รูปหล่อท่านพ่อใยวัดมะขามจันทบุรีเหรียญลพ.รักษ์วัดน้อยแสงจันทร์

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,808
    ค่าพลัง:
    +21,351
    1737350864160.jpg
    พระครูสวัสดิ์ธรรมพินิต(ใย สุวัฑฒิโก)
    วัดมะขาม ต.มะขาม อ.มะขาม จ.จันทบุรี
    โดยรณธรรม ธาราพันธุ์
    เมืองจันท์มีพระที่ได้รับคำยกย่องเป็น "ท่านพ่อ" อยู่ไม่กี่องค์ ที่รู้จักกันทั่วไปแม้มรณภาพไปนานแล้วคือ "ท่านพ่อลี ธัมมธโร" ซึ่งท่านได้ไปสร้างวัดที่เมืองจันท์นามว่า "วัดป่าคลองกุ้ง" ก็ด้วยข้อวัตรที่เคร่งครัด ปฏิปทาที่น่าเลื่อมใส และด้วยจิตตานุภาพที่เข้มขลัง คนจันท์จึงไม่เคอะเขินที่จะเรียกท่านว่า
    "ท่านพ่อลี"
    ก็ท่านพ่อลีนี้แหละทำให้ชาวไทยได้รู้จักกันว่าคนตะวันออกลงนับถือใครสุดใจ ก็ยกย่องเป็น "ท่านพ่อ" ซึ่งคล้ายคลึงกับคนใต้ หากนับถือใครจริง ๆ เขาจะถวายนามเป็น "พ่อท่าน" เช่น "พ่อท่านคล้าย" "พ่อท่านคลิ้ง" ฯลฯ
    บางทีผมก็หลง ๆ ไปเหมือนกัน
    เช่นเดียวกับคนเหนือ เคารพกันจริงเรียกเป็น "ครูบา" เช่น"ครูบาศรีวิชัย" "ครูบาพรหมา" ฯลฯ ส่วนภาคอีสานนับถือสุด ๆ ก็ว่า "ญาท่าน" หรือ "ญาพ่อ" หรือ "ญาคู" (ไม่ใช่ยาคูลท์นะ) แต่ภาคอีสานถ้าเรียกพระบวชใหม่ เขาเรียก ครูบา ฉะนั้นพระบวชใหม่ภาคอีสานหากไปเที่ยวเหนือกับญาติโยมทางอีสาน แล้วโยมเรียก "ครูบา..ครูบา" คนเหนือคงงงพิลึก
    โอ้ เก่งจัง หน้ายังเดะ เดะ อยู่เลย
    วันนี้ คนจันท์มีพระที่ได้รับสมัญญาว่าท่านพ่ออยู่สององค์ ที่ขึ้นชื่อลือชาคือ ท่านพ่อสมชาย ฐิตวิริโย วัดเขาสุกิม ต.เขาบายศรี อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ถ้าให้บรรยายสรรพคุณของท่านพ่อสมชาย
    เกรงจะเอาทุเรียนไปขายสวนทุเรียน
    กวนเก็บใส่ตู้เย็นไว้ก่อนดีกว่า
    แต่องค์นี้เชื่อแน่ว่า เอาทุเรียนไปขายสวนมะพร้าว
    ท่านพ่อใย สุวัฑฒิโก แห่งวัดมะขาม คนแดนมะขามถือท่านเป็นดุจเทพเจ้าแห่งอำเภอเลยทีเดียว คุณธรรมทั้งด้านการบริหารงานปกครองพระเณรและญาติโยม ยกให้ท่านเป็นหนึ่ง ด้านจิตตภาวนาก็ยกท่านเป็นหนึ่งได้อีกเช่นกัน
    เมื่อปี พ.ศ. 2534 ท่านพ่อใยอายุครบ 89 ปี ทางคณะกรรมการวัดมะขามได้จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาใหม่อีกรุ่นมีทั้งรูปเหมือนบูชา ขนาดหน้าตัก 9 นิ้ว และ 5 นิ้ว มีทั้งพิมพ์นั่ง พิมพ์ยืน รวมถึงพระเครื่องมากมาย
