ติดตามสถานะการณ์

WHO เตือนรบ.ทั่วโลกใช้มาตรการเชิงรุก คุมโควิด-19 ชี้กำลังแพร่ในระดับเร่ง
ผอ.WHO เตือนรัฐบาลทั่วโลกใช้มาตรการเชิงรุก คุมการระบาดของเชื้อโควิด-19 ชี้ ขณะนี้ไวรัสมรณะกำลังแพร่ในระดับเร่ง เพราะเพียงแค่ 4 วัน ทั่วโลกติดเชื้อเพิ่มขึ้นนับเป็นแสนราย
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

โควิด-19 ทำวิกฤติ โลหิตไม่เพียงพอ ชวนร่วมบริจาคเพื่อผู้ป่วย
โควิด-19 ทำวิกฤติ เลือดสำรองไม่เพียงพอ สภากาชาด ชวนร่วมบริจาคโลหิตเพื่อผู้ป่วย สำรวจตัวเองได้ง่ายๆ เบื้องต้น ก่อนไปบริจาค
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

ผวาอีกราย รปภ.สนามมวยลุมพินี มีไข้ เจ็บคอ ฟุบคาศาลารอรถบุรีรัมย์
เจ้าหน้าที่พบ รปภ.สนามมวยลุมพินี มีไข้ เจ็บคอ อ่อนแรง ที่ศาลารอรถใน จ.บุรีรัมย์ หลังเดินทางจากกรุงเทพฯ จะกลับบ้านที่โคราช ล่าสุดเข้ารับการรักษาแล้ว
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

สรุปสาระสำคัญ คำประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สู้ภัยโควิด 19

สรุปสาระสำคัญ การแถลงประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด 19 (COVID19) ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ที่ผ่านมา โดยเนื้อหามีการระบุว่าจะมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นเวลา 1 เดือน โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 26 มี.ค. นี้ ขณะที่รายละเอียดตามที่นายกรัฐมนตรีแถลง สามารถรวบรวมเป็นข้อมูลสำคัญได้ดังนี้

1. จะกำหนดให้มีมาตรการทางการเงินเข้าระบบ พ.ร.ก.การคลัง ภาษี

2. การประกาศใช้ให้มีผลวันที่ 26 มี.ค.นี้

3. จะยกระดับศูนย์ข้อมูลโควิดเดิม ขึ้นเป็นศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศ.อ.ฉ.โควิด)

4. เตรียมจัดตั้งคณะทำงานและบัญญัติข้อกำหนดต่างๆ

5. ดำเนินการลดการแพร่ระบาดโดยมาตรการบังคับ และขอความร่วมมือ

6. การพิจารณา ปิด-เปิด สถานที่ใดๆ ยังอยู่ในการพิจารณาในอนาคต

7. การเดินทางข้ามจังหวัดของประชาชนจะมีมาตรการคัดกรองที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้น

8. จัดหาพื้นที่รองรับการกักกัน กักตัว ให้เพียงพอกับสถานการณ์

9. จัดซื้อ จัดหาเวชภัณฑ์เพื่อใช้ในการปฎิบัติการให้เพียงพอ

10. ให้ประชาชนรับฟังข้อมูลข่าวสารจากรัฐบาลเป็นหลัก

11. จะมีการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น และรวมถึงการควบคุมการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ

12. ด้านการเงิน จะให้เป็นหน้าที่ของธนาคารของรัฐเป็นผู้ให้ข้อมูล

13. พิจารณาให้หลักการประกันสังคมครอบคลุมผู้อยู่นอกระบบด้วย

14. กำชับสื่อมวลชนและสื่อโซเชี่ยลตรวจสอบข้อมูลก่อนนำเสนอสู่สาธารณะ

15. การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีอายุ 1 เดือน

ขณะที่บางช่วงบางตอน นายกรัฐมนตรีได้อธิบายเพิ่มเติมว่าการออกมาตรการ หรือคำสั่งใดๆนั้น สามารถทำได้เพิ่มเติมตลอดการประกาซใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งต้องพิจารณาตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไป

The post สรุปสาระสำคัญ คำประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สู้ภัยโควิด 19 appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์

 

Breaking News : ครม. เห็นชอบเยียวยาโควิด-19 แจก 5 พัน 3 เดือน ลูกจ้าง-แรงงานนอกระบบ

วันนี้ (24 มี.ค. 63) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติมาตรการระยะที่ 2 เพื่อลดผลกระทบจาก COVID-19 ให้แก่ประชาชนที่เป็นแรงงานนอกระบบประกันสังคม ทั้งแรงงานลูกจ้าง ลูกจ้างชั่วคราว และอาชีพอิสระ 3 ล้านคน โดยชุดแรกเป็นมาตรการเพิ่มสภาพคล่อง

ข้อที่ 1 สนับสนุนเงินเลี้ยงชีพเดือนละ 5 พันบาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน แต่หากสถานการณ์การแพร่ระบาดยืดเยื้อเกินกว่านั้นก็ยังสามารถต่อเวลาออกไปได้อีก

ข้อที่ 2 มาตรการสินเชื่อฉุกเฉินวงเงิน 4 หมื่นล้านบาทเสริมสภาพคล่องเพื่อป้องกันไม่ให้ไปเป็นลูกหนี้นอกระบบ โดยธนาคารของรัฐ ทั้งธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารกรุงไทย เป็นหลักในการให้สินเชื่อ 1 หมื่นบาท/ราย อัตราดอกเบี้ยต่ำ 0.1% ต่อเดือน ไม่ต้องมีหลักประกัน

ข้อที่ 3 สินเชื่อพิเศษ วงเงินรวม 2 หมื่นล้านบาท โดยจะให้สินเชื่อมีหลักประกัน 5 หมื่นบาท/ราย อัตราดอกเบี้ย 0.35% ต่อเดือน

ข้อที่ 4 สำนักงานธนานุเคราะห์ รับจำนำดอกเบี้ยต่ำ วงเงินรวม 2 พันล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยกับประชาชนไม่เกิน 0.125% ต่อเดือน

พร้อมกันนั้นจะลดภาระให้กับแรงงานด้วยการยืดการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทั้งการยื่นแบบและชำระภาษีออกไปเป็นเดือน ส.ค.63 ให้หักค่าลดหย่อนเบี้ยประกันสุขภาพเพิ่มขึ้น จาก 15,000 บาท เป็น 25,000 บาท และยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับค่าเสี่ยงภัยให้บุคลากรทางการแพทย์

The post Breaking News : ครม. เห็นชอบเยียวยาโควิด-19 แจก 5 พัน 3 เดือน ลูกจ้าง-แรงงานนอกระบบ appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์

 

