สำนักวัดนาป่าพงคึกฤทธิ์และสาวกพลาด! สร้าง" พุทธวจน " ปลอม

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย เสขะปฎิสัมภิทา, 7 กรกฎาคม 2015.

  1. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201

    รออีกหน่อย ถึงตอนนั้นถ้าได้พระอริยะทรงปฎิสัมภิทาญานทรงญาน กิจธุระจริงๆจะเริ่มขึ้น แบบ หักดิบ ชนิด ทิ้งบ้านทิ้งเมืองบวชตามทีเดียว อดใจรอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2015
  2. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    นั่นคือจุดเปลี่ยนของศาสนาพุทธทั้งโลก ฯ ไม่ใช่แค่สำนักใดสำนักหนึ่ง ชนิดที่ มายาคติ การรบ การบ้านการเมือง หรือ ศาสนา ลัทธิใด ลัทธิหนึ่งล่มสลายไปเลยทีเดียว เปลี่ยนแปลงได้ขนาดนั้น ปฎิสัมภิทาญาน๔+ปาฎิหาริย์๓ บุคคลอย่างนั้น รู้ว่ามาแน่ มีแน่ แต่ต้องคอย เขาไม่ใช่คนหลบๆซ่อนๆแน่นอน เรื่องจุติธรรมนี่ ใครที่บุญถึงมีโอกาสทั้งนั้น เปลี่ยนจากคนที่ไม่มีอะไรๆ กลายเป็นคนละคนได้เพียวเสี้ยวกระพริบตาเดียว เวลานั้นน่ะนะ อย่าว่าแต่ ทรัพย์สมบัติ อาหารชั้นเลิศ ปราสาทบ้านช่องรถราม้าช้าง ลูกและภรรยา ข้าทาสเหล่าบริวารเลย ทิพยสมบัติสวรรค์เขาก็ไม่ต้องการ

    วิเศษสุด เศษผ้าเก่าๆขาดๆ บาตรจีวรและน้ำมูตรเน่า เที่ยวภิกขาจารไป อยู่โคนไม้ ปาชัฎ นี่หมายถึงเหล่าผู้ถึงธรรม ที่ว่างยังมีอีกเยอะประเทศไทย ไม่ง้อพระมีบ้านมีเรือนอาศัย


    https://youtu.be/-nLdd1knKGs
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2015
  3. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,433
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    รอได้นานแค่ไหนอะ (นอแรด)
     
  5. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201


    โลกัตถจริยา (การประพฤติเป็นประโยชน์ต่อชาวโลก)

    ถ้าไม่มีญานหยั่งรู้ ในพระวินัยที่ทรงตรัสถึงการทำเดรัจฉานวิชาเพื่อเลี้ยงชีพ ไม่ใช่วัตถุประสงค์อื่นเช่นการแสดงธรรมต่อพุทธะเวไนย เป็นต้น อย่าพึ่งสรุปว่าสิ่งนี้เคยทรงปฎิบัติหรือไม่ปฎิบัติ ดังที่ทรงห้ามโดยพระวินัยและบัญญัติมาในมหาศีล เรื่องนี้ก็มีเหตุเดียวเสมือนกับ เรื่องการห้ามแสดงฤทธิ์โดยไม่มีเหตุอันควร ทรงเป็นเจ้าของสวน จึงห้ามได้ ส่วนผู้ขโมยผู้นั้นจึงผิด

    เตลปัตตชาดก

    พระปัจเจกพุทธเจ้าในอดีตมากมาย ได้สงเคราะห์พระโพธิสัตว์หลายครั้งหลายหนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การแสดงธรรม หรือแม้กระทั่งทำ ทรายเสก และ ด้ายเสก นอกจากนั้นยังทรงพยากรณ์ พระโพธิสัตว์ว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าอีกด้วย



    ส่วนเรื่องทำของออกมาขาย หมดสิทธิ์แถ เพราะอยู่ในขอบเขตของตน ที่สำคัญตนได้สารภาพออกตัวไปแล้วว่าเป็นผู้ให้การสนับสนุนจัดเอง หัวไม่ขยับหางที่ไหนจะกล้า เหมือนกรณี การ์ตูนล้อพระสงฆ์หลวงพ่อที่มรณะภาพต่างๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 สิงหาคม 2015
  6. linda@kayan

    linda@kayan รักคือบ่วงห่วงคือทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +49
    สาธุ...
     