    โดยท่านพ่อปลุกเสกแบบบินเดี่ยวในพระอุโบสถ ในงานนี้ไม่มีใครทราบล่วงหน้า พระราชสิงหคณาจารย์ หรือ หลวงพ่อแพ เขมังกโร วัดพิกุลทอง ต.พิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี ก็เข้ามากราบเยี่ยมท่านพ่อถึงที่พัก ทั้งที่ท่านทั้งสององค์ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย ก่อนที่หลวงพ่อแพกำลังคุกเข่าจะก้มกราบนั่นเอง ท่านพ่อก็ลุกขึ้นคุกเข่าเช่นกัน ทันทีที่หลวงพ่อแพก้มกราบ ท่านพ่อก็กราบตอบ เลยกลายเป็นกราบคารวะใส่กัน เมื่อกราบเสร็จแล้วต่างองค์ต่างมองหน้าแล้วยิ้มน้อย ๆ อย่าง รู้กัน
    เมื่อทักทายจนเป็นที่พอใจแล้ว หลวงพ่อแพ ก็เข้าไปในโบสถ์ขึ้นนั่งบนธรรมาสนซึ่งปูอาสนะอยู่แล้ว จากนั้นก็เริ่มอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลทั้งหมดที่อยู่ในนั้น
    น่าอัศจรรย์ไหมล่ะ
    ไม่เคยรู้จักกัน ไม่เคยพบกัน แต่มาเยี่ยมกันโดยไม่ต้องนิมนต์ หลวงพ่อแพอ่อนพรรษากว่าพ่อท่านใย 3 พรรษา แต่เหตุไฉนท่านพ่อจึงต้องกราบหลวงพ่อแพในทันที อย่างนี้น่าจะเป็นเรื่อง...
    ...ของบุญบารมีกระมัง !
    ท่านพ่อใยสร้างเหรียญรุ่นแรกเมื่อปี พ.ศ.2516 มีทั้งหมด 3 ชนิด คือเหรียญรูปเหมือนเสมาครึ่งองค์ เหรียญทรงกลมครึ่งองค์ และแหนบรูปท่านครึ่งองค์ทั้งหมดในปัจจุบันเป็นของหายากไปเสียแล้ว
    วัตถุมงคลอีกอย่างหนึ่งที่ไม่ต้องอ้างกาลเวลาเพราะนับรุ่นไม่ได้นั่นคือ จุกยาฉุน จุกยาฉุนคือ ยาเส้นที่ท่านพ่อมักจะเอามาสีฟันแล้วเหน็บเอาไว้ที่ริมฝีปากบน นัยว่าทำให้ฟันทน แข็งแรง และปากหอม เป็นของแก้เหงาปากแทนหมากได้เป็นอย่างดี และของสิ่งนี้แหละที่สร้างชื่อเสียงให้กับท่านเป็นอย่างมาก
    เพราะเมื่อยาจืดแล้วท่านตั้งท่าจะคายทิ้ง คนก็ตั้งท่าขอทันทีเหมือนกัน ครั้นเอาไว้แล้วก็เอาไปเลี่ยมแขวนกันด้วยถือว่าเป็นของขลังจากท่าน
    ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ
    หลายคนถูกยิงไม่เข้า ถูกแทงถูกฟันไม่เข้า หมากัดไม่เข้า งูฉกแต่อ้าปากไม่ขึ้น เรื่องเหล่านี้มีพบเห็นบ่อย ๆ ในแถบอำเภอมะขาม จนข่าวขลังของ จุกยาฉุน แพร่หลายไปทั่ว ใครมาต่างก็ปรารถนาสิ่งนี้เป็นลำดับแรก กระทั่งกลายเป็นสัญญลักษณ์ของท่านไป ดุจเดียจกับพ่อหลวงสงฆ์ จันทสโร วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย ที่มีจุกยาฉุนและน้ำปลาเป็นเอกลักษณ์
