รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 3)

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย karan20, 4 ตุลาคม 2011.

  1. rawats_99

    rawats_99 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +1,947
    .....ตั้งความคิดเห็นให้ตรงแล้วก็ทำตามคิดเห็นที่ตรงนั้น...มีเครื่องมือวัดความถูกต้องคือศีล...ทำอะไรก็ตามให้อยู่ในกรอบของศีล...สมาธิ....ปัญญา...อย่าสนใจว่าได้ขั้นไหนๆ..เพราะแต่ละขั้นก็เป็นการสมมติเรียกกันเท่านั้นเอง...แต่แก่นแท้คือความสิ้นไปของกิเลส..ปลายทางคือความสิ้นไปของอสาวะ...ความเย็นจากกิเลส...ถ้าวันไหนตบยุงแล้วถือเอาว่าไม่บาปเพราะมันกัดเรา..ก็ยังไม่ไปไหน...แต่ถ้าคิดได้ว่ามันก็หิว...เราก็หิว..นั้ำนก็พัฒนาไปมาก...ไม่ต้องให้ใครมาเตือนมาบอก...ตนเตือนตนบอกตนโดยใช้คู่มือคือศีลห้า ศีีลแปดศีลสิบ...หลังจากนั้นไปก็ให้เป็นเรื่องของอนาคตถ้าวันนี้เราทำทุกอย่างไว้ดีแล้วเชื่อได้ว่าพรุ่งนี้ก็จะออกมาดีและอย่างน้อยๆก็อาจจะีดี...อย่าประมาท
     
  2. เดชเดชะ

    เดชเดชะ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2010
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +14
    ข้อ 1. โปรดพิจารณาค่ะ ข้าพเจ้าคิดว่า ชี่วิตไม่เที่ยง เปลี่ยนแปลง เป็นทุกข์ ทนได้ยาก เหนืออำนาจที่จะกำหนดได้ จึงไม่ใช่ของเรา และหากไม่ได้ดวงตาเห็นธรรมยังต้องเวียนว่ายตายเกิด นรกนั้นหลีกเลี่ยงได้ยาก ไม่ควรประมาท ขณะจิตเดียวเปลี่ยนทุกสิ่ง เช่นทำดีมาตลอด เมื่อเห็นสามีมีชู้เกิดโทสะฆ่าคน โดยเฉพาะขณะจิตที่ต้องตาย จะกำหนดเข้าใจธาตุขันธ์ในขณะเจ็บปวด ให้ไปในทางที่แน่นอน หรือถูกต้อง ทุคติภูมิได้อย่างไรค่ะ
    ข้อ.2 ท่านอยู่ในทางของ โสดาปติมรรคอยู่แล้ว แต่เพียงยังไม่มั่นคง พระพุทธองค์ทรงเห็น ท่านเปสการีธิดาเมื่อใกล้ถึงความตายจิตยังก้ำกึ่งไม่แน่ว่าจะไปทุคติภูมิหรือไหม เมื่อพระองค์ศาสดาเมตตาโปรด จึงถึงพร้อมซึ่งความเข้าใจว่าทุกสิ่งไม่เที่ยงจริงๆ ตายแล้วไม่มีทางรู้ว่าจะไปไหน แต่ต้องตายแน่ๆ และจงไม่ประมาททำความดี ทุกขณะจิตสามารถตายได้เสมอ แค่เพียงชั่วลมหายใจเข้าออก ถูกไหมค่ะ
     
  3. ปลายฟ้า2012

    ปลายฟ้า2012 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +6
    ส่งการบ้านของชั่วโมงที่ 3ค่ะ

    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ตอบ...การเป็นพระโสดาบันนั้นต้องละสังโยชน์ได้ทั้ง3ประการ อันได้แก่ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา และ สีลัพพตปรามาส ซึ่งดิฉันคิดว่าไม่ใช่สิ่งที่ยากเกินความสามารถของมนุษย์ค่ะ ขอเพียงตั้งใจจริง และมีความพยายามโดย ใช้หลักอิทธิบาท4 ก็จะประสบความสำเร็จในการบรรลุโสดาบันค่ะ


