สติดีดออกจากสมาธิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย dangcarry, 18 สิงหาคม 2010.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
    ผมคนมักน้อยครับ เพราะกิจของผมทางโลกยังอีกยาวไกลและจะยุ่งยากกว่านี้เพิ่มขึ้นมากมายนัก เลยต้องรีบฝึกสมถะเป็นตัวอบรมและนำมาใช้ในชีวิตประจำวันครับ โดยในที่ทำงานก็มีบ้างที่ลอง ๆ วิปัสนา แต่ทำไม่ได้นานเลย เพราะมี
    เผลออยู่มาก และเสมอ ๆ หลุดตลอด
    ขออนุโมทนาบุญเป็นอย่างสูงค่ะ อย่างน้อยในภพชาตินี้ก็มีโอกาส ได้สร้างสมบุญบารมี ทานบารมี สืบทอดพระพุทธศาสนา เพื่อเป็นกำลัง ปัจจัยในภพชาติต่อไปจนถึงซึ่ง มรรค ผ นิพพานเทอญ สาธุ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2010
  2. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    สิ่งหนึ่งที่ดีดออกมา..ผมว่าคุณกำลังจะหลับ หรือจะตกภวังค์ แต่รู้สึกตัวตื่นของจิตก่อน จึงเกิดการตื่น ดู รู้ เพราะจิตคุณละนิวรณ์ต่างๆได้มาพอสมควรก่อนจะเป็นสมาธิอ่อนๆ แต่เนื่องจากสติอ่อนจึงพลอยจะหลับตามนะครับ หากกำลังจิตคุณมากจริงๆ คุณจะไม่อยากนั่งสมาธิแล้วครับแต่คุณจะพิจราณาธรรม "วิปัสสนา" แทนครับ
     
  3. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    สมาธิ ปัญญา การรู้ลงที่จิต ใน สภาวะธรรมที่เกิดขึ้น

    ขออนุญาตครับ
    ขอกราบนมัสการ สมเด็จพระบรมครูพระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ขอกราบนมัสการ พ่อแม่ครูบาอาจารย์พระอริยะสงฆ์ทุกๆท่าน
    ขอกราบนมัสการ องค์เทพ องค์พรหม ทั้งหลายที่ได้ให้ความเมตตาตลอดมา
    ขอกราบนมัสการ ครูอาจารย์ที่เป็นฆราวาสทุกๆท่าน
    กระผมขออนุญาตตอบปัญหาธรรมเพื่อเป็นวิทยาทาน ให้แก่ผู้สนใจใคร่รู้ เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติ ของเหล่าฆราวาสทั้งหลาย
    เฉพาะผู้ที่มีภูมิรู้ ภูมิธรรม ต่ำกว่า หรือ ใกล้เคียง กับ ข้าพเจ้าเท่านั้น
    ไม่ได้มีเจตนาจะอวดโลกแต่ประการใด กระผมเข้าใจว่า ธรรม นั้น กว้างขวาง ละเอียด ลึกซึ้ง สุดประมาณ
    การที่กระผมรู้มานั้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ ประมาณ เศษธุลีดิน ยังเปรียบไม่ได้
    สำหรับท่านที่มีภูมิรู้ ภูมิธรรม สูงส่งอยู่แล้ว ขอกราบนมัสการผ่านไป อย่าได้เสียเวลามาอ่านเลย
    ขอกราบนมัสการมาด้วยความเคารพอย่างสูงสุด
    ลุงมหา

    อ้างอิง กระทู้ คุณ dangcarry & cartoon
    เรานั่งสมาธิมา5ปี เกิดความอัศจรรย์ใจอย่างประหลาด
    - ขณะที่จิตเข้าสมาธิกำลังจะดิ่งอยู่เหมือนมี สิ่งหนึ่งดีดออกจากสมาธิเป็นผู้ดู รู้ทั้งกาย และจิต

    - ตอบ สิ่งที่ดีดออกมาคือ สติ ครับ นี่แสดงว่า สติของคุณเริ่มจะเร็วกว่าจิตแล้ว ถ้ามันเร็วกว่าจิตมันก็ควบคุมจิตได้
    ท่านอาจารย์ปู่หลวงปู่มหาบัว ญาณสัมปัณโณ ท่านเรียกว่า ผู้คุมกับนักโทษ คือ สติเป็นผู้คุม จิต เป็นนักโทษครับ

    - และดูเหมือนจิตจะมีกำลังมาก อาการเวทนาทั้งหลายหายหมด ปลายเท้าหายไป แต่สติก็ตามรู้ไม่หวั่นใดๆ จิตละเอียดมาก
    - ตอบ เป็นธรรมดาครับ เมื่อ สติ วิ่งทัน จิต เรียกว่า สมาธิ เมื่อสติ วิ่งเร็วกว่าจิต เรียกว่า ปัญญา แล้วตอนที่ สติวิ่งเร็วกว่าจิต เวทนามันจะเกิดได้อย่างไร ที่ท่านว่าจิตละเอียดมาก ก็เพราะว่า เมื่อสติที่วิ่งเร็วกว่าจิต สติก็จะควบคุมจิตได้(บางครั้งครูบาอาจารย์ท่านเรียกว่า หัวลาก กับ รถพ่วง คือ สติ เป็น หัวลาก ซึ่งมีทั้งเครื่องยนต์ พวงมาลัย และ เบรค ส่วนจิต เป็น แค่ รถพ่วง ที่ถูก หัวลาก คือ สติ ลาก ให้ รถพ่วง คือ จิต วิ่งตามไป) มันก็เลยเกิดขึ้นได้เฉพาะ สังขาร(ความปรุงแต่ง)ที่เป็นฝ่าย มรรค ส่วนสังขารที่เป็นฝ่าย กิเลส สติจะไม่ยอมให้คิด เพราะแค่ยังไม่เริ่มคิดสติก็ตัดออกไปซึ่งจะเร็วมากแทบจะสังเกตไม่เห็น
    ที่ท่านอาจารย์ปู่ หลวงปู่มหาบัว ญาณสัมปัณโณ ท่านเรียกว่า “เย็บๆ” นั่นล่ะครับ และท่านยังได้เมตตาอธิบายต่อให้อีกว่า
    “มันเกิดที่จิต ไม่ได้เกิดที่กาย”

