ยอดขุนพล ลพ.เอีย วัดบ้านด่านเสก เสมาหลวงปู่สายดอนกระต่ายทอง

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    วันนี้ จัดส่ง

    1732017473394.jpg

    ขอบคุณครับ
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    หลวงปู่ทวด วัดประสาทบุญญาวาส รุ่นศิริมงคล ปี 2538 พระดี พิธีใหญ่ พุทธคุณด้าน ป้องกันภัย แคล้วคลาด เมตตามหานิยม และโชคลาภ ปลุกเสกโดยสุดยอดเกจิแห่งยุค
    ท่านอาจารย์นอง วัดทรายขาว
    หลวงปู่ทิม วัดพระขาว
    หลวงพ่อรวย วัดตะโก
    หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
    หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม
    หลวงพ่อลำไย วัดทุ่งลาดหญ้าและครูบาอาจารย์อีกหลายท่าน เพื่อหาปัจจัย สมทบทุนสร้างศาลาการเปรียญ
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    หลวงปู่ทวดเนื้อผงวัดประสาท ๒ องค์ คู่
    ให้บูชา 230 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    FB_IMG_1732110488268.jpg FB_IMG_1732110490896.jpg FB_IMG_1732110493700.jpg
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    12119388-3.jpg 1129601-346dd.jpg 1129601-4b022.jpg
    ยอดขุนพล
    พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสก ณ วัดหลวงปรีชากูล จ.ปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2515 จัดสร้างโดยศูนย์การศึกษาคณะสงฆ์ภาคตะวันออก วัตถุประสงค์เพื่อหารายได้ในการจัดสร้างอาคารเรียนศูนย์การศึกษาคณะสงฆ์ปราจีนบุรี และหาทุนเพื่อการศึกษาแก่พระสงฆ์ทั่วไป...
    รายการพระที่สร้าง ก็มี พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ สันติสุข, เหรียญพระแก้วมรกต, เหรียญมหาพุทธาภิเษก, เหรียญยอดขุนพล, พระพุทธรูปปางประทานเอหิภิกขุ, พระสมเด็จสันติสุข และอื่นๆ...โดยมี คุณเกษม มงคลเจริญ ช่างสร้างพระเครื่องชั้นหนึ่งของประเทศไทย เป็นผู้ออกแบบ ซึ่งออกแบบมาได้อย่างวิจิตรงดงามมากจริงๆ...
    พิธีพุทธาภิเษกจัดขึ้นเมื่อ 4 มี.ค.2515 โดยมีลำดับ ดังนี้...
    - พระสวดคาถาพุทธาภิเษก-สวดคาถาจักรพรรดิ์ตราธิราชและสวดภาวณา 12 รูป
    - พระคณาจารย์สวดคาถาดับเทียนชัยและเจริญพระพุทธมนต์ฉลอง 29 รูป
    - ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต วัดพระเชตุพน เป็นองค์ประธานจุดเทียนชัย
    - ฯพณฯจอมพลถนอม กิตติขจร เป็นประธานจุดเทียนชัยบูชาพระรัตนตรัย
    - ท่านเจ้าคุณพระธรรมรัตนากร วัดมหาธาตุ เป็นประธานดับเทียนชัย
    - พลตรีศรีศักดิ์ ธรรนรักษ์ ผู้ว่าราชการปราจีนบุรี เป็นประธานบวงสรวงดวงพระวิญญาณสมเด็จพระนเรศวร
    - พระอาจารย์ไสว สุมโน วัดราชนัดดา เป็นเจ้าพิธีฝ่ายสงฆ์
    - พระราชครูวามเทพมุนี ประธานพราหมณาจารย์แห่งประเทศไทย เป็นเจ้าพิธีฝ่ายพราหมณ์
    มีพระคณาจารย์สวดคาถาจุดเทียนชัยและเจริญพุทธมนต์จำนวน 109 รูป อาทิเช่น...
