หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย psombat, 18 มีนาคม 2010.

  1. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388

    สบายดีครับ ฝากเพื่อนผมจากฮิตาชิด้วยเด๊อ 55+
     
  2. พชรรินทร์

    พชรรินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +474
    ขอร่วมโมทนาในมหาบุญกุศลของทุกท่านในครั้งนี้ด้วยเทอญ

    สาธุ สาธุ สาธุต่ะ
     
  3. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157
    ขอเชิญบูชาพระเพื่อสร้างพุทธสถานภูดานไห

    เรียนทุกท่าน
    เนื่องจากมีญาติธรรมหลายท่านได้มอบพระมาให้ผมช่วยดำเนินการเป็นสะพานบุญให้ทุกท่านได้บูชา เพื่อร่วมทำบุญสร้างพุทธสถานภูดานไห อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ โดยจะนำถวายองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช ทั้งหมด โดยแจ้งความประสงค์และกำหนดราคาบุญต่างๆดังต่อไปนี้

    1. พระหลวงปู่ทวดพิมพ์กลักไม้ขีดวังหน้า เนื้อผงว่าน ได้รับบริจาคมาจากคุณนิษฐารัตย์ อิ่มทรัพย์ จำนวน 8 องค์ ราคาองค์ละ 3,000 บาท (บวกค่าส่ง 100 บาท)

    [​IMG]


    2. พระสมเด็จประดับพระบรมสารีริกธาตุ (องค์TOP4) ได้รับบริจาคจากคุณอรุณ ยศรุ่งเรือง หรือคุณแหน่งแห่งอยุธยา จำนวน 10 องค์ ราคาบุญองค์ละ 3,000 บาท (บวกค่าส่ง 100 บาท)

    [​IMG]


    3. บ่วงนาคบาศเนื้อทองเหลือง ได้รับบริจาคจากคุณสันติ ทหารค่ายสุรธรรมพิทักษ์ จำนวน 3 วง ราคาบุญวงละ 5,000 บาท (บวกค่าส่ง 100 บาท)

    [​IMG]

    หากท่านต้องการกรุณาโอนเงินมาที่ผมพร้อมแจ้งที่อยู่ในการจัดส่งมาด้วยนะครับ

    นายณัฐนนต์ สิปปภากุล
    เลขบัญชี 503-269483-3
    ธนาคารไทยพาณิชย์
    สาขานครราชสีมา ประเภทออมทรัพย์

    ติดต่อ ดร.นนต์ 0857678008 เวลา 8.30-20.00 น.
    หรือ dr.natdhnond@hotmail.com, dr.natdhnond@gmail.com

    หมายเหตุ ผมอยู่ในช่วงเร่งความเพียรในการภาวนา กรุณาติดต่อในวันราชการครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157
    ญาติธรรมผู้มีจิตใจงาม
    บูชาพระเพื่อสร้างพุทธสถานภูดานไห


    From: loechaij@hotmail.com
    To: dr.natdhnond@hotmail.com
    Subject: RE: จัดส่งพระ/ฤาชัย
    Date: Tue, 10 Jul 2012 09:07:55 +0700

    <STYLE><!--.ExternalClass .ecxhmmessage P{padding:0px;}.ExternalClass body.ecxhmmessage{font-size:10pt;font-family:Tahoma;}--></STYLE>
    เรียน ท่าน ดร.นนต์ ที่เคารพ

    ผมยินดีมากที่จะบอกบุญถึงเพื่อนธรรมคนอื่นๆต่อไปครับ
    และอยากเรียนถามท่าน ดร.นนต์ ดังนี้
    1.พระพิมพ์ที่มีพระบรมสารีริกธาตุประดับอยู่ว่า เหมาะสมที่จะอาราธนาขึ้นห้อยคอหรือเปล่าครับ เพราะบางทีผู้ห้อยพระอาจจะไปอยู่ในที่ไม่เหมาะสม หรือสมควรอาราธนาพระท่านอยู่บนหิ้งพระ เพราะพระบรมสารีริกธาตุเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สำหรับไว้เคารพบูชา (ในความคิดเห็นส่วนตัว)
    2. พระพิมพ์ Top 4 เป็นพระสมเด็จที่สร้างโดยวังหน้าใช่ไหมครับ และมีมวลสารอะไรในองค์พระ
    ผมขอขอบพระคุณล่วงหน้า อนึ่ง ผมยังคงปฏิบัติสมาธิอยู่ประจำ หากติดขัดอะไร ผมขออนุญาตเรียนถามท่าน ดร.นนต์ ในโอกาสต่อไปนะครับ
    ฤาชัย

    ....................................................................

