น่าเป็นห่วง หลักสูตรพุทธศาสนา จากบางอาจารย์ สอนตายแล้วสูญ ( หลักสูตร ม.1- ม.6)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 24 มกราคม 2006.

?
  1. ไม่เห็นด้วย (คิดว่าสอนผิด)

    0 vote(s)
    0.0%
  2. เห็นด้วย (คิดว่าสอนถูก)

    0 vote(s)
    0.0%
  1. manson810

    manson810 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    410
    ค่าพลัง:
    +780
    พระโปฐิละ อันเป็นฉายาที่ได้มาจากการเป็นผู้เชี่ยวชาญในคำสอนของพระพุทธองค์นำมาสั่งสอนผู้คนจนมีลูกศิษย์มากมาย แต่พระพุทธองค์ทรงเรียกว่า "คุณใบลานเปล่า" และในที่สุดต้องไปหาศิษย์ซึ่งเป็นเณรอายุ 7 ขวบ ผู้บรรลุธรรมแล้วเพื่อปฏิบัติให้บรรลุธรรม
    -----------------------------------------------------------------------------
    อันนี้ท่านศึกษา แต่ท่านไม่ได้ปฏิบัติ ครับ


    คำสอนของพระพุทธองค์ที่ตกทอดกันมาแต่โบราณกาลจึงเป็นเพียงความรู้
    --------------------------------------------------------------------
    ท่านต้องพูดให้เต็มๆว่าเป็นความรู้และแนวทางในการปฏิบัติสำหรับชาวพุทธ


    ส่วนปัญญาตรัสรู้เป็นอีกสภาวะหนึ่งอันไม่สามารถบัญญัติเป็นลายลักษณ์อักษรหรือวาจาใดๆ ได้เลย
    ----------------------------------------------------------------------------------
    อันนี้เป็นผลที่ได้จากการปฏิบัติตามหลักที่ปราฏกอยู่ในพระไตรปิฏกครับ
    ดังคำกล่าวที่ว่า

    "อักขาตาโร ตถาคตา ตถาคตเป็นแต่เพียงผู้บอก ไม่ใช่ยกยอปอปั้นให้ใครได้ฌานสมาบัติ การปฏิบัติจะให้ได้ดีในเขตของพระพุทธศาสนา เรามีความจำเป็นอย่างยิ่งต้องปฏิบัติตามกระแสพระสัทธรรมเทศนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สิ่งใดที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามหรือแนะนำว่าไม่สมควร สิ่งนั้นเราต้องเว้นเด็ดขาด ถ้าสิ่งใดที่องค์สมเด็จพระพุทธเจ้าทรงสนับสนุน สิ่งนั้นต้องทำด้วยชีวิต จงพยายามทำด้วยจิตใจที่แท้จริง"
     
  2. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="85%" border=0><CENTER> [/color]</CENTER> 


    <TBODY></TBODY></TABLE><TABLE style="WIDTH: 69px; HEIGHT: 104px" cellSpacing=2 cellPadding=2 align=left bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=left bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>>>> การ์ตูน "พระพุทธเจ้า" ฝีมือคนไทยระดับอินเตอร์ <<<</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=middle>>>> การ์ตูน "พระพุทธเจ้า" ฝีมือคนไทยระดับอินเตอร์ <<<</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="85%" border=0>

    <TBODY></TBODY>

    </TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="85%" border=0>


    คำว่า “พระธรรมกาย” ในหนังสือ ทิพยอำนาจ

    อดีตพระอริยคุณาธาร (เส็ง ปุสโส) ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ (ขอนำมาโดยย่อ) ว่า