มาตรการ ล็อคดาวน์ ทั่วโลก หวังสยบ โควิด 19

ล็อคดาวน์ สหราชอาณาจักร

อังกฤษ ประกาศ ให้คนต้องอยู่บ้าน ยกเว้นมีเหตุจำเป็นจริงๆ เช่นต้องซื้อของกินของใช้จำเป็น พบแพทย์ ออกกำลังกาย และเดินทางไปทำงานที่ไม่สามารถทำจากบ้านได้ นอกจากนี้ ยังสั่งปิดร้านค้าที่ไม่ใช่สินค้าจำเป็น และห้ามรวมตัวกันในที่สาธารณะเกินกว่า 2 คน ยกเว้นคนที่อยู่บ้านเดียวกัน

รัฐบาลยังสั่งปิด ห้องสมุด สนามเด็กเล่น สถานออกกำลังกายกลางแจ้ง สถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา อย่างไรก็ตาม ยังคงเปิดสวนสาธารณะให้ประชาชนมาออกกำลังกายได้

โรงแรม โฮสเทล พื้นที่ตั้งแคมป์ สวนจอดรถคาราวาน ต้องปิดให้บริการเช่นกัน ยกเว้นว่ามีพนักงานหลักที่จำเป็นต้องอยู่ หรือมีคนเข้าพักที่ไม่สามารถกลับบ้านได้

ไต้หวัน

ไต้หวันสั่งห้ามทุกเที่ยวบินพาณิชย์เปลี่ยนเครื่องที่ไต้หวัน ก่อนหน้านี้ ไต้หวันปิดรับชาวต่างชาติเข้าประเทศ ยกเว้นเพียงชาวไต้หวันเอง และคนที่มีใบอนุญาตพำนักถาวร แต่ทุกคนที่เข้ามา องกักกันตัวเองเป็นเวลา 14 วัน

นิวซีแลนด์

ล็อคดาวน์ เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ห้ามประชาชนออกจากบ้าน หากไม่จำเป็นจริงๆ และสั่งปิดโรงเรียน และหน่วยงานบริการที่ไม่จำเป็น ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่กลางเดือนที่ผ่านมา ทุกคนที่เดินทางเข้ามายังประเทศนิวซีแลนด์ ต้องกักกันตัวเอง 14 วัน อย่างไรก็ตาม นิวซีแลนด์ยังไม่มีผู้เสียชีวิตจาก โควิด 19 และมีผู้ติดเชื้อกว่าหนึ่งร้อยคน

เยอรมนี

วันอาทิตย์ที่ผ่านมา เยอรมนีสั่งห้ามรวมตัวกันมากกว่า 2 คนขึ้นไป ยกเว้นมาจากบ้านเดียวกัน และปิดธุรกิจทุกชนิดที่ไม่จำเป็น ซึ่งรวมถึงร้านอาหาร ร้านเสริมสวย ร้านนวด และร้านค้าที่ไม่จำเป็นทั่วไป ประชาชนสามารถออกมาใช้พื้นที่สาธารณะได้ และทุกคนควรอยู่ห่างกันอย่างน้อย 1.5 เมตร

ก่อนหน้านี้ เยอรมนีประกาศปิดพรมแดนติดต่อกับ 5 ประเทศตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

ฝรั่งเศส

วันจันทร์ที่ผ่านมา รัฐบาลฝรั่งเศส สั่งให้ประชาชนอยู่บ้าน ยกเว้นการออกไปซื้อหาอาหาร และเดินทางไปทำงาน, ออกจากบ้านมาออกกำลังกายได้วันละ 1 ครั้ง โดยไม่เกิน 1 ชั่วโมง และ พบแพทย์ ขณะที่บุคลากรทางแพทย์เรียกร้องให้เข้มงวดมากกว่านี้ ขณะที่ประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ไม่เห็นด้วยกับการปิดประเทศอย่างสิ้นเชิง “เพราะจะทำให้เกิดความเสียหาย

อิตาลี

9 มีนาคม อิตาลีประกาศปิดประเทศ และล็อคดาวน์ทั่วประเทศ จำกัดการเดินทาง และห้ามประชาชนรวมตัวในที่สาธารณะ ต้องมีใบอนุญาตสำหรับการเดินทางที่จำเป็นเท่านั้น รวมทั้งงดกิจกรรมกีฬาทั้งหมด ปิดโรงเรียนและมหาวิทยาลัย

ผู้โดยสารที่เดินทางเข้าออกจากประเทศ และเข้ามาประเทศทางเครื่องบิน ต้องมีการอธิบายเหตุผล ที่มาที่ไป

นอกจากนี้ ยังมีจุดควบคุมตามสถานีรถไฟ คอยคัดกรอง ตรวจเช็คอุณหภูมิร่างกาย และห้ามเรือสำราญเทียบท่าอย่างสิ้นเชิง

The post มาตรการ ล็อคดาวน์ ทั่วโลก หวังสยบ โควิด 19 appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์

 

รพ.ศิริราช สนองนโยบายรัฐฯ ให้ผู้ป่วยสามารถขอรับยาสถานพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อเลี่ยงโควิด

จากสถนการณ์เชื้อไวรัสดควิด 19 ที่กำลังระบาดในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยที่ยอดผู้ติดเชื่อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ประชาชนตื่นตระหนกกับเชื้อไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ โรงพยาลบาลศิริราช ได้ออกประกาศเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ป่วยที่เดินทางมารับยากับทางโรงพยาบาลศิริราชว่า

เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 ทำให้ผู้ป่วยหลายท่าน ไม่สะดวกในการเดินทางมาตรวจรักษาที่โรงพยาบาล และเพื่อเป็นการสนองต่อนโยบายของรัฐฯ เพื่อลดการเดินทางมายังสถานพยาบาล ซึ่งทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการติด และการแพร่กระจายเชื้อได้ ทางฝ่ายเภสัชกรรม จึงเปิดอำนวยความสะดวกให้ สำหรับท่านที่ต้องการทราบประวัติ รายการยา ที่ท่านรับจาก รพ ศิริราช เพื่อติดต่อขอรับยาต่อจากสถานพยาบาลใกล้บ้าน

ท่านสามารถติดต่อขอรับรายการยาได้ ที่เบอร์

โทร 02-4199378 วันจันทร์ – ศุกร์ 8.30-20.00 น
วันเสาร์ – อาทิตย์ 9.00-15.30 น

โทร 02-4196964 วันจันทร์ – ศุกร์ 8.30-16.30 น

ปล อย่าลืมเตรียมข้อมูล ชื่อ นามสกุล HN เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน ของทั้งผู้ป่วย และผู้รับข้อมูล พร้อมทั้งเบอร์โทรศัพท์ และ e-mail สำหรับรับข้อมูลไว้ด้วยนะคะ เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการขอรับบริการ

ช่วงนี้อย่าลืมดูแลสุขภาพ กินร้อน ช้อนตัวเอง ล้างมือบ่อย ๆ ใส่หน้ากากอนามัยตลอด เพื่อเป็นการป้องกันตนเอง

The post รพ.ศิริราช สนองนโยบายรัฐฯ ให้ผู้ป่วยสามารถขอรับยาสถานพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อเลี่ยงโควิด appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์

 

❄Covid-19 กลัวอะไรบ้าง ?
วันนี้แอดมี 7 สิ่งที่จะมาทำลาย Covid-19 มาฝากคะ

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : กระทรวงสาธารณะสุข
#โควิด19
#covıd1
#โรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิ

 

พร้อมนะจ๊ะ

 

หมอเตือน คนแห่กลับต่างจังหวัด เสี่ยงเกิดพื้นที่สีแดงโควิด-19 ใน 2-3 สัปดาห์
คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คาดการณ์คนแห่ออกจากกรุงเทพฯ อาจแพร่เชื้อสู่ต่างจังหวัด เกิดพื้นที่สีแดงใน 2-3 สัปดาห์
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

เมื่อวาน วันเดียวเท่านั้น! คนเทขาย 9.2 พันล้านบาท! -17.53% ทั้งพอร์ตกองทุน TMBABF คาดว่ารวมหลายๆกองทุนทั้งหมดของตราสารหนี้ มีคนเทขายมากกว่า 5 หมื่นล้านบาท ในวันเดียว

ถึงแม้ว่าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จะมีการแถลงการด่วนโดย กระทรวงการคลัง, ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย, สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระดับบิ๊กๆการเงินไทย เรื่องเกี่ยวกับการเทขาย ตราสารหนี้ มากกว่า 2 แสนล้านบาทในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

ซึ่งทาง ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ออกมาตรการเตรียมเงินรองรับกับการเทขายครั้งนี้ มากถึง 1 แสนล้านบาท ถือว่าเป็นข่าวดีกับตลาดตราสารหนี้ แต่! คนยังเทขายกัน มหาศาล เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (เมื่อวาน)

โดยขณะที่ตราสารหนี้ไทยมีทั้งหมด 13 ล้านล้านบาท ซึ่งการขายครั้งนี้มีปัญหาแน่นอน กับเรื่องสภาพคล่องด้านการเงิน ซึ่งหุ้นกู้เอกชนก็โดนกระทบเช่นกัน

ต้องรอลุ้นว่า มาตรการครั้งนี้จะมีเงินพอสำหรับการเทขาย ของประชาชนหรือไม่

ประชาชน vs ธนาคารแห่งประเทศไทย

 

แบ่งปันจาก นิทานไม่มีชื่อ

Unlimited QE : The drugs don’t work

เมื่อคืนธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ประกาศนโยบายที่เรียกว่า Unlimtied Qauntitative Easing(QE) หรือคนจะเรียกกันง่ายๆว่านโยบายพิมพ์เงิน ตอนประกาศตลาดหุ้นล่วงหน้าของสหรัฐฯถึงกับดีดจากที่กำลังติดลบกลับมาเป็นบวกสวยงาม แต่สุดท้ายพอปิดตลาดก็กลับไปเป็นลบอีกครั้ง

นโยบายเมื่อคืนของ FED ในแง่ความสำคัญของมันเราน่าจะเรียกได้ว่าเป็นการกดปุ่มนิวเคลียร์ทางการเงินเพื่อสังหารสัตว์ประหลาดที่กำลังกัดกินความเชื่อมั่นของตลาดเงินให้หายไป การทำ QE นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี 2008-2009 เพื่อจัดการกับปัญหาเศรษฐกิจโลกหรือ Hamburger Crisis ที่ฉุดให้ทั่วโลกล้มลงเมื่อ 10 กว่าปีก่อน แต่ระดับความรุนแรงของ QE ในรอบนี้เรียกว่ารุนแรงกว่าในปี 2008-2009 ยิ่งขึ้นไปอีก เพราะ FED ถึงกับใช้คำว่า amount needed หรือจำเป็นเท่าไหร่ก็จะพิมพ์ออกมาเท่านั้น ในขณะที่ครั้งก่อนๆมีการกำหนดวงเงินการทำไว้ชัดเจน

แต่ทำไมตลาดหุ้นถึงไม่ตอบรับในเชิงบวกอย่างรุนแรง ? เอาจริงๆยอมรับว่าแปลกใจ แต่เราลองทำความเข้าใจก่อนว่าคำว่าพิมพ์เงินในความหมายของธนาคารกลางคืออะไร และ FED ทำอะไรกันแน่

สิ่งที่ FED ทำคือ อย่างแรกประกาศว่าจะรับซื้อพันธบัตร หนี้ประเภทบ้าน-ที่อยู่อาศัยเป็นสินทรัพย์ค้ำประกันไว้ เข้ามาในพอร์ทของตัวเองแบบไม่อั้น กลไกนี้จะทำให้สถาบันการเงินหรือกองทุนต่างๆที่รัฐบาลให้การรับรอง สามารถเอาสินทรัพย์เหล่านี้ที่ตัวเองมีมาวางค้ำไว้กับ FED เพื่อเอาเงินสดออกไปใช้ เพราะตลาดการเงินมักจะไม่สามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพเวลาที่คนไม่เชื่อมั่น (เป็นสาเหตุที่เราเรียกธนาคารกลางว่า Lender of last resort)

อย่างที่สองคือ FED จัดตั้งกลไก (ขอเรียกว่ากองทุนละกันง่ายๆ) เพื่อรับซื้อหุ้นกู้ของบริษัทเอกชนที่จะต้องออกมาใหม่เพื่อหมุนเวียนหนี้เก่า และก็พร้อมจะเข้าซื้อหุ้นกู้ของเอกชนในตลาดรองด้วย สาเหตุก็เพื่อถ้าเกิดสภาพคล่องในตลาดนี้หายไป เช่นธนาคารเอกชน หรือกองทุนที่ปกติจะเป็น Market maker ให้กับตลาดเหล่านี้มีปัญหาสภาพคล่อง FED ก็พร้อมจะเข้าไปแทน เป็นการสร้างความมั่นใจให้เอกชนว่ามีคนพร้อมรองรับหนี้อยู่

อย่างที่สามคือ จัดตั้งกลไกขึ้นมาอีกอัน เพื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กและผู้บริโภคทั่วไปโดยที่ไอ้เจ้ากลไกนี้จะช่วยให้พวกหนี้กู้ยืมนักเรียน สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อบัตรเครดิตต่างๆ สามารถเอามาแปลงเป็นสินทรัพย์เพื่อขายต่อไปได้ กลไกนี้ก็เพื่อให้เครดิตสำหรับคนทั่วไปยังหมุนเวียนต่อไปได้ แต่ตรงนี้ไม่แน่ใจว่า FED จะรับซื้อมั้ย แล้วก็อย่างที่สี่คือการเข้าไปสนับสนุนกลไกตลาดสำหรับพวกพันธบัตรของรัฐบาลท้องถิ่น หน่วยงานท้องถิ่นต่างๆ จะได้ไม่ต้องกลัวว่าหน่วยงานท้องถิ่นจะถังแตกไประหว่างแก้ปัญหาไวรัส

