ติดตามสถานะการณ์

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jan 26) 'แรงงานนอกระบบ' ท้าทายเศรษฐกิจเอเชีย : บรรดารัฐบาลทั่วเอเชีย กำลังหาทางนำแรงงานนอกระบบหลายล้านคน เข้าสู่การจ้างงานตามกฎหมาย และ สกัดแรงฉุดทางเศรษฐกิจในภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก



บังกลาเทศ อินโดนีเซีย และจีนได้ออก มาตรการต่างๆ ในเดือนนี้ที่อาจช่วยให้เกิด การจ้างงานในระบบสำหรับแรงงานจำนวนมหาศาลที่กำลังดิ้นรนเลี้ยงปากท้องตัวเอง โดยหลายคนทำอาชีพค้าขายเป็นของ ตัวเองหรือแรงงานภาคเกษตร



ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า แรงงาน นอกระบบคิดเป็น 47% ของแรงงานทั้งหมด ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นระหว่าง 60-80% ในกลุ่มประเทศรายได้น้อยกว่า เช่น เมียนมาและลาว



เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลบังกลาเทศได้ลงนามข้อตกลงมูลค่า 250 ล้านดอลลาร์กับธนาคารโลก เพื่อสนับสนุนความพยายามสร้างงานที่มีจำนวนรองรับมาก รายได้ดีกว่า และครอบคลุม



"ข้อตกลงนี้จะช่วยให้แผนนำร่องของรัฐบาลในการสร้างงานคุณภาพที่ใช้แรงงาน เป็นหลัก พร้อมกับวางรากฐานสำหรับเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่นขึ้น และการคุ้มครอง ทางสังคมที่แข็งแกร่งขึ้น" โมโนวาร์ อาห์เหม็ด จากกรมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ (อีอาร์ดี) ของบังกลาเทศกล่าว



แม้ธนาคารโลกคาดว่าจะมีการขยายตัว 7.1% ในเอเชียใต้ และ 6% ในเอเชียตะวันออก และแปซิฟิกในปีนี้ หรือเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า จากค่าเฉลี่ยทั่วโลก แต่ก็มีแนวโน้มที่ตลาดแรงงานนอกระบบของภูมิภาคจะฉุดประเทศเหล่านี้ถอยหลัง ในช่วงที่กำลัง หาทางลดผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน และค่าเงินที่อ่อนค่าลง



ในขณะที่เศรษฐกิจเติบโตและเปลี่ยนแปลง ตามยุคสมัย แรงงานนอกระบบก็มีแนวโน้ม ที่จะลดลง เนื่องจากมีการสร้างงานใน ภาคการผลิต ข้าราชการ และบริการมากขึ้น ทำให้บรรดาธุรกิจขนาดเล็กเข้าถึงสินเชื่อ ได้ง่ายขึ้น และเป็นแรงจูงใจให้เกิดการจ้างงาน ในระบบ



เมื่อต้นเดือนนี้ ธนาคารกลางอินโดนีเซียย้ำข้อเรียกร้องให้บรรดาสถาบันการเงิน เชิงพาณิชย์ กันสินเชื่อ 20% ของสินเชื่อที่มีอยู่ ไว้สำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี)



"วัตถุประสงค์คือการสนับสนุนพวกเขาให้ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและอาจรวมถึงช่วยพวกเขาขยายธุรกิจด้วย" สิวาจี ธรรมา นครา นักวิเคราะห์เศรษฐกิจชาวอินโดนีเซียจากสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ศึกษายูโซฟ อิชัคในสิงคโปร์กล่าว และว่า "ในท้ายที่สุด สิ่งนี้จะช่วยให้บรรดาเอสเอ็มอี สามารถรักษาลูกจ้างเดิมของตน หรือ จ้างงานเพิ่มได้"



จายันต์ เมนอน นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) กล่าวว่า เหล่าเอสเอ็มอีที่ไม่จดทะเบียนหรืออยู่นอกระบบไม่จำเป็นต้องทำตามกฎเกณฑ์ด้านแรงงานหรือด้านอื่นๆ แต่พวกเขาก็จะไม่มีสิทธิรับประโยชน์จากโครงการสนับสนุนหรือการช่วยเหลือทางการเงินของรัฐบาล หรือแม้กระทั่งของเอกชน



ในเดือนนี้จีนได้ประกาศมาตรการที่ "สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส" (เอสแอนด์พี) มองว่าจะช่วยเสริมสภาพคล่องในระบบธนาคารของประเทศได้กว่า 3 ล้านล้านหยวน



"ความเคลื่อนไหวนี้อาจส่งเสริมให้ธนาคารต่างๆ เพิ่มการปล่อยสินเชื่อแก่ ภาคอุตสาหกรรมที่ประสบปัญหา เช่น บริษัท เอกชนหรือบริษัทขนาดเล็ก" เอสแอนด์พีเสริม



ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา มีชาวเอเชียหลายร้อยล้านคนย้ายจากชนบทไปอาศัยอยู่ในเมือง ซึ่งช่วยลดจำนวนแรงงานนอกระบบลง แต่ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมเมือง ขึ้นอยู่กับกฎหมายท้องถิ่นแต่ละแห่ง