    2. อ่านนอกเวลา อ่านตามลิงค์นี้ อารมณ์โสดาบัน แล้วลองวิเคราะห์วิจารณ์ว่า
    เหตุใด เปสการีธิดา จึงไม่ได้บรรลุพระโสดาบันตั้งแต่ฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าในครั้งแรก
    (แต่สุดท้ายท่านก็ได้เป็นพระโสดาบัน)
    ตอบ...การฟังธรรมครั้งแรกของเปสการีธิดานั้น ทำให้เปสการีธิดาได้ความรู้เป็นเบื้องต้น เท่านั้น ยังไม่มีการนำมาคิดและปฏิบัติอย่างจริงจัง จึงยังไม่ได้ชื่อว่าบันลุโสดาบันโดยแท้จริง
    ต่อมาท่านได้นำความรู้นั้นมาคิดพิจารณาไตร่ตรอง แล้วเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีงาม เป็นสิ่งที่สมควรทำ ท่านจึงได้นำสิ่งนั้นมาปฏิบัติ ประพฤติอยู่นานจนฝังแน่นเป็นอุปนิสัย และเป็นเอกัคคตารมณ์ จนกระทั่งจนสุดท้ายก่อนจะสิ้นชีวิต พระพุทธเจ้าก็ได้มาแสดงความมั่นใจโดยสาธุการรับรองท่านว่าท่านบันลุโสดาบันจริงๆ
     
  4. magnagiled

    magnagiled เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    596
    ค่าพลัง:
    +1,444
    ส่งการบ้าน ครั๊บ

    1.อ่านเข้าใจง่ายเช่นเคย มีแต่เนื้อหาสำคัญๆ และคิดว่า ทำได้แน่ๆค่อยฝึกไป

    2.นางเปรการีธิดา ปฏิบัติตามครบทุกข้อ แต่ยังมีที่ไปไม่แน่นอน จากบทความ มีประโยคที่
    บอกถึงสาเหตุก็คือ "ก็ชื่อว่าเธอเป็นโสดาปัตติมรรคแล้ว แต่ว่าอารมณ์จิตยังไม่มั่นคง" จึงเข้า
    ใจว่า การจะเข้าถึงได้นั้น ต้องฝึกอารมณืจิตให้มั่นคงด้วย ซึ่งจะติดตามเรียนต่อในบทต่อไป ครับ
     
  5. magnagiled

    magnagiled เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    596
    ค่าพลัง:
    +1,444
    re คำถามที่ว่าสวดมนต์เพื่ออะไร....
    การสวดมนต์นั้นรู้คำแปลหรือไม่รู้คำแปลก็มีผลดีทั้งนั้น
    หากรู้คำแปล ก็เกิดการคิดพิจารณา จัดเป็นวิปัสนากรรมฐาน หรือสัมมาทิฏฐิ
    หากไม่รู้คำแปล แต่ก็เกิดความตั้งใจสงบ จัดเป็นสมถกรรมฐาน หรือสัมมาสมาธิ

    หากไม่รู้คำแปล แล้วใจก็ไม่ค่อยสงบ
    แต่อาศัยมีความตั้งใจจริง จิตใจเราเคารพและระลึกถึงพระพุทธเจ้า
    นี่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย เพราะเป็นพุทธานุสติ
    และละสังโยชน์ข้อวิจิกิจฉา ไม่โลเล ไม่ลังเลสงสัยในพระรัตนตรัย เป็นกุศลมหาศาล




    เป็นเรื่องที่ผมหาคำตอบมานานมากๆ แต่ก็ยังรู้สึกคำตอบที่ไ่ด้ไม่ใช่รู้สึกขัดๆบางอย่างในใจ(ขัดใจนั่นเอง) วันนี้ได้อ่านคำตอบที่ทำให้รู้สึกดี และเครียร์มาก ขอบพระคุณมากนะครับ
     
  6. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,032
    ส่งการบ้านชั่วโมงที่ 3 ค่ะ

    การบ้านของชั่วโมงที่ 3 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ตอบ พระโสดาบันละสังโยชน์ได้ 3 ประการ พระโสดาบันมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง พระโสดาบันคิดเสมอว่าเราจะต้องตายได้ในวันนี้เด๋วนี้ จึงไม่ประมาทในความตาย และหมั่นสร้างแต่ความดีเพราะไม่มีเวลาข้างหน้าที่จะต้องไปทำ ทำดีที่นี่เด๋วนี้และตรงนี้ พระโสดาบันไม่คิดเบียดเบียนผู้อื่นมีศีล 5 อันบริสุทธิ์ แต่พระโสดาบันก็ยังรักได้ อยากได้ รวยได้ เก่งได้ เสมือนทางโลกทางธรรมนั้นสามารถเดินทางไปด้วยกันได้ กระนั้นเลย หากทำได้เป็นได้ ทุกข์ในใจที่เคยมีเคยเกิดคงลดลงไปได้มหาศาล สาธุ

