ลป.สุภา๑๑๑ปี พระสมเด็จ๙อรหันต์ สายกรรมฐาน เหรียญรุ่น๒ลพ.ตั๋ง วัดโพธิ์เอน

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341
    lRfFxg.jpg

    1702575843937.jpg

    ปิดตาหลวงพ่อสร้อยวัดเลียบราษฎร์บำรุงปี 2534 หลวงปู่สรวงร่วมปลุกเสก
    บูชา 120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20231215_002911.jpg IMG_20231215_002934.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2023
  2. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,925
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ขอจองสมเด็จบัวทิพย์ พระพุทธวรญาณ รุ่นแรกครับ
     
  3. chomkamon

    chomkamon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2008
    โพสต์:
    403
    ค่าพลัง:
    +356
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341
    1702579234227.jpg
    ประวัติ พระครูวิมุติธรรมาภิรม (หลวงพ่อส่วน)

    หลวงพ่อส่วน ปริมุตฺโต (พระครูวิมุติธรรมาภิรม) เจ้าอาวาสวัดหนองคล้า และเป็นเจ้าคณะตำบลบึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
    นามเดิมชื่อ "บุญส่วน ทิมแสง" เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๔๙๖ ปัจจุบันอายุ ๖๒ ปี เข้า ๖๓ ปีนี้
    อุปสมบทเมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๒๗ ณ วัดอัมพวัน ต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยมีพระครูวิริยาภรณ์ (หลวงพ่อเริ่ม ปรโม) เจ้าอาวาสวัดจุกกะเฌอ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการบุญรอด พรหมญาโณ วัดหนองคล้า เป็นพระอนุสาวนาจารย์ โดยได้รับฉายาว่า "ปริมุตฺโต" แปลว่า ผู้พ้นรอบ (ความหลุดพ้นอย่างบริสุทธิ์)
    หลังจากอุปสมบทแล้ว หลวงพ่อส่วนได้จำพรรษาอยู่ที่วัดหนองคล้า เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยทางพระปริยัติธรรมไปตามลำดับ จนสามารถสอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก ในปี ๒๕๓๐
    ในระหว่างนั้นท่านได้ไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อเริ่ม ปรโม องค์พระอุปัชฌาย์ ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในขณะนั้น เนื่องจากระยะทางระหว่างวัดจุกกะเฌอ กับวัดหนองคล้า ตั้งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก สามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้อย่างสะดวก
    ปี ๒๕๓๓ หลวงพ่อส่วนได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอธิการเจ้าอาวาสวัดหนองคล้า ปี ๒๕๔๐ ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลบึง ปี ๒๕๕๕ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์
    ด้านการศึกษาวิทยาคม หลวงพ่อส่วนได้ฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงพ่อเริ่ม ปรโม อีกทั้งยังได้ไปศึกษาร่ำเรียนเพิ่มเติมกับ หลวงพ่อคง สุวณฺโณ วัดวังสรรพรส จ.จันทบุรี, หลวงปู่ม่น ธมฺมจิณฺโณ วัดเนินตามาก จ.ชลบุรี, และหลวงปู่คร่ำ ยโสธโร วัดวังหว้า จ.ระยอง

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระชัยวัฒน์ผงหลวงพ่อซ่วนวัดหนองคล้าให้บูชา 120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20231215_014341.jpg IMG_20231215_014407.jpg IMG_20231215_014429.jpg
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341
    fb_img_1699426935027-jpg.jpg
    ประวัติพระครูนิเวฐปัญญาภรณ์ (หลวงพ่อปัญญา ปัญญาทีโป)

    ศิษย์กรรมฐานหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ศิษย์เอกและบุตรบุญธรรม หลวงพ่อโอด วัดจันเสน

    หลวงพ่อปัญญา ท่านเกิดเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2494 ณ. บ้านเลขที่ 97 หมู่ 6 ต.พรหมนิมิต อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ บิดาชื่อ พ่อตา วิเชียร มารดาชื่อ แม่เผื่อน วิเชียร ในวัยเยาว์นั้น เด็กชายปัญญา มักจะขี้โรคเจ็บป่วยบ่อยๆบิดา มารดา จึงยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของ หลวงพ่อโอด วัดจันเสน เมื่อหลวงพ่อโอด รับเป็นบุตรบุญธรรมแล้ว ได้ทำพิธีบรรพชาบวชเป็นสามเณร ให้ในวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2509 สามเณรปัญญา ได้รับใช้ หลวงพ่อโอด วัดจันเสน อย่างใกล้ชิดตลอดมา จนกระทั่งอายุ 22 ปี จึงทำพิธีอุปสมบท ณ.อุโบสถ วัดจันเสน โดยมี พระครูนิสัยจริยคุณ (หลวงพ่อโอด) วัดจันเสน เป็นพระอุปปัชฌาย์ พระครูลำใย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดบุตร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ปัญญาทีโป” อุปปัชฌาย์ให้ความหมายว่า ผู้มีปัญญาดุจประทีป หลังจากบวชแล้วได้จำพรรษาอยู่ที่วัดจันเสนเช่นเดิม โดยได้ศึกษาพระปริยัติธรรม สอบได้นักธรรมชั้นตรี ชั้นโท และชั้นเอก แล้วเดินทางไปศึกษาบาลี จบประโยค 1 - 2 จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระเลขานุการเจ้าคณะอำเภอตาคลี ซึ่งสมัยนั้น หลวงพ่อโอด ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอ เป็นเจ้าอาวาส วัดกกกว้าว เป็นพระครูสัญญาบัตร เป็นเจ้าคณะตำบล เป็นพระอุปัชฌาย์ เป็นประธานหน่วยอบรมประชาชน ตามลำดับ

    ศึกษาพระกรรมฐาน และ พระเวทย์อาคม

    หลวงพ่อปัญญาท่านได้เริ่มศึกษาพระเวทย์อาคมต่างๆจากหลวงพ่อโอด วัดจันเสน ซึ่งเป็นหลานของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ และหลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล ได้ถ่ายทอด วิชาอาคมต่างๆ ตลอดจนวิชาการเพ่งแผ่พลังจิต ให้กับหลวงพ่อปัญญาทั้งหมด ตั้งแต่เป็นสามเณร จนถึงวันที่หลวงพ่อโอดละสังขาร

    ศึกษากรรมฐาน

    เมื่อครั้งเป็นสามเณร หลวงพ่อปัญญาได้เริ่มศึกษาพระกรรมฐานจากหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ซึ่งจะเห็นหลวงพ่อปัญญา ติดตามหลวงพ่อโอดอยู่เสมอ วันหนึ่งหลวงพ่อพรหม ได้เล่าเรื่องราวการธุดงค์ให้ หลวงพ่อปัญญาฟัง หลวงพ่อปัญญาเกิดความสนใจ จึงได้ศึกษาวิชาสมถะกัมมัฏฐาน วิปัสสนากัมมัฏฐาน วิชาอาคมต่างๆ กับหลวงพ่อพรหม จนหมดสิ้น พอสำเร็จวิชาแล้วหลวงพ่อพรหม จึงมอบชานหมากให้เป็นที่ระลึกว่า ครั้งหนึ่งเคยมาฝึกกับหลวงพ่อพรหม

    นอกจากนี้

    หลวงพ่อปัญญา ยังได้เรียนวิชาอาคมต่างๆกับ หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐม และ หลวงพ่อเจ๊ก วัดระนาม จ.สิงห์บุรี อีกด้วย

    ด้านวัตถุมงคล

    หลวงพ่อปัญญา ท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้หลายอย่าง ทั้งพระเครื่อง และ เครื่องรางของขลัง ซึ่งทุกอย่างที่ท่านสร้างและปลุกเสกล้วนแล้วแต่ มีประสบการณ์อย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งทางด้าน มหาอุด คงกระพัน กันภัยแคล้วคลาด เมตตา โชคลาภ ป้องกันเขี้ยวงาและเหล่าวิญญานร้ายต่างๆ

    รู้วาระจิตและวันละสังขาร

    ในวันที่ 11 ธันวาคม 2559. ได้มีคณะผ้าป่าจาก ก.ท.ม.มาทอดที่วัดเพื่อหาปัจจัยบูรณะอุโบสถวัดกกกว้าว หลังจากทอดผ้าป่าเสร็จ ท่านได้เรียกพระอาจารย์ต้น ซึ่งเป็นพระเลขาฯและศิษย์ใกล้ชิด เข้าไปหา และได้กล่าวกับเจ้าภาพผ้าป่าว่า ให้มอบปัจจัยถวายพระอาจารย์ต้นจำนวนหนึ่ง และ สั่งให้พระอาจารย์ต้นไปเอาวัตถุมงคลที่กุฏิท่านกลับไปอีกจำนวนหนึ่ง และกำชับว่านี่เป็นปัจจัยเอาไว้ใช้ในยามจำเป็น ถ้าหลวงพ่อไม่อยู่แล้ว จะได้ไม่เดือดร้อนจากนั้นท่านได้กล่าวขอบคุณกับคณะผ้าป่า เหมือนเป็นการอำลาครั้งสุดท้าย แต่ไม่มีใครเคลือบแคลงในคำพูดของท่าน จากนั้น ในเวลา 22.25 น.ของคืนวันที่ 11 ธันวาคม 2559. หลวงพ่อได้จาก เหล่าศิษยานุศิษย์ไปด้วยอาการอันสงบ ณ.กุฏิของท่าน สิริอายุ 65 ปี 43 พรรษา
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    รูปหล่อหลวงพ่อปัญญาวัดกกก้าวรุ่น 3 ปี 2538 ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    img_20231108_135759-jpg.jpg img_20231108_135829-jpg.jpg img_20231108_135734-jpg.jpg

    พระผงรูปเหมือน รุ่น๑ หลวงพ่อปัญญา
    ให้บูชา 120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20231215_015251.jpg IMG_20231215_015342.jpg IMG_20231215_015315.jpg IMG_20231215_015418.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2023
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341
    FB_IMG_1699247397576.jpg
    ประวัติหลวงพ่อสุวรรณ ถิรสทโธ วัดยาง อ.แสวงหา จ.อ่างทอง

    หลวงพ่อสุวรรณ ธีรสัทโธ แห่งวัดยาง ต.ห้วยไผ่ อ.แสวงหา จ.อ่างทอง พระเกจิอาจารย์เจ้าตำรับตะกรุดโทน ได้รับการยกย่องว่าเป็นเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้า เอกอุด้านวิทยาคมเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว

    ได้รับสมญานามจากคณะศิษยานุศิษย์ที่เลื่อมใสศรัทธาว่าเป็น "เทพเจ้าแห่งแดนวีรชนใจกล้า"