    - แต่พอได้เวลาออกจากสมาธิมันออกเอง เหมือนมันอิ่ม
    - ตอบ ที่ว่าได้เวลาออกจากสมาธิมันออกเอง เพราะกำลังสมาธิที่สะสมไว้มีแค่นั้น การออกจะมีสองระดับ คือ
    - ระดับที่ 1 ออกจาก ช่วงที่ สติเร็วกว่าจิตคือช่วงเดินปัญญา เหตุที่ออกเป็นเพราะว่า กำลังสมาธิที่สะสมไว้ อ่อนแรงลง
    เมื่อมันล้า มันก็ต้องการพักเอาแรง ซึ่งการพักเอาแรงของมันก็คือ การปฏิบัติสมาธิภาวนา หายใจเข้าพุทธ หายใจออก โธ จนกว่า
    สติจะตามจิตทัน จึงจะเรียกว่า เป็น สมาธิ ก็สมาธิที่คุณเพียรปฏิบัติมาหลายปีนั่นล่ะครับ ครูบาอาจารย์บางท่านเปรียบ สมาธิเป็น เด็กที่นอนอยู่ แล้วก็ เด็กหัดลุก หัดนั่ง หัดเดิน พอคล่องแล้ว มันก็อยากจะวิ่ง ซึ่งก็คือ การที่ สติ เร็วกว่าจิต คือ เดินปัญญา นั่นล่ะครับ เมื่อวิ่งแล้ว มันเมื่อยมันล้า มันก็อยากจะ นอน จะนั่ง จะเดิน อีก เพื่อเป็นการพักเอาแรง เป็นอย่างนี้สลับกันไปตลอด
    ถ้าคุณทำตามนี้คุณจะปฏิบัติภาวนาได้ทั้งวัน ทั้งคืน เลยล่ะครับ ส่วนการพักการนอนนั้น คุณจะนั่งหลับในท่านั่งสมาธิก็ได้ หรือจะนอนจริงๆก็ได้ อยู่ที่ความระวังจิตว่า มีสติตื่นเมื่อไร ก็ภาวนาต่อ ยังไงล่ะครับ
    - ต้องกลับไปเริ่มต้น สมถะภาวนา คือ พุทธ หายใจเข้า โธ หายใจออก ภาวนาไปเรื่อยๆ จนกว่า สติจะวิ่งทันจิต ที่เรียกว่าเป็น สมาธิ แล้ว ปล่อยให้ อยู่ในอาการ ที่จิตละเอียด อยู่อย่างนั้น เพื่อเป็นการสะสมพลังงานของจิต ต้องระวังไม่เพลินในปัญญามากจนเกินไป จนจิตอ่อนล้า และร่างกายจะอ่อนล้าด้วย ท่านอาจารย์ปู่ หลวงปู่มหาบัว ญาณสัมปัณโณ เคยเล่าว่า ท่าน พิจระนา แบบเพลินในปัญญาอยู่หลายวัน ลืมแม้กระทั่งว่า ต้องเดินข้ามเขาไปบิณฑบาต พอนึกขึ้นได้ จะไปบิณฑบาตก็ไม่มีแรง ต้องเดินไป นั่งพักไปแทบจะสลบไสลด้วยความเหนื่อยอ่อน
    อย่าลืมว่าคุณภาวนา สมถะภาวนา มาหลายปี จึงมีกำลังพอเดินปัญญาได้ พอเดินปัญญาได้ ก็ต้อง หัดสังเกตว่าสัดส่วนของ สมาธิ กับ ปัญญา ควรจะเป็นเท่าไร จึงจะเหมาะกับตัวคุณเอง
    - ระดับที่ 2 ออกจากช่วงที่ สมถะภาวนา คือออกจากช่วงที่อยู่ในสมาธิแล้ว มันถอนออกมาเองโดยไม่ได้ตั้งใจตามกำลังสมาธิที่สะสมไว้ ถ้ายังมีเวลาว่างอยู่ไม่รีบไปไหน ก็ให้เริ่มต้นภาวนาใหม่อีกรอบ คือ เริ่มต้น พุทธ หายใจเข้า โธ หายใจ ออก(เหมือนตอนที่เริ่มนั่งใหม่ๆรอบแรกๆนั่นละครับ) นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมบางท่านนั่งได้นาน โธ่ ก็จะไม่นานได้อย่างไรล่ะครับ เดี๋ยวก็ สมถะ เดี๋ยวก็ วิปัสสนา สลับกันไปเรื่อยๆ แล้วยังมีพวกหัวหมออีกนะครับ เข้าสมาธิแบบที่ สอง คือควบคุมให้ จิตเข้าภวังค์ไปก่อน แต่ไม่ให้สติเข้าตามไปเพื่อจะได้นั่งหลับในท่านั่งสมาธิ ชั่วเวลาหนึ่งก่อนแล้วก็รอให้สติตามเข้าไปทีหลังจะได้มีเวลาพัก แต่วิธีแบบนี้ ครูบาอาจารย์ท่านไม่ค่อยปลื้มเท่าไร เพราะกำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็ม ก็มองเห็นครูบาอาจารย์มานั่งจ้องอยู่ข้างหน้า ตกใจแทบตายก็เคยมี
    ผมถึงไม่ค่อยปลื้มเมื่อได้ยินคนเขาพูดกันว่า คนนั้นเก่ง คนนี้เก่ง นั่งได้ข้ามวันข้ามคืน มันต้องถามด้วยว่า อาการที่รู้ลงที่จิตเป็นอย่างไรด้วย ถ้าพูดไม่ออก บอกไม่ถูก แล้วใครเขาจะเชื่อ ไปรู้เอง เห็นเอง แล้ว ยังบอกใครไม่ได้ ยังจะมาอ้าง ปัตจัตตัง อีกต่างหาก โก้ไม่หยอกนะคุณนะ เพราะ ปัจจัตตัง นั้น ครูบาอาจารย์ท่านใช้ อธิบาย ธรรม ในระดับที่ไม่มีสมมุติบัญญัติ ก็เลยบอกออกมาไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าจะเปรียบเทียบกับอะไร บอกออกมาคนนอกก็ไม่เข้าใจ ท่านเลยบอกว่าต้องมารู้เอง เห็นเอง

    - ไม่เคยเป็นอาการนี้เลยหลังจากนั้นก็เป็นแบบนี้ตลอดมาได้สัก 3วันแล้ว
    - ตอบ ก็ต้องคอยติดตามดูตอนต่อไป ว่าจะทรงอยู่สภาพนี้นานแค่ใหน ผมไม่อยากกะให้ ต่อให้เป็นครูบาอาจารย์ท่านก็คงไม่บอกเหมือนกัน ท่านถึงรีบแนะให้พิจรนา อศุภะกรรมฐานโดยด่วน จะได้ตัดกิเลสกองใหญ่ออกไปก่อน อันอื่นค่อยว่ากันทีหลัง แต่ว่าการเดินปัญญามันก็มันไปอีกแบบ จะทิ้งไปพิจรนา อศุภะ มันก็เสียดาย ดีไม่ดี ไปพิจรนา อศุภะ แล้ว เกิดเห็นคู่ครองนอนเตียงเดียวกัน
    มองทีไรเป็นคุณย่า คุณปู่ หรือหนักกว่านั้นเห็นเป็นซากศพเน่าๆ แล้ว คุณจะทำอย่างไร หรือคุณจะยอม เซ็นสัญญาเจนิวา ยอมแยกเตียง แต่ต้องพิจรนาให้รอบคอบ เพราะชีวิตมันเป็นของเราก็จริง แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของคู่ครอง ของครอบครัวด้วย ต้องเห็นชอบร่วมกัน ด้วยความเต็มใจ และ จริงจัง จริงใจ ทั้งสองฝ่าย