    เรียนท่านฤาชัยที่นับถือ
    ขออนุโมทนาในจิตอันเป็นกุศลและแผ่กว้างออกไปสู่ผู้อื่นเป็นอย่างยิ่งครับ

    การที่จะอัญเชิญพระสมเด็จประดับพระบรมสารีริกธาตุไว้ติดตัวนั้น ก็เป็นการอันควรแล้ว การที่จะเข้าไปในสถานที่ต่างๆที่ไม่เหมาะสมบ้างก็ไม่เป็นไร ขอให้ใจของเรารู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่า เรามีเหตุจำเป็นต้องเข้าไปในสถานที่แห่งนั้น พระท่านแยกออก ท่านดูที่ใจของเรา ไม่ได้ดูที่ผู้อื่นหรือสถานที่ แต่หากเรายังดื่มเหล้าและชอบอบายมุขอยู่นั้น จึงไม่สมควรที่จะแขวนท่าน มีสิ่งมงคลติดตัวก็นับว่าดีแล้วนะครับ จิตใจเราจะได้เป็นมงคลด้วย เมื่อใดที่เราภาวนาไปถึงขั้นที่จะมีคุณธรรมวิเศษที่จะคุ้มครองตัวเองได้แล้ว เมื่อนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องแขวนพระใดๆอีก คุณธรรมวิเศษนั้นจะคุ้มครองเราเองครับ วัตถุใดๆก็ไม่จำเป็นอีกแล้ว จะเหลือแต่ใจล้วนๆที่จะเป็นเครื่องพาดำเนินชีวิตของเรา จนกว่าจะถึงที่สุดแห่งธรรม เมื่อนั้นก็จะละวางทั้งหมดแม้กระทั่งใจ จะเหลือแต่ธาตุรู้ล้วนๆซึ่งอยู่ในสภาวะของวิมุติ ค่อยๆเรียนรู้ไปนะครับ

    ส่วนพระสมเด็จประดับพระบรมสารีริกธาตุนั้น เป็นพระเนื้อแก่ปูน ไม่ค่อยมีมวลสารอื่นๆเท่าใดนัก จึงดูเนื้อขาวและดูสดใหม่กว่าเนื้อนิยม เนื่องจากเน้นการประดับพระบรมสารีริกธาตุมากกว่ามวลสารอื่นๆ พลานุภาพจะอยู่ที่พระบรมสารีริกธาตุ ดังนั้นพระจะถูกปลุกเสกหรือไม่ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะพระบรมสารีริกธาตุมีคุณธรรมวิเศษอยู่แล้ว เพียงแต่ผู้อธิษฐานจิตว่ากันว่าคือ สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) และองค์อภิญญาในยุคนั้น เป็นผู้อธิษฐานจิตบรรจุลงไปในเนื้อปูนผง มิใช่บรรจุในพระบรมสารีริกธาตุ (ความเห็นส่วนตัวอาจถูกหรือผิดก็ได้) ดังนั้น พระองค์TOP4 จึงนับเป็นพระอันเป็นมงคลยิ่งแล้ว จะถึงหลวงปู่โตหรือไม่หรือใครจะสร้างก็ชั่ง ก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับพวกเราครับ

    ขอเจริญในธรรม
    ดร.นนต์
    10 กรกฎาคม 2555


    หมายเหตุ มีผู้บูชาพระเพิ่มเติมนอกจากคุณฤาชัยแล้ว ยังมีคุณลัดดา จินดาคุณ ที่อยู่กรมการกงสุล เช่นเดียวกันกับคุณฤาชัย และนักรบธรรมอีกท่านหนึ่ง จึงขออนุโมทนาด้วยนะครับ

    1. คุณฤาชัย จันทรสมบัติ หลวงปู่ทวดพิมพ์กลักไม้ขีด 1 องค์ (3,000 บาท)
    2. คุณลัดดา จินดาคุณ บูชาพระสมเด็จประดับพระบรมสารีริกธาตุ 1 องค์ (3,000 บาท)
    3. นักรบธรรมท่านหนึ่ง บูชาพระสมเด็จองค์TOP4 1 องค์ หลวงปู่ทวดกลักไม้ขีด 1 องค์ บ่วงนาคบาศ 1 วง (11,000 บาท)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2012
  5. ckj_tong

    ckj_tong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +869

    ...ขออนุโมทนาบุญกับคุณลัดดาและคุณฤาชัย ด้วยครับ

    ...สาธุ สาธุ สาธุ
     
  6. nakorn_nd

    nakorn_nd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +174
    สวัสดีครับ พี่ภูเบศวร์ และ พี่สันติ

    นครได้รับของที่พี่ส่งมาให้แล้วนะครับ กราบขอบพระคุณอีกครั้งครับ

    นคร-0813198446
     
  7. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ประมวลภาพหลวงพ่อจ่ามาโปรดฯ เพิ่มเติมจากภาพถ่ายโดยคุณแม่บุญชมฯ

    วันที่ 30 มิ.ย. 55 หลังจากที่หลวงพ่อได้ทำกิจต่างๆเสร็จแล้ว
    เวลา 10:00 น. หลวงพ่อกับองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ ได้เมตตารับบิณฑบาตรโปรดญาติโยมที่มาร่วมทำบุญในวันนั้น

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    เมื่อท่านรับบิณฑบาตรเสร็จ ผมกับครูชาติขออนุญาตถวายการล้างเท้าแด่ทั้งสองรูป
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    ยอมรับว่า...ตื่นเต้นและปีติยินดีมากๆ ขอให้ญาติธรรมทั้งหลายจงมีส่วนในบุญนี้โดยทั่วกันทุกท่านเทอญฯ<!-- google_ad_section_end -->

    อ่านต่อใน:
    - รับถวายภัตตาหารกับปัจจัยไทยทาน
    - ขออนุญาตถ่ายภาพร่วมเพื่อเป็นที่ระลึก
    - น้อมส่งหลวงพ่อขึ้นรถ เพื่อเดินทางกลับ<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2013
  8. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    นิพพาน ๓ อย่าง