    อัตโนประวัติ เกิดในสกุล บัวสรวง เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2487 ที่บ้านทับยา ต.บ้านไร่ อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายอินและนางก้อย บัวสรวง ประกอบอาชีพกสิกรรมและค้าขาย

    ในช่วงวัยเยาว์ จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดบ้านไร่ ก่อนลาออกมาช่วยครอบครัวหาเลี้ยงชีพ ย่างเข้าวัยหนุ่ม ได้ประกอบอาชีพเป็นตัวแทนขายเคมีภัณฑ์ตามที่ญาติแนะนำ

    กระทั่งอายุ 42 ปี เกิดความเบื่อหน่ายทางโลกและต้องการบวชทดแทนคุณบุพการี จึงเข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดคำหยาด อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง โดยมีพระครูเกษมจริยคุณ เจ้าคณะอำเภอเมืองอ่างทอง เจ้าอาวาสวัดไทรย์ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูโฆสิษโชติคุณ เจ้าอาวาสวัดคำหยาด เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระปลัดบุญยัง เขมปัญโญ วัดขุนอินทประมูล เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    เมื่ออุปสมบท ได้อยู่จำพรรษาที่วัดคำหยาด สามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก และออกท่องธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ ในประเทศ ครั้งหนึ่งมีโอกาสไปพำนักที่วัดพรหมประกาสิต (ถ้ำสามพี่น้อง) ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ปฏิบัติกัมมัฏฐานบำเพ็ญเพียร เมื่อปฏิบัติธรรมสมหวัง จึงเดินทางมาจำพรรษาที่วัดคำหยาด ศึกษาร่ำเรียนสรรพวิทยาคมสายหลวงพ่อแป้น วัดบ้านไร่, หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี พระเกจิดัง ได้ถ่ายทอดวิชาให้อย่างครบถ้วน

    พ.ศ.2535 คณะสงฆ์จังหวัดอ่างทอง ได้มอบหมายให้ท่านบูรณปฏิสังขรณ์วัดยาง ต.ห้วยไผ่ อ.แสวงหา จ.อ่างทอง ตั้งอยู่ริมคลองห้วยไผ่ฝั่งตรงข้ามวัดโพธิ์เก้าต้น และอนุสรณ์สถานค่ายบางระจัน อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี

    วัดยางถูกทิ้งร้างมาตั้งแต่สมัยศึกบางระจัน เสนาสนะที่หลงเหลือมีเพียงวิหารฐานอ่อนโค้งอยู่ในสภาพปรักหักพัง ไม่มีหลังคา

    หลวงพ่อสุวรรณ ได้จัดสร้างตะกรุดเมตตามหานิยม แคล้วคลาดคงกระพัน เพื่อให้บูชารวบรวมจตุปัจจัย จนสามารถก่อสร้างอุโบสถ ศาลาการเปรียญ เมรุ กุฏิสงฆ์ หอสวดมนต์ อนุสรณ์สถานวีรชนไทยใจกล้า เป็นต้น

    หลวงพ่อสุวรรณ เป็นที่ยอมรับและศรัทธาของคณะศิษยานุศิษย์ เชื่อกันว่าท่านมีคาถาอาคมทรงพุทธคุณครอบจักรวาล โดยเฉพาะด้านเมตตามหานิยม และด้านมหาอำนาจปกป้องผองภัยสารพัด

    วัตถุมงคลของท่าน ล้วนแต่ได้รับความนิยมจากประชาชน เนื่องจากมีพุทธคุณครอบจักร วาล โดดเด่นหลายด้าน ที่ได้รับความนิยม คือตะกรุดที่ปรากฏปาฏิหาริย์แก่ผู้บูชา เอกลักษณ์เฉพาะสร้างตามตำราพิชัยสงคราม ยันต์จารมือธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ (นะ มะ พะ ทะ) และยันต์ถอด (ทะ พะ มะ นะ) จึงเท่ากับ 16 ตาราง คือ ยันต์พระเจ้า 16 พระองค์

    มียันต์อัครสาวกซ้ายขวา (ซ้าย อุมิ อะมิ) (ขวา นะมะ นะอา) และยันต์ถอด รวมทั้งยันต์แคล้วคลาด (สะ รา คา มิ) และยันต์ถอด จึงเป็นเจ้าตำรับตะกรุดโทนแห่งยุค

    นอกจากนี้ วัตถุมงคลที่ได้รับความนิยมยังมีเหรียญเสมา เหรียญมหาบารมี รูปหล่อเหมือน

    หลวงพ่อสุวรรณ ย้ำอยู่เสมอว่า วัตถุมงคลทั้งหลายล้วนเข้มแข็งด้วยอำนาจแห่งพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ

    การเข้ากราบไหว้ขอพรจากหลวงพ่อสุวรรณ ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกันหมด ไม่มีผู้ใดกีดกัน และท่านมักจะนำวิชาความรู้ด้านวิทยาคมเป็น กุศโลบายในการอบรมสั่งสอนศีลธรรมแก่ประชา ชนทั่วไป โดยให้ยึดหลักธรรมคำสั่งสอนตามแนว ทางพระพุทธศาสนา

    ประสบการณ์ตะกรุดโทนหลวงพ่อสุวรรณ

    ตะกรุดของหลวงพ่อสุวรรณฯ มีประสบการณ์พี่น้องฝาแฝด อายุ 15 ปี ถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมสกัมทั้งยิงทั้งแทงแต่รอดตายราวปาฏิหารย์แค่เสื้อขาดกับรอยช้ำตามร่างกายเท่านั้น เป็นเพราะพี่น้องฝาแฝดคู่นี้พกตะกรุดโทน และ เหรียญเสมาหลวงพ่อสุวรรณฯคุ้มครอง

    อีกเหตุการณ์หนึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ นปพ.ภ.จ.อ่างทอง ล้อมจับผู้ค้ายาบ้าถูกยิงด้วยปืนลูกซองเต็มหน้าอกแต่ไม่เข้าก็เป็นเพราะตะกรุดหลวงพ่อสุวรรณคุ้มครองจึงรอดตาย หลวงพ่อสุวรรณฯ เป็นพระที่ใจดีมีเมตตา ถ้าผู้ใดได้ไปกราบนมัสการท่านแล้วลงนะหน้าทองกลับมาจะโชคดีตลอดกาลและผู้ใดพกตะกรุดของท่านไม่มีวันตายโหงแน่ครับ

    วิชา นะหน้าทอง ขุนแผนชมตลาด อันลือลั่น!!

    กิตติคุณอันโด่งดังของ หลวงพ่อสุวรรณ แห่งวัดยาง จังหวัดอ่างทอง อีกอย่างหนึ่งก็คือวิชาลงนะหน้าทอง ขุนแผนชมตลาด ซึ่งเป็นหนึ่งในตำรับวิชาอันโด่งดัง ลือลั่น ของท่าน ที่เมื่อท่านลงให้กับใครไปแล้ว สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ เมตตา มหานิยม คนเห็นคนชม เทวดารัก จะเดินทางไปแห่งหน ตำบลใด มีแต่คนเมตตารักใคร่เอ็นดู มากมาย อย่างไม่น่าเชื่อ!

    เวลาลงนะหน้าทองหลวงพ่อสุวรรณ ท่านจะสวดพระคาถาศักดิ์สิทธิ์อยู่ตลอดเวลา ไม่ขาดปาก ในขณะที่กำลังลงทอง และ เจิมจาร ลงในลิ้น และ ที่หน้าผากของเรา นั่นแหละ ความศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลายทั้งมวล ได้ก่อเกิดขึ้น ณ ขณะนั้น เวลานั้น ซึ่งจะสัมผัสได้ในทุกเวลานาที จนกระทั่งท่านลงให้เสร็จสิ้นเรียบร้อย เราก็จะรู้สึกได้ว่า หน้าของเรา ใจของเรา เปลี่ยนไป อิ่มอก อิ่มใจ อย่างไรไม่รู้ อธิบายไม่ถูก แต่สุขใจ เหลือประมาณ!

    วิชา นะหน้าทอง ขุนแผนชมตลาด สามารถนำไปใช้ นำไปสวด ไปเสริม เพื่อเพิ่ม บารมีเมตตา ให้กับตัวเองได้ เพียงแต่ บูชาครูอาจารย์แล้วทำตามวิธีการดังต่อไปนี้

    เริ่มด้วย ตั้งนะโม 3 จบ แล้วบูชาครูบาอาจารย์ด้วยดอกไม้ธูปเทียน ระลึกถึงท่าน แล้วเริ่มด้วย การตั้งองค์พระ ว่า...

    ศรีษะ พุทธา ปะนะวิชายะเต ขอจงมาบังเกิด เป็นศรีษะ
    อังคะ พุทธา ปะนะวิชายะเต ขอจงมาบังเกิด เป็นองค์พระ
    บาทะ พุทธา ปะนะวิชายะเต ขอจงมาบังเกิด เป็นฝ่าพระบาท และ ดอกบัว....
    นะ กะโรโหติ สัมภะโว จงมาบังเกิด เป็น นะเมตตา มหานิยม นะ โอม สิทธิ ฟ้าฟื้นเจริญศรี ตัวกูนี้คือฟ้า หน้ากูคือ พระจันทร์ ฟันกูคือ พระกำแพง แสงกู คือพระอาทิตย์ จิตกู คือ พระนารายณ์ ฉายดู สาวใดในมนุษย์ และ สวรรค์ เห็นหลงใหล รักใคร่ทุกคน นะมะ พะทะ นะโม พุทธายะ กะริ กะริยะ สีวะ จะ มหาเถโร นะระปุสิโต โสระโห ปัจจายะ ถิขะมะอิ อะหัง วันทามิ สีวะลี เถระคุนัง โสตถีระนัง ภะวันตุเม ฯ พุทธัง เมตตา นะ ชาลีติ ธัมมัง เมตตา นะ ชาลีติ สังฆัง เมตตา นะ ชาลีติ ฯ

    ขณะว่าพระคาถาต่างๆ ก็ให้นำแผ่นทองคำเปลวแท้ๆ ปิดลงที่ลิ้น และ ที่หน้าผาก ขณะภาวนาพระคาถา ก็ให้ใช้นิ้วกลาง คลึงแผ่นทอง ให้ซึมหายเข้าไปในใบหน้า เสร็จแล้วตั้งจิตอธิษฐานขอเอา ตามประสงค์ ผู้ที่เชื่อมั่น หมั่นปฏิบัติ และภาวนา ไม่ช้าไม่นาน ก็จักสำเร็จ สมหวัง ดังที่ปรารถนา ตามพลังบุญอันสมควรแห่งตน...

