เรื่องเด่น รวมหลวงพ่อตอบปัญหา/จากคำบอกเล่า

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย Wannachai001, 21 กรกฎาคม 2012.

  1. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,735
    [​IMG]


    ในหลวงทรงเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานผ้าพระกฐิน ณ วัดสามพระยา พ.ศ. ๒๕๐๔
     
  2. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,735
    2.jpg



    "ความขยันนั้น ลางทีเกิดเป็นนิสัยมาเอง ลางทีต้องอาศัยฝึกหัดกันเรื่อยๆไป เพื่อให้เกิดเป็นนิสัยขยันหรือเกิดความขยันเป็นนิสัย ไม่ยอมให้เป็นโอกาสความเกียจคร้านเข้ามาแทรกซึมได้

    วิธีฝึกให้เกิดความขยันนั้น ในสมัยโบราณมีอยู่หลายวิธี แต่มีอยู่วิธีหนึ่งที่พระพุทธองค์เคยทรงใช้มาคือ การแบ่งเวลาออกเป็นส่วนๆ ว่าเวลาไหนต้องทำอะไร และฝึกฝนตามนั้น ทำกันเรื่อยไป ไม่ใช่ทำกันชั่วครู่ชั่วยามแล้วก็เงียบหายไป อย่างนี้ไม่ใช่ลักษณะขยัน ลักษณะขยันต้องเดินเรื่อยๆไปไม่หยุด เหมือนกระแสน้ำไหลในฤดูน้ำ มิใช่ดังลักษณะพลุที่สว่างวาบเดียวแล้วก็หยุดกัน"



    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น ชุตินฺธโร) วัดสามพระยา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2020
  3. จิรญาโณ

    จิรญาโณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2011
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +2,800
    รบกวนสอบถามนิดนึงครับพี่

    เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาได้ไปกราบหลวงพ่อที่วัดท่าซุง ขากลับแวะซื้อหนังสือที่ตึกรับแขก ตั้งใจจะซื้อ "บันทึกของชาโดว์" ทุกเล่ม แต่ได้มาแค่เล่ม ๘ เท่านั้น
    หลวงพี่ที่ดูแลอยู่ท่านบอกว่า คุณชาโดว์ เสียแล้ว ทำให้ไม่สามารถจัดพิมพ์เพิ่มได้

    พี่พอจะแนะนำได้มั้ยครับว่าจะหาซื้อ "บันทึกของชาโดว์" ได้ครบที่ไหน

    ขอบพระคุณมากครับ
     
  4. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,735


    ที่บ้านซอยสายลมยังเหลือฉบับรวมเล่ม 1-2 และ ฉบับรวมเล่ม 3-4 อยู่ครับ แต่เล่ม 5, 6, 7 และ 8 ที่่สายลมหมดแล้วครับ




    http://palungjit.org/threads/นานาเรื่องราวต่อองค์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน.310631/page-16
     
  5. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,735
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2016
  6. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,735
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2016
  7. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,735
    [​IMG]
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2016
  8. จิรญาโณ

    จิรญาโณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2011
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +2,800
    ขอบพระคุณมากครับพี่ :cool:
     
  9. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,735
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2016
  10. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,735
    เรื่องพระศรีอาริยเมตไตรย


    ผู้ถาม : กระผมเคยได้ยินมาว่าเมื่อครบ 5,000 ปีแล้ว ก็จะมีศาสนาของพระศรีอาริยเมตตรัย สืบต่อจากศาสนานี้

    หลวงพ่อ : หมายความว่า เมื่อสิ้นศาสนา 5,000 ปีแล้วใช่ไหม ? แล้วพระศรีอาริยเมตตรัยจึงมาตรัส

    ผู้ถาม : ใช่ครับ

    หลวงพ่อ : คุณก็ต้องคอยเวลานั้นซินะ

    ผู้ถาม : (หัวเราะ)

    หลวงพ่อ : ความจริงไม่ใช่อย่างนั้นนะคุณ ถ้าพระศาสนานี้ครบ 5,000 ปีแล้ว พระศรีอาริยเมตตรัยยังไม่มาตรัส จะต้องว่างจากพระพุทธศาสนาไป 1 พุทธันดรก่อน แต่ว่าในช่วงที่ว่างพระพุทธเจ้านี่ก็จะมี พระปัจเจกพุทธเจ้า ขึ้นมาแทน

    สำหรับพระปัจเจกพระพุทธเจ้านี่ต่ำกว่า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือว่าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาแล้วก็ทรงสอนคนตั้งแต่อันดับต้นให้รู้จักการให้ทาน ให้รู้จักการรักษาศีล ให้รู้จักการเจริญภาวนา ให้รู้จักการครองเรือนให้อยู่เป็นสุข และให้รู้จักปฏิบัติตนให้เข้าถึงกามาวจรสวรรค์ ให้เข้าถึงพรหมโลก ให้เข้าถึงพระนิพพาน

    สำหรับพระปัจเจกพระพุทธเจ้าไม่เช่นนั้น ท่านตรัสรู้แล้วท่านก็เฉยๆ หากว่าจะสงเคราะห์คน ก็สงเคราะห์ในขั้นต้น คือทานกับศีล ไม่เหมือนสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทีนี้เมื่อเวลากาลล่วงไป 1 พุทธันดร อาตมาตอบไม่ได้นะว่ากี่ปีถ้าจะให้รู้กันจริงๆคุณก็จงอย่าตายนะ อยู่ไปจนกว่าพระศรีอาริย์จะมาอยู่ไหวไหมละ ?

    คนถาม : (หัวเราะ) ไม่ไหวครับ

    หลวงพ่อ : เป็นอันว่า เมื่อครบ 1 พุทธันดรแล้ว พระศรีอาริยเมตตรัยมาตรัสเป็พระพุทธเจ้าองค์ที่ 5 ในกัปนี้

    แต่ว่าสำหรับกัปนี้ ไม่ได้มีพระพุทธเจ้าเพียง 5 พระองค์ พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ไว้ว่า หลังจากพระศรีอาริยเมตตรัยมาตรัสแล้ว ยังมีพระพุทธเจ้าต่อไปอีก 5 พระองค์ คือในกัปนี้ทรงพระพุทธเจ้าได้ 10 พระองค์

    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับรวมเล่ม ปีที่ 1 *2523 * 1-8 หน้า 550-551)