  7. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    นอกจากลัทธิศาสนาของเดียร์ถีย์ปริพาชกที่ต่อต้านไม่ยินดีในคำภาษิตของพระอรหันต์สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ยังมีสำนักอื่นใดใครกัน?ที่ต่อต้านสั่งสอนให้ ไม่ยินดีครวญใคร่ รับฟังในคำภาษิตของพระอรหันต์

    ใครจะมีภูมิญานหยั่งรู้หรือไม่ว่า? ตนเองก็เคยได้เป็นญาติมิตรศิษย์สหายกัลยาณมิตรของพระสาวกที่เป็นอรหันตสาวกทั้งหลายเหล่านี้ มาเป็นอเนกอนันตชาติแล้ว และได้สร้างบุญกุศลร่วมกันมามากนับต่อนับที่เกี่ยวพันเกี่ยวเนื่องกันมาโดยตลอดในกาลนั้น

    และที่สำคัญ กำลังของพระอรหันตสาวก นั้นเป็นแรงจิตอธิษฐานที่มีอานุภาพมาก ที่ได้พิจารณาธรรมไว้ตามกาลตามเหตุ เพื่ออนุเคราะห์แก่ญาติมิตรสหายในกาลล่วงไปข้างหน้านับต่อนับ ด้วยแรงจิตอธิษฐานนั้น เป็นพลานิสงส์อันเป็นพลวปัจจัยที่จะชี้นำแนะแนวให้สัตว์เกิดดำรงสติปัญญาในธรรม ให้เจริญขึ้นได้ตามจริตธรรมที่ได้บันทึกจารึกไว้ ให้ผู้มีอุปนิสัยใจคอคล้ายคลึงกันตามจริตกรรมมัฎฐาน และเป็นตัวอย่างในการพิจารณาธรรม โดยสามารถนำเข้าสู่ความเจริญในพระสัทธรรมตามพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าต่อไป

    สำนักใดใครกัน?ดูหมิ่นดูแคลนคำของพระอรหันต์สาวกและเหล่าพุทธบริษัทที่เจริญดีแล้วในพระพุทธศาสนาจักห่างไกลมรรคผลที่สมควรมีควรได้จะประสบทุกข์อันมิใช่น้อยอย่างยาวนานในสังสารวัฎ




    เถรคาถา คาถาของพระอรหันต์
    https://youtu.be/HJd1HUlLUqI?list=PLcIjhH1wvR2mV2JdXILYY9Unyjcvi0olB
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2015
  8. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ
    สพฺพรตึ ธมฺมรติ ชินาติ ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาติ


    การให้ธรรมทาน ชนะการให้ทั้งปวง
    รสแห่งธรรม ชนะรสทั้งปวง
    ความยินดีในธรรม ชนะความยินดีทั้งปวง
    ความสิ้นไปแห่งตัณหา ชนะทุกข์ทั้งปวง
    ผู้ใดให้ธรรมเป็นทาน ผู้นั้นชื่อว่าให้พระนิพพานแก่คนทั้งหลาย


    สำนักวัดนาป่าพงนำโดยคึกฤทธิ์ไม่รู้จักองค์คุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และความวิบัติขาดสูญของการที่มีและไม่มี องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กลับไปค้านคำพระอรหันตสาวกโดยไม่รู้เรื่องการบรรลุธรรมโดยพระทศพลญานและกรรมมัฎฐานตามจริตธรรมของผู้เข้าถึงพระสัทธรรมของพุทธบริษัท เป็นความวิบัติฉิบหายขาดทุนของเหล่าพุทธบริษัทในพระพุทธศาสนาโดยแท้

    ขอให้ท่านพิจารณาเนื้อความดูเถิด ถึงความวิบัติขาดสูญในมูลเหตุของการที่ไม่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    {O}แสดงปัญหาข้อติดขัดในธรรมที่ตรงและชัดเจนที่ส่งผลร้ายแรงที่สุดของเรื่องการบรรลุธรรม{O}



    "ขอจงเป็นธรรมทายาทของพระผู้ทรงทศพลญญาณ"

    ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่าในกาลบัดนี้ ไม่มีผู้ใดอีกที่จะทรงพระทศพลญาณ ๑๐ อย่างองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่จะสั่งสอนคอยชี้แนะแนวทางการปฎิบัติให้เราเข้าถึงได้อย่างถึงที่สุดธรรมอันเป็นเลิศ



    "เมื่อมีกำลังนี้พระทศพลณญาน๑๐นี้ ผู้ที่ควรบรรลุ หรือแม้แต่ผู้ที่หลงทาง และหมดสติปัญญาจะหาทาง ตลอดจนผู้ที่ไม่อยู่ในฐานะก็ตาม หากพระองค์ทรงพระประสงค์ ณ ที่ของพระองค์ บุคคลทั้งหลายเหล่านั้น จึงได้ที่พึ่งที่ดี จึงย่อมบรรลุฐานะธรรมที่ควรบรรลุสมความปรารถนาของตน โดยไม่มีที่อื่นไปยิ่งกว่าที่จะมีผู้ใดสามารถ ชี้แจง แนะนำ ผลักดันเพิ่มเติม ในหลักการพิจารณาแก้ไขปัญหาถึงสภาวะที่ติดขัดเพื่อให้ถึงจุดมุ่งหมายคือ การสำเร็จธรรมให้ได้ให้ถึงในที่สุด "

    เพราะท่านรู้ด้วยพระปรีชาญานดังนี้แล พระสาวกผู้เจริญในสมัยพุทธกาลท่านจะสงสัยขัดในธรรมอันใดและต่อมากสักเพียงไร ท่านก็ชี้ทางสว่างได้ั แต่มาจวนจนปัจจุบันนี้เมื่อไม่มีกำลังพระทศพลญาน๑๐ นี้แล้ว"[ เราก็ต้องทำใจยอมรับชะตากรรม]"ที่ต้องพึ่งพาอาศัยตนเองเพื่อให้เข้าถึงพระธรรมด้วยตนเองให้จงได้ เมื่อรู้ดังนี้ แสดงว่ามีความเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว สามารถรับรู้เรื่องราวสำคัญเช่นนี้ได้ ท่านทั้งหลายย่อมเจริญในธรรมขึ้นอย่างมากมายอย่างแน่นอน!


    " พระองค์ตรัสว่า ใครจะสอนถูกสอนผิดช่างเถิด เราตถาคตจะแสดงธรรมให้ฟัง "

    {O}พระทศพลญาณ๑๐{O}


    ทศพลญาณ (บาลีเรียก ตถาคตพลญาณ 10 คือ พระญาณอันเป็นกำลังของพระตถาคต 10 ประการ ที่ทำให้พระองค์สามารถบันลือสีหนาท ประกาศพระศาสนาได้มั่นคง


    1. ฐานาฐานญาณ (ปรีชาหยั่งรู้ฐานะและอฐานะ คือ รู้กฏธรรมชาติเกี่ยวกับขอบเขตและขีดขั้นของสิ่งทั้งหลายว่า อะไรเป็นไปได้ อะไรเป็นไปไม่ได้ และแค่ไหนเพียงไร โดยเฉพาะในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างเหตุกับผล และกฎเกณฑ์ทางจริยธรรมเกี่ยวกับสมรรถวิสัยของบุคคล ซึ่งจะได้รับผลกรรมที่ดีและชั่วต่างๆ กัน


    2. กรรมวิปากญาณ (ปรีชาหยั่งรู้ผลของกรรม คือ สามารถกำหนดแยกการให้ผลอย่างสลับซับซ้อน ระหว่างกรรมดีกับกรรมชั่ว ที่สัมพันธ์กับปัจจัยแวดล้อมต่างๆ มองเห็นรายละเอียดและความสัมพันธ์ภายในกระบวนการก่อผลของกรรมอย่างชัดเจน


    3. สัพพัตถคามินีปฏิปทาญาณ (ปรีชาหยั่งรู้ข้อปฏิบัติที่จะนำไปสู่คติทั้งปวง คือ สุคติ ทุคติ หรือพ้นจากคติ หรือปรีชาหยั่งรู้ข้อปฏิบัติที่จะนำไปสู่อรรถประโยชน์ทั้งปวง กล่าวคือ ทิฏฐธัมมิกัตถะ สัมปรายิกัตถะ หรือ ปรมัตถะ คือรู้ว่าเมื่อปรารถนาจะเข้าถึงคติหรือประโยชน์ใด จะต้องทำอะไรบ้าง มีรายละเอียดวิธีปฏิบัติอย่างไร