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    รูปหล่อหลวงพ่อสุวรรณวัดยางที่ระลึกผูกพัทธสีมาวัดพรหมประกาศิต เป็นวัดที่หลวงพ่อมาจำพรรษา ในยุคนั้น
    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231213_171056.jpg IMG_20231213_171116.jpg IMG_20231213_171151.jpg IMG_20231213_171030.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2023
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341
    15139021-3-jpg.jpg
    สำหรับหลวงพ่อทองหยิบนั้นเกิดเมื่อเดือน 11 ปีมะเส็ง พ.ศ.2472 ที่บ้านในหมู่ที่ 3 ต.หนองแม่ไก่ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง โดยมีหลวงพ่อเล็ก เจ้าอาวาสวัดบ้านกลางสมัยนั้น เป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งระหว่างที่หลวงพ่อทองหยิบบวชเป็นพระนั้น ก็เป็นพระที่ประพฤติ ปฎิบัติอยู่ในครรลองครองธรรม เปี่ยมไปด้วยเมตตาจิต ชาวอ่างทองและลูกศิษย์ลูกหาให้ความเคารพนับถือ เปรียบเสมือนเป็นที่พึ่งทางใจของผู้ทุกข์ร้อนทั้งทางใจและทางกาย ชาวอ่างทองไม่มีใครไม่รู้จัก หลวงพ่อทองหยิบสร้างสรรค์ช่วยลูกศิษย์ลูกหาและสาธุชนที่เดินทางมานมัสการอย่างไม่ขาดสาย จากทั่วสารทิศ โดยที่ท่านไม่เคยปฏิเสธใครเลย ยกเว้นหากท่านจะอาพาธหรือติดกิจนิมนต์เท่านั้น

    หลวงพ่อทองหยิบถือว่าเป็นเกจิที่มีคาถาอาคมแก่กล้าองค์หนึ่งจนมีลูกศิษย์ทั่วประเทศ ส่วนวัตถุมงคลที่โด่งดังของหลวงพ่อทองหยิบนั้นจะเป็นพวกเหรียญของหลวงพ่อรุ่นต่าง ๆ โดยรุ่นที่ 1 นั้นสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2513 พระผงราหูสุริยคราส ที่สร้างเมื่อประมาณปี 2538 และตะกรุด ไม่ว่าจะเป็นตะกรุดโทน หรือตะกรุดมหาอุตม์ ตะกรุดของหลวงพ่อนั้น เหนียวจนได้ชื่อว่า “เหนียวชนิดแมลงไม่มีวันได้กินเลือด” ตะกรุดแต่ละรุ่นสร้างไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกศิษย์ ในวันพรุ่งนี้ที่ 14 เม.ย. 59 จะมีพิธีสรงน้ำศพและจะสวดพระอภิธรรมไปจนถึงวันที่ 22 เม.ย

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ


    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงพ่อทองหยิบวัดบ้านกลางรุ่นสร้างโบสถ์ปี 2535 สภาพสวยเดิมๆครับ ฝากล่องหลุดหาย ให้บูชา
    150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20231215_222334.jpg IMG_20231215_222359.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2023
  8. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,925
    ค่าพลัง:
    +6,846
    -ขอจองทั้ง2 องค์ครับ
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341
    1702571035568-jpg.jpg
    หลวงพ่อไป๋ ญาณผโล วัดท่าหลวง พิจิตร
    ข้อมูลประวัติ
    เกิด วันอังคารที่ 14 เมษายน 2439 ณ บ้านวังไม้ดัก พิจิตร เป็นบุตรของ นายน้อย นางเล็ก นาควิจิตร
    บรรพชา อายุ 16 ปี ณ วัดคลองคเชนทร์ ได้ 2 พรรษา จึงลาสิกขาบท
    อุปสมบท อายุ 20 ปี วันที่ 3 พฤษภาคม 2459 ณ วัดมูลเหล็ก
    มรณภาพ วันที่ 21 มิถุนายน 2517 ณ โรงพยาบาลพิจิตร เวลา 22.48 น.
    รวมสิริอายุ 78 ปี
    หลวงพ่อไป๋ ญาณผลโล (สกุลเดิม นาควิจิตร) หรือ พระฑีฆทัสสีมุนีวงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 14 เม.ย. 2439 หมู่ที่ 7 ต.โรงช้าง อ.เมือง จ.พิจิตร เมื่อครั้งวัยฉกรรจ์อายุครบเกณฑ์ทหารได้รับใช้ชาติสังกัดทหารราบประจำมณฑลพิษณุโลก เป็นเวลา 2 ปี ได้รับยศเป็นสิบตรี เมื่อปี 2459 ได้ลาออกจากราชการทหารและอุปสมบทเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2459 ณ วัดมูลเหล็ก ต.คลองคะเชนทร์ อ.เมือง จ.พิจิตร โดยมีพระครูศีลธรารักษ์ (ยิ้ม) เป็นพระอุปัชฌาย์ สุดท้ายวันที่ 5 ธ.ค. 2499 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่พระฑีฆทัสสีมุนีวงศ์ มงคลพิจิตร ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี (เจ้าอาวาสวัดท่าหลวงและเจ้าคณะจังหวัดพิจิตรตลอดมาจนถึงมรณภาพ 43 ปี) เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2517 รวมอายุได้ 78 ปี 2 เดือน 8 วัน 53 พรรษา ซึ่งเครื่องรางและพระเครื่องที่ลือเรื่องของท่านคือ ตะกรุดกระดูกแร้ง (เกจิอาจารย์เมืองพิจิตร, 2522)
    วัตถุมงคลที่ได้รับความนิยม
    วัตถุมงคลของหลวงพ่อเพชร วัดท่าหลวง พิจิตร ล้วนเป็นวัตถุมงคลที่สร้างขึ้นในช่วงระหว่างที่ท่านครองวัดเป็นเจ้าอาวาสทั้งสิ้น ทั้งประภทเหรียญปั๊ม พระหล่อ เป็นต้น

    พระเครื่องที่รู้จักกันดีที่หลวงพ่อไป๋ได้สร้างขึ้น คือ หลวงพ่อเพชรสามเหลี่ยม เพื่อสมทบทุนทรัพย์สร้างอุโบสถวัดท่าหลวง แต่พิมพ์นี้คือพระคะแนนทำจากเนื้อเงิน หายากมาก (ที่มา : หนังสือพระเครื่องพระบูชาเมือง

    หลวงพ่อไป๋ ญาณผลโล (สกุลเดิม นาควิจิตร) หรือ พระฑีฆทัสสีมุนีวงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 14 เม.ย. 2439 หมู่ที่ 7 บ้านวังไม้ดัก ต.โรงช้าง อ.เมือง จ.พิจิตร เป็นบุตรของ นายน้อย นางเล็ก นาควิจิตร บรรพชา อายุ 16 ปี ณ วัดคลองคเชนทร์ ได้ 2 พรรษา จึงลาสิกขาบท เมื่อครั้งวัยฉกรรจ์อายุครบเกณฑ์ทหารได้รับใช้ชาติสังกัดทหารราบประจำมณฑลพิษณุโลก เป็นเวลา 2 ปี ได้รับยศเป็นสิบตรี เมื่อปี 2459 ได้ลาออกจากราชการทหารและอุปสมบทเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2459 ณ วัดมูลเหล็ก ต.คลองคะเชนทร์ อ.เมือง จ.พิจิตร โดยมีพระครูศีลธรารักษ์ (ยิ้ม) เป็นพระอุปัชฌาย์และได้เรียนวิชาอาคมจากหลวงพ่อเงินบางคลานและท่านยังเป็นศิษย์น้องของหลวงพ่อพิธวัดฆะมังด้วย สุดท้ายวันที่ 5 ธ.ค. 2499 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่พระฑีฆทัสสีมุนีวงศ์ มงคลพิจิตร ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี (เจ้าอาวาสวัดท่าหลวงและเจ้าคณะจังหวัดพิจิตรตลอดมาจนถึงมรณภาพ 43 ปี) เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2517 ณ โรงพยาบาลพิจิตร เวลา 22.48 น. รวมอายุได้ 78 ปี 2 เดือน 8 วัน 53 พรรษา
    วัตถุมงคลที่ได้รับความนิยม
    วัตถุมงคลของหลวงพ่อเพชร วัดท่าหลวง พิจิตร ล้วนเป็นวัตถุมงคลที่สร้างขึ้นในช่วงระหว่างที่ท่านครองวัดเป็นเจ้าอาวาสทั้งสิ้น ทั้งประภทเหรียญปั๊ม พระหล่อ เป็นต้น
    พุทธคุณที่เล่าสืบทอดกันมา
    พุทธคุณในเหรียญรุ่นปี 11 นี้เด่นทาง เมตตามหานิยมและรุ่นปี 14 ด้านรักษาโรค ส่วนตะกรุดกระดูกแร้งพุทธคุณ108
    เครื่องรางและพระเครื่องที่ลือเรื่องของท่านคือ ตะกรุดกระดูกแร้ง และเหรียญปลอดโรคปี2514

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ท่าหลวงพิจิตรปี 2511ท่าหลวงพิจิตรปี 251
    เอาไปบูชาติดฝาผนังบ้าน ร้านค้า ติดรถ เรือ หรือ ม้วนทำตะกรุด หรือ พับเลี่ยม แขวนคอ ได้ทั้งนั้นครับ
    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    เอาไปบูชาติดฝาผนังบ้าน ร้านค้า ติดรถ เรือ หรือ ม้วนทำตะกรุด หรือ พับเลี่ยม แขวนคอ ได้ทั้งนั้นครับ
    IMG_20231215_224755.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2023
  10. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,925
    ค่าพลัง:
    +6,846
    -ขอจองครับ
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341
    รับทราบการจองทุกรายการครับ ขอบคุณครับ
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341
    1702667940844.jpg
    ประวัติ หลวงปู่ พระครูแป๋ว (พระครูปัญญาวิมล) ที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบล เป็น พระอุปัชฌาย์ อายุ ๘๕ปี บวชตั้งแต่ อายุ ๒๐ ปี พ.ศ. ๒๔๙๖ กับพระราชสิงหมุนี พระครูรัตนาธาร(หลวงพ่อเยื้อน)