"มีนโยบายมากมายที่ครอบคลุมถึงนโยบายทางเศรษฐกิจและรายภาคอุตสาหกรรม ซึ่งช่วยกระตุ้นจำนวนแรงงานในระบบ" แซนดรา หยู จากองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) กล่าวโดยอ้างถึง มาตรการอำนวยความสะดวกการจดทะเบียนธุรกิจและการคุ้มครองแรงงาน



เมนอน เสริมว่า ขนาดและความกว้างของ ภาคแรงงานนอกระบบอาจเป็นสัญญาณ บ่งชี้ถึงความผันผวนได้ เช่น ระบบกำกับดูแล ที่มีความเข้มงวดสูง



"นอกเหนือจากการเติบโตและการพัฒนาแล้ว จะต้องจัดการปัจจัยเหล่านี้ ไปควบคู่กัน เพื่อลดระดับการจ้างงาน นอกระบบในเศรษฐกิจ"



มูฮัมหมัด ชาติบ บาสรี อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลังอินโดนีเซียซึ่งปัจจุบันสอนวิชาเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยอินโดนีเซีย กล่าวว่า ระเบียบราชการที่เข้มงวดในประเทศ ทำให้บริษัทต่างๆ หันไปจ้างแรงงานนอกระบบ ซึ่งมักเป็นสตรีและเด็กที่ไม่มีทักษะ



"กฎหมายที่เข้มงวด ระบบชดเชยการเลิกจ้างที่ค่อนข้างมีต้นทุนสูง และการลดค่าตอบแทนของแรงาน ส่งผลให้บรรดานักลงทุนหลีกเลี่ยงภาคอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานขับเคลื่อนเป็นหลัก และหันไปโฟกัส ที่ภาคทรัพยากรมนุษย์และทุนแทน" ชาติบระบุ ในรายงานล่าสุดที่เผยแพร่โดยสถาบัน ยูโซฟ อิชัค



อย่างไรก็ดี สำหรับธุรกิจหลายล้านรายซึ่งมักเป็นธุรกิจครอบครัวหรือแผงขนาดเล็กยังคงต้องพึ่งพาเศรษฐกิจนอกระบบในการเลี้ยงชีพ ตัวอย่างเช่น อับดุล ฮิดายัต พ่อค้าชาวอินโดนีเซียซึ่งจำหน่ายชา กาแฟ และ ยาสระผมแบบแบ่งห่อเล็กๆ ผ่านแผงร้านค้าที่ตั้งอยู่ริมถนนอันจอแจของกรุงจาการ์ตา และยังทำอาชีพอื่นเสริมไปด้วย



"มันเหมือนกับงานพาร์ทไทม์ บางครั้งผมต้องขับจักรยานยนต์รับจ้าง และให้ภรรยาผมดูแลแผงขายของแทน" ฮิดายัตเผย


Source: กรุงเทพธุรกิจ


- Asian countries seek to pull millions out of informal economy: https://asia.nikkei.com/Economy/Asian-countries-seek-to-pull-millions-out-of-informal-economy

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jan 26) ทรัมป์ ลงนามร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวยุติภาวะชัตดาวน์: ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ลงนามร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานของรัฐบาลกลับมาเปิดดำเนินงานอีกครั้ง และมีงบประมาณในการบริหารงานจนถึงวันที่ 15 ก.พ.


ก่อนหน้านี้ วุฒิสภาได้ลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว จากนั้นสภาผู้แทนราษฎรก็ได้ลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวเช่นกัน


การลงนามขั้นสุดท้ายของปธน.ทรัมป์ ส่งผลให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐกลับมาเปิดทำการในวันนี้ และเป็นการยุติภาวะชัตดาวน์ 35 วัน ซึ่งยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์


อย่างไรก็ดี ร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าวไม่รวมงบประมาณในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก และในช่วงเวลา 3 สัปดาห์หลังจากนี้ แกนนำของพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันจะจัดตั้งคณะกรรมการร่วมขึ้นมาเพื่อจัดทำร่างกฎหมายจัดสรรงบประมาณสำหรับความมั่นคงมาตุภูมิ ซึ่งปธน.ทรัมป์หวังว่าจะมีการบรรจุงบประมาณ 5.7 พันล้านดอลลาร์เพื่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกตามข้อเรียกร้องของเขา


ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์พูดอย่างชัดเจนว่า ถ้าหากการเจรจาระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันประสบความล้มเหลว รัฐบาลก็จะปล่อยให้เกิดภาวะชัตดาวน์อีกครั้งในวันที่ 15 ก.พ. หรือปธน.ทรัมป์อาจใช้อำนาจประธานาธิบดีประกาศภาวะฉุกเฉิน และออกกฎหมายอนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก โดยไม่ต้องผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส


Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข


https://www.bloomberg.com/news/arti...p-to-reopen-federal-government-through-feb-15

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jan 26) มหา'ลัยสหรัฐแห่ถอดปลั๊กรื้อทิ้ง'หัวเว่ย' - มหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐเร่งปรับตัวรับกฎหมาย NDAA หวั่นถูกตัดงบ ขณะอังกฤษร่วมวงด้วย



รอยเตอร์สรายงานว่า บรรดามหา วิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งในสหรัฐเริ่ม ถอดอุปกรณ์สื่อสารของบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยีส์ รวมถึงบริษัทอื่นๆ ของจีนออกจากการใช้งานในมหาวิทยาลัยกันแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตัดงบประมาณอุดหนุนจากรัฐบาล ภายหลังมีการใช้กฎหมายใหม่ที่ครอบคลุมทั่วหน่วยงานรัฐและเข้มงวดมากขึ้น



มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ได้ถอดการติดตั้งระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ของหัวเว่ยออกไป ส่วนที่วิทยาเขตเออร์วินได้เปลี่ยนอุปกรณ์ระบบภาพและเสียงออกเช่นกัน และที่วิทยาเขตซานดิเอโก ประกาศจะไม่รับทุนสนับสนุนจากหัวเว่ย ซีทีอี คอร์ปอเรชั่น และบริษัทสื่อสารอื่นๆ จากจีน เป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน และจะมีการทบทวนอีกครั้งในเดือน ก.พ.นี้



ทั้งนี้ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในกฎหมายความมั่นคง NDAA เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ห้ามทุกหน่วยงานที่ได้รับงบประมาณของรัฐใช้อุปกรณ์เครือข่ายสื่อสารที่ผลิตโดยหัวเว่ยและซีทีอี รวมถึงบริษัทจีนรายอื่นๆ ในแบล็กลิสต์ อาทิ ฮิกวิชัน ไฮเทรา และต้าหัว เทคโนโลยี โดยให้เวลามหาวิทยาลัยทยอยปรับตัวจนถึงเดือน ส.ค. 2020



ในวันเดียวกัน เดอะ ปรินซ์ ทรัสต์ ซึ่ง เป็นมูลนิธิที่ก่อตั้งโดยเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารอังกฤษ ประกาศไม่รับเงินสนับสนุนจากบริษัท หัวเว่ย อีก เนื่องจากมีความกังวลในหมู่สาธารณชน และก่อนหน้านี้มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ก็ประกาศไม่รับทุนสนับสนุนจากหัวเว่ยเช่นกัน


Source: Posttoday


- US universities unplug from China's Huawei under pressure from Trump

t https://www.channelnewsasia.com/new...a-s-huawei-under-pressure-from-trump-11161426

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jan 26) อาลีบาบา เอฟเฟ็กต์ 'บิ๊กดาต้า' ทรงพลังเพิ่ม 'อำนาจจีน': 18 ธันวาคมที่ผ่านมา รัฐบาล ปักกิ่งได้กล่าวในวัน ครบรอบ 40 ปี แห่ง การปฏิรูปเศรษฐกิจของจีน และยกย่อง "แจ็ก หม่า" ผู้ก่อตั้งและประธาน อาลีบาบากรุ๊ป โฮลดิ้ง ยักษ์ใหญ่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซของจีนว่า เสมือนเป็น "ผู้ริเริ่มเศรษฐกิจดิจิทัล" มาสู่ประเทศจีนในยุคที่พฤติกรรมของคนจีนเปลี่ยนไป อีคอมเมิร์ซได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต โดยปี 2018 ที่ผ่านมาการชำระเงิน ทุกประเภทผ่านสมาร์ทโฟนในจีนสูงถึง 23.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ "อาลีบาบา" เข้ามามีบทบาทสำคัญมากที่สุดในสังคมจีน



"นิกเกอิ เอเชียน รีวิว" ระบุว่า ปัจจุบันอาลีบาบามีข้อมูลผู้บริโภค ชาวจีนอยู่ในมือมากถึง 600 ล้านคน ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ประวัติการช็อปปิ้งสินค้าออนไลน์ การบริการทางการเงินต่าง ๆ ไปจนถึงภูมิหลังด้านการศึกษา สินทรัพย์ที่ครอบครอง ประวัติการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และประวัติการใช้ยา



การแทรกซึมของอาลีบาบาในชีวิตประจำวันของชาวจีน เรียกว่าเป็นปรากฏการณ์ "อาลีบาบา เอฟเฟ็กต์"เนื่องจากผู้บริโภคชาวจีนต้องสูญเสียข้อมูลส่วนตัวมหาศาล เพื่อแลกกับการได้มาซึ่งความสะดวกสบาย หรือการ ทำธุรกรรมทางการเงินบางอย่าง แม้แต่การเข้ารับการบริการด้านสุขภาพที่ง่ายขึ้น นอกจากนี้รัฐบาลปักกิ่งยังสามารถ เข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ ซึ่งรวมถึงประวัติการซื้อสินค้าและบริการ ความสนใจส่วนของผู้ใช้บริการ และข้อมูลการยืนยันตัวตนทางชีวภาพ (biometrics) เช่น ลายนิ้วมือ เสียง ม่านตา เป็นต้น



โดยจีนมีการนำข้อมูลไบโอเมตริกซ์ มาใช้ยืนยันตัวตนในหลาย ๆ เมือง ทั่วประเทศ อย่างกรณีร้านไก่ทอดเคเอฟซี ในเมืองหางโจว เด็ก ๆ ก็สามารถใช้วิธีการจ่ายค่าอาหารด้วยระบบเทคโนโลยีจดจำใบหน้า กับอุปกรณ์อัตโนมัติที่อยู่ภายในร้าน แทนการจ่ายเป็นเงินสด