    หมายเหตุ : อ่านแล้วน่าจะเป็นที่เข้าใจได้ชัดเจนว่า พระศรีอาริยเมตตรัย ท่านจะลงมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปเมื่อใดแน่ ผมเข้าใจว่ามีหลายท่านอยู่ที่เข้าใจกันสับสนเรื่องพระศรีอาริยเมตไตรยจะลงมาตรัสกันเมื่อใด เพราะไปอ่านเรื่องบางเรื่องที่มีผู้สร้างกระแสขึ้นมา


    เรากำลังอยู่ในศาสนาของสมเด็จองค์ปัจจุบันที่ทรงพระนามว่าพระสมณโคดม ศาสนาพระองค์ท่านทรงได้ครบ 5,000 ปี ตอนนี้ผ่านมาแล้ว 2,555 ปี เหลืออีก 2 พันกว่าปีกว่าจะครบศาสนาของพระองค์ท่าน

    พระพุทธเจ้าแต่ละองค์ท่านจะไม่ลงมาตรัสทับซ้อนกับช่วงศาสนาของพระพุทธเจ้าอีกองค์อย่างแน่นอนครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2020
  11. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,735
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2013
  12. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,735
    แก้ดวงเมืองประเทศไทย

    ผู้ถาม : ขณะนี้ดวงของประเทศชาติกำลังแย่ หลวงพ่อมีวิธีแก้ไขตามพระพุทธศาสนา อย่างเช่นการสะเดาะเคราะห์ใหญ่จะช่วยชาติได้หรือไม่ ลูกๆจะได้ช่วยประเทศชาติในด้านใดบ้างเจ้าคะ ?

    หลวงพ่อ : มันของไม่ยากเลยนะ ให้เอาดวงของประเทศชาติมา ถ้าเอาอะไรผูกไว้ฉันจะช่วยแก้ออกให้(หัวเราะ) ดวงประเทศชาติเป็นอย่างไรน่ะ ฉันไม่เคยรู้เขาเลย

    ผู้ถาม : เป็นดวงเมืองหรือเปล่าครับ ?

    หลวงพ่อ : ดวงเมืองหรือดวงกรุงเทพฯ มันมี 2 ดวงนะ เอาอย่างนี้ดีกว่า ดวงมันเป็นวิชาของโหร ถ้าตามพระพุทธศาสนาเขาเรียกว่ากฏของกรรมอย่างนี้ถูกกว่านะ

    กฏของกรรมนี่เราแก้กันไม่ได้ สมมุติว่าสีมันเข้มเราก็พยายามเอาสีหนึ่งเข้ามาผสมให้มันจาง สีมันไม่จางแต่สีอื่นมันทับ นั่นคือกฏของกรรมที่ทำให้คนลำบาก คือบาปในชาติก่อน เราก็สร้างบุญให้มันเยอะ การสร้างบุญให้มันเยอะไม่ใช่ต้องใช้เงินเยอะ บางทีกุศลก็ไม่มาก ไม่แน่นะ อย่างพวกที่เจริญกรรมฐาน บูชาพระสวดมนต์ จิตก็สะอาดขึ้น ทำอย่างนี้เรื่อยๆ ไปก็แล้วกัน

    วิธีแก้อีกวิธีหนึ่งที่ท่านย่าบอกไว้คือให้ว่า คาถาเงินล้าน ด้วยความตั้งใจ อย่างน้อยวันละ 30 จบ ไม่ต้องจบครั้งเดียวนะ หลายครั้งภายในวันเดียวนะ อย่างนี้จะแก้ความฝืดเคืองได้

    ค่อยๆแก้ แล้วก็ไม่ต้องไปแก้ดวงมือง แก้ดวงของเราก็แล้วกัน ใช่ไหม ถ้าดวงของเราดีหมด เมืองของเราก็ดีด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2014
  13. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,735
    เกร็ดพระหางหมาก

    ตอนแรกหลวงพี่วิรัชท่านคิดจะทำพระหางหมากเป็นสีเขียวเหมือนสีใบพลูที่กินกับ หมาก เมื่อไปกราบเรียนหลวงพ่อทราบ หลวงพ่อท่านบอกให้เป็นสีชมพู เพราะสีชมพูจะทำให้ตัดกับทองเด่นขึ้น

    คุณสามารถ ทิพย์รัตน์เป็นผู้เล่าให้ฟังในหนังสือสมบัติพ่อให้เล่ม 2 หน้า 173


    [​IMG]
     
  14. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,735
    พอดีไปเจอคาถาบทนึงน่าสนใจครับ

    คาถาว่า คะสะชะนะ หลวงพ่อฤาษีท่านบอกว่าคาถานี้ใช้แล้วจะชนะศัตรู ให้เติม สัมปะติจฉามิ ท่องติดต่อกันไปเลย

    " คะสะชะนะ สัมปะติจฉามิ "










     
  15. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,735
    เรื่อง...กสินวิญญาณของในหลวง



    เป็นการสนทนากันระหว่างหลวงพ่อและในหลวงในหลายๆ ด้าน ทั้งเรื่องการเมือง และเรื่องสงเคราะห์ช่วยเหลือคน และที่ขาดไม่ได้คือเรื่องธรรมะ ในระหว่างที่กำลังสนทนากันอยู่นี้ ตอนหนึ่งเรื่องกรรมฐาน หลวงพ่อเล่าการสนทนาเรื่อง "กสิน" ให้ลูกศิษย์ทั้งหลายฟังว่า..

    ในหลวง : หลวงพ่อบันทึกเสียงมาให้ผมคาสเซ็ทเดียว กสิน ๑๐ อย่าง คาสเซ็ทเดียว

    หลวงพ่อ : ถ้าทำได้อย่างเดียว อย่างอื่นทำได้หมด

    ในหลวง : แต่ว่า กสินวิญญาณ หลวงพ่อไม่ได้บอกมาด้วย

    ล่อกสินวิญญาณ เข้าให้ มันมีในแบบที่ไหนล่ะ(หัวเราะ) ไม่มีในแบบ ของท่านมี เอ้อ...แปลกจริงเหมือนกัน เราก็นั่งฟัง ถามมันเป็นอย่างไร กสินวิญญาณ นี่ไม่มี เมื่อวานมวยวัดเลยไม่รู้ใครเป็นใคร ท่านไม่ชอบใช้ราชาศัพท์

    ท่านบอกว่าคุยบอกลูกทุ่งๆ สบายก็มีกันแค่สองคน เมื่อวานไม่มีใครขัดคอกันเลย ปิดประตูคุยกัน เพราะว่าตอนที่ไปภูพิงค์ ท่านให้นั่งไม่มีที่พิง ใช่ไหม ต่างคนต่างนั่งพรมคนละผืน ไม่มีที่พิง เราออกมาเราก็บ่น ไอ้ภูพิงค์นี่มันพิงแต่ภู (หัวเราะ)