    “....ในปกรณ์ของฝ่ายเถรวาท ท่านโบราณาจารย์แบ่งพระกายของพระพุทธเจ้าเป็น ๓ ภาค ดังนี้คือ
    ๑. พระรูปกาย เป็นพระกายซึ่งกำเนิดจากพระพุทธบิดาและพระพุทธมารดา ที่เป็นมนุษย์ธรรมดาประกอบด้วยธาตุทั้ง ๔
    ๒. พระนามกาย เป็นพระกายซึ่งกำเนิดชั้นใน นามกายเป็นของมีทั่วไปแม้แต่สามัญมนุษย์ แต่ดีเลวกว่ากันด้วยอำนาจกุศลที่ตนทำไว้ก่อน
    ส่วนพระนามกายของพระพุทธเจ้า ท่านดีวิเศษกว่าสามัณมนุษย์ ด้วยอำนาจพระบุญญาบารมี ที่ทรงบำเพ็ญมาเป็นเวลาหลายอสงไขยกัป
    ๓. พระธรรมกาย ได้แก่พระกายอันบริสุทธิ์ ไม่สาธารณะทั่วไปแก่เทวดาและมนุษย์หมายถึงจิตที่พ้นจากกิเลสแล้ว เป็นจิตที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง
    พระธรรมกายนี้เป็นพระพุทธเจ้าที่จริงแท้ เป็นพระกายที่พ้น เกิดแก่เจ็บตาย
    เป็นพระกายที่เที่ยงแท้ถาวรไม่สูญสลาย แต่ท่านมิได้บอกให้แจ้งชัดว่า พระธรรมกายนี้มีรูปพรรณสัญฐานเช่นไรหรือไม่
    อนึ่ง ความเชื่อว่าพระอรหันต์นิพพานแล้วยังมีอยู่อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นพระอรหันต์นิพพานแล้วยังมีอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นพระอรหันต์แท้ไม่สลายตามกาย คือความเป็นพระอรหันต์ ไม่สูญ ตัวอย่างเช่น
    พระยมกะ เมื่อยังไม่บรรลุอรหัตผลได้แสดงความเห็นว่า พระอรหันต์ตายแล้วสูญได้ถูก พระสารีบุตร สอบสวน เมื่อบรรลุพระอรหันต์แล้ว จึงเห็นตามความจริงว่า
    “สิ่งที่ปัจจัยปรุงแต่ง ย่อมเป็นไปตามปัจจัย คือสลายไป ส่วนพระอรหันต์มิใช่สิ่งที่ปัจจัยปรุงแต่งจึงไม่สลายไป แปลว่า ไม่ตาย”
    ความเป็นพระอรหันต์นี้ ท่านก็จัดว่าเป็นอินทรีย์ชนิดหนึ่ง เรียกว่า “อัญญินทรีย์” พระผู้มีพระภาคเจ้าคงหมายถึงเอาอินทรีย์นี้เอง บัญญัติเรียกว่า “วิสุทธิเทพ” เป็นสภาพที่คล้ายคลึง “วิสุทธาพรหม” ในสุทธาวาสชั้นสูง (พรหมอนาคามี ชั้น ๑๒ - ๑๖ ) เป็นแต่บริสุทธิ์ยิ่งกว่าเท่านั้น
    อินทรีย์ของพระอรหันต์ประณีตสุขุม แม้แต่ตาทิพย์ของเทวดาสามัญก็มองไม่เห็น มนุษย์สามัญซึ่งมีตาหยาบ ๆ จะเห็นได้อย่างไร
    อินทรีย์ของพระอรหันต์นั้นแหละ เรียกว่า “อินทรีย์แก้ว” คือตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจของท่านเป็นแก้ว คือใสบริสุทธิ์ดุจแก้ว มณีโชติ ผู้บรรลุถึงภูมิแก้วแล้ว ย่อมสามารถพบเห็น “พระแก้ว” คือพระอรหันต์ที่นิพพานแล้วได้....”
    (การที่ยกเอาบทความนี้มาให้อ่านกันก็เพราะอาจจะมีนักปราชญ์บางท่านเข้าใจว่าพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว เหมือนกับเปลวไฟที่ดับไปฉะนั้น ก็เลยเหมาเอาว่า “พระนิพพานสูญ” ไปเลย </B>
    ตามที่พระพนาคเสนท่านอุปมาเช่นนั้น ท่านคงหมายถึงดับไปเฉพาะ “พระรูปกาย” เท่านั้น แต่จิตใจอันบริสุทธิ์ของพระพุทธองค์ ที่เรียกว่า “พระธรรมกาย” มิได้ดับสูญไปด้วยแต่อย่างใด
    อดีตพระอริยคุณาธาร ซึ่งเป็นศิษย์สาย หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต จึงให้ทัศนะเป็นข้อสรุปไว้ตั้วแต่ พ.ศ. ๑๔๙๓ นับเป็นเวลา ๔๐ ปี เศษแล้วว่า)
    “.....ความรู้เรื่องนี้ เป็นความรู้ลึกลับในพระธรรมวินัย ผู้สนใจพึงศึกษาค้นคว้าต่อไปถ้ายังรู้ไม่ถึงอย่าพึ่งค้าน อย่าพึงโมทนา เป็นแต่จดจำเอาไว้ เมื่อใดตนเองได้ษึกษาค้นคว้าแล้ว ได้ความรู้ได้เหตุผลที่ถูกต้องดีกว่า เมื่อนั้นจึงค้าน
    ถ้าได้เหตุผลลงกันจึงอนุโมทนา ถ้ารู้ไม่ถึงแล้ว ด่วนวิพากษ์วิจารณ์ติเตียนผู้พูดเรื่องเช่นนี้ จะเป็นไปเพื่อบอดตาบอดญาณตนเอง ยิ่งจะซึ้าร้ายใหญ่ ดังนี้....”
    [​IMG] <CENTER>[COLOR=[/B]</CENTER>