    พรรษาแรก "หลวงพ่อแป๋ว" อยู่กับหลวงพ่อเชน วัดสิงห์ ร่ำเรียนวิชา ทำตะกรุด ต่อมา ไปเรียนกับหลวงพ่อกวย สักหนุมาน แผลงฤทธิ์ สักธนูมือ สักมงกุฎพระเจ้า (หลังเหรียญรุ่นแรก) ป้อนน้ำมันงาให้ท่านรูปเดียว ตั้งแต่ปี 2498 หลวงพ่อกวยเอ่ยปากยอมรับว่า "อื้อใช้ได้ใช้ได้ทำเหมือนหลวงพ่อแล้วนี่" ปกติหลวงพ่อกวยไม่ยอมรับใครง่ายๆ
    ต่อมาไปหา "หลวงพ่อทอง วัดพระปรางค์" ศิษย์ "หลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์" เรียกหลวงพ่อทองว่า "พ่อ" ปี 2513

    ปี 2517 หลวงพ่อกวยมาเสกพระให้ถึงโบสถ์วัดดาวเรือง หลวงพ่อกวยบอกว่า "ให้พระครูทำบ่อยๆ ทำทุกวันทั้งยืนเดินนั่งนอนกรรมฐานอย่าทิ้ง เมื่ออายุ 70 ปีขึ้นไป ทำได้ขลังเหมือนข้าฯ ” ถึงวันนั้น พระครูแป๋วไม่เป็นสองรองใคร
    https://palungjit.org/threads/หลวงพ่อแป๋ว-วัดดาวเรือง-อ-บางระจัน-จ-สิงห์บุรี.237157/

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงทุกๆท่านครับ
    พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อแป๋ว วัดดาวเรือง สร้างสะพานปี 2538 ให้บูชาคู่กัน
    200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20231216_021131.jpg IMG_20231216_021154.jpg IMG_20231216_021057.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2023
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341
    วันนี้ จัดส่ง

    1702711112111.jpg
    ขอบคุณครับ
     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341
    FB_IMG_1702736037514.jpg
    พระเกจิอาจารย์ หลวงปู่บุญส่ง กุสลปุญโญ มรณภาพแล้ว ที่ โรงพยาบาลสิงห์บุรี สิริอายุ รวมได้ ๙๙ ปี
    น้อมส่งหลวงปู่บุญส่ง กุสลปุญโญ อายุ ๙๙ ปี เจ้าอาวาสวัดกระโจม ต.งิ้วราย อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี

    ได้มรณภาพแล้ว ที่โรงพยาบาลสิงห์บุรี เมื่อคืนวันเสาร์ ที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๙ เวลา ๒๓.๒๐ น.

    โดยในวันนี้ทางคณะศิษย์ จะเคลื่อนสรีระสังขาร องค์หลวงปู่เวลา ๐๙.๐๐ น. จากโรงพยาบาลสิงห์บุรี
    สู่วัดกระโจม เพื่อตั้งบำเพ็ญกุศล และขอเรียนเชิญศิษยานุศิษย์ รับศพและสรงน้ำหลวงปู่โดยพร้อมเพรียงกัน
    วงปู่บุญส่ง ในอดีตท่านคือนายตำรวจยศ จ.ส.ต.บุญส่ง บุญยาลักษณ์ อดีตลูกน้องคู่หูมือขวาท่าน
    พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช (บุตร พันธรักษ์) ในสมัยหนึ่ง ยุค ๒๔๘๙ ขุนพันธ์ท่านย้ายมาดำรงตำ
    แหน่งผู้กำกับการภูธร ตำรวจจังหวัดชัยนาท และท่านมีศิษย์ที่มีฝีมือคู่หูคือ "สิบตำรวจโทบุญส่ง
    บุญยาลักษณ์" ซึ่งเป็นคนที่เก่งที่ได้รับมอบหมายจากทางการให้มาจับเสือฝ้ายโดยตรง
    ขณะนั้น เสือฝ้ายกำลังไปมีเมียใหม่ที่อำเภอหันคา จึงนำตัวไปฝึกฝนวิชาอาคมที่สำนักเขาอ้อ เพื่อเรียนรู้เรื่อง
    วิชาอาคม ตลอดจนการอาบน้ำว่าน กินเหนียว และผ่านพิธีต่างๆ เพื่อจะได้ไปต่อสู้กับบรรดาจอมโจรเสือร้าย
    ชนิดตาต่อตาฟันต่อฟัน ทั้งเสือฝ้าย เสือปลั่ง เสือใบ เสือดำ และเสือมเหศวร อีกทั้ง ยังได้รับคำสั่งให้ไป
    ปราบโจรคอมมิวนิสต์ที่จังหวัดพัทลุงอีกด้วยหลวงปู่บุญสุ่ง เป็นพระเกจิอาจารย์ที่ชาวสิงห์บุรีให้ความนับถือมาก เพราะท่านมีวิชาอาคมและเป็นหมอ
    รักษาแผนโบราณ จนถึงขนาดได้ชื่อว่า "หมอเทวดา" เพราะใช้น้ำมนต์รักษาโรคอย่างเดียว และมีพระเกจิ
    อาจารย์ที่ท่านเคยรักษาให้ เช่น หลวงพ่อแพ, หลวงพ่อจวน และวิชาที่คนมักให้ท่านลงให้คือ “ปิดก้นถุง
    FB_IMG_1702735885614.jpg FB_IMG_1702735879954.jpg
    เงิน ถุงทองรั่ว”รักษาโรคทางไสยศาสตร์ ประเภทลมเพลมพัด



    หลวงปู่ท่านเป็นพระที่ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ ทำกิจของสงฆ์มิเคยขาด ยกเว้นท่านป่วยเท่านั้น ท่านเป็น
    พระที่มีอายุมากถึง ๙๙ ปี และพรรษาที่ ๒๗
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงพ่อบุญส่งวัดวังกระโจมเสาร์ 5 ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231216_210902.jpg IMG_20231216_210922.jpg IMG_20231216_210825.jpg
     
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341
    images_q-tbn_and9gct9-dl3op887o5gtoltfo20suycefansh6xumlvze8p-i7gxt3jgg-jpg-jpg.jpg
    ตามประวัติว่าท่านเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา พอคลอดออกมาบิดาท่านกำลังเอาไปฝังหลวงพ่อสิงห์ วัดบ้านโนนผ่านมาจึงทักว่าเด็กคนนี้ยังไม่สิ้นบุญจึงขอบิณฑบาตรเอาใว้ แล้วนำร่างของเด็กน้อยใส่พานตั้งใว้ที่หน้าพระประธานในโบสถ์วัดบ้านโนน หลวงพ่อสิงห์นั่งสมาธิจนถึงรุ่งเช้า ปรากฏว่าเด็กน้อยฟื้นขึ้นมาหลวงพ่อสิงห์จึงขอใว้เป็นบุตรบุญธรรมและตั้งชื่อว่า"สมบุญ" และได้สอนสัพวิชาอาคมต่างๆให้จนหมดใส้หมดพุง และยังได้ศึกษาวิชาต่างๆจากยอดพระเกจิอีกหลายท่านเช่นหลวงพ่อพุก วัดพระยาทำ หลวงพ่อมา วัดกาดสูง หลวงพ่อแก้ว วัดหนองตำลึง ชลบุรี เป็นต้น

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงพ่อสมบุญวัดจันทรังษีบ้านตม ให้บูชา 120 บาทค่าจัดส่งด่วน
    บาทครับ
    img_20231208_230003-jpg.jpg img_20231208_230032-jpg.jpg

    พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อสมบุญรุ่นแรกพิมพ์สี่เหลี่ยมและเตารีด ให้บูชาคู่กัน 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20231216_210655.jpg IMG_20231216_210723.jpg IMG_20231216_210639.jpg
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341
    fb_img_1702198930779-jpg.jpg
    ประวัติ หลวงปู่เหรียญ วัดบางระโหง (นนทบุรี)
    "พระครูนนทสมณวัตร" (หลวงปู่เหรียญ ถาวโร) วัดบางระโหง ท่านถือกำเนิดเมื่อปี พ.ศ.๒๔๓๙ นามเดิมท่านชื่อ "เหรียญ" โยมบิดาชื่อ นายแดง โยมมารดาชื่อ นางอยู่ นามสกุล "สังฆรัตน์" อยู่ที่ ต.ดอนมะดัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา
    หลวงปู่ในวัยหนุ่ม ท่านได้ออกจากบ้านมาเป็นคนงานรับจ้างทำนาที่อยุธยา มีครั้งหนึ่ง มีคนมาลักเกี่ยวข้าว หลวงปู่พร้อมพวกมีพี่ใหญ่ชื่อว่า "ก้าน" ได้เสกว่านให้พวกหลวงปู่กินแล้วออกไปต่อสู้กับพวกลักข้าว ซึ่งมีอยู่ประมาณ ๒๐ คน ฝ่ายหลวงปู่มี ๗ คน อาวุธมีแค่คันหลาวกับไม้ เท่านั้น การต่อสู้กับพวกลักข้าวปรากฎว่า ฝ่ายหลวงปู่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแต่ละคน ตี แทง ไม่เข้า จนทำให้พวกลักข้าวแตกกระจายไปหมด
    หลวงปู่ท่านบวชเมื่อท่านอายุได้ ๓๑ ปี เมื่อวันที่ ๑ กรกฏาคม พ.ศ.๒๔๗๐ อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดขวัญเมือง ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี มี (พระครูชุ่ม) วัดประชารังสรรค์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายาทางพุทธศาสนาว่า "ถาวโร"
    เมื่อบวชแล้วท่านได้เรียนนักธรรมจนได้นักธรรมเอกที่ จ.ขอนแก่น และได้กลับมาจำพรรษาที่วัดขวัญเมือง มี (หลวงพ่อบัว) ท่านเป็นเจ้าอาวาส ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อบัวท่านกลับจากธุระได้เข้าไปในโบสถ์ โดยที่โบสถ์ยังใส่กลอนอยู่เลย มีศิษย์หลวงพ่อบัวเป็นใบ้ เรียกว่า "ตาใบ้" หลวงพ่อบัวสอนคาถาให้ตาใบ้ สามารถเสกประทัดไม่ให้แตกได้ และเขียนยันต์ที่ฝ่ามือ และตบไปที่เสาแต่ยันต์จะไปโผล่อีกด้านหนึ่งเรียกว่า "นะปัดตลอด"
    นอกจากหลวงปู่จะเรียนคาถาอาคมกับหลวงพ่อบัวแล้วหลวงปู่ยังเรียนคาถากับ (อาจารย์เที่ยง) ซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกันกับหลวงปู่ อาจารย์เที่ยง เป็นคนมีวิชาอาคมขลังและเป็นโยมบิดาของ (พระครูสมุห์บรรจง) วัดขวัญเมืองในปัจจุบัน ตอนหลังพระครูสมุห์บรรจงได้มาเป็นศิษย์ของหลวงปู่เหรียญอีกทีหนึ่ง
    หลวงปู่เคยออกธุดงค์ไปในป่าสมัยก่อน หลวงปู่ธุดงค์ไม่ได้ใช้กลดเลย เพราะหลวงปู่บอกว่าท่านฉันบอระเพ็ดเป็นประจำจนยุงไม่กัดเลย ตอนออกธุดงค์หลวงปู่ได้พบอาจารย์ที่มีวิชาอาคมขลังหลายท่าน หลวงปู่ได้เรียนวิชากับอาจารย์ในป่าหลายอย่าง
    เมื่อท่านมาอยู่วัดบางระโหงแล้วนั้น เวลามีงานปลุกเสกตามวัดจะมีฎีกามานิมนต์หลวงปู่บ่อยๆ พระคณาจารย์ที่หลวงปู่ร่วมปลุกเสกประจำคือ (หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี), (หลวงพ่อทองอยู่ วัดหนองพะอง), (หลวงปู่สาย วัดบางรักใหญ่), (หลวงพ่อสุด วัดกาหลง)
    วัตถุมงคลของหลวงปู่นั้นที่ปรากฎมหัศจรรย์มากคือ "พิศมร" ที่หลวงปู่ให้เด็กแขวนแล้วเด็กตกน้ำไม่จม หลวงปู่จะทำพิศมรแจกโยมที่มาหรือนิมนต์ไปงาน ส่วนมากจะแจกไปทั่ว คนมาช่วยงานที่วัดท่านก็แจกทุกคนที่มา
    ตะกรุดโทนของท่าน แขวนแล้วยิงไม่เข้าเสื้อพรุนหมด แต่เนื้อตัวไม่เป็นอะไร ตะกรุดจักพรรดิ์ มีพระวัดจักรวรรดิ์มาบูชาไปฝากศิษย์ที่มาเลเซีย เมื่อศิษย์เอาไปแขวนแล้วโดนทำร้าย ด้วยมีดปาดยางพารา เสื้อขาดหมดแต่ไม่เข้าเนื้อ ทำให้เค้าศรัทธาหลวงปู่มาก ตะกรุดที่หลวงปู่เหรียญสร้าง เท่าที่ทราบ คือ
    ๑.ตะกรุดโทน
    ๒.ตะกรุดพิศมรเล็ก
    ๓.ตะกรุดพิศมร ๑๙
    ๔.ตะกรุดแคล้วคลาด
    ๕.ตะกรุดสาริกา
    ๖. ตะกรุดจักรพรรดิ์
    ๗.ตะกรุดสามกษัตริย์
    ๘.ตะกรุดมหาอุต
    ๙.ตะกรุดโภคทรัพย์
    ๑๐.ตะกรุดหัวใจ ๑๐๘
    วัตถุมงคลที่หลวงปู่สร้างนั้นมีหลายอย่างมากมาย เช่น ผ้ายันต์ ตระกรุด เบี้ยแก้ พระปิดตา และเหรียญ ด้วยประสบการณ์จากคุณวิเศษที่ได้รับจากวัตถุมงคลของท่าน ก่อเกิดศรัทธามากมาย แต่ความจริงนั้น หลวงปู่เหรียญ เป็นที่เคารพศรัทธาเลื่อมใส อย่างยิ่งของประชาชนทั่วไปมานานแล้ว ครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ด้วยวัตรปฏิบัติที่งดงาม ทั้งเป็นพระนักพัฒนา ที่สร้างความเจริญให้แก่ชุมชนบางระโหงเป็นย่างมากตลอดอายุของท่าน หลวงปู่เหรียญท่านได้สร้างวัตถุมงคลมากมายหลายชนิด ทั้งพระเครื่องและเครื่องราง ที่ขึ้นชื่อว่าดีทางเมตตามหานิยม และแคล้วคลาด ไม่แพ้พระเครื่องราคาแพงเลยทีเดียว
    เรื่องปาฏิหาริย์เกี่ยวกับตะกรุดของหลวงปู่เหรียญนั้น ทั้งคนในพื้นที่และนอกพื้นที่ต่างเล่าขานกันมากมายว่า "สายเหนียวเมืองนนท์"
    หลวงปู่เหรียญท่านเป็นคนมีสุขภาพแข็งแรง มีเจ็บป่วยบ้างเล็กน้อย แต่เมื่อประมาณปลายปี พ.ศ.๒๕๓๐ หลวงปู่ได้ฉันยาถ่าย แต่ก็ไม่ถ่าย หลวงปู่ปวดท้อง ท่านจึงฉันยาธาตุทำให้ในท้องปั่นป่วนมาก ผู้ใหญ่จึงพาท่านส่งโรงพยาบาลนนทบุรี พักอยู่หลายวันจึงกลับวัด แต่พักอยู่ได้ไม่นานก็เข้าออกโรงพยาบาลอีกหลายครั้ง และย้ายไปโรงพยาบาลธนบุรี แพทย์วินิจฉัยว่าท่านเป็นมะเร็งปอด ราววันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๑ หลวงปู่ก็อาพาธอีกและได้เข้าโรงพยาบาลสงฆ์ เมื่อไปโรงพยาบาลแล้ว อาการของท่านไม่ดีขึ้นเลย
    หลวงปู่ท่านถึงแก่มรณะภาพลง เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๑ สิริอายุได้ ๙๒ ปี ๖๒ พรรษา
    เรียบเรียง : พระเกจิ แดนสยาม
    https://www.facebook.com/prakejidansiam/
    #ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามครับ
    #พระอริยสงฆ์บางท่านในอดีตกาลเราอาจไม่ทราบประวัติท่าน
    #เพจนี้สร้างขึ้นเพื่อศึกษาและเผยแพร่บารมีของท่านเท่านั้นครับ

    ท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงของขวัญหลวงปู่เหรียญวัดบางระโหงให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    img_20231210_155710-jpg.jpg img_20231210_155742-jpg.jpg img_20231210_155813-jpg.jpg
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341
    1702817695566.jpg
    พระครูสิริธัชสมาจารย์(หลวงปู่บุญตา วิสุทธสีโล) วัดคลองเกตุ อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี
    มีนามเดิมว่า บุญตา นามสกุล พาซื่อ โยมบิดาชื่อ นายอุด โยมมารดาชื่อ นางทุม พาซื่อ
    เกิดที่บ้านโนนสะคาม จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2449
    ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 4 ท่าน คือ
    1. นายอ้วน พาซื่อ
    2. นายรุณ พาซื่อ
    3. นางลา พาซื่อ
    4. หลวงปู่บุญตา วิสุทธสีโล
    เมื่ออายุได้ 3 ขวบ บิดาย้ายถิ่นฐานไปอยู่บ้านพระเสาร์ อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร

    ชีวิตในวัยเยาว์อายุ 12 ปี ได้ศึกษาภาษาไทย ณ วัดพระเสาร์ จนถึงชั้น ป. 3 จึงออกมาช่วยบิดามารดาทำนา
    จนกระทั่งอายุ 16 ปี บิดามารดาพาย้ายถิ่นฐานไปอยู่บ้านจาน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์
    และได้ย้ายไปอยู่บ้านหนองมะนาว ต.ขอนแก่น อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์
    จนอายุได้ 23 ปี มารดาก็เสียชีวิต ท่านจึงได้บวชหน้าไฟเพื่อทดแทนคุณมารดา

    ท่านอุปสมบทเมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2472 ที่วัดหนองม้า ต.หนองฮะ อ.ศรีขรภูมิ จ.สุรินทร์
    โดยมีพระอธิการกลัด เจ้าอาวาสวัดสะเม็ด เป็นพระอุปัชฌาย์
    พระอาจารย์กา วัดสะเม็ด เป็นพระกรรมวาจา
    พระอธิการเผือ วัดบ้านเครือ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    ท่านได้รับฉายาว่า "วิสุทธสีโล" แปลว่า "ผู้มีศีลอันบริสุทธิ์"
    เมื่อบวชแล้วได้จำพรรษาอยู่กับพระอาจารย์กลัด พระอุปัชฌาย์ในวัดสะเม็ด
    ได้เริ่มเรียนการปฏิบัติกัมมัฏฐานอย่างจริงจังกับผู้เป็นอุปัชฌาย์
    พร้อมกับเรียนพระปริยัติธรรมควบคู่ไปด้วยและก็สอบได้นักธรรมชั้นตรีในพรรษาแรก

    เมื่อจิตใจพึงพอใจอยู่กับความสงบประกอบกับหลวงปู่ท่านได้สมาธิแล้ว
    ก็ทำให้เกิดความเบื่อหน่ายที่จะต้องอยู่กับสิ่งแวดล้อมแห่งผู้คน
    จึงขออนุญาตพระอาจารย์กลัดแสวงหาครูบาอาจารย์สอนวิชา
    โดยไปจำพรรษาที่วัดกลาง จังหวัดบุรีรัมย์
    เพราะทราบว่ามีครูบาอาจารย์ดีในวัดหลายองค์
    ท่านจึงได้ศึกษาวิชาต่างๆ หลายแขนงทั้งทางด้านปฏิบัติธรรม ด้านคาถาอาคม
    ไสยศาสตร์ แต่เนื่องจากวิชาอาคมต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นภาษาขอมท่านจึงคิดที่หาที่เรียนภาษาขอม
    จึงเดินทางไปยังวัดเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี
    เรียนภาษาบาลีและอักขระขอม ใช้เวลาเรียนอยู่ 4 ปีเต็มจนแตกฉานในภาษาบาลีและอักขระขอม

    จบแล้วจึงไปจำพรรษาที่วัดพระเสาร์เป็นเวลา 3 พรรษา
    และท่านก็ปรารถนาจะกราบนมัสการพระธาตุพนม ซึ่งไม่เคยไปมาก่อน
    ท่านจึงออกเดินทางธุดงค์ไปยังวัดพระธาตุพนม ค่ำไหนก็ปักกลดที่นั่น
    ทำการสำรวจจิตใจด้วยตนเอง ทบทวนด้วยเรื่องของสังขารอยู่ในป่าทึบ
    จนกระทั่งถึงวัดพระธาตุพนม และอยู่ที่วัดพระธาตุพนม 7 วัน

    จากนั้นออกธุดงค์ต่อไปทางจังหวัดเชียงใหม่ไปพักอยู่วัดอุโมงค์
    เป็นวัดที่พระชาวศรีลังกามาสอนธรรมะ
    ท่านอยู่ที่นั่น 15 วัน ก็ธุดงค์ต่อไปทั่วภาคเหนือและภาคอิสาน

