ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พุทธะ มหาศาสดาโลก

    ตอนที่๑๐(วังเริงรมย์)

    ☆《ผู้เฒ่าเคล้าธรรม》☆
    สุทโธทนะกลุ้มใจว่า:
    เจ้าชายกำลังหันมาสนใจสมาธิ

    คณิกาโรหินี:
    ขออภัยฝ่าบาท.
    แต่ท่านยังไม่เคยให้โอกาสข้าได้รับใช้เจ้าชาย
    เมื่อกามเทพแผลงศร
    แม้แต่ยอดนักบุญยังย่อมพูดถึงภาษาของราคะ
    ราคะละลายทุกอย่าง
    ชีวิตเรามีไฟอยู่หลายชนิด
    และไฟมักจะทำลายทุกอย่าง
    แต่มีไฟแบบหนึ่งที่เป็นผู้สร้าง
    เป็นไฟที่มอบความสุขสมให้
    มันเผาผลาญสิ่งที่เกาะกุมจิตใจ
    และรัดคนให้ติดอยู่กับราคะ
    ฝ่าบาท.
    ไม่มีใครหลุดรอดจากเงื้อมือของราคะ
    ข้าจะสอนเจ้าชายในเรื่องบทเรียนของความรัก
    และข้าจะยอมให้ท่านกดหัวหากเจ้าชายไม่ติดใจในราคะ

    ★★★★★
    สิทธัตถะ:
    พระเป็นเจ้าก็ยังมีคำถามอยู่
    เขาจะตอบคำถามข้าได้อย่างไรกัน
    พระเจ้าที่ไม่พูด
    พระเจ้าที่ไม่มีใครเห็น
    พระเจ้าที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนด้วยน่ะ

    ปชาบดี:
    ไม่หรอกสิทธัตถะ.
    ในโลกใบนี้คือที่อยู่ของพระองค์
    ดูสิ.
    พระอาทิตย์ก็คือร่างของพระเจ้าซึ่งมองเห็นได้
    พระองค์ส้มผัสตัวของเจ้าก็คือแสงแดด
    และให้ความรู้แก่เจ้าผ่านแสงสว่างนั้น
    พระองค์ไม่ได้ด้อยไปกว่าอาจารย์ของเจ้าคนไหนเลย
    และเมื่อพระอาทิตย์ตกดินไป
    เราก็ไม่ได้หายไปด้วย
    รู้ไหมทำไม?
    เพราะเราเชื่อว่า:
    พระอาทิตย์จะขึ้นอีกครั้ง
    นำเช้าวันใหม่มาให้
    สิทธัตถะ.
    พระเจ้าน่ะมีอยู่ในหลายรูปแบบ
    บางครั้งท่านมาในร่างของอาจารย์โกณฑัญญะ.
    บางครั้งในร่างพระอาทิตย์
    บางครั้งในร่างของมิตร
    และบางครั้งมาในร่างลูกชาย
    เจ้าไม่รู้หรอกว่าพระองค์จะมาในร่างไหน

    ★★★★★
    ตอนที่๑๐
    ☆《ผู้เฒ่าเคล้าธรรม》☆
    ลัญสิกา:
    ถ้าความอายเป็นเรื่องของผู้หญิง
    การควบคุมตนเองก็เป็นเรื่องของผู้ชาย.

    ★★★★★
    สิทธัตถะ:
    ข้ามีคำถาม
    เราจะไปทำอะไรที่วังเริงรมย์กันน่ะ

    อำมาตย์:
    เราจะไปที่วังเริงรมย์เพราะว่าท่านโตแล้ว
    ท่านจะได้เห็นด้านอื่นของชีวิตว่า:
    อายุเปลี่ยนร่างกายและความรู้สึกของคนก็เปลี่ยน
    มันสำคัญที่ต้องรู้ทุกอย่างของชีวิต

    สิทธัตถะ:
    ไปแล้วจะเป็นยังไงน่ะ?

    อำมาตย์:
    ท่านจะได้รับความพอใจ
    ได้เรียนรู้เรื่องรัก
    และเขื่อนแห่งราคะจะพังทลาย

    (เจ้าชายระลึกถึงคำพูดอ.โกณฑัญญะ):
    บางอย่างมันสอนกันไม่ได้สิทธัตถะ
    เมื่อถึงเวลาเจ้าจะรู้เอง
    เมื่อเจ้าเหน็ดเหนื่อยกับ
    ความโกรธ ความเกลียด ความสเน่หา
    ความรักและความหลง
    เมื่อถึงตอนนั้น
    เจ้าจะรู้เอง.
    เจ้าชาย:
    ดี!
    ข้าก็อยากจะรู้จักความใคร่
    และความต้องการด้วยน่ะ

    ★★★★★
    โรหินี:
    ถึงที่นี่จะได้ชื่อว่าวังเริงรมย์
    สิ่งที่พวกท่านจะเจอก็คือไฟ
    ไฟนี่.ไม่ได้แผดเผา
    แต่ว่ามันโอบล้อม
    มันจับใจคนเอาไว้ในใยราคะ
    ถ้าเจ้าชายกล้าหาญจริงล่ะก็
    งั้นก็ก้าวออกมาเลย
    ไม่งั้นก็กลับไปได้

    สิทธัตถะ:
    คำพูดของเจ้าท้าทายความอยากรู้ของข้าเหลือเกิน
    ทีนี้เราคงจะถอนตัวไม่ได้แล้ว.
    ★★★★★
    คณิกาอูมิลา:
    หญิงคณิกาอยู่เหนือทุกอย่าง
    เราเรียนรู้แต่ศิลปะของความรัก
    ความรักคือคัมภีร์
    ความสเน่หาคือความสุข
    และความปรารถนาคือผลไม้

    :เจ้าชายให้มิตรภาพและการให้เกียรติผู้หญิงเป็นรางวัลแก่ข้า

    เจ้าชาย.ดูต้นไม้ทางโน้นสิ.
    มันเหมือนสาวสวยแสนงดงาม
    นุ่งชุดสีเขียวนอนหลับไหลอยู่บนชายฝั่ง
    หลังจากรอคอยคนรัก
    แม้ยามนางหลับก็ยังพยายามดึงดูดผู้ชาย

    ดูความเหนือกว่าของห่านตัวเมียต่อห่านตัวอื่นๆสิ
    มันเดินนำหน้า
    ตัวผู้เดินตามราวกับเป็นทาสของมัน
    ตัวผู้ไม่ได้เดินตามเพราะหน้าที่
    แต่เป็นการแสดงความรัก
    เพราะว่า:
    มันไม่อยากสูญเสียคู่ของมันไป

    เรื่องผู้หญิงรักผู้ชาย
    นางจะอายเมื่ออยู่รอบตัวเขา

    สิทธัตถะ:
    ความรักคืออะไรน่ะอูมิลา

    อูมิลา:
    ความรัก!
    สิ่งที่ไม่เคยพูด
    สิ่งที่ไม่เคยทำ
    มันเกิดขึ้นเอง
    สิ่งที่ต้องเจอกับตัวเอง
    ถึงจะรู้ว่าคือรัก
    บางคนอาจอยู่ไกล
    แต่ว่าก็เหมือนใกล้
    เมื่อท่านรู้สึกเจ็บปวดแทนคนอื่น
    นั่นแหละคือความรัก♡
    ความรักไม่ใช่เรื่องของความรู้
    มันคืออารมณ์และประสบการณ์
    ความรักสัมผัสไม่ได้ด้วยกาย
    ต้องใช้ใจสัมผัส
    (เจ้าชายระลึกถึงคำตอบของเจ้าหญิงยโสธรา)
    สิทธัตถะ:
    ไหนบอกสิว่าอะไรเบาบางกว่าน้ำ
    ยโสธรา:
    ความรัก.♡
    เห็นตัวเจ้าในแววตาของข้า

    สิทธัตถะ:
    อูมิลา.ความรักเบาบางกว่าน้ำไหม?

    อูมิลา:
    ใช่!ถึงจะพยายามหยุดมัน
    มันก็หาทางไปได้

    สิทธัตถะ:
    ความรู้ล่ะ!

    อูมิลา
    ที่ไหนมีรักที่นั่นมักจะมีความไม่รู้

    สิทธัตถะ:
    เรามองเห็นความรักหรือเปล่าอูมิลา.

    อูมิลา:
    เห็นสิ!
    ในแววตา.
    ลิ้นอาจโกหกได้
    แต่แววตาของคนนั้นบอกความจริงเสมอ
    มองตาข้าสิฝ่าบาท
    ถ้าเห็นแววโกหกแม้แต่นิดเดียว
    ก็เอาชีวิตข้าได้เลย
    ท่านมองไม่เห็นรักแท้ส่องประกายในแววตาข้าหรือ?

    เจริญธรรม

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พุทธะ มหาศาสดาโลก

    ตอนที่๑๓(ความเศร้าของยโสธราที่ต้องแต่งงานกับเทวทัต)
    ☆《ผู้เฒ่าเคล้าธรรม》☆
    ความเดิมตอนที่แล้ว
    ความเฉลียวฉลาดและความกล้าหาญของเจ้าชายสิทธัตถะ
    ที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
    ได้สร้างความไว้วางพระทัยให้แก่พระเจ้าสุทโธทนะ
    จนทรงคิดจะจัดพิธีราชาพิเษกขึ้น
    แต่แล้วก็ถูกขัดขวาง
    ด้วยแผนการณ์อันชั่วร้ายและแนบเนียน
    ของพระนางมังคลา
    เพื่อปูทางสู่ราชบัลลังค์แก่เจ้าชายเทวทัตราชบุตรของตน
    จากพิธีราชาพิเษกจึงเป็นพิธีรับเจ้าชายสิทธัตถะ
    เป็นสมาชิกแห่งราชวงศ์ศากยะ
    อย่างเป็นทางการเท่านั้น
    ทั้งนี้ก็เพื่อให้พระนางมังคลา
    ได้มีโอกาสเจรจาอย่างรวบรัดกับพระเจ้าทัณฑปนี
    ให้เจ้าชายเทวทัต
    ได้แต่งงานกับเจ้าหญิงยโสธราราชธิดาแห่งกรุงเทวทหะ
    ขณะเดียวกันความรักระหว่าง
    เจ้าชายสิทธัตถะและเจ้าหญิงยโสธรา
    ก็กลับเบ่งบานขึ้นเรื่อยๆ
    โดยที่เจ้าชายสิทธัตถะนั้น
    หาได้รู้ซึ้งถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของตนเองไม่
    แล้วความรักระหว่าง
    มกุฏราชกุมารแห่งศากยะวงศ์
    และพระราชธิดาแห่งโลกียวงศ์ทั้ง๒พระองค์
    จะดำเนินต่อไปเช่นไร?...

    ★★★★★
    ******เราจะแย่งชิงสิทธิ์ของลูกสาว
    ในการเลือกคู่ของนางอย่างนั้นหรือ?*****

    ทัณฑปนี:
    นางเป็นอะไร?
    นางร้องไห้ทำไม?
    ยโสธรา.
    เจ้ามีปัญหาอะไรหรือลูก.

    ยโสธรา:
    ข้าเพิ่งเห็นภาพๆหนึ่ง
    ท่านแม่.
    คนเลี้ยงสัตว์พาวัวของเขากลับบ้าน
    วัวมันก็มีความสุขที่เดินตามหลังเขา
    ทันใดนั้นก็มีคนรวยใจร้ายคนหนึ่ง
    ใช้กำลังแย่งวัวไปจากคนเลี้ยงสัตว์
    วัวมันก็เลยส่งเสียงร้องไม่หยุด

    ทัณฑปนี:
    5555เรื่องแค่นี้เอง
    ถ้าเจ้าต้องการล่ะก็
    พ่อจะคืนวัวให้กับคนเลี้ยงสัตว์ซะ

    ยโสธรา:
    จริงหรือท่านพ่อ.
    ทัณฑปนี:
    จริงสิ.ลูกพ่อ
    ไม่ต้องสงสัยเลย

    ยโสธรา:
    งั๊นถ้าคนเลี้ยงสัตว์คนนั้น
    เขาคือสิทธัตถะ.
    แล้วเทวทัต.คือคนรวย
    แล้วลูกสาวท่านคือวัวตัวนั้นล่ะท่านพ่อ.

    ทัณฑปนี:
    ยโสธรา!
    ล้อเล่นอะไร?

    ยโสธรา:
    มันคือความจริง.
    ท่านพ่อ.
    ต่อให้ข้าแต่งกับเทวทัตตามคำสั่งของท่าน
    แล้วมาอยู่เมืองกบิลพัสดิ์
    แต่ข้าจะมีความสุขกับสิทธัตถะเท่านั้น

    ทัณฑปนี:
    แต่พวกเขาเอ่ยชื่อเทวทัต
    ให้เป็นคู่แต่งงานกับเจ้านะยโสธรา.

    ยโสธรา:
    แต่ข้าอยากแต่งกับสิทธัตถะ.
    ทัณฑปนี:
    เป็นไปไม่ได้ไม่มีทาง

    พระนางอมิตา:
    เราจะแย่งชิงสิทธิ์ของลูกสาวในการเลือกคู่ของนางอย่างนั้นหรือ?

    ยโสธรา:
    ข้ารักสิทธัตถะมาก
    และจะแต่งกับเขาคนเดียว

    พระนางอมิตา:
    ข้าเองก็ชอบสิทธัตถะ.
    ท่านเองมีอะไรเป็นข้อคัดค้าน

    ทัณฑปนี:
    ข้าขอคัดค้านอมิตตา.
    ข้าทนเห็นลูกสาวกลายเป็นเมียมุนีไม่ได้

    ยโสธรา:
    ทำไมท่านพ่อไม่ลองถามชาวเมืองกบิลพัสดิ์
    เรื่องของสิทธัตถะ.ดูล่ะ
    พวกเขาเทอดทูนสิทธัตถะมากนะท่านพ่อ

    ทัณฑปนี:
    ผู้เข้มแข็งเท่านั้นถึงเอาชนะสงครามได้
    ไม่ใช่ผู้รักสันโดษ
    ยโสธรา:
    ผู้รักสันโดษคนนี้เอาชนะเทวทัตมาได้ในทุกการแข่งขัน
    พ่อเองก็รู้นี่

    ทัณฑปนี:
    เขาโกงเพื่อเอาชนะการแข่งขันนะสิ.
    ข้าไม่ถือว่าชนะจริง

    ยโสธรา:
    งั้นข้าก็เหลือทางเลือกเดียว
    ท่านต้องทดสอบเขาเอง

    ทัณฑปนี:
    ก็ได้.
    ข้าจะจัดการประลองขึ้น
    และมีเจ้าชายทุกคนเข้าร่วม
    ผู้ใดก็ตามที่ชนะการประลอง
    จะได้เป็นสามีของเจ้ายโสธรา.
    ว่าไง!
    เจ้าจะยอมรับข้อเสนอนี้ไหมล่ะ

    ยโสธรา:
    ข้ายอมรับ.

    ★★★★★
    สุทโธทนะ:
    ข้าถามท่านครูวชัสบดีท่านว่า:
    ดวงชะตาของสิทธัตถะบอกว่า:
    ภรรยาของเขาจะงดงามมาก
    นางจะเป็นคนสวย
    นางจะให้กำเนิดลูกๆ
    นางจะทำให้วงศ์ญาติถูกใจ
    พวกเขาจะมีนิสัยเหมือนกัน
    และพวกเขาจะรักกันมาก
    มันจะต้องเป็นยโสธรา.
    ดวงของสิทธัตถะ
    และดวงของยโสธรามีหลายอย่างคล้ายคลึงกันมาก
    ลูกของเราเป็นนักรบ
    เขาจะสู้และเขาจะชนะ
    เหมือนที่เขาชนะใจยโสธราได้
    เขาจะต้องชนะในพิธีสยุมพรแน่

    ★★★★★
    ยโสธรา:
    ข้าทิ้งความเป็นกุลสตรีหมดสิ้น
    และมาหาเจ้าที่นี่.
    เจ้าช่วยให้ข้าได้สมรักเหมือนที่เจ้าช่วยอูมิลาได้ไหม?
    อย่าทำให้ข้าต้องอับจนหนทาง
    จนไม่เป็นตัวของตัวเอง
    ได้โปรดอย่าทำแบบนั้น
    สิทธัตถะ.
    ข้ารักเจ้าไม่ได้รักเทวทัต.
    เจ้าแค่เอาชนะในพิธีสยุมพร
    และพิสูจน์ความเข้มแข็งของเจ้า

    สิทธัตถะ:
    ข้าจนใจนะโคบา.
    ข้าเข้าร่วมพิธีสยุมพรไม่ได้
    เพราะพี่ชายข้าอยากแต่งงานกับเจ้า

    ยโสธรา:
    แล้วข้าล่ะ!
    ข้าต้องการอะไร?เจ้าไม่ห่วงเรื่องนั้นบ้างหรือ?
    และเจ้าล่ะ!
    เจ้าต้องการอะไร?
    เจ้าหว่านเมล็ดพันธ์แต่ปฏิเสธที่จะรับดอกไม้
    เจ้าได้ฝังโคบาคนนี้ไว้ในหิน
    แต่ว่าโคบาอุทิศทั้งชีวิตของนางให้กับเจ้าแล้ว
    ถ้าเจ้าไม่เข้าพิธีสยุมพร
    โคบาคนนี้จะไม่ยอมมีเจ้าบ่าว.

    เลาสิกา:
    เจ้าชาย.ข้าเป็นแค่นางกำนัลก็จริง
    แต่มเหสีให้ข้าเป็นพี่เลี้ยงของท่าน
    ข้าจึงขอใช้สิทธิ์นั้นเพื่อถามท่าน
    ท่านทำโทษยโสธราเรื่องอะไรกัน
    ท่านเป็นผู้ชายคนหนึ่ง
    ท่านจับคู่ให้อูมิลากับปันเทพ
    ยโสธรารักท่านนะเจ้าชาย
    ทำไมไม่ยุติธรรมกับนาง
    ท่านกำลังพูดถึงพี่ชายที่ทำกับผู้หญิง
    เหมือนวัตถุอย่างหนึ่ง
    ท่านอยากเห็นยโสธราเป็นเหมือนกัญฉาณีอย่างนั้นหรือ!?
    ท่านน่ะ.ให้เกียรติผู้หญิงทุกคนบนโลก
    แต่ไม่ยุติธรรมกับผู้หญิงคนหนึ่ง
    ท่านตัดสิทธิ์ในการเลือกคู่ครองของนางไป.

    สิทธัตถะ:
    เจ้าทำอะไรน่ะโคบา
    แล้วถ้าเจ้าเกิดเป็นอะไรไปล่ะ

    ยโสธรา:
    แล้วไงล่ะ!
    รูปปั้นของเจ้าจะกลายเป็นความทรงจำที่ไม่มีวันตายแทนข้า.

    สิทธัตถะ:
    ไม่นะโคบาไม่!
    รูปปั้นทำขึ้นจากหิน
    แต่ว่ามนุษย์มีความรู้สึก
    รูปปั้นไม่รักข้าตอบ
    แต่ว่าโคบารักข้า
    รูปปั้นไม่มีชีวิตโคบา.
    แต่โคบาสละชีวิตได้เพื่อรัก
    ก่อนที่จะเอาชนะในพิธีสยุมพรนั้น
    ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากจะถามเจ้า.
    เจ้าจะเป็นคำตอบของคนช่างถามอย่างข้าได้ไหม?
    เจ้าจะเป็นภรรยาของสิทธัตถะโคตมะไหม?

    สิทธัตถะ:
    ทำไมเจ้าถึงมีน้ำตาล่ะ!

    ยโสธรา:
    ข้าเคยคิดว่าถ้าเจ้าไม่เคยรับรู้ความรักของข้าล่ะ
    จะทำยังไง?.
    สิทธัตถะ.
    ข้าเลือกเจ้าเป็นคู่ครองแล้ว
    ข้าไม่อาจยกสิทธิ์นี้ให้ใครได้อีก
    ไม่ว่าเจ้าจะชนะหรือว่าแพ้...