    <TBODY></TBODY>




    </TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2008
  3. dhammadasa

    dhammadasa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    679
    ค่าพลัง:
    +69
    หลวงพี่ เตชปญโญ ท่านมีเมตตาต่อผู้ที่มีผงธุลีในดวงตาน้อย ซึ่งยังมีอยู่อีกมากในเมืองไทย เพียงแต่ไม่ได้มีการชี้แนะที่ถูกต้อง

    พระพุทธเจ้าท่านทรงเล็งเห็นมาตั้งแต่ตรัสรู้ใหม่ๆ แล้วว่า ธรรมที่พระองค์ทรงค้นพบ (ซึ่งอยู่ในใจของทุกคนอยู่แล้ว) เป็นเรื่องที่ยากจะอธิบายให้ผู้ที่มีผงธุลีในดวงตามากน้อยต่างกันได้เข้าใจร่วมกันทั้งหมดได้ เราจึงได้เห็นพระไตรปิฏก 84,000 พระธรรมขันธ์ซึ่งอธิบายในเรื่องเพียงเรื่องเดียวคือ การดับทุกข์ แต่แบ่งแยกย่อยให้เหมาะสมกับระดับผงธุลีในดวงตาของแต่ละคน

    ผู้ที่มีผงธุลีในดวงตาน้อยล้วนเห็นว่าทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์ เป็นเรื่องเพียงเรื่องเดียวที่เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ นั่นก็คือการดับทุกข์
    ส่วนผู้ที่มีผงธุลีในดวงตามาก กลับไม่ได้มองเห็นถึงจุดมุ่งหมายของพระไตรปิฏก ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกับที่พระพุทธเจ้าออกบวช กลับมองเห็นเป็นหางช้างบ้าง งวงช้างบ้าง ไม่อาจจะมองเห็นเป็นช้างทั้งตัวได้

    ไม่มีผู้ใดที่กล่าวร้ายต่อพระไตรปิฏกอย่างที่ท่านๆ ในที่นี้เข้าใจ (เอาด้วยตนเอง) เช่นเดียวกับที่ไม่สามารถเห็นช้างทั้งตัว แต่เห็นเป็นงวงช้าง ย่อมมองเจตนารมย์ของผู้ที่เข้ามาโพสแตกต่างกับตนเองในที่นี้ว่าเป็นการเข้ามาเพื่อทำลายศาสนาพุทธบ้าง ดูถูกพระไตรปิฏกบ้าง

    พระอรหันต์หลายองค์ในช่วงพุทธกาล ใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีหลังจากได้ยินคำพูดเพียง 2-3 ประโยคจากพระพุทธเจ้า เนื่องจากพระอรหันต์เหล่านั้นล้วนเป็นผู้ที่มีผงธุลีในดวงตาน้อย สามารถมองช้างทั้งตัวได้ในคราเดียว และหากอรหันต์เหล่านั้นกลับมาอ่านพระไตรปิฏกทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์ ก็จะเข้าใจแจ้งตลอดว่าเป็นการอธิบายเพียงเรื่องเดียว คือการดับทุกข์

    ส่วนผู้ที่มีผงธุลีในดวงตามาก ศึกษาพระไตรปิฏกทั้งเล่ม หลายๆ รอบ ก็ยังมองงวงช้างเป็นงวงช้าง ส่วนงาช้างเป็นงาช้าง ส่วนหางช้างเป็นหางช้างอยู่นั่นเอง ไม่ได้มองช้างเป็นช้างทั้งตัวได้

