ติดตามสถานะการณ์

เรือแมว
.
เรือแมว...คือศูนย์ดูแลแมวร่อนเร่ รอคอยบ้านใหม่ ลอยอยู่ในแม่น้ำที่อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ ก่อตั้งโดยหญิงที่รักแมวเมื่อ52ปีมาแล้ว(แต่เพิ่งเคยได้ยินนี่แหละ)หลังพบแมวไม่มีเจ้าของใต้ต้นไม้ใกล้บ้าน แล้วช่วยไว้จากหนึ่งกลายเป็นหลายตัว จึงเริ่มซื้อเรือเปลี่ยนด้านในให้เป็นสวรรค์ของแมว
เรือแมว"De Poezenboot"มีแมว50ตัว มีอาสาสมัครแวะเวียนมาช่วยดูแลเลี้ยงแมว25คน ธรรมดาเปิดให้คนเข้าชมและติดต่อขอรับแมวไปเลี้ยง(คัดกรองเข้มงวดมากเพราะอยากให้แมวได้บ้านถาวรที่เหมาะสม) แต่ช่วงวิกฤตโควิดยังปิดอยู่

ขอบคุณภาพจาก: De Poezenboot/Spruge/Things to do in Amsterdam/cheezburger
เขียน CR TW #GratitudeDNA

 

ที่Nakuru, ประเทศเคนยา. วันที่ 3 พฤษภาคม

https://t.co/0f7mdCWu7X?amp=1

 

ความเสียหายจากพายุลมที่ #Barka ใน รัฐสุลต่าน (Sultanate) ของ ประเทศโอมาน วันที่ 3 พฤษภาคม

https://timesofoman.com/article/301...nds-and-heavy-rains-in-barka-south-al-batinah

 

Bank of Thailand Scholarship Students



(May 3) ธปท.ชี้ COVID-19 ฉุดเศรษฐกิจหดตัวรุนแรง นักท่องเที่ยวต่างชาติลดฮวบ 76.4% : ธปท.ชี้เศรษฐกิจไทยเดือนมีนาคม 2563 หดตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน การระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทุกด้าน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่หดตัวรุนแรง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รายงานเศรษฐกิจไทยในเดือนมีนาคม 2563 ซึ่งพบว่าหดตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยมีรายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจไทยมีดังนี้

จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ หดตัวรุนแรงที่ร้อยละ 76.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเป็นการหดตัวสูงในทุกสัญชาติ จากผลของการประกาศใช้มาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศในหลายประเทศรวมถึงไทยเพื่อควบคุมการระบาดของโรค COVID-19 ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ลดลงมากส่งผลกระทบรุนแรงต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมและภัตตาคาร และธุรกิจขนส่งผู้โดยสาร

มูลค่าการส่งออกสินค้า หดตัวร้อยละ 2.2 จากระยะเดียวกันปีก่อน หากไม่รวมการส่งออกทองคำ มูลค่าการส่งออกหดตัวที่ร้อยละ 6.5 โดยเป็นการหดตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนและเป็นการหดตัวในหลายหมวดสินค้า โดยเฉพาะยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องจักรและอุปกรณ์ และสินค้ากลุ่มที่มูลค่าเคลื่อนไหวตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก

ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการปิดเมืองในหลายประเทศ ซึ่งส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าลดลงมาก ประกอบกับราคาส่งออกหดตัวตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก อย่างไรก็ดี การส่งออกในบางหมวดสินค้ายังขยายตัวได้ อาทิ อิเล็กทรอนิกส์ สินค้าเกษตรแปรรูป และเครื่องใช้ไฟฟ้า

เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชน หดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน ตามการใช้จ่ายในเกือบทุกหมวด จากปัจจัยสนับสนุนกำลังซื้อภาคครัวเรือนที่อ่อนแอลง ทั้งในด้านรายได้ การจ้างงาน และความเชื่อมั่นผู้บริโภค รวมทั้งเป็นผลจากมาตรการควบคุมและความกังวลต่อโรค COVID-19 ซึ่งทำให้การเดินทางและการใช้จ่ายนอกบ้านลดลง โดยมีเพียงการใช้จ่ายในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นและการใช้ไฟฟ้าที่ขยายตัวได้ ทั้งนี้

การผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวสูงขึ้นสอดคล้องกับอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่อ่อนแอลง

เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนหดตัวสูงขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน จากการลงทุนทั้งในหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์และหมวดก่อสร้าง สอดคล้องกับอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่อ่อนแอลง รวมทั้งความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่ลดลงต่อเนื่องตามสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ที่รุนแรงขึ้น