    ปี พ.ศ. 2474 หลวงปู่เดินธุดงค์อยู่เชียงใหม่
    ท่านทราบว่าเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) แสดงธรรมอยู่ที่วัดเจดีย์หลวง
    ท่านดีใจมากที่จะได้พบพระสุปฏิปันโน
    และท่านก็ได้รับความเมตตาชี้แนะแนวทางธรรม
    หลังจากนั้นท่านจึงธุดงค์ไปวัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา
    ไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อเสาร์ กันตสีโล
    ซึ่งหลวงพ่อเสาร์ ท่านเชี่ยวชาญเรื่องปัฏฐวีกสิณ เตโชกสิณ อาโปกสิณ และวาโยกสิณ
    หลวงพ่อเสาร์ท่านได้เมตตาสอนปัฏฐวีกสิณให้
    โดยนำดินมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ ขนาดเท่าหม้อใหญ่และขนาดขันน้ำ โดยมองให้เห็นอยู่อย่างนั้น
    แล้วลืมตามาเพ่งใหม่คือ การเพ่งดินเป็นอารมณ์ และในการฝึกนั้นจะมีพระมหาปิ่น ปญฺญาธโร
    และพระอาจารย์สิงห์ ขันตคยาโม เป็นผู้เข้มงวดในการฝึก
    จนกระทั่งหลวงปู่บุญตา เข้าถึงปฐวีกสิณอย่างรวดเร็วกว่าศิษย์ท่านอื่นๆ

    จากนั้นท่านจึงกราบลาหลวงพ่อเสาร์ และพระมหาปิ่น ธุดงค์มาทางจังหวัดลพบุรี
    และมาพักอยู่วัดพรหมมาสตร์ มาอยู่กับหลวงพ่อพุทธวรญาณได้ศึกษาธรรมะอยู่ 1 พรรษา
    จากนั้นจึงเดินทางเข้าไปกรุงเทพฯ ไปอยู่วัดมหาธาตุ
    พร้อมกับปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานกับพระเทพสิทธิมุนี ภาวนายุบหนอ พองหนอ
    เพ่งสติให้เป็นมหาสติปัฏฐาน ปฏิบัติได้ 2 เดือนเศษก็มีความชำนาญและช่ำชองอย่างรวดเร็ว

    ออกจากวัดมหาธาตุ ย้อนกลับไปยังจังหวัดนครสวรรค์
    ได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อเดิม พุทธสโร แห่งวัดหนองโพ ได้ศึกษาวิชากับหลวงพ่อเดิมหลายอย่าง
    เช่น การสร้างมีดหมอเทพศาสตราตามตำรับเดิมแท้ ฯลฯ
    และท่านได้ไปเรียนวิชากับหลวงพ่อทองวัดเขากบ ซึ่งท่านมีชื่อเสียงในการเล่นแร่แปรธาตุ

    จากนั้นได้เข้าศึกษาพระธรรมที่วัดศรีษะเมือง หรือวัดนครสวรรค์ ซึ่งมีชื่อเสียงทางปริยัติธรรม
    หลวงปู่บุญตาจึงได้ศึกษาจนสำเร็จนักธรรมชั้นโทและนักธรรมชั้นเอก
    ท่านอยู่ที่ในนครสวรรค์ 4 พรรษา จากนั้นก็กลับมาลพบุรี มาจำพรรษาอยู่ที่วัดหนองบัว ต.คลองเกตุ
    อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส ในปี 2483
    ท่านอยู่ที่วัดหนองบัว 3 พรรษา จากนั้นจึงกลับไปเยี่ยมภูมิลำเนาเกิด โดยไปจำพรรษาที่วัดพระเสาร์
    เป็นเวลา 3 พรรษา จากนั้นก็กลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองบัวอีกครั้งหนึ่ง

    ในการอยู่วัดหนองบัวท่านก็ได้โน้มน้าวจิตใจของญาติโยมเข้าวัดปฏิบัติธรรม
    ควบคู่ไปกลับการสอนปริยัติธรรมให้กับพระภิกษุสามเณร
    รวมทั้งเป็นที่พึ่งของญาติโยมในภาวะเจ็บไข้ท่านก็ใช้พลังอำนาจทางจิตทำการรักษา
    รวมทั้งผู้ที่ถูกคุณไสยมนต์ดำ หลวงปู่สยบมาแล้วทั้งนั้น
    ชื่อเสียงด้านการสอนธรรมะและปฏิบัติธรรมของหลวงปู่ ทำให้ผู้ใหญ่ระดับสูงในอำเภอโคกสำโรง
    อาราธนานิมนต์ไปยังอารามแห่งใหม่
    ท่านอยู่วัดหนองบัวครั้งหลัง 3 พรรษา ปี 2492 ก็ได้รับคำสั่งให้ไปปกครองวัดสิงห์คูยาง
    ซึ่งอยู่ใจกลางชุมชนตลาดอำเภอโคกสำโรง ท่านพัฒนาวัดสิงห์คูยาง จนก้าวหน้า
    และได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งพระครูสังฆรักษ์บุญตา พระฐานานุกรมของพระกิตติญาณมุนี
    (พระพุทธวรญาณ) เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี รวมระยะเวลาปกครองวัดสิงห์คูยาง 23 พรรษา

    ขณะที่ท่านพำนักอยู่วัดสิงห์คูยางนั้นท่านเดินทางสู่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
    เพื่อขอรับการฝึกปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานตามแนวทางของพระธรรมธีราชมุนี (โชดกญาณสิทธิ ป.ธ.9)
    ในรุ่นที่ 3 และได้รับการยกย่องจากพระเดชพระคุณ พระพิมลปัญญาว่า เป็นพระวิปัสสนาจารย์ชั้นเยี่ยม
    เพราะเข้าสมาธิได้เป็นที่ 1 สามารถทำให้ร่างกายไม่ไหวติงนานนับ ถึง 1 วัน 1 คืน
    ถึงขั้นมีผู้ทดสอบยกร่างของท่านจากที่เดิมไปที่แห่งใหม่ โดยที่ท่านั่งของท่านยังคงเดิมไม่ไหวติง
    เพราะหลวงปู่ท่านเข้าถึงสภาวะจิตขั้นสูงแล้ว

    วัดคลองเกตุ ต.คลองเกตุ อ.โคกสำโรง ถึงยุคเสื่อมโทรมร้างเจ้าอาวาส
    ชาวบ้านตำบลคลองเกตุได้พร้อมใจกันไปขอร้องท่านผู้ใหญ่ในอำเภอ
    ขออาราธนานิมนต์ไปปกครองวัดคลองเกตุไปเป็นหลักของชาวบ้านคลองเกตุ
    เพราะความศรัทธาที่มีต่อท่านตั้งแต่ครั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองบัว ซึ่งอยู่ในตำบลเดียวกัน

    คณะสงฆ์ผู้ใหญ่ได้สอบถามหลวงปู่ หลวงปู่ก็ตอบตกลงเพราะว่าวัดสิงห์คูยางเจริญแล้ว
    และอยู่กลางอำเภอ และเห็นว่าวัดคลองเกตุเงียบสงบ
    เหมาะแก่การเจริญภาวนา ปฏิบัติธรรม ท่านจึงตอบตกลงทันที

    วันที่ 25 มกราคม 2514 ขบวนชาวบ้านคลองเกตุ ได้จัดขบวนไปรับหลวงปู่ถึงวัดสิงห์คูยาง
    เพื่อไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดคลองเกตุ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
    หลวงปู่ท่านก็ได้ไปบริหารจัดการและพัฒนาจนเจริญก้าวหน้าจนเป็นวัดคลองเกตุในปัจจุบัน

    หลวงปู่บุญตาท่านมีความช่ำชองในการเพ่งกสิณไฟเป็นพิเศษ
    ถึงขนาดที่กำหนดจิตเสกพระให้แก่ผู้ศรัทธาเพียงชั่วอึดใจ
    พระที่ท่านเสกให้ถึงกับร้อนจัดขึ้นทันที
    และที่น่าอัศจรรย์คือมีผู้ห้อยพระของท่านถูกฟ้าผ่า แต่รอดตายได้อย่างปาฏิหารย์
    วัตถุมงคลของท่านทุกรุ่น ประสบการณ์เพียบ....เรื่องแคล้วคลาด ปลอดภัย โชคลาภ
    มีพูดคุยปากต่อปากของลูกศิษย์ของท่านไม่ขาดปากตลอดจนถึงปัจจุบันนี้
    และวัตถุมงคลของท่านไม่มีวางให้เห็นตามแผงพระทั่วไป เพราะลูกศิษย์เห็นจะเก็บไว้หมด
    นานๆ ทีจึงจะเห็นวัตถุมงคลของท่านออกมาให้เห็นตามตลาดพระบ้าง
    กสิณไฟเหนือฟ้า วาจาสิทธิ์
    ลูกศิษย์ของหลวงพ่อบุญตา ทั้งใกล้และไกลได้ประจักษ์ถึงคุณวิเศษของท่านคือ วาจาสิทธิ์
    ถ้อยคำที่ท่านพูดออกไปนั้นมักเป็นความจริงเสมอ จนได้รับการยกย่องว่า หลวงปู่บุญตาวาจาสิทธิ์
    หลวงปู่ท่านเป็นพระกัมมัฏฐานที่มีจิตใจสะอาดมองโลกในงแง่ดีเสมอ
    กายวาจาและจิตใจของท่านบริสุทธิ์จริงไม่มีการพลั้งเผลอขาดสติ
    จิตใจแน่วแน่อยู่ในพุทธคุณ วาจาที่กล่าวออกมาจึงบังเกิดความศักดิ์สิทธิ์
    เป็นที่รู้กันไม่ว่าหลวงปู่จะพูดอะไรก็เป็นไปอย่างนั้น จะทักใครให้อยู่ดีมีความสุข
    คนนั้นก็จะเป็นไปตามที่หลวงปู่พูด คนเกเรข่มเหงไม่ว่าผู้เฒ่าผู้เฒ่าผู้แก่ระรานเขาไปทั่ว
    เมื่อหลวงปู่ทราบก็จะสั่งสอนให้กลับเนื้อกลับตัวเสียใหม่
    ให้ปฏิบัติแต่ในสิ่งที่ดีงามก่อนจะสาย หากคนนั้นรับปากแล้วไม่กระทำตามหรือดูหมิ่น
    ในคำสอนของหลวงปู่ก็จะต้องได้รับความวิบัติจนถึงหายนะไปในที่สุดดังที่ประจักษ์กันมาแล้ว
    คำพูดของท่านที่ลูกศิษย์ได้ยินเสมอคือ ช่างเขาเถอะ