    ตอนที่๑๓(พันเทพแจ้งข่าวพิธีอัศวเมฆ)
    ☆《ผู้เฒ่าเคล้าธรรม》☆
    ความเดิมตอนที่แล้ว ความเฉลียวฉลาดและความกล้าหาญของเจ้าชายสิทธัตถะ ที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ได้สร้างความไว้วางพระทัยให้แก่พระเจ้าสุทโธทนะ จนทรงคิดจะจัดพิธีราชาพิเษกขึ้น แต่แล้วก็ถูกขัดขวาง ด้วยแผนการณ์อันชั่วร้ายและแนบเนียนของพระนางมังคลา เพื่อปูทางสู่ราชบัลลังค์แก่เจ้าชายเทวทัตราชบุตรของตน จากพิธีราชาพิเษกจึงเป็นพิธีรับเจ้าชายสิทธัตถะ เป็นสมาชิกแห่งราชวงศ์ศากยะ
    อย่างเป็นทางการเท่านั้น
    ทั้งนี้ก็เพื่อให้พระนางมังคลา ได้มีโอกาสเจรจาอย่างรวบรัดกับพระเจ้าทัณฑปนี
    ให้เจ้าชายเทวทัต ได้แต่งงานกับเจ้าหญิงยโสธราราชธิดาแห่งกรุงเทวทหะ ขณะเดียวกันความรักระหว่าง เจ้าชายสิทธัตถะและเจ้าหญิงยโสธรา ก็กลับเบ่งบานขึ้นเรื่อยๆ
    โดยที่เจ้าชายสิทธัตถะนั้น หาได้รู้ซึ้งถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของตนเองไม่ แล้วความรักระหว่าง มกุฏราชกุมารแห่งศากยะวงศ์ และพระราชธิดาแห่งโลกียวงศ์ทั้ง๒พระองค์
    จะดำเนินต่อไปเช่นไร?...
    ★★★★★
    พันเทพ:
    เจ้าชาย.
    ข้ามีข่าวสำคัญมาบอกกับท่าน
    อาณาจักรศากยะกำลังจะมีภัย...
    เบื้องหลังพิธีอัศวเมฆ
    ที่เจ้าเมืองโกศัลปสัญชิกทำขึ้น
    คือการหมายจะบุกมาศากยะ

    (สิทธัตถะนำข่าวมาบอกพ่อ)
    สุทโธทนะ:
    แต่ว่าเจ้าจะแน่ใจได้อย่างไร?

    สิทธัตถะ:
    ข้ามีหลักฐาน
    พันเทพ.

    สุทโธทนะ:
    พันเทพ.
    สายลับจากเมืองโกศัล
    คนที่เจ้าปล่อยเขากลับไป
    สิทธัตถะ:
    เขาคือคนส่งสารที่ท่านพยายามส่งทหารไปเอาชีวิตยังไงล่ะ!

    สุทโธทนะ:
    แล้วทำไมข้าต้องเชื่อเขา
    เขาอาจหักหลังเราก็ได้
    ถ้าสายลับของข้าไม่มาแจ้งข่าว
    ข้าจะไม่ทำการใดๆ

    สิทธัตถะ:
    ทำไมคนเราจะต้องมาสงสัยกันด้วยนะ

    สุทโธทนะ:
    อย่าลืมสิ.สิทธัตถะ.
    พันเทพอาจจะสนิทกับเจ้าก็จริง
    แต่เขาเป็นคนของเมืองโกศัล
    คนที่หักหลังบ้านเมือง
    หักหลังกษัตริย์ของตนเอง
    คนแบบนั้นเขาจะภักดีกับเจ้าได้อย่างไร?

    สิทธัตถะ:
    บางครั้งคนเรา
    ก็ให้น้ำหนักให้กับมาตุภูมิ
    และอาณาจักรมากเกินไป
    พันเทพอุส่าห์เสี่ยงชีวิตมาแจ้งข่าวแก่เราถึงที่นี่เชียวนะ

    สุทโธทนะ:
    ข้าเห็นด้วยกับเจ้านะสิทธัตถะ.
    แต่การเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย
    มันไม่ถูกต้องที่เจ้าจะเชื่อพันเทพเร็วเกินไป
    แต่ข้าจะระวังตัวเอาไว้
    ข้าจะปกป้องศากยะจากพิษภัยทั้งปวง

    เจริญธรรม

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พุทธะ มหาศาสดาโลก

    ตอนที่๑๕(ความร้ายและริษยาของนางมังคลา)
    ☆《ผู้เฒ่าเคล้าธรรม》☆
    ความเดิมตอนที่แล้ว
    พิธีสยุมพรหรือพิธีเลือกคู่
    ของเจ้าหญิงยโสธราผ่านไปอย่างลุ้นระทึก
    เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะต้องเข้าสู่สนามประลองอีกครั้ง
    กับเจ้าชายเทวทัตเพื่อช่วงชิงสิทธิ์
    ในการเป็นคู่ครองของราชธิดาแห่งกรุงเทวทหะ
    แต่ในการนี้เจ้าชายสิทธัตถะกลับตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
    ด้วยอาการบาดเจ็บอันเกิดจากพระเมตตา
    ที่ทรงเข้าช่วยเหลือชาวนาผู้เดือดร้อน
    โดยไม่ไยดีถึงวรรณะและความเจ็บปวดของพระองค์เองแม้แต่น้อย
    ทำให้เกือบจะพ่ายแพ้การประลอง
    ในที่สุดด้วยหัวใจที่กล้าหาญ
    และความรักที่มั่นคงต่อเจ้าหญิงยโสธรา
    ทำให้พระองค์ลุกขึ้นต่อสู้
    จนสามารถเป็นฝ่ายครอบครองเจ้าหญิงยโสธราได้สำเร็จ
    แล้วเส้นทางความรักของทั้ง๒พระองค์
    ยังต้องพบเจอกับอุปสรรคเช่นไรอีกหรือไม่?...

    ★★★★★
    เทวทัต:
    ยโสธรา.เจ้าไม่รู้หรือว่าดาบของศัตรูฆ่าเครือญาติได้เช่นกัน
    เจ้าว่าไหม?5555555

    ปชาบดี:
    ข้าสงสารท่านนักพี่มังคลา.
    จนถึงเมื่อวานนี้ท่านยังพูดถึงนางไม่หยุดปากเลย
    ยังฝันว่าจะให้ลูกชายท่านแต่งกับนาง
    วันนี้นางกลายเป็นสิ่งอัปมงคลและโชคร้าย.

    มังคลา:
    ใช่!มหาเทวี.
    เจ้าจงดูเอาเองเถิดมหาเทวี.
    นั่นรอยเท้าของยโสธรา.
    โบราณว่า:
    ลูกสะใภ้ข้ามประตูเอาเท้าจุ่มสีแดงชาด
    แต่นี่นางก้าวข้ามประตูด้วยเท้าที่โชกเลือด.

    ยโสธรา:
    ท่านป้า.ข้าพร้อมชดใช้ตามที่ท่านต้องการ
    ข้าไม่อยากเห็นเมืองหรือชาวบ้านต้องเจอปัญหาเพราะข้า

    ปชาบดี:
    เด็กโง่.เจ้าพูดอะไรนี่
    ใครอยากพูดอะไรก็ได้
    แต่เจ้าคือโชคดีของข้า
    เพราะเจ้าเข้าใจลูกข้า
    เจ้าคอยดูเถอะ
    วันหนึ่งพี่มังคลาจะต้องเสียใจกับคำพูด
    เมือนางรู้ว่า:
    เราชนะสงคราม
    คอยดูสิ.
    นางจะต้องต้อนรับเจ้าแน่
    ข้าจะบอกนางว่า:
    ลูกสะใภ้ของข้านำโชคมาให้.

    ★★★★★
    สิทธัตถะ:
    ฝ่าบาท.ท่านควรจะท้าทายเขาที่ลานเล็กๆแห่งนี้
    เนื่องจากบริเวณโดยรอบเป็นพื้นที่ลาดเอียง
    และมีทางเข้าแค่ทางเดียว
    เส้นทางอื่นเล็กเกินไป
    ทางก็ชันมาก
    ทัพของเราจะอยู่ตรงนี้
    ส่วนทัพเขาจะอยู่ข้างล่าง
    พวกเขาจะมีปัญหาการปีนขึ้นมาสู้กับเรา
    และถ้าเป็นอย่างนั้น
    เราจะไม่ต้องรับมือกับทัพใหญ่ของโกศัลอย่างแน่นอน
    หุบเขาของพวกเขา
    ยอดเขาของเรา

    อมิโตธนะ:
    แปลว่า:ทัพศัตรูจะอยู่ข้างล่าง
    เราจะอยู่บนนี้
    แบบนี้เราไม่พลาดแน่ท่านพี่
    นี่ถือเป็นแผนที่ดีในการสู้กับทัพใหญ่ๆท่านพี่

    สุทโธทนะ:
    ยินดีด้วยสิทธัตถะ.
    ยินดีด้วยนักรบทุกคน
    สิทธัตถะ:
    อย่าขอบคุณข้าเลย
    ท่านควรขอบคุณอาจารย์โกณฑัญญะมากกว่า
    เขาเป็นคนสอนแผนนี้ให้แก่ข้า
    และท่านยังสอนอีกด้วยว่า:
    เราควรป้องกันไม่ให้เกิดสงครามให้นานที่สุด
    เพราะสงครามมีแต่การทำลายล้าง
    ฝ่าบาท.
    เราป้องกันศึกนี้ไม่ได้หรือ?

    สุทโธทนะไม่พอใจ:
    ท่านแม่ทัพ.มีคำสั่งลงไป
    เราจะเดินทัพวันพรุ่งนี้

    สิทธัตถะ:
    ท่านพ่อๆฟังข้าก่อนสิ.

    ตอนที่๑๕(เจ้าชายเห็นความตายครั้งแรก)
    ☆《ผู้เฒ่าเคล้าธรรม》☆
    สิทธัตถะ:
    พันเทพเป็นอะไรไปนี่ฉันนะ
    ทำไมเขาไม่พูดล่ะ!
    บอกสิฉันนะ.
    เขาเป็นอะไรไปน่ะ

    ฉันนะ:
    เขาจะไม่พูดอีกแล้ว

    จะไม่พูดอีกแล้วหรือ?
    พันเทพ.
    เจ้ารีบไปตามหมอหลวงมา
    เร็วเข้าฉันนะ.
    เร็วสิฉันนะ
    ไปตามหมอหลวงมา

    ยโสธรา:
    นี่เขาตายแล้วสิทธัตถะ.

    สิทธัตถะ:
    ไม่จริง.
    เขาแค่หมดสติไปเท่านั้นน่ะ
    พันเทพ.บอกซิว่าเกิดอะไรขึ้นน่ะ
    ข้าให้ชีวิต
    ข้าฆ่าเขาไม่ได้หรอกนะ
    เขาจะพูดอะ
    พันเทพเจ้าพูดสิ.

    ฉันนะ:
    เจ้าชายเขาไม่หายใจแล้ว
    หัวใจเขาหยุดเต้นแล้ว

    สิทธัตถะ:
    พันเทพ.เจ้าลืมตาสิ
    ลืมตาสิ.พันเทพ.

    ยโสธรา:
    ความตายหลีกเลี่ยงไม่ได้
    เจ้าอาจไม่เคยเห็น
    แต่ต้องเคยได้ยินจากครูของเจ้า
    และอ่านจากในคัมภีร์นะ

    สิทธัตถะ:
    แต่ว่า:ชีวิตจะทิ้งร่างของตัวเองได้ยังไงกัน

    ยโสธรา:
    มันคือความจริงนะสิทธัตถะ.

    สิทธัตถะ:
    ไม่.

    ฉันนะ:
    ท่านจะต้องเห็นอีกมาก
    ทั้งคนที่ท่านรู้จัก
    และที่ท่านไม่รู้จักในสนามรบ

    สิทธัตถะ:
    ข้าจะไม่ทำสงคราม
    ข้าจะไม่ทำสงคราม

    ฉันนะ:
    ท่านจะต้องต่อสู้เพื่อปกป้องบ้านเมือง

    สิทธัตถะผลักฉันนะ:
    อย่ามาบอกจ้าให้ปกป้องบ้านเมืองนะ
    ข้าฆ่าใครไม่ได้ทั้งนั้น
    ไม่ได้
    ข้าจะไม่ทำ
    จะทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงกันอะ
    ชีวิตทิ้งร่างไปได้หรือ
    ข้าไม่มีทางทำสงคราม
    ไม่มีทางหรอก

    ฉันนะ:
    กบิลพัสดิ์ฝากความหวังกับท่าน
    ท่านต้องทำศึกครั้งนี้.

    สิทธัตถะ:
    ข้าจะไม่ทำสงคราม
    ข้าจะไม่ทำสงคราม
    ได้ยินไหม.
    ข้าจะไม่ทำสงคราม
    ไม่มีวันหรอก
    ข้าจะไม่ฆ่าใครทั้งนั้นน่ะ
    ข้าจะหยุดยั้งสงคราม
    ข้าจะหยุดยั้งสงครามน่ะ
    พวกเจ้าอย่าตามข้ามานะ
    พวกเจ้าไม่ต้องตามมา

    ฉันนะ:
    เจ้าชายท่านจะไปไหนน่ะเจ้าชาย เจ้าชาย

    ยโสธรา:
    ปล่อยเขาเถอะฉันนะ
    ตอนนี้ข้าตอบคำถามเขาไม่ได้
    ถึงอธิบายเขาก็ไม่เข้าใจ
    ตอนนี้มีแค่ทางเดียว
    ก็คือปล่อยเขาไป
    ให้เขาได้ใช้ความคิด

    ★★★★★
    สิทธัตถะ:
    เจ้าเป็นใครนี่
    เจ้าเป็นใคร?นี่

    จิตสำนึกดี:
    ข้าคือเจ้า
    ข้าคือจิตสำนึกของเจ้า
    ความสงสาร
    ความห่วงใย
    ความเวทนา
    ข้าคือน้ำ
    ข้าคือดิน
    ข้าคือเวทนา
    ข้าคือภาพมายาและ
    ทั้งหมดนี้
    ทำให้เกิดความรัก

    จิตสำนึกไม่ดี:
    และข้าก็คือเจ้าด้วย
    ข้าคือไฟ
    ข้าคืออากาศ
    ข้าคือความโกรธ
    และริษยา
    ข้าคือศักดิ์ศรี
    มันทำให้เกิดความกล้า
    ทำให้เจ้ากล้าทำเรื่องกล้าหาญ
    ทั้งหมดนี้ทำให้มนุษย์ประสบความสำเร็จได้

    จิตสำนึกดี:
    ข้าคือความมืดบอด
    มันทำให้เจ้าทำสิ่งที่ผิดน่ะ

    สิทธัตถะ:
    ข้าทำผิดหรือ?
    ข้าทำอะไรผิดน่ะ
    จิตสำนึกดี:
    เจ้าบอกกลยุทธ์การรบพวกเขา
    เจ้าเป็นส่วนหนึ่งของมันน่ะรู้ตัวไหม?

    จิตสำนึกไม่ดี:
    เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
    สงครามคือสิ่งจำเป็น
    ชัยชนะคือหน้าที่ของนักรบ
    และคือสิ่งที่เจ้าทำลงไป

    จิตสำนึกดี:
    สงครามสร้างแต่ความพินาศสิทธัตถะ
    เจ้ารู้ดี

    จิตสำนึกไม่ดี:
    แต่สงครามยังให้ความสำเร็จ
    และเรื่องนี้เจ้าเองก็รู้ดีนี่

    จิตสำนึกดี:
    ทำไมเจ้าร้องไห้กับการตายของพันเทพ
    ทำไมเจ้าถึงร้อนใจเล่า!

    จิตสำนึกไม่ดี:
    เจ้าจงภูมิใจที่บอกแผนการรบให้เขา

    จิตสำนึกดี:
    แผนลับกับสงครามคือศพนับไม่ถ้วน
    ความเศร้าโศกของเครือญาติ
    บาดแผลที่ไม่มีวันหาย

    จิตสำนึกไม่ดี:
    โลกภาพมายา
    ความสงสาร
    ความเห็นใจ
    ทำให้เจ้ามีความรู้สึก
    จะเบี่ยงเบนเจ้าจากเป้าหมาย

    จิตสำนึกดี:
    อย่าไปฟังเขานะ
    ต้องคิดถึงพระเจ้าสิ

    เจริญธรรม

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พุทธะ มหาศาสดาโลก

    ตอนที่๑๖
    ☆《ผู้เฒ่าเคล้าธรรม》☆
    ความเดิมตอนที่แล้ว
    เมื่อพิธีสยุมพรสิ้นสุดลง
    การเตรียมพิธีอภิเษกสมรสระหว่าง
    เจ้าชายสิทธัตถะและเจ้าหญิงยโสธรา
    จึงเริ่มขึ้น
    หากแต่แผนงานทุกอย่างกลับต้องมลายไปอย่างรวดเร็ว
    เมื่อพระเจ้าปสันชิกกษัตริย์แห่งเมืองโกศัล
    ต้องการประกาศพระบรมเดชานุภาพ
    ด้วยการรุกรานเข้ายึดดินแดนต่างๆ
    โดยเฉพาะดินแดนของราชวงศ์ศากยะ
    พิธีแต่งงานจึงถูกแทนที่ด้วยพิธีแต่งทัพเพื่อทำสงครามทันใด
    ท่ามกลางความเห็นชอบของเหล่าราชวงศ์ศากยะ
    และมีเพียงมงกุฏราชกุมารสิทธัตถะ
    ที่เกิดความหวาดหวั่นขึ้นในจิตใจ
    แต่ด้วยสติปัญญาที่เฉียบแหลม
    พระองค์ยังสามารถวางแผนการรบได้อย่างชาญฉลาด
    หากเมื่อการตายของพันเทพผู้เป็นสายลับ
    ปรากฏขึ้นต่อสายตามงกุฏราชกุมารหนุ่มเป็นครั้งแรก
    กลับทำให้จิตใจของพระองค์
    ยิ่งเกิดความหวั่นไหวและสับสนอย่างรุนแรง
    ระหว่างความเวทนาและความกล้าหาญ
    ที่มีอยู่ในจิตใจจนมิอาจควบคุมได้
    พระองค์จะตัดสินพระทัยต่อไป...
    ★★★★★
    พันทูล:
    ข้าคือแม่ทัพของโกศัลชื่อพันทูล
    ข้ามาเพื่อแนะนำว่า:
    ท่านควรจะปล่อยม้าของเรา
    ยอมรับอำนาจของเจ้าเมืองโกศัล
    และอยู่อย่างสงบในกบิลพัสดิ์
    ไม่เช่นนั้น.

    อำมาตย์สุมาล:
    ไม่เช่นนั้นต้องสู้กับเจ้า
    เราไม่ได้มาแสดงแสนยานุภาพแม่ทัพพันทูลลล
    เราเป็นศากยะและเราก็ไม่ใช่แกะ
    ที่จะให้ใครเอาไม้ต้อนฝูงได้

    พันทูล:
    แกะทำร้ายช้างไม่ได้หรอกท่านแม่ทัพ

    อำมาตย์สุมาล:
    ไม่ใช่แค่แกะเท่านั้น
    ถ้ามดไต่เข้าหูช้าง
    มันย่อมเข้าไปข้างในได้
    เตรียมตัวรับศึกเถอะแม่ทัพพันทูล
    ไม่เช่นนั้นแล้ว
    พิธีอัศวเมฆอาจจะไม่สำเร็จตามประสงค์.
    ★★★★★
    (เจ้าชายสิทธัตถะพาทัพช้างมาห้ามศึก
    ระหว่างพระเจ้าสุทโธทนะกับพระเจ้าปสันชิก)
    สิทธัตถะ:
    พอที.
    หยุดการนองเลือดได้แล้ว
    หยุดสงครามกับศักดิ์ศรีได้แล้ว
    ท่านจะได้อะไรขึ้นมา
    ไม่มีใครได้อะไรจากสงครามเลยไม่เคยมี.
    สงครามมีแต่แพร่ความเกลียดชัง
    ไม่จบไม่สิ้น
    ไม่เคยมีใครเอาชนะในสงครามได้
    มีแต่ผู้คนต้องล้มตาย
    แม้แต่ผู้ชนะต้องทนทุกข์ทรมาน
    ต้องสูญเสียคนสำคัญของบ้านเมืองไป
    บ้านเมืองหยุดเดินต้องเสียเวลาของความก้าวหน้า
    เรามาสู้กันทำไมนี่
    เพื่อแผ่นดินที่ไม่มีวันเป็นของเราอย่างนั้นหรือ?

    เจ้าเมืองโกศัล:
    เรายอมตายได้เจ้าชาย
    แต่เสียศักดิ์ศรีเราไม่ยอม

    สิทธัตถะ:
    งั้นข้าต้องไขปริศนานี้แล้วท่านเจ้าเมืองโกศัล
    ศักดิ์ศรีของท่านจะไม่แปดเปื้อน
    และถ้าหากเราหยุดการนองเลือด
    หยุดสงครามครั้งนี้ได้
    อนาคตครั้งหน้ามนุษย์อย่างพวกเรา
    จะได้ไม่ถูกมองว่าเป็นมารร้าย...