    ท่านทั้งหลายคงเคยได้ยินเกี่ยวกับเด็กอายุไม่ถึง 10 ขวบที่สามารถเรียนจบระดับมหาวิทยาลัยได้ บางคนถึงกับจบแพทย์ นั่นก็เพราะเด็กเหล่านั้นมีระดับสติปัญญาที่สูง "และ" ได้รับการชี้แนะที่ถูกต้อง เปิดประตูให้สามารถเข้าไปเล่าเรียนได้โดยไม่ต้องผ่านระดับชั้นตามปกติ หากเด็กเหล่านั้นถูกจำกัดอยู่ด้วยกรอบความคิดเดิม คือต้องเล่าเรียนตามลำดับชั้น ลำดับอายุ แล้วเด็กเหล่านั้นจะเรียนจบอย่างรวดเร็วอย่างนั้นได้อย่างไร

    เช่นเดียวกัน ยังมีผู้ที่มีผงธุลีในดวงตาน้อยอีกเป็นจำนวนมากในเมืองไทย หากเขาเหล่านั้นติดอยู่กับ กับดัก ที่ว่านี้ เขาก็จะไม่สามารถบรรลุธรรมไปได้

    หรือท่านทั้งหลายในที่นี้มีผู้ใดไม่ต้องการให้ผู้ที่มีผงธุลีในดวงตาน้อยได้ผ่านประตูนั้นไปได้?
     
  4. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ โดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    มีทั้งเชื่อถือได้และเชื่อถือไม่ได้
    ผมขอเรียนถามท่านเตชปํญโญ ภิกขุ ดังนี้
    หากไม่มีพระไตรปิฏกตั้งแต่เริ่มแรกท่านคิดว่าปัจจุบันนี้จะปรากฏศาสนาพุทธอยู่หรือไม่?
    ถ้าหากปรากฏอยู่ ท่านว่าชาวพุทธจะนำหลักการปฏิบัติจากที่ไหนมายึดถือเป็นแนวทางการปฏิบัติ?
    <O></O>รวมถึงหลัก "กาลามสูตร" ที่ท่านชอบนำมาอ้างด้วยหากไม่มีพระไตรปิฏกท่านจะรู้ถึงหลักกาลามสูตรนั้นหรือไม่? หรือหากท่านรู้ก็อาจจะไม่ตรงกับที่ระบุอยู่ในพระไตรปิฏกก็ได้.
    ท่านพอจะเห็นคุณของพระไตรปิฏกหรือยังหนอ??
    **************************

    ****คำตอบก็มีอยู่แล้วที่คุณ manson810 ที่ว่า "มีทั้งเชื่อถือได้และเชื่อถือไม่ได้"
    จากหลักาลามสูตรก็บอกอยู่ว่าอย่าเชื่อ ให้นำเอามาทดลองปฏิบัติดูก่อน ถ้าได้ผลจึงค่อยเชื่อ แต่ถ้าไม่ได้ผลก็อย่าเชื่อ***

    ****อาตมาก็เลือกเอาเฉพาะที่ปฏิบัติแล้วได้ผลมาเชื่อถือ***

    ****ไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อถือทั้งหมดเลยสักนิด****

    ***พระไตรปิกฏก็เปรียบเหมือนขยะกองใหญ่***

    ***ที่เราจะต้องรู้จักเลือกเอาแต่ส่วนที่ดีเท่านั้น***

    ***ส่วนใดที่ไม่ดีเราก็ไม่เอา***

    ***ถ้าเราไปเอามาทั้งหมด เราก็อาจจะได้รับสิ่งที่ไม่ดีมาด้วย***

    ***คุณ manson810 กรุณาไปศึกษาหลักกาลามสูตรมาให้ดีเสียก่อน***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2008
  5. animejanai

    animejanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +494
    หลวงพี่บวชเพราะอะไรครับ ผมอยากรู้ครับ...?
    (เพื่อนผมที่เป็นเทพฝากมาถาม)

    ขยะหรือ(กรรมมันดันเรียกขยะอีก) มันไม่ใช่ขยะ(เค้าบอกมา)

    ลบคพูดไม่สุภาพออกแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 มกราคม 2008
  6. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ โดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

     
  7. mali

    mali เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +2,326
    เอาเป็นว่าท่านจะยังไม่เชื่อพระไตรปิฎกทั้งหมดก็ไม่เป็นไร ท่านก็คงต้องทบทวนข้อธรรมต่างๆโดยใช้หลักกาลามสูตร ทีนี้ขอถามท่านว่า เวลาใกล้ตาย
    ท่านจะนึกถึงอะไร และจะสอนเหล่าพุทธบริษัททั้งหลายให้นึกถึงสิ่งใด โดยเฉพาะผู้ที่มีทุกขเวทนามากๆ เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆรุมเร้าอยู่ ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบค่ะ
     
