น่าเป็นห่วง หลักสูตรพุทธศาสนา จากบางอาจารย์ สอนตายแล้วสูญ ( หลักสูตร ม.1- ม.6)

ตอบช้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

แล้วยิ้มก็ไล่ถามท่านมาตั้งแต่ต้น ๆ กระทู้ ยันจนน่าจะปิดกระทู้แล้ว ทั้งมีสาระบ้าง ไร้สาระบ้าง ก็ไม่เคยเห็นท่านจะสนใจตอบยิ้มสักกะนิด

ใจก็นึกว่าท่านรักษาศีลปานชีพ กลัวพลังเผลอ ศีลจะขาด .... แต่ยิ้มว่าตอนนี้ ท่าน ตบะ แตกแล้ว พอ ๆ กับยิ้มหละค่ะ

*******************

***ถ้าเป็นคำถามที่มีสาระ ...ก็จะตอบ****

***ถ้าไม่มีสาระแบบเด็กๆ...ก็จะไม่ตอบ***

 

ก็เห็นด้วยครับเพราะในพระไตรปิฏกก็บอกอย่างนั้น ว่า ร่างกายเกิดจากธาตุทั้ง4มาประชุมรวมกัน

แต่ในพระไตรปิฏกไม่มีเขียนไว้ว่า ***ร่างกายมันจะเปลี่ยนสภาพ หรือเปลี่ยนสถาณะไปตามสสารได้หรือ?***

ท่านอย่าคิดเองเออเอง ว่าคนอื่นคิดสิครับ

มีแต่ท่านคิดของท่านอยู่คนเดียว แล้วก็มาว่าคนนั้นเพ้อ คนนี้เพ้อ

มีท่านคนเดียวครับที่นั่งเพ้อโน่นเพ้อนี่

ไม่มีใครพูดอะไรให้ท่านหลง ท่านก็หลงด้วยตัวเองได้ อนิจจัง

 

ขอลานะครับ ไว้วันหลังจะมาตอบปัญหาให้ใหม่ครับพระเตชปญฺโญ ภิกขุ

 

ยิ้มเป็นคนโง่เขลา ครูอาจารย์สั่งสอนมาดีแต่ไม่ค่อยเอาถ่าน...แต่ก็รับไม่ได้กับคำตามที่ท่านว่ามา ขออนุญาตเล่าตามที่พอรู้มา ผิด/ถูกมากน้อยแค่ไหนขอขมาต่อครูบาอาจารย์ที่เคารพรักบูชาทุกท่าน

ร่างกายมิใช่เรา เราคือจิต ร่างกายที่เกิดขึ้นได้นี้ก็เกิดขึ้นจากจิตและรวมกับธาตุขันธ์ทั้งห้า ตามส่งผลด้วยกรรมที่เคยกระทำไว้ เมื่อร่างกายดับด้วยธาตุขันธ์ ก็กลายสภาพที่เขาเรียกว่า ศพ แต่จิตยังคงไม่แตกสลายไป(อย่างที่ภาษาชาวบ้าน เขาเรียกว่า ผี....ท่านรู้จักไหม)

ดังนั้นเวลายังไม่เป็นผี ยังเป็นคนยังมีร่างกายอยู่ โปรดใช้ร่างกายและจิตวัญญาณนี้ให้คุ้มค่า สมกับที่ได้เกิดมาชาติหนึ่ง

สาธุฯ เถิดท่าน

 

ตอบช้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

***เมื่อร่างกายก็ยังไม่มีตัวตนที่แท้จริง เพราะมันยังต้องอาศัยเหตุปัจจัยเพื่อเกิดขึ้นมา***

***จิตก็ต้องไม่ต่างอะไรกับร่างกาย คือต้องอาศัยเหตุปัจจัยเพื่อเกิดขึ้นและตั้งอยู่***

***ดังนั้นจิตจึงเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตนเหมือนร่างกายนั่นเอง***

***สรุปว่า จิตไม่สามารถเกิดขึ้นและตั้งอยู่ได้ ถ้าไม่มีร่างกายมาเป็นเหตุ***

 

ก็ใครที่เขาค้านท่าน คิดไม่เป็นจินตนาการแบบท่าน ท่านก็หาว่าเขาไร้สาระซิ

ท่านเห็นข้อความที่ยิ้มถามท่านเกี่ยวกับพระ ญวน ท่านหนึ่งเผาตนเอง ท่านไม่ตอบ ท่านเห็นว่าไรสาระหรือค่ะ ยิ้มว่าท่านกลัว ตอบไม่ได้มากกว่า

ยิ้มขอตอบแบบเด็ก โง่ ๆ ว่านั่นคือ กายกับจิต แยกออกจากกัน จิตจึงไม่รับรู้ถึงความทรมานของร่างกาย ท่านทำไม่ได้ ท่านกลัว ....ท่านจึงปฏิเสธว่าไม่มี ไร้สาระ

 

นมัสการ

ถามครั้งที่ 2 ครับ
ท่านว่าจิตมีจริงหรือไม่.