มูลค่าการนำเข้าสินค้ากลับมาขยายตัวร้อยละ 4.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน หลังจากที่หดตัวสูงในเดือนก่อนหน้า หากไม่รวมการนำเข้าทองคำ มูลค่าการนำเข้าขยายตัวที่ร้อยละ 1.3 ตามการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง โดยเฉพาะการนำเข้าจากจีน จากการผ่อนคลายมาตรการการปิดเมือง ส่งผลให้การนำเข้าสินค้าบางกลุ่มกลับมาขยายตัว ประกอบกับการนำเข้าน้ำมันดิบขยายตัว ตามคำสั่งซื้อที่ตกลงไว้ก่อนการระบาดของ COVID-19

อย่างไรก็ดี การนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าทุนยังคงหดตัว สอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ

การใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอน กลับมาขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน เป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ตามการทยอยเบิกจ่ายภายหลังการประกาศใช้ พ.ร.บ. งบประมาณปี 2563 เป็นหลัก โดยรายจ่ายประจำขยายตัวตามการเบิกจ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการ และการเบิกจ่ายค่าตอบแทนบุคลากร ขณะที่รายจ่ายลงทุนขยายตัวจากการเบิกจ่ายทั้งในส่วนของรัฐบาลกลางและรัฐวิสาหกิจ

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจปรับไปในทิศทางที่แย่ลง อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2560 จากอัตราเงินเฟ้อในหมวดพลังงานตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่หดตัวสูง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานและอัตราเงินเฟ้อในหมวดอาหารสดยังคงเป็นบวกแต่ปรับลดลงจากเดือนก่อน ด้านตลาดแรงงานเปราะบางมากขึ้น สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลลดลงตามดุลการค้าที่ลดลงจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น และรายรับภาคการท่องเที่ยวที่ลดลงมาก ส่วนดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลสุทธิจากทั้งด้านสินทรัพย์และด้านหนี้สิน อย่างไรก็ดี เสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี

ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 1 ปี 2563 หดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน โดยการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบรุนแรงต่ออุปสงค์ทั้งต่างประเทศและในประเทศโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่หดตัวสูง ด้านการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมทองคำหดตัวต่อเนื่อง เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนแผ่วลงตามรายได้และความเชื่อมั่นที่ปรับลดลงมาก โดยมีเพียงการใช้จ่ายในหมวดสินค้าจำเป็นที่ยังขยายตัวได้ ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐหดตัวต่อเนื่องจากความล่าช้าของ พ.ร.บ. งบประมาณปี 2563

โดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่หดตัวส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมและเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนหดตัวสอดคล้องกัน ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนตามอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน และอัตราเงินเฟ้อในหมวดพลังงานที่เป็นผลจากฐานต่ำในปีก่อน ขณะที่ตลาดแรงงานเปราะบางเพิ่มขึ้น ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลลดลง จากรายรับภาคการท่องเที่ยวที่ลดลงมาก ส่วนดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลสุทธิจากทั้งด้านสินทรัพย์และด้านหนี้สิน

Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์https://www.bangkokbiznews.com/news...edium=internal_referral&utm_campaign=economic

เพิ่มเติม
- ข่าว ธปท. https://www.bot.or.th/Thai/PressandSpeeches/Press/2020/Pages/n2363.aspx

 

Bank of Thailand Scholarship Students

(May 3) บทความเรื่อง "COVID-19 จากมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์ ตอนที่ 2 : บทความนี้เป็นตอนที่ 2 ของชุดบทความที่สรุปประเด็นสำคัญจากงานวิจัยใหม่ ๆ ทางเศรษฐศาสตร์ที่เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19




บทความนี้จัดสรุปกลุ่มงานวิจัย 2 หมวด คือ
1. ผลกระทบต่อประชากรในกลุ่มต่าง ๆ และ
2. ข้อเสนอนโยบายต่อรัฐบาลจากการวิจัยของนักเศรษฐศาสตร์

บทสรุปของบทความ
- งานวิจัยในประเทศไทยและในต่างประเทศมีข้อสรุปสอดคล้องกันว่าประชากรกลุ่มที่มีรายได้น้อยมีแนวโน้มได้รับผลกระทบจาก COVID-19 สูงเพราะประกอบอาชีพรับจ้างชั่วคราวหรืออาชีพที่ไม่สามารถปรับตัวทำงานที่บ้านได้ ตัวเลขสถิติอัตราว่างงานอาจต่ำกว่าความเป็นจริงเพราะไม่ได้รวมการลดระยะการทำงาน (underemployment) และไม่ได้รวมแรงงานที่ย้ายกลับถิ่นฐาน รัฐบาลจึงควรใช้นโยบายช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อยอย่างเหมาะสมตามความรุนแรงของผลกระทบ

- การยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์อาจค่อยๆ ลดระดับความเข้มข้นลง โดยการให้กลุ่มประชากรอายุน้อยที่ไม่อาศัยอยู่กับผู้สูงอายุออกมาใช้ชีวิตตามปกติก่อนประชากรกลุ่มอื่นๆและรัฐบาลจำเป็นต้องเพิ่มการสุ่มตรวจเชื้อไวรัสเพื่อป้องกันการแพร่กระจายระลอกที่สอง อย่างไรก็ดี แม้ว่ารัฐบาลจะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ ประชาชนยังต้องไม่ประมาท มีความระมัดระวังในการรักษาระยะห่างทางสังคมเช่นเคย

ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประชาชนทุกคนจะปลอดภัยและประเทศไทยจะฟื้นตัวกลับสู่สภาวะปกติอย่างรวดเร็ว

โดย ผศ. ดร.วิศรุต สุวรรณประเสริฐ

สามารถอ่านบทความฉบับนี้เพิ่มเติมได้ที่ https://www.pier.or.th/?abridged=co...lVLQTTVSKzDYbn0apRv63ZvkJacvJ2x4BJOapPkngF6UQ

Source: PIER FB
https://www.facebook.com/Puey-Ungph...Research-PIER-161069860897872/?epa=SEARCH_BOX

 

สหรัฐอเมริกา - พายุรุนแรงทำให้เกิดลมแรงบ่ายวันนี้ในแนชวิลล์ เทนเนสซี วันนี้ 3 พฤษภาคม

 

อินโดนีเซีย - รายงานอุทกภัยที่บาริโต้ อูทารา, กาลิมันตัน วันที่ 3 พฤษภาคม

 

อินโดนีเซีย - ดินถล่ม เนื่องจากฝนตกและน้ำท่วม ในบันดุง, ชวาตะวันตก, 3 พฤษภาคม

 

ตะวันออกกลาง - มีฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันในบาร์กา ประเทศโอมาน วันที่ 3 พฤษภาคม

 

ความจริงของ CORONAVIRUS

นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ปรากฎการณ์ทางธรรมชาติหยุดการเผยแพร่ตัวเลข Coronavirus ทั่วโลก พบว่าตัวเลขไม่ถูกต้องและจำนวนผู้เสียชีวิตหรือการติดเชื้อได้พูดเกินจริงจากสื่อข่าว WHO และอื่น ๆ ที่มีอิทธิพลต่อความกลัวของผู้คนต่อไวรัสนี้ แพทย์และพยาบาลได้รับคำสั่งให้นำจำนวนผู้เสียชีวิตโดย Coronavirus ผู้ที่เสียชีวิตจากโรคอื่น ๆ หากพวกเขาเสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ มะเร็ง ฯลฯ ผู้ที่กล่าวว่าเป็นเพราะ Coronavirus . หลายคนที่นี่ในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกได้กล่าวว่าไม่ใช่จำนวนที่แท้จริงที่พวกเขาให้และจำนวนมากได้ประณามการโกหกซึ่งพวกเขาได้บอกเพื่อทำให้ผู้คนหวาดกลัว

หนึ่งในเหตุผลที่ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาได้กล่าวว่าตัวเลขไม่ถูกต้องและพวกเขาจะตรวจสอบได้ดีตัวเลขที่แท้จริงของการติดต่อและการเสียชีวิตเนื่องจาก Coronavirus ดังนั้นประเทศอื่น ๆ จึงบ่นเหมือนในอิตาลีถึงจำนวนคนที่ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโรคโคโรนาไวรัสในอิตาลี

 

มันจะแปลกขึ้นและแปลกขึ้น (ใกล้ๆแมลงในการ์ตูนและในหนังแล้ว)

แตนยักษ์เอเชียบุกรัฐวอชิงตันก่อให้เกิดภัยคุกคามจำนวนมากไปยังสหรัฐอเมริกา

ฮอร์เน็ตยักษ์สายพันธุ์ใหม่ที่รุกรานจากเอเชียได้ถูกค้นพบในพื้นที่รัฐวอชิงตัน และตอนนี้นักวิทยาศาสตร์กำลังเร่งค้นหาแมลง และทำลาย เพื่อกำจัดพวกมันก่อนที่มันจะแพร่กระจายไปทั่วสหรัฐอเมริกาและกลายเป็นไปไม่ได้ที่จะกำจัด

แตนตัวนี้เรียกว่า Giant Hornet เจ้าหน้าที่พบตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมเมื่อพวกมันถูกค้นพบครั้งแรกใน Blaine ใกล้กับชายแดนแคนาดา

It's going to get weirder and weirder

 