  8. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    ในพระไตรปิฎกมีคำตอบอยู่แทบทุกปัญหาอยู่แล้วล่ะครับ ลองหาๆอ่านดูให้ละเอียดก็จะทราบคำตอบได้เองครับ
     
  9. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    ความจริงกาลามสูตรนั้นมีที่มาที่ไป เนื่องจากชนชาวกาลามที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปแสดงธรรมนั้น เป็นเมืองที่มีเจ้าลัทธิมาเผยแผ่คำสอนหรือความเห็นของตนค่อนข้างมาก ทำให้ชาวเมืองสับสน

    พระพุทธเจ้าท่านจึงเทศน์ว่าอย่าพึงเชื่อจนกว่าจะได้พิสูจน์ว่า คำสอนนั้นๆเป็นจริงเป็นกุศลหรือไม่ ทั้งนี้เพราะจริตของชาวเมืองนั้นเป็นเช่นนั้น เมื่อพระพุทธเจ้าสอนเช่นนั้นชาวเมืองก็เกิดศรัทธาและน้อมนำคำสอนของพระองค์ไปปฏิบัติ(เนื่องจากพระพุทธเจ้าท่านมีทศพลญาณ 10 สามารถรู้จริตและความแก่กล้าของผู้อื่นได้ว่าเหมาะสมกับธรรมแบบใด)

    ไม่ได้หมายความว่าจะต้องนำกาลามสูตรนี้มาใช้กับคำสอนของพระพุทธเจ้าไปซะทุกเรื่อง พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนให้ละวิจิกิจฉา ความลังเลความสงสัยในคำสอนของพระองค์เสียด้วยซ้ำไปครับ

    ยิ่งสำหรับพระภิกษุด้วยแล้วถ้าตนเองยังไม่เชื่อไม่ศรัทธาในสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน การบวชก็ถือว่ามีมลทินด่างพร้อยแล้วล่ะครับ ในเมื่อตัวท่านยังไม่เชื่อยังไม่ศรัทธา แล้วจะไปสอนให้ผู้อื่นเชื่อได้อย่างไรล่ะครับ การทำเช่นนั้นกลับเป็นการทำร้ายพระพุทธศาสนาเสียด้วยซ้ำไปนะครับ
     
  10. manson810

    manson810 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    410
    ค่าพลัง:
    +780
    **พระไตรปิกฏก็เปรียบเหมือนขยะกองใหญ่***
    -----------------------------------------------------------
    "ขยะ" ........ผมหมดคำถามแล้วครับท่านเตชปัญโญ ภิกขุ
     
  11. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    งั้นผมขอถามท่านธรรมทาสหรือท่านเตชะปัญโญช่วยชี้แจ้งตอบปัญหาธรรม
    1.ท่านมีทัศนคติต่อพระพุทธเจ้าอย่างไร
    2.เรื่องฤทธิ์อภิญญาต่างๆมีจริงหรือไม่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้อย่างไร
    3.สวรรค์นรกมีจริงหรือไม่อย่างไร
    4.หากสรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจแบบที่ท่านอธิบายงั้นพรรษาที่พระพุทธเจ้าทรงไปจำพรรษาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และโปรดเทพบุตรสิริมหามายา ผู้เป็นพุทธมารดา พุทธประวัติช่วงนี้ก็ไม่จริงใช่หรือไม่
    หมายเหตุ คำถามเล่านี้ข้าพเจ้ามิได้ล่วงเกินต่อองค์พระรัตนตรัยทั้ง3แต่เพื่อความกระจ่างในศาสนาจึงขอกราบขมาต่อองค์พระรัตนตรัยขอได้โปรดงดโทษให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ
     