    - จิตมีสุขมากในขณะอยู่ในสมาธิ แต่นั่งประมาณไม่เกิน40นาที
    - ตอบ คุณก็เริ่มใหม่ซิครับ เริ่มเหมือนตอนเรานั่งรอบแรกนั่นล่ะ จะวนกี่รอบๆก็ได้ ตามแต่เวลาที่มี เหมือนเต้นรำวง เพลงจบ หมดรอบ ก็ ให้ตั๋วใหม่ เต้นรอบใหม่ก็ง่ายๆอย่างนี้ล่ะครับ
    - ไม่รู้ว่ามีใครมีประสบการณ์แบบนี้บ้างหรือเปล่า หรือผ่านช่วงนี้แล้วแนะนำด้วย
    - ตอบ ต้องขออภัยจริงๆครับ ที่ผมทนไม่ได้ ก็เลย ต้องเข้ามาตอบ เพราะเห็นใจว่า สมัยเราก็ งมหา ท่าเดียว อยากให้มีใครซักคนมาตอบอย่างนี้บ้าง เผื่อจะปฏิบัติได้อย่างมั่นใจบ้าง ก็เท่านี้จริงๆครับ เหมือนที่ท่านอาจารย์ปู่ หลวงปู่มหาบัว ญาณสัมปัณโณ
    ได้เมตตาบอกเล่าว่า “ความลับไม่มีในโลก”, “ผู้ปฏิบัติด้วยกัน เปิดเผยซึ่งกันและกัน”

    ขออนุโมทนาบุญในกุศลผลบุญที่ท่านได้ตั้งใจทำตั้งใจสร้าง
    ขออนุโมทนา
    ขอบคุณครับ
    ลุงมหา

    __________________
    dangcarry & cartoon

    อ้างอิง
    ขอบคุณท่านลุงมหามาก ขออนุโมทนาในความรู้ที่ท่านได้ให้พิจารณา ขอบอกว่าท่านมีความรู้ลึกมากในการปฏิบัติ ขอตอบคำถามในบ้างข้อที่ตอบได้น่ะค่ะ เริ่มจากตอบข้อที่2
    ความคิดมันผุดตลอดแต่ตามรู้ พิจารณาว่ามันเยอะจริงๆเอาอย่างที่เกิดคือ
    - เรื่องของสมมุติก่อให้เกิดความพอใจ ไม่พอใจ ยึดติดก่อให้เกิดภพ เกิดชาติ เพราะไปยึดติดกับสมมุติ อันนี้เป็นธรรมที่เกิดหรือเปล่า

    - ตอบ ถูกต้องครับเมื่อ สติ เร็วกว่าจิต เมื่อไร ทุกอย่างจะอยู่ภายใต้ “รู้ดี รู้ชั่ว รู้ถูก รู้ผิด”
    - กายที่จิตอาศัยเปรียบเหมือนบ้านเช่า หมดสัญญาก็ย้ายกันไป หาที่อยู่ใหม่ไม่มีที่สิ้นสุด
    - ตอบ ถูกต้องครับเมื่อ สติ เร็วกว่าจิต เมื่อไร ทุกอย่างจะอยู่ภายใต้ “รู้ดี รู้ชั่ว รู้ถูก รู้ผิด”
    - ส่วนเรื่องที่ต้องอยู่กับคนรอบข้างจิตที่สัมผัสโดยอัตโนมัติมันรู้มาได้สักระยะแล้วแรกๆก็แกว่งเยอะมาก หลังๆก็มีสติมากขึ้นเพราะการรู้แล้ววางไม่ได้ก็คงน่าเป็นห่วงอย่างที่ท่านลุงมหาบอก แต่เราเจริญสติมากขึ้นก็เข้าใจในธรรมชาติของจิตท่านอื่นก็เลยไม่เข้าไปปะปนกับความคิดของเค้า
    - ตอบ ถูกต้องครับ ต้องวาง อุเบกขา ครับ
    - เราพิจารณาว่าสติที่มีของแต่ละท่านไม่เท่ากัน สืบเนื่องจากการมีที่มา ที่ไปไม่เหมือนกัน
    - ตอบ ถูกต้องครับ จริตเปลี่ยนได้เฉพาะ พระพุทธองค์เท่านั้นครับ
    - ไม่รู้ว่าท่านลุงมหาจะเชื่อหรือไม่ว่าเราไม่เคยตกภวังค์เลยนั่งสมาธิไม่เคยหลับเลย อาจเป็นเพราะมีวาสนาเก่ามั้ง
    - ตอบ อาจเป็นเพราะคุณยังนั่งภาวะนาครังละไม่นาน เลยไม่มีความจำเป็นต้องพักผ่อน ลองนั่งวันล่ะหลายๆชั่วโมงก็จะรู้เอง
    ว่ามันต้องมีการพักบ้าง
    อีกอย่างที่คุณสวดพระคาถาชินบัญชรก็ช่วยได้มากจริงๆ เพราะการอัญเชิญพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้ทรงตรัสรู้แล้วทั้ง 28 พระองค์ตลอดจนพระเถระผู้ทรงคุณวิเศษ มาล้อมรอบและอยู่ในกายจึงช่วยได้มาก คุณลองคิดดู ผ่านมาตั้ง สองพันสี่ร้อยกว่าปี จึงได้มีผู้มีบุญบารมีมาถ่ายทอดพระคาถานี้ได้ ไม่รู้ว่าคุณหารูปท่านท้าวมหาพรหม ชินะปัญจระ ใส่กรอบไว้บูชาแล้วหรือยัง ถวายน้ำทุกวันพระ พร้อม ดอกไม้ขาวบูชา หรือพวงมาลัยดอกมะลิก็ได้ รวมทั้งของสมเด็จโต พรหมรังสีด้วย
    ถ้ามีโอกาสไปเขาคิชกูฏ กรุงราชคฤย์ อินเดีย ก็อย่าลืมฝากตัวเป็นลูกศิษย์ พระอัครสาวก ทั้งพระสารีบุตร และพระมหาโมกคัลลานะ ด้วยนะครับ แล้วคุณจะก้าวใหญ่ไปได้อีกขั้น แต่ต้องมีครูบาอาจารย์พาไปนะครับ ถ้าไปเองบารมีไม่ถึงเชิญแล้วท่านไม่มาจะเสียเที่ยวเปล่า