    o หลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน
    o หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิตร
    o หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
    o หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาณ์
    o หลวงพ่อมิ่ง วัดกก
    o พระอาจารย์ผ่องจินดา วัดสามปลื้ม
    o หลวงพ่อชื่น วัดตำหนักเหนือ
    o หลวงพ่อละมูล วัดเสด็จ
    o หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ
    o หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช
    o หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู
    o หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
    o หลวงพ่อแกร วัดส้มเสี้ยว
    o หลวงพ่อโอด วัดจันเสน
    o ครูบาวัง วัดบ้านเด่น
    o หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
    o หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง
    o พระอาจารย์ฝั้น วัดป่าอุดมสมพร
    o หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
    o หลวงพ่อสุข วัดโพธิ์ทรายทอง
    o หลวงพ่อถิร วัดป่าเรไร
    o หลวงพ่อทอง วัดก้อนแก้ว
    o หลวงพ่อเปี่ยม วัดเกาะหลัก
    o หลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม
    o หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก
    o พระครุบาวัง วัดบ้านเด่น
    o หลวงพ่อปี้ วัดลานหอย
    o หลวงพ่อละมูล วัดเสด็จ
    o หลวงพ่อสว่าง วัดท่าพุทรา
    o หลวงพ่อสังข์ วัดกันตม
    o เจ้าคุณพุฒ เจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี
    o หลวงพ่อชื่น วัดตำหนักเหนือ
    o หลวงพ่อจุฬ วัดถ้ำคูหาสวรรค์
    o หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังวิเวก์การาม
    o หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว
    o หลวงพ่อเจริญ วัดทองนพคุณ
    o หลวงพ่อสังข์ วัดกันตม
    o หลวงพ่อเจียม วัดโสธร
    o หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี
    o หลวงพ่อผิว วัดสง่างาม
    o หลวงพ่อหุ่น วัดพระยาทำ เป็นต้น...
    จึงนับเป็นพิธีมหาพุทธาภิเษกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจังหวัดปราจีนบุรี และได้มีการฉลองสมโภชอีก 5 วัน 5 คืน...
    นอกจากนี้ เมื่อเสร็จสิ้นวาระนี้แล้ว หลวงพ่อเอีย กิตติโก วัดบ้านด่าน ท่านยังได้เมตตาปลุกเสกเดี่ยวให้อีกเป็นกรณีพิเศษ ถือว่าเป็นพระชุดสันติสุข ที่มากด้วยคุณภาพและประสิทธิภาพ ทั้งด้านมวลสารและพิธีพุทธาภิเษกดังที่กล่าวไว้ข้างต้น
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 470 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20241121_123303.jpg IMG_20241121_123339.jpg
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1726464862608 (1).jpg