  12. dhammadasa

    dhammadasa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    679
    ค่าพลัง:
    +69
    คุณ Joni,
    1) พระพุทธเจ้าเป็นบุคคลระดับอัจฉริยะซึ่งทรงตรัสรู้หนทางดับทุกข์ได้ด้วยพระองค์เอง เป็นเพียงผู้เดียวตั้งแต่กงล้อของศาสนาพุทธเริ่มหมุนที่สามารถรู้วิธีดับทุกข์ได้ด้วยตนเอง เราที่เหลือ ล้วนเป็นผู้ปฏิบัติตามทางที่พระพุทธเจ้าเป็นผู้ค้นพบเท่านั้น ไม่มีผู้ใดมีสติปัญญาเทียบกับพระพุทธเจ้าในอดีตได้ และเรื่องที่พระพุทธเจ้าสอนมีเรื่องเดียวคือเรื่องความดับทุกข์ ส่วนเรื่องอื่นๆ ตามที่พุทธศาสนิกชนในเมืองไทยเชื่อตามๆ กันมานั้น ตามพุทธประวัติ ไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตัดสินพระทัยออกบวช ซึ่งจะมีหรือไม่มีจริง ผมไม่อาจทราบได้ และไม่คิดว่ามันเป็นสาระสำคัญของการดับทุกข์ พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงแสวงหาการดับทุกข์ในชีวิตที่ยังมาไม่ถึง แต่ทรงออกแสวงหาการดับทุกข์ในชีวิตขณะนั้น อันนี้ด้วยปัญญาอันน้อยนิดของผมเห็นว่าหากพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้สิ่งที่จะดับทุกข์ได้ในอนาคต (ชาติหน้า) พระองค์จะทรงทราบได้อย่างไรว่าเป็นการดับทุกข์ที่เกิดในชาติหน้าได้จริง เนื่องจากเหตุการณ์นั้นยังมาไม่ถึง จึงสรุปได้ว่าพระพุทธเจ้าได้ทรงค้นพบหนทางดับทุกข์ได้ในขณะนั้น ในคืนนั้น และทรงเสวยวิมุติสุขตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อันนี้เป็นการสรุปของผม ส่วนผู้อื่นจะสรุปว่าพระพุทธเจ้าทรงยังไม่หลุดพ้นความทุกข์จนถึงชาติหน้า อันนั้นก็แล้วแต่ผู้นั้นจะคิดครับ

    ส่วนข้อ 2) 3) 4) นั้น อย่างที่กล่าวมาแล้วว่าไม่ได้เป็นพุทธประสงค์ของการออกบวชของพระพุทธเจ้า จึงไม่ใช่สาระสำคัญต่อการดับทุกข์ (ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงก็ตาม)
     
  13. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,172

    อ่านแล้วดูเหมือนเกาไม่ถูกที่คัน ตอบไม่ตรงคำถาม

    เอ..หรือคนถาม ถามไม่ตรงคำตอบกันหว่า

    เอ้า...คนตอบ คิดใหม่ ตอบใหม่ ได้นะครับ


    .
     
  14. dhammadasa

    dhammadasa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    679
    ค่าพลัง:
    +69
    หากท่าน Tamsak เห็นว่าคำตอบนี้ไม่ตรงกับคำถาม หรือคำถามไม่ตรงกับคำตอบนั้น ล้วนไม่ใช่ปัญหาครับ

    ไม่ใช่ทั้ง "คำตอบนี้ไม่ตรงกับคำถาม" หรือ "คำถามไม่ตรงกับคำตอบนั้น"
    แต่เป็น "คำตอบนี้ไม่ใช่คำตอบสำหรับท่าน Tamsak" ครับ

    จึงไม่ใช่ปัญหาที่ผู้ตอบต้องตอบให้ตรงกับคำถาม และไม่ใช่ปัญหาที่ผู้ถามต้องถามให้ตรงกับคำตอบแต่อย่างใด
     
  15. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,172
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2008
  16. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ โดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    ขอตอบปัญหาของคุณ<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:smarttags" /><st1:country-region w:st="on"><st1:place w:st="on">mali</st1:place></st1:country-region> ที่ว่า...<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    **********************<o:p></o:p>
    เอาเป็นว่าท่านจะยังไม่เชื่อพระไตรปิฎกทั้งหมดก็ไม่เป็นไร ท่านก็คงต้องทบทวนข้อธรรมต่างๆโดยใช้หลักกาลามสูตร ทีนี้ขอถามท่านว่า เวลาใกล้ตาย
    ท่านจะนึกถึงอะไร และจะสอนเหล่าพุทธบริษัททั้งหลายให้นึกถึงสิ่งใด โดยเฉพาะผู้ที่มีทุกขเวทนามากๆ เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆรุมเร้าอยู่ ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบค่ะ<o:p></o:p>