    เข้าไปไม่มีที่พิงเลย พวกชาววังเขาออกมา เราก็บ่นเข้าไปอีก เมื่อวานนี้มีที่พิง สวนจิตร มีที่พิง มีที่พิงให้ มีเบาะสูงกว่าพระองค์ประทับหน่อยนะ แล้วเขาจัดมีทั้งหมากทั้งน้ำร้อน มีน้ำชาแล้วก็มีน้ำเย็น แต่ไม่มีเวลากินเลย พอจ้อก็ตั้งตัวไม่ติดเลย (หัวเราะ)

    โอ้โฮ ! พูดถี่ยิบ ใครบอกพระเจ้าแผ่นดินพูดช้า ที่ไหนได้ โฮ้ ! ตามลำพัง ล่อกันถนัด เมื่อวานออกมาเหนื่อยแฮ่กเลย นี่ความจริงปล่อยให้ท่านชกคนเดียวตั้งครึ่งชั่วโมงแล้วนะ

    เมื่อกี้เล่าถึงอะไร (พุทธบริษัทตอบ กสินวิญญาณ) เออ..ใช่ ! จะลืม จะไหลไปเสียแล้วนะ กสินวิญญาณ ท่านก็ตรัสถามว่า "หลวงพ่อทำมาคาสเซ็ทเดียว ทำไมกสินวิญญาณ ไม่บอก ?" เราเอ๊ะ ! กสินวิญญาณ มันมีที่ไหนเรียนมาเยอะแล้ว ไม่เจอะ กสินวิญญาณก็นั่งนึก ก็เลยถามท่าน บอก "พระมหาบพิตรตรัส มันเป็นอย่างไร กสินวิญญาณ"

    ท่านก็บอกว่า แหม..ท่านละเอียดมากนะ เรื่องธรรมมะละเอียด ละเอียดจัด เรียกว่าพระที่คุยมาแล้วด้วยกัน
    ที่ผ่านพระมาแล้ว อาตมากล้าพูดว่าหลายพันองค์ที่สัมผัสมา แล้วเรื่องปฏิบัติ นักเทศน์ไม่มีความสำคัญนะ นักปฏิบัติก็มีนะที่ว่าพระหลอกๆ ไม่ใช่หมายถึงเขาเลว หมายถึงว่า "สมมติสงฆ์" ใช่ไหม พระที่ยังไม่ถึงพระโสดาบันจะเป็นขั้นไหนก็ตาม แก่แค่ไหนก็ตาม พระพุทธเจ้ายังไม่เรียกว่าพระ เรียกว่า "สมมติสงฆ์" ถ้าหากตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปท่านจึงจะเรียกได้

    นี่เคยสัมผัสกับพวกนี้มาเป็นร้อย ไม่ใช่เป็นของดี แล้วก็ยังไม่เคยมีใครพูดเรื่องกสินวิญญาณ ไอ้เราก็อ่านพระไตรปิฎกก็ไม่มีจะนึก เอ๊ะ! พระอรหันต์รุ่นนั้นน่ากลัวจะบันทึกตก (หัวเราะ) ก็เลยถามอาการ

    พระองค์ก็ทรงอธิบายว่า "สมมติว่าผมจะจับภาพกสิน คือภาพอะไรสักอย่างหนึ่ง แต่จิตนึกอย่างพระพุทธรูปตั้งอยู่ข้างหน้านี่" ท่านก็ชี้ไปจุดใดจุดหนึ่ง เมื่อวานนี้ฉันออกท่ากันนะ

    ต่างคนต่างออกท่ารำกันไปในตัวเสร็จไม่ใช่ร้องอย่างเดียว ว่ากันเต็มที่ เพราะไม่มีใครขัดคอ เป็นห้องส่วนพระองค์ ปิดประตูเลย ปิดประตูลงกลอนเองเลย ชี้ไปที่พระพุทธรูป "อย่างผมนึกไปที่พระพุทธรูป ไอ้กระแสจิตนี่มันออกไปหาพระพุทธรูปที่มันยังไม่ถึง ไม่เอาเป็นองค์ อันนี้เขาเรียกว่าวิญญาณใช่ไหม ?"

    บอกใช่ ! เอาเข้าแล้ว ตัวนี้เรียกกสินใช่ไหม บอกเขาไม่เรียกกสิน ที่พระมหาบพิตรบอก กสินวิญญาณ อาตมางงเป็นไก่ตาแตก ไม่รู้เรื่องเลย ท่านก็บอก "เขาเรียกว่าอะไรหรือครับ หลวงพ่อ" เขาเรียกว่า "วิญญาณัญจายตนฌาน" เป็นอรูปฌาน มันเลยกสินไปแล้ว...

    ต้องมีกสินเป็นภาคพื้นแล้วก็จึงใช้ตัวนี้ได้ บอก อ้อ เล่นเราเกือบแย่หาว่าไม่บอก ท่านบอก บันทึกคาสเซ็ทไม่เห็นมี กสินวิญญาณ ไอ้เราก็งงติ้วเลย นี่ท่านเลยบอกถ้าจะจำอันนี้เขาเรียกว่าอะไรครับ ก็เลยบอก เขาเรียกว่า
    "วิญญาณัญจายตนฌาน" เป็น "อรูปฌาน"

    แต่ภาคพื้นจริงๆต้องมาจากกสินก่อน ถ้าเราจับกสินถึงฌาน ๔ แล้วค่อยมาจับวิญญาณ แต่ความจริงเขาจะไม่จับวิญญาณก่อน จะต้องจับอากาศก่อน ที่เรียกว่า "อากาสานัญจายตนฌาน"


    อากาสานัญจายตนฌาน แล้วก็เพิกทิ้งไป แล้วก็จับกสินเข้ามาอีก ให้จิตตั้งฌาน ๔ ต่อไปก็จับ "วิญญาณัญจายตนฌาน" หลังจากนั้นเมื่อจับได้แล้วก็ทิ้งไป

    จับกสินขึ้นมาให้ทรงตัว ก็มาจับ "อากิญจัญญายตนฌาน" ที่เรียกว่าไม่มีอะไรเลย โลกนี้ไม่มีอะไรเหลือ

    หลังจากนั้นก็ทิ้งไป ก็จับ "เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน" เป็นอรูปขั้นที่ ๔ เรียกว่าครบ "สมาบัติ ๘" อีตอนนี้ท่านก็งงบ้างแล้ว ต่อไปก็ผลัดกันงง...