    4. นานาธาตุญาณ (ปรีชาหยั่งรู้สภาวะของโลกอันประกอบด้วยธาตุต่างๆ เป็นเอนก คือ รู้สภาวะของธรรมชาติ ทั้งฝ่ายอุปาทินนกสังขารและฝ่ายอนุปาทินนกสังขาร เช่น รู้จักส่วนประกอบต่างๆ ของชีวิต สภาวะของส่วนประกอบเหล่านั้น พร้อมทั้งลักษณะและหน้าที่ของมันแต่ละอย่าง อาทิการปฏิบัติหน้าที่ของขันธ์ อายตนะ และธาตุต่างๆ ในกระบวนการรับรู้ เป็นต้น และรู้เหตุแห่งความแตกต่างกันของสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น


    5. นานาธิมุตติกญาณ (ปรีชาหยั่งรู้อธิมุติ คือ รู้อัธยาศัย ความโน้มเอียง ความเชื่อถือ แนวความสนใจ เป็นต้น ของสัตว์ทั้งหลายที่เป็นไปต่างๆ กัน

    6. อินทริยปโรปริยัตตญาณ (ปรีชาหยั่งรู้ความยิ่งและหย่อนแห่งอินทรีย์ของสัตว์ทั้งหลาย คือ รู้ว่าสัตว์นั้นๆ มีศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา แค่ไหน เพียงใด มีกิเลสมาก กิเลสน้อย มีอินทรีย์อ่อน หรือแก่กล้า สอนง่ายหรือสอนยาก มีความพร้อมที่จะตรัสรู้หรือไม่


    7. ฌานาทิสังกิเลสาทิญาณ (ปรีชาหยั่งรู้ความเศร้าหมอง ความผ่องแผ่ว การออกแห่งฌาน วิโมกข์ สมาธิและสมาบัติทั้งหลาย


    8. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ (ปรีชาหยั่งรู้อันทำให้ระลึกภพที่เคยอยู่ในหนหลังได้


    9. จุตูปปาตญาณ (ปรีชาหยั่งรู้จุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลายอันเป็นไปตามกรรม

    10. อาสวักขยญาณ (ปรีชาหยั่งรู้ความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย

    ขอจงสรรเสริญแด่ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ผู้อยู่ในสารคุณนั่นเทอญฯ


    คึกฤทธิ์ต้องมิตฉัตตะ ๑๐ โดยแท้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2015
  9. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ตัวอย่างในหลายร้อยหมื่นพันแสนล้านที่ทรงโปรด

    สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ
    สพฺพรตึ ธมฺมรติ ชินาติ ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาติ


    การให้ธรรมทาน ชนะการให้ทั้งปวง
    รสแห่งธรรม ชนะรสทั้งปวง
    ความยินดีในธรรม ชนะความยินดีทั้งปวง
    ความสิ้นไปแห่งตัณหา ชนะทุกข์ทั้งปวง
    ผู้ใดให้ธรรมเป็นทาน ผู้นั้นชื่อว่าให้พระนิพพานแก่คนทั้งหลาย




    ทรงจำแนกสอน"แก่น"ธรรม" แตกต่างกันที่หัวข้อวัตรปฎิบัติ ระหว่าง พระธรรมคำสั่งสอนที่เป็นทางสายกลาง และ นอกเหนือจากหลักธรรมที่ทรงแสดง ซึ่งเป็นที่น้อมนอมให้เหล่านักบวชนอกพระศาสนาพิจารณาเห็น"แก่น ธรรม" ที่พราหมณ์ไม่มีและถึงมีก็เป็นอย่างอื่นไม่เหมือนกัน ตามพระดำรัส

    ซึ่งเป็นพระธรรมคำสั่งสอนที่จำเป็นแก่เราและท่านบัณฑิตผู้เจริญทั้งหลาย ทั้งที่ต่างสถานะฯ และฐานะธรรมจะต้องทราบและต้องรู้อย่างยิ่ง