    <o:p> </o:p>
    ****หัวใจของปัญญาก็คือเรื่อง อนัตตา ที่หมายถึง ความไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง**<o:p></o:p>
    **** อนัตตาเป็นเหมือนกับยาหม้อใหญ่ที่ใช้แก้โรค หรือความทุกข์ได้ทุกชนิด***<o:p></o:p>
    ***อย่างที่พระพุทธเจ้าทรงตอบกับพระโมกขราชว่า ***<o:p></o:p>
    ****
     
  17. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ โดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    จากที่คุณ manson810 ว่า

    ************
    **พระไตรปิกฏก็เปรียบเหมือนขยะกองใหญ่***
    -----------------------------------------------------------
    "ขยะ" ........ผมหมดคำถามแล้วครับท่านเตชปัญโญ ภิกขุ
    *************************
    ****รู้สึกเหมือนคุณ manson810 จะมีอุปาทานมาก****
    ****คือยึดติดในพรไตรปิฎกอย่างเหนียวแน่น****
    ****ลองวางพระไตรปิฏกดูซิ แล้วจะพบพระธรรมที่แท้จริง***
    ***พระธรรมไม่ได้อยู่ในพระไตรปิฏก แต่อยู่ในจิตที่บริสุทธิ์ ไม่มีอุปาทาน****
    ---------------------------
    ส่วนที่มีผู้สงสัยว่า
    ไม่ได้หมายความว่าจะต้องนำกาลามสูตรนี้มาใช้กับคำสอนของพระพุทธเจ้าไปซะทุกเรื่อง พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนให้ละวิจิกิจฉา ความลังเลความสงสัยในคำสอนของพระองค์เสียด้วยซ้ำไปครับ
    -------------------------------------------------
    ***ขอตอบว่า ถ้าไม่ให้ใช้กับคำสอนของพระพุทธองค์ ก็แสดงว่า****
    ****คำสอนของพระพุทธองค์นั้นกลับการถูกพิสูจน์ใช่หรือไม่****
    ****ถ้าเป็นทองแท้ต้องไม่กลัวไฟซิ****
    ***อย่ากลัวการพิสูจน์ ถ้าเราเชื่อมั่นว่าของเราถูกต้อง****
    ***การเชื่อโดยไม่ต้องลังเลนั้นคือความงมงาย****
    ***พุทธศาสนาเป็นศาสนาของผู้มีปัญญา จะต้องไม่งมงาย***
    ***และไม่กลัวการพิสูจน์****
    ***รวมทั้งจะไม่มีใครสามารถโต้แย้งด้วยเหตุผลได้(ยกเว้นคนไม่มีเหตุผล)****


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2008
  18. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ โดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    ขอตอบคำถมของคุณโยม joni_buddhist ที่ว่า<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ---------------------------------<o:p></o:p>
    งั้นผมขอถามท่านธรรมทาสหรือท่านเตชะปัญโญช่วยชี้แจ้งตอบปัญหาธรรม
    1.
    ท่านมีทัศนคติต่อพระพุทธเจ้าอย่างไร
    2.
    เรื่องฤทธิ์อภิญญาต่างๆมีจริงหรือไม่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้อย่างไร
    3.
    สวรรค์นรกมีจริงหรือไม่อย่างไร
    4.
    หากสรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจแบบที่ท่านอธิบายงั้นพรรษาที่พระพุทธเจ้าทรงไปจำพรรษาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และโปรดเทพบุตรสิริมหามายา ผู้เป็นพุทธมารดา พุทธประวัติช่วงนี้ก็ไม่จริงใช่หรือไม่
    หมายเหตุ คำถามเล่านี้ข้าพเจ้ามิได้ล่วงเกินต่อองค์พระรัตนตรัยทั้ง3แต่เพื่อความกระจ่างในศาสนาจึงขอกราบขมาต่อองค์พระรัตนตรัยขอได้โปรดงดโทษให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ<o:p></o:p>

    ****ข้อ ๑ ---พระพุทธเจ้าทรงประทับอยู่เบื้องหลังความโง่ของเรานี่เอง***
    ***เอาความโง่ออก แล้วจะพบพระพุทธองค์ที่แท้จริง****
    ****พระพุทธเจ้าตามตำรา หรือจากคนอื่นว่ามานั้น ยังไม่ใช่ของแท้***
    ****อย่างที่ เซ็น กล่าวว่า
     
