหาริย์เพื่อโปรดพุทธมารดา คิดว่าอย่างไรครับ เพี้ยนมากจากคำว่าอะไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2012
  14. ลูกอิสระ

    ลูกอิสระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +9
    กาลามสูตร คือ พระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะ หมู่บ้านเกสปุตติยนิคม แคว้นโกศล (เรียกอีกอย่างว่า เกสปุตติยสูตร หรือเกสปุตตสูตร ก็มี กาลามสูตรเป็นหลักแห่งความเชื่อที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ให้แก่พุทธศาสนิกชน ไม่ให้เชื่อสิ่งใด ๆ อย่างงมงายโดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดีก่อนเชื่อ มีอยู่ 10 ประการ ได้แก่
    อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา
    อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา
    อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ
    อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา
    อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา
    อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา
    อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล
    อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน
    อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้
    อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน
    ปัจจุบันแนวคิดและหลักสูตรที่สอนให้คนมีเหตุผลไม่หลงเชื่องมงาย ในทำนองเดียวกับคำสอนของพระพุทธองค์เมื่อ 2500 ปีก่อน ได้รับการบรรจุเป็นวิชาบังคับว่าด้วยการสร้างทักษะการคิดหรือที่เรียกว่า


    "การคิดเชิงวิจารณ์"
     
  15. ลูกอิสระ

    ลูกอิสระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +9
    ทำไมถึงต้องทำการสังคายนาพระไตรปิฏก 11 ครั้ง ทั้งๆ ที่ครั้งแรกก็ดีอยู่แล้ว นั้นละพระองค์ถึงห้ามเราเชื่อในข้อ กาลามสูตร อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา จ๊ะ ทิ้งทายไว้ให้นะจ๊ะ อจินไตย

    [​IMG]

    [​IMG]

    ยังไงเราก็ห้ามความคิดคนอื่นไม่ได้ อจินไตย ธรรมชาติคือ ธรรมะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2012
  16. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    - กาลามสูตรเท่าที่ผมเข้าใจไม่ใช่แค่อย่าเพิ่งเชื่อ แต่อย่าเพิ่งไม่เชื่อด้วย ดังนั้นเมื่อเราฟังแล้วก็พิจารณาให้ดีก่อนอย่าตัดสินใจเชื่อหรือไม่เชื่อเร็วเกินไป บางอย่างตรวจสอบได้ก็ตรวจสอบก่อน พิสูจน์ก่อน บางอย่างพิสูจน์ไม่ได้ก็พิจารณาเอาว่าทำแล้วเกิดกุศลหรือไม่ ทำแล้วเป็นผลดีหรือไม่
    - แต่ไม่ใช่ว่าไม่รู้แล้วไปโทษว่าพระที่ทำสังคายนาพูดเพี้ยนไป เข้าใจผิดกันไปเอง ทั้งที่คุณเองนั่นแหละที่แต่งนิยายขึ้นมา
    - พระพุทธเจ้าท่านพูดแต่เรื่องจริง ไม่มีมาโกหกเพื่อเรียกศรัทธาให้คนมาเชื่อตามคำสอน (ต่างกับพระบางรูปมีการหลอกลวงประชาชนให้เกิดศรัทธาโดยอ้างว่าเพื่อเป็นอุบายให้คนมาทำบุญ แบบนี้ไม่เหมาะสม จึงมีศีลเรื่องอวดอุตริ แต่พระพุทธเจ้าท่านแสดงปาฏิหาริย์จริง ทำได้จริงไม่ใช่มายากลหรือแก๊งต้มตุ๋น) ศรัทธาที่เกิดขึ้นก็เพราะว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสสั่งสอนเป็นเรื่องจริง พิสูจน์ได้
    - ก่อนจะมองว่าเรื่องพญานาคงมงาย พิสูจน์แล้วหรือยัง ในเมื่อเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ด้วยตนเองก็ควรจะทำก่อน แล้วค่อยมาตัดสินว่าจริงไม่จริง
    - แล้วทำไมผ่านมาตั้ง 11 ครั้งก็ยังมีเรื่องพญานาคเหมือนเดิม ถ้ามันเพี้ยนจริงครั้งที่ 1 กับ 11 ก็ต้องต่างกันสิ
    - ไดโนเสาร์แปลงร่างเป็นมนุษย์ได้มั้ย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2012
  17. Ms,13

    Ms,13 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ต้องไปคุยกับเอกอิสโร นะตาดำๆ เข้าขากันดี



    <table id="post5808750" class="tborder" cellpadding="6" cellspacing="0" border="0" width="100%" align="center" style="background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: rgb(255, 255, 255); color: rgb(0, 0, 0); border-top-width: 1px; border-right-width: 1px; border-bottom-width: 1px; border-left-width: 1px; border-top-style: solid; border-right-style: solid; border-bottom-style: solid; border-left-style: solid; border-top-color: rgb(239, 239, 239); border-right-color: rgb(239, 239, 239); border-bottom-color: rgb(239, 239, 239); border-left-color: rgb(239, 239, 239); background-position: initial initial; background-repeat: initial initial; "><tbody><tr valign="top"><td class="alt1" id="td_post_5808750" style="font: normal normal normal 12pt/normal verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: rgb(239, 235, 239); border-right-width: 1px; border-right-style: solid; border-right-color: rgb(255, 255, 255); ">"การคิดเชิงวิจารณ์" อือ อือ อือ ฮื้อ
    </td></tr></tbody></table>
     
  18. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    - คุณ Ms,13 เห็นว่าพญานาคมีจริง หรือเพี้ยนมาจากคนป่าเผ่านาคาล่ะครับ
    - ถ้าเช่นนั้นเมืองบาดาลไม่อยู่ในน้ำ แต่เป็นป่าที่ไหนสักแห่งหรือครับ
    - แล้วตกลงคุณลูกอิสระเห็นว่าเป็นคนป่าหรือไดโนเสาร์กันแน่ หรือแค่เดาไปเรื่อยๆ ซึ่งก็คือไม่รู้ใช่หรือไม่ เมื่อไม่รู้ก็อย่าเพิ่งไปสรุปว่าไม่มี หรือไปโทษว่าคนที่เห็นเค้าหลอกลวงเพื่อเรียกศรัทธาไปเสียหมด
    - ที่อยากเตือนก็คงมีแค่นี้ แล้วแต่จะพิจารณาครับ
     
  19. Ms,13

    Ms,13 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    [​IMG]



    ตรรกะ หาความหมายทำความเข้าใจ เรียนใหม่ก็ดี เฮอ ๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 มีนาคม 2012
  20. tannaka

    tannaka สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +1
    มุ่งไปสู่พระธรรมเถอะครับอย่ายืดติด
     

แชร์หน้านี้

Loading...