ขอพูดคร่าวๆเท่านี้ อาจจะไม่ตรงและไม่คลุมทั้งหมด แต่ถ้าจะละเอียดเลย จะยาวมากเพราะต้องอธิบายกลไกทั้งหมด แต่สรุปรวมๆได้ว่า FED จะอัดเงินเข้ามาเพื่อทำให้ระบบการเงินไม่พังพินาศลงมา แต่สิ่งที่ธนาคารกลางทำได้มันก็มีแค่เท่านี้คือดูแลเรื่องเงินและหนี้ คือได้เท่านี้จริงๆ ธนาคารกลางไม่สามารถจะพิมพ์เงินให้ธนาคารพาณิชย์แล้วบอกให้ไปปล่อยกู้มั่วๆเท่าไหร่ก็ได้ให้ประชาชนได้

ถ้าเราไปฟังที่ Sir Mervyn King อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางของอังกฤษช่วงวิกฤติ 2008-2009 ให้สัมภาษณ์กับ CNBC เมื่อคืน เราก็จะพอเห็นภาพว่าทำไม QE รอบนี้ถึงไม่กระตุ้นตลาดเท่าที่ควร ท่านใช้คำว่าไว้น่าสนใจว่า เทียบวิกฤติ 2 รอบนี้แล้ว Hamburger Crisis is a lot easier เพราะโลกและนายธนาคารรู้ว่ากำลังเจอกับอะไร แต่ไวรัสรอบนี้มันยากกว่าเยอะ

และถึงธนาคารกลางทั่วโลกจะทำได้ดี แต่สิ่งที่โลกต้องการจริงๆตอนนี้คือ Purchaser of the last resort (ธนาคารกลางคือ Lender of the last resort) ให้แปลก็คือตอนนี้สิ่งสำคัญคือกระทรวงการคลังจะต้องอัดทุกอย่างที่มีเพื่อให้คนมั่นใจว่าเงินหรือรายได้ที่หายไปจะได้รับการชดเชยในระดับหนึ่ง ทำให้เจ้าของบริษัทมั่นใจว่าตัวเองจะไม่เจ๊งหรือสมควรได้รับการชดเชย

โดยความเห็นส่วนตัวแล้ว ตรงนี้เป็นส่วนที่ยากสำหรับรัฐบาลบางประเทศแล้ว เพราะสหรัฐหรือยุโรปอาจจะพิมพ์เงินออกมาได้ แล้วค่าเงินไม่พังทลายลง การที่คลังจะกู้เงินมหาศาลก็ต้องทำให้ภาระดอกเบี้ยของประเทศเพิ่มสูงขึ้น ประเทศไทยยังจัดอยู่ในประเทศที่พอจะกู้เพิ่มได้พอควรจากวินัยที่ดีที่ปฏิบัติมาตั้งแต่วิกฤติต้มยำกุ้ง แต่สำหรับบางประเทศที่มีการกู้ยืมในรูปสกุลเงินต่างประเทศเยอะอยู่แล้ว การที่อยู่ดีๆหนี้ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นมหาศาลในเวลาสั้นๆ อย่างน้อยเงินมันจะต้องไหลไปสู่ประเทศที่มีปัจจัยแข็งแกร่งกว่า และทำให้ประเทศเล็กๆมีปัญหาแน่นอนถ้าจะกู้เยอะๆบ้าง อาจส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อตามมาในภายหลังได้ สิ่งที่โลกต้องการตอนนี้ (ถ้ายังเลือกจะใช้นโยบายปิดประเทศ ปิดเมือง งดการติดต่อระหว่างกัน) คือการร่วมมือในด้านการคลัง การเงินระดับโลกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนมากกว่า ถึงจะทำให้นักลงทุนกลับมามีความเชื่อมั่นได้ (แต่ย่อหน้านี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ)

ข้างล่างเป็นกราฟที่เอามาจาก Page World Economic Forum แสดงให้เห็นว่าถ้าเราเลือกนโยบายปิดๆๆ เราจะมี curve ของโรคดี แต่ ปัญหาเศรษฐกิจจะหนัก แต่ถ้าเราไม่ทำปัญหาเศรษฐกิจจะหนักน้อยลง แต่คนจะป่วยเยอะ

Link สำหรับคนอยากอ่านเอง หรือฟังเองนะครับ
https://www.federalreserve.gov/newsevents/pressreleases/monetary20200323b.htm

 

ผวาทั้งกระทรวง ขรก.เกษตรฯ ติดโควิด19 พบประวัติ ติดตาม “ธรรมนัส” ลงพื้นที่

วันนี้ (24 มี.ค.63) ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า กองเกษตรสารนิเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย นายอานนท์ นนทรีย์ ผู้อำนวยการกองเกษตรสารนิเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ส่งรายงานถึงสื่อมวลชน ผ่านไลน์กลุ่ม ระบุประเด็นคุณพรรณ ข้าราชการประจำกอง ที่ผลตรวจออกมาเป็น บวก ทางกระทรวง ขอเรียนชี้แจงดังนี้

คุณพรรณไม่ได้เดินทางไปทริป นครพนมในวันที่ 12 มี.ค. กับท่าน รมช. ธรรมนัสครับ แต่ได้เดินทางติดตามท่าน ผต. รัตนะลงพื้นที่ตาม รมช. ธรรมนัส ไปจังหวัดกระบี่ในวันที่ 13 มี.ค.

ในส่วนไทมไลน์การทำงานของข้าราชการรายนี้

วันที่ 2-6 มี.ค.ปฏิบัติงานที่กระทรวงฯ
วันที่ 9 มี.ค.ปฏิบัติงานที่กระทรวงฯ
วันที่ 10 มี.ค.ช่วงเช้า ปฏิบัติงานที่กระทรวงฯ ช่วงบ่าย เดินทางไปราชการเชียงใหม่
วันที่ 11 มี.ค.ปฏิบัติราชการเชียงใหม่ เชียงราย
วันที่ 12 มี.ค.อยู่ที่ ม.เกษตรฯ
วันที่ 13 มี.ค.ไปราชการจ.กระบี่
วันที่ 14 มี.ค.อยู่ที่จ.เพชรบุรี
วันที่ 15 มี.ค.อยู่ที่ กทม.
วันที่ 16 มี.ค.ช่วงเช้า อยู่ที่ ม.เกษตรฯ
หลังจากนี้ ก็พักยาวจนผลตรวจพบว่า มีเชื้อโควิด-19