การสร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของ อาลีบาบายังพัฒนาไปถึงระบบ "sesame credit" เสมือนเป็นระบบ "คะแนนเครดิต" โดยหากผู้ใช้มีคะแนนมากขึ้น เท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้เข้าถึงสิทธิพิเศษต่าง ๆ มากขึ้นเท่านั้น ตัวอย่างเช่น หากเป็นเจ้าของรถยนต์ หรือมีประวัติการใช้จ่าย และชำระหนี้บัตรเครดิตที่ดี ก็ถือว่ามีคะแนนเครดิตที่ดี ลูกค้าที่ได้คะแนนมากเท่าไหร่ก็จะได้รับการดูแลที่ดีขึ้นในรูปแบบต่าง ๆ นอกจากนี้คะแนนเครดิตดังกล่าวยังสามารถถูกตรวจสอบ ได้โดยนายจ้าง เพื่อเช็กประวัติเพื่อการ จ้างงาน หรือแม้แต่การตรวจสอบประวัติของคู่รักที่กำลังมองอนาคตในการแต่งงาน เป็นต้น



แม้ว่าบริการต่าง ๆ ของอาลีบาบาจะเข้ามามีอิทธิพลหรือควบคุมชีวิตคนจีนมากขึ้น แต่ก็มีชาวจีนก็ยังพึ่งพาระบบและบริการของอาลีบาบามากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตตัวอย่างเช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต "เหอหม่า" (Hema) ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกแนวใหม่ของอาลีบาบา ที่ผสมผสานร้านค้าปลีกออฟไลน์กับระบบออนไลน์เข้าด้วยกัน โดยเหอหม่ามีจุดแข็งในเรื่องการ จัดส่งสินค้าอาหารสดและผลไม้ให้ถึงมือลูกค้าภายใน 30 นาที สำหรับ ผู้ที่อยู่ในรัศมี 3 กิโลเมตร นอกจากนี้เหอหม่ายังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอสังหาริมทรัพย์ใกล้เคียงด้วย อย่างกรณีคอนโดมิเนียมที่อยู่ในรัศมีบริการของอาลีบาบา มูลค่าเพิ่มขึ้น 10% เพราะถือว่าทำเลที่ตั้งดี สะดวกสบาย



รายงานระบุว่า การเติบโตของอาลีบาบา อย่างก้าวกระโดดได้สร้างความกังวลต่อนานาประเทศ โดยเฉพาะกับคู่กรณีอย่างสหรัฐอเมริกา ซึ่งมูลค่าทางการตลาดของอาลีบาบาแตะ 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรก ใช้เวลาเพียง 3 ปีครึ่ง หลังจากที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เทียบกับ "อเมซอน" ยักษ์อีคอมเมิร์ซของอเมริกา ที่ต้องใช้เวลานานถึง 20 ปี



นอกจากนี้นานาชาติยังกังวลในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลจีนกับ อาลีบาบา โดยเมื่อเดือน มิ.ย. 2018 ธนาคารกลางของจีนได้จัดตั้ง "Nets Union Clearing Corp." แพลตฟอร์มระบบเคลียริ่งสำหรับการชำระเงินออนไลน์ โดยที่ทั้งอาลีบาบาและ "เทนเซนต์" ได้เชื่อมต่อระบบชำระเงินออนไลน์กับแพลตฟอร์มเคลียริ่งดังกล่าว นั่นหมายถึงธนาคารกลางจีนจะสามารถติดตามและเห็นการเข้าออกของเงินได้แบบเรียลไทม์



นักวิเคราะห์อาวุโสของ "ดิ การ์เดียน"กล่าวว่า ในยุคดิจิทัลที่การแข่งขันสร้างความได้เปรียบกันที่ "big data" เป็นหนึ่งเหตุผลใหญ่ที่ทำให้ทั่วโลกกลัวอาลีบาบา มากขึ้น ขณะที่จีน เป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก ดังนั้นการที่อาลีบาบาสามารถเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าได้มากกว่าครึ่งประเทศ การแผ่อิทธิพลไปยังฐานลูกค้าในต่างประเทศก็คงไม่ยากนัก ทั้งยังมองว่าการขยับตัวของอาลีบาบาก็เปรียบเสมือนการรุกคืบทางอำนาจเศรษฐกิจโลกของรัฐบาลจีนด้วยเช่นกัน


Source: ประชาชาติธุรกิจ


-The Alibaba effect: Chinese e-tailer tightens grip over 600m lives

https://asia.nikkei.com/Business/Co...hinese-e-tailer-tightens-grip-over-600m-lives

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jan 26) สหรัฐจ่อมหาอำนาจน้ำมัน- นักวิเคราะห์คาดอุตสาหกรรมเชลออยล์เฟื่องฟู ดันสหรัฐใกล้ขึ้นแท่นมหาอำนาจพลังงานโลกแซงเบอร์ 2 และเบอร์ 3 รวมกัน



บริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานไรสตัด เปิดเผยว่า สหรัฐกำลังอยู่ระหว่างการขึ้นเป็นมหาอำนาจพลังงานโลก โดยคาดว่าจะมีกำลังการผลิตน้ำมันมากกว่ารัสเซียและซาอุดิอาระเบียรวมกัน ภายในปี 2025 นี้ โดยภายใน 6 ปีข้างหน้า กำลังการผลิตน้ำมันของสหรัฐจะทะลุ 24 ล้านบาร์เรล/วัน โดยเป็นการประเมินบนฐานราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส ที่เฉลี่ยอยู่ที่ 58 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล



รายงานระบุว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมน้ำมันในสหรัฐได้รับการขับเคลื่อนหลักมาจากกลุ่มน้ำมันจากชั้นหินดินดาน หรือเชลออยล์ ตามแหล่งเปอร์เมียน และบางพื้นที่ในรัฐเทกซัสกับนิวเม็กซิโก



"การเติบโตของสหรัฐอาจชะลอตัวลงมา หากราคาน้ำมันลดลงต่ำกว่าฐานที่เราใช้ประเมินไประยะหนึ่ง แต่ตราบใดที่ราคาน้ำมันยังอยู่เหนือระดับ 50 ดอลลาร์ ก็ยังมีแนวโน้มที่จะผลิตได้ตามที่คาดการณ์เอาไว้" อาร์เทม อบรามอฟ นักวิเคราะห์ของไรสตัด กล่าว



ทั้งนี้ สหรัฐได้แซงรัสเซียและซาอุดิอาระเบียขึ้นเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันเบอร์ 1 ของโลก มาตั้งแต่ปี 2018 ที่ผ่านมาแล้ว จากการกลับมาฟื้นตัวของอุตสาหกรรมเชลออยล์ ซึ่งสำนักงานข้อมูลพลังงานสหรัฐ (อีไอเอ) คาดการณ์ว่ากำลังการผลิตน้ำมันของสหรัฐในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 12 ล้านบาร์เรล/วัน



ล่าสุด อีไอเอ ระบุว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในสหรัฐ จะทำให้สหรัฐกลายเป็นประเทศผู้ส่งออกพลังงานสุทธิ ในปี 2020 ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 70 ปีของสหรัฐ



ในรายงานแนวโน้มพลังงานประจำปีของอีไอเอ ระบุว่า สหรัฐจะเริ่มส่งออกพลังงานมากกว่าที่นำเข้ามา ท่ามกลางการผลิตน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น และการบริโภคน้ำมันในประเทศที่จะทยอยปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นการขยับเข้าสู่ประเทศส่งออกพลังงานสุทธิเร็วขึ้นกว่าเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ปีที่แล้วว่า จะทำได้ภายในปี 2022 นอกจากนี้ อีไอเอคาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐจะยังคงเพิ่มขึ้นทุบสถิติใหม่ทุกปีไปจนอย่างน้อยอีกเกือบ 10 ปี หรือจนถึงปี 2027



ทั้งนี้ ราคาน้ำมันโลกในปัจจุบันได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 เนื่องจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองในประเทศเวเนซุเอลา ซึ่งมีความเสี่ยงที่รัฐบาลประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร จะถูกคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันเพื่อบีบให้ลงจากตำแหน่ง และจะกระทบต่อสมดุลน้ำมันในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ (โอเปก) ตามมา โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ขยับขึ้น 53 เซนต์ อยู่ที่ 53.66 ดอลลาร์/บาร์เรล และน้ำมันดิบเบรนต์ ขยับขึ้น 53 เซนต์ อยู่ที่ 61.62 ดอลลาร์/บาร์เรล


Source: Posttoday


https://www.rigzone.com/news/us_oil...di_arabia_by_2025-25-jan-2019-158007-article/

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jan 26) สหภาพยุโรปกำลังพิจารณาจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ มูลค่ารวมกว่า 20 พันล้านยูโร : นาย Jean-Luc Demarty - Director General ด้านการค้าของคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวว่า สหภาพยุโรปยังคงเผชิญกับการข่มขู่ด้านการค้าจากรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งสหภาพยุโรปควรจะดำรงไว้ซึ่งท่าทีที่สงบนิ่งต่อการข่มขู่ดังกล่าว แต่หากรัฐบาลสหรัฐฯ นำมาตรการจัดเก็บภาษีรถยนต์นำเข้าจากสหภาพยุโรปมาบังคับใช้เมื่อใด สหภาพยุโรปก็พร้อมจะตอบโต้ต่อการกะทำดังกล่าวในทันทีเช่นกัน โดยคณะกรรมาธิการยุโรปได้ร่างรายการสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ มูลค่ารวมกว่า 20 พันล้านยูโรไว้เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปร่วมกันปฏิเสธแนวทางการจัดเก็บภาษีหรือการจำกัดปริมาณการนำเข้ารถยนต์รวมถึงชิ้นส่วนต่างๆ จากสหภาพยุโรปของรัฐบาลสหรัฐฯ


ก่อนหน้านี้คณะกรรมาธิการยุโรปได้เปิดเผยร่างข้อตกลงการค้าเสรีกับสหรัฐฯ โดยจะมีการปรับลดภาษีในสินค้าหลากหลายรายการซึ่งรวมถึงรถยนต์เพื่อลดความตึงเครียดในประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างทั้งสองฝ่าย โดยหากสหรัฐฯ ดำเนินการจัดเก็บภาษีรถยนต์นำเข้าจากสหภาพยุโรปที่ร้อยละ 25 จะส่งผลให้ความตึงเครียดในประเด็นดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากมูลค่ารถยนต์ที่ส่งออกจากสหภาพยุโรปไปยังสหรัฐฯ มีมูลค่ารวมมากกว่า 10 เท่าของสินค้าเหล็กและอลูมิเนียมจากยุโรปซึ่งถูกรัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาตรการจัดเก็บภาษีเพิ่มเติมไปแล้วก่อนหน้านี้