    2. อ่านนอกเวลา อ่านตามลิงค์นี้ อารมณ์โสดาบัน แล้วลองวิเคราะห์วิจารณ์ว่า
    เหตุใด เปสการีธิดา จึงไม่ได้บรรลุพระโสดาบันตั้งแต่ฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าในครั้งแรก (แต่สุดท้ายท่านก็ได้เป็นพระโสดาบัน)
    ตอบ เพราะในตอนแรกนั้นนางเปสการีธิดายังมีอารมณ์จิตไม่มั่นคง ต่อมาเมื่อนางเปสการีธิดามีจิตใจที่มั่นคงในความตายว่าตายแน่เมื่อไหร่ๆก็ต้องตาย มั่นคงในศีลที่รักษาไว้อย่างบริสุทธิ์บริบูรณ์ และศรัทธามั่นในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและในพระธรรมคำสอน จิตใจคงมั่นอยู่เช่นนั้นไม่อาจแปรเปลี่ยนให้เป็นอื่นไปได้ จึงทำให้นางเปสการีธิดาเป็นพระโสดาบันในกาลต่อมา สาธุ สาธุ สาธุ โมทนาสาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2011
  7. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    สาธุ สาธุ สาธุ.......
     
  8. T8

    T8 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +21
    การบ้านของชั่วโมงที่ 3 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    = ไม่ยากครับ ยังไหวอยู่ :D
    2. อ่านนอกเวลา อ่านตามลิงค์นี้ อารมณ์โสดาบัน แล้วลองวิเคราะห์วิจารณ์ว่า
    เหตุใด เปสการีธิดา จึงไม่ได้บรรลุพระโสดาบันตั้งแต่ฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าในครั้งแรก
    (แต่สุดท้ายท่านก็ได้เป็นพระโสดาบัน)
    = เพราะครั้งแรกที่ฟังเธอยังไม่ได้ปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าครับ
    (เพิ่งมาทำตอนหลังจากที่พระพุทธเจ้าท่านทรงเทศน์เสร็จแล้ว และกลับวิหารไปแล้ว)
     
  9. thitarat

    thitarat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +203
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ละเอียดขึ้นมากกว่าบทเรียนที่หนึ่งและสอง และเชื่อว่าเป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้จริงในชีวิตประจำวัน ด้วยก่อนหน้านี้ก็เคยคิดอยู่แล้วเรื่องความตาย และธรรมชาติของชีวิตมนุษย์ แต่คงต้องปรับแนวคิดในเรื่องสีลัพพตปรามาส เพราะตัวเองอาจเหมือนนางเปสการีธิดาในบางส่วน
    2. จากการอ่านเรื่องของนางเปสการีธิดา เห็นว่า นางปฏิบัติ โดยเอาอารมณ์ความพึงพอใจที่ได้เห็นวงหน้าพระพุทธเจ้าเป็นหลัก และนางยังไม่แน่ใจในการปฏิบัติ จากการตอบคำถามทั้ง 3 คำถามแรกของนาง

    ขอบคุณนะคะที่สร้างบทเรียนขึ้น จะติดตามต่อไปค่ะ
     
  10. gogogourmet

    gogogourmet สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +24
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    -รู้สึกว่าการเป็นพระโสดาบันง่ายนิดเดียว แต่เพราะความหลงโลกของเราจึงทำให้ต้องเวียนว่ายตายเกิดครั้งแล้วครั้งเล่า
    2. อ่านนอกเวลา อ่านตามลิงค์นี้ อารมณ์โสดาบัน แล้วลองวิเคราะห์วิจารณ์ว่า
    เหตุใด เปสการีธิดา จึงไม่ได้บรรลุพระโสดาบันตั้งแต่ฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าในครั้งแรก
    (แต่สุดท้ายท่านก็ได้เป็นพระโสดาบัน)
    -คิดว่าท่านยังไม่มีความมั่นใจในตัวเอง คือยังเชื่อไม่เต็มร้อยในสิ่งที่ท่านทำนั้นถูกต้องหรือไม่ จนเมื่อพระพุทธเจ้าทรงเมตตายืนยันว่า เปสการีธิดาท่านได้ดำเนินมาในทางที่ถูกที่ควรแล้วจึงได้บรรลุโสดาบัน
     