    ปัจจุบันนี้ท่านพ่อใยไม่สามารถจะมอบจุกยาฉุนให้กับผู้มีศรัทธาได้อีกต่อไป เพราะท่านอาพาธด้วยโรคเกี่ยวกับสมองคล้ายกับหลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง แม้ท่านพ่อจะพูดไม่ได้ เดินเหินไม่ได้ก็ตาม แต่จิตของท่านหาได้ป่วยตามร่างกายไม่ จิต ท่านตื่นอยู่เสมอ รับรู้การไปมาของศิษย์ รับฟังถ้อยคำได้เป็นอย่างดี
    เพียงโต้ตอบด้วยคำพูดไม่ได้เท่านั้น
    คราวหนึ่งคุณอภิรักษ์ จุฬาศินนท์ กับผมได้ขึ้นไปกราบนมัสการท่านที่วัดมะขาม เมื่อคุณอภิรักษ์ได้เห็นรูปหล่อขนาดบูชา 5 นิ้วของท่านพ่อ ซึ่งสร้างในปี พ.ศ. 2527 อันเป็นรูปหล่อที่สวยงามและพิธีดีเยี่ยมรุ่นหนึ่งก็เกิดอยากจะเช่าไว้บูชา ตามประสาของคนมีน้ำใจคุณอภิรักษ์ก็โทรศัพท์หาอาจารย์เบิ้มเพื่อสอบถามว่าจะเอารูปหล่อท่านพ่อไหม ?
    อาจารย์เบิ้มตอบกลับมาว่าเอา คุณอภิรักษ์จึงเลือกรูปหล่อขึ้นมา 2 องค์และโดยที่ผมไม่ทราบ คุณอภิรักษ์ได้จดจำตำหนิรูปหล่อไว้แล้วในใจเพื่อแยกแยะว่าองค์ไหนของเขา องค์ไหนของอาจารย์เบิ้ม ผมเองก็เช่าด้วยองค์หนึ่ง
    เมื่อเอารูปหล่อทั้งหมดไปถวายให้ท่านพ่อประสิทธิ์ประสาทให้ ท่านก็เอามือจับรูปหล่อทั้งหมดไว้นานพอสมควร แล้วท่านก็ยกขึ้นองค์หนึ่งยื่นมาข้างหน้า คุณอภิรักษ์ก็กรากเข้าไปรับรูปหล่อนั้นทันที ด้วยเข้าใจว่าเป็นองค์ของคุณอภิรักษ์เอง
    แต่ท่านไม่ปล่อย
    ประคองกันอยู่นานก็ไม่ปล่อยให้สักที คงถือค้างอยู่อย่างนั้น จนลูกศิษย์ท่านบอกกับผมว่า
    คุณรับจากท่านพ่อสิ
    ผมจึงยื่นสองมือเข้าไปรับ คราวนี้ท่านปล่อยอย่างง่ายดาย จากนั้นท่านก็หยิบขึ้นมาอีกองค์แล้วทำแบบเดิม คุณอภิรักษ์ก็เข้าไปรับ
    ปรากฏว่าปล่อยทันที !
    หยิบมาอีกองค์ยื่นให้คุณอภิรักษ์ ท่านก็ปล่อยให้โดยดีอีกเช่นกัน เหตุนี้สร้างความสงสัยให้กับคณะเราอย่างมากว่า ทำไมท่านทำอย่างนั้น ? แต่แล้วความสงสัยก็มอดมลายกลายเป็นความศรัทธาอย่างถึงขีด เมื่อก้มลงพิจารณารูปหล่อตรงหน้าของตน
    เพราะรูปเหมือนแต่ละองค์ที่รับมานั้น คือ องค์ที่ทุกคนได้เลือกสรรไว้ในใจทั้งสิ้น
    องค์แรกที่คุณอภิรักษ์เข้าไปรับแล้วท่านไม่ให้คือของผม องค์ที่สองที่ท่านให้คุณอภิรักษ์เป็นของคุณอภิรักษ์เอง และองค์ที่สามที่ยื่นให้เป็นของอาจารย์เบิ้ม
    อย่างนี้น่าจะเรียกว่ารู้วาระจิตใช่หรือไม่ ?