    เอ...นี่ผมไม่รู้หรอก บอกมีคาสเซ็ท มีมาให้แล้ว เรื่องสมาบัติ ๘ ผมยังไม่ได้ฟังเลย เอาเข้าแล้ว ท่านจะไม่เอา ผลัดกัน ผลัดกันรุกผลัดกันรับ ก็เลยอธิบาย(เหตุผลที่)ถวายพอสมควร

    เมื่อถวายไปพอสมควรแล้วก็เรื่องนี้มา เรื่องกรรมฐานนี่นะว่ากันยาวเหยียด ว่าไปว่ามา อาตมานี่ขามันไม่ดีอยู่ข้าง ไอ้ขาขวานี่ เวลานี้ขัดสมาธิไม่ได้นาน พับเพียบก็ไม่ได้นาน แต่ของท่านวางแป๊ะไปด้านซ้าย ท่านอยู่ตลอด ไม่ขยับเลยเก่งจริงๆ ๕ ชั่วโมงครึ่งนี่ไม่เคยเปลี่ยนเลย แล้วไม่เคยขยับเขยื้อนแสดงอาการเมื่อย สู้ ! ถ้าเป็นมวยก็สู้เราไม่ได้ เราเป็นมวยแย๊บ เดี๋ยวพลิกซ้าย เดี๋ยวก็พลิกขวา(หัวเราะ) ท่านสู้เราไม่ได้ เด็ด อีท่าห่วย สู้เราไม่ได้ เรียกท่าห่วย..ใช่ไหม


    ที่มา ข้อมูลวัดท่าซุง » บทความพิเศษ » ในหลวงสนทนาธรรมกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง


    http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=772
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2020
  16. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,735
    คัดจากบางตอนในพระธรรมเทศนา "ต่างหู ต่างตา" ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา



    ความประมาทนี้ร้ายนัก เอาไปจับข้อธรรมอะไรเข้ากลายเป็นเสียไปทั้งนั้น คราวนี้ลองเอามาจับในทางโลกดูบ้างว่าจะเป็นอย่างไร เอาความประมาทไปจับที่ทรัพย์ ทรัพย์เสีย เสียอย่างไร ? จนเร็ว จนเร็วอย่างไร ? ยังไม่พ้นครึ่งเดือนเลย แววจนปรากฏแล้ว จนเร็วอย่างนี้

    เอาความประมาทไปจับที่ร่างกาย เป็นอย่างไร ? แก่เร็ว พวกผู้หญิงเขาฉลาดมักจะไม่ประมาท จึงไม่ค่อยจะแก่หรือแก่ช้า พวกผู้ชายมักจะแก่เร็วกว่า

    เอาความประมาทไปจับที่ชีวิต เป็นอย่างไร ? ตายเร็ว เอาไปจับที่วิชาเล่า ลืมหมดหรือเกือบหมด ชั้นที่สุดเอาไปจับที่ผิวพรรณเกิดมลทิน จึงเป็นอันว่าเอาความประมาทไปจับเข้าที่สุดที่นั่นเป็นเสียหมด

    ขึ้นชื่อว่าความประมาทเป็นเสียทั้งสิ้น ดีของความประมาทไม่มีเลย ถ้าท่านทั้งหลายจะยังไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ตั้งข้อสังเกตุเถิดแล้วจะพบความจริง หรือจะเอาไปลองดูก็ได้จะพบความจริงเร็วขึ้น เพราะฉะนั้นท่านจึงสอนไม่ให้ประมาท

    ความไม่ประมาทที่จัดเข้าไว้ในหลักสูตรชั้นมัธยมนี้ ที่ผู้จะเป็นต่างหูต่างตาต้องอบรมนั้นมีมากอย่าง เพราะความไม่ประมาทเป็นสิ่งที่จำปรารถนาในสิ่งทั้งปวง อาตมาจะไม่นำรายละเอียดมาพูด จะขอพูดแต่เพียงบางประการ ซึ่งนับว่าเป็นหัวใจสำคัญของผู้จะเป็นต่างหูต่างตา หรือของผู้ที่จะเป็นตัวหูตัวตาเองนั่นคือ "อย่าประมาทในเรื่องเล็กน้อย"

    หมายความว่า "อย่าเห็นว่าเล็กน้อย" และ "อย่าเห็นแก่เล็กน้อย"

    ขอให้ไว้เท่านี้ศึกษาให้สำเร็จถึงจิตใจ อบรมฝึกฝนให้ได้ที่ เป็นที่ใช้ได้ดีทีเดียว

    ความจริงไม่ว่าในทางดีหรือทางชั่ว ไม่ว่าในทางได้หรือทางเสีย ไม่บังควรเลยที่จะเห็นว่าเล็กน้อย ท่านให้ศึกษาอบรมกันหนักหนาในเรื่องนี้ แม้พระพุทธเจ้าก็ทรงสั่งสอนพุทธบริษัทหนักในเรื่องเช่นนี้ มีปรากฏทั้งในทางพระวินัยทั้งในพระสูตร

    เพราะเหตุไรท่านจึงสอนไม่ให้เห็นว่าเล็กน้อย เพราะว่าใหญ่โตมันมาจากเล็กน้อยทั้งนั้น คิดดูก็จะเห็นได้เอง คนกินเหล้าตั้งขวด ถ้าไม่หัดกินทีละน้อยมาก่อน จะกินได้ที่ไหน เพียงจิบครั้งแรกก็หน้าเหยเสียแล้ว แต่ต่อไปหาเหยไม่ คนที่สูบบุหรี่วันละตั้ง 30-40 มวนครั้งแรกมีมนุษย์ที่ไหนสูบได้บ้าง ลองสูบดูครั้งสองครั้งก็วางทั้งไม่อร่อย แต่ต่อๆไปสูบได้มากๆ ทั้งมีรสมีชาติ อย่าเห็นว่าเล็กน้อย

    ท่านสอนอย่างนี้เพื่อจะให้เราสกัดทางชั่วหรือทางเสียไว้แต่แรก และเพื่อจะให้เราเพิ่มพูนทางดีหรือทางได้ไว้แต่ต้น ของท่านดีนัก

    นอกจากท่านสอนไม่ให้เห็นว่าเล็กน้อยแล้ว ท่านยังสอนสืบต่อไปมิให้เห็นแก่เล็กน้อย ข้อนี้สำคัญนัก อาตมารู้สึกว่าหลักสอนของท่านละเอียดลออนัก ป้องกันไว้ทุกสิ่งทุกอย่าง ในเรื่องการเห็นแก่เล็กน้อยนี้ ถ้าเราเอาตัวรอดได้แล้วต้องนับว่าวิเศษไปเลย ขอพูดตรงๆว่า แม้อาตมาเองก็ต้องประคองตัวแย่เหมือนกัน ที่จะไม่เห็นแก่เล็กน้อย