  11. 99kansita

    99kansita เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +310
    ส่งการบ้านของชั่วโมงที่ 3 ค่ะ

    การบ้านของชั่วโมงที่ 3 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ว่ากันตามอารมณ์ของโสดาบัน จากข้อที่ 1.คิดว่าพระรัตนตรัยเป็นของดีแน่นอน (ละวิจิกิจฉา)
    อันนี้น่าจะยอมรับกันได้ง่าย เพราะเราชาวพุทธถูกปลูกฝังมาอย่างนั้นอยู่แล้ว
    ส่วนถ้าใครจะเถียงว่าพระรัตนตรัยไม่ดี อันนี้เราไม่ขอคุยด้วย
    ตอบสำหรับเก้าคิดว่า ในสังคมไทยปัจจุบัน ที่ได้พบเจอมาแต่ละคนเปรียบเหมือนบัวสี่เหล่าจริง การได้พบเจอบุคคลประเภทบัวพ้นน้ำถือว่าเป็นกำไรชีวิตอย่างมหาศาลคือคงได้สร้างบุญกุศลร่วมกันจึงได้มาพบกันเป็นกัลยาณมิตรอบรมธรรมให้ก้าวหน้ากันอีก อันนี้ก็ต้องขออนุโมทนาด้วย
    ส่วนการได้พบเจอบุคคลประเภทบัวปริ่มน้ำนี้สำคัญที่ว่าถ้ามีเมตตาต่อกัน การได้สนทนาทางธรรมต่อกันแล้วต่อยอดกันไปได้ถือเป็นกุศลอย่างยิ่งเหมือนการจุดต่อเทียนเพิ่มความสว่างไสวไปเรื่อยๆ
    ส่วนการได้พบเจอบุคคลประเภทบัวใต้น้ำ และบุคคลประเภทบัวในโคลนตรม อันนี้แสดงถึงภูมิจิตก่อนเกิดมาว่าน่าเห็นใจ แต่ยังโชคดีมีกุศลรองรับอยู่บ้างถึงได้เกิดมาเป็นคน เพื่อจะได้สร้างบุญกุศล หรือสร้างอกุศลก็แล้วแต่ ถ้าเขาเหล่านั้นไม่เชื่อถือในพระรัตนตรัยซะแต่แรกแล้วคงต้องแล้วแต่เวรกรรมของใครของมัน มิฉะนั้นคำชี้แนะด้วยความปรารถนาดี อาจก่อให้เกิดวิบากกรรมกับผู้ไม่เชื่อถืออยู่แล้วให้มากขึ้นไปอีกถ้าเขาเกิดปรามาสผู้เป็นอริยะบุคคลโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม ฉะนั้นถ้าสนทนาด้วยแล้วจิตมัวหมองก็ขอหลีกเลี่ยงเหมือนกันค่ะ ถอยดีกว่า ไม่เอาดีกว่า...