    ไม่ว่าจะวิจารณ์ไปเช่นไร ผลก็คือความเคารพศรัทธาในท่านพ่อใยเกิดขึ้นมาแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย จากเดิมที่มีอยู่ 90 เปอร์เซ็นต์ คงเป็น 100 เต็มในวันนั้นเอง
    ทุกวันนี้เครื่องมงคลของท่านพ่อซึ่งมีอานุภาพ พอจะคุ้มให้ท่านทั้งหลายได้อย่างแน่นอนยังคงมีตกค้างอยู่ที่วัด ท่านพ่อเองแม้จะพูดคุยไม่ได้ แต่ท่านยังคงทรงสังขารวัย 95 ปีให้เราได้เคารพ กราบไหว้บูชาอยู่ที่วัดเช่นกัน

    FB_IMG_1737348033005.jpg FB_IMG_1737348035758.jpg FB_IMG_1737348038434.jpg FB_IMG_1737348041103.jpg FB_IMG_1737348043384.jpg FB_IMG_1737348046048.jpg FB_IMG_1737348048635.jpg
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ เวปnavaratและเพจศิษย์ท่านพ่อใย
    รูปหล่อท่านพ่อใย วัดมะขามรุ่นอายุ ๙๐ ปี
    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250120_120955.jpg IMG_20250120_121017.jpg IMG_20250120_121044.jpg
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,808
    ค่าพลัง:
    +21,351
    FB_IMG_1737355015662.jpg
    หลวงพ่อรักษ์วัดน้อยแสงจันทร์
    พระครูสุธรรมธาดา หรือหลวงพ่อรักษ์ ฐิตธรรมโม อดีตเจ้าอาวาสวัดน้อยแสงจันทร์ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ฉบับนี้ขอแนะนำเหรียญดังที่ปลุกเสกเดี่ยวโดยเกจิอาจารย์ผู้ถูกจัดลำดับหนึ่งในร้อยแปดเกจิขลังเมื่อครั้ง ๔๐-๕๐ ปีที่แล้ว ท่านเป็นอดีตเจ้าอาวาสรูปที่ ๔ ของวัดน้อยแสงจันทร์ ซึ่งถือว่าเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่ ๕ (พ.ศ.๒๔๔๔) ในครั้งนั้นได้มีคหบดี ๔ ราย บริจาคที่ให้สร้างวัด คือ นายน้อย นางแสง นายจันทร์ และนายเหม็น วัดนี้จึงได้รับการตั้งชื่อตามผู้บริจาคที่ดิน เพียงแต่รายที่ ๔ ซึ่งมีนามว่านายเหม็นนั้น เจ้าตัวเห็นว่าชื่ออาจจะไม่เป็นมงคลนัก จึงให้ใช้ชื่อเพียง ๓ รายว่า “น้อยแสงจันทร์” เป็นชื่อวัด
    คนแม่กลองนับถือหลวงพ่อรักษ์ วัดน้อยแสงจันทร์กันมากๆ เพื่อเผยแพร่เกียรติคุณท่าน พระเกจิย่านแม่กลองและมหาชัย ถ้าไม่เก่งจริง คงไม่มีใครเขานับถือกันหรอกครับ ท่านเป็นพระยุคเดียวกับหลวงพ่อสุด วัดกาหลง แต่คนละจังหวัด เอาเป็นว่าจะหาพระที่หวังพึ่งพระพุทธคุณจริงๆ เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อรักษ์ แห่งวัดน้อยแสงจันทร์เหรียญนี้ ใส่แล้วไม่ต้องห่วง นานๆจะมีซักเหรียญครับ เหรียญหลวงพ่อรักษ์ วัดน้อยแสงจันทร์ยุคแรกๆ มักมีรูปโยมพ่อ โยมแม่ หรือคนที่ท่านนับถือ หรือพระอุปัชชาย์อยู่ในเหรียญเสมอ เพราะท่านเป็นพระที่มีความกตัญญูสูงมากครับ