    เคยมีนายทุนมาขอให้เซ็นชื่ออนุญาติเพื่อสร้างตึกแถว แล้วเขาจะขอถวายแสนหนึ่ง ตั้งแต่บวชมาจนแก่ปูนนี้แล้ว อย่าว่าเงินแสนจะมีเป็นสมบัติของตัวเลย แม้แต่เงินหมื่นก็ยังไม่เคยมี นี่เขาจะถวายตั้งแสน นับว่าเอาเรื่องอยู่

    เรื่องเงินนี่แปลก มันช่วยให้เกิดความอยากได้ อาตมาเลยบอกกะเขาว่ายังไม่อยากได้ ความจริงอาตมาก็ยังมีกิเลสอยู่ เขาสู่อุตส่าห์ลงทุนให้ตั้งแสนเช่นนั้น เพราะเรื่องมันติดอยู่ที่คนๆเดียวต้องยอมเสียให้หนักจึงจะสำเร็จได้ เขาคงนึกว่าพระเห็นเงินแสนคงเอา เพียงชาห่อก็ยังมีเคยเอา แสนหนึ่งทำไมจะไม่เอาเล่า แต่ค่อนข้างเคราะห์ร้าย มาเจอไก่ไม่กินข้าวเข้าเลยต้องเดือดร้อนกันไป เป็นเรื่องสัตย์จริงนำมาเล่าสู่กันฟัง

    ตามที่ท่านสอนไว้ว่า อย่าเห็นแก่เล็กแก่น้อยนั้นฟังแล้วอ่อนใจ เรื่องเล็กน้อยท่านสอนไม่ให้ประมาท ขอขยายความออกไปว่า อย่าเห็นว่าเล็กน้อย และอย่าเห็นแก่เล็กน้อยกลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตขึ้นมาทีเดียว



    (จากหนังสือ "บูชา" โดยสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น ชุตินฺธโร) วัดสามพระยา หน้า 61-62)



    DSC05729.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2020
  17. chai8383

    chai8383 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,032
    ค่าพลัง:
    +6,348
    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ จิรญาโณ [​IMG]
    รบกวนสอบถามนิดนึงครับพี่

    เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาได้ไปกราบหลวงพ่อที่วัดท่าซุง ขากลับแวะซื้อหนังสือที่ตึกรับแขก ตั้งใจจะซื้อ "บันทึกของชาโดว์" ทุกเล่ม แต่ได้มาแค่เล่ม ๘ เท่านั้น
    หลวงพี่ที่ดูแลอยู่ท่านบอกว่า คุณชาโดว์ เสียแล้ว ทำให้ไม่สามารถจัดพิมพ์เพิ่มได้

    พี่พอจะแนะนำได้มั้ยครับว่าจะหาซื้อ "บันทึกของชาโดว์" ได้ครบที่ไหน

    ขอบพระคุณมากครับ
    </td> </tr> </tbody></table>




    ตอนที่ผมไปก็ได้มา 3 เล่มเหมือนกัน

    พี่ที่สายลมก็บอกว่า ไม่พิมพ์เพิ่มแล้วเหมือนกัน

    ฟังแล้วเสียดายสุดๆเลยครับ
     
  18. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,735
    อานิสงส์นอนฟังเทปธรรมะ


    ผู้ถาม : ผมอยู่บ้านเปิดเทปธรรมะของหลวงพ่อฟัง แต่เวลาฟังนั้นนอนฟัง อย่างนี้จะเกิดโทษหรือเปล่าครับ


    หลวงพ่อ : เดี๋ยวก่อนต้องถามก่อน ผมอยู่บ้าน แล้วตัวไปไหน

    ผู้ถาม : ?...?...?...

    หลวงพ่อ : ผมเปิดเทปฟังได้เรอะ

    ผู้ถาม : (หัวเราะ) อ้อ..จริงแฮะ...คือตัวอยู่ด้วยครับ

    หลวงพ่อ : เกิดแน่ มีโทษมหันต์เลย ถ้าฟังเรื่อย ๆ ไปจนกระทั่งตาย จะไม่รู้จักนรกเป็นยังไงเลย กลายเป็นคนโงเง่าเต่าตุ่น นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน จะไม่รู้จักเลย ขาดความฉลาดในเรื่องนี้

    ผู้ถาม : ถ้าโง่ไม่ลงข้างล่างก็ยอมครับ

    หลวงพ่อ : เอาเรอะ...ชอบโง่เรอะ ใช้ได้ ๆ คือว่าฟังเสียงฉัน แต่อย่าลืมว่านั่นเป็นธรรมะของพระพุทธเจ้า นั่ง นอน ยืน เดิน เขาไม่ได้ห้าม นอนฟังปล่อยให้หลับไปเลยยิ่งดีใหญ่ ฟังเทปไม่ทันจบก็หลับไป เทปก็ว่าไปตามเรื่องตามราว นั่นแหละจิตเป็นฌาน ถ้าฟังแล้วรำคาญมันจะหลับไม่ได้ ถ้าเกิดความเพลิดเพลิน จิตจะสบายเรื่อยไป พอถึงฌานปั๊บตัดหลับเลย อันนี้มีประโยชน์ใหญ่

    ผู้ถาม : แล้วบังเอิญตอนนั้นต้องเข้าห้องส้วม เลยไปฟังต่อในส้วม ตอนนี้จะบาปไหมครับ

    หลวงพ่อ : อาจารย์เอาอะไรฟัง เอาหูฟังหรือเอาทวารฟัง

    ผู้ถาม : เอาหูครับ

    หลวงพ่อ : เอาหูฟังไม่เป็นไร

    ผู้ถาม : แหมถ้าคนช่างคิดก็คิดจริงๆนะ เวลาปล่อยอึก็กลัวกลิ่นจะเหม็นออกมารบกวน

    หลวงพ่อ : ไม่เป็นไร


    ผู้ถาม : หลวงพ่ออโหสิเลยนะ

    หลวงพ่อ : ไม่ใช่อโหสิ การปวดอุจจาระปัสสาวะนี่ไม่มีใครต้องการ แต่มันปวดตามเรื่องตามราวของมันใช่ไหม แต่ในขณะนั้นจิตยังเป็นกุศลอยู่ พอใจในธรรมะยังเป็นบุญอยู่เท่าเดิม ไอ้เรื่องนี้เมื่อฉันเจริญกรรมฐานใหม่ๆ รุ่นพี่บอกว่าเวลาที่ถ่ายปัสสาวะก็ดี ถ่ายอุจจาระก็ดี อย่าภาวนานะ บาป