    นั่นก็เพื่อปรามตนเองและผู้อื่นที่หลงเข้าใจผิด ไม่รู้จุดมุ่งหมายของพระพุทธศาสนานั้นด้วย

    "ตรัสแก่พระภิกษุ"
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พรหมจรรย์นี้เราประพฤติมิใช่เพื่อ
    หลอกลวงคน มิใช่เพื่อเรียกร้องคน (ให้มานับถือ) มิใช่เพื่ออานิสงส์ ลาภ
    สักการะ และความสรรเสริญ มิใช่เพื่ออานิสงส์เป็นเจ้าลัทธิและแก้ลัทธิอย่าง
    นั้นอย่างนี้ มิใช่เพื่อให้คนรู้จักตัวว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ที่แท้พรหมจรรย์นี้
    เราประพฤติเพื่อสังวร เพื่อปหานะ (ความละ) เพื่อวิราคะ (ความหายกำหนัด
    ยินดี) เพื่อนิโรธะ (ความดับทุกข์)


    "ตรัสแก่พราหมณ์"
    ดูก่อนพราหมณ์ พรหมจรรย์นี้
    ไม่ใช่มีลาภสักการะและความสรรเสริญเป็นอานิสงส์
    ไม่ใช่มีความถึงพร้อมแห่งศีลเป็นอานิสงส์
    ไม่ใช่มีความถึงพร้อมแห่งสมาธิเป็นอานิสงส์
    ไม่ใช่มีญาณทัสสนะเป็นอานิสงส์
    พรหมจรรย์นี้ มีเจโตวิมุติอันไม่กำเริบ
    เป็นประโยชน์
    เป็นแก่น
    เป็นที่สุด


    นี่คือแก่นกระพี้ธรรมในพระพุทธศาสนา ฉนั้นอย่าไปถือปริยัติอื่นที่นอกเหนือทางบรรลุสู่พระนิพพานว่าเป็นแก่นเป็นที่สุด


    แนะนำไปดู สูตร นี้ ไกลห่างดี

    เรื่องสาวกเดียรถีย์


    พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพวกสาวกเดียรถีย์ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า อวชฺเช เป็นต้น


    พวกสาวกของอัญญเดียรถีย์ (คนมีลัทธิศาสนาอื่นฯ) ไม่ต้องการให้ลูกของพวกตนไปมั่วสุมกับลูกสาวกของพระพุทธเจ้า พวกเขาได้พร่ำสอนลูกทั้งหลายว่า “สมณะพวกศากยบุตร พวกเจ้าไม่พึงไหว้ แม้วิหารของสมณะเหล่านั้น พวกเจ้าก็ไม่พึงเข้าไป” วันหนึ่ง ขณะที่ลูกของอัญญเดียรถีย์เหล่านั้นกำลังเล่นอยู่กับลูกของชาวพุทธอยู่นั้น ก็เกิดหิวน้ำขึ้นมา ด้วยเหตุที่ลูกของอัญญเดียรถีย์ถูกพร่ำสอนไม่ให้เข้าไปในวัดของชาวพุทธ พวกเขาจึงขอร้องให้เด็กชาวพุทธคนหนึ่งไปนำน้ำมาให้พวกเขาดื่ม เด็กชาวพุทธคนนั้นก็ได้เข้าไปถวายบังคมพระศาสดาและกราบทูลขอน้ำจะเอาไปให้พวกลูกอัญญเดียรถีย์ดื่ม โดยได้กราบทูลเหตุผลว่า เด็กเหล่านั้นมารดาบิดาห้ามเข้ามาในวัดพระเชตวัน พระศาสดาตรัสว่า “เจ้าดื่มน้ำนี้เสียก่อน แล้วกลับไปบอกให้พวกเด็กเหล่านั้นมาดื่มน้ำที่นี่” เมื่อเด็กเหล่านั้นมาดื่มน้ำแล้ว พระศาสดาได้ตรัสธรรมกถาที่เหมาะกับนิสัยของพวกเขา ทำให้พวกเขามีศรัทธาในพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และทรงให้รับศีล เมื่อเด็กพวกนี้กลับไปบ้าน ก็ได้บอกบิดามารดาของพวกตนว่าได้ไปพบพระศาสดาในวัดพระเชตวันมา และพระศาสดาได้ประทานพระรัตนตรัยและศีลเสียอีกด้วย มารดาบิดาของพวกเด็กเหล่านั้น ต่างเดือดเนื้อร้อนใจ ร้องไห้ฟูมฟายน้ำตา ว่า “ลูกของพวกเรา กลายเป็นคนมีทิฏฐิวิบัติเสียแล้ว” พวกเพื่อนบ้านได้มาพูดปลอบใจ ให้หยุดร้องไห้เศร้าโศกเสียใจ และแนะนำให้พาเด็กเหล่านั้นไปวัดพระเชตวัน เพื่อมอบตัวแด่พระศาสดา เมื่อเด็กเหล่านั้นมาพร้อมหน้าพร้อมตาพร้อมด้วยมารดาบิดาของพวกเขาแล้ว พระศาสดาทรงตรวจดูอุปนิสัยความสามารถที่จะบรรลุธรรมของพวกเด็กนั้น ก็ได้แสดงธรรม ด้วยการตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า