Source: BOTSS


- EU Threatens to Hit U.S. With $23 Billion in Tariffs If Trump Taxes Cars: http://fortune.com/2019/01/23/eu-trump-tariffs-cars/

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jan 27) ธปท.คุมธุรกิจจำนำทะเบียนรถ ทุนขั้นต่ำ 50 ล้าน-ดอกเบี้ยไม่เกิน 28% : แบงก์ชาติคลอดเกณฑ์กำกับธุรกิจ “จำนำทะเบียนรถ” คาดมีผลสิ้น ม.ค.นี้ ผู้ประกอบการเดิมยื่นขอไลเซนส์ภายใน 60 วัน บังคับต้องมีทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 50 ล้านบาท ทั้งคุมดอกเบี้ยไม่เกิน 28% ห้ามคิดค่าธรรมเนียมกรณีชำระคืนก่อนกำหนด “ซัมมิท แคปปิตอลฯ” เอาแน่ ! รุกจำนำทะเบียนมอเตอร์ไซค์ปีนี้


นางวจีทิพย์ พงษ์เพ็ชร ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในการประชุมชี้แจง เรื่อง การกำกับดูแลสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน (จำนำทะเบียน) เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคว่า เกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อจำนำทะเบียน คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ปลาย ม.ค.นี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยเมื่อมีผลบังคับใช้ ผู้ประกอบธุรกิจเดิมจะต้องเข้ามาขอใบอนุญาตภายใน 60 วัน โดยทาง ธปท.และกระทรวงการคลังจะพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน ซึ่งจะเป็นใบอนุญาตภายใต้สินเชื่อส่วนบุคคล สามารถให้บริการได้ระดับประเทศ โดยต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท โดยมีการกำหนดให้คิดดอกเบี้ยไม่เกิน 28% ไม่รวมค่าติดตามทวงถามหนี้ ค่าอากรแสตมป์ ค่าใช้จ่ายกรณีเช็คคืน และห้ามคิดค่าธรรมเนียมการชำระคืนก่อนกำหนด รวมทั้งกรณีลูกค้าไถ่ถอนสินเชื่อก่อนกำหนดทั้งจำนวนหรือบางส่วน และห้ามคิดเบี้ยปรับบนดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียม ทั้งนี้ไม่ได้มีการกำหนดวงเงินสินเชื่อต่อราย แต่ต้องสอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของผู้บริโภค โดยคาดว่าจะมีผู้ประกอบธุรกิจมายื่นขอจดทะเบียนหลักร้อยราย โดยปัจจุบันสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ มียอดคงค้างอยู่ที่ 300,000 ล้านบาท


นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังต้องดำเนินธุรกิจตาม market conduct ทั้งการเปิดเผยข้อมูลให้ลูกค้ารับรู้อย่างโปร่งใส หรือแจ้งเตือนล่วงหน้าก่อนครบกำหนดชำระหนี้ หากไม่ทำตามเกณฑ์ดังกล่าวอาจมีโทษทั้งเปรียบเทียบปรับ กล่าวโทษ หรือจำกัดธุรกิจ


“สินเชื่อจำนำทะเบียนถือเป็นธุรกิจหัวใจสำคัญที่ทำให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อได้ โดยเฉพาะประชาชนฐานราก ถ้ามีการกำหนดกติกาที่ชัดเจนในการคุ้มครองผู้บริโภคทำให้ผู้ประกอบการ


ทำธุรกิจได้อย่างยั่งยืน” นางวจีทิพย์กล่าว


ด้านนายวิชิต พยุหนาวีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด กล่าวว่า ปี 2562 บริษัทมีแผนจะดำเนินการธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ ซึ่งขณะนี้


ยังอยู่ระหว่างรอประกาศเกณฑ์การกำกับดูแลออกมาก่อน ทั้งนี้ บริษัทมีกลุ่มเป้าหมาย ทั้งลูกค้าเดิมและกลุ่มลูกค้าใหม่ที่เป็นผู้ไม่มีรายได้ประจำ ที่มีอยู่จำนวนมากทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร วินมอเตอร์ไซค์


Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

https://www.prachachat.net/finance/news-282821

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jan 27) เปิดเงินเดือนนายแบงก์ '10 ปีวิกฤติการเงิน' : 10 ปีหลังจาก สถาบันการเงินในวอลล์สตรีทย่ามใจ จนนำไปสู่วิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ถึงวันนี้ ค่าตอบแทนซีอีโอแบงก์ใหญ่ยังพุ่งขึ้น ทั้งๆ ที่ เงินเดือนพนักงานระดับล่างแทบไม่เพิ่มเลย



ตัวเลขค่าตอบแทนผู้บริหารธนาคารใหญ่ ที่เผยออกมานับจนถึงขณะนี้ ชี้ให้เห็นว่า นี่คือช่วงเวลาทองของเหล่าซีอีโอ แม้ตลาด มีเรื่องให้ชวนกังวลมากมาย ทั้งเศรษฐกิจโลก ชะลอตัว สงครามการค้า และความไม่แน่นอน จากการที่สหราชอาณาจักรออกจากสหภาพ ยุโรป (เบร็กซิท)