    พอไปถามหลวงพ่อปาน ท่านบอกว่า “แกไปเชื่อไอ้ควาย ภาวนานี่จิตเป็นกุศล”

    ท่านเลยถามว่า “ถ้าเวลาท้องถ่าย แล้วตายเวลานั้นจะว่ายังไง”

    พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามใช่ไหม การภาวนามันอยู่ที่จิตไอ้ตัวภาวนาไม่ได้อยู่ที่ส้วมทำได้ตลอดเวลาอย่าให้มันขาด อันนี้ดีมากถ้าทางที่ดีก็ควรจะมีสายสะพาย


    พระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นแบบอย่าง ท่านสะพายเวลาท่านจะเดินเล่น ท่านเดินเล่นหนึ่งชั่วโมงฟังเทป 2 หน้า ถ้าจะเดินเล่นสองชั่วโมง ก็ฟัง 4 หน้า เวลาท่านบรรทมท่านฟังจนหลับ ท่านทำเป็นปกติเลย

    ผู้ถาม : ท่านสนพระทัยด้วยหรือครับ

    หลวงพ่อ : เรื่องนี้หนักมากเรื่องกรรมฐานนี่นะ อย่าว่าแต่สนพระทัยเฉยๆไม่ได้ เข้าฌานออกฌานได้ตามเวลาเก่งมาก ฉันไม่กล้าปะทะกับท่านนะ

    ผู้ถาม : ท่านสนพระทัยด้วยหรือครับ

    หลวงพ่อ : อันนี้แหละ เราจะเห็นว่าท่านน่ะมีเวลาน้อยนะ และความเข้าใจในธรรมะนี่ลึกซึ้งมากเหลือเกิน ละเอียดละออมาก ฉันนึกสงสัยเหมือนกันว่าท่านเอาเวลาไหนไปวิจัยธรรมะ เพราะวันทั้งวันท่านเกือบไม่มีเวลาว่าง ถึงเวลาสองยาม ท่านจะทรงเซ็นหนังสือ ถ้าไม่มีแขกนะ บางทีก็มีงานเลี้ยงจนถึงตี 1 ถึงตี 1 ท่านก็เริ่มเซ็นหนังสือ ถึงตี 2 ท่านก็เริ่มฟังเทปแล้ว ท่านทำกรรมฐานหรือฟังเทปตอนตี 2 เวลาแน่นอนของท่าน

    หลวงพ่อ : ฉันเคยเทศน์มาตั้งเยอะ คำถามด้านธรรมะไม่ละเอียดเหมือนพระเจ้าอยู่หัว รู้สึกว่าต้องระวังมาก เวลาคุยกับท่านด้านธรรมะ ต้องระวังหนักจริงๆ และต้องฟังทุกคำไม่พลาด บางทีก็ถามยาว ก็ต้องพยายามฟังทุกคำ เรื่องธรรมะนี่พลาดหน่อยเราเจ๊งเลย บางทีถามเรื่องเดียว 3 รอบก็มี แล้วสำนวนจะไม่ซ้ำกันเลย สำนวนนี่สำคัญมากต้องฟังทุกคำ

    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 213 ธันวาคม 2541 หน้า 62-63)

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2020
  19. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,735
    จาคะตัวเดียวไปนิพพานได้ไหม

    ผู้ถาม : เคยฟังเทปตอนหนึ่งที่หลวงพ่อบันทึกถวายในเรื่องบารมี 10 ที่พระองค์ทรงถามเรื่อง จาคะ


    หลวงพ่อ : ท่านถามว่าจาคะตัวเดียวไปนิพพานได้ไหม ? ชักอึ้งเลยเรา เราไม่เคยเจอะตำราเลย ก็ต้องนั่งนึก เข้าเครื่องเตรียมบันทึกเทปแล้ว แต่ยังไม่เปิดสวิทซ์ไฟ ก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่าคำว่าจาคะแปลว่าเสียสละ ถ้าเสียสละแสดงว่ายังขี้ตืดอยู่มาก

    ผู้ถาม : เป็นยังไงครับ

    หลวงพ่อ : ขี้เหนียวน่ะ ดึงไม่ค่อยออก ต้องตัดสินใจอย่างหนัก ถ้าให้ต้องให้ในเกณฑ์ของบารมีต้น ถ้าบารมีต้นเขาจะให้แบบเสียสละ ต้องดึงใจหน่อย เอ้า ให้มันหน่อยแต่ความจริงเสียดายนิด ๆ

    ถ้าหากว่าอุปบารมี ความเข้มข้นมันขึ้นมาแล้ว ก็ใช้คำว่า “สละ” ตัดตัว “เสีย” ออก สละเพื่อตัดโลภะในจิตของเราออก

    ถ้าเป็นปรมัตถบารมี ก็ละเลย ตัดตัว “ส” ออก เหลือ “ละ”

    คือเราไม่ติดในวัตถุทั้งหลาย ตายแล้วเราเอาไปไม่ได้ ไม่ติดในร่างกายเราด้วย ไม่ติดในร่างกายคนอื่นด้วย ไม่ติดในวัตถุธาตุทั้งหลายด้วย

    ในมหาสติปัฏฐานสูตรท่านจะลงท้ายไว้ว่า

    จงอย่าสนใจกายภายใน คือกายของเรา

    จงอย่าสนใจกายภายนอก คือกายคนอื่น

    จงอย่าสนใจในวัตถุธาตุใด ๆทั้งหมด

    นี่ทุกข้อในมหาสติปัฏฐานสูตรท่านสอนถึงนิพพานหมด ถ้าเป็นปรมัตถบารมีก็ "ละ" ได้

    ถ้าถึง "ละ" เฉยๆก็ถึงนิพพานได้ ที่ท่านถามมานี่นักเทศน์ไม่เคยถาม เคยเจอะไหมอาจารย์

    ผู้ถาม : ไม่เคยเลยครับ พอฟังเทปยังสะดุ้งเลยครับ คิดว่าที่เราสอนคงโมเมมะ

    หลวงพ่อ : โมเม..โมมะ..ก็ไม่แน่นะ

    ผู้ถาม : เป็นยังไงครับ

    หลวงพ่อ : มองดูกันฑ์เทศน์ เขาติดเท่าไหร่หว่า อ้อ...ยายคนนี้ติดมากเทศน์ยาวหน่อย ติดน้อยเทศน์สั้นนิดหนึ่ง อย่างนั้นเขาเรียกว่าคนฟังไปสวรรค์ คนเทศน์ไปนรก