 

แต่เรื่องดำเนินการกับหลักสูตรที่มุ่งพาเยาวชนของชาติลงสู่อบายภูมิตามท่านไปด้วยนั้น

ผมยืนยันว่า จะดำเนินการอย่างแน่นอน อยากดูของดีก็ต้องใจเย็นๆ หน่อยครับ
------------------------------------------------------------------------------
ขออนุโมทนาอย่างสูงครับท่าน Tamsak
ทั้งนี้ก็เพื่อพระพุทธศาสนาและเยาวชนของชาติไทยทั้งชาติครับ

 

ตอบช้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->***เมื่อร่างกายก็ยังไม่มีตัวตนที่แท้จริง เพราะมันยังต้องอาศัยเหตุปัจจัยเพื่อเกิดขึ้นมา***

***จิตก็ต้องไม่ต่างอะไรกับร่างกาย คือต้องอาศัยเหตุปัจจัยเพื่อเกิดขึ้นและตั้งอยู่***

***ดังนั้นจิตจึงเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตนเหมือนร่างกายนั่นเอง***

***สรุปว่า จิตไม่สามารถเกิดขึ้นและตั้งอยู่ได้ ถ้าไม่มีร่างกายมาเป็นเหตุ***



ท่านตอบวนไป วนนนนนนนมาอยู่แค่นี้แระค่ะ....ถามมากไปท่านตอบไม่ได้ ...หมดภูมิแย้ว(^)
<!-- / message -->

 

ตอบช้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

นมัสการ

ถามครั้งที่ 2 ครับ
ท่านว่าจิตมีจริงหรือไม่.

*********************

****คำถามนี้ชอบที่สุด** เพราะตรงประเด็น ไม่อ้อมค้อม พรำเพรื่อ**

***ก็อยากจะตอบว่า... จิตมีเมื่อมีเหตุปัจจัยมาปรุงแต่งให้มันมี***

***แต่จะไม่มีเมื่อไม่มีเหตุปัจจัยมาปรุงแต่ง***

***เหมือนแสงเทียนที่เกิดขึ้นจากเทียนที่ถูกจุดขึ้น***

***ที่นี้ก็อยากจะถามกลับบ้างว่า ***

****แล้วจิตจะเกิดขึ้นได้เองลอยๆ โดยไม่อาศัยร่างกายได้หรือไม่?***

 

ตอบช้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->***เมื่อร่างกายก็ยังไม่มีตัวตนที่แท้จริง เพราะมันยังต้องอาศัยเหตุปัจจัยเพื่อเกิดขึ้นมา***

***จิตก็ต้องไม่ต่างอะไรกับร่างกาย คือต้องอาศัยเหตุปัจจัยเพื่อเกิดขึ้นและตั้งอยู่***

***ดังนั้นจิตจึงเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตนเหมือนร่างกายนั่นเอง***

***สรุปว่า จิตไม่สามารถเกิดขึ้นและตั้งอยู่ได้ ถ้าไม่มีร่างกายมาเป็นเหตุ***



ท่านตอบวนไป วนนนนนนนมาอยู่แค่นี้แระค่ะ....ถามมากไปท่านตอบไม่ได้ ...หมดภูมิแย้ว(^)
<!-- / message -->

 

ตอบช้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

ท่านตอบวนไป วนนนนนนนมาอยู่แค่นี้แระค่ะ....ถามมากไปท่านตอบไม่ได้ ...หมดภูมิแย้ว(^)

******************************

***นี่หนู... อย่ากวนได้ไหมจ๊ะ ผู้ใหญ่เขาจะคุยกัน***

 

เอ้าท่านมาถามผมเสียแล้ว

แน่นอน 100% ครับ.
จิตมันมีอยู่อย่างนั้น ร่างกายเป็นที่อยู่อาศัย
เมื่อสังขารเสื่อมไปตามเหตุปัจจัย
จิตดวงเดิม ที่มีกรรมหล่อเลี้ยง ปรุงแต่ง ให้ เกิดภพ เกิดชาติ ต่อไป
กรรมปรุงแต่งให้ท่านมีหน้าตา มีเพศ มีสัณฐาน อยู่จนถึงปัจจุบัน
แต่ก็ยังเป็น จิตดวงเดิมนั่นแหละครับ
อย่างนี้เค้าเรียกว่า ตายแล้วสูญ

ขอถามกลับไปอีก ว่า จิตมีจริงหรือไม่ ครั้งที่ 3

 

ตอบช้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

แน่นอน 100% ครับ.
จิตมันมีอยู่อย่างนั้น ร่างกายเป็นที่อยู่อาศัย
เมื่อสังขารเสื่อมไปตามเหตุปัจจัย
จิตดวงเดิม ที่มีกรรมหล่อเลี้ยง ปรุงแต่ง ให้ เกิดภพ เกิดชาติ ต่อไป
กรรมปรุงแต่งให้ท่านมีหน้าตา มีเพศ มีสัณฐาน อยู่จนถึงปัจจุบัน
แต่ก็ยังเป็น จิตดวงเดิมนั่นแหละครับ
อย่างนี้เค้าเรียกว่า ตายแล้วสูญ