    [​IMG]
    นิพพาน ๓ อย่าง
    นิพพานนั้นองค์สมเด็จพระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงสอนได้ว่า มีอยู่ ๓ อย่าง คือ

    ๑. นิพพานชั่วขณะเรียกว่า “ตะทังคะนิพพาน” หมายความว่าจิตเข้าสู่ความพ้นจากกิเลส คือความหลุดพ้นชั่วขณะ ในขณะที่จิตเข้าสู่ความหลุดพ้นอย่างนั้นก็เป็นเหตุให้พบความสุขอย่างสุดยอดทีเดียวแต่เมื่อเหตุยังมี ทิฏฐิคือความคิดความเห็นยังอยู่ ย่อมนำจิตเข้ามาสู่ในโลกีย์วิสัยอีกได้ นิพพานอย่างนี้ท่านเปรียบเสมือนหนึ่งลิงที่อยู่นิ่งได้ชั่วขณะเดียว แต่ก็ยังดีกว่าผู้ที่ไม่ได้เสียเลยนิพพานชนิดนี่ท่านเรียกว่า “ตะทังคะนิพพาน” คือนิพพานชั่วขณะ
    ส่วนอีกสองประการนั้น เป็นนิพพานอยู่ชั่วกาลนาน เรียกว่า “สะอุปาทิเสสะนิพพาน” เป็นการที่นำดวงจิตเข้าสู่นิพพานอย่างถาวร ไม่กลับออกมาอีกแล้ว เพราะว่าตัดเสียหมดทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรเหลือคงอยู่แต่ร่างกายเท่านั้น ยังกิน ยังเดิน ยังพูด ยังนอนอยู่
    ส่วนอีกอย่างหนึ่งนั้นเรียกว่า “อะนุปาทิเสสะนิพพาน” นิพพานชนิดนี้ไปหมดทีเดียว ร่างกายก็ไปแล้ว ดวงจิตก็หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะทั้งปวงเข้าสู่นิพพาน เรียกกันว่าดับสนิททีเดียว ไม่มีเชื้อให้ลุกติดอีกได้ เหมือนเมล็ดพืชที่ปราศจากยางงาเพราะถูกคั่วเสียแล้ว แต่ไม่ใช่หมายความว่าเมล็ดพืชนั้นจะสูญหายไปจากโลก

    ถาม ขอถามปัญหาเกี่ยวกับคำว่า “สะอุปาทิเสสะนิพพาน” กับ “อะนุปาทิเสสะนิพพาน” นั้นหมายถึงว่าดับกิเลสมีเบ็ญจขันธ์เหลือหรือดับเฉพาะบางส่วน มีบางท่านได้ยืนยันว่า “สะอุปาทิเสสะนิพพาน” คือว่าดับกิเลสที่มีเบ็ญจขันธ์อยู่
    ตอบ “สะอุปาทิเสสะนิพพาน” คือการดับกิเลสที่มีเบ็ญจขันธ์อยู่ เพราะเหตุว่า อุปาทานยังครองสังขารนั้น

    ถาม หมายถึงพระโสดา สกิทาคา อนาคาใช่ไหม ส่วน ”อะนุปาทิเสสะนิพพาน” นั้นหมายถึงพระอรหันต์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งปวง ปัจเจกพุทธทั้งหลายเช่นนี่ ขอทราบความจริงเป็นอย่างไรกันแน่ครับ
    ตอบ ใครเป็นคนอุตตริที่จะทำให้คนอื่นเข้าใจเช่นนี้ เออ เรื่องนี้จะต้องพูดกันยืดยาว เอาละ ให้ตั้งใจฟังกันทุกคน
    <O[​IMG]</O< font>
    เรื่องนี้ครั้งหนึ่งเคยได้พูดกันมาแล้ว่า นิพพานในพุทธศาสนา หรือขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น มีอยู่ ๓ ประการ คือ เรียกว่า นิพพานสามขั้น
    <O[​IMG]</O< font>
    ขั้นที่ ๑ เรียกว่านิพพานชั่วคราว หรือ “ตะทังคะนิพพาน” คือเมื่อเข้าสู่นิพพานแล้ว ทิฏฐิก็นำจิตนั้นออกจากแดนนิพพาน การเข้านิพพานในขั้นนี้ เมื่อผู้ที่ทำจิตถึงซึ่งการที่จะเข้าสู่นิพพานแล้วย่อมเข้าได้ทุกคน แต่ไม่เป็นการถาวร “สะอุปาทิเสสะนิพพาน” นั้น หมายถึงนิพพานที่ยังมีร่างกายอยู่ เพราะเหตุว่าสังขารยังมีอุปาทานครอง แต่เป็นนิพพานที่ไม่กลับออกมาอีกแล้ว เป็นอรหันต์ตั้งแต่ครั้งยังมีชีวิตได้แก่พระอรหันต์ทั้งหลายทั้งปวงที่มีอยู่นั้น ตั้งแต่สมัยพุทธันดรมาจนกระทั่งสมัยนี้
    <O[​IMG]</O< font>
    ส่วน “อะนุปาทิเสสะนิพพาน” นั้น หมายความว่า ร่าง หรือดวงจิตที่อยู่ในร่างที่เข้าสู่นิพพานแล้วนั้น ได้แตกดับขันธ์ไป ทำให้การนำจิตเข้าสู่นิพพานเป็นการถาวรไม่กลับออกมาอีก ไม่มีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย โศกปริเทวทุกข์ทั้งปวง
    <O[​IMG]</O< font>
    ไม่ใช่แบ่งชั้นวรรณะว่า ถ้าเป็นสะอุปาทิเสสะนิพพานแล้ว จะได้ตั้งแต่ชั้นโสดาบันไปจนถึงอนาคา ส่วนอะนุปาทิเสสะนิพพาน คือ นิพพานของสังขารที่ปราศจากอุปาทานครองนั้น จะเป็นนิพพานเฉพาะสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทังหลาย ๒๘ พระองค์ก็ดี พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายดุจเมล็ดทรายในท้องมหาสมุทรก็ดี ประดุจพระอรหันต์ทั้งปวงที่เข้าสู่นิพพานแล้วเท่านั้นหามิใช่เป็นการแบ่งชั้นวรรณะว่านิพพานอย่างนั้นเฉพาะคนชั้นนั้น นิพพานอย่างนี้เฉพาะคนชั้นนี้ ฉันใดก็ตาม เมื่อทำจิตให้เข้าถึงซึ่งแดนพระนิพพาน คือแดนแห่งความสงบแล้วย่อมจะเป็นได้ทั้งสิ้นเสมอเหมือนกันหมด หากแต่ว่ายังมีสังขารที่มีอุปาทานครองอยู่ หรือเป็นสังขารที่ปราศจากอุปาทานครองแล้วเท่านั้น