    ท่านเคยปลุกเสกช่วงสายสิญจ์ไหม้ พิธีปลุกเสกจตุคาม
    ประวัติพระครูสุนทรขันติคุณ (หลวงปู่สาย ขนฺติโก)
    อดีตเจ้าอาวาสวัดดอนกระต่ายทอง ตำบลราชสถิตย์ อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง
    หลวงปู่สายพระมหาเถราจารย์ผู้เปี่ยมด้วยเมตตาและขันติธรรม ผู้สืบสายพุทธาคม หลวงปู่ศุขแห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท และหลวงพ่อซวงแห่งวัดชีปะขาว พระเกจิชื่อดังแห่งเมืองสิงห์บุรี ที่ทุกคนต้องรู้จักดี
    หลวงปู่สาย ขนฺติโก ท่านเกิดวันจันทร์ ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ตรงกับวันที่ 19 ตุลาคม 2457 ณ. บ้านไชโย อ.ไชโย จ.อ่างทอง ใกล้กับวัดสกุณารามหรือวัดนก วัดที่มีพระกรุวัดนกอันโด่งดัง
    โดยหลวงปู่ท่านเป็นบุตรของ คุณพ่อพลอย และคุณแม่สิน จีนขจร มีพี่น้อง 6 คน เป็นชาย 4 คน เป็นหญิง 2 คน คือ พระครูสุนทรขันติคุณ (หลวงปู่สาย ขนฺติโก) , นายวิสุทธิ จีนขจร , นายอุทัย จีนขจร , นายเตี้ยม จีนขจร (หลวงตาเตี้ยม พระน้องชาย) , นางลูกอิน จีนขจร
    หลวงปู่ท่านเป็นบุตรคนโต ในวัยเด็กหลวงปู่ท่านได้ช่วยเหลืองานของบิดา มารดา และดูแลน้อง ๆ ด้วยความขยันหมั่นเพียร มีจิตใจใฝ่ในทางกุศลมาตั้งแต่เด็ก ท่านเคยเล่าให้ฟังว่า เวลาโยมพ่อหรือโยมแม่หาปลามาได้และจะต้องนำปลามาตากแห้งบ้าง หั่นเป็นชิ้นบ้าง หน้าที่ต้องฆ่าปลาหรือทุบหัวปลาท่านจะหลีกเลี่ยง หรือหนีไปให้ไกลไม่ยอมทำเพราะสงสาร และไม่อยากทำบาป บางครั้งแอบปล่อยหนีไปก็มี ซึ่งนับได้ว่าเป็นเด็กที่มีใจเมตตาผิดแปลกจากเด็กทั่ว ๆ ไป
    ในสมัยเด็กท่านก็วิ่งเล่นอยู่ในวัดนก และวัดชีปะขาว ท่านเคยเล่าว่าตอนเด็ก ๆ นี่เรียนอยู่ที่วัดชีปะขาวกับหลวงพ่อซวง หลวงพ่อซวงท่านเองท่านก็เห็นหลวงปู่มาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ท่านเองก็เคยซุกซนตามประสาเด็กจนถูกหลงพ่อซวงตีด้วยไม้เรียวก็มี หลวงปู่สายเคยบวชเณรอยู่ที่วัดชีปะขาวอยู่ถึง 5 พรรษา ก่อนที่จะบวชพระ ท่านชอบศึกษาเล่าเรียนและชอบสนทนากับพระสงฆ์ ในปี 2476 ท่านเรียนจบ ชั้น ป.4 จากโรงเรียนวัดบ้านเบิก อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ในระหว่างที่กำลังศึกษาเล่าเรียนอยู่นั้น ท่านสนใจด้านวิชาอาคม และด้านสมุนไพรได้ท่องเที่ยวเสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ ในละแวกนั้น เพื่อขอร่ำเรียนวิชาอาคมต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับหลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว สิงห์บุรี พระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้าน และท่านก็คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี และหลวงปู่สายท่านจึงมีความรู้ต่าง ๆ มากมายทั้งด้านวิชาอาคม และด้านว่านยาสมุนไพรมาตั้งแต่ก่อนอุปสมบท นอกจากนี้หลวงปู่สายท่านยังเคยเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 5 ต.ไชโย อ.ไชโย จ.อ่างทอง อีกด้วย