    เจ้าเมืองโกศัล:
    ข้อเดียว
    ข้ามีแค่คำตอบเดียวที่จะปกป้องศักดิ์ศรีของทั้ง๒อาณาจักร
    ข้ามีข้อเสนอ
    นักรบที่เก่งที่สุดของเรา
    จะต้องออกมาประลองกัน
    ใครยิงเข้าเป้าถือว่าเป็นผู้ชนะ
    ศากยะจะยอมรับหรือไม่.

    สิทธัตถะ:
    ข้ายอมรับ.
    ท่านเป็นคนเสนอนะเจ้าเมืองโกศัล
    ส่วนข้าจะเป็นคนเลือกเป้า

    เจ้าเมืองโกศัล:
    ข้ายอมรับ
    แล้วท่านจะใช้อะไรเป็นเป้า

    สิทธัตถะ:
    ศรีษะท่านกับศรีษะข้า
    มงกุฏคือสัญญลักษณ์ของพระราชา
    ทำไมเราไม่ใช้มันเป็นเป้าเล่า.
    มงกุฏท่านบนศรีษะข้า.
    มงกุฏข้าบนศรีษะท่าน.
    มือธนูที่เก่งที่สุดของกองทัพเราจะเป็นคนยิงเป้า
    ใครยิงถูกเป้าจะเป็นผู้ชนะ

    เจ้าเมืองโกศัล:
    ข้ายอมรับ
    แต่ว่าเจ้าน่ะต้องเป็นเป้าก่อนสิทธัตถะ.
    เจ้าจงสวมมงกุฏของข้า.

    สุทโธทนะ:
    ทำไมโง่เช่นนี้
    เจ้าอาจต้องเสียชีวิตนะ

    สิทธัตถะ:
    มีชีวิตที่ต้องเสียไปมากมาย
    อีกแค่ชีวิตเดียวคงไม่เป็นไรหรอก
    และถ้าหากว่าข้าชนะ
    อีกหลายหมื่นหลายร้อยชีวิตจะปลอดภัย
    ข้าสวมมงกุฏของเจ้าแล้วเจ้าเมืองโกศัล
    และมือธนูที่เก่งที่สุดของเราจะเป็นคนยิงก่อน

    สุทโธทนะ:
    ใครจะเป็นคนรับหน้าที่นี้

    สิทธัตถะ:
    ท่านคือมือธนูที่เก่งที่สุดในเมืองของเรานะท่านพี่
    ท่านพี่ข้าเชื่อใจท่าน.

    โธโตทนะ:
    โชคเข้าข้างเจ้าแล้วเทวทัต
    เจ้าควรจะเล็งที่ศรีษะของสิทธัตถะ
    ไม่ใช่เล็งที่มงกุฏ

    สุทโธทนะ:
    เทวทัต.ศักดิ์ศรีความกล้า
    และเกียริติยศของศากยะอยู่ในมือเจ้าแล้ว
    วันนี้เจ้าจะเป็นวีรบุรุษ
    หรือเจ้าจะเป็นคนทรยศ
    (สุทโธทนะตบไหล่)

    (เทวทัต.ระลึกถึงความไม่พอใจในสิทธัตถะ
    เรื่องห่าน แพ้การประลอง เจ้าหญิงยโสธรา
    ตอนฆ่าเสือ พิธีสยุมพร คำพูดของแม่มังคลา:
    ข้าอยากฟังข่าวดีอีกเรืองหนึ่ง
    ข่าวการตายของเจ้าชายสิทธัตถะ
    ศักดิ์ศรีความกล้าและเกียริติยศ
    อยู่บนมือเจ้าแล้ว
    ลงมือเลยเทวทัต.โอกาสเป็นของเราแล้ว
    วันนี้เจ้าจะเป็นวีรบุรุษ
    หรือเจ้าจะเป็นคนทรยศ)
    ยิงสำเร็จ.
    เจ้าชายเข้าไปกอดพี่ชาย.
    เทวทัต:
    อาณาจักรศากยะจงเจริญๆๆๆๆๆๆๆๆ...

    (พันทูลไม่กล้ายิง)แพ้...
    เจ้าเมืองโกศัล:
    มีใคร?
    นักรบที่กล้าเล็งมงกุฏบนหัวข้าไหม?
    ฝ่าบาท.
    ไม่ว่าราชาจะกล้าหาญแค่ไหน
    แต่ความแข็งแกร่งที่แท้จริง
    คือกองทัพของเขา
    ข้ายอมรับความพ่ายแพ้
    ท่านคือผู้ชนะ.

    สุทโธทนะ:
    จำได้ไหม?
    เมื่อครู่ที่เจ้าพูดเอาไว้กับข้า
    ตอนที่เจ้าแกว่งดาบมาหาข้า
    และให้ข้าก้มหัวร้องขอชีวิต
    ข้าน่ะจะเสียบอกเจ้าตอนนี้เลยก็ได้
    แต่ข้าจะยกการตัดสินใจในเรื่องนี้
    ให้คนที่ต้องรับผิดชอบในชัยชนะ
    สิทธัตถะ.
    เจ้าต้องการอะไร?

    สิทธัตถะ:
    อภัยและสันติ
    ยุติสงครามและให้อภัยศัตรู

    สุทโธทนะ:
    ลุกขึ้นเถิดปสันชิก
    ข้ารู้วิธีเชิดชูนักรบศากยะ
    มหาโกศัลพ่อของเจ้าเป็นยอดนักรบ
    ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าเพราะเห็นแก่เขาก็แล้วกัน
    ข้ามีเงื่อนไข๒ข้อปสันชิก
    เจ้าต้องรับผิดชอบความสูญเสียจากสงคราม
    และต้องรับปากข้าว่า:
    เจ้าจะไม่บุกเราอีก

    เจ้าเมืองโกศัล:
    ข้าขอสาบานพระเจ้าสุทโธทนะ

    สิทธัตถะ:
    ข้าขอของขวัญจากข้อตกลงนี้ได้ไหมพระเจ้าปสันชิก

    เจ้าเมืองโกศัล:
    ขออะไรก็ได้ยกเว้นเกียรติและชีวิตของข้า

    สิทธัตถะ:
    อาวุธที่ท่านำมาทั้งหมดนี้ข้าขอเถอะนะ
    อาวุธทั้งหมดนี้ของท่านต้องไม่ใช้เข่นฆ่าใครอีก
    ข้าจะหลอมรวมกัน
    และเขียนเป็นข้อความที่ชายแดนว่า:
    สงครามไม่ยุติสงคราม
    แต่มันยุติความเป็นมนุษย์
    แต่สันติแผ่ความรัก...♡♡♡

    เจ้าเมืองโกศัล:
    เจ้าช่างแตกต่างจากศากยะคนอื่นนัก

    เจริญธรรม

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พุทธะ มหาศาสดาโลก

    ตอนที่๑๗(สิทธัตถะเศร้าใจกับความตายของการศึก)
    ☆《ผู้เฒ่าเคล้าธรรม》☆
    ความเดิมตอนที่แล้ว
    ผลของการทำพิธีอัศวเมฆ
    ของพระเจ้าปสันชิกเจ้าเมืองโกศัล
    ได้นำพาสงครามมาถึงกรุงกบิลพัสดิ์ในที่สุด
    แต่การได้เห็นความตายของพันเทพ
    สายลับจากเมืองโกศัลเป็นครั้งแรก
    ก็สร้างความสะเทือนใจอย่างรุนแรง
    ให้แก่เจ้าชายสิทธัตถะ
    จนไม่อาจเข้าร่วมในสงคราม
    ต่อต้านการลุกลาม
    ของพระเจ้าปสันชิกได้
    ในการรบครั้งนี้ถึงแม้ว่าฝ่ายกบิลพัสดิ์
    จะจัดการวางแผนไว้อย่างรัดกุมแล้วก็ตาม
    ด้วยกำลังที่เหนือกว่าของเมืองโกศัล
    ก็ทำให้พระเจ้าสุทโธทนะตกเป็นฝ่ายเพรี่ยงพร้ำในที่สุด
    และด้วยบุญญานุภาพของเจ้าชายสิทธัตถะ
    ทำให้พระองค์ทรงมองเห็นภัย
    ที่กำลังจะเกิกกับพระราชบิดา
    จึงสามารถเข้ามาช่วยไว้ได้ทันการณ์
    อีกทั้งความชาญฉลาดและความกล้าหาญ
    ของเจ้าชายสิทธัตถะ
    ยังสามารถยุติสงครามลงได้โดยสันติ
    และเปลี่ยนศัตรูอย่างเจ้าเมืองโกศัล
    ให้เป็นมิตรได้สำเร็จ
    ความดีงามในจิตใจของพระองค์
    จะเอาชนะศัตรูได้ตลอดไปหรือไม่...

    ★★★★★
    สุทโธทนะ:
    สร้อยพระอาทิตย์คือเครื่องยศของบรรบุรุษ
    มันเป็นของขวัญให้แก่ผู้กล้าหาญในการรบ
    เจ้าทำให้เราได้รับชัยชนะสิทธัตถะ
    เราสามารถต่อกรกับทัพของโกศัล
    เพราะแผนการณ์ของเจ้า
    ถ้าเจ้าไม่มาพร้อมกับกองทัพช้าง
    เราคงไม่ได้ชัยชนะ...
    สิทธัตถะทำให้วงศ์ศากยะภาคภูมิใจ

    ความพยามข้าคงไม่เป็นผลถ้าปราศจากพระเจ้าทัณฑปนี
    ถ้าพระเจ้าทัณฑปนีไม่มีลูกสาวอย่างยโสธราล่ะก็
    ข้าคงไม่ได้ให้ช้างแก่นางเป็นของขวัญ
    และยโสธราคงไม่ผูกมิตรข้ากับพวกมัน
    เพราะว่าข้าไม่รู้ภาษาช้าง
    ข้าคงจะรวมฝูงช้างไม่ได้
    และคงหยุดสงครามไม่ได้เหมือนกัน
    ยังมีอีกคนที่สมควรรับความดีความชอบในครั้งนี้
    เจ้าชายเทวทัต
    เจ้าชายเทวทัตจงเจริญ
    เจ้าชายเทวทัตผู้กล้าจงเจริญๆๆ

    ก็จริง!
    เทวทัต.หากเจ้ายิงพลาดไปล่ะก็
    ข้าคงเสียเกียรติของศากยะและแพ้สงครามด้วย
    (ถอดสร้อยอีกเส้นให้เทวทัตแต่เทวทัตไม่รับ)

    เทวทัต:
    ทูลฝ่าบาท.
    ถ้าสร้อยพระอาทิตย์สำหรับผู้กล้า
    มีอีกเส้นหนึ่งแล้วล่ะก็
    ข้าก็คงจะรับมันไว้
    แต่ข้ารับสิ่งนี้ไม่ได้
    มันจะคอยเตือนข้าเสมอว่า:
    ข้าอาจจะเป็นพี่
    แต่ข้าไม่ได้เก่งที่สุด.

    โธโตทนะ:
    ฝ่าบาท.ขอสร้อยให้ข้าเถิด
    ข้าจะให้เขาเอง
    เขาไม่รู้ว่าของขวัญจากผู้ใหญ่
    คือการอำนวยพร...

    ★★★★★
    สิทธัตถะ:
    หยุดก่อนซิฉันนะ.
    ควันอะไรนี่!
    มีไฟไหม้ป่าอย่างนั้นหรือ?ฉันนะ.

    ฉันนะ:
    มันคือไฟที่มาจากกองศพทหารที่ตายในสงคราม
    สิทธัตถะ:
    ไม่ใช่ศพหรอกที่มอดไหม้
    แต่ความเป็นมนุษย์กำลังมอดไหม้
    และทำให้คนที่ยังอยู่ต้องอับอายขายหน้านัก
    เมื่อไหร่ที่มนุษย์อย่างเรา
    จะละอายใจจากการทำสงครับซักทีนะ
    เมื่อไหร่?กัน
    เมื่อไหร่?ล่ะ
    พระราชาตัดสินใจ
    เพื่อใช้อำนาจสูงสุดที่เขามีอยู่ในมือ
    เขาประกอบพิธีอัศวเมฆ
    ประกาศสงคราม
    แล้วเขาได้อะไรล่ะ?
    เขาได้สิ่งนี้
    ควันไฟ
    ควันไฟทั่วไปหมดเลย
    เจ้าดูสิ่งพวกนี้สิ.

    ยโสธรา:
    อย่าท้อใจเลยสิทธัตถะ.
    เจ้าหยุดสงครามได้แล้ว

    ฉันนะ:
    ท่านได้ทำทุกอย่างที่ทำได้ไปแล้วเจ้าชาย

    สิทธัตถะ:
    อาจจะใช่
    ตอนนี้ทุกคนวางอาวุธแล้วฉันนะ.
    แต่จิตใจของพวกเขาล่ะ!
    ความเกลียดชังของพวกเขาล่ะ!

    ยโสธรา:
    ถ้าเจ้าแบกรับความเจ็บปวดของคนอื่นแบบนี้
    เจ้าจะต้องจมน้ำตาตัวเอง

    สิทธัตถะ:
    ข้าจะว่ายน้ำข้ามฝั่งได้ยังไงกัน
    ข้าเห็นควันไฟอยู่ตรงหน้าแบบนี้
    มีแต่ควันสีดำ...

    เจริญธรรม

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พุทธะ มหาศาสดาโลก

    ตอนที่๒๑(เจ้าชายผิดหวังจากการขอเยี่ยมกรุงกบิลพัสดิ์)
    ☆《ผู้เฒ่าเคล้าธรรม》☆
    ความเดิมตอนที่แล้ว:
    ในที่สุดการโต้แย้งอันดุเดือดในการประชุมสมาชิกราชวงศ์ศากยะ
    เกี่ยวกับผลการทำสงครามกับเมืองโกศัลก็ยุติลงด้วยดี
    เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะสามารถตอบคำถาม
    สร้างความกระจ่างให้แก่สมาชิกได้ทั้งหมด
    ขณะที่ฝ่ายพระนางมังคลาก็พยายามที่จะหาวิธี
    ทำให้เจ้าชายสิทธัตถะได้พบเห็นทุกขเวทนา
    เพื่อให้พระองค์เกิดความต้องการที่จะออกผนวช
    และพระนางก็สามารถยุยงให้องค์รัชทายาท
    ทูลขอพระราชบิดาออกไปเยี่ยมเมืองกบิลพัสดิ์ได้สำเร็จ
    หากแต่พระเจ้าสุทโธทนะก็ได้หายินยอมไม่
    ยิ่งสร้างความขุ่นเคืองพระทัยให้แก่เจ้าชายยิ่งนัก
    มกุฏราชกุมารหนุ่มจะยอมจำนนต่อคำประกาศิษย์ของพระราชบิดาหรือไม่?...

    ★★★★★
    สิทธัตถะ:
    ข้าอยู่ในขอบเขตที่ท่านกำหนดมาเสมอ
    ไม่เคยขัดคำสั่งของท่านเลยแม้แต่น้อย
    ท่านพ่อ.
    ข้าไม่ใช่ลูกของท่านคนเดียวแล้ว
    ท่านจะให้ข้าเป็นกษัตริย์ของศากยะ
    ข้าจึงอยากจะถามท่านสักเรื่องหนึ่ง
    ประสบการณ์สำคัญกว่าการพึ่งพาคนอื่นหรือไม่!
    อาจารย์โกณฑัญญะเคยบอกว่า:
    กษัตริย์ที่แท้จริงนั้นคือคนที่ปกครองหัวใจของตัวเองได้
    (เดินจากไป)

    ★★★★★
    (วิ่งหนีด้วยความสับสนพร้อมรำพัน)
    สิทธัตถะ:
    ทำไมข้ารู้สึกว่า:
    ทุกคนปิดบังบางอย่างกับข้าน่ะ
    ทำไม?!

    เงาไฟ:
    แล้วเจ้าจะรู้

    สิทธัตถะ:
    ยังไง?

    เงาไฟ:
    ต่อต้านสิ.

    สิทธัตถะ:
    กับใคร?

    เงาไฟ:
    กับทุกคนไง!
    พวกเขาไม่คิดว่าเจ้าสำคัญ
    เจ้าจงขัดคำสั่งของฝ่าบาทซะ.
    สิทธัตถะ:
    ข้าทำไม่ได้หรอก.
    เขาเป็นพ่อข้า

    เงาไฟ:
    คนที่เรียกว่าพ่อ.
    คนที่ขีดเส้นจำกัดลูกตัวเอง
    คนที่อยากให้เจ้าเป็นนักรบ
    และกันเจ้าจากความกล้า
    เจ้าลองคิดดูให้ดีๆสิสิทธัตถะ.
    เจ้าจะเป็นกษัตริย์ได้ยังไง
    ถ้าถูกจำกัดขอบเขตเช่นนี้

    สิทธัตถะ:
    ข้าไม่อยากเป็นกษัตริย์
    ข้าไม่ต้องการอาณาจักรน่ะ

    เงาไฟ:
    อย่าลืมสิ.
    ชื่อเสียงทำให้คนเป็นอมตะนะ

    สิทธัตถะ:
    ชื่อเสียงมาพร้อมกับหน้าที่

    เงาไฟ:
    เมื่อไรที่นกกางปีกได้
    มันจะทิ้งรังบินสู่ท้องฟ้า
    สัตว์ป่ามีอิสระในพงไพร
    ทำไมคนต้องถูกจำกัดขอบเขต
    ทำลายกฏเกณฑ์ซะ.

    สิทธัตถะ:
    ข้าทำไม่ได้หรอก.

    เงาไฟ:
    แต่ว่านะความโกรธทำได้ทุกอย่าง

    สิทธัตถะ:
    ไม่.
    เจ้าไปให้พ้นเถอะไป.

    เงาไฟ:
    มองข้าสิ.มองข้า

    สิทธัตถะ:
    ไม่.ข้าบอกให้เจ้าไปยังไงล่ะ.

    เงาไฟ:
    ข้าบอกให้เจ้ามองข้า
    จงมองหน้าข้าสิ
    จงมองหน้าข้า.
    ★★★★★
    (ได้รับอนุญาติให้เยี่ยมเมือง)
    สิทธัตถะ:
    หมายความว่า:
    หลังถูกจำกัดมาหลายปี
    ข้าได้รับอิสระแล้ว
    ไม่มีการกักขังหรือกักกัน
    ไม่มีข้อจำกัดหรือกำหนด
    ภายใต้ขอบฟ้านี้
    สุดสายตาของข้า
    เส้นทางยาวไกลไม่ย้อนกลับ
    ข้าเดินทางด้วยรถม้าได้ตามใจชอบแล้ว
    สายลมเปลี่ยนไปแล้วนะโคบา.
    สายลมเปลี่ยนทิศทางแล้ว
    ไปเร็ววว
    ฉันนะ.ฉันนะ.
    ข้าอยากเห็นทุกซอกทุกมุมของศากยะเลยนะ.
    อยากสัมผัสดินทุกก้อน
    ข้าอยากเก็บประสบการณ์ของที่นี่ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
    วิ่งเร็วกว่านี้อีกฉันนะ.
    ให้ม้าโจนทะยานเหมือนสายลมไปเลยยยย.
    ข้าอยากเจอทุกคน
    ข้าอยากเห็นทุกเมืองไม่ใช่แค่เมืองเดียว.
    ใช่ดนตรีของพวกเขา
    ข้าอยากเห็นทุกอย่างเลย...

    ★★★★★
    (ออกชมเมืองเจออะไรบ้าง)
    (บททดสอบบทที่๑)
    -เจอเครื่องประดับของเจ้าชายเทวทัตอยู่ที่กองเถ้าถ่านที่เผากัญฉาณี
    ทุกข์ด้วยยังสงสัยและเชื่อว่า:กัญฉานีตายเพราะฝีมือเทวทัต.

    โคบา:
    น้ำตาท่านไหลไม่หยุดเลยฝ่าบาท.