    ถาม ภาวะนิพพานนี้จะประสพได้เมื่อยังมีชีวิตอยู่หรือว่าตายไปแล้วจึงจะได้ประสพ
    ตอบ ไม่น่าจะเป็นปัญหาเลย เมื่อเข้าใจถึงนิพพาน ๓ ประการที่พูดให้ฟังแล้ว ย่อมจะพิจารณาเห็นว่าภาวะนิพพานนั้น จะประสพเมื่อมีชีวิตอยู่ หรือเมื่อหาชีวิตไม่แล้วได้ทั้งสิ้น เมื่อมีชีวิตอยู่ก็ได้ ”สะอุปาทิเสสะนิพพาน” เมื่อดับชีวิตไปแล้วก็พึ่งอะนุปาทิเสสะนิพพานและ ตะทังคะนิพพานนั้น ย่อมได้แก่บุคคลทั่วที่มีชีวิตอยู่ หรือผู้ที่ไม่มีชีวิตแล้ว แต่เมื่อทำจิตให้เข้าถึงซึ่งแดนนิพพานนั้นชั่วขณะและเมื่ออยู่ในแดนนิพพานชั่วขณะแล้ว ทิฏฐิอันประกอบไปด้วย กามสุขัลลิกานุโยคก็ดี ตัณหา อุปาทานทั้งปวงก็ดี เป็นผู้นำจิตนั้นออกจากแดนนิพพาน

    ถาม “ภาวะนิพพาน” กับ “จิตที่บรรลุนิพพานนั้น” มีความแตกต่างหรือเกี่ยวข้องกันอย่างไร
    ตอบ ต่างกัน จะพูดให้ฟัง “ภาวะนิพพาน” หมายถึง ความเป็นอยู่แห่งแดนนิพพาน หรือเราจะเรียกว่าอะไรก็ตาม ในเมื่อเข้าไปสู่ในที่นั้น เมื่อนำจิตเข้าไปสู่ภาวะนิพพานได้แล้ว จิตนั้นก็เป็นจิตที่เข้าสู่นิพพาน ภาวะนิพพานก็คือภพแห่งนิพพานนั้นเอง “ส่วนจิตนิพพานนั้น” เป็นจิตที่อยู่ในรูป หรือจิตที่ปราศจากรูป หากบำเพ็ญจนกระทั่งจิตนั้นเข้าสู่ภาวะนิพพาน หรือภพแห่งนิพพาน หรือวความเป็นอยู่แห่งนิพพานแล้ว ก็ได้ความเป็นนิพพานโดยสมบูรณ์ ดังจะยกตัวอย่างให้เข้าใจ
    ภาวะนิพพาน หรือ ภพนิพพานนั้นอยู่ที่ใด ไม่มีผู้ใดที่จะชี้แจงแถลงไข หรือว่าจะวาดรูปให้เห็นได้ แต่มีข้อที่จะพึงอุปมาได้ว่า ประดุจนั่งอยู่ในห้องนี้เป็นแดนแห่งสามัญธรรมดาทั่วไป ครั้นออกจากประตูห้องนี้ไปสู่ห้องอื่น ก็เข้าสู่แดนนิพพานนั้น เพียงชั่วมีอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งมากั้นกลางไว้ อาจจะมองเห็นภาวะนิพพานได้ แต่ไม่สามารถจะนำจิตเข้าส่ภาวะนิพพานนั้น แต่เมื่อใดสามารถนำจิตเข้าสู่ภาวะนิพพานนั้นได้แล้ว จะรู้แจ้งแก่ตนเอง เป็นปัจจัตตัง ผู้อื่นจะรู้ได้กับตัวเรายากที่สุด และตัวเราก็ไม่อาจจะชี้แจงแถลงให้ผู้ใดทราบ เรื่องนี้จะต้องไปพิจารณาด้วยจิตของตัวเองแล้วจะเข้าใจอย่างซาบซึ้ง ไม่สามารถจะอธิบายให้เห็นแจ่มชัดได้หรือนัยหนึ่งเปรียบประดุจมีฉากใสๆ ที่ทำด้วยเส้นใยแมลงมุมซึ่งสามารถจะมองทะลุฉากนั้นไปได้ แต่ว่าไม่สามารถจะเข้าไปยังหลังฉากนั้นได้ ถ้าหากเมื่อใดผ่านฉากนั้นไปได้แล้วจะรู้สึกว่าจิตของตัวเราในภาวะนิพพานนั้นเป็นจิตอีกรูปหนึ่ง ซึ่งแตกต่างกับจิตเดิมอย่างยิ่งทีเดียว