    แดงๆเส้นใต้ตรงตรวจ ด้วยข่ายพระทศพลญาณ ๑๐ ข่ายพระญาณตรวจสอบได้ทุกอย่าง ไม่ใช่เพราะว่า ได้จากการรักษาศีล หรือปฎิบัติ ทางสายกลางใดๆในชาตินี้ ก็คนมันจะได้ อะไรก็ขวางไม่อยู่หรอก กำแพงศีล กำแพงสมาธิ กำแพงปัญญา ในชาติใหม่น่ะ ทะลุกระจุยหมด ถ้ามี[พระพุทธเจ้า]

    เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง คนเหล่านั้นทั้งหมด ดำรงอยู่ในสรณะ 3 แล้ว ฟังธรรมอื่นๆอีกอยู่ ก็ได้บรรลุโสดาปัตติผล


    ไม่มีญานหยั่งรู้ ไม่รู้จักพระทศพลญาน ก็สอนคนไปมั่วๆสุ่มสี่สุ่มห้า ว่านั่นนี่ไม่มีไม่ดี ไม่เอา ทั้งๆที่ก็ไม่สามารถรู้ว่าจริงหรือไม่จริง เหมือนกับการถอดถอนพระสูตรพระธรรมอื่นๆที่ตนไม่สามารถพิจารณาธรรม ที่ลึกซึ้งโดยเห็นเป็นจริงตรองตามได้ มันก็เป็นเพียง มหาเทวะ คนที่ ๒ เพียงเท่านั้น! ใจหนึ่งก็สงสาร ใจหนึ่งก็รังเกียจ สำนักนี้จริงๆ มีบุญพอได้เห็นได้อ่านได้พิจารณาไหม?หนอ ว่าจะพากันไปทนทุกข์อีกสักเพียงเท่าไร?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2016
  10. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    (f) รอ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,433
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    ความตายอยู่แค่ปลายจมูก ก็อาจเป็นเฮือกสุดท้าย....ก็ยังดี...
     
  12. linda@kayan

    linda@kayan รักคือบ่วงห่วงคือทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +49
    รอคือไม่รอ..ไม่รอคือ..รอ...สาธุค่ะ
     
  13. zipp

    zipp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +141
  14. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ๔แสนยาก

    ที่ชาติหน้าจะมีโอกาสมาพบเห็นอีกหรือไม่ ?

    ๑. กิจโฉ มะนุสสะปะฏิลาโภ (ขุ.ธ. ๒๕/๓๙)

    ความได้เป็นมนุษย์ เป็นการยาก

    การได้เกิดมาเป็นมนุษย์นั้น จะต้องอาศัยกุศลกรรม คือ กรรมขาวอันเป็นกรรมฝ่ายดี ที่มีกำลังมากกว่ากำลังของฝ่ายอกุศลกรรมเป็นเหตุปัจจัย จึงจะนำมาให้เกิด คือ ถือปฏิสนธิเกิดเป็นมนุษย์ได้ ฉะนั้น การที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์สักครั้งหนึ่งนั้น นับว่ายากยิ่งนัก เราท่านทั้งหลายโชคดีแล้วที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์และโชคดีอีกชั้นหนึ่ง เมื่อได้พบพระพุทธศาสนา จึงต้องพยายามทำคุณความดีไว้ให้มาก ให้ได้ผลคุ้มค่ากับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์และได้พบพระพุทธศาสนา.