    สู่ร่มเงาแห่งกาสาวพัสตร์
    เหตุผลหนึ่งที่หลวงปู่ท่านมีความต้องการอยากจะบวช ท่านเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนนั้นมีไม่อะไรนอกจากทำนาทำไร่ พอเช้าไก่ขันนกร้องก็ถือจอบเสียมออกไปทำนา กลับมาก็พักผ่อนหลับนอน ชีวิตอยู่กับธรรมชาติก็หมุนเวียนเปลี่ยนไป เดี๋ยวก็วันเดี๋ยวก็คืน ท่านเห็นว่าไม่มีแก่นสาระประโยชน์อันใด หลังจากช่วยโยมพ่อโยมแม่ทำนาทำไร่มาหลายปี พออายุครบบวชก็เลยตัดสินใจบวช ท่านรู้สึกเฉย ๆ กับการเป็นฆราวาสจึงไม่คิดอยากจะสึก เหตุผลประการหนึ่งที่ท่านไม่คิดอออยากจะสึกคือไม่อยากทำนาทำไร่ เพราะต้องออกหาปลาดักสัตว์ท่านไม่อยากฆ่าสัตว์ ตัดชีวิตไม่อยากเบียดเบียนชีวิตซึ่งกัน และกันรู้พอใจยินดีในการบวชมากกว่า ดูแบบอย่างจากหลวงพ่อซวง ที่ท่านเคยไปอยู่ด้วยอยู่เป็นพระสงฆ์ปฎิบัติตามพระธรรมวินัย สบายกว่ากันมาก ไม่ต้องไปใช้ชิตที่ก่อทุกข์โทษสร้างกรรมสร้างเวรให้กับตนเอง และผู้อื่น
    เมื่ออายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ หลวงปู่สายท่านได้เข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดสกุณารามหรือวัดนก อ.ไชโย จ.อ่างทอง ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2477 โดยมีพระเจ้าอธิการบุญ วัดสามประชุม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระบัว วัดสกุณาราม เป็นพระกรรมวาจารย์ และพระชม วัดดอนกระต่ายทอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับสมยานามว่า “ขนฺติโก” คือ “พระผู้มีความอดทนยิ่ง” ซึ่งท่านพระอุปัชฌาย์ท่านคจะเห็นในอุปนิสัยในความอดทน มีความขยันหมั่นเพียรของหลวงปู่ท่าน จึงได้มอบฉายานี้ให้แก่หลวงปู่สาย
    สำหรับพระอนุสาวนาจารย์ของท่านคือ หลวงพ่อชม แห่งวัดดอนกระต่ายทองนั้น ท่านเป็นพระวิปัสนาจารย์ที่มีศีลจริยวัตรเคร่งครัด และมีชื่อเสียงในสมัยนั้น หลวงพ่อชมท่านชอบออกธุดงค์เข้าป่าเป็นประจำในหน้าแล้งของทุกปี หลังจากอุปสมบทแล้วหลวงปู่สายท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดนกเป็นเวลา 2 พรรษา เพื่อศึกษาเล่าเรียนอักขระขอม และด้านว่านยาสมุนไพร กับหลวงปู่เฟื่อง ท่านพระอาจารย์ปลั่ง ท่านเป็นพระที่แก่กล้าและแตกฉานในด้านวิชาไสยเวทย์และ ด้านว่านยาสมุนไพรว่านยาอาคมต่าง ๆ ท่านเป็นศิษย์ในสายพุทธาคมหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท หลวงปู่สายท่านเป็นที่ถูกอัธยาศัยของหลวงปู่เฟื่อง และพระอาจารย์ปลั่งอย่างมาก เพราะเป็นพระผู้ที่มีความขยัน และอดทนท่านพระอาจารย์ทั้งสองจึงได้ถ่ายทอดสรรพวิชาต่าง ๆ ให้กับหลวงปู่สายอย่างไม่ปิดบังอำพรางตลอดแนะนำเคล็ดวิชาต่าง ๆ จนหมดภูมิความรู้ของท่าน หลังจากได้ศึกษาเล่าเรียนจากสำนักวัดนกแล้ว