    ถาม เมื่อจิตบรรลุนิพพานแล้วยามที่มีชีวิตอยู่ สุขอย่างไรก็พอจะอนุมานได้ ทีนี้เมื่อเป็น อะนุปาทิเสสะนิพพาน คือ เบ็ญจขันธ์ทำลายลงไปแล้ว จิตนั้นยังมีอยู่หรือเปล่าว จิตที่เหนี่ยวนิพพานเป็นอารมณ์นั้นมีอยู่หรือเปล่า
    ตอบ มีอยู่ตลอดไปไม่มีวันเสื่อมคลาย เพราะจิตหรือวิญญาณนั้นเป็น “อมตะ”

    ถาม และเมื่อจิตอยู่อย่างนั้น ทำไมจิตจึงไม่ทำหน้าที่เกิดอีก
    ตอบ เพราะว่าจิตหลุดพ้นจากกิเลสทั้งมวล ไม่มีสิ่งใดมาข้องเกี่ยวอีกต่อไป สิ้นกังวลแล้ว สิ้นความอยาก สิ้นตัณหาอุปทานแล้ว เห็นแจ้งแล้วในสิ่งที่ควรรู้ควรเห็นจึงไม่ต้องการจะกลับมาด้วยความเบื่อหน่ายอย่างยิ่ง

    ถาม แล้วจิตที่บรรลุนิพพนานหลังจากจากดับเบ็ญจขันธ์แล้วนั้นมันอยู่อย่างไร เพราะไม่มีร่างที่จะอาศัยอยู่
    ตอบ ไม่จำเป็นจะต้องมีร่าง ถ้ามีร่างอีกเมื่อใด ก็หมายความว่ากลับมาเกิดใหม่ ซึ่งผิดไปจากหลักคำสอนขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงกล่าวไว้ว่า “นิพพานนัง ปรมัง สุญญัง” หมายความว่าในนิพพานนั้น สูญการเกิด สูญกิเลส ยังอยู่แต่วิญญาณที่บริสุทธิ์ปราศจากกิเลส เป็นวิญญาณบริสุทธิ์แท้ หรือจิตเดิมแท้ซึ่งไม่มีสิ่งใดมาเคลือบคลุม เป็นจิตที่สว่างแล้ว ไม่มีกิเลสมาหุ้มห่อ ไม่มีอวิชชา คือความไม่รู้แจ้งเห็นจริงในสิ่งที่ควรรู้ควรเห็น เป็นจิตที่ไม่ต้องมีชาติ ชรา มรณะ ทุกข์โศกปริเทวอุปายาสใด ๆ ทั้งสิ้น เมื่อจิตซึ่งปราศจากกิเลสอาสวะทั้งมวลเช่นนี้แล้ว ย่อมเป็นจิตที่บริสุทธิ์ผ่องใสประดุจดวงไฟที่รุ่งโรจน์ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องมาหาความดับของความรุ่งโรจน์นั้นอีก

    ถาม ถ้าเช่นนั้นหากมีความต้องการที่จะติดต่อกับจิตของพระพุทธเจ้า จะติดต่อได้ไหม
    ตอบ ติดต่อได้แน่นอนที่สุด ก็การที่เข้าไปในพระอุโบสถแล้วทำสังฆกรรมทั้งหลาย มีการทำวัตรเช้า ทำวัตรค่ำ มีการสวดเจริญพระพุทธมนต์ มีการภาวนาทั้งหลายเหล่านี้ ทำอะไร

    ถาม น้อมจิตนึกถึงพระพุทธเจ้าครับ
    ตอบ นั้นแหละเป็นคำตอบที่ตรงอยู่แล้ว สมเด็จพระบรมศาสดา และบรรดาพระอริยะทั้งหลายก็ย่อมทราบการกระทำนี้ แม้แต่ว่าในขณะนั้นจะได้กระทำไปโดยไม่มีความตั้งใจหรือตั้งใจท่านย่อมทราบหมดสิ้น

    ถาม ก็เมื่อจิตอรหันต์หลังจากนิพพานแล้วอย่างพระพุทธเจ้าเป็นจิตซึ่งไม่มีรูป ไม่มีอายตนะเป็นเครื่องสืบต่อไป จิตนั้นจะมีอานุภาพบันดาลให้ผู้นั้นติดต่อกับพระองค์ได้อย่างไร
    ตอบ อาจจะลืมคำสอนของสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าไปบางตอนแล้วก็ได้กระมังจึงได้ถามอย่างนี้ พระองค์ได้ทรงตรัสสั่งสอนไว้ว่า อันจิตของผู้ใดเป็นจิตที่สงบแล้ว จิตนั้นย่อมสามารถทำสมาธิให้เกิดขึ้นได้ จิตของผู้ใดมีสมาธิแล้ว จิตของผู้นั้นย่อมมีพลัง จิตของผู้ใดมีพลังแล้วย่อมสามารถกระทำการใด ๆ ที่ผิดแผกแตกต่างออกไปจากการกระทำของคนสามัญธรรมดาทั้งหลายได้