  19. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ โดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    ขอตอบคำถมของคุณโยมtamsak ที่ว่า<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>

    คำถามที่ผมอยากจะถามท่านคือ
    เมื่อท่านยึดหลักกาลามสูตรจริงท่านได้พิสูจน์คำสอนของพระพุทธเจ้าบ้างหรือยัง พิสูจน์อะไรได้บ้างพิสูจน์แล้วเป็นอย่างไรเหตุใดตำราที่ท่านเขียนขึ้นเพื่อเผยแพร่แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไปจึงยังขัดกับหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า<o:p></o:p>

    ***ขอตอบว่า พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้อริยสัจ ๔ ซึ่งเป็นวิธีการดับทุกข์ของจิตใจเราในปัจจุบัน***<o:p></o:p>
    ***โดยการดับเสียซึ่งอวิชชา (ความโง่ที่มายึดถือว่ามีตัวเรา) แล้วทุกข์ก็จะดับ ***<o:p></o:p>
    ***ลองปฏิบัติดูซิ แต่อย่าถามว่าทำได้หรือยัง? เพราะถึงตอบไปแล้วใครจะรู้***<o:p></o:p>
    ***ถ้าตอบไปคนมีปัญญาเขาจะหัวเราะเอา****<o:p></o:p>
    ***เพราะ ตัวหนังสือแสดงได้แค่เหตุผลเท่านั้น แสดงความจริงไม่ได้****<o:p></o:p>
    ***ที่ว่าขัดกับคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น ***<o:p></o:p>
    *****ขอถามหน่อยว่า คำสอนของพระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน?***<o:p></o:p>
    ****และเรารู้ได้อย่างไรว่าคำสอนใดเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าจริง?***<o:p></o:p>
    ****สงสัยว่าจะขัดแย้งกับความเชื่อจากตำราหรือจากครูอาจารย์หรือเปล่า?***<o:p></o:p>
    ****อย่าเพิ่งลงมติว่าตำราทั้งหลายถูกต้อง หรือครูอาจารย์สอนถูกต้อง ถ้ายังไม่ได้พิสูจน์***<o:p></o:p>
    -------------------------------------------------
    ยกตัวอย่างเรื่อง เทวตานุสสติกรรมฐาน ซึ่งเป็นพระกรรมฐาน 1 ใน 40 กองที่พระพุทธเจ้าท่านทรงกล่าวสอนไว้อยู่ แต่คำสอนและตำราของท่านกลับบอกว่าสวรรค์ซึ่งเป็นที่อยู่ของเทวดานั้นไม่มีอยู่จริงเท่ากับปฏิเสธความมีอยู่จริงของเทวดา และกล่าวว่าคำสอนนี้ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า ผมจึงสงสัยว่า ท่านได้ใช้หลักกาลามสูตรไปพิสูจน์คำกล่าวขององค์สมเด็จฯท่านหรือยังทั้งในด้านปริยัติและในด้านปฏิบัติ<o:p></o:p>
    ----------------------------------<o:p></o:p>
    ***การพิสูจน์เป็นเรื่องส่วนตัว ใครจะมาล่วงรู้ได้ (อย่าเชื่อจากเขาว่ามา)***<o:p></o:p>
    ****ถ้ามีคนกล้าโกหก คนที่เชื่อก็จะโง่ไปจนตาย ระวังให้ดี***<o:p></o:p>
    ****ถ้าคนมีปัญญาเขาถามคุณว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2008
  20. mali

    mali เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +2,326
    ถ้าไม่ให้เชื่อพระไตรปิฎก ถ้าเช่นนั้นพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระพุทธองค์
    ก็คือ พระไตรปิฎก+ความเห็นของเราเอง+การพิสูจน์ ยังงั้นจึงจะถูกหรือคะ
    ถ้าเช่นนั้นศาสนาเราก็จะเต็มไปด้วยความเห็นของปัจเจกบุคคลทั้งหลายมากมายเต็มไปหมด ดิฉันก็ยอมรับว่ามีความรู้น้อย ด้อยปัญญา มีโลภ โกรธ หลงครบถ้วน และไม่อายที่ใครจะมาหัวเราะว่ายังไม่รู้ ยังโง่อยู่มาก แต่วันนี้จะขอขมาต่อพระรัตนตรัย ถ้าเผื่อได้ล่วงกรรมจะโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตามต่อพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์
     

แชร์หน้านี้

Loading...