ปี 2561 เงินตอบแทนเจมี ดีมอน ประธาน คณะเจ้าหน้าที่บริหารเจพี มอร์แกน เชส ธนาคารใหญ่สุดของสหรัฐวัดจากสินทรัพย์ ทะลุ 31 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5.1% จากปี 2560 เป็นค่าตอบแทนก้อนโตสุดนับตั้งแต่ วิกฤติการเงินปี 2551



ส่วนเจมส์ กอร์แมน ซีอีโอ มอร์แกน- สแตนลีย์ รับเงิน 29 ล้านดอลลาร์ไปนอนกอด ที่บ้าน เพิ่มขึ้น 7% และภายในไม่กี่วันนี้ แบงก์ออฟอเมริกา, โกลด์แมนแซคส์, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ฟาร์โกจะส่งรายงานของตนเอง ถือเป็นรายงานกลุ่มสุดท้ายของปี 2561



ปีที่ผ่านมา 6 ธนาคารใหญ่สหรัฐ รายงานกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 1.17 แสนล้านดอลลาร์ เจพีมอร์แกน ทำรายได้รายปีสูงสุดทุบสถิติ 3.25 หมื่นล้าน ดอลลาร์ เช่นเดียวกับมอร์แกนสแตนลีย์ ที่ทำสถิติ 8.2 พันล้านดอลลาร์ ส่วนพนักงานธรรมดาได้รับเงินเดือน แตกต่างกันไปตามภาระรับผิดชอบ ซึ่งไม่ได้ขึ้นเงินเดือนมากมายเหมือนกับ ซีอีโอ



พนักงานเจพีมอร์แกน 256,000 คน ได้รับการขึ้นเงินเดือนเฉลี่ย 4.4% ขณะที่ ค่าตอบแทนพนักงานมอร์แกน สแตนลีย์ 60,300 คนลดลง 2%



ด้านโกลด์แมนแซคส์ ที่กำลังถูก รัฐบาลสอบสวนหลายเรื่องฐานพัวพัน กองทุนฉาว "วันเอ็มดีบี" จากมาเลเซีย เงินเดือนพนักงานที่นี่ลดลง 3% แบงก์ออฟ อเมริกาขึ้นเงินเดือนพนักงาน 2.2% ซิตี้กรุ๊ปและเวลส์ฟาร์โก เพิ่มเงินเดือน พนักงานที่ละ 4.1% แต่ในภาพรวม ส่วนต่างเงินเดือนระหว่างซีอีโอกับพนักงาน ระดับปฏิบัติยังคงมหาศาล



ที่เจพีมอร์แกน เงินเดือนไดมอน สูงกว่าเงินเดือนเฉลี่ยพนักงานกว่า 364 เท่า เงินเดือนของกอร์แมนจากมอร์แกน สแตนลีย์ มากกว่าพนักงานเฉลี่ยราว 192 เท่า



ตัวเลขในสถาบันการเงินอื่นๆ ยิ่งสูง ไปกว่านี้ เช่น วาณิชธนกิจรายใหญ่อย่าง แบล็กสโตน จ่ายค่าตอบแทนให้ซีอีโอ สตีเฟน ชวาร์ซแมน 786 ล้านดอลลาร์ เมื่อปี 2560 มากสุดเป็นอันดับ 3 ของวอลล์สตรีท รองจาก แดเนียล ออค จาก ออค-ซิฟฟ์ แคปิตัล ที่ได้รับเงิน 1.2 พันล้าน ดอลลาร์เมื่อปี 2561 และ 918.9 ล้านดอลลาร์ ในปี 2560



ธารินดรา รานาสิงเห ผู้ช่วยศาสตราจารย์ จากวิทยาลัยบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัย แมริแลนด์ กล่าวว่า การที่ผู้บริหารสถาบัน การเงิน ได้เงินเดือนสูงขนาดนี้แต่สังคม กลับเงียบกริบ ก็เพราะว่าเศรษฐกิจ ในภาพรวมปรับตัวดีขึ้น ช่วยหนุนให้ ตลาดแรงงานแข็งแกร่ง



"ดูเหมือนว่านักลงทุนรายย่อย ไม่ค่อยขุ่นใจเท่าไหร่นัก เหมือนพวกเขา กำลังตื่นเต้นที่เศรษฐกิจกำลังไปได้ดี" เป็นไปได้ว่าการที่แบงก์ใหญ่เพิ่ม กฎใหม่ให้เรียกคืนหรือเรียกเงินชดเชย ในกรณีที่ผลงานการบริหารย่ำแย่ได้ น่าจะช่วยลดทอนเสียงวิจารณ์ลงได้บ้าง อีกปัจจัยหนึ่งคือการที่ธนาคารมีกำไรเพิ่ม อย่างน้อยส่วนหนึ่งก็เป็นผลจากธุรกิจแบบ เดิมๆ เช่น สินเชื่อผู้บริโภค หรือปล่อยกู้ สำหรับการควบรวมกิจการหรือทำไอพีโอ



เกรกอรี โวโลไคน์ จากมีชาร์ต ไฟแนนเชียล เซอร์วิส อธิบายว่า ธุรกิจ เหล่านั้นไม่ใช่การเก็งกำไรที่อาจขัดแย้งกับ ผลประโยชน์ของชาวอเมริกัน จึงไม่ค่อย มีใครสนใจว่าซีอีโอแบงก์ใหญ่จะได้ ค่าเหนื่อยมากขนาดไหน