โดย สำนักฝ่ายบุคคลากรของกระทรวงเกษตรฯ แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า ช่วงวันที่ 23 มีนาคม วานนี้ ทีมแพทย์จากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งนำรถพยาบาล มารับตัวเจ้าหน้าที่กระทรวง ที่สถานที่พักซึ่งเป็นคอนโดมีเนียมแห่งหนึ่ง หลังถูกกักตัวตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.63 ที่ผ่านมา เพื่อเฝ้าสังเกตุอาการ เพราะอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะติดไวรัสโควิด 19 เพราะข้าราชการรายนี้ เป็นผู้ติดตามราชการประจำกระทรวงฯ ที่ต้องเดินทางลงพื้นที่ กับ ร.อ ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พบว่าจากประวัติได้ไปปฏิบัติงานหลายพื้นที่ แต่ยังไม่แน่ชัดว่ารับเชื้อมาจากที่ใด

ซึ่งหากเช็กจากไทม์ไลน์ เมื่อวันที่ 12 มี.ค.63 ร.อ ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ จ.นครพนม เพื่อปฎิบัติงานราชการ ซึ่งประจวบเหมาะกับเซียนมวยที่ได้ไปสักการะพระธาตุ ก่อน ร.อ. ธรรมณัฐ 1 วัน และแถลงว่าตนติดเชื้อโควิด19 ก่อน ทำให้ ร.อ. ธรรมณัฐต้องไปเช็กหาเชื้ออย่างเร่งด่วน ผลออกมาว่าเป็นบวก และทำการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน เพื่อความปลอดภัยของคนรอบข้าง

ทั้งนี้ สำหรับข้าราชการกระทรวงฯ รายนี้ ไม่มีอาการไข้ ที่บ่งชี้ว่าป่วย ยังมีการไปปฏิบัติหน้าที่ติดต่อราชการที่อื่นๆ อีกหลายแห่ง แต่ต่อมาด้วยความกังวลจึงได้ไปขอตรวจที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง แต่ทางโรงพยาบาลปฏิเสธ แต่ยังไม่ละความตั้งใจ จึงไปตรวจยังโรงพยาบาลเอกชนอีกครั้ง ยืนยันที่จะตรวจหาเชื้อ พร้อมบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า ตนเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยง

ทางโรงพยาบาลจึงทำการตรวจให้ ผลตรวจออกเมื่อวันที่ 22 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งทางโรงพยาบาลได้โทรศัพท์แจ้งว่า พบเชื้อโควิด-19 และแนะนำให้อยู่แต่ในที่พัก โดยทางโรงพยาบาลเตรียมสถานที่ไว้รักษา จากนั้นได้ส่งรถพยาบาลไปรับตัวผู้ติดเชื้อ ช่วงเย็นวันที่ 23 มี.ค. เพื่อทำการซักประวัติและรักษา

The post ผวาทั้งกระทรวง ขรก.เกษตรฯ ติดโควิด19 พบประวัติ ติดตาม “ธรรมนัส” ลงพื้นที่ appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์

 

แบ่งปันจาก นิทานไม่มีชื่อ

ทางศิริราชแถลงเรื่องการคาดการณ์การระบาดของ COVID-19 ในประเทศไทย

แนวคิดหลักของนโยบายตอนนี้น่าจะเน้นไปที่การทำให้ % การเพิ่มขึ้นต่อวันอยู่ที่ระดับ 20% ต่อวัน เพื่อให้สถานการณ์ของประเทศไทยไม่รุนแรงเท่ากับที่ยุโรป เพราะยุโรปเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 33% ต่อวัน

ทีมแพทย์ศิริราชใช้วันที่ 15 มีนาคม 2563 เป็นจุดเริ่มนับ แล้วแบ่งเป็น 2 scenario ตามตารางข้างล่างเลย นับไปจนถึงวันที่ 15 เมษาจะได้ผลเป็นยังไง

จนถึงตอนนี้วันที่ 23 มีนาคม ตัวเลขที่เกิดขึ้นยังถือว่าเกินเป้าไปนิดดดเดียวคือเฉลี่ยเพิ่มขึ้นวันละ 20.5% แบบ compound (114 ราย > 721 ราย)

แต่ต้องดูว่าหลังการเดินทางกลับต่างจังหวัดของประชาชนในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา +14 วันหลังจากนี้อัตราการเพิ่มจะเป็นยังไงบ้าง

ช่วยกันนะครับทุกคน ช่วยสังคมของเรา ประเทศของเราให้ผ่านพ้นไปได้

Link:

 

ศาล สั่ง ติดคุก 15 วัน / Court order to jail for 15 days

 

ฮ่องกงพบผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่ม 30 รายวันนี้ รวมยอดสะสม 386 ราย

ผู้ที่ติดเชื้อเพิ่ม 30 รายวันนี้ มีอายุระหว่าง 15-66 ปี โดยมี 19 รายที่มีประวัติการเดินทางไปต่างประเทศ

และมี 6 รายที่เกี่ยวข้องกับ Lan Kwai Fong เป็นนักดนตรี 5 คน และพนักงานเสิร์ฟ 1 ราย นอกจากนี้ก็มีแอร์โฮสเตสและไกด์ทัวร์

Source : https://www.thestandard.com.hk/brea...4365/Five-Lan-Kwai-Fong-band-members-infected, https://www.scmp.com/news/hong-kong.../coronavirus-hong-kong-confirms-30-new-cases?

#ข่าวฮ่องกง #khaohongkong

 

บำราศนราดูร ยันวิธีจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อโควิด 19 ได้มาตรฐานสากล ไม่แพร่กระจายเชื้อ

วันนี้ (24 มี.ค.) นายแพทย์อภิชาติ วชิรพันธ์ ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร ให้สัมภาษณ์ว่า สถาบันบำราศนราดูรเป็นสถาบันเชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ มีการซักซ้อมการจัดการร่างผู้เสียชีวิตจากโรคติดต่ออันตรายเป็นระยะ ดำเนินการตามมาตรฐานสากล

สำหรับวิธีการจัดการศพ มีผู้ปฏิบัติงาน 4 คน และผู้ทำหน้าที่ฉีดสเปรย์น้ำยาฆ่าเชื้อโรค 1 คน ทุกคนสวมชุดป้องกันตนเอง เตรียมถุงซิปใส่ร่างผู้เสียชีวิต 3 ถุง และน้ำยาฆ่าเชื้อ แอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซนต์ โดยขั้นตอนแรกใช้ผ้าชุบแอลกอฮอล์ปิดทุกช่องทางของร่างกาย แล้วพ่นแอลกอฮอล์ทั่วร่าง และนำร่างใส่ถุงซิปชั้นที่ 1 พ่นแอลกอฮอล์ทั่วถุงชั้นที่ 1 จากนั้นผู้ที่นำร่างใส่ถุงซิปต้องไปเปลี่ยนชุดและเปลี่ยนถุงมือ ก่อนนำร่างที่อยู่ในถุงซิปชั้นที่ 1 มาใส่ถุงซิปที่ 2 และทำซ้ำขั้นตอนเดิมเพื่อใส่ถุงซิปชั้นที่ 3 โดยทุกขั้นตอนจะมีพยาบาลควบคุมโรคติดเชื้อดูแลกำกับอย่างใกล้ชิด สำหรับการเคลื่อนย้ายศพจะไม่มีการเปิดถุงซิป รวมทั้งการฌาปนกิจที่วัด