    ข้อที่ 2.คิดว่าคนเราเกิดมาต้องตาย เราอาจจะตายเมื่อไหร่ก็ได้
    อาจจะตายวันนี้ก็ได้ ถ้าตายเราจะไปอยู่กับพระพุทธเจ้าที่พระนิพพาน
    (ละสักกายทิฐิได้ในระดับหนึ่ง และมีการเจริญอุปสมานุสติ)
    เรื่องตายนี้มักประมาทไป แต่เมื่อนำมาแสดงไว้ก็คงไม่มีใครเถียงเพราะเป็นความจริง เถียงไม่ได้
    และเมื่อพระพุทธเจ้าที่เรานับถือ ท่านบอกว่าไปนิพพานดี เราก็เชื่อท่านไว้ก่อน
    หากไปถึงแล้วไม่ดีจริง เราค่อยกลับมาเวียนว่ายตายเกิดใหม่ก็ได้ ว่าไปนั่น
    สำหรับเก้าคิดว่า ความตายเป็นเรื่องธรรมดาค่ะ พึงระลึกอยู่ตลอดเวลาด้วยความไม่ยึดติดในตัวตน แต่คำว่าไปนิพพานพูดยากค่ะ ถ้ายังไม่ได้สัมผัสจริงในดวงจิตแห่งชีวิตปัจจุบัน จึงยังไม่กล้าพูดว่าจะไปนิพพาน กล้าพูดแต่เพียงว่าขอทำปัจจุบันให้ดีที่สุดในแนวทางคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ( จึงอยากฝึกมโนมยิทธิก่อน เพราะเคยได้อ่านคำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านว่า
    วัตถุประสงค์ของการฝึกมโนมยิทธิ เพื่อให้นักปฏิบัติทุกท่าน พิสูจน์พระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า นรก สวรรค์ พรหม นั้นมีจริงหรือไม่ พระนิพพานสูญจริงหรือ และเป็นการปฏิบัติทางลัดให้เข้าสู่พระนิพพานได้โดยเร็วขึ้น ไม่ใช่ฝึกเพื่อความสนุกสนานหรือเพื่อเป็นการโอ้อวดบุคคลอื่น หรือเพื่อไปเป็นหมอดูให้ชาวบ้าน
    จุดประสงค์ให้ทุกท่านตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน โดยเริ่มเป็นพระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์ นักปฏิบัติทุกท่านควรศึกษา สังโยชน์ ๑๐ และบารมี ๑๐ ให้เข้าใจ และอารมณ์ของพระอริยเจ้าตั้งแต่เบื้องต้นจนถึงปลาย

    เพราะเหตุนี้ เก้าจึงปรารถนาจะได้ร่ำเรียนวิชามโนมยิทธินี้ก่อน ถ้าสำเร็จแล้วจึงจะกล้าพูดค่ะ จำได้ว่า แม้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านยังกล่าวว่า อย่าเชื่อตามตำรา อย่าเชื่อโดยไม่พิสูจน์ด้วยตนเองให้ประจักษ์ประมาณนี้น่ะค่ะ ( ขออ้างอิงจากตรงนี้เลยค่ะ อิอิ ที่คุณ karan20 นำมา “พระโสดาบันก็มีความเชื่อมั่นในคุณพระรัตนตรัย
    คือเชื่อพระพุทธเจ้า ในการเชื่อก็ใช้ปัญญาพิจารณาก่อน ไม่ใช่สักแต่ว่าเชื่อ” )


    ข้อที่ 3.คิดว่าเราจะไม่เบียดเบียนทำร้ายใครโดยเด็ดขาด (ละสีลัพพตปรามาส)
    ข้อนี้ยากกว่าข้ออื่นเล็กน้อย เพราะบางทีมีแอบคิดว่าแล้วถ้าเขามาเบียดเบียนเราก่อนล่ะ
    ยังงี้เราขอเอาคืนบ้างได้มั้ย จะได้หายแค้น ก็ต้องอธิบายกันเยอะหน่อยในข้อนี้สำหรับบางท่าน
    การไม่เบียดเบียนทำร้ายคนอื่น คือ ไม่เบียดเบียนทางกาย ทรัพย์สิน คนรัก ไม่เบียดเบียนทางวาจา
    และไม่มัวเมากับของมึนเมาเพราะเป็นการเบียดเบียนตัวเอง
    และยังเบียดเบียนคนใกล้ชิดและอาจเผลอสติไปเบียดเบียนคนอื่น
    สรุปลงที่ศีล 5 นั่นเอง
    สำหรับเก้าเห็นด้วยค่ะ เมื่อฝึกไม่เบียดเบียนทางกายบ่อยๆ ต่อไปจิตเราจะเบาสบาย ทำให้สติรู้คอยเตือนตนเองด้วยว่า แม้การตำหนิผู้อื่น ถือเป็นการเบียดเบียนทางวาจา หรือ คิดไม่ดีต่อผู้อื่นก็เหมือนเป็นการเบียดเบียนทางใจด้วย จิตเขาจะละเอียดไปเรื่อยๆค่ะ
    ที่ทำเสมอคือ ตัวเราเองต้องพยายามตั้งมั่นในศีล 5 พอเผลอสติปั๊บ จิตเขาจะรู้ตามทันทีค่ะ รับรู้แล้วเรียนรู้ไปเรื่อยๆค่ะ ไม่ปกปิดความคิดที่ไม่ดีไว้ ดีให้รู้ ไม่ดีก็ให้รู้ แล้วนำมาพิจารณาค่ะ