    หลวงปู่ท่านเป็นผู้ที่ให้เสมอ ผู้ใดขออะไร ท่านก็มีแต่ให้ ท่านมักพูดน้อย
    วาจาไพเราะ ผิวพรรณผ่องใสงดงาม ผู้ที่เข้ามากราบท่าน พบท่านแล้วจะเกิดความเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง
    สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของท่านก็คือ การเพิ่มพลังกำลังใจให้แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก
    หรือที่ภาษาของชาวบ้านเรียกว่า ต่ออายุหรือต่อชะตา
    ชาวบ้านใกล้ไกลจะมาให้ท่านสงเคราะห์อยู่อย่างสม่ำเสมอ คนป่วยที่ว่าไม่น่ารอด
    ไปหาหมอไหนๆ ก็ส่ายหน้า แต่ถ้ามากราบนิมนต์ให้ท่านทำหรือแนะนำให้ไปปฏิบัติ
    ก็จะหายจากอาการที่เป็นอยู่ และจะดีขึ้นในวันต่อมา เป็นความมหัศจรรย์จริงๆ

    หลวงปู่ท่านจะอบรมสั่งสอนให้ศิษย์เป็นคนดีหนีทุกข์ยากได้สำเร็จ
    ดั่งคำพูดของท่านว่า "อาตมาเป็นพระภิกษุสงฆ์ บวชแล้วได้อาศัยอาหารของชาวบ้าน
    เลี้ยงตัวตนจึงนับด้วยพระคุณ ดุจทองคำอันมีค่า
    แต่ยังด้อยกว่าข้าวเพียงหนึ่งคำที่ฉันผ่านลำคอ
    ดังนั้น แม้เวลาใดขณะใดญาติโยมมาหา อาตมาก็ต้องต้อนรับขับสู้ด้วยจิตที่มีเมตตายินดี"

    หลวงปู่ท่านได้เมตตาอบรมความคิดคติธรรมคำพรประสิทธิ์แด่ลูกศิษย์ ดังนี้
    1. ให้ทำความสงบทางจิตใจ
    2. ให้ขยันหมั่นเพียร
    3. อย่าเกียจคร้านให้สร้างเนื้อสร้างตัวโดยเร็ว
    4. ให้ทำตัวเป็นคนดี จะได้หลุดพ้นความยากจนและความทุกข์
    5. มีให้เกินใช้ มีมากใช้น้อย
    6. ได้ให้เกินเสีย คือทำงานมีเงินควรเก็บไว้แต่เวลาใช้ก็อย่าใช้มากให้ประหยัด
    7. คบเพื่อนที่ดี เพื่อนที่แนะนำไปในทางที่ดี
    8. สวดมนต์ภาวนา สร้างกุศลเพื่อหลุดพ้นภพชาติ
    ขอให้ญาติโยมทุกคนหมั่นเจริญภาวนาหาเหตุผลแยกแยะความดีความชั่ว
    ดูให้ออกมองให้เห็นและหมั่นทำความดีรักษาศีล เจริญธรรม
    ชีวิตที่อับเฉาของญาติโยมก็จะดีขึ้นมีความสุขขึ้น
    เพราะพระธรรมย่อมนำความสุขสงบความร่มเย็นมาให้

    สมัยก่อนมีลูกศิษย์ได้ถามหลวงปู่บุญตาว่า ทำไมฟ้าจึงผ่าคนแล้วไม่ตายครับ
    หลวงปู่ตอบว่า ฟ้าคงจะทดลองบุญบารมีเขากระมัง
    ลูกศิษย์ท่านนั้นก็ถามว่า ทดลองบารมีใครหรือครับ
    หลวงปู่ตอบกลับไปว่า ลองสวดมนต์บ่อยๆ นั่งกัมมัฏฐานเรื่อยๆ นะ เดี๋ยวก็จะรู้เอง
    ลูกศิษย์คนนั้นก็ได้แต่รับปากว่า...ครับ...หลวงปู่...


    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงปู่บุญตาวัดคลองเกตุอายุ 89 ปี ให้บูชา
    120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231217_200124.jpg IMG_20231217_200155.jpg IMG_20231217_200059.jpg
     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341
    พระผงพระพุทธนวราชบพิตร วัดตรีทศเทพ หลัง ภปร ตอกโค๊ต วาระเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบในหลวงพระราชทานไฟพระฤกษ์ มวลสารประทานสมเด็จพระสังฆราช AA
    รายละเอียด "พระพุทธนวราชบพิตร" นั้น สาธุชนทุกผู้ล้วนรู้จักกันดีว่า เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง ๒๓. ซม. สูง ๔๐ ซม. ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้สร้างขึ้น เพื่อพระราชทานไปประดิษฐานยังจังหวัดต่างๆ ทั้งนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเก
    พุทธลักษณะขององค์พระนั้น มีความงดงามมาก ที่ฐานบัวหงายทรงบรรจุพระพิมพ์ที่ทรงสร้างด้วยฝีพระหัตถ์ของพระองค์เองไว้ ๑ องค์ ประกอบด้วยผงศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ทั้งในพระองค์และจากจังหวัดต่างๆ เรียกขานกันโดยทั่วไปว่า "พระสมเด็จจิตรลดา" บางส่วนโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่ข้าราชบริพาร และโปรดให้ปิดทองด้านหลัง อันเป็นความหมายแห่งคำ "ปิดทองหลังพระ" นับเป็นนิมิตหมายแห่งความผูกพันระหว่างองค์พระมหากษัตริยาธิราช กับพสกนิกรของพระองค์ อันไม่เคยมีมาตั้งแต่อดีตจวบปัจจุบัน
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระพุทธนวราชบพิตรให้เป็นพระพุทธรูปประจำจังหวัด ประดิษฐานไว้ ณ ศาลากลางจังหวัดของทุกจังหวัด และเป็นพระพุทธรูปประจำหน่วยทหาร ประดิษฐานไว้ ณ กองบัญชาการหน่วยทหาร
    จังหวัดแรกที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานพระพุทธนวราชบพิตร คือ จ.หนองคาย ซึ่งได้รับพระราชทานเมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๑๐ ในโอกาสนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสแก่ชาว จ.หนองคาย มีความสำคัญที่ขออัญเชิญมาเฉพาะบางตอน ดังนี้
    “...ข้าพเจ้ามาเยี่ยมท่านคราวนี้ ได้นำพระพุทธนวราชบพิตรมามอบให้ด้วย พระพุทธรูปองค์นี้ข้าพเจ้าสร้างขึ้นเพื่อมอบไว้เป็นพระพุทธรูปประจำจังหวัด ที่ฐานบัวหงายข้าพเจ้าได้บรรจุพระพิมพ์องค์หนึ่ง ซึ่งทำขึ้นด้วยผงศักดิ์สิทธิ์ อันได้มาจากจังหวัดต่างๆ ทั่วราชอาณาจักร...”
    “ขออานุภาพแห่งพระพุทธนวราชบพิตร จงปกปักรักษาท่านให้พ้นจากทุกข์ภัยทุกๆ ประการ บันดาลให้เกิดความสุขสวัสดี มีความก้าวหน้ารุ่งเรืองในการประกอบอาชีพ และมีความสมัครสมานกัน ในอันที่จะร่วมกันสร้างเสริมความมั่นคง และความเจริญก้าวหน้าให้แก่บ้านเมืองของเราสืบไป”
    ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ในฐานะองค์มหาบพิตรที่เป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก ทรงทำนุบำรุงพระศาสนาในทุกด้าน ดังเช่น วัดตรีทศเทพวรวิหาร ซึ่งพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สร้างพระประธานประจำพระอุโบสถขึ้น เป็นรูปพระพุทธนวราชบพิตร เนื่องจากทางวัดได้สร้างพระอุโบสถหลังใหม่ขึ้นแทนหลังเก่าที่ชำรุดทรุดโทรม ใน พ.ศ.๒๕๓๐ อันเป็นปีมหามงคลในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๕ รอบ ๖๐ พรรษา โดยองค์พระประธานพระพุทธนวราชบพิตรวัดตรีทศเทพนั้นมี ขนาดหน้าพระเพลา ๖๑.๙ นิ้ว สูง ๘๙ นิ้ว พระรัศมี ๑๔ นิ้ว ส่วนกว้าง ๓๒ นิ้ว นับเป็นสถานที่แห่งเดียวที่ประดิษฐานพระพุทธรูปในพระองค์
    หลังจากพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ดำเนินการจัดสร้างได้ ทางกรรมการวัดจึงดำเนินการออกแบบและปั้นองค์พระประธาน และได้จัดสร้าง "พระกริ่งและพระชัยวัฒน์พุทธนวราชบพิตร" ขึ้นด้วย แล้วนำความขึ้นกราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีเททองหล่อ "พระพุทธนวราชบพิตร" พระประธานในพระอุโบสถ พร้อมกับพระกริ่งและพระชัยวัฒน์พุทธนวราชบพิตร โดยเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาทรงเททองฯ ในวันพุธที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๓๐ มี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.ณรงค์ มหานนท์ อธิบดีกรมตำรวจในสมัยนั้น เฝ้าฯ รับเสด็จ หลังจากนั้นยังไม่ทันที่จะประกอบพิธียกช่อฟ้าพระอุโบสถหลังใหม่ พระเดชพระคุณพระเทพวัชรธรรมาภรณ์ (สุรพงส์ ฐานวโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ ก็มรณภาพเสียก่อน
    อย่างไรก็ตามในปี ๒๕๕๔ นี้ นับเป็นปีมหามงคลเนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๘๔ พรรษา กอปรกับการก่อสร้างและบูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถหลังใหม่เสร็จสมบูรณ์ พร้อมที่จะประกอบพิธียกช่อฟ้าพระอุโบสถ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองแห่งพระบวรพุทธศาสนาสืบไป คณะสงฆ์และคณะกรรมการวัดตรีทศเทพ จึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจัดสร้างเหรียญและพระพิมพ์ “พระพุทธนวราชบพิตร” จำลองแบบพระประธานในพระอุโบสถ และขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตอัญเชิญพระปรมาภิไธย “ภปร” ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ ประดิษฐานด้านหลังเหรียญและพระพิมพ์ดังกล่าว เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    นอกจากนี้ ยังได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน “ไฟพระฤกษ์” เพื่ออัญเชิญไปจุดเทียนชัยมหามงคลในพิธีมหาพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดตรีทศเทพ ในวันอังคารที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ เวลา ๑๖.๕๔ น. อีกด้วย
    เหรียญและพระพิมพ์ “พระพุทธนวราชบพิตร” นี้ นับเป็นเหรียญมหามงคล นอกจากด้านหน้าจะเป็นองค์พระพุทธนวราชบพิตรแล้ว ด้านหลังยังประดิษฐานพระปรมาภิไธย "ภปร" ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ อันหาได้ยากยิ่ง นับเป็นเหรียญและพระพิมพ์ที่มีความงดงามอย่างถึงที่สุด
    นอกจากนี้ ยังได้รับประทานมวลสารจาก สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และมวลสารศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ อาทิ ช่อชนวนพระกริ่งพระพุทธนวราชบพิตร วัดตรีทศเทพ ปี ๒๕๓๐ ทองคำเปลวที่ลอกจากองค์พระประธานพระพุทธนวราชบพิตร เป็นต้น โดยจัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองคำ เนื้อนวโลหะ เนื้อเงินแท้ ซึ่งมีการตอกโค้ดและมีหมายเลขกำกับทุกเหรียญ รวมทั้งเนื้อทองแดงขัดเงา และพระพิมพ์ ผงพุทธคุณ ซึ่งตอกโค้ดทุกเหรียญทุกองค์
    ด้วยความงดงามตลอดจนความศักดิ์สิทธิ์แห่งองค์พระประธาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
    FB_IMG_1702818481717.jpg
    พระราชทานพระบรมราชานุญาตจัดสร้าง พระปรมาภิไธย “ภปร” ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ เนื้อหามวลสาร ฯลฯ ส่งให้เหรียญและพระพิมพ์ “พระพุทธนวราชบพิตร” เป็นวัตถุมหามงคลอันทรงคุณค่าสูงส่ง
    FB_IMG_1702818478789.jpg FB_IMG_1702818467093.jpg FB_IMG_1702818464591.jpg FB_IMG_1702818462147.jpg FB_IMG_1702818459500.jpg FB_IMG_1702818456359.jpg