ขอยืนยันว่าจะไม่มีการสลับร่าง เพราะก่อนบรรจุจะได้รับการยืนยันโดยญาติ ซึ่งสวมชุดป้องกันด้วย ทั้งนี้ เชื้อชนิดนี้ถูกทำลายด้วยความร้อน และการเผาศพจะไม่ทำให้เชื้อแพร่กระจาย

ทั้งนี้ สถาบันบำราศนราดูร ได้ให้การรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จำนวน 117 ราย ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยอาการหนักและเสียชีวิต 3 ราย โดยทั้ง 3 รายได้การรักษาอย่างดีที่สุด ได้รับยาต้านไวรัส และสูตรยาขนานต่าง ๆ ที่มีอยู่อย่างครบถ้วน ซึ่งการรักษามีทั้งการรักษาโดยเวชบำบัดวิกฤต และการรักษาแบบประคับประคอง โดยมีคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยร่วมดูแลและให้คำปรึกษา สถาบันฯ ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต และยืนยันให้การดูแลจัดการร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมศักดิ์ศรี ตามมาตรฐานการป้องกันควบคุมโรค

The post บำราศนราดูร ยันวิธีจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อโควิด 19 ได้มาตรฐานสากล ไม่แพร่กระจายเชื้อ appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์

 

Oil Trading - ทันตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลกกับ KP

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐนั้นเรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่แทบจะ #มีความสำคัญที่สุดต่อทิศทางอนาคตของโลก ในอีก 4 ปีข้างหน้า อย่างที่เราได้เห็นกันมาตลอด... และในปีนี้เราอาจเห็นอนาคตโลกเปลี่ยนไปอีกครั้งแบบไม่ได้ตั้งตัว

เมื่อ 3 ปีก่อน ในวันที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ช็อคคนกว่าครึ่งโลกโดยการก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐ และ 3 ปีที่ผ่านมาโลกเราก็ได้เปลี่ยนแปลงไปเยอะมากจริงๆจากการเลือกตั้งวันนั้นวันเดียว...

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมานั้นการเลือกตั้งของผู้แทนฝั่งพรรคเดโมแครตนั้นกำลังดำเนินการไปอย่างดุเดือด มีดาวรุ่งหน้าใหม่โผล่ขึ้นมามากมาย มีผู้แทนหลายคนที่ต้องผิดหวังไป จนล่าสุดดูเหมือนว่าโจ ไบเดนจะเป็นตัวเต็งที่จะเป็นผู้ชนะ และมีเบอร์นี่ แซนเดอร์ส เป็นผู้ตามติดเป็นอันดับที่สอง ...

แต่ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะเข้ามาท้าชิงกับทรัมป์นั้น... โพลทั้งโลกกลับทราบดีว่าก็ยังไม่มีใครที่จะมีแรงพอที่จะมาหยุดทรัมป์จากการเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ได้...

#แต่วันนี้เหตุการณ์นั้นอาจจะเปลี่ยนไป หลังจากที่ไวรัสโควิด-19 ได้คืบคลานเข้ามาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในเวทีเลือกตั้งนี้...

ตั้งแต่วันแรกที่ทรัมป์ได้ก้าวขึ้นสู้ตำแหน่งประธานาธิบดีนั้น เป้าหมายของเขานั้นชัดเจนมากนั้นก็คือการทำให้ "Make America Great Again !" หรือการทำให้สหรัฐนั้นเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุด (อีกครั้ง) โดยทรัมป์ได้ให้สัญญากับชาวอเมริกันทุกคนว่านโยบายของเขาคือ “ America First” หรือจะให้ความสำคัญกับประเทศอเมริกาก่อน และเห็นถึงผลประโยชน์ของประเทศตัวเองก่อนเสมอ โดยที่ไม่ได้สนจะใจว่าประเทศอื่นอาจจะเสียหายอย่างไร...

นี่เป็นที่มาที่ #โลกเราได้เปลี่ยนไปมาก ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สหรัฐได้เข้าทำ #สงครามการค้ากับจีน เพื่อที่จะบีบให้จีนซื้อสินค้าของสหรัฐทำให้ดุลการค้าของสหรัฐดีขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีผลกระทบลูกโซ่ต่อเศรษฐกิจทั้งโลกก็ตาม ทรัมป์ได้ประกาศสงครามการค้ากับอีกหลายทวีปมากมาย ทรัมป์ยังได้ประกาศคว่ำบาตรประเทศอิหร่าน (ที่โอบามาพยายามจะสงบศึกด้วย) และเวเนซุเอลาด้วย ทรัมป์ได้สร้างกำแพงระหว่างพรมแดนเม็กซิโกเพื่อกักกันผู้ลี้ภัยจากต่างแดน และยังมีนโยบายทางการเมืองอีกหลายอย่างมากมายที่มุ่งเน้นแต่จะเน้นผลประโยชน์ของประเทศตัวเอง...

แต่ถึงแม้ว่าหลายๆคนจะมองว่า #ทรัมป์นั้นบ้าบิ่น... แต่แผนทุกอย่างของเขานั้นกลับได้ผล... อย่างน้อยก็ในมุมมองของประเทศสหรัฐเอง.. โดยใน 3 ปีภายใต้นโยบายของทรัมป์นั้นตลาดหุ้นสหรัฐได้ปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็วโดยดัชนี Dow Jones และ S&P นั้นได้ขึ้นไปกว่า +50% ในขณะที่ดัชนี Nasdaq ขึ้นได้ถึง +70%

ทำให้ทรัมป์นั้นได้ออกมาทวีตอยู่เสมอว่า "“Highest Stock Market In History, By Far! Thanks to the president ! หรือตลาดหุ้นเราอยู่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์มากกว่าในสมัยก่อนๆอย่างมาก ทุกคนต้องขอบคุณท่านประธานาธิบดีของเรา !