    2. อ่านนอกเวลา อ่านตามลิงค์นี้ อารมณ์โสดาบัน แล้วลองวิเคราะห์วิจารณ์ว่า
    เหตุใด เปสการีธิดา จึงไม่ได้บรรลุพระโสดาบันตั้งแต่ฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าในครั้งแรก
    (แต่สุดท้ายท่านก็ได้เป็นพระโสดาบัน)
    ตอบ เปสการีธิดา มีจิตยินดีในกุศลอยู่แล้ว เมื่อมาฟังเทศน์พระจอมไตร ในเบื้องต้นเธอก็ได้อารมณ์โสดาบันแล้ว คือ
    2.1.เธอนึกถึงความตายเป็นอารมณ์ ไม่ประมาทในชีวิต ( นั่นคือการละแล้วซึ่งสักกายทิฏฐิ )
    2.2.เธอนึกถึงในองค์พระจอมไตรทุกวันอยู่เสมอ( นั่นคือพุทธานุสสติกรรมฐาน)
    2.3.เธอนึกถึงพระธรรมคำสั่งสอนของพระจอมไตรไว้เสมอว่า “ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง เธอทั้งหลายจงอย่าประมาทในชีวิต”
    2.4.เธอมีความศรัทธาในศีล5 และน้อมนำไปปฏิบัติตามด้วยพากเพียร
    ฉะนั้นกล่าวได้ว่า เบื้องต้นเธอได้อารมณ์โสดาบันแล้ว เพียงแต่อารมณ์จิตยังไม่ตั้งมั่น ภาวะการบรรลุพระโสดาบันจึงยังไม่ปรากฏในใจเธอ เมื่อพระจอมไตรเมตตาเธอและได้เสด็จมาสอบอารมณ์อีกครั้งทำให้เปสการีมีความมั่นใจในการปฏิบัติยิ่งขึ้นจึงเกิดอารมณ์ตั้งมั่น กล่าวได้ว่าความมั่นใจของเธอนั่นแหละทำให้เธอได้บรรลุพระโสดาบันในที่สุด สาธุ.


    ขออ้างอิงจาก “ด้วยเธอมีความมั่นคงในความรู้สึก จิตมีความมั่นในคุณพระรัตนตรัย มั่นในความตาย คิดว่าเมื่อไหร่ก็เชิญ มันตายแน่ มั่นในศีลที่เธอรักษา แล้วก็มีศรัทธาในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และในพระธรรมคำสั่งสอน” ขอบคุณค่ะ.
     
  12. pinkstar

    pinkstar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2011
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +545
    ส่งการบ้านของชั่วโมงที่ 3 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    เมื่อศึกษาแล้ว รู้สึกว่า การมีอารมณ์มั่นคง ศรัทธา ในพระรัตนตรัย และความรู้สึกระลึกถึงความตายเป็นอารมณ์ตลอดเวลา พร้อมทั้งการยึดมั่นในศีล ด้วยการใช้ปัญญาพิจารณาตาม เห็นความจริงว่าเป็นธรรมดา จะทำให้มีสติพร้อมตลอดเวลา น่าจะทำได้ไม่ยาก
    ต้องประกอบด้วยสัมมาทิฐิก่อน จึงใช้ปัญญาพิจารณาความรุ้นี้ เพื่อนำมาปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด จะได้บรรลุถึงผลในที่สุด

    2. อ่านนอกเวลา อ่านตามลิงค์นี้ อารมณ์โสดาบัน แล้วลองวิเคราะห์วิจารณ์ว่า
    เหตุใด เปสการีธิดา จึงไม่ได้บรรลุพระโสดาบันตั้งแต่ฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าในครั้งแรก
    (แต่สุดท้ายท่านก็ได้เป็นพระโสดาบัน)
    มีความเห็นว่า เปสการีธิดา เมื่อได้ฟังธรรมครั้งแรก นางยังไม่ได้วางกำลังใจและปฏิบัติในข้อนี้ หลังจากนั้น นางได้ปฏิบัติตาม และเมื่อได้รับคำยืนยันจากพระพุทธเจ้า ทำให้นางบรรลุเป็นพระโสดาบันในที่สุด