ทรัมป์กลายเป็นตัวแทนของบิ๊กฟาร์มาไปแล้ว เพราะออกมาพูดว่าจะมีวัคซีนตอนสิ้นปี ทำไมวัคซีนพัฒนาได้เร็วอย่างนี้ ป้องกันโคโรนาไวรัสได้จริงหรือ วัคซีนป้องกันไวรัสที่ผ่านมาไม่ได้ผลอะไรมาก
ทุกอย่างเป็นไปตามเกม

 

ข่าวนี้น่าสนใจ ประเทศ UAE B.R. Shetty : มหากาพย์โกงยังไงให้เกือบพินาศทั้งประเทศ

จริงๆแล้วเรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่มากในภูมิภาคตะวันออกกลางโดยเฉพาะประเทศยูเออี ด้วยสเกลมูลค่าความเสียหายนับพันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯและมีสถาบันการเงินผู้เสียหายกว่า 80 ธนาคารทั่วโลก แถมมีทีท่าว่าจะยังไม่จบด้วย แต่เรื่องนี้กลับยังไม่มีข่าวในประเทศไทย เลยพยายามรวบรวมข่าวที่ติดตามมาตั้งแต่ต้นปีมาในโพสนี้

ลองนึกสภาพประเทศเล็กๆที่มีประชากรเพียง 8 ล้านคนและกำลังเผชิญหน้ากับการระบาดของโรค COVID-19 ซึ่งตอนนี้ยอดผู้ป่วยสะสมทะลุหนึ่งหมื่นราย แต่ว่าสถาบันสำคัญรายใหญ่ของประเทศอย่างโรงพยาบาลกับการเงินกำลังถูกฟ้องล้มละลายและยึดทรัพย์ นี้คือเรื่องจริงที่กำลังเกิดขึ้นในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อีกทั้งบุคคลที่อยู่เบื้องหลังก็ยังเป็นนักธุรกิจที่มีอิทธิพลและชื่อเสียงในภูมิภาค ปีที่แล้วเขาเป็นหนึ่งในบุคคลที่รวยที่สุดในประเทศ..... ชื่อของเขาคือ B.R. Shetty

จุดเริ่มต้นของนักธุรกิจพันล้าน

Bavaguthu Raghuram Shetty หรือ B.R. Shetty เกิดเมื่อปี 1942 ณ เมือง Udupi ในรัฐกรณาฏกะซึ่งเป็นรัฐทางตอนใต้อินเดียที่เมืองบังคาลอร์ตั้งอยู่เป็นจุดศูนย์กลาง เขาจบการศึกษาด้านเภสัชกรรมและเริ่มทำงานในวัยหนุ่มในเป็นเจ้าหน้าที่ประจำเทศบาลเมือง Udupi ระหว่างการทำงานทำให้เขาพบกับและแต่งงานกับ Chandrakumari Shetty ที่มีอาชีพเป็นหมอ และนี้คือจุดเริ่มต้นของการสร้างอาณาจักรธุรกิจการแพทย์ของเขา ต่อมาในปี 1973 เขาและภรรยาได้อพยบตั้งรกรากในประเทศยูเออี ซึ่งตอนนั้นประเทศยูเออีพึ่งรวมประเทศได้ไม่นากนัก ทำให้เป็นโอกาสทองของผู้ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ในประเทศนี้ เขาจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการเป็นเซลล์แมนขายยารายแรกในประเทศ ซึ่งหลังจากทำธุรกิจขายยาได้ไม่นาน เขาและภรรยาจริงติดสินใจจัดตั้งคลินิกเอกชนรายแรกของประเทศ ในปี 1975 ภายใต้ชื่อ “NMC” จากการที่เป็นผู้บุกเบิกการธุรกิจแพทย์รายแรกในประเทศ ทำให้ชื่อเสียงและธุรกิจเกิดของเขาเติบโตได้อย่างรวดเร็วจากห้องแถวเล็กๆสู่เครือโรงพยาบาลรายใหญ่ที่สุดในประเทศ

ปัจจุบันมีคลินิกและโรงพยาบาลภายใต้การบริหารของ NMC Hospital ในประเทศยูเออีกว่า 50 แห่ง และนอกประเทศยูเออีอย่าง โคลอมเบีย สเปน อินเดีย โอมาน ซาอุฯ อีกกว่า 20 แห่ง ใน 19 ประเทศทั่วโลก นอกจากการให้บริการทางการแพทย์แล้ว NMC Hospital ยังเป็นเจ้าของบริษัทผลิตยากับมหาวิทยาลัยการแพทย์ในอาบูดาบีอีกด้วย ต่อมาในปี 2012 บริษัทได้จดทะเบียนบน London Stock Exchange (LSE) ซึ่งถือเป็นธุรกิจการแพทย์รายแรกในตะวันออกกลางที่ได้เทรดบนตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน

นอกจากธุรกิจการแพทย์แล้ว เขายังเป็นขยายธุรกิจไปด้านการเงินด้วยซึ่งก็คือ UAE Exchange ที่ก่อตั้งในปี 1980 โดยธุรกิจหลักของ UAE Exchange ก็คือบริการรับส่งเงินระหว่างประเทศ ซึ่งบริการนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ผู้ใช้แรงงานในประเทศ เนื่องจากอัตราค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าธนาคาร รวมไปถึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้บัญชีธนาคารในการส่งเงินกลับไปประเทศบ้านเกิดด้วย

ในปัจจุบัน UAE Exchange มีสาขาให้บริการกว่า 800 สาขา ใน 31 ประเทศทั่วโลก รวมไปถึงแบรนด์รับส่งเงินชื่อดังอย่าง Travelex ก็อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัทนี้ด้วย ว่ากันว่าในปีที่แล้วมีเงินสะพัดในบริการรับส่งเงินมากถึง 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

จากการที่ B.R. Shetty ได้สร้างรากฐานสองเครือธุรกิจสำคัญภายในประเทศ ทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดคนนึงในสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ทรัพย์สินของเขาเมื่อปีที่แล้วมีมูลค่าสูงถึง 4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้เขายังได้รับฐานะเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์และเหรียญราชอิสริยาภรณ์จากผู้ครองนครอาบูดาบีอีกด้วย ทุกอย่างดูเหมือนเขาเป็นบุคคลตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จในการสร้างธุรกิจ....แต่อาณาจักรที่เขาสร้างได้พังพินาศลงในช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

Timeline จุดเริ่มต้นของหายนะ

17 ธันวาคม 2019 – Muddy Waters Research ซึ่งเป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบการทุจริตในองค์กร เปิดเผยรายงานว่าพบความผิดปกติในบัญชีของบริษัทเครือ NMC Hospital และดูเหมือนว่ามีความพยายามที่จะซุกหนี้บริษัทกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2018 ทันทีที่รายงานดังกล่าวได้รับการเปิดเผย หุ้นบริษัทในตลาด LSE ก็ล่วงแบบพินาศไปกว่า 73% ในระยะเวลาไม่กี่วัน แน่นอนว่าตอนแรก B.R. Shetty ออกมาประนามรายงานดังกล่าว พร้อมกล่าวหาว่าถูกบริษัทคู่แข่งจาก Muddy Waters มาเพื่อหวังผลปั่นราคาหุ้นให้ร่วง

23 ธันวาคม 2019 – คณะกรรมการบริษัทเร่งประชุมด่วนเพื่อจัดตั้งทีมสอบสวนอิสระเพื่อสืบข้อเท็จจริง

8 มกราคม 2020 – ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ NMC Hospital ประกาศเทขายหุ้นทิ้งล็อตใหญ่มูลค่ากว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

17 มกราคม 2020 – คณะกรรมการบริษัท ประกาศจ้าง Louis Freeh อดีตผอ. FBI มาเป็นหัวหน้าทีมสอบสวนอิสระ

10 กุมภาพันธ์ 2020 – คณะกรรมการบริษัทนัดประชุมโดยไม่มีประธานบริษัท B.R. Shetty หลังเขาออกมายอมรับกลายๆว่า “มีข้อผิดพลาดเล็กน้อยในรายงานผลประกอบการ”

12 กุมภาพันธ์ 2020 – B.R. Shetty ลาออกจากการเป็นประธานบริษัท

27 กุมภาพันธ์ 2020 – Prashant Manghat CEO บริษัทถูกไล่ออกเนื่องจากพบว่ามีส่วนรู้เห็นกับความผิดพลาดในบัญชีและบริษัท NMC Hospital ถูกระงับการซื้อขายหุ้นในตลาด LSE

10 มีนาคม 2020 – B.R. Shetty ได้เดินทางหนีออกจากประเทศยูเออีด้วยเครื่องบินส่วนตัวมายังอินเดีย

11 มีนาคม 2020 – รายงานเบื้องต้นจากทีมสืบสวนพบว่า บริษัท NMC Hospital มีหนี้ที่ซุกไว้โดยทางคณะกรรมการบริษัทไม่ทราบสูงถึง 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยวิธีการซุกหนี้มาจากการที่ B.R. Shetty ดึงเงินที่สะพัดจาก UAE Exchange มาหมุนใน NMC Hospital โดยที่ทางบริษัททั้งสองไม่ทราบ