หลวงปู่สายท่านมีความสนใจในการปฎิบัติพระกรรมฐาน จึงได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดดอนกระต่ายทอง เพื่อศึกษาด้านวิปัสสนากรรมฐานและปฏิบัติจิตภาวณากับหลวงพ่อชม วัดดอนกระต่ายทอง หลวงพ่อชม ท่านก็ได้อบรมในเรื่องจิตภาวนาให้กับหลวงปู่อย่างใกล้ชิด และได้ร่วมออกธุดงค์ไปกับหลวงพ่อชมในหน้าแล้งของทุกปี เพื่อฝึกฝนปฎิบัติกรรมฐานสมาธิและจิตใจให้เข้มแข็งและแก่กล้า
    ปลายปี พ.ศ. 2481 หลวงปู่สาย ท่านได้เดินทางเข้ามาเล่าเรียนศึกษาด้านปริยัติธรรม และหัดท่องพระปาติโมกข์กับหลวงปู่ถม พุทธสโร วัดโพธิ์เรียง ซึ่งตั้งอยู่ในเขตบางกอกน้อย กทม. หลวงปู่ถมท่านได้อุปสมบทที่วัดดอนกระต่ายทอง ท่านเป็นพระคณาจารย์ทีมีชื่อเสียงรุ่นเดียวกับ หลวงปูโต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ในสมัยนั้นไม่ว่าจะมีงานพิธีพุทธาภิเษกที่ใด ย่อมต้องมีหลวงปู่ถมร่วมด้วยทุกครั้งไป หลวงปู่สายท่านได้จำพรรษาศึกษาเล่าเรียน ด้วยความตั้งใจอย่างยิ่ง จนกระทั่งท่านสามารถท่องพระปาติโมกข์ได้อย่างคล่องแคล่ว นอกจากนี้ท่านยังได้วิชาอาคมไสยเวทย์ และด้านวิชาสมุนไพรซึ่งหลวงปู่ถมเองท่านมีความรู้ความเชี่ยวชาญ มีกิตติศัพท์เลื่องลือไปไกล ซึ่งหลวงปู่ถมเองท่านก็ให้ความเอ็นดูเมตตาต่อท่านเป็นอย่างมาก หลวงปู่สายท่านได้จำพรรษาที่วัดโพธิ์เรียงเป็นเวลา 2 พรรษา จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2483 ท่านก็ได้เดินทางกลับมาจำพรรษา ที่วัดดอนกระต่ายทองนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจวบจนปัจจุบัน
    เมื่อกลับมาจำพรรษาที่วัดดอนกระต่ายทอง ท่านก็ได้ทบทวนความรู้ต่าง ๆ ที่ท่านได้เล่าเรียนมา และมาต่อวิชากับหลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว ซึ่งท่านเคยมาเรียนตั้งแต่สมัยยังไม่ได้บวช นอกจากนี้ท่านยังได้ศึกษาจากสมุดข่อยโบราณที่ตกค้างตามวัดต่าง ๆ ในแถบเมืองไชโยและละแวกใกล้เคียง โดยศึกษาด้วยตัวเอง และทดลองทำตามที่ตำราได้บอกไว้ ก็สามารถทำได้ผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ตามที่ระบุไว้ในตำราทุกประการ ดังเช่นที่วัดวงศ์ภาสน์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดดอนกระต่ายทองเท่าใดนัก สมัยหนึ่ง หลวงปู่พุฒ สารสุข(ปัจจุบันมรณภาพแล้ว) ซึ่งท่านเป็นเณรที่อุปัฏฐากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงปู่พุฒท่านเคยมาจำพรรษาอยู่ที่วัดวงศ์ภาสน์ถึง 2 พรรษา หลวงปู่สาย ท่านก็ได้ไปขอแลกเปลี่ยนวิชากับหลวงปู่พุฒ และศึกษาเพิ่มเติมจากตำราเก่าของหลวงปู่ศุขวัดมะขามเฒ่า ที่หลวงปู่พุฒท่านได้มอบไว้ให้ หลวงปู่ท่านเล่าว่า ได้ทดลองปฏิบัติทำตามตำรา ก็ได้ผลเป็นอัศจรรย์ยิ่ง หลวงปู่ท่านยังบอกอีกตำราหลวงพ่อวัดมะขามเฒ่านั้น ล้ำลึกและพิสดารมาก
    เป็นพระหมอยาโบราณรักษาชาวบ้าน