    ขอบคุณสำหรับบทเรียน ทำให้ได้ความรู้มาก และติดตามต่อไปคะ
     
  13. choovy

    choovy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +344
    การบ้านของชั่วโมงที่ 3 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    =รู้สึกว่ายากเอาการแต่ก็ไม่ยากที่จะทำ
    2. อ่านนอกเวลา อ่านตามลิงค์นี้ อารมณ์โสดาบัน แล้วลองวิเคราะห์วิจารณ์ว่า
    เหตุใด เปสการีธิดา จึงไม่ได้บรรลุพระโสดาบันตั้งแต่ฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าในครั้งแรก
    (แต่สุดท้ายท่านก็ได้เป็นพระโสดาบัน)
    =ขาดการชี้นำทางการคิดและปฏิบัติ
     
  14. My Buddha

    My Buddha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +2,473
    ส่งการบ้านค่ะ

    ข้อที่ 1 : คิดว่าคุณธรรมของพระโสดาบันเป็นสิ่งจำเป็น เป็นคุณธรรมที่มนุษย์ทุกคนควรมี เพื่อให้โลกและสังคมสงบสุข
    ข้อที่ 2 : พระนางมีความเข้าใจชอบ ขาดแต่ความมั่นใจ เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสนับสนุนว่าเธอคิดถูกแล้ว เข้าใจถูกแล้ว ความคิดและอารมณ์ใจของเธอที่ตั้งไว้ดีอยู่แล้วจึงทำให้เธอบรรลุโสดาบันในขณะนั้นอง
     
  15. Jenny19

    Jenny19 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +97
    ส่งการบ้านชั่วโมงที่ 3

    1. อ่านแล้วคิดว่าไม่ยากเกินความสามารถของเราหากจะพยายาม ตรงละสังโยชน์ 3 ประการนั้น จะต้องพยายามอย่างมากก็คือในเรื่องของศีลให้บริสุทธิ์ ในข้ออื่น คิดว่าเราต้องทำได้ค่ะ อ่านแล้วไม่มีอะไรยากเกินกว่าความตั้งใจจริงของเราค่ะ

    2. สาเหตุที่ยังไม่บรรลุพระโสดาบันในครั้งแรกนั้น ตามความคิดส่วนตัวนะคะ เพราะเธอไม่เคยได้รับรู้ธรรมะแบบนี้มาก่อน ไม่มีผู้สอน เหมือนเรือไม่มีหางเสือ แต่เมื่อนางได้สดับรับฟังธรรมะจากพระพุทธองค์แล้ว ก็ให้เกิดความปิติ
    และเกิดความศรัทธาที่จะทำ จึงได้ลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง ตามที่ท่านบอก ครั้นเมื่อได้ปฏิบัติจนถึงพร้อมแล้ว ในอารมณ์มีแต่พระพักตรของพระพุทธเจ้ ครั้นได้ฟังธรรมอีกครั้ง จึงเหมือนจึ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่เติมเต็ม จึงได้บรรลุมรรคผลในครั้งที่สองนั่นเอง
     
  16. ไผ่มรกต

    ไผ่มรกต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,896
    ความประมาทในมนุษย์ปัจจุบัน