15 มีนาคม 2020 – UAE Exchange ประกาศยุติการประกอบธุรกรรมทางการเงินอย่างกระทันหัน

18 มีนาคม 2020 – ธนาคารกลางยูเออีประกาศเข้าเข้าคุมกิจการ UAE Exchange

24 มีนาคม 2020 – ผลการสืบสวนทั้ง NMC Hospital และ UAE Exchange พบว่า บริษัททั้งสองมีหนี้สะสมสูงถึง 6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีเจ้าหนี้เป็นธนาคารกว่า 80 ธนาคารทั่วโลก โดยรายที่หนักที่สุดคือ ADCB ที่เป็นเจ้าหนี้เกือบพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

9 เมษายน 2020 – NMC Hospital ยื่นคำร้องขอประกาศล้มละลาย

15 เมษายน 2020 – ธนาคาร ADCB สั่งฟ้องศาลยูเออี 5 คดี แก่ B.R. Shetty และพรรคพวกในคดีคอรั่ปชั่น

27 เมษายน 2020 – ศาลยูเออีประกาศยึดทรัพย์สิน B.R. Shetty และครอบครัวในยูเออีทั้งหมด

คดีนี้ไม่ใช่แค่สร้างความเสียหายในวงกว้างด้านเศรษฐกิจ แต่ยังกระทบภาคแรงงานและการแพทย์ในประเทศด้วย ลองนึกสภาพเกือบ 40% ของโรงพยาบาลในยูเออีไม่มีเงินจ่ายให้พนักงานในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา รวมไปถึงแรงงานนับหมื่นคนที่ส่งเงินกลับบ้านแต่เงินดังกล่าวถูก UAE Exchange เชิดหายไปดื้อๆ จนรัฐบาลกลางต้องเข้ามาแบกรับหนี้เสียเพื่อป้องกันระบบสาธารณสุขประเทศพินาศ

References

https://economictimes.indiatimes.co...all-of-a-billionaire/articleshow/75381757.cms

https://www.thenational.ae/business/nmc-s-debt-now-estimated-to-be-6-6bn-1.996816

https://gulfnews.com/business/uae-businessman-br-shetty-resigns-from-board-of-nmc-health-1.69762111

https://gulfnews.com/business/banki...d-seize-br-shettys-accounts-in-uae-1.71183239

https://www.arabianbusiness.com/ban...s-to-india-as-legal-problems-mount-in-the-uae

https://www.thenational.ae/uae/gove...t-services-are-suspended-temporarily-1.994408

https://www.khaleejtimes.com/busine...ntral-bank-takes-over-uae-exchange-operations

(แอดมิน นิดหน่อย)
Saksit H. Chaikiattiyos

Cr:
Chompunoot Morachat

 

40 รายในยะลา ยังไม่ยันติดโควิด รอผลแล็บส่วนกลาง หลังผล 2 แห่งไม่ตรงกัน
ศบค. แถลงกรณี 40 รายในยะลา เผยผลแล็บ 2 แห่งไม่ตรงกัน ย้ำ ยังไม่ยืนยันติดโควิด-19 หรือไม่ ต้องส่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ส่วนกลาง รอยืนยันผลทางการอีกครั้ง
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

(18 รายวันนี้คงไม่รวม 40 ราย ที่ยะลาของเมื่อวานนี้ เห็นว่าจะให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจสอบยืนยันผลอีกครั้ง)

วันนี้ผู้ติดเชื้อใหม่ 18 ราย อยู่ในศูนย์กักของ ตม.สะเดา ต่างด้าวทั้งหมด
ศบค. แถลงผู้ติดเชื้อใหม่ 18 ราย ผู้ต้องกักของด่าน ตม.สะเดา จ.สงขลา เป็นต่างด้าวทั้งหมด ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ยอดป่วยสะสม 2,987 ราย
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

BREAKING: ‪“สาธิต ปิตุเตชะ” รมช.สาธารณสุข เผยผลแล็บ 40 คนที่ยะลา เป็นลบทั้งหมด ตรวจซ้ำ ไม่พบเชื้อโควิด-19 ส่วนครั้งแรกที่พบ เพราะเครื่อง “Error”

 

5 จังหวัดยังเข้ม

 

ศบค.แถลงพบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 18 รายจากศูนย์กักกันต่างด้าวผิดกฎหมาย อ.สะเดา จ.สงขลา ไม่มีรายงานติดเชื้อในประเทศ ส่วนค้นหาเชิงรุก จ.ยะลา สงสัยยืนยัน 40 ราย ผลแล็บศูนย์วิทย์สงขลาไม่พบติดเชื้อ ต้องส่งตรวจครั้งที่ 3 ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000046472
………………………………
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

 

[BREAKING] วันนี้ประเทศไทยมีคนติดเชื้อเพิ่มขึ้น 18 ราย (เป็นคนต่างด้าวทั้งหมด) ยอดสะสม 2,987 ยอด Active 193 โดยผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นมาจาก
-ศูนย์กักกัน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อ.สะเดา จ.สงขลา 18 ราย