    - เราไม่เคยปิดกั้นความฟุ้งของจิตเราเข้าใจว่ามันคือธรรมชาติของจิต ให้เราได้พิจราณา ของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ใช่หรือเปล่า
    - ตอบ ถูกแล้วครับ เมื่อสติเร็วกว่าจิต สังขารที่เกิดจะเป็นมรรค ครับ สังขารที่เป็นกิเลสไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ยกเว้นครูบาอาจารย์ผู้ใหญ่ ท่านจึงสามารถกำหนดจิตเพื่อพิจรนา สังขารที่เป็นกิเลส เพื่อเหตุผล ของความรู้แจ้ง ผู้ปฏิบัติใหม่ไม่ควรทำ เพราะอาจจะหลงได้ง่าย
    ปล่อยให้สติ ทำหน้าที่กางกั้นให้ตามธรรมชาติของมันก็ดีแล้วครับ

    - ส่วนเรื่องสติทันจิตหรือเปล่าต้องเรียนถามท่านลุงมหา ว่าใช่อาการแบบนี้ไหม
    - ตอบ คุณผ่านหมดแล้วครับ ทั้งสติ ทันจิต ที่เป็นสมาธิ และ สติที่เร็วกว่าจิต ที่เป็น ปัญญา ถึงตอนนี้คุณคงทราบแล้วว่า แค่เรามาได้ขนาดนี้ สติยังเร็วขนาดนี้ แล้วสติของครูบาอาจารย์ ที่ท่านเป็นพระอรหันต์ล่ะจะขนาดใหน แล้วคุณก็จะรู้ว่า ทำไมครูบาอาจารย์ผู้ใหญ่แท้ๆ ท่านถึงได้เคารพนอบน้อมต่ออาจารย์ปู่ทวด หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หรือ อาจารย์ปู่ หลวงปู่มหาบัว ญาณสัมปัณโณ มากอย่างสุดประมาณขนาดนั้น
    ขั้นต่อไปของคุณคือ มีความเพียรเพื่อให้เกิดความชำนาญยิ่งๆขึ้นไป

    - อกุศลจิตเกิดปุ๊บมันยังไม่ได้เริ่มเราตัดปั๊บ อย่างนี้ใช่หรือเปล่าเป็นอย่างนี้มาได้พักใหญ่แล้ว
    - ตอบใช่ครับ เมื่อสติเร็วกว่าจิต สังขารที่เป็นกิเลสก็เกิดไม่ได้ ยังไม่ทันเริ่มมันก็ถูกตัดไปแล้ว เพราะสติเร็วกว่าจิตนั่นล่ะครับ
    - มันเหมือนพอร่างกายเจ็บที่ใดที่หนึ่งสติจะจับตรงนั้นทันที ถูกไหมค่ะ
    - ตอบถูกครับ สติบางครั้งจะเป็นเหมือนเรด้าร์ เกิดอะไรมันจะจับมาพิจรนา บางครั้ง ได้ยินเสียงอะไรเท่าแมลงหวี่บิน มันพุ่งออกนอกตัวเราเข้าหาก็มี แต่ครูบาอาจารย์ท่านห้ามเพราะเราควบคุมไม่ได้อาจจะไปทำอันตรายเขาก็ได้ ต้องดึงกลับให้ได้ภายในครึ่งอึดใจ
    เพราะเคยมีกรณีของนายบ้านชาวกะเหรี่ยงชื่อ “พุดเจ้ายี่”ที่เป็นลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ปู่ทวด หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านส่งจิตพุ่งไปหาหมูป่า พวกหมูป่าก็แตกตื่นตกใจ ร้อง จี๊ก แล้วพากันวิ่งหนีจนสุดชีวิต ท่านอาจารย์ปู่ทวดเลยห้ามว่าทีหลังอย่าไปทำอย่างนั้นอีก เพราะมันอาจจะไปทำร้ายเขาได้จะเป็นบาปเป็นกรรม
    เวลาจิตพุ่งเข้าหาอะไรนอกกาย มันจะเป็นคล้ายๆการพุ่งของลูกธนู บางครั้งพุ่งไปเหมือนขีปนาวุธ ก็มี ต้องดึงให้กลับภายในครึ่งอึดใจให้ได้ อย่าได้ไปหลงเพลินกับมันเด็จขาด

    - สุดท้ายเรื่องนิมิตถ้ามีเราไม่สนใจเลยไม่ยุ่งด้วยเห็นก็รู้ว่าเห็นไม่ตาม จบที่เห็นก็พอ จิตมันไม่ให้ความสนใจมันเดินหน้าของมันเอง
    - ตอบ ครูบาอาจารย์สายนี้ต่างสอนตรงกันทุกๆท่าน นิมิต คือ ดอกไม้พญามารครับ แต่ถ้าปฏิบัติเก่งแล้วและมีครูบาอาจารย์ท่านเต็มใจสอนหรือว่าท่านเห็นว่าสมควรแก่เวลา ค่อยว่ากันอีกที
    ถ้าท่านลุงมหาแวะเข้ามาอ่าน โปรดชี้แนะด้วยถือว่าให้เป็นธรรมทานน่ะค่ะ ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ
    ผมก็อดตอบไม่ได้จริงๆนั่นล่ะครับ เพราะได้ไปเรียนครูบาอาจารย์บางท่านว่า มีชาวพุทธกลุ่มใหญ่ ที่เป็นคนรุ่นใหม่รวมตัวกันอยู่ที่นี่เป็นจำนวนมาก ผมก็เลยขออนุญาตท่านอาจารย์ ขอเข้ามาติดต่อแนะนำพวกเขาหน่อย ท่านก็ว่าดีๆ ทำอะไรได้ให้ทำเลย
    แต่ครูบาอาจารย์บางท่านก็ว่า แล้วจะไปบอกไปแนะนำเขาได้อย่างไร ก็อย่างว่าล่ะครับ ความรู้ฆราวาสอย่างเรามันห่างท่านไกลลิบๆชนิดที่ว่าข้ามเขาลูกใหญ่ๆหลายๆลูกสุดลูกหูลูกตา บางท่านเลยอดเป็นห่วงไม่ได้ พวกท่านเองแต่ล่ะท่านก็มีความรับผิดชอบภาระมากมาย แล้วใครจะมาช่วยพวกเรากันล่ะครับ แม้แต่ในเว็บนี้ก็มีคนว่าผม รู้แค่นี้จะไปเที่ยวสอนเขาได้อย่างไร ก็อย่าคิดว่าผมมาสอนเลยนะครับ ผมไม่บังอาจขนาดนั้น ถือเสียว่าผมเป็นแค่ผู้นำธรรม ของดี จากครูบาอาจารย์ท่านต่างๆ มาช่วยชี้แนะชี้แจงก็แล้วกัน
    ผมเองก็อดก็ทนแทบตาย อยากแนะนำหลายๆท่านในเว็บนี้ แต่เห็นว่าพวกท่านเข้าใจว่าพวกท่านเก่งแล้วบ้าง และบางกลุ่มบางท่านก็ปฏิบัติคนล่ะแนวทางบ้าง แค่จุดเริ่มต้น ก็ไปคนละโลก ก็เลยเจียมตัว และไม่บังอาจ ถือเสียว่าทางใครทางมัน ครั้นจะเปิดห้องตามคำแนะนำของทางเว็บก็เกรงว่า ผมจะไม่เป็นอิสระที่จะไปจะมา ก็อย่างที่บอกนั่นล่ะครับ ช่วงนี้ผมป่วยไปไหนมาไหนไม่สะดวกก็เลยว่างหน่อย เท่านั้นเอง
    ขออนุโมทนาบุญในกุศลผลบุญที่ท่านได้ตั้งใจทำ ตั้งใจสร้าง
    ขออนุโมทนา
    ขอบคุณครับ
    ลุงมหา