    ๒. กิจฉัง มัจจานะ ชีวิตัง (ขุ. ธ. ๒๕/๓๙)

    ความเป็นอยู่ของสัตว์ เป็นการยาก

    สัตว์นี้หมายถึง สิ่งที่มีชีวิตเคลื่อนไหวได้ทุกจำพวก สัตว์ทุกจำพวกไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์จำพวกอื่น ตั้งแต่เกิดลืมตาขึ้นมาดูโลก ก็ต้องผจญกับภัยอันตรายของชีวิต มีทั้งอันตรายภายใน ได้แก่ ความแก่ ความเจ็บ ความตาย และทั้งอันตรายภายนอก เช่น ความร้อน ความหนาว เป็นต้น ฉะนั้น การที่จะมีชีวิตอยู่รอดได้ในโลกอันมากไปด้วยอันตรายนี้ จึงนับว่าเป็นการยากลำบากยิ่งนัก


    ๓. กิจฉัง สัทธัมมัสสะวะนัง (ขุ.ธ. ๒๕/๓๙)

    การได้ฟังธรรมของสัตบุรุษ เป็นการยาก

    สัตบุรุษ คือ บุรุษผู้ได้บำเพ็ญบารมีไว้มาก มีสติปัญญาความสามารถเหนือชนทั้งหลาย เป็นพหูสูต รอบรู้ทั้งสิ่งที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ ย่อมแนะนำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ให้เว้นจากสิ่งที่มีโทษ ดังนั้น การที่บุคคลจะพบสัตบุรุษเช่นนี้และได้ฟังธรรมจากท่าน ย่อมจะเป็นการยากอย่างยิ่ง เพราะสัตบุรุษไม่ได้มีอยู่ทั่วไป นาน ๆ จึงจะเกิดขึ้นสักคนหนึ่ง.


    ๔. กิจโฉ พุทธานะมุปปาโท (ขุ.ธ. ๒๕/๓๙)

    ความเกิดขึ้นแห่งท่านผู้รู้ เป็นการยาก

    ผู้รู้ หมายถึง บุคคลหลายชนิด มีทั้งผู้รู้ทางคดีโลกและผู้รู้ทางคดีธรรม การที่ท่านเหล่านี้จะเกิดขึ้นมานั้นเป็นการยากอย่างยิ่ง ในที่นี้จะได้กล่าวเฉพาะความเกิดขึ้นแห่งผู้รู้แจ้งแทงตลอดสิ่งทั้งปวงคือ พระพุทธเจ้า อันธรรมดาผู้ที่จะเกิดเป็นพระพุทธเจ้านั้นจะต้องได้สั่งสมบารมีมาเป็นเวลาหลายโกฏิกัปป์เลยที่เดียว เมื่อรู้ดังนี้แล้ว ท่านทั้งหลายไม่ควรให้โอกาสที่ได้พบพระพุทธศาสนานี้ให้ล่วงเลยไปโดยเปล่าประโยชน์เลย.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2015
  15. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    " องค์กำเนิดธรรม "

    อย่าลืมพิจารณา ถ้าหวังความเจริญในพระสัทธรรม และความเจริญในโลก

    {ปฏิสัมภิทามรรค}

    {O}พระไตรปิฏกที่สมบูรณ์วิสุทธิคุณเป็นอันที่สุด{O}

    [o]พระไตรปิฏกพระธรรมคำภีร์ธรรมแม่บทดั้งเดิม[o]{O} ทิพยวิเศษบริสุทธิธรรม{O} ]o[พระธรรมราชา]o[


    " ผู้ที่มีจิตไม่มั่นคง ไม่ทราบพระสัทธรรม
    มีความเลื่อมใสรวนเร ย่อมมีปัญญาบริบูรณ์
    ไม่ได้"





    พระไตรปิฏกไม่ได้มีเพียงแค่ที่ได้จารึกตีพิมพ์มา อย่างที่มองเห็นและคุ้นเคยกันในโลกมนุษย์ปัจจุบันแต่เพียงเท่านั้น!