    ให้บูชา 120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    กล่องไม่อยู่แล้วเหลือแต่พระนะครับผมแกะออกมาจากตลับสแตนเลส

    IMG_20231217_201614.jpg IMG_20231217_201648.jpg
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341
    1702571035568-jpg-jpg.jpg
    หลวงพ่อไป๋ ญาณผโล วัดท่าหลวง พิจิตร
    ข้อมูลประวัติ
    เกิด วันอังคารที่ 14 เมษายน 2439 ณ บ้านวังไม้ดัก พิจิตร เป็นบุตรของ นายน้อย นางเล็ก นาควิจิตร
    บรรพชา อายุ 16 ปี ณ วัดคลองคเชนทร์ ได้ 2 พรรษา จึงลาสิกขาบท
    อุปสมบท อายุ 20 ปี วันที่ 3 พฤษภาคม 2459 ณ วัดมูลเหล็ก
    มรณภาพ วันที่ 21 มิถุนายน 2517 ณ โรงพยาบาลพิจิตร เวลา 22.48 น.
    รวมสิริอายุ 78 ปี
    หลวงพ่อไป๋ ญาณผลโล (สกุลเดิม นาควิจิตร) หรือ พระฑีฆทัสสีมุนีวงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 14 เม.ย. 2439 หมู่ที่ 7 ต.โรงช้าง อ.เมือง จ.พิจิตร เมื่อครั้งวัยฉกรรจ์อายุครบเกณฑ์ทหารได้รับใช้ชาติสังกัดทหารราบประจำมณฑลพิษณุโลก เป็นเวลา 2 ปี ได้รับยศเป็นสิบตรี เมื่อปี 2459 ได้ลาออกจากราชการทหารและอุปสมบทเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2459 ณ วัดมูลเหล็ก ต.คลองคะเชนทร์ อ.เมือง จ.พิจิตร โดยมีพระครูศีลธรารักษ์ (ยิ้ม) เป็นพระอุปัชฌาย์ สุดท้ายวันที่ 5 ธ.ค. 2499 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่พระฑีฆทัสสีมุนีวงศ์ มงคลพิจิตร ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี (เจ้าอาวาสวัดท่าหลวงและเจ้าคณะจังหวัดพิจิตรตลอดมาจนถึงมรณภาพ 43 ปี) เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2517 รวมอายุได้ 78 ปี 2 เดือน 8 วัน 53 พรรษา ซึ่งเครื่องรางและพระเครื่องที่ลือเรื่องของท่านคือ ตะกรุดกระดูกแร้ง (เกจิอาจารย์เมืองพิจิตร, 2522)
    วัตถุมงคลที่ได้รับความนิยม
    วัตถุมงคลของหลวงพ่อเพชร วัดท่าหลวง พิจิตร ล้วนเป็นวัตถุมงคลที่สร้างขึ้นในช่วงระหว่างที่ท่านครองวัดเป็นเจ้าอาวาสทั้งสิ้น ทั้งประภทเหรียญปั๊ม พระหล่อ เป็นต้น

    พระเครื่องที่รู้จักกันดีที่หลวงพ่อไป๋ได้สร้างขึ้น คือ หลวงพ่อเพชรสามเหลี่ยม เพื่อสมทบทุนทรัพย์สร้างอุโบสถวัดท่าหลวง แต่พิมพ์นี้คือพระคะแนนทำจากเนื้อเงิน หายากมาก (ที่มา : หนังสือพระเครื่องพระบูชาเมือง

    หลวงพ่อไป๋ ญาณผลโล (สกุลเดิม นาควิจิตร) หรือ พระฑีฆทัสสีมุนีวงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 14 เม.ย. 2439 หมู่ที่ 7 บ้านวังไม้ดัก ต.โรงช้าง อ.เมือง จ.พิจิตร เป็นบุตรของ นายน้อย นางเล็ก นาควิจิตร บรรพชา อายุ 16 ปี ณ วัดคลองคเชนทร์ ได้ 2 พรรษา จึงลาสิกขาบท เมื่อครั้งวัยฉกรรจ์อายุครบเกณฑ์ทหารได้รับใช้ชาติสังกัดทหารราบประจำมณฑลพิษณุโลก เป็นเวลา 2 ปี ได้รับยศเป็นสิบตรี เมื่อปี 2459 ได้ลาออกจากราชการทหารและอุปสมบทเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2459 ณ วัดมูลเหล็ก ต.คลองคะเชนทร์ อ.เมือง จ.พิจิตร โดยมีพระครูศีลธรารักษ์ (ยิ้ม) เป็นพระอุปัชฌาย์และได้เรียนวิชาอาคมจากหลวงพ่อเงินบางคลานและท่านยังเป็นศิษย์น้องของหลวงพ่อพิธวัดฆะมังด้วย สุดท้ายวันที่ 5 ธ.ค. 2499 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่พระฑีฆทัสสีมุนีวงศ์ มงคลพิจิตร ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี (เจ้าอาวาสวัดท่าหลวงและเจ้าคณะจังหวัดพิจิตรตลอดมาจนถึงมรณภาพ 43 ปี) เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2517 ณ โรงพยาบาลพิจิตร เวลา 22.48 น. รวมอายุได้ 78 ปี 2 เดือน 8 วัน 53 พรรษา
    วัตถุมงคลที่ได้รับความนิยม
    วัตถุมงคลของหลวงพ่อเพชร วัดท่าหลวง พิจิตร ล้วนเป็นวัตถุมงคลที่สร้างขึ้นในช่วงระหว่างที่ท่านครองวัดเป็นเจ้าอาวาสทั้งสิ้น ทั้งประภทเหรียญปั๊ม พระหล่อ เป็นต้น
    พุทธคุณที่เล่าสืบทอดกันมา
    พุทธคุณในเหรียญรุ่นปี 11 นี้เด่นทาง เมตตามหานิยมและรุ่นปี 14 ด้านรักษาโรค ส่วนตะกรุดกระดูกแร้งพุทธคุณ108
    เครื่องรางและพระเครื่องที่ลือเรื่องของท่านคือ ตะกรุดกระดูกแร้ง และเหรียญปลอดโรคปี2514

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ท่าหลวงพิจิตรปี 2511ท่าหลวงพิจิตรปี 251
    เอาไปบูชาติดฝาผนังบ้าน ร้านค้า ติดรถ เรือ หรือ ม้วนทำตะกรุด หรือ พับเลี่ยม แขวนคอ ได้ทั้งนั้นครับ
    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    เอาไปบูชาติดฝาผนังบ้าน ร้านค้า ติดรถ เรือ หรือ ม้วนทำตะกรุด หรือ พับเลี่ยม แขวนคอ ได้ทั้งนั้นครับ
    IMG_20231217_203655.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2024
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +21,341
    1702667940844-jpg.jpg
    ประวัติ หลวงปู่ พระครูแป๋ว (พระครูปัญญาวิมล) ที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบล เป็น พระอุปัชฌาย์ อายุ ๘๕ปี บวชตั้งแต่ อายุ ๒๐ ปี พ.ศ. ๒๔๙๖ กับพระราชสิงหมุนี พระครูรัตนาธาร(หลวงพ่อเยื้อน)

    พรรษาแรก "หลวงพ่อแป๋ว" อยู่กับหลวงพ่อเชน วัดสิงห์ ร่ำเรียนวิชา ทำตะกรุด ต่อมา ไปเรียนกับหลวงพ่อกวย สักหนุมาน แผลงฤทธิ์ สักธนูมือ สักมงกุฎพระเจ้า (หลังเหรียญรุ่นแรก) ป้อนน้ำมันงาให้ท่านรูปเดียว ตั้งแต่ปี 2498 หลวงพ่อกวยเอ่ยปากยอมรับว่า "อื้อใช้ได้ใช้ได้ทำเหมือนหลวงพ่อแล้วนี่" ปกติหลวงพ่อกวยไม่ยอมรับใครง่ายๆ
    ต่อมาไปหา "หลวงพ่อทอง วัดพระปรางค์" ศิษย์ "หลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์" เรียกหลวงพ่อทองว่า "พ่อ" ปี 2513

    ปี 2517 หลวงพ่อกวยมาเสกพระให้ถึงโบสถ์วัดดาวเรือง หลวงพ่อกวยบอกว่า "ให้พระครูทำบ่อยๆ ทำทุกวันทั้งยืนเดินนั่งนอนกรรมฐานอย่าทิ้ง เมื่ออายุ 70 ปีขึ้นไป ทำได้ขลังเหมือนข้าฯ ” ถึงวันนั้น พระครูแป๋วไม่เป็นสองรองใคร
    https://palungjit.org/threads/หลวงพ่อแป๋ว-วัดดาวเรือง-อ-บางระจัน-จ-สิงห์บุรี.237157/

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงทุกๆท่านครับ
    พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อแป๋ว วัดดาวเรือง สร้างสะพานปี 2538 ให้บูชาคู่กัน
    200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    มีกล่อง1องค์ไม่มีกล่อง1องค์

    IMG_20231218_200214.jpg IMG_20231218_200236.jpg IMG_20231218_200306.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...