    __________________
    dangcarry & cartoon
     
  4. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
    ข้าพเจ้าขอน้อมกราบคุณพระศรีรัตนไตร ด้วยกุศลของข้าพเจ้าที่ได้สั่งสมมาดีแล้ว ข้าพเจ้าขอน้อมบุญนี้ให้กับท่านลุงมหาที่ได้แนะนำ ธรรมทางเดินที่ถูกต้องให้กับข้าพเจ้า พร้อมทั้งขอให้ท่านลุงมหามีเความเจริญทั้งทางโลก และทางธรรม ยิ่งๆขึ้นไำปเ้ทอญ ขอให้ท่านลุงมหามีสุขภาพแข็งแรง หายจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายทั้งปวง ให้มีธาตุขันธ์ อันเป็นปกติเพื่อชี้ทางการปฏิบัติให้กับผู้ที่เป็นสัมมาฐิทิ ค่ะ สาธุ
     
  5. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    จะไปให้ถึง จิตตานุปัสสนาสติปัฐฐาน ธรรมมานุปัสสนาสติปัฐฐาน ได้อย่างไร

    ขออนุญาตครับ
    ความจริงที่ผมตอบไปยังมีช่องโหว่อยู่นะครับ แต่ถ้าคุณไม่สงสัยก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะหาว่าผมยัดเยียดมากไป
    แต่คราวนี้ผมมีเรื่องต่อจะขอความกรุณาจากทางคุณ dangcarry & cartoon ว่าจะขอวิทยาทานเป็นกรณีศึกษาว่า
    แม้พวกฆราวาสนักปฏิบัติอย่างเราๆท่านๆ ก็สามารถข้ามแบบก้าวกระโดด ไปสู่ การที่ เรียกว่า
    จิต เห็น จิต (ความจริงสติเห็นจิต)
    หรือ สติ เร็วกว่า จิต
    หรือ สติ เป็น ผู้คุม จิต เป็น นักโทษ
    หรือ สติ เป็น หัวลาก จิต เป็น รถพ่วง
    หรือ สติ วินะโย
    หรือ จิตตานุปัสนาสติปัฐฐาก ธรรมมานุปัสนาสติปัฐฐาก ได้อย่างไร
    ผมอยากให้คุณ ระงับใจ และ อย่าลิงโลด หรือ อย่าถ่อมตน ที่ผมจะบอกว่า แม้แต่พระสายธรรมยุติระดับ 10 ถึงเกือบๆ จะ 20 หรือ แม้แต่ 30 พรรษา จำนวนหนึ่ง ก็ยังมาไม่ถึงตรงนี้

    แต่ว่าเรายังเทียบกับพวกท่านไม่ได้ เรื่องบุญบารมี เรื่องศรัทธา เรื่องศีล เรื่องพระวินัย เรื่องข้อวัตรปฏิบัติ, ฯลฯ
    สติปัฐฐานสี่ ที่บอกว่า กายานุปัสสนา, เวทนานุปัสสนา, จิตตานุปัสสนา , ธรรมมานุปัสสนา
    เมื่อคุณ dangcarry & cartoon เริ่มจาก การภาวนา พุทธ หายใจเข้า โธ หายใจ ออก นั้นมันก็คือ
    กายานุปัสนา นั่นล่ะครับ แต่ที่มันทะลุผ่าน เวทนานุปัสสนา ไปหา จิตตานุปัสนา และ ธรรมมานุปัสสนา นั้น

    มันมีความเป็นมาอย่างไร ประเด็นคือ คุณวางกฎเหล็กของคุณไว้อย่างไร มีอะไรบ้าง ที่เป็นหลักที่เป็นแนวทางให้เดิน
    ลองค่อยๆคิด ค่อยๆ ใคร่ควรดูนะครับ ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องร้อน ช้าแค่ไหนก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมผ่านแบบนี้มาแล้ว ผมแค่อยากได้ คุณที่เป็นพยานที่ผ่านมาแบบเดียวกัน แป๊ะๆ เพราะนักปฏิบัติท่านอื่นๆส่วนมากพากันไปติดอยู่ที่เวทนาเป็นเวลานาน เป็นส่วนมาก แล้วผมจะเสริมให้อีกที อย่าลืมนะครับ เพื่อประโยชน์ของนักปฏิบัติ หมู่ใหญ่ ไม่ว่าในปัจจุบัน
    หรือในอนาคต ขอเอากำลังใจช่วยนะครับ
    ถ้าไม่เข้าใจก็ถามมาก่อนก็ได้นะครับ
    ขออนุโมทนาครับ
    ขอบคุณครับ
    ลุงมหา
     
