น่าเป็นห่วง หลักสูตรพุทธศาสนา จากบางอาจารย์ สอนตายแล้วสูญ ( หลักสูตร ม.1- ม.6)

คุณ Tamsak แน่ใจได้อย่างไรว่า "ความเชื่อ" ของคุณ Tamsak เองถูกต้องมากกว่าของผู้อื่น?

หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานเพียงไม่นานก็เกิดการตีความแยกออกเป็นหลายฝ่ายเรื่อยมา แต่ละความเชื่อก็เกิดจากการตีความของแต่ละฝ่ายทั้งนั้น

มันมีบางเรื่องที่พระพุทธเจ้าไม่ได้ระบุเอาไว้ข้างใดข้างหนึ่ง เพราะมันจะเป็นการเถียงกันไม่จบ ฝ่ายหนึ่งก็เชื่อแบบหนึ่ง อีกฝ่ายก็เชื่ออีกแบบ บางฝ่ายบอกถูกทั้งสองแบบ อีกฝ่ายบอกว่าไม่ถูกทั้งสองแบบ ทั้ง 4 combination มันก็ยังเป็นการตั้งมั่นอยู่ในมุมของตนนั่นเอง มันไม่ใช่การเดินสายกลางอย่างใดเลย

หากคุณ Tamsak มาวิ่งไล่จับผู้ที่อยู่อีกมุมหนึ่ง ทั้งๆ ที่คุณ Tamsak ก็ตั้งมั่นอยู่ในอีกมุมหนึ่ง แล้วคุณ Tamsak จะอยู่เหนือมุมทั้ง 4 นี้ได้อย่างไร?

 

คุณ Tamsak อ่านจากพระไตรปิฏกแล้วไม่เกิดการตีความเอาเองในสมองหรือครับ คนอื่นๆ เขาก็อ่านเอาจากพระไตรปิฏกเหมือนกันนั่นแหล่ะครับ คุณ Tamsak ตีความพระไตรปิฏกอย่างหนึ่ง คนอื่นเขาก็ตีความพระไตรปิฏกเป็นอีกอย่างหนึ่ง คุณ Tamsak สรุปได้อย่างไรว่าคนอื่นที่ตีความไม่เหมือนคุณ Tamsak เขาตีความผิด?

 

ผมทำตามแล้ว เห็นผล ผมจึงเชื่อ
ใครไม่ทำตาม ไม่เห็นผล ไม่เชื่อ
คิดเอา ตีความเอา เชื่อตามความคิดตน ก็เป็นเรื่องของกรรม

 

ตอบข้อข้องใจ โดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

ขอท่านเตชปญฺโญ ภิกขุ ได้โปรดอดโทษให้แก่ข้าพเจ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่การบรรลุพระโพธิญาณด้วยเทอญ


การใดที่ท่านเตชปญฺโญ ภิกขุ ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ สั่งสอนและเผยแผ่พระพุทธศาสนาตรงต่อพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ขออนุโมทนาบุญด้วย


การใดที่ท่านเตชปญฺโญ ภิกขุ ปฏิบัติหรือสั่งสอนและเผยแผ่พระพุทธศาสนาขัดต่อพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ขอวางอุเบกขา นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป


อย่างไรก็ตาม หากมีการนำคำสอนที่ขัดต่อพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปบรรจุในหลักสูตรการเรียนการสอน ข้าพเจ้าก็ยังยืนยันที่จะทำหน้าที่ป้องกันและยับยั้งต่อไปเท่าที่มีกำลังและความสามารถ

-----------------------------------------
***คุณโยมคงเริ่มมองเห็นพระพุทธเจ้าลางๆแล้ว***
***พยายามต่อไป คุณโยมทำดีแล้ว ขออนุโมทนา***
***แต่ขอให้ใช้ปัญญาให้มากกว่านี้****<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>

 

หุหุ...ยังปล่อยให้กระทู้นี้ยัง...หายใจอยู่อีกรึ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะนะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ


ขอขมาพระรัตนตรัย
วันทามิ พุทธัง, สัพพะ เมโทสัง, ขะมะถะเม ภันเต,

วันทามิ ธัมมัง,สัพพะเมโทสัง, ขะมะถะเม ภันเต,

วันทามิ สังฆัง, สัพพะ เมโทสัง, ขะมะถะเม ภันเต

*****************************************

และโปรดแยกย้ายกันไปตามหนทางที่ชอบ ๆ แห่งตนเถิด (เถียงไปก็ไร้ประโยชน์ สงสารแต่เด็กรุ่นหลัง ๆ สังคมก็ทรามลงทุกวัน จิตใจก็หาหนทางแห่งความเจริญไม่พบ).. แต่ยิ้มได้ได้ใช้บทนี้นะค่ะ

 

=======================
เมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๒๔ หลวงปู่อยู่ในงานประจำปีวัดธรรมมงคล สุขุมวิท กรุงเทพฯ มีแม่ชีพราหมณ์หลายคนจากวิทยาลัยครูพากันเข้าไปถาม ทำนองรายงานผลของการปฏิบัติวิปัสสนาให้หลวงปู่ฟังว่า เขานั่งวิปัสสนาจนจิตสงบแล้ว เห็นองค์พระพุทธรูปอยู่ในหัวใจของเขา บางคนว่าได้เห็นสวรรค์วิมานของตัวเองบ้าง บางคนว่าเห็นพระจุฬามณีเจดีย์สถานบ้าง พร้อมทั้งภูมิใจว่า เขาวาสนาดี ทำวิปัสสนาได้สำเร็จฯ
หลวงปู่อธิบายว่า
“สิ่งที่ปรากฏเห็นทั้งหมดนั้น ยังเป็นของภายนอกทั้งสิ้น จะนำเอามาเป็นสาระที่พึ่งอะไรยังไม่ได้หรอก”
===================
ผู้ปฏิบัติกัมมัฏฐาน ทำสมาธิภาวนา เมื่อปรากฏผลออกมาในแบบต่างๆ ย่อมเกิดความสงสัยขึ้นเป็นธรรมดา เช่น เห็นนิมิตในรูปแบบที่ไม่ตรงกันบ้าง ปรากฏในอวัยวะร่างกายของตนเองบ้าง ส่วนมากมากราบเรียนหลวงปู่เพื่อให้ช่วยแก้ไข หรือแนะอุบายปฏิบัติต่อไปอีก มีจำนวนมากที่ถามว่า ภาวนาแล้วก็เห็นนรก สวรรค์ วิมานเทวดา หรือไม่ก็เป็นองค์พุทธรูปปรากฏอยู่ในตัวเรา สิ่งที่เห็นเหล่านี้เป็นจริงหรือ
หลวงปู่บอกว่า
“ที่เห็นนั้น เขาเห็นจริง แต่สิ่งที่ถูกเห็น ไม่จริง”
====================
ถามหลวงปู่ต่อมาอีกว่า นิมิตทั้งหลายแหล่ หลวงปู่บอกว่ายังเป็นของภายนอกทั้งหมด จะเอามาทำอะไรยังไม่ได้ ถ้าติดอยู่ในนิมิตนั้นก็ยังอยู่แค่นั้น ไม่ก้าวต่อไปอีก จะเป็นด้วยเหตุที่กระผมอยู่ในนิมิตนี้มานานหรืออย่างไร จึงหลีกไม่พ้น นั่งภาวนาทีไร พอจิตจะรวมสงบก็เข้าถึงภาวะนั้นทันที หลวงปู่โปรดได้แนะวิธีละนิมิตด้วยว่า ทำอย่างไรจึงจะได้ผล
หลวงปู่พูดว่า
“เออ นิมิตบางอย่างมันก็สนุกดี น่าเพลิดเพลินอยู่หรอก แต่ถ้าติดอยู่แค่นั้นมันก็เสียเวลาเปล่า วิธีละได้ง่ายๆ ก็คือ อย่าไปดูสิ่งที่ถูกเห็นเหล่านั้น ให้ดูผู้เห็น แล้วสิ่งที่ไม่อยากเห็นนั้นก็จะหายไปเอง”
===================

 

ข้อสำคัญ ผมยังไม่เคยสรุปว่าใครที่ไหนตีความไม่เหมือนผม
-------------------------------------------------------
นั่นสิ ผมก็ยังไม่เห็นท่าน Tamsak ไปว่าใครว่าตีความไม่เหมือนกับตนเองเลย เห็นมีแต่ว่าพวกที่ตีความไม่ตรงกับ พุทธดำรัส ในพระไตรปิฏก เท่านั้นเอง