อาจจะเป็นคำพูดที่ดูกร่างมาก... แต่ทรัมป์นั้นไม่ได้พูดผิดไปเลยครับ ตลาดหุ้นที่ขึ้นมาตลอด 3 ปีนั้นยิ่งทำให้เก้าอี้สมัยที่ 2 ของทรัมป์นั้นยิ่งไม่หลุดไปไหน โดยตลาดหุ้นที่แข่งแกร่งย่อมหมายถึงรายได้ของประชาชนโดยรวมที่ดีขึ้น และทุกๆคนก็พร้อมที่จะออกเสียงโหวตให้เขาอีกครั้ง

#ในจังหวะทีดูเหมือนจะไม่มีใครมาหยุดยั้งทรัมป์ได้แล้ว... ไวรัสโควิดก็ได้บอกว่า "อย่าเพิ่งมั่นใจไป"

นับตั้งแต่เชื้อไวรัสโควิดนั้นได้ระบาดในจีนตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2563 ทางสหรัฐมีวิธีเตรียมตัวนานถึงเกือบเดือน ก่อนที่จะเจอเคสผู้ป่วยคนแรกในสหรัฐในช่วงปลายเดือนมกราคม... แต่ด้วยแนวทางในการบริหารแบบ “ America First” อีกครั้งของทรัมป์ ที่พยายามบอกประชาชนทุกคนไม่ให้เป็นห่วง เรื่องไข้หวัดนี้เป็นเรื่องเล็ก ทางสหรัฐสามารถรับมือได้ด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยกว่าจีนเยอะ #ChineseVirus หรือไวรัสจากจีนนั้นไม่สามารถทำอะไรเราได้หรอก

แต่นโยบายแนวเดิมครั้งนี้ของทรัมป์อาจจะเป็น #ความผิดผลาดครั้งใหญ่ที่สุดของเขา ที่อาจทำให้เขาเสียเก้าอี้ประธานาธิบดีไป...

ในเมื่อผู้นำประเทศผู้ที่ควรจะมีข้อมูลมากที่สุดประกาศแบบนั้น ผู้คนก็ไม่มีใครกังวล ใช้ชีวิตดังปกติ ตลาดหุ้นก็ยังขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง... แต่เมื่อเวลาผ่านไปตัวเลขผู้ติดเชื้อสหรัฐกำลังระบาดสูงขึ้นเรื่อยๆ สูงจนสหรัฐกำลังมีผู้ติดเชื้อสูงที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลกอยู่ที่ 42,853 ราย กำลังจะขึ้นแซงจีนอยู่แล้ว (ข้อมูลวันที่ 24 มีนาคม 2563) และยังไม่มีแนวโน้มที่จะลดลง

การระบาดของไวรัสนั้นผลกระทบที่ใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจทั้งประเทศของสหรัฐอย่างรวดเร็ว ผู้คนเริ่มต้องกักขังตัวเองอยู่บ้าน ร้านค้าใหญ่ๆนั้นแทบจะปิดทั้งประเทศแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Nike หรือ Apple และอื่นๆอีกมากมาย ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐนั้นร่วงลงมากว่า -30% แล้ว ดัชนีทั้ง Dow Jones, S&P และ Nasdaq นั้นได้กลับลงมาที่จุดเดิมในสมัยก่อนที่ทรัมป์จะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีอย่างรวดเร็ว

#สรุปได้ว่า ทรัมป์ใช้เวลา 3 ปีในการดันตลาดหุ้นสหรัฐเข้าสู่ New high แต่ไวรัสโควิดใช้เวลาเพียง 3 อาทิตย์ที่จะลบทุกอย่างหายไปหมด !

โดยวิกฤตตลาดหุ้นตอนนี้นั้นกำลังจะเป็นวิกฤตที่ใหญ่หลวงสำหรับประชาชนชาวสหรัฐมากกว่าครั้ง Subprime Crisis (Hamburgur Crisi) ปี 2008, วิกฤต 9/11 ปี 2001 หรือแม้แต่วิกฤต Black Monday ในช่วงปี 1987 อีกด้วยซ้ำ โดยตอนนี้ทั้งตลาดกำลังนำวิกฤตไวรัสโควิดนี้ไปเทียบกับ วิกฤตภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (The Great Depression) ในปี 1930 หรือเมื่อเกือบ 100 ปีก่อนของสหรัฐด้วยซ้ำ มันรุนแรงมากถึงขนาดนั้นเพราะผู้คนกำลังจะตกงานถึง 20% และบริษัทกำลังจะล้มละลายมากมาย

#ทำให้เราควรตั้งคำถามว่า ทรัมป์จะยังได้รับเลือกกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกสมัยหรือ ? หากว่าทฤษฎีบ้าบิ่น “America First” ของเขากลับมาทำร้ายตัวเองหนักขนาดนี้ หากทรัมป์ยอมรับตั้งแต่แรกว่าไวรัสนี้จะมีผลร้ายแรงและสั่งปิดประเทศคุมเข้มอย่างจีน ประเทศสหรัฐก็คงยังจะไม่เสียหายเหมือนทุกวันนี้

โดยแม้แต่ในวันนี้ ทางทรัมป์ยังได้ออกมาย้ำว่าจะยังคงไม่ปิดประเทศเพราะ "สหรัฐไม่ได้สร้างมาให้ปิด" (US is not built to be Shut Down) ! ยังคงใช้ความเชื่อมั่นใน “America First” เหมือนเดิม

ถึงแม้จะยังไม่มีโพลตัวเลขอัพเดทใหม่ๆ แต่ทางเราเชื่อว่าโอกาสของทรัมป์นั้นกำลังน้อยลง และประตูโอกาสของเขากำลังจะปิดหากยังไม่สามารถควบคุมการระบาดของไวรัสไว้ได้.. อีกไม่นานเราอาจจะได้คิดถึงทวีตของประธานาธิบดีสหรัฐที่ออกมาทำให้หัวใจเราเต้นตึกตักคอยลุ้นอยู่ทุกๆคืนก็เป็นได้

#ใครจะไปนึกว่า ศัตรูที่แท้จริงของทรัปม์นั้น ไม่ใช่ โจ ไบเดนหรือเบอร์นี่ แซนเดอร์ส แต่กลับเป็นไวนัสโควิดนี่เองครับ...