<หมายเหตุ> -สหราชอาณาจักร และ เนเธอร์แลนด์ ไม่รายงานยอดผู้รักษาหาย ดังนั้นในความเป็นจริง ยอด Active Case จึงจะน้อยกว่านี้
-เพจลงทุนแมน นำเสนอตัวเลขแบบ Active Case คือลบรักษาหายกับเสียชีวิตนะครับ ตัวเลขนี้อัปเดตรวม 18 รายวันนี้แล้ว
-ในแอป Blockdit มีคนเก่งๆ มาให้ความรู้เรื่องโควิด-19 มากมาย ทั้งอัปเดตสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจ โหลดได้ที่ Blockdit.com/download -

 

กรณีศึกษา Casper ธุรกิจขายที่นอน ออนไลน์ /โดย ลงทุนแมน
“ไอเดียนี้แย่มาก ไม่มีใครซื้อที่นอนทางอินเทอร์เน็ตกันหรอก”
นี่คือคำพูดของกลุ่มนักลงทุน ที่ปฏิเสธให้เงินเจ้าของบริษัท Casper ไปเริ่มต้นธุรกิจขายที่นอนออนไลน์

ซึ่งอาจเพราะในอดีต คนยังคุ้นเคยกับการไปซื้อที่นอนตามหน้าร้านอยู่
แต่สุดท้าย Casper ก็สามารถลบความเชื่อเหล่านั้นลงได้
และทำให้การซื้อที่นอนทางออนไลน์ เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย

พวกเขาใช้วิธีใดมา DISRUPT ตลาดที่นอน
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
เจาะลึกแบบ deep content
ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Casper เป็นธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ จากประเทศสหรัฐอเมริกา
ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2014 หรือเพียงแค่ 6 ปีที่แล้ว

สินค้าหลักที่บริษัทเลือกเสนอขายคือ “ที่นอน”
เนื่องจากมองว่าเป็นสิ่งที่ต้องใช้อยู่เป็นประจำ เพราะมนุษย์นอนเฉลี่ย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน

อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรก Casper กลับไม่สามารถโน้มน้าวให้นักลงทุนสนใจกิจการได้

ทุกคนต่างไม่เชื่อว่า ผู้บริโภคจะซื้อที่นอนกันทางเว็บไซต์บ่อยขนาดนั้น
เพราะมีราคาค่อนข้างแพง และตัวสินค้าก็ใช้งานได้นานหลายปี

อีกทั้ง อุตสาหกรรมนี้ยังเป็นตลาดขนาดใหญ่ มูลค่าราว 1,200,000 ล้านบาท
ซึ่งมีผู้เล่นร้านค้าปลีกจำนวนมาก แข่งขันกันดุเดือดอยู่แล้ว

ทำให้เจ้าของบริษัท ต้องทุ่มเงินส่วนตัว ทดลองผลิตสินค้าขึ้นมาเองก่อน จนเป็นหนี้ 3 ล้านบาท

สำหรับที่นอนของ Casper จะถูกออกแบบด้วยวัสดุคุณภาพดี เช่น Memory Foam ซึ่งปรับรูปทรงให้เข้ากับร่างกายผู้ใช้ได้ จึงช่วยลดแรงกดทับและทำให้เรานอนหลับสบายขึ้น

ส่วนราคาขายนั้น ตั้งอยู่ระหว่าง 11,000 ถึง 35,000 บาท ซึ่งไม่แพงเหมือนห้างร้านค้าปลีกต่างๆ
รวมทั้งบริษัทยังเปิดให้ส่งคืนได้ภายใน 100 วัน และรับประกันสินค้านาน 10 ปี

เมื่อธุรกิจดูเป็นรูปเป็นร่างขึ้น จึงเริ่มมีกลุ่มนักลงทุน Venture Capital เข้ามาสนับสนุนเงินทุน
ทำให้ Casper สามารถเปิดตัวแพลตฟอร์มได้ในที่สุด

เดิมทีนั้น พวกเขาคาดการณ์รายได้ในปีแรกเอาไว้ที่ราว 60 ล้านบาท
แต่ผลปรากฏว่า เพียงแค่ 2 เดือนแรก ยอดขายก็พุ่งทะลุเป้าหมายไปแล้ว

ถ้าถามว่าทำไมที่นอน Casper ถึงขายดี
คำตอบคงจะเป็น กลยุทธ์การตลาดที่ดึงดูดผู้บริโภคในยุคนี้

จุดเด่นที่สุดของ Casper นอกจากคุณภาพและราคา
คือการบรรจุผลิตภัณฑ์ที่นอน ใส่ลงกล่องขนาดเล็ก เพื่อจัดส่งไปให้ลูกค้า