    ผู้ถาม : อ้าวทำไมยังงั้นล่ะครับ

    หลวงพ่อ : คือเกิดโลภะ เทศน์แลกสตางค์ไงล่ะ

    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 213 ธันวาคม 2541 หน้า 63-64)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2020
  20. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,735
    เสาร์ขึ้น 5 ค่ำ

    วันเสาร์ที่ 22 กันยายน 2554 ทีวัดท่าซุงมีฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง 2 วัน วันเสาร์กับวันอาทิตย์ ตอน 6 โมงเย็น เสาร์ขึ้น 5 ค่ำมีพิธีพุทธาภิเษกที่ในโบสถ์ คนเต็มบริเวณหมด ข้าพเจ้าเห็นว่าคนเต็มไม่มีที่นั่งเลยชวนแก้ว เอ๋ จี๊ดและอีก 4-5 คนขึ้นไปนั่งบนหน้าประตูโบสถ์ เพื่อจะให้คนอื่นนั่งที่เราแทนได้ มีสวดอิติปิโสฯ พร้อมกันทั้งพระและฆราวาส

    ข้าพเจ้าดูว่าพระที่ท่านมาท่านอยู่แบบไหน เป็นว่า
    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าลอยอยู่บนสุด ถัดลงมาพระปัจเจกพระพุทธเจ้ามีมากกว่าพระพุทธเจ้า ต่ำลงมาเป็นพรหม มีมากกว่าพระปัจเจกพุทธเจ้า ต่ำลงมาหน่อยเทวดานางฟ้ามีมากกว่าพรหม ล่างสุดมีผีมีเทวดานางฟ้าเยอะ นั่งติดๆ คนก็มีแน่น พวกสัมภเวสี เปรต อสุรกายก็มี

    ดูไกลๆ แบบพระเจดีย์คือบนเล็กล่างใหญ่แบบเจดีย์ เพิ่งจะเห็นและได้ความรู้วันนั้นเอง วันอื่นๆ ไม่เห็นแบบนั้น เพิ่งจะวันนั้น สวดมนต์เสร็จนั่งสมาธิต่ออีกจึงดูแบบไกลๆ ภาพออกมาแบบเจดีย์ไม่รู้ว่าผิดหรือถูก คนโบราณท่านทำอะไรมีเหตุมีผล

    เย็นนั้นแสงสว่างมากเป็นทางยาวแบบรุ้งและแบบร่มคันใหญ่ปกคลุมได้ทั้งประเทศ เป็นว่าที่กรุงเทพฯสมเด็จพระสังฆราชและพระผู้ใหญ่ก็มีพิธีสวดมงคลคุ้มครองประเทศชาติด้วย เพราะเป็นวันเสาร์ขึ้น 5 ค่ำ ถือว่าเป็นวันสำคัญมากๆ วันช๊อกโลกเพิ่งจะเกิด


    วันช๊อคโลกที่เครื่องบินบินชนตึกเวิลด์เทรดที่นิวยอร์คและเพนตากอนที่วอชิงตัน กำลังห่วงว่าสงครามจะเกิดทั่วโลกเพราะพวกเรียกว่าสงครามศักดิ์สิทธิ์ ไทยเราก็ศักดิ์สิทธิ์ทำพิธีป้องกันภัยแบบของเรา จงช่วยกันไหว้พระสวดมนต์แผ่ส่วนบุญค้มครองป้องกันภัยสงครามให้ไทยรอดพ้นอันตรายด้วย พลังจิตที่ดีมากๆ ช่วยคุ้มครองได้นะ ไทยเราจะปลอดภัยเพราะศาสนาพุทธจะอยู่จนสิ้นอายุศาสนาพุทธ ใครทำเป็นช่วยกันทำให้มากๆ เป็นพิเศษหน่อย แบบที่ว่าทำดีผีคุ้มครอง ขอให้คุ้มครองทั่วไปหมด สำหรับคนดี คนชั่วเป็นไปตามเวรกรรมของเขาเอง เราไม่ยุ่งด้วย คิดเป็นทำเป็นอยู่ในร่องรอยที่ดี บางวัดไม่มีการสอนธรรมะเลย วัดเงียบแต่พระดังตามข่าวหรือหน้าหนังสือพิมพ์ อยากให้ทุกคนช่วยกันเสียสละ เห็นแก่ชาติบ้านเมือง บันเทิงหรือบาร์ผับถ้าไม่จำกัดเขตกำจัดเวลา สังคมจะเสื่อม ศาสนาเสื่อมด้วย

    ถ้าทำจิตสะอาดจะเป็นผู้รู้ ผู้ตื่นเป็นลักษณะธรรมควบความเป็นจริง รู้ละอะไรได้ ไม่รู้จักวางเฉยจะเดือดร้อน


    บริสุทธิ์ด้วยปัญญายากง่ายอยู่ที่เราเป็นผู้เลือกทำ ทำแต่ความดีง่าย อริยทรัพย์ผลจะติดตามดีตลอด สงบนิ่งแบบรู้ดีรู้ชอบ ให้รู้แจ้งในธรรมะให้มีสติรู้ อาศัยเหตุปัจจัยทำให้หมดสังโยชน์และมีบารมี 10 ครบ มีสัจจะรู้ตามความเป็นจริง เว้นเหตุแห่งทุกข์ ต้องมีศรัทธาก่อนถึงจะทำให้มีความสุข แล้วทำตามบุญมากจะถูกทาง ถ้าบุญน้อยหรือไม่มีบุญจะรู้ผิดทาง ทุกข์กายเข้าใจง่าย ทุกข์ใจเข้าใจยาก ต้องปฏิบัติเองเข้าใจเอง รู้เอง ทำเอง

    เมื่อสมัยก่อนข้าพเจ้านึกว่าผีปั้นคนได้เก่งมาก ไม่เหมือนกัน บุญก็ไม่เท่ากัน เดี๋ยวนี้รู้แล้วว่าเป็นเพราะจากกรรมเวร ธรรมชาติสถานที่ที่ไปเกือบทั่วโลกก็ไม่เหมือนกัน ผีก็ไม่เหมือนกัน คนรูปร่างหน้าตาอวัยวะไม่เหมือนกัน ธรรมชาติมีภูเขา ต้นไม้ แผ่นดิน แม่น้ำ ฯลฯ ไม่เหมือนกันอีก สวยไปแห่งละแบบ ต้องทำได้ฌาน 4 เป็นพระอนาคามีถึงจะเรียกว่านิโรธสมาบัติ ถ้าไม่เป็นอนาคามีขึ้นไป หรือไม่ถึงฌาน 4 เรียกฌานสมาบัติ คิดเองทำเอง คิดเป็นทำเป็น คิดใหม่ทำใหม่ การจัดระเบียบสังคม อดพูดถึงการเมืองไม่ได้ ก็เพราะเราอยู่ในบ้านเมืองด้วย ม.ท. 1 ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์มีชื่อว่า ปุๆ ยิงเป้า บางฉบับเรียกไม้บรทัด ทำตามกฏหมายที่มีอยู่ นายกทักษิณจะทำประเทศชาติไปได้ดีถึงไหน ขอให้ดีจริงๆ ตามที่ประชาชนกำลังชื่นชมกันมาก ขอให้เจริญๆ ยิ่งขึ้นไปเถอะ