  6. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
    ขอบคุณท่านลุงมหา เป็นอย่างมากที่ได้ให้ขยายความต่อ จริงๆแล้วเราไม่อาจทราบได้เลยว่าการปฏิบัติแบบนี้เป็นการก้าวข้ามกระโดดไปหรือเปล่าแต่กว่าจะมีสติได้มากเท่านี้ที่ผ่านมาเอาเรื่องอยู่ แต่ก่อนตอนที่กำลังของจิตยังน้อยกว่านี้เจอเจ้าเวทนามากมาย หาทางออกไม่เจอ ก็ชนกับมันเลยชนกันอยู่เป็นปี ปวดเหมือนขาแทบจะฉีกขาดจากกัน ก็ทนกันไป มีบางท่านก็แนะนำว่าให้ชนเลยเดี๋ยวพอจิตมีกำลังมันจะหายไปเอง มานั่งนึกตอนนี้ยังอดขำไม่ได้ ทำไมจิตมนุษย์ที่ยังมองไม่เห็นธรรม มันถึงได้โง่ขนาดนี้ แต่ไม่ใช่ว่าตอนนี้ฉลาดน่ะ ยังโง่อยู่เพราะยังไม่ถึงฝั่ง ก็ต้องเดินทางกันไป แต่พอมาวันหนึ่งขณะที่สติมันเริ่มมีมากขึ้นจิตก็ระลึกรู้ทันทีเลยว่า จริงๆแล้วสติปัฐฐานสี่ กาย เวทนา จิต ธรรมเกิดขึ้นพร้อมกัน เพียงแต่ว่าสติจับได้ที่ตรงไหนก่อน ถูกไหมค่ะท่านลุงมหา จึงเริ่มใหม่โดยการนั่งสมาธิตามปกติ นั่งมองลมหายใจตามปกติเหมือนเราไม่ต้องเข้าสมาธิหลับตาหรือนั่งเพ่งกายตัวเอง เอาจิตระลึกลมหายใจอย่างเดียว ตั้งใจเลยอะไรเกิดขึ้นตามรู้เท่านั้น พอจิตเริ่มเป็นสมาธิ กายจะเบา ลมที่หายใจเบาหายเป็นช่วงๆ นานๆเกิดลมสักครั้ง ตอนนี้จะไม่มีเวทนาเลยสบายจริงๆเหมือนกายก็ไม่หนัก จิตก็ไม่แกว่งแต่มันมีสติเกิดขึ้นเหมือนเราสามคน คือคนที่หนึ่งกาย คนที่สองคือจิต คนที่สามคือสติ มันจะมีความระลึกรู้ตลอดดูตรงไหนก็รู้ พอมีสติคุมตลอดปวดก็รู้ว่าปวด แล้วอาการของเวทนามันหยุดไปแต่ไม่ใช่ว่าไม่มี มีอยู่แต่มันไม่หนักเหมือนแต่ก่อนก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เพราะว่าเรามีสติระลึกรู้ในธรรมชาติของ กายยกตัวอย่างว่าเหมือนเราปวดหัวเล็กน้อยไม่ต้องกินยาก็ไม่เป็นไร อาการประมาณนี้แหละค่ะท่านลุงมหา แต่พอนั่งได้สักประมาณหนึ่งเหมือนสมาธิมันกลับมาที่ลมอีก มันจะเหมือนเริ่มกายหนักแล้วทีนี่ แต่ไม่หนักเหมือนชาติก่อนไง ลุงมหาไม่ต้อง งง น่ะที่ว่าชาติก่อนๆคือตอนที่อะไรก็ไม่เกิดนั่งอยู่นั่นแหละ แต่ถ้าวันนั้นถ้าไม่ตั้งใจนั่งอยู่นั่นแหละ วันนี้คงทำได้แค่ทาน กับรักษาศีล สวดมนต์ไห้วพระ เรื่องการปฏิบัติของเรามันเจอเรื่องแปลกๆก็เยอะบางทีมันอธิบายไม่ถูก ค่ะ ท่านลุงมหา! แต่คงมีแต่ใจที่ไม่เคยย่อท้อเลยมันกลับมีความเด็ดเดี่ยวว่าวันนี้เรายังไม่ได้สร้างกุศลเลย สงสารพวกสรรพสัตว์ที่เค้าไม่มีโอกาส รอส่วนบุญจากเรา ไม่รู้ว่าที่เราทำได้จะถึงพวกเค้าหรือเปล่าน่ะ อันนี้อยากเรียนถามท่านลุงมหาด้วยค่ะ แต่เรามีเจตนาจะให้บุญกับพวกเค้าเพื่อให้เค้าได้พ้นจากทุกข์อันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งในกฏเหล็กด้วยแต่ที่สำคัญที่สุดคือความตั้งใจ ชาตินี้ทาน ศีล ภาวนา จะรักษาจนสิ้นอายุไขเลยค่ะท่านลุงมหา ขอบคุณมากน่ะค่ะท่านลุงมหารู้สึกเหมือนได้สอบอารมณ์จากผู้ที่มีธรรมสูงได้มีโอกาสได้รู้ธรรมในส่วนที่ได้เข้าถึง ขอบุญจากการรักษาศีล ทานทั้งหลายที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาโดยเพื่อหวังให้สรรพสัตว์ได้พ้นจากทุกข์ทั้งทางโลกและทางธรรม และบุญสูงสุดจากการภาวนามากน้อยตามกำลังสติปัญญาในชาตินี้ของข้าพเจ้า ขอให้ท่านลุงมหาจงมีส่วนในบุญนี้ของข้าพเจ้าจงทุกประการเทอญ อาจสลับในเรื่องทาน ศีล ภาวนา แต่นึกได้ถึงศีลก่อนก็เลยเขียนก่อนค่ะ ส่วนเรื่องการรักษาศีลก็มีเรื่องเล่าอีก แต่เอาไว้จะค่อยเล่าให้ฟังน่ะค่ะ เรื่องเรารักษาศีล หรือศีลรักษาเรา อันนี้ได้มาก่อนเลยค่ะ ที่ซาบซึ้งในพระคุณขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เรื่องศีลนี่แหละค่ะ แต่วันนี้ต้องไปสวดมนต์ไหว้พระก่อนไว้ค่อยเล่าให้ท่านลุงมหาฟังน่ะค่ะ
     
  7. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
    ขอตอบท่านลุงมหาอีกสักหน่อยว่าที่ตอบด้านบนท่านลุงมหาต้องค้นหาคำตอบหน่อยน่ะค่ะเพราะไม่ได้เรียบเรียงเลยตอบ ไปเรื่อยๆเหมือนยังไม่ได้เรียงเป็นข้อๆ เอาไว้วันไหนที่ว่างจะค่อยๆตอบอีก ช่วงนี้งานยุ่งมาก แต่ดีใจมากที่ท่านลุงมหา เมตตาสอบถาม ถ้าคำตอบด้านบนไม่ชัดเจนลุงมหาถามเป็นข้อๆอีกทีก็ได้น่ะค่ะ ขอบคุณค่ะ
     
  8. พลน้อย

    พลน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +473
    ท่านอธิบายการปฏิบัติเบื้องต้นได้ตรงได้ถูกต้องทั้งหมด เห็นข้อความลุงมหา แล้วขำ ที่ขำเพราะท่านพูดจริง ท่านใช้คำพูดว่าจำนวนหนึ่ง น่าจะมากกว่าจำนวนหนึ่งหรือเปล่า่ ท่านลุงมหา และรวมถึงในเว็บนี้ 99.9 % เทียบท่านไม่ได้ หลายท่านเก่งกันแต่ตำรา พอเจอคำถามปฏิบัติ ใบกินเลย บ้างก็ต่อไปคนละทิศ

    ใครมั่นใจว่าปฏิบัติเข้าถึงจริงช่วยตอบหน่อย เพราะผู้ปฏิบัติเข้าถึงจริงย่อมต้องรู้แนวทางการปฏิบัติอย่างดี

    ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าจะมีท่านใดอธิบายต่อหรือไม่ก็ตาม ผมจะขออธิบาย วิธีการปฏิบัติตั้งแต่สภาวะจิตที่ท่านติดอยู่ จนถึงสภาวะจิตที่เข้าถึงความเป็นพุทธะ ว่าเป็นอย่างไร