    สิทธัตถะ:
    นั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นน่ะโคบา.
    เมื่อหัวใจมีความเศร้าและเจ็บปวด
    หัวใจจะทุรนทุราย
    และน้ำตาก็จะไม่หยุดไหลด้วย

    โคบา:
    ข้าเคยพูดแล้ว
    และจะพูดให้ฟังอีกครั้ง
    อย่าจริงจังกับชีวิตมากซะจนรู้สึกว่ามันเป็นภาระ

    สิทธัตถะ:
    เจ้าจะเรียกว่า:ภาระหรือว่าคำถาม
    สำหรับข้ามันก็เหมือนกัน
    ทำไมต้องเกิดกับข้าอยู่เรื่อยเลย
    ข้าต้องพบเจอมันทุกที่
    ทั้งความขัดแย้งเรื่องของอาณาเขต
    ความขัดแย้งเรื่องของพี่ชาย
    ขัดแย้งกับพ่อเพื่อทำลายกำแพงต่างๆ
    ความขัดแย้งเรื่องสงคราม
    ความขัดแย้งเรื่องความตาย
    ความขัดแย้งพวกนี้บางครั้ง
    บางครั้งมันก็ทำให้ข้าขาดสติ
    ถลำลึกอยู่ในเรื่องนั้นๆ
    จะไม่ให้สนใจในสิ่งรอบตัว
    เหมือนวันนี้ข้าทำร้ายจิตใจของท่านป้ามังคลา

    โคบา:
    มีคำตอบเดียวสำหรับทุกความขัดแย้งของท่าน
    เปลี่ยนสถานการณ์รอบตัวท่านซะ
    และต้องเริ่มจากตัวเอง
    ท่านอยากชื่นชมอาณาจักรศากยะไม่ใช่หรือ?
    และฝ่าบาทก็ทรงอนุญาติแล้ว
    แล้วทำไมเรายังอยู่ที่นี่.
    ทำไมเราไม่ไปที่ใหม่
    ที่ใหม่ๆ.ความคิดใหม่ๆล่ะ

    สิทธัตถะ:
    ใช่โคบา.
    เราควรไปยังที่ๆไม่มีความเศร้า

    โคบา:
    ใช่.

    ★★★★★
    (บททดสอบบทที่๒)
    สิทธัตถะ:
    ดูสิ.มีนกยูงอยู่๒ตัว
    หยุดรถก่อนฉันนะ.
    ทำไมพวกเจ้าต้องถอยหนีด้วยล่ะ
    ข้าแค่อยากถามเท่านั้นน่ะ.
    ไม่มีผิดหรือถูกหรอกนะ
    ทำไมต้องมัดหางนกยูงไว้ที่หลังด้วยล่ะ
    นี่มันเป็นพิธีกรรมหรือประเพณีกันแน่

    จัณฑาล:
    เป็นเป็นทั้ง๒อย่าง

    สิทธัตถะ:
    เหตุผลคืออะไร?
    มันเป็นแค่เครื่องประดับ
    หรือว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแต่งกายล่ะ

    จัณฑาล:
    ไม่ใช่หรอกเจ้าชาย
    มันไม่ใช่เครื่องประดับหรอก
    และไม่ใช่ส่วนหนึ่งของเครื่องแต่งกายด้วย
    เราเราคือพวกจัณฑาล

    ฉันนะ:
    เจ้าชายไม่เคยแบ่งแยกชนชั้นหรอก
    มีอะไรก็ว่ามาเถอะ

    จัณฑาล:
    มันคือธรรมเนียมของที่นี่
    รอยเท้าของเราจะทำให้ดินไม่ดี
    เราต้องคอยลบรอยเท้า
    เพื่อไม่ให้พราหมและนักรบ
    มาเหยียบซ้ำรอยเท้าที่พวกเราเดิน
    จัณฑาลทุกคนจึงต้องมัดหางนกยูงไว้ข้างหลัง

    สิทธัตถะ:(เดินเข้าไปจะจับตัว จัณฑาลหลบ)
    ธรรมเนียมแบบไหนกันน่ะ
    เป็นการดูถูกมนุษย์อย่างมาก

    จัณฑาล:
    ขอโทษนะเจ้าชาย
    พวกเราต้องไปแล้ว
    ถ้าเราไปสายล่ะก็
    เราจะถูกเฆี่ยนจนหลังลาย.

    เจริญธรรม

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พุทธะ มหาศาสดาโลก

    ตอนที่๒๑-๒๒(เจ้าชายเห็นความจน ความตาย) ☆《ผู้เฒ่าเคล้าธรรม》☆
    (บททดสอบบทที่๓)
    *****ทำไมข้า.ข้าเกลียดชังชีวิตแบบนี้
    ทำไมข้ามีคำถาม
    ถ้าเราต้องเดินหน้าสู่ความตาย
    ทำไมเราต้องเกิดมาด้วย
    ทำไมร่างกายที่เกิดจากธาตุทั้ง๕*****

    สิทธัตถะได้ยินเสียงเด็กร้องไห้:
    เจ้าเป็นใคร?
    ทำไมถึงร้องไห้.
    เจ้าชื่อว่าอะไร?

    ทูน:
    ข้าข้าชื่อทูนฝ่าบาท.
    ข้ามีพี่ชายอยู่คนหนึ่ง
    ทหารจับเขาไปแล้ว

    สิทธัตถะ:
    ทำไมต้องจับเขาไปด้วยล่ะ!

    เพราะว่าเขาเป็นโรคหัด

    สิทธัตถะ:
    ทหารคงจะพาเขาไปหาหมอมั๊ง

    ทูน:
    ไม่ไม่.
    พวกนั้นพาเขาไปเมืองใหม่

    สิทธัตถะ:
    เมืองใหม่งั๊นหรือ!

    (โคบารำพึงในใจว่า:
    ถ้าเจ้าชายรู้เรื่องเมืองใหม่ล่ะก็จะต้องเกิดเรื่องแน่ๆ)

    สิทธัตถะ:
    เขาว่าเขากลัว
    เราควรพาเขาไปส่งพ่อแม่เขานะ
    บ้านเจ้าอยู่ไหน?

    ทูน
    อยู่นั่น.ท่านจะไปไหม?

    สิทธัตถะ:
    ไปสิข้าไปแน่

    โคบา:
    เราจะหาข้าวให้เขากินให้อิ่ม
    แล้วให้เขานอนที่นี่
    พรุ่งนี้เช้าเราค่อยพาเขาไปส่งบ้านของเขา.
    แบบนี้เจ้ว่าดีไหม?
    ทูน
    ขอรับดีครับ.

    (บ้านของทูน)
    พ่อทูนยกข้าวมาถวายว่า:
    นี่คือสำรับอาหารที่เรามี
    เจ้าชายถ้าหากท่านกินเราจะมีความสุขมาก

    สิทธัตถะ:(น้ำตาคลอ)
    ครอบครัวเจ้าอยู่กันได้ยังไง
    ทั้งที่มีข้าวน้อยนิดเพียงแค่นี้

    พ่อทูน:
    ทำไงได้ล่ะเจ้าชาย
    เราทำงานหนักกันทั้งวัน
    แต่ได้ไม่มากไปกว่านี้
    ชาวบ้านเขาใจดี
    คอยช่วยเหลือและพึ่งพากัน
    แต่ว่าพวกเขาจะทำอะไรได้
    แล้วไหนจะมีสงครามอีก
    พวกเขาก็แย่เหมือนกัน

    สิทธัตถะ:
    เห็นทูนบอกว่า:
    ทหารจับตัวพี่ชายของเขาไป
    เอาไปไว้ที่ที่เมืองใหม่
    พ่อทูน:
    เมืองใหม่หรือ?
    ไม่มีหรอกเจ้าชาย
    เขาหมายถึงอโรคยาธรรม
    ได้ยินว่าที่นั่นมีการรัหษาคนป่วย
    หมอเก่งๆทุกคนแวะไปที่นั่น
    ลูกชายคนโตของข้าเขาป่วยหนัก
    เราก็เลยพาเขาไปที่นั่นกับญาติของเราน่ะเจ้าชาย

    สิทธัตถะ:
    เป็นเพราะว่าเขารักพี่ชายมาก
    ถึงได้ร้องไห้
    (ลุกขึ้น)

    พ่อทูน
    กินสักหน่อยเถอะนะเจ้าชาย.

    สิทธัตถะ: (หยิบข้าวทานพร้อมน้ำตา)

    ทูน:
    ท่านคือเจ้าชายใช่ไหม?
    ข้าได้ยินว่าท่านทำได้ทุกอย่าง

    สิทธัตถะ:
    ใช่.
    ไม่ว่าอะไรข้าจะลองทำทั้งนั้น.
    (ถอดกำไลทองทิ้งไว้ให้)
    ทูน:
    นั่นสินะเจ้าชาย

    พ่อทูน:
    ไม่อยากจะเชื่อเลย
    ขอบคุณนะเจ้าชาย

    สิทธัตถะ:(เศร้า)
    ความขัดแย้งอีกอย่างนะโคบา.
    ชายคนหนึ่งยากจนมาก
    แทบจะไม่มีข้าวส่รจะกรอกหม้ออยู่แล้ว
    ส่วนอีกคนหนึ่งร่ำรวยมาก
    บริจาคทองคำให้พราหมประกอบพิธี
    ทำไมถึงต่างกันมากขนากนั้น
    ทำไม?.
    โคบา.
    พวกเราอยู่ในวังกินแต่ของดีๆ
    แล้วพวกเราจะเข้าใจคนจนได้ยังไงกันเล่า?

    โคบา:
    ท่านอย่าคิดมากเลย.
    อากาศเย็นแล้ว
    เข้าข้างในกันเถิด.

    ทูน:ร้องไห้
    ฝ่าบาท.พี่ชายข้ากลับมาแล้วเมือคืน
    เขาพูดกับทุกคนด้วน
    แต่เมื่อเช้าเจาไม่พูดอะไรเลย.
    ทุกคนพาเขาไปที่ริมแม่น้ำ
    เจ้าชายไปกันเถอะ

    สิทธัตถะ:
    เจ้าบอกว่าพระเจ้าสร้างโลกนี้
    แต่ทำไมมันถึงมีแต่ความโศกเศร้า
    ทำไมเด็กคนนี้ต้องมีน้ำตาด้วย
    ข้าว่าเราน่ะควรต้องแก้ปัญหาของเขาเสียก่อน
    ไปเถอะทูน.
    (โยนศพพี่ชายทูนลงน้ำ)
    หยุดก่อน.
    สิทธัตถะ:
    ท่านจะทำอะไรนี่

    พ่อทูน:
    คนจนจะทำอะไรได้ล่ะท่าน
    นอกจากลอยร่างของลูกชายไปกับสายน้ำ

    สิทธัตถะ:
    ไหนว่าส่งเขาไปรักษาตัวไง.

    พ่อทูน:
    เขาหนีกลับมา
    เขาอยู่ห่างพวกเราไม่ได้
    ใครจะรู้เขาอาจมาเจอเราเป็นครั้งสุดท้าย
    ดูความอับจนของข้าสิเจ้าชาย
    ศพลูกชายยังไม่มีปัญญาเผาและช่วยไถ่บาปให้เขา
    ข้าต้องไปให้เขาลอยไปกับสายน้ำ
    สิทธัตถะ:
    ทำไมท่านถึงเผาเขาไม่ได้ล่ะ

    พ่อทูน:
    เพราะข้าไม่มีเงินจ่ายให้พวกพราหม
    พราหมจะไม่ทำพิธีศพให้
    ถ้าเราไม่มีสินจ้าง
    ไม่สวดมนต์ให้ด้วย
    และลูกชายข้าจะไม่ได้รับการไถ่บาปตลอดไป

    สิทธัตถะ:
    ไถ่บาป.
    เจ้าหรือข้าทำเองไม่ได้หรือ?
    มีแต่พราหมที่ทำได้หรือไงกันน่ะ
    ส่วนในคัมภีร์พระเวทย์น่ะ
    มีวิธีไถ่บาปแต่พิสูจน์ไม่ได้
    เจ้าแน่ใจหรือว่าลูกชายจะได้ไถ่บาป
    เมื่อเจ้าจ่ายเงินให้พราหม
    เขาทำพิธีสวดมนต์ให้
    เขาจะได้ขึ้นสวรรค์อย่างนั้นหรือ?

    พ่อทูน:
    ขอโทษเถิดเจ้าชาย.
    แต่เราทำตามธรรมเนียมของเรา
    มันคือความเชื่อของเรา
    เมื่อเป็นเรื่องของความเชื่อ
    เราไม่ต้องการหลักฐาน
    สิทธัตถะ:
    เพราะว่าทำแบบนี้ถึงกลายเป็นธรรมเนียมไปแล้ว
    เหมือนกับมนุษย์น่ะ
    ถูกมัดอยู่กับความเชื่อ
    และถูกปิดหูปิดตาด้วยพระเวทย์ที่ตนน่ะเชื่อ
    ต้องติดอยู่ในหุบเขาลึก
    และถูกบอกว่า:
    ถ้าหนีมาจะตกลงไปในหุบเขา
    และต้องตายในที่สุด
    ถ้าไม่หนีจะมีชีวิตรอดและห้อยโหนตลอดเวลา
    ตลอดชีวิตของมนุษย์น่ะ
    ต้องยึดติดกับโซ่ของความเชื่อ
    ต้องห้อยโหนอยู่ในหุบเขาของสังคม
    และธรรมเนียม
    แต่ถ้ามนตราช่วยให้ไปสวรรค์
    ช่วยไถ่บาป
    และถ้าเจ้าเชื่อเรื่องโกหกพวกนี้
    ก็เตรียมกองฟืนเอาไว้
    เพื่อเห็นแก่ความสุขของเจ้า
    พวกพราหมจะมาที่นี่
    และเจ้าก็จะได้เผาศพของลูกชายเจ้า.

    ฉันนะ:
    กองฟืนกลายเป็นเถ้าถ่าน
    พ่อทูนนำอัฐฐิไปประกอบพิธีครั้งสุดท้ายแล้ว
    ท่านจะนั่งอีกนานแค่ไหน?
    สิทธัตถะ:
    ทำไมข้า.ข้าเกลียดชังชีวิตแบบนี้
    ทำไมข้ามีคำถาม
    ถ้าเราต้องเดินหน้าสู่ความตาย
    ทำไมเราต้องเกิดมาด้วย
    ทำไมร่างกายที่เกิดจากธาตุทั้ง๕
    กลายเป็นเถ้าถ่าน
    ทำไมเราต้องเลี้ยงดูพวกนักบวช
    ทำไมโลกดูเหมือนเป็นเรื่องโกหกทั้งนั้น

    ฉันนะ:
    เจ้าชาย.
    สิ่งนี้เรียกว่าความโศกเศร้า
    ถ้าพญายมราชใช้สิทธิ์ของเขา
    จะเกิดความรู้สึกนี้
    เมือไรมีความตาย
    หัวใจจะมีแต่ความเกลียดชัง
    แต่มันเป็นอยู่แค่ชั่วครู่
    ทุกคนจะคิดถึงเขาสองสามวัน
    และทุกคนจะลืมเขา
    ทูนเองจะลืมพี่ชายของเขาด้วย
    มันคือวงจรของชีวิต

    สิทธัตถะ:
    ๒วันก่อนเขายังดีอยู่
    แต่ตอนนี้ไม่
    เรามีชีวิตอยู่แค่ไม่กี่วันแล้วต้องตาย
    ฉันนะ:
    เจ้าชาย.
    มนุษย์เราน่ะควรอยู่กับความจริง

    ยโสธรา:
    ความตายห้ามพระอาทิตย์หรือพระจันทร์ขึ้นไม่ได้
    กั้นเมฆจากสายฟ้าไม่ได้
    มันเป็นกฏของธรรมชาติ
    ดอกไม้บานและร่วงโรยไป
    เมล็ดพันธ์งอกเงยขึ้นใหม่
    ก้อนเมฆเกิดมาเพื่อปล่อยสายฝน
    เมื่อฝนตกลงใาเมฆก็จะสูญสลายหายไป
    มีเมฆก้อนใหม่เกิดขึ้นและมีฝนตกอีกครั้ง
    แต่ว่าโลก โลกไม่ได้หยุด
    มันหมุนต่อไป
    เราไปต่อกันเถิด

    สิทธัตถะ:
    ใช่.เราไปกันเถิด
    ไปให้ไกลจากนี่.

    ฉันนะ:
    พรุ่งนี้เช้าข้าจะท่านไปแถบอื่น
    ของอาณาจักรศากยะ.

    สิทธัตถะ:
    ไม่ฉันนะ.
    เราต้องการจะกลับกบิลพัสดิ์.
    เจริญธรรม

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พุทธะ มหาศาสดาโลก

    ตอนที่๒๓(พบมุนีครั้งแรก)
    ☆《ผู้เฒ่าเคล้าธรรม》☆
    ความเดิมตอนที่แล้ว:
    ข่าวการตั้งครรภ์ของพระนางยโสธราผู้เป็นพระชายา
    ทำให้เจ้าชายสิทธัตถะได้สัมผัส
    กับความสุขอันเหลือล้นจนสุดจะบรรยายเป็นครั้งแรก
    แต่แล้วอารมณ์ที่กำลังเบิกบานยินดีอย่างที่สุด
    ก็ถูกกระชากออกไปด้วยความจริงอันน่าสะเทือนใจ
    จนเกินจะยอมรับได้
    เมื่อเจ้าชายผู้ถูกกีดกัน
    ไม่เคยเผชิญกับความโศกเศร้ามาตลอดชีวิต
    ได้มารู้ความจริงเกี่ยวกับพระมารดาแท้ๆผู้จากไป
    ทำให้พระองค์ได้ประจักษ์ความจริง
    เกี่ยวกับความตายและการพลัดพรากสูญเสีย
    ที่ต้องเกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกคน
    หัวใจอันปวดร้าวจะรับรู้กับความจริงที่ทรงรับรู้ได้อย่างไร?...

    ★★★★★
    สุทโธทนะ:
    เจ้าชายสิทธัตถะ.ยโสธราแตะของพวกนี้สิ
    เราจะได้แจกจ่ายของให้กับพวกพราหม.

    สิทธัตถะ:
    ขอโทษเถอะฝ่าบาท.
    แต่ข้าไม่เข้าใจธรรมเนียมนี้เลย.
    ปชาบดี:
    ธรรมเนียมอะไรหรือลูก

    สิทธัตถะ:
    เมื่อไรที่ท่านมีความสุข
    หรือมีพิธีรื่นเริง
    เช่นชนะสงคราม
    หรืองานสมรส
    วันเกิดหรือพิธีเลือกคู่
    ท่านต้องบริจาคให้พราหมเสมอเลย.

    สุทโธทนะ:
    เพื่อไม่ให้ใครมาทำลายความสุขของเรา
    ขจัดอุปสรรคทั้งมวลที่ขวางทางเราอยู่
    และเราก็จะได้รับพรจากพราหมด้วย

    สิทธัตถะ:
    ถ้าเราบริจาคให้พราหมอุปสรรคทั้งมวลจะหายไปอย่างนั้นหรือ?

    พราหม:
    เป็นเช่นนั้นแน่นอน.
    ข้าเคยบอกท่านไว้แล้ว
    และจะบอกอีกครั้ง
    พราหมคือตัวแทนของพระเจ้าบนโลกใบนี้
    พรของพราหมนั้นเป็นเกราะป้องกันดวงชะตาของมนุษย์

    สิทธัตถะ:
    เอ๊ะ.เท้าของท่านเป็นอะไรไป?
    พราหม:
    อ๋อ.!ข้าออกจากบ้านมาแต่เช้าและบาดเจ็บมาระหว่างทาง

    สิทธัตถะ:
    นั่นแปลว่าท่านลืมให้พรแก่ดวงชะตาของตัวเอง
    อย่างนั้นล่ะสิ.

    พราหม:
    ท่านหมายความว่ายังไงเจ้าชาย

    สิทธัตถะ:
    ก็ถ้าหากพราหมสามารถขจัดอุปสรรคทั้งมวล
    ด้วยพรของเขาแล้ว
    ทำไมเขาถึงได้รับบาดเจ็บด้วยล่ะ.
    ทำไมเท้าท่านถึงบาดเจ็บล่ะ.

    พราหม:
    นี่ถือเป็นการดูถูกเรานะ.

    สิทธัตถะ:
    ข้าไม่ได้จะดูถูกท่านสักหน่อยนะท่านพราหม
    แต่ท่านไม่สามารถตอบคำถามของข้าได้

    พราหม:
    ทุกคนต้องชดใช้การกระทำของตัวเองทั้งนั้น

    สิทธัตถะ:
    แปลว่า:กรรมมีอำนาจสูงสุด
    ตามที่ท่านพูดกรรมเป็นตัวตัดสินที่แท้จริง
    ไม่มีใครช่วยมนุษย์จากกรรมของเขาได้

    พราหม:
    ถูกต้องแล้ว.