    บุญคุณต้องทดแทนแค้นต้องอภัยนะท่าน ถึงจะถูกต้อง ไม่ใช่แค้นต้องชำระ กรรมชั่วที่เขาทำไว้ชำระเขาเอง

    ดูน้ำป่าน้ำท่วมทลายบ้านเมืองยับเยินนั่นก็เพราะตัดไม้ รุกขเทวดาอยู่เยอะรู้ว่าผิดยังทำอีก กรุงเทพฯ เราไม่มีใครตัดไม้ใหญ่น้ำเลยไม่ท่วม คิดแบบเด็กๆ ปัญญานิ่ม หลับตานอก ตาในกำหนดดูอยู่กับจิตภายใน รักษาจิตอย่าให้เสื่อม กาลเวลาพิสูจน์คนมีน้ำยาน้ำอดน้ำทนตั้งมั่นขนาดไหน อย่าเป็นม้าตีนต้นๆ ปลายๆ แย่ ทุกอย่างทำได้ด้วยปัญญา

    ทำอะไรย่อหย่อนมักได้ผลน้อย แบบมีบุญน้อยอธิษฐานขอมักจะไม่สำเร็จ

    เมื่อวันศุกร์ขึ้น 4 ค่ำที่ 21 กันยายน ตอนเย็นๆ เดินจงกรมแบบเล่นๆ ที่วัดท่าซุง ไม่ให้ใครรู้ พบกลุ่มหมาให้พรเขา เขาเป็นสัตว์มีบุญมากนะเฝ้าของสงฆ์ จงเอาบุญฉันไปให้หมดแล้วหาทางพ้นเกิดด้วยนะ อย่าเห่าอย่าเสียงดังคน เขามาทำบุญกันทั้งนั้นเดี๋ยวจะเป็นบาป เขานิ่งฟังมีนกเอี้ยงเกาะบนเสาไฟร้องดังไม่เห็นตัว บอกออกมาให้ดูหน่อย เขาออกมาเกาะที่สายไฟ คุยกับนกหน่อยเดินไปที่เขากองทรายหินเยอะแยะ จะซ่อมใต้ถุนศาลาวัด นึกดูวัตถุนี่เปลี่ยนซ่อมแซมให้แข็งแรงต่อไปอีก นึกถึงตัวเองไม่รู้จะเอาอะไรเปลี่ยนซ่อมได้เหมือนใต้ถุนศาลาก็ดี พบพระที่วัดท่าซุง 3 องค์ยืนอยู่ทางขึ้นศาลา 3 ไร่ เลยคุยกันเรื่องการบำรุงซ่อมแซมวัด ว่าวัตถุยังซ่อมเป็นได้ คนนี่ซ่อมไม่ได้ แก่ก็ต้องแก่ เอาอะไรมาเปลี่ยนให้หนุ่มไม่ได้อีก ทนเอา !

    มีพระองค์หนึ่งถามถึงหนังสือเลยบอกวิธีเขียนให้ มีขึ้ผึ้งสีปากหลวงพ่อเอาป้ายปากก่อนถ้าไม่ลืม แล้วเขียน นึกอะไรได้เขียนไป ดีชั่วอย่างที่เห็น

    ขณะที่พระนั่งทำพิธีในโบสถ์ เสาร์ขึ้น 5 ค่ำ นอกโบสถ์ฆราวาสนั่งทำสมาธิกันเต็มหมด ข้าพเจ้าเห็นเป็นแสงขาวใหญ่มากแบบร่มกางกันแดดกันฝนแต่ยอดแหลม ร่มสีขาวใหญ่แบบคลุมทั่วไปหมดเลย ประเทศไทยคงไม่มีภัยอันตรายใดๆ นอกจากเศรษฐกิจตกไปบ้างเท่านั้น ถ้าไม่ขี้เกียจไม่มีทางอดอาหาร วันนี้ตอนเย็นเห็นในทีวีมีการให้นักเรียนนั่งสมาธิกัน ขยันทำบุญเข้าประเทศชาติจะได้พ้นภัย ตัวเราเองจะมีความสุขเด็กวัยรุ่นหันมาทางทำสมาธิกันมากแล้วนะ เห็นแล้วดีใจ ไทยรอดจากภัยสงครามแน่ หมายถึงสงครามอาวุธนะ

    มีสมาธิอะไรๆ ก็ดีหมด เรียนหนังสือ แข่งกีฬา ทำอะไรๆ ก็ต้องมีสติมีสมาธิคุมทั้งนั้น ดูจากนักกีฬาในทีวีเขาจะทำใจสบายๆ ก่อนแสดงเสมอ

    คุมจิตไม่ผิดธรรม อบรมจิตวิปัสสนาอย่าเผลอสติ ถ้าสติไม่ดีเหมือนไฟเป็นทุกข์กัดกินชีวิตให้หายนะ คนบ้ามีสติไหม ดูสิ่งรอบกายแล้วน้อมให้เข้ามาทางธรรมะเข้าไว้ ต่อไปจะชินเอง เก่งต้องหมดทุกข์จริง โง่ไม่เก่งไม่หมดทุกข์จริงต้องเกิดอีก ไม่ทำบาปทำชั่วทั้งปวง ทำความดีให้เป็นคุณ ทำใจให้ผ่องใส ทำสมาธิวิปัสสนาไม่ว่าร้ายไม่เบียดเบียนกัน ถือศีล ทำสมาธิ มีปัญา เห็นแจ้งตามชำระจิตใจให้สะอาด


    (จากบันทึกของชาโดว์ เล่ม 7 หน้า 20-23)


    อ่านเรื่องของป้าเชิญเรื่องนี้แล้วจะทราบว่าพิธีพุทธาภิเษกที่วัดท่าซุง พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพระพุทธเจ้า พระอรหันต์มากมายท่านก็ยังมาสงเคราะห์บรรจุพระพุทธคุณให้เช่นเดียวกับสมัยหลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2018

แชร์หน้านี้

Loading...