    ขอบคุณครับ​
     
  9. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
    ฮื่ม คุณทดสอบ1 ท่าจะมาแรงเชียว แต่ไม่รู้ว่าจะมีใครเข้ามาถามหรือให้ความสนใจหรือเปล่ากลัวว่าเดี๋ยว จะผิดหวัง ก่อนอื่นมาช่วยท่านลุงมหาตอบกระทู้เรากันก่อนแล้วกันน่ะ เพราะเท่าที่ภูมิธรรมท่านลุงมหาเราว่าท่านก็ไกลมากพอสมควรเลย เราจะขอคลานตามไปแล้วกัน ส่วนคุณทดสอบ1 ยังไม่เห็นแสดงความคิดเห็นอะไรมาก ต้องติดตามชมตอนต่อไปเนอะท่านลุงมหา (ยิ้มดีกว่า)
     
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    เอาพูดง่ายๆ เลย คือ ก็สตินะสิ จะเป็นอะไร

    สติที่มันตื่นจากใจที่กำลังจะไหลเข้าสู่ภวังค์ แบบที่ สับสนพูดเอาไว้นี่แหละ

    ส่วนที่คุณทดสอบ มาทดสอบนี่ ผมว่า เรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องทดสอบ
    ไม่ใช่โจทย์สำหรับ คนในนี้หรอกครับ
     
  11. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
    สิ่งที่สอนกันไม่ได้คือสามัญสำนึก ชอบวลีนี้มาก จริงไหมค่ะคุณเอกวีร์ คุณขันธ์ คุณสับสน
     
  12. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    ต้องขออภัยต่อทุกๆท่านครับ ท่านกำลังช่วยเขา หรือว่าตัวท่านเอง ขวางโลก ขวางธรรม

    ขออนุญาติครับ
    ผมอยากเรียนว่า ที่พวกท่านช่วยกันตอบ กระทู้นั้นนะ ท่านกำลังช่วยเขา หรือว่า ตัวท่านเองขวางโลก ขวางธรรม
    เพราะเท่าที่ผมมองดูแล้ว บางท่านลึมพิจรนาว่า
    เขาปฏิบัติแนวไหน
    เขาศรัทธาครูบาอาจารย์สายไหน
    เขาปฏิบัติอย่างไร
    ธรรมที่เขารู้เขาเห็นนั้น มันเป็นแบบเดียวกับที่เราปฏิบัติหรือไม่
    เขาถามของเขา แล้วเราตอบของเรา แล้วจะมีประโยชน์อันใด
    เขาอยากรู้ อยากได้คำแนะนำที่ดีๆ เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติ เพื่อความก้าวหน้า กลับไปแสดงภูมิรู้ ภูมิธรรม ของตัวออกมา ก็เลยเห็นจะๆว่า ภูมิธรรมของผู้ตอบ สู้ ภูมิธรรมของผู้ถามยังไม่ได้ หรือว่าปฏิบัติคนละแนว เลยไม่เข้าใจกัน
    ผมขอเรียกร้องเถอะครับ หยุดคิด หยุดพิจรนา ตัวเองบ้าง
    ทุกๆท่านต่างก็อ้างว่ามี ครู มี อาจารย์ ลองนำคำตอบของท่าน ไปให้ ครู อาจารย์ของพวกท่านพิจรนาดูบ้าง ให้ท่านแนะนำว่า
    จริงหรือไม่ที่พวกท่านทุ่มเท เสียเวลา มาตอบกระทู้นั้นนะ มันเป็นทางบุญ ทางกุศล ชี้ทางให้ผู้อื่น เข้าสู่ธรรมได้ง่ายขึ้น
    หรือว่าตัวพวกท่านเอง เป็นผู้ขวางโลกขวางธรรม
    เขาปรึกษา แนะนำธรรมกันอยู่ดีๆ กลับเข้าไปขวาง เข้าไปก่อกวน เข้าใจครับว่าสำหรับผู้ไม่รู้เรื่องอาจจะมองว่าเป็นสิ่งที่ดี แล้วผู้ที่รู้เรื่องละครับ จะให้เขาเข้าใจว่าอย่างไร
    ในเว็บนี้ที่ว่าเป็นเว็บอันดับหนึ่ง แล้วท่านที่มีภูมิรู้ ภูมิธรรม ที่จะมาช่วยตอบปัญหา อยู่ที่ใหนกันละครับ
    ถ้าเรายังเป็นกันอยู่อย่างนี้ แล้วคนดีๆ พระดีๆที่ใหนท่านจะกล้าเข้ามาช่วย
    ท่านอาจารย์ปู่หลวงปู่มหาบัว ญาณสัมปัณโณ นั้นท่านถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก
    แม้เวลาท่านแสดงธรรม รปภ. เป่านกหวีดจัดการจราจร ท่านก็หยุดถามว่าเสียงอะไร มารบกวนการแสดงธรรมของท่าน คนเขามาฟังธรรมกัน หรือจะมาฟังเสียงเป่านกหวีด
    หรือการถ่ายภาพที่มีแสงแฟร็ช เข้ามารบกวนท่าน ท่านถึงกับหยุดชี้หน้าก็บ่อยๆ
    เรามีกันอยู่ก็เท่านี้ละครับ ส่วนมากก็ไม่มีเวลามากมายอะไรนัก ทั้งไม่มีเวลาในการตระเวณไปขอความรู้ ไปขอคำแนะนำจาก พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ตามต่างจังหวัด
    สำหรับท่านที่พอเอาตัวรอดได้ ก็คงไม่เข้ามาในนี้ละครับ ในเมื่อ ท่านอาจารย์ปู่ หลวงปู่มหาบัว ญาณสัมปัณโณ ท่านก็มีสถานีวิทยุเสียงธรรมเกินร้อยสถานี ทั่วประเทศ ออกอากาศ 24 ชั่วโมงอีกต่างหาก
    ขอได้โปรดช่วยกันคิดช่วยกันพิจรนาด้วยนะครับ เพราะกรรมดี หรือไม่ดี มันก็เกิดจากการกระทำของเราๆท่านๆนี่ละครับ
    อย่าให้ถึงกับมีคนมาขอติดต่อเป็นการส่วนตัวกับผมอีกเลย ผมเสียดายโอกาสที่น่าจะดีๆ สำหรับคนหมู่มาก
    เกิดผมงานเข้าแล้วไม่มีเวลาขึ้นมาผมก็ไม่สามารถรับประกันได้ ว่าจะช่วยได้อีกนานเท่าไร
    ขออนุโมทนาในกุศลผลบุญร่วมกับทุกๆท่าน
    ขอบคุณครับ
    ลุงมหา
     
  13. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    สติ สมาธิ ปัญญา ล้วนเป็นอัญญะมัญญะปัจจัยซึ่งกันและกัน
    สติกล้า สมาธิแกร่ง ปัญญาเฉียบแหลม