    ภายหลังจากท่านมาอยู่ที่วัดดอนกระต่ายทองแล้ว อายุกาลพรรษาก็มากขึ้นตามวัย ด้วยความรู้ความสามารถประกอยกับศรัทธาที่ชาวบ้านที่มีต่อท่าน เวลาที่ชาวบ้านเดือดร้อนก็มักจะมาขอความช่วยเหลือในเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานมงคล เครื่องรางของขลัง ขับไล่ภูตผี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องความเจ็บไข้ได้ป่วยในสมัยนั้น การสาธารณสุขก็ยังไม่ดีเช่นทุกวันนี้ เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย ก็รักษาตามมีตามเกิดหลวงปู่เองก็นึกเมตตา สงสารชาวบ้านท่านจึงได้เริ่มรักษาชาวบ้านด้วย ความรู้ด้านว่านยาสมุนไพรคาถาอาคมต่าง ๆ ที่ท่านมีความชำนาญ จนเป็นที่เลื่องลือกล่าวขานกันทั่วไปในละแวกนั้น นอกจากท่านจะได้ศึกษาด้านว่านยา สมุนไพรจากหลวงปู่เฟื่องและพระอาจารย์ปลั่ง วัดนกแล้ว ท่านยังได้ศึกษาวิชาหมอแผนโบราณเพิ่มเติม กับอาจารย์สดซึ่งเป็นฆราวาสที่อยู่วัดสระเกศ อ่างทอง และที่วัดสระเกศนี้เอง ก็มีหลวงพ่อโต๊ะพระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคม ที่ชาวอ่างทองให้ความเคารพเลื่อมใสและรู้จักกันดี หลวงปู่สายเอง ท่านก็มีความสนิทสนมแวะเวียนไปมาหาสู่ สนทนากับหลวงพ่อโต๊ะเสมอ ๆ
    เมื่อครั้งเป็นหมอยาแผนโบราณ ท่านเล่าให้ฟังว่าในสมัยนั้น การเดินทางยากลำบากมาก ท่านต้องเดินเท้าไปรักษาคนเจ็บคนป่วยทั้งใกล้ทั้งไกล บางครั้งเดินทางเป็นวัน ๆ กว่าจะถึงบ้านคนเจ็บก็บ่ายก็เย็น แต่ท่านก็ไม่เคยบ่นหรือท้อถอย ในการเดินทางท่านให้การรักษาแก่ชาวบ้านอย่างสุดความสามารถ ไม่เลือกยากดีมีจน ด้วยความเมตตาสงสาร จนมีชื่อเสียงเลื่องลือเป็นที่รู้จัก ด้านการรักษาด้วยยาแผนโบราณของท่าน นอกจากนี้ท่านยังมีความรู้เรื่องว่านยาอย่างลึกซึ้งอีกด้วย ลูกศิษย์รุ่นเก่าๆเล่าให้ฟังว่าหลังจากฉันท์เช้าแล้ว ท่านก็จะเริ่มรักษาชาวบ้าน เลยหรือหากวันใดไม่มีคนป่วยท่านก็จะลงไปสวนป่าสมุนไพร ว่านยาที่ท่านปลูกไว้สมัยนั้น บริเวณวัดดอนกระต่ายทองเต็มไปด้วยว่านยาสมุนไพรนานาชนิด เมื่อมีใครเจ็บไข้ได้ป่วย ก็สามารถจัดหามารักษาได้อย่างทันท่วงที หลวงปู่ท่านเป็นหมอยาโบราณ ให้กับชาวบ้านด้วยความเมตตามาช้านานไม่เคยคิดค่ายารักษา จนกระทั่งการสาธารณสุขเริ่มดีขึ้น ประกอบด้วยอายุท่านมากขึ้นจึงได้เลิกราไป ด้วยความที่ท่านเป็นหมอยามาก่อน ท่านจึงมีความชำนาญแตกฉานเกี่ยวกับเรื่องของอาการ 32 และธาตุเป็นอย่างมาก ท่านรู้ในธาตุรู้ในอาการอย่างลึกซึ้ง โดยปกติหลวงปู่จะไม่ค่อยพูดไม่เล่าอะไรให้ฟัง ครั้งหนึ่งตอนที่ท่านอารมณ์ดี ๆ เผลอ เล่าให้ฟังว่า “นะโมพุทธายะ พระเจ้า 5 พระองค์นี้เปรียบเสมือนแม่ธาตุใหญ่เป็นรากเหง้าของธาตุทั้ง 4 นะมะพะทะ ธาตุทั้ง 4 เป็นธาตุหล่อเลี้ยงร่างกาย สังขารที่ปรุงแต่งขึ้นมา เป็นตัวก็เป็นธาตุที่ถอดออกจากแม่ธาตุใหญ่คือนะโมพุทธายะ ถ้าหากว่าธาตุทั้ง 4 กองนี้ สมบูรณ์ไม่วิปริตผิดแผกไป ร่างกายก็มิได้มีการเจ็บไข้ และหากธาตุทั้ง 4 นี้เกิดอการวิปริตขึ้นเมื่อใดจะเป็นธาตุหนึ่งธาตุใดก็ตาม อาการเจ็บไข้ก็จะบังเกิดขึ้นทันที และก็เป็นไปตามลักษณะอาการของธาตุที่วิปริตนั้น ฉะนั้นธาตุทั้ง 4 นี้เองจึงเป็นสมมุติฐานใหญ่ในคัมภีร์แพทยศาสตร์ สำหรับใช้พิจารณาตรวจดูอาการ โรคภัยไข้เจ็บทั้งมวลเมื่อเราประกอบพิธีกรรมกระทำใด ๆ ก็ตาม พึงกระทำธาตุในตัวเราให้ตั้งมั่นสมบูรณ์เสียก่อน โดยการตั้งธาตุหนุนธาตุให้ถูกต้อง ตามลักษณะการที่จะกระทำนั้น และเมื่อกระทำการเสร็จแล้วก็ควรจะหนุนธาตุให้เกิดอิทธิฤทธิ์ยิ่ง ๆ ขึ้นอีก เมื่อธาตุในกายเราเป็นปกติสมบูรณ์ ก็จะทำให้กำลังใจของเราเข้มแข็ง สามารถที่จะทำให้บรรลุในสิ่งที่ต้องการได้ดังปรารถณา เราต้องตั้งแม่ธาตุก่อนจึงตั้งตัวธาตืเมื่อจะตั้งธาตุทั้ง 4 กอง ก็ต้องมีธาตุพระเจ้าคือ ธาตุกรณีกำกับลงไปเพื่อเป็นพี่เลี้ยงคุมธาตุ
    เมื่อตั้งธาตุบริบูรณ์แล้วก็ให้ทำการหนุนาตุด้วยแก้ว 4 ดวงคือ แก้วมณีโชติ แก้วไพฑูรย์ แก้ววิเชียร แก้วปัทมราช ให้พิจารณาดูว่าจะกระทำการใด เช่นจะแก้โรคภัยไข้เจ็บให้ตรวจดูว่าโรคนั้นเป็นเพราะธาตุใดวิกลไป ก็ให้ตั้งธาตุนั้นและหนุนธาตุให้ดีดังเดิม แต่หากจะกระทำการปลุกเสก ก็ให้พิจารณาว่าจะปลุกเสกก็ให้พิจารณาว่าจะปลุกเสกไปในด้านไหน เข้าในหมวดธาตุใดก็ให้เอาธาตุนั้นหนุน พอได้ฟังท่านเล่ามา อย่างนี้ ทำให้รู้ว่าหลวงปู่ท่านมีความรู้เรื่องธาตุละเอียดลึกซึ้งเป็นอย่างดี
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญเสมาปี ๒๕๓๘
    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20241122_110326.jpg IMG_20241122_110228.jpg
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    หลวงปู่ผาด.jpg
    หลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด ท่านเป็นพระที่รักสันโดษ ไม่ยึดติดในลาภยศสรรเสริญ ท่านได้ปฏิเสธในการสร้างวัตถุมงคลมาโดยตลอด แต่บรรดาศิษยานุศิษย์ได้รบเร้าหลวงปู่ว่า มีผู้เลื่อมใสศรัธาในตัวหลวงปู่ประสงค์อยากจะได้พระเครื่องวัตถุมงคลของหลวงปู่ผาดไว้บูชาเพื่อเป็นสิริมงคลเป็นขวัญและกำลังใจในการดำเนินชีวิต ทุกลมหายใจเข้าออกท่านกำหนดจิตด้วยกรรมฐานมีสติอยู่เสมอ วัตถุมงคลที่ผ่านการอธิฐานจิตจากท่านจึงทรงความศักดิ์สิทธิ์ทั้งบุญญาฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ดุจมีแก้วสารพัดนึก ใครมีโอกาส ได้ครอบครองก็ขอให้เก็บไว้บูชาดีๆเพราะท่านเคยพูดกับศิษย์บ่อยๆว่า “อีกหน่อยพระของเราจะเป็นเพชร” จากอมตะวาจาของหลวงปู่ผาดอนาคต
    พระสมเด็จปรกโพธิ์หลวงปู่ผาดวัดบ้านกรวด ออกที่วัดสะแกชัยนาท
    ให้บูชา 220 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20241122_163222.jpg IMG_20241122_163251.jpg IMG_20241122_163155.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2024 at 19:32

แชร์หน้านี้

Loading...