    ขอให้มีบุญได้พบเจอฯ

    ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทุกๆพระองค์ฯ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2016
  16. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    “ธรรมที่เราได้บรรลุแล้วนี้ เป็นคุณอันลึก เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก
    เป็นธรรมสงบ ประณีต ไม่หยั่งลง สู่ความตรึก ละเอียด
    เป็นวิสัยของบัณฑิตจะพึงรู้แจ้ง
    ฐานะคือความที่อวิชชาเป็นปัจจัยแห่งสังขารเป็นต้นนี้
    เป็นสภาพอาศัยปัจจัยเกิดขึ้นนี้ แม้ฐานะคือธรรมเป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง
    เป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นตัณหา เป็นที่สิ้นกำหนัด เป็นที่ดับสนิท
    หากิเลสเครื่องร้อยรัดมิได้ นี้ก็แสนยากที่จะเห็นได้
    ก็ถ้าเราจะพึงแสดงธรรม สัตว์เหล่าอื่นก็จะไม่พึงรู้ทั่วถึงธรรมของเรา
    ข้อนั้นจะพึงเป็นความเหน็ดเหนื่อยเปล่าแก่เรา
    จะพึงเป็นความลำบากเปล่าแก่เรา”


    พระธรรมคำสั่งสอน ไม่ใช่ของอวด ของแข่งดีแข่งเด่น กับศาสนาอื่น ต่างชาติบ้านเมือง แต่เป็นไปเพื่อความสุขของเหล่าเวไนยสัตว์ที่มีความรักและศรัทธา ในพระรัตนตรัยอันเป็น แก้วสามประการ ของ พระพุทธศาสนา

    โส กโรหิ ทีปมตฺตโน
    ขิปฺปํ วายม ปณฺฑิโต ภว
    นิทฺธนฺตมโล อนงฺคโณ
    ทิพฺพํ อริยภูมิเมหิสิ ฯ


    เธอจงสร้างที่พึ่งแก่ตนเอง
    รีบพยายามขวนขวายหาปัญญาใส่ตัว
    เมื่อเธอหมดมลทิน หมดกิเลสแล้ว
    เธอก็จักเข้าถึงทิพยภูมิของพระอริยะ


    " ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ ".
    " เป็นสิ่งที่พึงรู้ได้เฉพาะตน ".
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • images (14).jpg
      images (14).jpg
      ขนาดไฟล์:
      11.1 KB
      เปิดดู:
      123
  17. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ส่งสมุนสาวกตนเองมาเที่ยวหลอกชาวบ้านให้ระส่ำระสายถึงนราธิวาสเลยนะ เดี๋ยวพอเขารู้ความจริงก็จะรู้เอง ชอบจริงๆสินะเข้าไปแทรกแซงสายงานภาคต่างๆเนี่ย! อีกหน่อยได้ลมจับหัวเข่าพับทั้งก๊ก แล้วอย่าหาว่าไม่เตือน สำนักสั่วๆ
     
  18. propoj

    propoj สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +1
    พระดี ไม่พูดเยอะ ปัจจัตตัง ไม่เอวดเกินกว่าครู เรียนจบอะไร ก็ไม่เกี่ยว พระจบด็อกเตอร์ เยอะแยะ ไม่เห็นโอ้อวดเลย ตั้งสติเสียใหม่ เดินให้ถูกทาง นะท่าน พระไตรปิฎก มีการสังคยานา มากรรั้ง มีพระผู้ใหญ่จากหลายประเทศ กลั่นกรอง ไม่ใช่นั่งนึก อยู่คนเดียว แล้ว บอกว่าผิด....เอาละ..เท่านี้...สาธุ....
     
  19. โปรเซดอน

    โปรเซดอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    376
    ค่าพลัง:
    +171
    อันนี้มันแค่อารัมภบท เหมือนเหยื่อล่อปลาหละครับท่าน ทำให้คล้อยตามได้โดยง่าย แต่ส่วนอื่นๆเบื้องลึกนะซิ หึหึ
     
  20. Nutchakul

    Nutchakul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    826
    ค่าพลัง:
    +188

แชร์หน้านี้

Loading...