    สิทธัตถะ:
    ถ้างั้นพรของท่านก็เป็นของปลอม

    พราหม:
    เจ้าชาย.

    สิทธัตถะ:
    ข้าขอโทษท่านเป็นกูรูและก็เป็นสรรพพัญญูด้วย
    อย่าหาว่าข้าอวดดีเลยนะ
    แต่ถ้ากรรมคือทุกอย่างแล้ว
    ทำไมพราหมถึงสามารถให้พรเรา
    และวรรณะสูทรแตะเราไม่ได้
    ฉันนะ.
    เอาของไปไว้ที่รถนะ
    ข้าจะเป็นคนแจกจ่ายเอง
    มาเถอะยโสธรา.

    สุทโธทนะ:
    ขอโทษท่านกูรู.

    ★★★★★
    (แจกข้าวสารให้ชาวบ้าน)
    ชาวบ้าน:
    ท่านคือพระเจ้าของเรา.
    ท่านมาเพื่อแจกจ่ายอาหาร.

    สิทธัตถะ:
    ข้าไม่อยากเห็นคนอดอยากในเมืองกบิลพัสดิ์อีกแล้ว
    ทุกคนจะได้อาหารและได้สิทธิ์ของตน.

    ชาวบ้าน:
    เจ้าชาย.ท่านช่วยบอกทีเถอะ.
    ว่าเราจะตอบแทนท่านได้ยังไงบ้าง?

    สิทธัตถะ:
    ด้วยความเจ็บปวดของเจ้า.
    ข้ามารับความเจ็บปวดของเจ้า

    ชาวบ้านอีกคน:
    หลีกไปๆ.
    ความเจ็บปวดๆของเราหรือ
    ท่านไม่เข้าใจความเจ็บปวดของเราหรอก.
    ท่านเคยนอนหลับทั้งที่ท้องหิวไหม
    ท่านเคยนอนในคืนเหน็บหนาว
    โดยไม่มีแม้แต่ผ้าห่มคลุมตัวสักผืนไหม?
    ไม่เคยใช่ไหม?
    งั้นท่านก็ไม่รู้จักความเจ็บปวดหรอกเจ้าชาย
    เราไม่ต้องการของบริจาคพวกนี้.
    เราคือชาวศากยะ
    เราแข็งแกร่งพอที่จะหากินเองได้
    เราไม่ต้องการของบริจาคเหล่านี้หรอก.
    ถ้าท่านอยากที่จะช่วยพวกเราจริงๆล่ะก็
    งั้นท่านก็ช่วยหยุดพวกทหารที่มาทรมานพวกเราซะ.

    ชาวบ้าน:
    ใช่แล้วเจ้าชายเรื่องของภาษี
    พวกเขาไม่ได้เก็บแค่เงินของเราไปเท่านั้นนะ
    แต่เอาข้าวของเราไปด้วย
    ลืมเรื่องบริจาคเถอะ
    พวกเขาแย่งสิ่งที่เรามีไป
    เมื่อวานพวกเขาเอาผ้าห่มกับเครื่องมือของข้าไป
    และวันนี้ๆแม่ของข้า
    ต้องตายเพราะความหนาว

    สิทธัตถะ:
    อำมหิตนัก.
    เจ้าหน้าที่คนไหน?
    ข้ามาที่นี่
    เพราะชาวบ้านบอกว่า
    แม้เจ้าเป็นคนของทางการ
    แต่เจ้าก็ยังทำร้ายพวกเขาอีก.

    ทหาร:
    ไม่จริงเลยเจ้าชาย

    สิทธัตถะ:
    ทำไมเจ้าถึงมีข้าวหลายกระสอบนัก
    ทั้งที่เจ้าไม่ใช่ชาวนา

    ฉันนะ:
    นี่คือข้าวที่แย่งมาจากคนจน

    สิทธัตถะ:
    อำมหิตนัก

    ทหาร:
    ข้าวครึ่งหนึ่งต้องเข้าท้องพระคลังนะเจ้าชาย
    พระเจ้าเวพาหุเป็นคำสั่งของเขา
    และเป็นคำสั่งจึงขัดไม่ได้

    สิทธัตถะ:
    เจ้าฟังคำสั่งของเวพาหุ
    แต่ไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ของพวกเขาเหล่านี้
    เจ้าสมควรต้องถูกลงโทษแล้ว

    ญ.พาลูกสาวปัญญาอ่อนออกมา:
    เจ้าชาย.พระเจ้าลงโทษเราเพราะความผิดของเขาแล้ว.
    โดยการทำให้ลูกสาวของเราพิการ

    สิทธัตถะ:
    ความพิการของลูกสาวท่าน
    ทำให้เจ้าไม่ถูกลงโทษในวันนี้
    จงแจกจ่ายข้าวเหล่านี้ให้แก่ชาวบ้าน
    เหมือนตอนเจ้าไปเอาจากเขามา
    และในวันนี้เจ้าจะต้องป้อนอาหารเด็กๆทุกคน
    คนละคำ.
    (หันมาพูดกับฉันนะ)
    ข้านึกว่าความมั่งมีจะสร้างสันติ
    เยียวยาความเจ็บปวด
    แต่คนจนพวกนี้ไม่มีเงินทองหรืออาหาร
    ก็ยังเศร้าเหมือนเดิม
    เจ้าหน้าที่ที่มีอาหารและเงินทองก็เศร้าด้วย
    แปลว่าความมั่งมีช่วยอะไรไม่ได้
    มันกลับยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดให้เรา...

    ★★★★★
    (เห็นมุนี)
    สิทธัตถะ:
    หยุดก่อนฉันนะ.
    นั่น.นั่นใครน่ะ

    ฉันนะ:
    นั่นคืออออ.นักบวชน่ะเจ้าชาย.

    สิทธัตถะ:
    นักบวชหรือ?
    นี่คือครั้งแรกที่ข้าได้เห็น

    ฉันนะ:
    พวกเขาจะมาที่นี่ระหว่างธุดงค์

    สิทธัตถะ:
    งั้นเขาคงต้องการอาหารด้วย.
    ขอคารวะ.
    ข้าคือเจ้าชายสิทธัตถะแห่งศากยะ
    ข้ามามอบอาหารให้แก่ท่าน
    ให้ข้าเรียกท่านว่ายังไงล่ะ

    มุนี:
    เรียกอะไรก็ได้
    มุนี นักบุญ หรือว่านักบวช
    ท่านอยากเรียกอะไรก็ได้

    สิทธัตถะ:
    ไม่ทราบว่าท่านพำนักอยู่ที่ไหนอย่างนั้นหรือ?
    ไกลจากนี่มากไหม?

    มุนี:(หัวเราะ)
    โลกทั้งใบนี้คือบ้านของข้า

    สิทธัตถะ:
    แล้วงานล่ะ!

    มุนี:
    งานหรือ.
    งานนั้นเป็นหน้าที่ของชาวบ้าน
    ไม่ใช่ของนักบวช

    สิทธัตถะ:
    แล้วอาหารล่ะ!
    ท่านหาอาหารมาจากไหน?
    มุนี:
    ข้าก็ขอทานชาวบ้านทั่วไป

    สิทธัตถะ:
    ท่านไม่ละอายที่ขอทานหรือ?

    มุนี:
    นักบวชจะต้องเอาชนะความอวดดี
    และความละอายให้ได้

    สิทธัตถะ:
    และถ้าไม่มีใครทำทานแก่ท่านล่ะ!

    มุนี:
    ไม่เป็นไรนี่
    ธรรมชาติไม่เคยปฏิเสธ
    ลมไม่เคยหยุดพัก
    ข้ายังมีน้ำดื่ม
    ต้นไม้เองก็ไม่เคยหยุดออกผล

    สิทธัตถะ:
    ท่านใช้เวลาทำอะไรบ้างล่ะ?

    มุนี:
    พยายามเอาชนะใจตัวเอง
    สิทธัตถะ:
    มันคืองานแบบไหนกัน?

    มุนี:
    ใจเราที่ยึดติดกับกิเลส
    ภาพลวงตาและความโกรธ

    สิทธัตถะ:
    แล้วท่านจะไปที่แห่งไหนหรือ?

    มุนี:
    ข้าไม่รู้หรอก.
    การเดินทางจะบอกเอง
    ที่ๆข้าจะพบความสงบ
    ฝ่าบาท.ท่านเอาอาหารคืนไปเถอะ
    ข้าไม่ต้องการอาหารของท่าน
    ท่านไปทางของท่าน
    ข้าไปทางของข้า
    5555

    สิทธัตถะ:
    ข้าเคยเห็นคนรวย
    เคยเห็นคนจน
    นักรบตาบอดเพราะอยากได้อำนาจ
    เคยเห็นพราหมผู้มีปัญญา
    แต่นี่คือชีวิตแบบไหนกันนี่
    เขามีความสุขทั้งที่ไม่มีอะไรเลย.
    เจริญธรรม

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พุทธะ มหาศาสดาโลก

    ตอนที่๒๓(เจ้าชายผิดหวังการเมือง)
    ☆《ผู้เฒ่าเคล้าธรรม》☆
    ★★★★★
    โธโตธนะ:
    ฟังนะลูก.
    สายตาเจ้าตอนนี้ควรมองไปที่บัลลังค์
    ไม่ใช่เมียของสิทธัตถะ.
    ทำไมเจ้าคิดถึงเรื่อง
    เรื่องที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้น่ะ

    เทวทัต:
    พวกท่านสอนให้ข้ามองแบบนี้
    พวกท่านสอนเอง.
    พวกท่านแหละ.
    ของๆสิทธัตถะก็คือของข้า.ของข้า เป็นของข้า.
    นี่คือสิ่งที่ข้าถูกสอน
    ตอนนี้.ข้าไม่ต้องการบัลลังค์ใดๆ
    ข้าต้องการยโสธราคนเดียว
    ยโสธราคนเดียวเท่านั้น.
    ยโสธรา.

    ★★★★★
    (การประชุมราชวงศ์ศากยะเรื่องส่วยเมืองโกศัล)
    พระเจ้าธาโปทนะ:
    เราเชื่อใจและสนับสนุนความคิดท่าน.
    เราลงคะแนนให้
    แต่เพราะความทะนงของท่าน
    มาถึงทุกวันนี้นั้น
    ท้องพระคลังเราจึงว่างเปล่า
    ช่วยบอกทีเถอะพระองค์
    เราต้องทำยังไง?
    ไม่ใช่แค่นั้น.
    เจ้าชายสิทธัตถะ.ของท่าน
    ยังห้ามเราเก็บภาษีจากชาวบ้านเพิ่มอีกด้วย

    สิทธัตถะ:
    ทำไมถึงไม่ควรล่ะ
    ท่านเป็นกษัตริย์
    แต่ยังคนทรมานคนของตัวเองอีก

    ธาโปทนะ:
    การเรียกภาษีจากชาวบ้านคืออำนาจของกษัตริย์
    ไม่ใช่การทรมาน

    สิทธัตถะ:
    การเรียกเก็บภาษีเพิ่มหลังจากสงครามมันไม่ถูกต้อง
    มันคือความทรมาน.

    ธาโปทนะ:
    เอางั้นก็ได้
    ข้ายอมรับว่าทรมานชาวบ้าน
    แต่ใครล่ะที่จะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้
    ท่านต้องรับผิดชอบเจ้าชาย.
    ขออภัยเถอะฝ่าบาท
    ตอนนี้ศากยะกำลังชดใช้ความผิดพลาดทางการเมืองของท่าน
    แล้วถ้าปสันชิกบุกเข้ามาอีกเราจะมีเสบียงได้ยังไง?
    แล้วจะเอาเงินที้ไหนไว้ซื้อโลหะ
    แล้วเราจะสร้างอาวุธได้ยังไงกัน

    สิทธัตถะ:
    แต่มันไม่ได้แปลว่า
    ท่านจะต้องทรมานคนของท่านเอง
    ปล้นบ้านพวกเขา
    ข้าเห็นมากับตา
    ทหารของพวกท่านน่ะ
    เฆี่ยนพ่อค้าที่ไร้ทางสู้จนเจียนตาย
    ประชาชนของท่านได้สัมผัสความยากจนแร้นแค้นแล้ว

    ธาโปทนะ:
    ล้ำเส้นมากไปแล้วเจ้าชาย
    ท่านลืมไปว่า
    มันคือเมืองของข้า.

    สิทธัตถะ:
    และท่านลืมไปว่า
    เมืองของท่านเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรศากยะ
    ท่านทำตามใจได้อย่างนั้นน่ะหรือ

    ธาโปทนะ:
    ท่านเป็นคนทำผิดพลาดเองเจ้าชาย
    ท่านเสนอทำสัญญาสงบศึกกับปสันชิก
    เรื่องนี้น่ะเป็นความจริง
    และข้าจะบอกท่านว่า
    ท่านน่ะคิดแบบนักบุญ
    ที่เราพ่ายแพ้ในการรบ
    ก็เพราะกษัตริย์ที่ท่านยัดเยียดให้กับเรานี่แหละ
    ไม่ใช่ข้าคนเดียว
    ทุกคนต่างรู้ดี
    ข้า.พระเจ้าธาโปทนะ
    อยากจะขอเตือนเจ้าชายสิทธัตถะเอาไว้ตรงนี้ว่า
    อย่าข้ามมาเขตแดนของเมืองข้าอีกเด็ดขาด
    และอย่าขัดขวางการทำงานของข้าอีก
    ฉนั้น.

    สุทโธทนะชักดาบ:
    เจ้ากลับไปซะเถอะพระเจ้าธาโปทนะ
    ขืนท่านยังอยู่ต่อไปข้าจะลืมว่านี่คือการประชุม

    ธาโปทนะ:
    ข้าจะไม่ลืมความอับอายในครั้งนี้
    และข้าจะขอพูดอีกอย่างหนึ่ง
    พวกท่านคือคนผิดของชาวศากยะ
    และพวกท่านจะต้องถูกลงโทษความผิดนั้น
    ท่านต้องถูกลงโทษ.

    สิทธัตถะ:
    ถ้าศากยะอนุญาติข้าจะขอแก้ปัญหาอันนี้เอง
    พวกท่านมีปัญหาเพราะตัวข้า
    ข้าจะพาพวกท่านออกจากปัญหานี้เอง
    โดยไม่ต้องทำสงคราม.
    ★★★★★
    (ระลึกถึงความวุ่นวายในการประชุม):
    ยโสธรา:
    ทำไมท่านกระสับกระส่าย

    สิทธัตถะ:
    ความจริงแล้วก็คือ:
    โลกทั้งโลกกำลังหมุนอยู่
    แต่ทำไมคนเรายังอยู่นิ่ง

    ยโสธรา:
    น้ำเสียงของท่านดูผิดหวัง

    สิทธัตถะ:
    ข้ามองทางไหนก็เห็นแต่ปัญหา
    การประชุมของศากยะมีความเห็นขัดแย้ง
    ในวังก็มีความขัดแย้ง
    น้ามังคลาก็ร้อนใจ
    คิดว่าข้าหยามหน้าพระเจ้าธาโปทนะ
    ความเห็นทางการเมืองของข้าทำลายงานแต่งของท่านพี่
    มันทำให้ข้ารู้สึกไม่ดี.

    ยโสธรา:
    ท่านอามังคลาน่ะโกรธแป๊บเดียว
    เดี๋ยวก็หาย
    นางโกรธง่ายหายเร็ว

    สิทธัตถะ:
    ใช่แล้วโคบา.
    แต่ข้าไม่ต้องการความแตกต่าง

    ยโสธรา:
    ไม่มีหรอก.
    ข้ารับปากท่านข้าจะคุยกับท่านอามังคลาเอง.
    หัวเราะสิอย่าทำหน้าบึ้ง
    หัวเราะดังๆ55555
    (หงายหลัง)

    สิทธัตถะ:
    เป็นอะไรน่ะโคบา.

    ยโสธรา:
    เปล่าหรอกเขาบอกว่า:
    อย่าหัวเราะข้ากำลังนอนน่ะท่านแม่
    (หัวเราะเอาไว้เถิดสิทธัตถะ
    เสียงหัวเราะของท่านจะก้องกังวาลไปทั่วโลก
    และได้ยินไปไกลแสนไกล)

    ยโสธรา:
    คิดหรือเปล่าว่าลูกของท่านจะเป็นยังไง?

    สิทธัตถะ:
    ที่เธอพูดน่ะหมายถึงอะไร?
    ยโสธรา:
    เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง.

    สิทธัตถะ:
    ข้าอยากจะให้เขาเป็นคนดีน่ะ
    (ระลึกถึงการสนทนากับมุนี)
    สิทธัตถะ: แล้วท่านจะไปที่แห่งไหนหรือ?
    มุนี: ข้าไม่รู้หรอก. การเดินทางจะบอกเอง
    ที่ๆข้าจะพบความสงบ.

    เจริญธรรม

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พุทธะ มหาศาสดาโลก

    ตอนที่๒๔(กำเนิดราหุล เห็นทุกข์จากการเกิด)
    *****ราหุลหมายถึงผู้พรากความเจ็บปวด
    เป็นชัยชนะเหนือความเศร้า
    เหนือข้อจำกัดทั้งมวล*****
    ☆《ผู้เฒ่าเคล้าธรรม》☆
    ความเดิมตอนที่แล้ว:
    นับวันเจ้าชายสิทธัตถะก็ยิ่งได้สัมผัสถึงความทุกข์
    และความสุขที่เกิดขึ้นในชีวิตมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ
    ขณะเดียวกันสติปัญญาอันปราดเปรื่อง
    ในการขจัดปัญหาและความขัดแย้ง
    ที่เกิดขึ้นในราชวงศ์ศากยะ
    ก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงการคู่ควร
    แก่การเป็นผู้สืบทอดพระราชบัลลังค์ของพระองค์
    หากแต่ปัญหาต่างๆที่พระองค์ต้องเผชิญ
    กลับวนเวียนรบกวนจิตใจจนมิอาจปล่อยวางได้
    พระนางยโสธราผู้เป็นชายา
    จึงต้องแบกรับความทุกข์ในใจของสวามีไปด้วยเช่นกัน
    ความสุขและความทุกข์ทั้งหลาย
    ที่เจ้าชายสิทธัตถะต้องเผชิญ
    จะนำพาพระองค์ไปสู่เส้นทางใดต่อไป...

    ★★★★★
    (พระนางมังคลาวางแผนพาเจ้าชายมาพบมุนี)

    มังคลา:
    คารวะท่านกูรู

    กูรู:
    มาสิ.ได้เวลาพอดี
    กินด้วยกันหน่อยไหม

    มังคลา:
    ไม่ล่ะ

    กูรู:
    แล้วเจ้าล่ะ!

    เจ้าชาย:
    ข้ามาหาความอิ่มใจ
    ไม่ใช่อิ่มท้อง

    กูรู:หืม!
    แล้วเจ้าจะอิ่มใจได้ยังไง?

    เจ้าชาย:
    ด้วยคำตอบของปัญหา

    กูรู:
    ได้ๆถามมา

    เจ้าชาย:
    ท่านเป็นพราหมแต่ว่าท่านอยู่อย่างวรรณะสูทร
    กูรู:
    ควรอยู่เหนือวรรณะและความเชื่อ
    ข้าไม่ใช่พราหม
    ลูกเอ๋ย
    คนที่ให้อาหารเจ้าจะเป็นจัณฑาลได้ยังไง?
    สำหรับเราคนที่ให้อาหารคือพระเจ้า
    ส่วนคนที่พูดจาดีนั้นก็คือผู้ยิ่งใหญ่

    เจ้าชาย:
    เป็นความจริงแท้
    ข้าก็เชื่อเช่นนั้น
    มีคำถามหนึ่งท่านกูรู
    ตอนมาที่นี่ทำไมท่านจึงให้เราถอดเครื่องประดับด้วย

    กูรู:
    เพราะความรู้ต่างๆมีอยู่ในความเรียบง่าย
    และเสื้อผ้าอาภรณ์ของแพง
    เป็นสัญญลักษณ์ของความอวดดี

    เจ้าชาย:
    ทำไมท่านถึงนุ่งสีส้ม

    กูรู:
    นี่คือสัญญลักษณ์ของการปฏิวัติ

    เจ้าชาย:
    งั๊นความรู้ก็คือ
    การปฏิวัติทางความคิด
    กูรู:
    เมื่อทุกคนคิดแบบเดียวกัน
    พลังของพวกเขาจะพุ่งไปในทิศทางเดียว
    ความรู้สึกของความเท่าเทียมก็จะแผ่กระจายออกไป
    มาสิ.มา
    เจ้าจะต้องจำไว้ว่า:
    บุคคลิกภาพของคนเรานั้น
    ไม่ควรทำให้สัตว์ต้องหวาดกลัว
    (นกบินมาเกาะไหล่เจ้าชาย)
    กูรู:
    พ่อหนุ่มนี่มีใจบริสุทธิ์
    เขาอาจจะเกิดมาเป็นเจ้าชาย
    แต่ว่าในจิตใจของเขาคือนักบวช.