อย่างนี้น่าจะเรียก ข้าวสารดิบ มากกว่า ข้าวสารสุก ซะหละม้าง
สงสัยคุณ ข้าวสารดิบ จะเมาตำราท่านพุทธทาส กระมั่งครับเลยร้อนวิชา หรือไม่ก็คงจะเหนื่อยจากการวิ่งไล่ตามบุคคลที่ค้านคำสอนของท่านพุทธทาสจนออกอาการพาลหาเรื่อง


นี่เป็นข้อความที่ผมเจตนาเสียดสีคุณ ข้าวสารดิบ อ่านแล้วหวังว่าโทสะ โมหะ คงจะไม่เกิดนะครับท่านผู้ไม่มีอัตตา (หากเห็นว่าข้อความไม่เหมาะสมลบได้นะครับ เพราะนี่ผมพิมพ์ไปตามกิเลสของตัวเอง)

 

อ้าวคุณ Manson นี่เอง ขอบคุณที่เมื่อคืนช่วยแบกไป 2 ก้อน คงนอนหลับฝันดีหล่ะสิ (deejai)

 

แหม ไอ้ตัวกระผมก็แบกๆ วางๆ ตามอารมณ์แหละครับท่าน
เหนื่อยก็วาง อยากออกแรงก็แบก อยากวิ่งไล่ก็วิ่ง เหนื่อยก็หยุดวิ่ง
แต่คงจะไม่วิ่งจนหน้ามืดเห็นดำเป็นขาวหรอกนะจ๊ะ

 

แหม....เวลาซื้อ Lottery ทำไมมันไม่ถูกรางวัลที่หนึ่งเหมือนอย่างนี้บ้างนะ

นึกอยู่แล้วเชียวว่า เดี๋ยวก็จะออกมาในรูปนี้
----------------------------------------------------
ก็ท่าน Tamsak พูดเปิดทางซะขนาดนั้น ก็เ้ข้าทางท่านเตชปัญโญ เหมาะเจาะเลย
ตามสไตร์ท่านแหละครับ ใครเผลอเข้าทางท่านนิดหน่อย ท่านจะดึงเข้ามาทันที

กระทุ้นี้ใครตอบเป็นคนที่ 1000 น่าจะมีของรางวัลให้นะครับเนี่ย
(ช่วงนี้ขอไร้สาระหน่อยอย่าถือสานะครับ)

 

http://palungjit.org/showthread.php?t=115676

เจ้าของกระทู้ที่นำเรื่องมาโพสไว้ ท่านเพิ่งอายุ 14 ปี ลองพิจารณาความน่าเลื่อมใสของจิตใจน้องเขานะ

 

อ่อผมพึ่งรู้นะครับเนี่ยว่าน้องเขาอายุ 14 เอง แหมดีจริงหายากๆ ขออนุโมทนาให้อีกรอบนะครับ

 

วันนี้ขออนุญาต เข้ามาแวะเยี่ยมอีกหน่อย ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญรึอย่างไร เมื่อคืนได้อ่านหนังสือธรรมะของหลวงพ่อท่านแล้ว ให้ฉุกใจคิด เลยขอนำมาให้ทุก ๆ ท่านผู้เจริญในธรรมได้พยายามย้ำเตือนตนเอง

อ้างอิงจาก หนังสือธรรมปฏิบัติ เล่ม 11 หน้า 28 ขององค์หลวงพ่อท่านค่ะ

รู้รักษ์สามัคคี

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ)fficeffice" /><O></O>
สุขา สังฆัสสะ สามัคคี ติ<O></O>
<O> </O>
ณ. โอกาสบัดนี้ (๕ เม.ย. ๒๕๒๖) อาตมาภาพจะแสดงพระสัทธรรมเทศนาในสามัคคีกถา เพื่อเป็นเครื่องโสรจสรงองค์ศรัทธาบารมี ที่บรรดาท่านนนริศราทานบดีทั้งหลายตั้งใจสดับรับรสพุทธพจน์เทศนา อันเป็นคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตามพระบาลีที่ยกไว้เป็นบาทเบื้องต้นว่า