    ครูบาอาจารย์ที่ถือเป็นองค์หลักของท่านเลย คือ หลวงพ่อช้าง วัดเขียนเขต ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี แต่จะได้เรียนกับหลวงพ่อเปลื้องด้วยหรือไม่นั้นไม่มีหลักฐานยืนยัน นอกจากนี้ท่านยังได้ชื่อว่ามีความกตัญญูเป็นเลิศ เลี้ยงดูบิดามารดาจนสิ้นอายุขัย ที่วัดศิษย์สายหลวงพ่อคง ท่านก็ว่าหลวงพ่อรักษ์ เก่งเอาการ วัตถุมงคลของท่านมีประสบการณ์เรื่องป้องกันภัยจากอุบัติเหตุทางรถยนต์สูงมาก ประเภทรถคว่ำพังยับแต่คนที่แขวนพระของท่านไม่เป็นอะไร ที่ว่าประสบการณ์ด้านนี้มีเยอะก็เพราะว่าแถบแม่กลองจะมีการขนส่งผลไม้ ของทะเล ฯลฯ
    หลวงพ่อรักษ์ท่านมีสมณศักดิ์ที่พระครูสุธรรมธาดา ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ทำการบรรพชาอุปสมบทกุลบุตรทั้งใกล้ไกลนับไม่ถ้วน เป็นที่เคารพรักเทิดทูนบูชาของลูกศิษย์โดยเฉพาะชาวจังหวัดสมุทรสงครามและจังหวัดใกล้เคียง รวมไปถึงจังหวัดปทุมธานี ที่องค์อาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทพระเวทย์วิทยาคมให้แก่หลวงพ่อรักษ์ คือ หลวงพ่อช้างวัดเขียนเขต หลังจากได้รับการประสิทธิ์ประสาทวิชาจากหลวงพ่อช้างอย่างหมดสิ้น ปี ๒๔๙๔ ท่านก็ได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดน้อยแสงจันทร์ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม และท่ายังได้ศึกษาพระเวทย์อาคมกับท่านพ่อบัณฑูรย์สิงห์ ฆารวาสผู้กระเดื่องนามที่มีเกจิอาจารย์ยุคเก่าเป็นลูกศิษย์ของท่านมากมาย
    หลวงพ่อรักษ์แห่งวัดน้อยแสงจันทร์องค์นี้จัดเป็นเกจิขลังอาจารย์ดังผู้มี “ดี” อย่างแท้จริง ท่านจะปลุกเสกวัตถุมงคลทุกรุ่นด้วยตัวท่านเองเพียงลำพัง ไม่มีการจัดพิธีพุทธาภิเษกแต่อย่างใด แม้ท่านจะจากไปในปี ๒๕๓๘ ด้วยวัย ๘๖ ปี แต่ลูกศิษย์ลูกหาของท่านยังเหนียวแน่น ในจำนวนวัตถุมงคลของท่านหลายรุ่นหลายแบบทั้งเนื้อผง รูปหล่อ และเหรียญ หลายรุ่นหลายวาระ ตั้งแต่เหรียญรุ่นแรก ปี ๒๕๐๖ ด้านหลังเป็นพระพุทธชินราชเนื้ออัลปาก้า อันเป็นที่นิยมและแสวงหาด้วยสูงประสบการณ์อย่างครบถ้วนทั้งแคล้วคลาดคงกระพัน
    หลวงพ่อรักษ์ท่านเป็นบุตรผู้มีกตัญญูกตเวทิตาต่อบุพการีอย่างยิ่ง โยมพ่อโยมแม่ของท่านจึงได้รับการปั้นรูปเอาไว้ในที่บูชาและอัญเชิญประดับหลังเหรียญของท่านเพื่อเป็นมงคลแก่ผู้บูชา เหรียญทุกรุ่นของท่านมีประสบการณ์อย่างเล่าขานกันไม่รู้จบ ไม่เพียงแคล้วคลาดคงกระพันที่เชื่อขนมกินได้ตามสำนวนโบราณที่เล่าขานกันมาว่าทั้งเหนียวและแคล้วคลาดแบบแมลงวันไม่ได้กินเลือด จึงจัดเป็นเหรียญดีเหรียญเด่นเหรียญเก่าที่มีค่านิยมและยังพอแสวงหากันได้