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกดไลค์และแชร์ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์นะครับ ขอบคุณมากๆครับ

#OilTradingKP

 

Oil Trading - ทันตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลกกับ KP

❌ คณะกรรมการ IOC ตัดสินใจเลื่อนการแข่งขัน #โตเกียวโอลิมปิก ออกไปก่อนแล้ว เนื่องจากความเสี่ยงของไวรัสระบาด ❌

⚫️

ในที่สุดทาง IOC หรือคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ก็ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะเลื่อนมหกรรมกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 32 ที่จะจัดขึ้นที่กรุงโตเกียวในวันที่ 24 ก.ค.นี้ ออกไปก่อน หลังจากที่หลายประเทศเริ่มกังวลว่าอาจจะทำให้เป็นการแพร่เชื้อครั้งใหญ่

หลายประเทศอย่าง แคนนาดา และ ออสเตรเลีย เริ่มประกาศว่าอาจจะไม่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมเพราะเป็นห่วงการติดเชื้อ ทำให้ทาง IOC ไม่มีทางเลือกและได้ประกาศเลื่อนการแข่งขันออกไปในที่สุด

หากการแข่งขันโอลิมปิกที่จะเกิดขึ้นในอีก 4 เดือนยังไม่สามารถจะจัดขึ้นได้ แปลว่าเหล่าผู้นำต่างๆของโลกคงมองแล้วว่าเหตุการณ์ไวรัสระบาดนี้คงยังไม่สิ้นสุดลงภายในเร็ววันนี้แน่นอน และการที่มหกรรมกีฬาโอลิมปิกซึ่งปกติจะเป็นตัวกระตุ้นสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างดีนั้นต้องเลื่อนไปก่อน ทั้งสองปัจจัยนี้ถือว่าเป็นสัญญาณในทางลบต่อตลาดครับ

⛔️ ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดที่ทันท่วงที ให้กดไลค์ที่โพสต์หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ได้เลยนะครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ที่อัพเดทใหม่ที่ทันตลาด ⛔️

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกดไลค์และแชร์ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์นะครับ ขอบคุณมากๆครับ

#OilTradingKP

 

แบ่งปันจาก Oil Trading - ทันตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลกกับ KP

❌ นายกอังกฤษสั่งปิดกรุงลอนดอน ! ✅ ในขณะที่ทรัมป์ลั่นว่า "สหรัฐไม่ได้สร้างมาให้ปิด" (US is not built to be Shut Down) !

ลองมาอัพเดทสถานการณ์รอบโลกกันก่อนตลาดเปิดคืนนี้กันครับ

สองผู้นำที่ค่อนข้างจะไม่เห็นด้วยกับการปิดเมื่องเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิดมาตลาดนั้นมี บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ แต่ในที่สุดทาง บอริส จอห์นสัน ก็ได้ยอมสั่งปิดกรุงลอนดอนแล้ว ในขณะที่ทางทรัมป์ยังเสียงแข็งไม่ออกคำสั่งปิดเมือง ทุกวันนี้การปิดเมืองบางส่วนและขอให้ประชาชนอยู่บ้านนั้นจะมาจากทางผู้ว่าของแต่ละรัฐเอง

สิ่งที่ บอริส จอห์นสัน ได้ออกมาขอประชาชนคือ "#ช่วยกันอยุ่บ้าน" ซึ่งท่านนายกนั้นย้ำหลางครั้งมากในการให้สัมภาษณ์ และรัฐบาลได้ออกมาตรการให้ประชาชนปฏิบัติตามดังนี้

1️⃣ ห้ามออกมาชุมนุมกันมากกว่า 2 คนในที่สาธารณะ ยกเว้นกับคนที่คุณอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน ห้ามพบปะเพื่อนฝูงต่างๆ
2️⃣ ร้านขายของที่ไม่จำเป็นจะต้องปิดทันที เช่นร้านแฟชั่น ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า โรงยิม ยกเว้น ร้านขายอาหารและยาให้เปิดได้
3️⃣ ทุกโรงแรมและหอพักชั่วคราวให้ปิดทันที
4️⃣ งดงานอีเว้นท์ต่างๆ รวมถึง งานแต่งงานด้วย แต่ยกเว้นงานศพยังจัดได้อย่างเงียบๆ

ทางด้าน โดนัลด์ ทรัมป์ นั้นได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในมุมมองที่ค่อนข้างตรงกันข้าม โดยกล่าวว่า "ประเทศสหรัฐเราไม่ได้สร้างมาให้ปิด และทุกๆอย่างจะกลับมาเป็นปกติโดยเร็วไม่เกิน 3-4 เดือนแน่นอนเร็วกว่าที่ทุกๆคนคิด !"

หลังจากที่หลายฝ่ายได้ถามย้ำว่าทำไมทรัมป์ถึงตัดสินใจค้านกับผู้เชี่ยวชาญหลายๆท่านทรัมป์ได้ตอบสั้นๆว่า "เราจะไม่ยอมให้ทางแก้ไขนั้น เลวร้ายไปกว่าปัญหาที่เจออยู่" หรือแปลความหมายได้ว่า ไวรัสนั้นไม่ได้เลวร้ายไปกว่าการสั่งปิดเมือง การปิดเมืองจะมีผลกระทบในทางลบต่อประเทศ (น่าจะหมายถึงทางเศรษฐกิจ) มากกว่าตัวไวรัสเอง จนเป็นคำ Quote ที่มีการทวีตต่อกันมากมายจากทรัมป์ว่า

"We're not going to let the cure be the worse than the problems" ทรัมป์ทวีต

ต้องมาติดตามตลาดในคืนนี้กันต่อครับ เพราะด้วย #เงินที่อัดฉีด เข้ามาและ #มาตรการที่รัดกุม ขึ้นเรื่อยๆทั้งโลกนั้น ล่าสุดนั้นทำให้ตลาดวันนี้บวกขึ้นมากว่า +5% แล้ว โดยมีสาระสำคัญรอบโลกวันนี้ ดังนี้

1️⃣ จีนประกาศเปิดเมืองอู่ฮั่นอีกครั้งในวันที่ 8 เมษายนนี้ ! เป็นประกาศชัยชนะต่อไวรัสโควิด-19 !


2️⃣ FED เตรียมอัดฉีด QE ปริมาณไม่จำกัด ! เพื่อช่วยเหลือบริษัทต่างๆที่ในสหรัฐ ซึ่งปริมาณที่ไม่จำกัดนี้อาจหมายความว่าสหรัฐอาจจะไม่ต้องเจอปัญหาหนี้เสียที่กลัวกันต่อไปอีกแล้ว เพราะ FED จะมาอุ้มให้


3️⃣ คณะกรรมการ IOC ตัดสินใจเลื่อนการแข่งขัน #โตเกียวโอลิมปิก ออกไปก่อนแล้ว เนื่องจากความเสี่ยงของไวรัสระบาด


4️⃣ องค์การอนามัยโลกหรือ WHO ได้ออกแถลงการณ์ด่วนว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกได้ทะลุเกิน 350,000 รายแล้ว และที่น่าเป็นห่วงคือ #อัตราติดเชื้อกำลังเร่งสูงขึ้น ทางเดียวที่จะแก้ไขได้คือ #ความร่วมมือของเราทุกคน


5️⃣ วิกฤตไวรัสใน #เยอรมันนั้น น่าจับตามองและยังน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในข่าวบ่อยเท่ากับประเทศอื่นๆในโลก เพราะว่า ...


ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกดไลค์และแชร์ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์นะครับ ขอบคุณมากๆครับ

#OilTradingKP

https://www.facebook.com/108586193028066/posts/516729608880387/