    มังคลา:
    ท่านพูดตรงกับใจฉันจริงๆ
    ข้าได้ยินคำนี้มาหลายปีแล้ว

    กูรู:
    ถ้าเจ้ามีเวลาข้าจะพาไปหาอาจารย์
    เจ้ากับเขาต้องเข้ากันได้ดีแน่

    เจ้าชาย:
    แน่นอนข้าจะไปตอนนี้เลยก็ได้น่ะ

    ฉันนะ:
    เจ้าชายท่านต้องกลับวังแล้ว
    เจ้าหญิงยโสธราคงจะรอท่านอยู่

    กูรู:
    งั้นท่านก็ไปเถิดเจ้าชาย
    การให้คนอื่นต้องรอนั้น
    เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง
    จงทำตามหน้าที่ของเจ้า
    แล้วค่อยไปหาอาจารย์ของข้าวันหลัง

    เจ้าชาย:
    ท่านกูรู.
    อาจารย์ท่านมีนามว่าอะไร?

    กูรู:
    "ฤาษีภาควะ"
    เอาล่ะ!
    เราจะเจอกันอีก
    เจริญพร.

    เจ้าชาย:คารวะมังคลา:
    ท่านช่วยข้ามากเหลือเกิน
    ที่พาข้ามาพบเขาท่านอา

    มังคลา:
    ช่วยอะไรเล่าลูกเอ๋ย
    ความสุขของข้าอยู่ในตัวเจ้า
    (รำพึงในใจว่า:ถ้าเจ้ากลายเป็นนักบวชข้าจะมีความสุขที่สุด)
    ★★★★★
    สิทธัตถะ:
    โคบาๆเจ้าเป็นอะไรไปโคบา
    ทำไมเจ้าเดินเซแบบนี้ล่ะ
    เหงื่อบนหน้าผากของเจ้าเปียกไปหมดเลย
    เจ้าไม่ต้องไปไหนแล้วนะ

    โคบา:
    ท่านห้ามข้าไม่ได้หรอกเจ้าชาย.

    สิทธัตถะ:
    ข้าไม่เคยห้ามเจ้า
    แต่วันนี้ข้าต้องห้ามเจ้า
    ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยล่ะ!

    โคบา:
    เพราะเป็นคำสั่งของท่านแม่

    สิทธัตถะ:
    มันต้องมีเหตุผลอยู่เบื้องหลังสิ.

    โคบา:
    ข้าไม่ได้ถาม

    สิทธัตถะ:
    ทำไมล่ะ!

    โคบา:
    เพราะทุกอย่างที่คนเป็นแม่ทำ
    ก็เพื่อประโยชน์ของลูกทั้งนั้น

    สิทธัตถะ:
    เจ้าไม่ถามก็ตามใจ
    แต่ข้าต้องได้คำตอบในวันนี้
    รออยู่นี่จนกว่าข้าจะกลับมา

    โคบารำพึงในใจว่า:
    (ข้าขอโทษแต่ข้าขัดคำสั่งท่านแม่ไม่ได้)

    สิทธัตถะ:
    ท่านแม่ทำไมต้องให้โคบาทำพิธีแบบนี้ด้วยล่ะ.

    ปชาบดี:
    โคบาเป็นอะไรหรือ?

    สิทธัตถะ:
    ตอนนี้ยังไม่เป็น
    แต่ถ้านางต้องไปที่ทะเลสาปทุกวันล่ะก็
    จะต้องเกิดบางอย่างขึ้นแน่

    ปชาบดี:
    สิทธัตถะ.เจ้าไม่ควรพูดในแง่ร้ายนะ

    สิทธัตถะ:
    การนิ่งเงียบก็ไม่ได้ช่วยอะไร?
    ทำไมต้องให้โคบาทำแบบนี้
    ตอบข้าสิ.
    ท่านแม่.
    หลายคำถามของข้าไม่มีคำตอบ
    แต่ข้ารู้ว่าท่านต้องมีคำตอบของคำถามนี้
    บอกข้าสิ.
    ทำไมต้องให้นางทำแบบนี้ด้วย

    ปชาบดี:
    ก็เพื่อลูกของเจ้าไง
    เขาอยู่ใต้พระราหู

    สิทธัตถะ:
    ใครเป็นคนบอก

    ปชาบดี:
    ราชครูวาชัสบดี

    สิทธัตถะ:
    ท่านราชครูเคยเจอพระราหูอย่างนั้นหรือ?
    เขาเคยเจอพระเสาร์กับพระอังคารด้วยหรือ?
    ทำไมๆเราต้องหลับตาและเชื่อที่คัมภีร์ว่าไว้ด้วย

    ปชาบดี:
    พระเวทย์และคัมภีร์คือหลักฐาน

    สิทธัตถะ:
    โลกใบนี้เปลี่ยนแปลงทุกชั่วขณะ
    ทำไมคัมภีร์ถึงไม่เปลี่ยนล่ะ
    ปชาบดี:
    เพราะมันอยู่เหนือกว่า
    มันคือเสียงพระเจ้า

    สิทธัตถะ:
    มีใครได้ยินบ้าง
    หากพระเจ้ามีอยู่จริง
    ทำไมพระองค์จึงไม่เห็นว่าโคบาเจ็บปวดนัก.

    ★★★★★
    (กำเนิดราหุล)
    เจ้าชายเห็นความเจ็บปวดของยโสธราเกิดความเศร้าระลึกถึง
    คำพูดปชาบดี:
    สิทธัตถะ.ข้าไม่ใช่แม่ของเจ้า
    แม่ของเจ้าก็คือพี่สาวของข้ามหามายา
    นางสิ้นใจหลังเจ้าเกิดได้๗วัน
    สิทธัตถะกลัว:
    หากยโสธราเป็นเหมือนแม่ข้าล่ะ.
    (เห็นทุกข์ของการเกิดเดินจากมาที่ใต้ต้นไม้มหามายา)
    สิทธัตถะ:
    แม้แต่ท่านก็ต้องเจ็บปวด
    ตอนที่ให้กำเนิดข้า
    การเกิดของคนนั้นมันเจ็บปวดมากหรือ?

    (พบลูกและโคบา)
    สิทธัตถะ:
    ข้านึกไม่ออกเลยนะโคบา.
    ว่าเจ้าจะเจ็บปวดขนาดไหน?

    โคบา:
    ผู้หญิงถึงถูกเรียกว่าการรวมตัวของสติ
    ความเจ็บปวดที่ทำให้กำเนิดชีวิตใหม่
    ดูสิ.
    ท่านมองอะไรอยู่

    สิทธัตถะ:
    ตาของเขาพูดได้
    นิ้วของเขาสัมผัสใจข้า
    ไม่ใช่แค่เขาสัมผัสมือ
    ใบหน้าของเขาทำให้ข้า
    ทำให้ข้าหายเจ็บปวดเป็นปลิดทิ้ง

    โคบา:
    ในที่สุดก็มีคนที่ชิงปัญหาไปจากท่านได้แล้ว

    สิทธัตถะ:
    โคบา.ลูก.ทำไมดูเดียงสาเหลือเกินน่ะ

    โคบา:
    (ปลื้ม)คำถามอีกแล้วหรือ?

    สิทธัตถะ:
    ไม่รู้สิ.
    แต่วันนี้หัวใจข้าเปี่ยมด้วยความสุข
    ข้าแค่อยากจะจ้องมองเขา
    หัวใจข้าบอกว่าเขาคือราหุล

    โคบา:
    ราหุล.
    ชื่อเพราะมากเจ้าชาย
    ราหุลหมายถึงผู้พรากความเจ็บปวด
    เป็นชัยชนะเหนือความเศร้า
    เหนือข้อจำกัดทั้งมวล

    สิทธัตถะ:
    ราหุล.♡

    เจริญธรรม

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พุทธะ มหาศาสดาโลก

    ตอนที่๒๕
    ☆《ผู้เฒ่าเคล้าธรรม》☆
    ความเดิมตอนที่แล้ว
    ระหว่างที่เจ้าชายสิทธัตถะกำลังครุ่นคิดหาคำตอบ
    ให้กับปัญหาต่างๆที่ได้ทรงเผชิญ
    ก็เป็นโอกาสให้พระนางมังคลา
    ได้ออกอุบายพาพระองค์ไปพบกับนักบวชรูปหนึ่ง
    จนเกิดความเลื่อมใส
    และแล้วข่าวดีที่ทุกคนในพระราชวังกบิลพัสดิ์รอคอย
    ก็มาถึง
    เมื่อพระนางยโสธราให้กำเนิดพระโอรสองค์น้อย
    สร้างความยินดีให้แก่พระองค์ในวังยิ่งนัก
    โดยเฉพาะเจ้าชายสิทธัตถะ
    ได้สัมผัสความรู้สึกในการเป็นพ่อเป็นครั้งแรก
    นับเป็นความสุขที่สุดที่เกิดขึ้นในชีวิตของพระองค์
    หากแต่เรื่องที่น่ายินดีที่เกิดขึ้นนี้
    กลับกลายเป็นลางร้ายที่สร้างความกังวลใจ
    แก่พระนางประชาบดียิ่งนัก
    การกำเนิดของราชกุมารพระองค์น้อย
    จะส่งผลต่อว่าที่กษัตริย์แห่งราชวงศ์กบิลพัสดิ์ต่อไปเช่นไร?...

    ★★★★★
    (ปชาบดีเป็นทุกข์ใจเรื่องเจ้าชายจะเดินทางไปมคธ
    เกรงมีภัยตามทำนายกูรูวชัสบดี)

    สุทโธทนะ:
    ตอนนั้นคำทำนายของอสิตมุนีก้องอยู่ในหูข้า
    ว่าสิทธัตถะต้องกลายเป็นนักบวช
    แต่ว่าข้าไม่กลัวอีกแล้ว
    สิทธัตถะเป็นผู้ใหญ่
    เขาเป็นนักรบเชี่ยวชาญด้านศาสตราวุธและคัมภีร์
    เขารู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดี
    เขาแต่งงานแล้วและตอนนี้ก็เป็นพ่อของลูก
    ข้ามั่นใจว่าเขาจะไม่ละทิ้งทางโลกแน่
    เจ้าเมืองมคธพระเจ้าพิมพิสาร
    ถือว่าเขาเป็นสหาย
    สิทธัตถะเป็นคนเสนอให้มีการหารือ
    ข้าก็เลยอนุญาติให้เขาไป
    ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกมเหสี
    เจ้าน่ะจงไปเตรียมตัวให้พร้อมเถอะ
    เมื่อเจ้าชายกลับมาจากแคว้นมคธแล้ว
    ข้าจะให้เขาขึ้นครองราชย์
    ไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก
    ลูกของเราสู้ได้หนึ่งต่อสิบสอง
    สิทธัตถะไม่เป็นอะไรหรอกมเหสี
    จงละความกลัวในจิตใจและแววตาของเจ้า
    และนึกถึงแต่สิ่งที่ข้าฝันเห็นมาตลอดเวลา
    ฝันที่ข้าได้เห็นว่า
    เจ้าชายสิทธัตถะได้ขึ้นครองราชย์

    ปชาบดีรำพันในใจ:
    ข้าจะบอกฝ่าบาทยังไงดี
    ลูกที่เกิดมาต้องขาดความรักจากพ่อ
    ข้ากลัวแทนสิทธัตถะเหลือเกิน
    ข้าควรทำยังไง
    ข้าจะหยุดสิทธัตถะไม่ให้ไปมคธได้ยังไง

    ★★★★★
    สิทธัตถะ:
    ท่านอา.
    ท่านยังไม่ได้บอกข้าเลย
    และนี่คือเส้นทางไปวัดเจ้าแม่อย่างนั้นหรือ?

    อมิโตทนะ:
    นั่นแหละที่เราจะไปแหละ

    สิทธัตถะ:
    ไปทำไมล่ะ?

    อมิโตทนะ:
    ทำตามความรับผิดชอบสำเร็จแล้ว
    มเหสีเลยให้ท่านกูรูวชัสบดี
    เตรียมทำพิธีเพื่อช่วยปกป้องเจ้ายังไงล่ะ
    และวันนี้การทำพิธีจะสำเร็จก็ต้องมีเจ้าด้วย

    สิทธัตถะ:
    คารวะท่านราชครู.
    ท่านทำอะไรอยู่นี่
    นี่พิธีอะไรกันหรือ?

    กูรูวชัสบดี:
    ท่านถามคำถามข้า
    ข้าขอถามท่านบ้าง
    ข้าอยากรู้ว่าท่าน
    รักมเหสีประชาบดีมากแค่ไหน

    สิทธัตถะ:
    ยิ่งกว่าชีวิตของข้าเสียอีก

    กูรูวชัสบดี:
    งั้นก็ถือเสียว่า
    พิธีนี้ท่านทำเพื่อนาง
    โปรดประกอบพิธีให้สำเร็จ
    โดยไม่ต้องข้องใจเลยแหละ
    ท่านจงเจิมสิ.
    อาวุธที่ปกป้องท่าน
    ควรได้รับการบูชาด้วย
    จงถือมันไว้
    เดินรอบกองไฟ๕รอบและออกไป
    (พาออกมาเจอวัวเพื่อทำพิธี)
    เจ้าชายท่านจงอย่าสงสัย
    ท่านจงอย่าคิด
    นี่คือพิธีเพื่อชาวเมืองของท่าน
    พิธีเพื่อแม่ของท่าน
    นี่คือพิธีเพื่อว่าที่กษัตริย์ของกบิลพัสดิ์
    นี่คือพิธีเพื่อดวงดาวที่มีบาป
    ที่นำพาดวงชะตาท่าน
    ตามล่าชีวิตของท่าน
    จงพูดตามข้า
    เพื่อที่จะปกป้องชีวิตของท่าน
    (สิทธัตถะพูดตาม)
    เพื่อที่จะปกป้องชีวิตของข้า
    โปรดรับการไหว้
    รับเครื่องเซ่นและการบูชายัญ

    กูรูวชัสบดี:
    ตัดหัวเครื่องบูชายัญภายในดาบเดียว
    (เจ้าชายตัดเชือกที่ผูกวัวแทน)
    ท่านทำอะไรลงไปเจ้าชาย

    สิทธัตถะ:
    แล้วท่านล่ะทำอะไรนี่.

    กูรูวชัสบดี:
    นี่คือพิธีบูชายัญ
    ท่านต้องบูชายัญต่อเจ้าแม่

    สิทธัตถะ:
    ทำไมเพื่ออะไร

    กูรูวชัสบดี:
    ปัญหาทุกอย่างจะหมดไปหลังทำพิธีแล้ว

    สิทธัตถะ:
    เพื่ออะไรกันน่ะ
    เพื่อชีวิตข้าเองอย่างนั้นหรือ?
    และชีวิตของวัวตัวนี้ไม่มีค่าหรือไงกัน
    แค่ฟังก็รู้สึก
    รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่แล้วนะท่านกูรู
    ว่าแต่ท่านน่ะ
    ไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือไงกัน

    กูรูวชัสบดี:
    การบูชายัญเป็นสิ่งจำเป็น
    มันเขียนไว้ในคัมภีร์

    สิทธัตถะ:
    ข้าเคยอ่าน
    เคยอ่านเนื้อหาในคัมภีร์แล้ว
    ถ้าจะบูชาเทพเจ้า
    เราควรสละสิ่งที่เรารัก
    มนุษย์น่ะเห็นว่าชีวิตของตนสำคัญที่สุด
    เลยมอบชีวิตของตัวเองไม่ได้
    ถึงต้องมาเสียสละของสัตว์พวกนี้แทน

    กูรูวชัสบดี:
    ถ้าท่านไม่อาจทำการบูชายัญ
    ท่านอมิโตธนะจะทำ

    สิทธัตถะ:
    ข้าจะหยุดเขาด้วย

    อมิโตธนะ:
    เจ้าชายอนาคตของกบิลพัสดิ์
    เกี่ยวกับชีวิตของเจ้านะ
    สิทธัตถะ:
    ข้าเลยต้องสังหารสัตว์ที่บริสุทธิ์อย่างนั้นหรือ

    กูรูวชัสบดี:
    ท่านไม่ทำการบูชายัญ
    ท่านจะต้องถึงฆาต

    สิทธัตถะ:
    ถ้างั้น.ข้าจะเผชิญหน้ากับมัน
    แต่ข้าจะไม่ยอมให้สัตว์ตัวนี้ต้องตายแทนข้า
    เลิกถามคำถามข้าแล้วใช่ไหม
    ตอนนี้ข้าขอถามท่านบ้างล่ะ
    ว่าท่านน่ะรักกบิลพัสดิ์แค่ไหน

    กูรูวชัสบดี:
    ยิ่งกว่าชีวิตของข้า

    สิทธัตถะ:
    แล้วท่านต้องการข้า
    และข้าต้องบูชายัญ
    งั้นก็บูชายัญตัวเองสิท่านกูรู
    ปัญหาของข้าจะหมดไป
    และพิธีของท่านจะสัมฤทธิ์ผล
    คนที่รักชีวิตตัวเองน่ะ
    ไม่ควรจะพรากชีวิตผู้อื่น
    จำไว้

    ★★★★★
    สิทธัตถะ:
    ตั้งแต่ที่มีราหุลห้องนี้ก็มีกลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่ว

    โคบา:
    เลาสิกาเก็บดอกไม้ในสวนให้ราหุลด้วยตัวเองเลยนะ.

    สิทธัตถะ:
    ไงลูก จุ๊บๆ555

    โคบา:
    วันนี้ท่านดูมีความสุขมาก

    สิทธัตถะ:
    ใช่ข้ามีความสุขมาก
    เพราะข้าได้ช่วยชีวิตสัตว์ตัวหนึ่งไว้
    ราชครูวชัสบดีต้องการบูชายัญ
    เขาบอกดวงชะตาข้าไม่ค่อยดีน่ะ
    ข้าต้องทำพิธีบูชายัญ
    เจ้าบอกข้าสิยโสธรา.
    ถ้าดวงชะตาข้าไม่ดีแล้ว
    เป็นความผิดของสัตว์อย่างนั้นหรือ?
    ทำไมมันต้องตายด้วยล่ะ
    เขาบอกว่าดวงของข้ามีพระราหู
    ข้าบอกว่าข้าไม่กลัวพระราหูหรอก
    เพราะข้ามีราหุลอยู่ด้วยแล้วน่ะเนอะ
    ใช่ไหมราหุลลูกพ่อ

    โคบา:
    ท่านเลยจะทิ้งราหุลไปเมืองมคธ

    สิทธัตถะ:
    เจ้ารู้ได้ไง
    เจ้าไม่ได้ออกจากห้องไปไหนเลยนี่น่ะ

    โคบา:
    แต่ข้ามองดูท่านอยู่เสมอ

    สิทธัตถะ:
    งั้นเจ้าควรจะรู้ว่าข้าน่ะไปทำไมที่นั่น

    โคบา:
    ให้คนอื่นไปแทนได้หรือเปล่า
    ตอนนี้ราหุลกับข้า
    เรา๒คนต้องการท่านนะ

    สิทธัตถะ:
    ข้าไปแค่ไม่กี่วันเอง

    โคบา:
    การไปเมืองมคธของท่าน
    สำคัญกว่าพวกเราอย่างนั้นหรือ?