ซึ่งเมื่อแกะกล่องออกมาวางไว้บนฐานเตียง ที่นอนก็จะค่อยๆ พองตัวขึ้นมาราวกับว่ามันมีชีวิต

เอกลักษณ์นี้ ทำให้เกิดกระแสการโพสต์คลิปวิดีโอ การแกะกล่องและจัดวางที่นอน Casper ลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคนมีชื่อเสียงโพสต์ เช่น กรณีของ Kylie Jenner ที่พูดถึงที่นอน Casper ใน Instagram และ YouTube ของตัวเอง ซึ่งสร้างยอดไลก์ไปกว่า 870,000 ไลก์

ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงมุ่งเน้นการโฆษณาบนโซเชียลมีเดียต่างๆ เป็นหลัก
โดยว่าจ้างดารา และเหล่า Influencer ให้ทำคอนเทนต์สินค้าของ Casper

ต่อมาเมื่อแบรนด์มีชื่อเสียง ก็มีผู้สนใจเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
Target ห้างค้าปลีกรายใหญ่, A-Grade Investment กองทุนของนักแสดงชื่อดัง Ashton Kutcher
หรือคนวงการบันเทิง เช่น Tobey Maguire, Leonardo DiCaprio, Adam Levine เป็นต้น

บริษัทจึงวางวิสัยทัศน์ในอนาคต ที่จะก้าวไปเป็นเสมือน Nike แห่งการนอน
ด้วยการขยายธุรกิจไปยังสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนอน เช่น หมอน ผ้าปูที่นอน โคมไฟ

นอกจากนี้ ยังได้ลงทุนสร้างหน้าร้านกว่า 200 แห่ง
และขยายบริการไปต่างประเทศ เช่น แคนาดา, เยอรมนี, อังกฤษ

ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัท Casper Sleep Inc. กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ปี 2017 รายได้ 7,900 ล้านบาท ขาดทุน 2,300 ล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 11,200 ล้านบาท ขาดทุน 2,900 ล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 13,800 ล้านบาท ขาดทุน 2,950 ล้านบาท

ทั้งนี้ Casper เคยถูกประเมินมูลค่าธุรกิจไว้ที่ 34,500 ล้านบาท ถือเป็นสตาร์ตอัประดับยูนิคอร์น

และเมื่อกุมภาพันธ์ 2020 ที่ผ่านมา บริษัทได้ IPO จดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก
แต่ทว่ามูลค่าหุ้นล่าสุด กลับลดลงเหลือประมาณ 11,300 ล้านบาท

ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการที่ Casper ยังขาดทุน และมีค่าใช้จ่ายโฆษณาการตลาดค่อนข้างสูง

ประกอบกับ ความสำเร็จของ Casper ส่งผลให้มีคู่แข่งเข้ามาขายที่นอนออนไลน์ ไม่ต่ำกว่า 175 บริษัท
รวมถึงรายใหญ่อย่าง Walmart และ Amazon

เรื่องขายที่นอนออนไลน์ กลายเป็นเทรนด์ใหม่ของตลาด ซึ่งทำให้ร้านค้าปลีกที่นอนรายใหญ่สุดของสหรัฐฯ ชื่อ Mattress Firm ที่ทำธุรกิจมา 33 ปี มียอดขาย 107,000 ล้านบาท ต้องประกาศล้มละลายไปเมื่อปี 2018

เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจว่า

ถึงแม้ตัวสินค้าดูเหมือนว่าจะไม่เหมาะกับการขายออนไลน์

แต่รู้หรือไม่ว่าตอนที่เราเดินไปในห้างเพื่อซื้อที่นอน เราก็ฟังพนักงานขายพูดไม่ต่างจากการที่เราดูรีวิวในออนไลน์ การลองกับที่นอนจริงมันอาจจะไม่ได้มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเหมือนอย่างที่คิดไว้ในตอนแรก

ถ้าสามารถสร้างจุดขายโดยให้ผู้คนมารีวิวสินค้า
จนเกิดเป็นกระแสให้พูดถึงในวงกว้างได้

ไม่แน่ว่าบางที เราอาจขายของชนิดที่คนไม่คิดว่าจะขายได้ เหมือนอย่างที่นอน Casper ก็เป็นได้..
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
เจาะลึกแบบ deep content
ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://www.cnbc.com/2019/04/05/how-caspers-founders-built-a-billion-dollar-mattress-start-up.html
-https://en.wikipedia.org/wiki/Casper_Sleep
-https://casper.com/
-https://www.statista.com/chart/20729/revenue-and-net-loss-of-casper/
-https://www.cnbc.com/2019/08/18/there-are-now-175-online-mattress-companiesand-you-cant-tell-them-apart.html
-https://en.m.wikipedia.org/wiki/Mattress_Firm