    คนเราคือมนุษยทั้งหลายในโลกนี้ ส่วนมากก็เป็นคนประมาท ส่วนมากตกอยู่ในความประมาทยิ่งชนชาวชมพูทวีปด้วยแล้ว ก็เป็นผู้มีความประมาทอย่างยิ่งทีเดียว คนในชมพูทวีปเป็นผู้ประมาท คือหมู่เราประเทศไทย หรือในภูมิภาคส่วนนี้คือเป็นชมพูทวีป ชมพูทวีปเป็นส่วนหนึ่ง ของโลกโลกเรานี้แบ่งส่วนออกเป็น 4 ส่วนหรือเรียก ในทางธรรมดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นว่าเป็นทวีป คนในทวีปอื่นอีก 3 ทวีปเขามีอายุแน่นอน ส่วนในทวีปเราเขาเรียกว่าชมพูทวีป และมีพระพุทธเจ้ามาตรัส เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในโลกนี้ก็มี พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตรัสรู้ในชมพูทวีป ทำไมจจึงเป็นอย่างนี้ คือคนในชมพูทวีป มีความประมาทมากคือประมาทมากเป็นอย่างยิ่ง ทั้งมีอายุน้อย แล้วก็ยังเป็นผู้ตั้งอยู่ในความเป็นผู้ประมาท ถ้าจะกำหนดอายุของชาวชมพูทวีป นี้ท่านกำหนดว่า มีอายุเพียงแ่ค่ 75 ปี เท่านั้น แต่ก็ไม่แน่นอน กำหนดลงไปเป็นส่วนใหญ่ว่า คนในชมพูทวีปจะมีอายุเป็นกำหนด 75 ปี อายุขัยสิ้นอายุก็ประมาณ75 ปีเลยจากนั้นไป ก็เป็นคนมีอายุเหมือนกัน แต่เขาเรียกว่าเลยกำหนด เลยประมาณ ตามที่ได้กำหนดไว้ ในภูมิทั้ง3 หรือวัยทั้ง3 สำหรับท่านผู้รู้กำหนด วัยของมนุษย์ในชมพูทวีป ไว้เป็น 3 วัยคือปฐมวัย มัจฉิมวัย และปัจฉิมวัย ปฐมวัยคือวัยเเรก ท่านกำหนดไว้ 25 ปี วัยที่สองก็เท่ากัน วัยทีสามก็เท่ากัน จึงเป็น75 ปี ท่านกำหนดไว้เป็นอย่างนั้น ในชาวชมพูทวีปเรา มีอายุน้อยกว่าทวีปอื่นๆ ดังที่เคยได้กล่าวมาแล้วนั้น ทั้งนี้ความไม่แน่นอนก็ยังมีมาก ในสมัยปัจจุบัน และยิ่งในสมัยปัจจุบันนี้แล้ว จะคิดว่าในอายุของเรา ผ่านไปถึงอายุ 75 ปี มันก็ไม่แน่นอนเลย สมัยนี้คนหนุ่มตายมาก คือตายในอายุไม่ถึง มัจฉิมวัย เนื่องจากกาลเวลาๆและกรรมที่กระทำในชาติก่อนๆ ให้มาประจวบกันในเวลานี้ มักไม่แน่นอน คือจะทำให้อายุจะสั้น และโรคภัยไข้เจ็บ ก็มาก อุบัติเหตุก็มีมาก จะมาในวันใหนในอายุ เท่าใด เวลาใด ไม่อาจรู้ได้เลย จะเป็นหญิง จะเป็นชาย จะเป็นชาวบ้านหรือเป็นภิกษุสามเณร หรือเป็นพระราชา มหากษัตริย์ฺ ก็ไม่อาจจะรู้ได้ คือหมายความว่า ไม่รู้วันตายแม้ถึงอย่างนี้ มนุษย์เรา ก็มีความเห็นเข้าข้างตัว คิดว่ายังไม่ตาย นี้คือความประมาท ของมนุษย์เรานี้ อาศรมไผ่มรกต
     
  17. จิตสุดท้าย

    จิตสุดท้าย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +54
    เรียนถามคุณ karan20 ครับ ถ้าขณะนี้ผมมุ่งมั่นตั้งใจรักษาศีล5 ให้บริสุทธิ์ ยอมรับนับถือ เชื่อมั่นศรัทธาในพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ เชื่อในคำสอนของพระพุทธองค์ว่านรกสวรรค์มีจริง บุญบาปมีจริง เวรกรรมมีจริง และยอมรับว่าชีวิตนี้คนเราเกิดมาถึงอย่างไรก็ต้องตาย และคิดเสมอว่าเบื่อชีวิตเหลือเกินไม่อยากเกิดอีกแล้ว แต่ผมยังอยากรวยอยู่บ้าง ยังมีความโกรธอยู่บ้าง มีอารมณ์ไม่พอใจอยู่บ้าง จะพอมีโอกาสเข้าใกล้การเป็นพระโสดาบันบ้างไหมครับ
    ส่วนนางวิสาขา เป็นพระโสดาบันตั้งแต่7ขวบ เป็นไอดอลในใจผมเลยครับ เพราะนางวิสาขาเป็นผู้ที่ได้ขึ้นชื่อ ทำทานเป็นเลิศ ซึ่งเทียบกับเราซึ่งทำทานเพียงเล็กน้อย อานิสงค์จึงต่างกันมากครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...