    สิทธัตถะ:
    การไปเมืองมคธทำให้กบิลพัสดิ์น่ะปลอดภัย
    เมื่อเราร่วมมือกับมคธ
    ชาวบ้านจะมีความสุข
    ข้าไปเพื่อความเป็นอยู่ของพวกชาวบ้านน่ะ

    โคบา:
    ข้าเจ็บปวดที่รู้ว่า
    ความเป็นอยู่ของชาวบ้านสำคัญกับท่านมากกว่า

    สิทธัตถะ:
    โคบา.
    ข้าอยากให้เจ้าน่ะเป็นจุดแข็งให้ข้า
    ไม่ใช่จุดอ่อน

    โคบา:
    ข้าห่วงความปลอดภัยของท่าน
    ถ้าเกิดอะไรขึ้น

    สิทธัตถะ:
    ข้าไม่เป็นอะไรหรอกโคบา.
    ถ้ามนุษย์เราเชื่อในพลังของตนเองแล้ว
    ดาวดวงไหนก็ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก
    ดูสิธรรมชาติโปรยดอกไม้ให้ข้าเดิน
    เจ้าส่งข้าไปด้วยรอยยิ้มเถอะนะ

    โคบา:
    ได้.(โอบกอด)

    ★★★★★
    สุทโะทนะ:
    บุญรักษา.
    ขอให้การเดินทางประสบความสำเร็จ

    สิทธัตถะ:
    ข้าไม่รู้การเดินทางครั้งนี้จะสำเร็จหรือเปล่าน่ะท่านพ่อ.
    แต่ข้าบอกท่านได้ว่า
    ข้าจะ ข้าจะพยายามทำทุกอย่างให้เต็มที่
    (โอบกอด)

    เจริญธรรม

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พุทธะ มหาศาสดาโลก

    ตอนที่๒๕(ไปมคธ)
    ☆《ผู้เฒ่าเคล้าธรรม》☆
    ความเดิมตอนที่แล้ว
    ระหว่างที่เจ้าชายสิทธัตถะกำลังครุ่นคิดหาคำตอบ ให้กับปัญหาต่างๆที่ได้ทรงเผชิญ ก็เป็นโอกาสให้พระนางมังคลา ได้ออกอุบายพาพระองค์ไปพบกับนักบวชรูปหนึ่ง จนเกิดความเลื่อมใส และแล้วข่าวดีที่ทุกคนในพระราชวังกบิลพัสดิ์รอคอย ก็มาถึง เมื่อพระนางยโสธราให้กำเนิดพระโอรสองค์น้อย สร้างความยินดีให้แก่พระองค์ในวังยิ่งนัก โดยเฉพาะเจ้าชายสิทธัตถะ ได้สัมผัสความรู้สึกในการเป็นพ่อเป็นครั้งแรก นับเป็นความสุขที่สุดที่เกิดขึ้นในชีวิตของพระองค์ หากแต่เรื่องที่น่ายินดีที่เกิดขึ้นนี้ กลับกลายเป็นลางร้ายที่สร้างความกังวลใจ แก่พระนางประชาบดียิ่งนัก การกำเนิดของราชกุมารพระองค์น้อย จะส่งผลต่อว่าที่กษัตริย์แห่งราชวงศ์กบิลพัสดิ์ต่อไปเช่นไร?...

    ★★★★★
    สิทธัตถะ:
    เราจะข้ามเทือกเขาฝั่งตะวันตกเพื่อไปยังเมืองมคธ
    มันเป็นเส้นทางที่ข้าอยากให้เมืองมคธได้รับรู้

    อารยะ:
    แต่ว่าม้าคงไปไม่ได้
    มันเป็นเส้นทางบนเขา
    ที่แม่น้ำเป็นหลุมลึก
    เราต้องข้ามเทือกเขาไป
    ต้องเสี่ยงกับการตกเหวลึก

    สิทธัตถะ:
    ไม่ใช่เรา.ข้าคนเดียว
    พวกเจ้ายังอยู่ที่นี่
    พันทูนจะได้คิดว่าข้ายังอยู่ที่นี่
    พรุ่งนี้ฉันนะกับข้าจะออกเดินทาง
    นี่คือคำสั่ง

    ★★★★★
    ทหาร:
    ช้าก่อนท่านเข้าไปไม่ได้

    สิทธัตถะ:
    พระเจ้าพิมพิสารเป็นคนเชิญข้ามา

    ทหาร:
    ท่านคือใคร?

    ฉันนะ:
    เขามาจากกบิลพัสดิ์
    เมืองหลวงศากยะเจ้าชายสิทธัตถะโคตมะ
    เป็นสหายพระเจ้าพิมพิสาร
    และข้าคือคนรับใช้

    ทหาร:
    เจ้าชายงั้นหรือ?
    เราจะเชื่อได้ไง
    สิทธัตถะ:
    ข้าต้องพิสูจน์ยังไง?
    บอกข้ามาได้เลยนะ

    ทหาร:
    แล้วท่านมีเทียบเชิญมาหรือเปล่า
    และมีตราประทับของอาณาจักรไหม
    ถ้าไม่มี
    งั้นท่านก็เข้าพบไม่ได้

    สิทธัตถะ:
    จริงสิข้ามีเครื่องหมายแทนมิตรภาพของเขามาด้วย
    (ถอดแหวน)
    นี่คือเครื่องแสดงมิตรภาพของข้ากับเขา
    เขาต้องจำมันได้อย่างแน่นอน

    พิมพิสารเห็นแหวน:
    หา.เจ้าชายสิทธัตถะมาแล้ว
    ขอต้อนรับท่านเข้าสู่แคว้นมคธ
    ข้าต้องขอโทษด้วยที่ทหารของข้าจำเจ้าไม่ได้

    สิทธัตถะ:
    ไม่ใช่ความผิดของเขาหรอกนะ
    สภาพของข้ามันแม้แต่ข้ายังจำตัวเองไม่ได้เลย

    พิมพิสาร:
    เจ้าชายทำไมชุดของเจ้าถึงเป็นแบบนี้
    สิทธัตถะ:
    เพราะข้ามาตามเส้นทางตะวันตก

    พิมพิสาร:
    เส้นทางตะวันตกหรือ
    นี่เจ้าข้ามเทือกเขามางั้นหรือ?

    สิทธัตถะ:
    ใช่แล้วฝ่าบาท
    มันเกี่ยวข้องกับการหารือของเราน่ะ
    ข้าถึงเลือกมาทางตะวันตก
    เพื่อมาที่นี่ยังไง

    พิมพิสาร:
    ไว้ค่อยคุยรายละเอียดเถอะนะ
    เชิญท่านเข้ามาข้างในก่อน
    มา.
    บางคนเป็นแค่แขกในวัง
    บางคนสนิทแนบหัวใจ
    55555
    พันทูนตั้งค่ายรอเจ้าอยู่
    เจ้าก็เลยมาที่เส้นทางตะวันตก
    โอ๋!เจ้านี่ชาญฉลาดจริงๆนะ
    ตอนนี้เขาก็ยังรอเจ้าอยู่
    แต่ว่าเจ้ามาถึงนี่แล้ว
    เจ้าชาย.
    หากข้ารู้ก่อนล่ะก็
    ข้าจะส่งทหารไปกบิลพัสดิ์เพื่อรับเจ้ามานี่

    สิทธัตถะ:
    ต่อให้ข้ามีทหารอยู่ด้วย
    ก็คงจะเลี่ยงพันทูนไม่พ้นแน่
    และเอาชนะเขาได้ด้วย
    แต่ข้าน่ะไม่ต้องการสงครามเลยแม้แต่น้อย
    ทำไมทหารทั้ง๒ฝ่ายจะต้องมาตายโดยไม่จำเป็นด้วย
    นี่คือเหตุผลที่ข้ามาพบท่านในวันนี้
    ข้าต้องการสันติ
    ข้าไม่อยากให้ใครรบกันอีก
    ประชาชนจะได้อยู่อย่างสงบสุข

    พิมพิสาร:
    เจ้าชาย.
    ความคิดของเจ้าช่างประเสริฐนัก
    เจ้ามีความคิดเห็นอะไร

    สิทธัตถะ:
    แม่น้ำโรหินีไหลจากแผ่นดินศากยะ
    ข้ากำลังจะสร้างสะพานข้าม
    มันจะเชื่อมเทือกเขาฝั่งตะวันตก
    และเส้นทางนั้นจะผ่านถึงเมืองมคธ
    และเส้นทางนี้ท่านสามารถจะ
    ขนส่งไปตอนใต้
    และตะวันออกของชมพูทวีปได้
    ตอนนี้ท่านต้องเดินทางผ่านมาทางเมืองโกศัล
    ท่านต้องใช้เวลาเดินทางตั้งมากมาย
    และต้องจ่ายค่าผ่านทางไปก็ไม่ใช่น้อย
    แต่ถ้าหากท่านใช้เส้นทางของศากยะล่ะก็
    ท่านจะประหยัดเวลาได้มาก
    และจ่ายค่าผ่านทางแค่ครั้งเดียว
    เพราะมิตรภาพของพวกเรา
    และเพราะมิตรภาพของพวกเรา
    เจ้าเมืองโกศัลจะไม่กล้าบุกเราอีกต่อไป
    และเมื่อโกศัลจะไม่รบกับท่าน
    เพราะท่านเกี่ยวดองกัน
    และแคว้นไวสาลีก็เห็นด้วยกับความคิดนี้เช่นเดียวกัน.
    ทั้ง๔แผ่นดินจะอยู่กันอย่างสันติ
    ทุกคนจะมีความสุข
    สงครามและความอิจฉาก็จะหมดไป
    มีแต่ความผาสุขทุกหย่อมหญ้า

    พิมพิสาร:
    ข้าขออะไรเจ้าได้ไหม?

    สิทธัตถะ:
    ได้.

    พิมพิสาร:
    ข้าขอจูบหน้าผากเจ้าได้ไหม?

    สิทธัตถะ:
    ได้พะย่ะค่ะ
    (จูบหน้าผาก)
    พิมพิสาร:
    ความคิดของเจ้าน่านับถือ
    เจ้าพูดถูกแล้ว
    สงครามไม่มีประโยชน์
    ข้าพระเจ้าพิมพิสาร
    ขอรับปากเจ้า
    เจ้าชายสิทธัตถะ
    เมื่อไรที่เส้นทางพร้อม
    มคธจะใช้เส้นทางนั้นเป็นเส้นทางการค้า
    เจ้าเมืองพิมพิสารคนนี้
    ถือว่าเป็นคนโชคดียิ่งนัก
    ที่ได้ให้ความช่วยเหลือเจ้า

    อารยะ:
    เจ้าชาย.
    เจ้าชายสิทธัตถะ.
    พระเจ้าพิมพิสาร
    เจ้าชาย.
    เจ้าเมืองโกศัลปสันชิก
    บุกโจมตีกบิลพัสดิ์แล้ว
    พอท่านออกเดินทางมา
    พันทูนก็บุกเรา
    จากนั้นก็เดินหน้าต่อไปกบิลพัสดิ์

    พิมพิสาร:
    แปลว่าเขาจะบุกเป็น๒ด้าน
    ด้าน๑ปสันชิก
    อีกด้าน๑คือพันทูน
    แล้วสายของเราทราบข่าวอะไรบ้างไหม

    ทหาร:
    ทราบพะย่ะคะฝ่าบาท
    เป็นเรื่องจริง
    เมืองโกศัลเปิดฉากอย่างฉับพลัน

    พิมพิสาร:
    เจ้าชาย.
    เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงนะ
    สั่งแม่ทัพมคธให้เตรียมพร้อม
    เราจะเดินทางวันนี้
    บอกเสนาบดีส่งข่าวไปบอกปสันชิกว่า
    ให้หยุดการกระทำเดี๋ยวนี้
    และประกาศหยุดสงครามทันที
    ไม่งั้นเขาต้องเป็นอริกับแคว้นมคธ

    สิทธัตถะ:
    งั้นข้าทูลลาฝ่าบาท
    ข้าต้องรับเดินทางกลับกรุงกบิลพัสดิ์ก่อนแล้ว

    พิมพิสาร:
    ไปเถอะเจ้าชาย
    ข้าจะส่งทหารไปด้วย
    พวกเขาจะเดินทางวันนี้
    แล้วเจ้าจงวางใจ
    แคว้นมคธจะอยู่ข้างเจ้า
    เจริญธรรม

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อธิบายความหมายของพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ได้อย่างกินใจมาก

    พระธรรมและพระสงฆ์อยู่ในใจของทุกคน
    การปลุกให้คนอื่นรู้ตื่นคือ"พุทธะ"
    หลังตื่นแล้วเส้นทางที่เราเดินคือ"พระธรรม"
    ความตั้งใจจริงของเรา
    การตั้งสติของเรา
    การรวบรวมสมาธิคือ"พระสงฆ์"
    ๓สิ่งนี้รวมกันอยู่ในใจของเรา
    พุทธะ มหาศาสดาโลก
    ☆《ผู้เฒ่าเคล้าธรรม》☆
    (เทวทัตผลักก้อนหินขนาดใหญ่เพื่อหวังปลงพระชนม์พุทธะ
    พลาดตกเขาลงมาพร้อมก้อนหินขนาดใหญ่
    ร่างบาดเจ็บหนักกองอยู่ที่ฝ่าพระบาทพระองค์
    พุทธะนำมาดูแลรักษาด้วยการทายาให้ด้วยพระองค์เอง)
    (เทวทัตมองหน้าพุทธะแล้วระลึกถึงอดีต)
    เทวทัต:
    นี่คือเหยื่อของข้า
    เจ้าชายน้อย:
    ข้าช่วยมันไว้
    มันคือนกของข้า
    สิทธัตถะ:
    ประกาศให้ท่านพี่เป็นยอดฝีมือเถิด
    ข้าฆ่านกไม่ได้หรอก!
    เทวทัต:
    ยโสธรา.ข้าให้เจ้า
    ยโสธรา:
    เก็บดอกไม้เอาไว้เป็นตัวแทนของข้าเถิด
    เทวทัต:
    ดอกบัวที่ข้าให้เจ้า
    มันแตกต่างกับของสิทธัตถะตรงไหน?
    ยโสธรา:
    ดอกไม้ของเจ้า
    เจ้าให้คนรับใช้ไปเก็บมา
    แต่สิทธัตถะเก็บมาด้วยตนเอง
    ขาของเขายังเปลื้อนโคลนอยู่เลย
    เทวทัต:
    หมายความว่า:
    ท่านปฏิเสธข้อเสนอของข้าใช่ไหม?
    ท่านแม่.
    ลูกชายของท่านตั้งสำนักขึ้นเองแล้ว.
    มังคลา:
    พุทธะ.เขาละทิ้งทุกอย่าง
    เขาลำบากมาก
    เขาบำเพ็ญเพียร
    จนสุดท้ายสิทธัตถะก็กลายเป็นพุทธะ.
    ในยุคหนึ่งจะมีพุทธะได้แค่คนเดียว
    เทวทัต:
    เขามันจอมปลอม.
    อชาติศัตรู:
    พุทธะ.เป็นผู้รู้แจ้งเห็นจริง
    เรื่องศาสนาพุทธ
    เราจะต้องล้มหายไป
    ชื่อของเราจะหายไปจากประวัติศาสตร์
    แต่คำสอนของพุทธะจะส่องแสงสว่าง
    ในโลกนี้เสมอ...
    (เห็นภาพตัวเองเขวี้ยงกริชใส่พุทธะ
    แต่พุทธะก็ไม่เป็นอันตราย)
    เทวทัต:
    ข้าไม่ได้โกรธ.
    พุทธะ:
    การโกรธก็เหมือนเราถือไฟอยู่ในกำมือของเรา
    เราอยากจะปามันใส่คนอื่น
    แต่ทำแบบนั้น
    เราก็จะเจ็บเองด้วยนะ
    [เทวทัตพูดกับพุทธะเมื่อคิดได้]
    เทวทัต:
    ข้า.ข้าไม่คู่ควรแม้แต่จะขอให้เจ้ายกโทษให้ข้า
    (ลูบหน้าเทวทัตด้วยความเมตตา)
    พุทธะ:
    ใจเย็นก่อนเทวทัต.
    เทวทัต:
    เพราะความจริงแล้วตัวข้านั้นเจ็บปวดเหลือเกิน
    ข้านั้นเจ็บปวดมาก
    พุทธะ:
    เราจำอะไรไม่ได้หรอก.
    เทวทัต:
    หา.
    (พุทธะ.เอามือสัมผัสศรีษะเทวทัตด้วยความเมตตาอีกครั้ง)
    ข้าขอถึงซึ่งพุทธะเป็นสรณะ
    พุทธะ:
    พระธรรมและพระสงฆ์อยู่ในใจของทุกคน
    การปลุกให้คนอื่นรู้ตื่นคือ"พุทธะ"
    หลังตื่นแล้วเส้นทางที่เราเดินคือ"พระธรรม"
    ความตั้งใจจริงของเรา
    การตั้งสติของเรา
    การรวบรวมสมาธิคือ"พระสงฆ์"
    ๓สิ่งนี้รวมกันอยู่ในใจของเรา
    เทวทัต:
    ข้าขอถึงธรรมะเป็นสรณะ
    ข้าขอถึงพระสงฆ์เป็นสรณะ
    (ขาดใจ)
    เจริญธรรม
    ***เฒ่า-ถ่าน***
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พุทธะ มหาศาสดาโลก

    ★《จุดเปลี่ยนแห่งโชคชะตา》★
    ตอนที่๒๘(เจ้าชายปลงผมที่แม่น้ำอโนมา
    และพบอ.อาฬารดาบสครั้งแรก)

    ☆《ผู้เฒ่าเคล้าธรรม》☆
    ความเดิมตอนที่แล้ว
    เมื่อความจริงทั้งมวลของชีวิตมนุษย์
    นำมาสู่ที่สุดแห่งความทุกข์
    และความสงสัยในจิตใจของเจ้าชายสิทธัตถะ
    จนไม่อาจทานทนได้อีกต่อไป
    จุดเปลี่ยนแห่งโชคชะตา
    ของว่าที่จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ศากยะจึงมาถึง
    เมื่อพระองค์ตัดสินพระทัย
    สละทิ้งซึ่งราชสมบัติ
    และความสุขอันเพียบพร้อมทั้งมวล
    ในราชวังกรุงกบิลพัสดิ์
    รวมถึงพระชายาและพระโอรสที่รักยิ่ง
    หนีออกจากพระราชวังสู่ริมแม่น้ำอโนมา
    พร้อมกับฉันนะสารถีคนสนิท
    และกัณฐกะม้าคู่ใจ
    เพื่อทรงผนวช
    ละซึ่งวรรณะกษัตริย์
    ข้ามสู่เพศบรรพชิต
    และออกค้นหาคำตอบ
    ให้แก่คำถามมากมายที่ติดค้างอยู่ในพระทัย
    และเพื่อแสวงหาหนทางหลุดพ้น
    จากวัฏฏะสงสารให้แก่มวลมนุษย์
    พระองค์จะดำเนินบนเส้นทางที่เลือกนี้
    ต่อไปเช่นไร...
    ★★★★★
    (เจ้าชายสิทธัตถะฝากฉันนะนำห่อสัมภาระมอบให้พระเจ้าสุทโธทนะ)
    สิทธัตถะ:
    ข้ารู้ว่าฝ่าบาทรักข้ามาก
    เจ้าจงไปปลอบเขา
    และบอกว่าข้าจะรีบกลับไป
    เมื่อข้าพบคำตอบแล้ว
    ข้าต้องการจะขจัดความเศร้าให้หมดไป

    ฉันนะ:
    เจ้าชาย!
    การพลัดพรากจะไม่ทำร้ายเขาหรือ?
    แล้วข้าจะปลอบเขายังไง?
    ข้าเองก็ยังหยุดร้องไห้ไม่ได้เลย
    แล้วถ้าพระมเหสีถามว่า:
    ฉันนะ!ทำไมเจ้ากลับมาคนเดียว
    แล้วข้าจะบอกนางยังไง?

    สิทธัตถะ:
    ก็บอกไปว่า:
    การพลัดพรากเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ยังไงล่ะ!
    อย่าโศกเศร้าเลยฉันนะ.
    ข้าต้องใช้ชีวิตแบบนักบวช
    ข้าอยากที่จะประสบกับความโศกเศร้า
    รู้จักกับมันอย่างใกล้ชิด
    ข้าถึงได้ละทิ้งความรื่นเริงของชีวิต
    เจ้าไม่ต้องห่วงข้าหรอกนะ
    กลับไปกบิลพัสดิ์ซะ
    แล้วก็บอกสิ่งที่ข้าบอกกับทุกคนด้วย.

    ฉันนะ:
    เจ้าชาย.ข้าไปกับท่านด้วยไม่ได้หรือ?

    สิทธัตถะ:
    นักบวชไม่มีคนรับใช้หรอกฉันนะ.