    คัดลอกโดย huayhik จากหนังสือ : คำสั่งสอนอบรมของสมเด็จท่านพระพุฒาจารย์ (โต พหรมรังสี)
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2013
  9. Jokky

    Jokky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +154
    ...ขออนุโมทนาบุญกับคุณลัดดาและคุณฤาชัย ด้วยครับ...สาธุ สาธุ สาธุ
     
  10. สาวกธรรม1

    สาวกธรรม1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +173
    1. คุณฤาชัย จันทรสมบัติ หลวงปู่ทวดพิมพ์กลักไม้ขีด 1 องค์ (3,000 บาท)
    2. คุณลัดดา จินดาคุณ บูชาพระสมเด็จประดับพระบรมสารีริกธาตุ 1 องค์ (3,000 บาท)
    3. นักรบธรรมท่านหนึ่ง บูชาพระสมเด็จองค์TOP4 1 องค์ หลวงปู่ทวดกลักไม้ขีด 1 องค์ บ่วงนาคบาศ 1 วง (11,000 บาท)
    ขออนุโมทนากับบุลกุศลในวาระนี้ด้วยครับ สาธุ
     
  11. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    [​IMG] [​IMG]
    พระพิมพ์ TOP4/TOP.มีพระธาตุผุดขึ้น
    [​IMG]
    ศึกษาใกล้ๆ : เป็นข้อสันนิษฐานส่วนตัวว่า...
    เหตุที่มีพระธาตุขึ้นที่องค์ TOP4 มากกว่าองค์อื่นๆ คงเป็นเพราะมีสื่อนำ นั่นคือพระโลหิตธาตุ

    พระพิมพ์สมเด็จสายวัง TOP4
    สร้างถวายเป็นพุทธบูชาในยุคสมัยพระพุทธเจ้าพระองค์ที่ 4 แห่งภัทรกัปนี้

    ตามที่ได้ศึกษามาระยะหนึ่ง(2552-53)พบว่า...(เป็นความเห็นส่วนบุคคล) :
    พระพิมพ์ TOP4 สร้างและอธิษฐานจิตในปี 2411 วาระเสด็จพ่อ ร.5 ทรงเสด็จขึ้นครองราช โดยคณะนายช่างสิบหมู่เป็นผู้สร้าง ในหลวงยุคนั้นเป็นผู้ทรงให้สร้าง หลวงปู่เจ้าประคุณสมเด็จโต ทรงเป็นประธานอธิษฐานจิต
    นอกจากนั้นยังมีคณะหลวงปู่ใหญ่บรมครูพระเทพโลกอุดร ท่านมีส่วนในการอธิษฐานจิต (ศึกษาจำแนกแยกย่อยตามพิมพ์ ตามชนิดของวัตถุมงคล)
    ทั้งนี้เจตนาในการสร้างก็เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา คุ้มครองป้องกันลูกหลานชาวไทย มีจิตใจยึดเหนี่ยวไปในทางจรรโลงพระศาสนาให้ถาวร จึงนับว่าเป็นการสร้างที่ยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์ ฯลฯ

    พระธาตุที่ประดับองค์พระนั้นเรียกว่าโลหิตธาตุ (ทราบว่าสามารถป้องกันภัยพิบัติ,รังสีร้าย แต่ไม่เคยทดลองนะ) บางองค์เป็นพระบรมธาตุ บางองค์เป็นพระธาตุของพระอรหันตสาวก หรือพระอัครสาวก
    พระพิมพ์แต่ละองค์จึงแตกต่างกันตรงจุดนี้ด้วย

    เป็นที่ยอมรับนับถือกันในวงภายในผู้ศึกษาสะสมพระพิมพ์สายวัง(หลวง หน้า หลัง)ทั้งหลายว่า TOP4 เป็นพระพิมพ์ที่มีพลานุภาพสูงที่สุดนับแต่ค้นพบมา (จากอดีตถึงปัจจุบันตอนนั้น 2553-2554)
    แต่หลังจากนั้นมาจวบจนปัจจุบัน (2554-2555) ยิ่งได้ค้นพบสืบค้นมาก จึงพบว่าเหนือฟ้าก็ยังมีฟ้า เพราะฟ้านั้นยากจะวัดวาหาอาณาเขตได้
    (ผมคิดว่าเป็นเรื่องอจินไตยที่มนุษย์ธรรมดาหากสงสัยในสิ่งที่เหนือกว่าตนเองมากไปก็ลำบากอยู่)