    สติ สมาธิ ปัญญา ล้วนเกิดขึ้นที่จิตทั้งสิ้น
    สงสัยอยากรู้อะไร ให้ค้นดูเอาที่จิต

    ;aa24
     
  14. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    โอ ลุงมหานี่ น่าสนใจจริงๆ สงสัยเป็นธรรมกถึก มาก่อนใช่ไหมครับ
     
  15. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
    ธรรมถึกคืออะไร ค่ะ.... เป็นการตำหนิท่านลุงมหาหรือเปล่า! อย่าไปตำหนิท่านเลยน่ะคุณสับสน..การเพ่งโทษผู้อื่นก่อนดูจิตตัวเรา.. คงไม่ดีมั้ง!การแสดงความคิดเห็น ไม่ว่าจะสอดคล้องหรือเปล่า... หรือแตกต่าง..ทุกอย่างถ้าเป็นธรรมก็ควรรับไว้พิจารณา เพื่อความเจริญยิ่งๆขึ้นไปในธรรม แต่ถ้าเป็นคำสรรเสริญในธรรมก็ขออนุโมทนาด้วย... แต่ถ้าไม่ใช่ตัวใครตัวมัน... เราเป็นโรคกลัวบาปไม่อาจก้าวล่วงคนที่มีศีล มีธรรม เพราะตั้งใจแล้วว่าชีวิตที่เหลือในชาตินี้จะขอบำเพ็ญเพียรสร้างกุศลผลบุญ ไม่ขอเบียดเบียนผู้ใด ด้วยกาย วาจา ใจ ถึงจะต้องใช้ความพยายามอย่างมาก... ในการวางอุเบกขาก็ตาม เรามาช่วยกันแตกประเด็นในธรรมกันดีกว่าเพื่อประโยชน์... ของกัลยาธรรมกัน ให้สมกับที่เจ้าของเว็ปท่านตั้งใจเพื่อให้พวกเราได้มีโอกาสเรียนรู้ หรือได้รับข้อมูลดีๆ ถือเป็นการเสียสละอย่างมากในส่วนหนึ่ง อย่าทำให้เค้าเสียความตั้งใจเลยน่ะ คนเก่งอีกท่านหนึ่ง:cool:
     
  16. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    อา่การของจิต จะแสดงอาการร้อยแปด ให้เจ้าของได้เกิด อาการสงสัยบ้าง
    เกิดอาการประหลาดบ้าง เกิดอาการต่างๆ นาๆ

    ล้วนแล้วแต่เป็นไปด้วยอำนาจอวิชชา

    แต่ แล้วอะไรคือ ธรรม หละ

    ตอบว่า ธรรม คือ การดับไป ด้วยการกำหนดรู้ อาการ เห็นสภาพอาการ และ ดับอาการนั้นให้ได้

    ความดับไปของอาการทั้งปวง ให้มีสติอยู่ กับ สิ่งใดสิ่งหนึ่ง เป็นเอกคตาจิต นั่นแหละ คือ ธรรม

    ดังนั้น จะเหาะเหินเดินอากาศ เห็นนรกสวรรค์ เปรตผี ก็เป็น เพียงอาการของจิต

    แต่ ไม่ได้หมายความว่า ของเหล่านั้นไม่มีจริง หรือ ไม่มีประโยชน์ แต่ เราต้องมีสติรู้อาการของจิต ว่า หมายมั่น ยึดถือไม่ได้
     
  17. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    - อกุศลจิตเกิดปุ๊บมันยังไม่ได้เริ่มเราตัดปั๊บ อย่างนี้ใช่หรือเปล่าเป็นอย่างนี้มาได้พักใหญ่แล้ว


    - ตอบใช่ครับ เมื่อสติเร็วกว่าจิต สังขารที่เป็นกิเลสก็เกิดไม่ได้ ยังไม่ทันเริ่มมันก็ถูกตัดไปแล้ว เพราะสติเร็วกว่าจิตนั่นล่ะครับ
    ----------------------------------------------------
    ขอแสดงความเห็นเล็กๆน้อยๆ...

    อกุศลจิตเกิดปุ๊บ มันยังไม่ได้ทันได้เริ่มไหลออกมาทางกาย วาจา แต่เกิดอกุศลทางใจแล้ว ที่สติไวจนทันอกุศลจิตที่เกิดเป็นผลมาจากการทำสมาธิจนจิตสงบมีกำลัง เมื่อออกจากสมาธิจึงรู้สึกว่ามีสติว่องไวขึ้นจนเห็นอกุศลที่เกิดและหยุดไม่ให้อกุศลไหลออกมาทางกาย วาจาได้ เป็นการหยุดอกุศลโดยอาศัยสติที่ได้จากการทำสมาธิครับ
    ความเห็นของผมเห็นว่าเป็นธรรมดาของการทำสมาธิจนจิตเกิดความสงบในระดับหนึ่ง ทีนี้เราไม่เคยพบเจออาการที่จิตมีสติที่ไวแบบนี้พอเราได้มาเจอแบบนี้ รู้สึกยินดีพอใจ แล้วเราก็อาจจะคาดหมายไปถึงสติของพระอรหันต์ว่าท่านใช้สติตัดอกุศลเหมือนกันและสติของท่านไวมากๆ แต่ผมว่าไม่ใช่หรอกครับ ทำไมผมจึงว่าไม่ใช่เอาไว้ก่อนก็แล้วกัน:cool:


    แต่ก็ดีนะครับ ไม่ได้ว่าไม่ดี คือดี แต่ไม่ควรไปติดใจนานนัก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2010
  18. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    มันไม่มีหรอกครับ สติเร็วกว่าจิต ลุงมหา ครับไปเอามาจากไหนครับ
     
  19. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    มันไม่มีหรอกครับ สติเร็วกว่าจิต..ลุงมหาครับ
     
  20. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    การปฏิบ้ติขอแต่ละคน เหมือนกันบ้าง ไม่เหมือนกันบ้าง เป็นไปตามเหตุ และปัจจัย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
    แต่ปัจจัยในปัจจุบัน สำคัญที่สุด คือความเพียรที่สม่ำเสมอ ด้วยสติสัมปชัญญะ ที่คอยดูตนเอง พิจารณาตนเอง ว่าสิ่งที่เกิด ที่เป็น เราทำดีหรือไม่ดี เป็นบุญหรือบาป เป็นกุศลหรืออกุศล หากพิจารณาอย่างนี้แล้ว ปฏิบัติไปเรื่อย ๆ จะมีสติคอยเตือนตนเองในกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมได้

    การปฏิบัติควรดูตนเอง พิจารณาตนเอง ส่วนบุคคลอื่น หรือสิ่งอื่นดูเพื่อพิจารณาธรรมะ เท่านั้น ไม่ไช่ ดูเพื่อตัดสิน
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...