    ฉันนะ:
    แต่พวกเขามีลูกศิษย์

    สิทธัตถะ:
    แต่ข้าไม่ใช่กูรู
    เมื่อไหร่ก็ตามที่ข้าเห็นแจ้งแล้ว
    ข้าจะเรียกหาเจ้าแน่
    เจ้ากลับไปซะเถิด
    นี่คือคำสั่งสุดท้าย
    ฉันนะ.ฝากดูแลกัณฑกะแทนข้าด้วยนะ
    ให้หญ้ามันกินทุกวันด้วยล่ะ
    รีบไปเถอะ.
    พวกเจ้าจะต้องเดินทางอีกตั้งไกลเชียวนะ
    เดินทางโดยสวัสดิภาพล่ะ

    เจริญธรรม
    ***เฒ่า-ถ่าน***

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พุทธะ มหาศาสดาโลก
    ตอนที่๓๖-๒(พบพระเจ้าพิมพิสารครั้งแรกหลังตรัสรู้)
    ☆《ผู้เฒ่าเคล้าธรรม》☆
    ★★★★★
    พราหมณ์:
    อาจารย์.ไม่ถูกต้องนะอาจารย์.
    มันไม่ถูกต้อง
    เขาต้องมีอาคมแน่นอน
    เขาแนะนำตัวว่าเป็นพุทธะ.
    ดูอาคมของเขาสิ.
    ทั้งอุรุเวลกัสสปและพี่น้องของเขา
    รวมทั้งศิษย์ของเขา
    เข้าร่วมกับกลุ่มหลอกลวงนี่
    พราหมณ์ราชครู:
    เลวร้าย...เลวร้าย...!
    พราหมณ์:
    เขาไม่เชื่อในพระเวทย์
    ไม่คิดว่าพระคัมภีร์เป็นเรื่องจริงอะ
    เขาไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าด้วย
    พราหมณ์ราชครู:
    พวกนี้มันพวกนอกรีต
    นอกรีตทั้งนั้น
    นี่มันเป็นวันของโลกาวินาศ
    พราหมณ์:
    อาจารย์.เขาบอกให้ชาวเมืองมคธทุกคนจงตื่นขึ้น
    เขาบอกว่าจะทำให้ความทุกข์และความเศร้าลดลง
    และจะพบกับความสงบที่อยู่ภายใน
    เขาพยายามปลุกปัญญาของพวกนั้น
    พราหมณ์ราชครู:
    ข้าจะไม่ให้เขาทำสำเร็จแน่
    เจ้าเมืองมคธต้องฟังคำขอร้องจากเรา
    ข้าจะตัดหัวพุทธะและเสียบประจาน
    ไว้ที่ประตูเมืองมคธ
    (พระเจ้าพิมพิสารเสด็จแล้ว)
    พราหมณ์ราชครู:
    ฝ่าบาท.พายุกำลังพัดเข้ามา
    หาท่านจงได้
    มีคนสั่นคลอนศาสนาเรา
    และรากฐานของสังคมเรา
    พิมพิสาร:
    55555
    เขาเป็นใคร?
    เขานำเสนออะไร?
    พราหมณ์ราชครู:
    เขาคือจอมลวง
    เขาไม่เชื่อในพระเจ้า
    ไม่เชื่อในศาสนา
    เขายั่วยุชาวเมืองมคธ
    และกล่อมให้เป็นลูกศิษย์
    พิมพิสาร:
    อาจเป็นศาสดาของลัทธิใหม่
    มีคนอย่างเขาเกิดขึ้นและหายไป
    แผ่นดินที่ทรงพลัง
    ย่อมขยี้พายุได้อย่างง่ายดาย
    พราหมณ์ราชครู:
    ฝ่าบาท.นี่หาใช่พายุธรรมดา
    เช่นเดียวกับเจ้าเมืองปกครองบ้านเมืองของเขา
    เขาก็ท้าทายแบบนี้
    และนี่มันหมายถึงการขบถนะ
    พิมพิสาร:
    ถ้าเขาพยายามทำเช่นนั้น
    เราจะต้องลงโทษเขาแน่
    เขามีนามว่าอะไร?
    ทหาร:
    กราบทูลฝ่าบาท.
    สหายของท่านมาหาที่วังหลวง
    พร้อมกับศิษย์ของเขาด้วย
    พิมพิสาร:
    หา!สิตธัตถะโคตมะมาหรือ?
    พราหมณ์ราชครู:
    ฝ่าบาท.เวลามีค่าของท่านในการประชุม.
    ★★★★★
    พุทธะ:
    ข้ารักษาสัญญาที่ให้ไว้
    ข้าถึงมาที่นี่เจ้าเมืองมคธ.
    พิมพิสาร:
    ข้ารู้ว่า
    ท่านไม่มีวันจะผิดสัญญา
    แต่ว่าท่านไม่ใช่เพื่อนเก่าข้า
    ท่านเป็นใคร?
    พุทธะ:
    ลูกๆของอุรุเวลกัสสป
    ตั้งชื่อใหม่ให้แก่ข้าว่า:
    "พุทธะ"
    พิมพิสาร:
    วิเศษมาก.
    พุทธะ.พุทธะ.พุทธะ.
    ข้าจะเรียกท่านว่า:พุทธะเช่นกัน
    การเปลี่ยนจากสิทธัตถะเป็นพุทธะ
    ช่างวิเศษยิ่งนัก
    ราศีของท่าน
    ความสงบนิ่งของท่าน
    บุคคลิคที่น่าชื่นชมของท่าน
    บ่งบอกว่าท่าน
    เข้าถึงความจริงอันสูงสุดแล้ว
    แม้แต่พระราชาผู้มีชื่ออย่างข้า
    ก็ยังดูด้อยกว่า
    พุทธะ:
    คำพูดของท่านที่เอ่ยมานี้ผิดแล้วล่ะ!
    ตอนแรก
    ท่านใช้ปัญญามองข้า
    ถึงคิดว่ามีความห่างเกิดขึ้นระหว่างเรา
    แล้วจากนั้น
    ท่านก็ใช้ใจของท่านมองข้า
    จิตสำนึกของท่านน่ะแยกไม่ได้
    มีอะไรต่างกันระหว่างข้ากับท่านหรือ?
    พิมพิสาร:
    ผู้รู้กำลังถามผู้โง่เขลา
    อะไรคือความต่างระหว่างเขากับข้า
    อะไรคือความต่างระหว่างโลกกับสวรรค์
    พุทธะ:
    โลกคือรากฐานของท่าน
    สวรรค์คือชื่อเสียงที่เลื่องลือของท่าน
    สติปัญญาของท่าน
    คือสิ่งที่แบ่งท่านออกเป็น๒ส่วน
    ท่านยึดมั่นในศาสนาหรือจรรยา
    พิมพิสาร:
    ทั้ง๒อย่างแตกต่างกันงั้นหรือ?
    พุทธะ:
    ใช่.
    จรรยานั้นล่อใจท่านเรื่องสวรรค์
    บังคับให้ท่านกลัว
    มันแบ่งแยกท่าน
    แต่ศาสนาไม่ทำแบบนั้น
    พิมพิสาร:
    แล้วศาสนาคืออะไร?
    ความจริงสูงสุดคืออะไร?
    พุทธะ:
    เป็นแค่ประสบการณ์
    รู้จักตัวเอง
    ค้นพบตัวเอง
    ไม่คิด
    ไม่ปรารถนา
    "แค่รู้สึก"
    เดินทางสายกลาง
    ไม่เอาหน้าไหน
    อยู่เหนือความขัดแย้ง
    เมื่อท่านสัมผัสสิ่งเหล่านี้
    ท่านจะไม่คิดแบ่งแยกใครอีกเลย
    เหมือนฤดูใบไม้ร่วง
    ที่ใบไม้แห้งร่วงหล่นจากต้นไม้
    พิมพิสาร:
    แล้วข้าจะได้สัมผัสมันหรือไม่?
    พุทธะ:
    ได้สิ.
    คนเรานั้น
    เปี่ยมด้วยพลังงานที่อยู่ในพระอาทิตย์
    พระจันทร์ ดวงดาว
    และทางช้างเผือก
    ทุกคนล้วนแล้วแต่มีความรู้อันสูงสุด
    พิมพิสาร:
    ท่านจะรับข้าเป็นศิษย์ไหม?
    พุทธะ:
    รับสิ.
    (โอม)
    พิมพิสาร:
    ถ้าอย่างนั้น
    ข้าขอร้องในวันพระจันทร์เต็มดวง
    ท่านกับบรรดาลูกศิษย์
    ข้าขอเชิญให้ไปกินมื้อเที่ยงกับข้าด้วยเถิด.
    เจริญธรรม
    ***เฒ่า-ถ่าน***
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    PSX_20190615_200542.jpg
    (Jun 15) บึ้มเรือน้ำมัน' สะเทือนตลาดพลังงาน : การโจมตีเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำซึ่งประกอบด้วยเรือของญี่ปุ่นและนอร์เวย์ ในอ่าวโอมานใกล้กับช่องแคบฮอร์มุซ เมื่อวันพฤหัสบดี (13 มิ.ย.) ยิ่งตอกย้ำถึง ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะช็อกในตลาดน้ำมันโลก รอบที่ 3

    เว็บไซต์นิกเกอิ เอเชียน รีวิว วิเคราะห์ว่า ภาวะช็อก 2 รอบแรกเกิดขึ้นช่วงทศวรรษที่ 70 ซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันทะยานและสินค้าโภคภัณฑ์บางชนิดขาดตลาด และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อบรรดาผู้นำเข้า

    ปัจจุบัน ความเสี่ยงดังกล่าวสูงขึ้น น้ำมันดิบ จากตะวันออกกลางทำหน้าที่สนับสนุนห่วงโซ่อุปทาน (ซัพพลายเชน) ทั้งหมดของบรรดาผู้ผลิตในเอเชีย หากท่อน้ำเลี้ยงของ "ห้องเครื่องโลก" ถูกตัดขาด ภาวะปั่นป่วนอาจจะลุกลามไปถึงตลาดเงินในตะวันตกจนเกิดวิกฤติไปทั่วโลก

    เครือข่ายการผลิตของเอเชีย ซึ่งมีจีนเป็นศูนย์กลาง กลายเป็นยักษ์ใหญ่ด้านอุตสาหกรรมที่ไม่มีภูมิภาคใดในโลกแทนที่ได้ แต่เครือข่ายนี้ขับเคลื่อนโดยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวทางการเมืองมากที่สุดในโลก

    ความเปราะบางของเครือข่ายอุตสาหกรรมเอเชียมีบทบาทชัดเจนขึ้นเนื่องจากสหรัฐหันมาพึ่งพาตัวเองและปลีกตัวจากโลกมากขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลวอชิงตันได้ปรับลดพันธกรณีเชิงยุทธศาสตร์ของตนที่มีต่อตะวันออกกลางลง

    ในขณะที่การปฏิวัติหินดินดานที่นำมาซึ่งการเจาะชั้นหินด้วยแรงดันน้ำและการขุดเจาะวางท่อใต้ดินในแนวราบโดยไม่เปิดหน้าดิน ทำให้สหรัฐสามารถผลิตน้ำมันและก๊าซภายในประเทศเพิ่มขึ้น และอาจทำให้วอชิงตันมีความทะเยอทะยานน้อยลงที่จะปกป้องเส้นทางเดินเรือระหว่างประเทศและรับประกันเสถียรภาพในตะวันออกกลาง

    ญี่ปุ่นมีแผลเป็นจากภาวะช็อกในตลาดน้ำมัน 2 ครั้งก่อน และมองว่าการสูญเสียอุปทานน้ำมันเป็นความเสี่ยงใหญ่สำหรับเศรษฐกิจของตน และแม้ว่าความเสี่ยงน้ำมัน จะเป็นเรื่องจริง แต่ก็มีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจ ร้ายแรงกว่า

    ในขณะที่เหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ในไทยเมื่อปี 2554 สร้างความปั่นป่วนต่อซัพพลายเชนของผู้ผลิตญี่ปุ่น แต่ความเสี่ยงแฝงซ่อนตัวอยู่ในสภาวะตึงเครียดในปัจจุบัน หากโรงงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประสบปัญหา เช่นไม่มีไฟฟ้าใช้ หรือปิดการผลิต บรรดาผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์และนักการตลาดในเกาหลีใต้หรือญี่ปุ่นก็จะได้รับ ผลกระทบเช่นกัน

    "แม้ว่าเครือข่ายอุตสาหกรรมอันกว้างขวางของเอเชียถูกสร้างขึ้นในศตวรรษนี้ แต่ยังไม่เคยถูกทดสอบภูมิต้านทานจากภาวะช็อกในตลาดน้ำมันครั้งใหญ่" นิกเกอิระบุ

    ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์จากศูนย์ เพื่อการศึกษายุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ (ซีเอสไอเอส) ของสหรัฐ มองว่า การโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันในอ่าวโอมาน สร้างความตื่นตระหนกรอบใหม่เกี่ยวกับความขัดแย้งในตะวันออกกลาง หลังจากเกิดการโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันหลายระลอกเมื่อเดือนที่แล้ว

    "เหตุการณ์ดังกล่าวสามารถทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นในทันที" แอนโธนี คอร์ดสแมน นักวิเคราะห์ของซีเอสไอเอสระบุ

    ทั้งนี้ ราคาน้ำมันโลกทะยานมากถึง 4% ในวันพฤหัสบดีหลังเหตุโจมตีดังกล่าว ขณะที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐโทษว่า เป็นฝีมือของอิหร่าน ส่วนรัฐบาลอิหร่านปฏิเสธและอ้างว่าถูกสหรัฐจัดฉาก

    อย่างไรก็ตาม คอร์ดสแมนคาดว่า เหตุการณ์นี้จะไม่ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นมากมายในปีนี้ เนื่องจากประสบภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจและสงครามการค้าอยู่แล้วแต่แน่นอนว่าความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลางอาจเป็นภัยคุกคามต่อตลาดพลังงาน

    ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับอิหร่านอยู่ในระดับสูงอยู่แล้ว หลังจากรัฐบาลของทรัมป์ถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างประเทศที่ทำกับรัฐบาลเตหะรานเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่อิหร่านขู่หลายครั้งว่าจะขัดขวางการสัญจรในช่องแคบฮอร์มุซ เพื่อตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐที่มีต่อประเทศ

    "อิหร่านสามารถใช้กองกำลังทางเรือ อากาศ หรือขีปนาวุธ เพื่อโจมตีเรือในจุดใด ก็ได้ในอ่าวดังกล่าว หรือใช้หุ่นเชิดจัดการแทน" คอร์ดสแมนชี้ และว่า "อิหร่านยังไม่ได้ เปิดสงครามใหญ่ แต่สามารถทำการโจมตี เป็นพักๆ หรือขนาดย่อมๆ ที่สหรัฐหรือพันธมิตรอาหรับไม่จำเป็นต้องมีปฏิกิริยารุนแรงอะไร แต่ก็สร้างความเสี่ยงในราคาน้ำมันทันที"

    น้ำมันดิบส่วนใหญ่ถูกส่งออกจากซาอุดีอาระเบีย อิหร่าน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) คูเวต และอิรัก ตัดผ่านช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเชื่อมระหว่างอ่าวเปอร์เซียกับอ่าวโอมาน แต่ยูเออีและซาอุดีอาระเบียได้หาทางเลือกอื่น แทนการผ่านช่องแคบนี้ไว้แล้ว

    อย่างไรก็ตาม คอร์ดสแมนมองว่า ทางเลือกในปัจจุบันมีอยู่จำกัด "ทางเลือกเดียวนอกจากใช้เส้นทางนี้ มีเพียงท่อส่งน้ำมันที่พาดผ่านอิรักไปถึงท่าเรือตุรกี"

    ขณะเดียวกัน ซาอุดีอาระเบียก็มีท่อ ส่งน้ำมันขนาดใหญ่กว่าเชื่อมถึงท่าเรือยันบูติด กับทะเลแดง ทางตะวันตกของประเทศ แต่คอร์ดสแมนกล่าวว่า ในกรณีดีที่สุด ปริมาณน้ำมันที่ผ่านท่อส่งนี้อยู่ที่ไม่ถึง 20% ของน้ำมันที่ขนส่งต่อวันผ่านอ่าวฮอร์มุซ

    Source: กรุงเทพธุรกิจ

    เพิ่มเติม
    - Asian oil importers on alert for ripples from tanker attacks : https://asia.nikkei.com/Business/En...ers-on-alert-for-ripples-from-tanker-attacks2
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์เผย"บัตรพลังงาน"มีกัมมันตรังสี 3 ชนิดอันตราย
    หมวดข่าว:ในประเทศวันที่ 14 มิ.ย. 62 เวลา 16:01:44 น.

    Screenshot_20190615-203746.png
    ผู้จัดการศูนย์บริการเทคโนโลยีนิวเคลียร์ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ ยืนยัน บัตรพลังงานมีสารธาตุ 21 ชนิด และกัมมันตรังสี 3 ชนิด ที่อันตรายเตือนประชาชน ไม่มีธาตุใดช่วยรักษาโรคและประหยัดพลังงานตามที่โฆษณาอวดอ้าง

    นายอำไพ สุขบำเพิง ผู้จัดการศูนย์บริการเทคโนโลยีนิวเคลียร์ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ลงชื่อตรวจรับรองแร่ธาตุในบัตรพลังงานเมื่อ ปี 2558 และพบว่า ขณะนี้มีการนำเอกสารมาอ้างอิงเพื่อใช้ในการโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณรักษาโรค โดยยืนยันว่า การตรวจครั้งนั้นเป็นบัตรสีเขียวคนละแบบกับบัตรพลังงานสีแดงที่แพร่หลายขณะนี้ เข้าข่ายมีพฤติกรรมส่อทุจริต หลอกลวง เพราะเอกสารนี้เป็นเพียงตรวจหาสารธาตุ ไม่ได้ยืนยันว่า บัตรสามารถรักษาโรคหรือช่วยประหยัดพลังงานได้

    สำหรับผลตรวจ พบว่า มีสารธาตุถึง 21 ชนิด ในจำนวนนี้ มีสารกัมมันตรังสี 3 ชนิด ในกลุ่มทอเรียม ยูเรเนียม และสทรอนเชียม เป็นสารอันตรายที่ปกติใช้ผลิตนิวเคลียร์ แต่ที่เป็นห่วงมาก คือ กลุ่มทอเรียม จะปล่อยรังสี 3 ชนิด ทั้งเบตา แกมม่าและอัลฟ่า เมื่อเข้าไปในร่างกายไม่สามารถขับออกมาได้ จะทำลายอวัยวะหากได้รับเกินปริมาณ

    สอดคล้องกับ นักวิชาการวิศกรรมนิวเคลียร์ที่ได้ตรวจบัตรนี้เมื่อ 3 ปีก่อน ก็พบว่า มีกัมมันรังสี และไม่มีธาตุใดในบัตรรักษาโรคและประหยัดพลังงานได้ จึงไม่ควรหลงเชื่อ ซึ่งก็มีผู้ร้องเรียนและเป็นข่าวเมื่อหลายปีก่อน

    http://news.ch3thailand.com/local/97296
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บ้านป่าเมืองเถื่อน!! เมื่อเวลา 11.00 วินจยย.ก่อเหตุทะเลาะวิวาทที่ปากซอยอุดมสุข (ถ.สุขุมวิท103) มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจนท.ตร.สน.บางนา กำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

    รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.js100.com/en/site/post_share/view/73607

    Cr. A salonaio chakonkun

    ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น #JS100 ได้ที่ goo.gl/hoc9w8

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Severe Weather Europe

    น้ำแข็งในทะเลขั้วโลกเหนือกำลังประสบกับระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ข้อมูลโดย NSIDC เรื่องย่อ: @ZLabe TW
    FB_IMG_1560607115476.jpg
    Arctic basin sea ice is experiencing the lowest extent on record. Data by NSIDC. Plot: @ZLabe TW

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Severe Weather Europe

    สไปรต์สีแดงที่น่าจับตาถูกพบจากสถานีอวกาศนานาชาติ และถูกระบุในภาพถ่ายโดย Frankie Lucena! สิ่งเหล่านี้ถูกพบในวันที่ 10 พฤษภาคม นอกจากนี้ยังบันทึกถึงการไหลเวียนของอากาศธรรมชาติ โซเดียมสีส้ม และออกซิเจนสีเขียว
    FB_IMG_1560607390218.jpg FB_IMG_1560607392764.jpg
    Spectacular red sprites captured from the International space station and identified in photos by Frankie Lucena! These were captured on May 10th. Also note the orange sodium and green oxygen natural airglow.

     

แชร์หน้านี้

Loading...