    การได้มีโอกาสครอบครองหรือแม้แต่ได้รับข้อมูลอันถูกต้องไม่เอนเอียงไปในทางมิชอบทั้งหลาย ก็นับว่าเป็นบุญกุศลที่จักไม่ได้เกิดอาการปรามาสต่อพระพิมพ์สำคัญๆที่...
    - สูงทั้งผู้ทรงให้สร้าง (พระมหากษัตริย์)
    - สูงทั้งรูปเหมือนในการสร้าง (รูปพระพุทธเจ้าทั้งหลาย)
    - สูงทั้งพระผู้ทรงอธิษฐานจิต (เจ้าประคุณสมเด็จฯโต)
    - สูงทั้งเนื้อหามวลสาร (ผงพระสมเด็จและพระธาตุ)
    - สูงทั้งคณะผู้ออกแบบและสร้าง (เจ้ากรมช่างสิบหมู่ ช่างหลวง)
    - สูงทั้งเจตนาในการสร้าง (เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์)
    - สูงทั้งวาระ สถานที่ในการสร้าง/เสก (ฤกษ์/พิธีหลวง/ในวังและวัดพระแก้ว)

    การสำรวมระวังมีสติทุกขณะจิตไม่ให้ก้าวไปในทางที่ชั่วก็นับว่าดีมากแล้ว
    แต่ครั้นเราได้อัญเชิญพระพิมพ์ที่ประดิษฐานพระบรมธาตุ พระธาตุ ก็ยิ่งทำให้เรามีจิตใจแนบแน่นในองค์พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์มากยิ่งขึ้น ก็ยิ่งจักเป็นมหากุศล
    ดังนั้น..เจตนาระหว่างการอัญเชิญพระพิมพ์จึงเป็นตัวกำหนดดีชั่วมากกว่าใดๆครับ

    ขอโมทนาสาธุกับท่านผู้ได้ครอบครองฯในทางที่ชอบทั้งหลาย
    IT Man/11.07.55
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1160434.jpg
      P1160434.jpg
      ขนาดไฟล์:
      106.3 KB
      เปิดดู:
      11,262
    • P1160440.jpg
      P1160440.jpg
      ขนาดไฟล์:
      99.9 KB
      เปิดดู:
      10,354
    • P1160437_1.jpg
      P1160437_1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      256.5 KB
      เปิดดู:
      10,123
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2013
  12. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    [​IMG]
    พระพิมพ์สายวังเนื้อผงยาวาสนา มีพระธาตุผุดขึ้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1160439.jpg
      P1160439.jpg
      ขนาดไฟล์:
      209.4 KB
      เปิดดู:
      8,713
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2013
  13. ckj_tong

    ckj_tong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +869

    ขออนุโมทนากับผลบุญกุศลในวาระนี้ด้วยครับ สาธุ
     
  14. Jokky

    Jokky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +154
    อนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  15. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157
    พระรอดพิมพ์ใหญ่ฐานบัว
    และพระรอดทรงเครื่องวัดมหาวัน


    ผมเห็นเว็บไซต์หลายแห่งลงภาพพระรอดวัดมหาวัน พิมพ์ใหญ่ฐานบัว และพระรอดพิมพ์ใหญ่ทรงเครื่อง เปิดราคากันตั้งแต่หลักแสนถึงหลักล้าน ผมเองไม่มีความรู้เรื่องพระรอดพิมพ์พิเศษนี้ แต่ก็ตั้งใจว่าจะเก็บมาศึกษาดู ไม่นานก็ได้มา จึงนำมาให้ทุกท่านลองศึกษาดู จะทันยุค 1,300 ปีหรือไม่ผมไม่แน่ใจ แต่ที่รู้ๆ มีผู้ตรวจสอบพลังแล้วปรากฏว่า มีพลังแบบฤาษี ส่วนผมไม่ขอทดสอบใดๆ เพราะเกรงจะมุสาเพราะความรู้และญาณสัมผัสของผมมันยังไม่เที่ยง ผมเห็นว่าน่าสนใจ ก็เลยนำมาให้ทุกท่านได้ลองพิจารณากันเอาเองนะครับ ผู้อาวุโสบอกผมว่าหายากมากๆ จะแท้จะปลอมอย่างไร ก็ตัวใครตัวมันนะครับ เมื่อผู้อาวุโสแนะนำมา ผมจึงลองตั้งจิตดู ปรากฏว่าได้มาเร็วเกินคาด ซึ่งความจริงแล้ว ผมกำลังละวางสิ่งเหล่านี้อยู่ แต่ก็อดที่จะอัญเชิญมาเพื่อเป็นวิทยาทานไม่ได้ หรือเป็นเพราะจริตดั้งเดิมของผมมันตัดยาก ผมจึงต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอยู่กับสิ่งเหล่านี้ไม่รู้จบ เอ้า...มาเสียให้พอครับ

    ขอเจริญในธรรม
    ดร.นนต์
    11 กรกฎาคม 2555


    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2012
  16. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ขอบคุณท่าน ดร.นนต์ที่อัญเชิญภาพพระเก่าๆงามๆมาฝากครับ :cool:
    (พลาดไม่ได้ที่จักอัญเชิญขึ้นทำเนียบ พระเครื่องเรื่องใหญ่ครับ หึหึ)