ขอถามกลับไปอีก ว่า จิตมีจริงหรือไม่ ครั้งที่ 3

********************************

***อาตมาลืมไปแล้วว่า... คุณโยมยอมรับว่าทุกสิ่งต้องเกิดขึ้นมาจากเหตุปัจจัยใช่หรือไม่?***

***อาตมาก็ตอบไปแล้วว่า มันขึ้นอยู่กับเหตปัจจัย***

**เหมือนคำถามที่ถามว่า ... คุณโยมว่า แสงเทียนที่จุดขึ้นมานั้นมันมีอยู่จริงหรือไม่? นั่นเอง***

**อันนี้คุณโยมจะตอบว่าอย่างไร?***

 

ตอบช้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

จิตมันมีอยู่อย่างนั้น ร่างกายเป็นที่อยู่อาศัย
เมื่อสังขารเสื่อมไปตามเหตุปัจจัย
จิตดวงเดิม ที่มีกรรมหล่อเลี้ยง ปรุงแต่ง ให้ เกิดภพ เกิดชาติ ต่อไป
กรรมปรุงแต่งให้ท่านมีหน้าตา มีเพศ มีสัณฐาน อยู่จนถึงปัจจุบัน
แต่ก็ยังเป็น จิตดวงเดิมนั่นแหละครับ
อย่างนี้เค้าเรียกว่า ตายแล้วสูญ

**************************

****ตรงนี้พิมพ์ผิดหรือเปล่า? ต้องตายแล้วเกิดมิใช่หรือ?***

****ถ้าไม่ผิด กรุณาอธิบายว่า มันสูญได้อย่างไร?**

 

ยิ้มก็ไม่ได้กวนนี่ค่ะ แต่เจอแบบท่าน ยิ้มก็เซ็ง ๆๆ เวลาคุยดี ๆ ท่านก็หาว่าไร้สาระ พอไร้สาระท่านก็หาว่ากวน 555

ถามแบบเอาจริง ๆ ที่ชาวบ้านเขาเขียนอธิบายท่าน ท่านเปิดใจรับรู้กับเขาบ้างไหมค่ะ ... อย่ายืนกระต่างยันขาเดียวนะค่ะ

 

ยอมรับ ปกิจจสมุปบาท ครับ

แต่คำตอบของท่าน ชี้ให้เห็นว่า ท่านเข้าใจกฏแห่ง อิทัปจยตาไม่สุด

จิตเกิดพร้อมร่างกายอันนี้ถูก หากเชื่อไม่สุด
ก็เข้าหลักตายแล้วสูญ

ทุกอย่างเป็นเหตุ ปัจจัยครับ
ร่างกายก็มีที่มา คือเกิดจากการปฏิสนธิ เป็นตัวอ่อน....
จิตก็ต้องมีที่มา อยู่เกิดเองในท้องไม่ได้...
อย่างนี้เรียกว่าตายแล้วไม่สูญ


คุณโยมว่า แสงเทียนที่จุดขึ้นมานั้นมันมีอยู่จริงหรือไม่? นั่นเอง***

แสงเกิดขึ้นลอยๆไม่ได้ ต้องมีไฟแช๊กตรับ
ไฟแช็กก็เกิดไฟไม่ได้ ถ้าไม่มีคนจุด
คนก็เกิดขึ้นลอยๆไม่ได้ ถ้าไม่มีกรรม
กรรมก็เกิดขึ้นลอยๆไม่ได้


ก็ถามว่า จิตอยู่ตรงไหนหรอ
ตรงหัวใจ ตรงสมอง ตรงเสนประสาท .....

 

ตอบช้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

ยิ้มก็ไม่ได้กวนนี่ค่ะ แต่เจอแบบท่าน ยิ้มก็เซ็ง ๆๆ เวลาคุยดี ๆ ท่านก็หาว่าไร้สาระ พอไร้สาระท่านก็หาว่ากวน 555

ถามแบบเอาจริง ๆ ที่ชาวบ้านเขาเขียนอธิบายท่าน ท่านเปิดใจรับรู้กับเขาบ้างไหมค่ะ ... อย่ายืนกระต่างยันขาเดียวนะค่ะ

***********************

***ขอโทษจ้า..เอ้าถามมาใหม่ ตอนนี้ว่างแล้ว จะพยายามตอบให้ด้ที่สุด***

 

ตอบช้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

แสงเกิดขึ้นลอยๆไม่ได้ ต้องมีไฟแช๊กตรับ

****************************

****ไฟแช็ก มันเป็นอดีตไปแล้ว***

**เรามาพูดถึงปัจจุบัน คือขณะนี้ไฟเทียนตั้งอยู่ได้เพราะมีเหตุปัจจัยอะไร?***

**และตั้งอยู่ไม่ได้ เพราะขาดเหตุหรือปัจจัยอะไร?***