    โอกาสถัดไปจะเอาประวัติและรายละเอียดเรื่องราวพร้อมทั้งประวัติการสร้างวัตถุมงคลทุกรุ่นมานำเสนอให้ละเอียด โดยเฉพาะพระเนื้อผงพิมพ์สมเด็จสะดุ้งกลับของท่านนั้นเป็นที่แสวงหากันอย่างยิ่ง ว่ากันว่าพุทธคุณดุจเดียวกับหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วทีเดียวครับ
    อมตะสังขารหลวงพ่อรักษ์
    หลวงพ่อรักษ์ ฐิตธมฺโม เป็นบุตรของปู่ยิ้ม ย่าเหม (มีรูปปั้นอยู่บนกุฏิขลังมากมีคนบนบานสำเร็จมามากรายแล้ว) เกิดที่คลองบางตะบูน เดือนเจ็ด วันพุธ ปีจอ ในวัยเด็กเป็นเด็กวัดอยู่วัดสวนแก้ว อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ภายหลังย้ายมาอยู่ใกล้วัดน้อยแสงจันทร์ เคยตามอาไปอยู่ที่ปทุมธานีใกล้วัดเทียนถวาย แล้วย้ายไปที่ อ.ธัญบุรี เรียนหนังสืออยู่ที่นั่นจนอายุครบอุปสมบทวันที่ ๒๒ ก.ค.๒๔๗๔ มีพระครูธีญญเขตรเขมากรเป็นพระอุปัชฌาย์
    ต่อมาพระประทุมวรนายกเมตตาส่งให้ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดพวงแก้ว ต.บึงบอน อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ที่วัดนี้ท่านสอบได้นักธรรมโท และไปต่อนักธรรมเอกที่วัดเขียนเขต (เชียงเขต) โดยท่านสอบได้คะแนนดีกว่ารูปอื่นๆ
    ท่านเรียนกรรมฐานกับหลวงพ่อช้างที่วัดเขียนเขต และเรียนกรรมฐานเพิ่มเติมจากท่านพ่อบัณฑูรสิงห์ (เจิม คุณาบุตร)ที่วัดเกตมวดีศรีวราราม ต.บางโทรัด อ.สมุทรสาครเมื่อท่านกลับมาอยู่ที่วัดน้อยแสงจันทร์เพื่อโปรดโยมมารดาที่ชราภาพ ในขณะนั้นหลวงพ่อพูนเป็นเจ้าอาวาสอยู่ เมื่อหลวงพ่อพูนมรณภาพท่านก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสต่อ เพราะท่านมีคุณสมบัติเหมาะสมด้วยอายุพรรษากาล
    ในสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่นั้นท่านจะเน้นงานเผยแผ่พุทธศาสนาอย่างยิ่ง มีการฝึกอบรมพระภิกษุสามฌรรทุกกึ่งเดือน ทำวัตรเช้า-เย็น รวมทั้งมีการอบรมศีลธรรมแก่เด็กวัด และนักเรียนโรงเรียนของรัฐ ประชาชนตามหลักเบญจศีลเบญจธรรม พ.ศ.๒๕๑๖ ท่านได้ช่วยสอนประชาชนในจังหวัดสมุทรสงครามและจังหวัดใกล้เคียงให้รู้จัก "หลักการนั่งกรรมฐาน"
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงพ่อรักษ์วัดน้อยแสงจันทร์ ปี๒๕๑๔
    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250120_134136.jpg IMG_20250120_134214.jpg
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,808
    ค่าพลัง:
    +21,351

แชร์หน้านี้

Loading...