    ก่อนที่จักส่งพระพิมพ์องค์สำคัญรหัส T. นำหน้า ไปยัง นรธ.ผู้โชคดีท่านหนึ่ง
    ขออนุญาตนำภาพพระพิมพ์องค์พิเศษนี้ มาฝากญาติธรรรมผู้สนใจใฝ่ศึกษาพระสายวังครับ
    [​IMG]
    ทำไมถึงเรียกหนึ่งในรหัส T. ทั้งๆที่ดูผิวเผินภายนอกก็คือพระพิมพ์สายวัง ปัญจสิริ ธรรมดา
    เนื่องด้วยความไม่ธรรมดา ท่านซ่อนไว้ในความธรรมดาสามัญนิแหละครับ
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    เทียบความหนากับพระพิมพ์สมเด็จขนาดมาตรฐาน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0584.jpg
      IMG_0584.jpg
      ขนาดไฟล์:
      259.5 KB
      เปิดดู:
      8,853
    • IMG_0585.jpg
      IMG_0585.jpg
      ขนาดไฟล์:
      294.6 KB
      เปิดดู:
      8,327
    • IMG_0589.jpg
      IMG_0589.jpg
      ขนาดไฟล์:
      81.5 KB
      เปิดดู:
      7,825
    • IMG_0595.jpg
      IMG_0595.jpg
      ขนาดไฟล์:
      186.8 KB
      เปิดดู:
      8,264
    • IMG_0592.jpg
      IMG_0592.jpg
      ขนาดไฟล์:
      134.5 KB
      เปิดดู:
      12,356
    • IMG_0593.jpg
      IMG_0593.jpg
      ขนาดไฟล์:
      133.2 KB
      เปิดดู:
      9,678
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2013
  17. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    อีกทางเลือก...ของผู้นิยมเครื่องราง

    [​IMG]
    วัตถุธาตุประทานจากธรรมชาติ : เหล็กไหลพญานาค (แห่งภูดานไห) /อุกกามณีดำ (Tektite)
    [​IMG]
    อัญมณีที่มาจากสะเก็ดดาว
    "เงินทองบ่เสี้ยง เสี่ยงภัยบ่มี ลาภยศศักดิ์ศรี บารมีกว้างไกล"
    (อ.ประดิษฐ์ กัลย์จาฤก)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2013
  18. ทิดต้า

    ทิดต้า สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +2
    ผมก็ มีองค์หนึ่ง ครับพิมพ์นี้เลย ใจยังลังเลว่าเป็นของเก๊หรือเปล่า จะขึ้นคอได้ไหมครับ กลัวอายคนอื่นนะครับ ช่วยบอกหน่อยสิครับว่าองค์นี้เป็นยังไง ดีหรือไม่ ประวัติการสร้าง กรุใหน ครับ ตอนนี้สับสนมากเลยครับ ขอบคุณคับ
     
  19. kong2550

    kong2550 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +15
    หมั่นสร้างความดีกันไว้มากๆครับ
     
  20. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ขุดค้นย้อนไปเสียแต่ไกลเป็นปีเลยครับ หึหึ :cool:
    ดีแล้วครับ ผมได้มีโอกาสย้อนกลับไปอ่านและแก้ไขข้อความต่างๆให้เหมาะสมยิ่งขึ้น

    หากย้อนไปตอนนั้นประมาณเกือบ 1 ปี (2554) กลุ่มนักรบธรรมได้รวมตัวกันผ่านหน้าบอร์ดหลวงปู่แหวนมาโปรดฯแห่งนี้
    เพื่อร่วมแรงร่วมใจกัน (ระดมปัจจัย) สร้างกุฏิกับทางเดินจงกรม น้อมถวายแด่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ ซึ่งทางภูดานไห
    ก็ระดมกำลังกาย กำลังสติปัญญา กำลังใจ แลกำลังทรัพย์ เพื่อให้เสร็จสมบูรณ์โดยเร็ว

    ทั้งๆที่แทบทุกท่านยังไม่เคยรู้จักนามจริงแห่งองค์ท่านเลย แต่ก็ได้เดินทางไปภูดานไห
    เพื่อร่วมพิธีถวายกุฏิที่เร่งสร้างให้เสร็จภายใน 13 วัน เท่ากับ 13 ธุดงควัตรพอดี (องค์พ่อแม่ครูอาจารย์) ตรงกับวันอาสาฬบูชา 2554

    มาบัดนี้กำลังจะเข้าขวบปีอีกแล้ว ถาวรวัตถุทางพระศาสนาก็ได้เปลี่ยนแปลงไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว
    (ท่านสามารถชมภาพกิจกรรมย้อนหลังตามอดีตได้ใน http://phudanhai.blogspot.com หรือในบอร์ดแห่งนี้)

    สำหรับวันอาสาฬบูชาปี 2555 นี้ จักมีเจ้าภาพใหญ่กับคณะ ปวารณาน้อมถวายพระบูชานาคปรก 9 เศียร
    ขนาดหน้าตัก 40 นิ้ว แกะสลักด้วยหิน หนักประมาณ 2-3 ตัน

    นักรบธรรมส่วนใหญ่ รวมทั้งญาติธรรมใกล้ไกล จักเดินทางไปร่วมโมทนาบุญ ปวารณาตนเข้าพรรษา
    และปฏิบัติธรรมร่วมกันในวาระอันสำคัญนี้ ก็เพื่อความเจริญงอกงามเบ่งบานในทางธรรม ให้ถูกต้องตรงตามทาง (มรรคาปฏิปทา)
    ที่องค์ครูอาจารย์ได้เพียรสั่งสอนมาโดยตลอดครับ...

    IT Man/12.07.55
     

แชร์หน้านี้

Loading...