Source: กรุงเทพธุรกิจ


- 10 years after financial crisis, US bank CEO pay soars again

https://www.straitstimes.com/busine...-financial-crisis-us-bank-ceo-pay-soars-again

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jan 27) 'เวเนซุเอลา' ขับทูตสหรัฐน้ำมันจ่อป่วน : ตลาดน้ำมันดิบโลก ส่งสัญญาณผันผวนหนักรอบใหม่ หลังสหรัฐเตรียมคว่ำบาตรส่งออกน้ำมันเวเนซุเอลา หวังตัดท่อน้ำเลี้ยง เหตุประธานาธิบดีมารูโด ตัดสัมพันธ์สหรัฐ สั่งขับทูตอเมริกันออกจากประเทศ ภายใน 72 ชั่วโมง พร้อมปิดสถานทูต สถานกงสุล ในสหรัฐทั้งหมด



เจ้าหน้าที่สหรัฐ เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐเตรียมดำเนินการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า รายได้จากการขายน้ำมันของเวเนซุเอลาจะตกเป็นของนายฮวน กุยโด ผู้นำพรรคฝ่ายค้านซึ่งสหรัฐให้การยอมรับในฐานะประธานาธิบดีเวเนซุเอลา ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้เป็นการส่งสัญญาณว่า สหรัฐ ต้องการดำเนินมาตรการที่รุนแรงมากกว่ามาตรการทางการทูตแบบดั้งเดิม เพื่อตัดช่องทางการเงินของรัฐบาล นายนิโคลัส มาดูโร ที่กำลังประสบความยากลำบากจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน



นอกจากนี้ ท่าทีดังกล่าวของสหรัฐ ยังเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับนายกุยโด ซึ่งได้ประกาศตั้งตนเป็นประธานาธิบดีชั่วคราวของเวเนซุเอลาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยการประกาศตนของนายกุยโดได้รับการสนับสนุนจากบราซิลด้วยเช่นกัน



ด้านกระทรวงต่างประเทศบราซิล ระบุว่า บราซิลจะให้การสนับสนุนทางการเมืองและเศรษฐกิจรองรับกระบวนการเปลี่ยนผ่าน เพื่อนำประชาธิปไตยและสันติภาพกลับคืนสู่เวเนซุเอลา



ขณะเดียวกัน นายมาดูโร ประธานาธิบดีของเวเนซุเอลา ประกาศว่าจะสั่งปิดสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลที่ตั้งอยู่ในสหรัฐ หลังจากที่ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการเมืองและความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัฐบาลสหรัฐแล้ว โดยนักการทูตของเวเนซุเอลาจะเดินทางกลับประเทศโดยเร็วที่สุดภายในไม่เกินวันเสาร์ที่จะถึงนี้ และรัฐบาลเตรียมจัดงานต้อนรับอย่างสมเกียรติ



ผู้นำเวเนซุเอลาประกาศตัดความสัมพันธ์กับรัฐบาลสหรัฐ หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐให้การรับรอง อย่างเป็นทางการต่อนายฮวน กุยโด ประธานสมัชชาแห่งชาติ และผู้นำพรรคฝ่ายค้านของเวเนซุเอลา ในฐานะประธานาธิบดีรักษาการของเวเนซุเอลา



ประธานาธิบดีมาดูโร กล่าวว่า การแสดง จุดยืนรัฐบาลสหรัฐเป็นการกระทำที่ไร้เดียงสา พร้อมกับแสดงความยินดีต่อความริเริ่มของนานาประเทศ ที่แสดงตัวเป็นผู้แทนเจรจาระหว่างรัฐบาลของตนและพรรคฝ่ายค้านในการแก้วิกฤตทางการเมืองของประเทศ



นอกจากนี้ ผู้นำเวเนเซุเอลา ยังแสดงความขอบคุณไปยังรัฐบาลประเทศต่างๆ ซึ่งให้การสนับสนุนรัฐบาลของตนที่มาจาก กระบวนการเลือกตั้ง ด้วยการปฏิเสธให้การรับรองนายกุยโด และยกย่องความพยายามของเม็กซิโกและอุรุกวัย ที่ส่งเสริมให้เกิดการเจรจาเพื่อหาทางออกจากวิกฤติทางการเมือง โดยระบุว่าสำหรับรัฐบาลเม็กซิโกและอุรุกวัย ข้าพเจ้าเห็นพ้องกับความริเริ่มทางการทูตสำหรับการเจรจาระดับชาติในเวเนซุเอลา



ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัส ปิดตลาดวันพฤหัสบดี (24ม.ค.)ตามเวลาสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 51 เซนต์ หรือ 1% ปิดตลาดที่ 53.13 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวลง 2 เซนต์ ปิดตลาดที่ราคา 61.12 ดอลลาร์/บาร์เรล



กองทัพหนุน"ปธน.มาดูโร"



นายวลาดิเมียร์ ปาดริโน โลเปซ รมว.กลาโหมของเวเนซุเอลา ประกาศว่า กองทัพจะให้การสนับสนุนประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร และกองทัพจะไม่มีวันยอมรับผู้นำที่เป็นหุ่นเชิดของต่างชาติ และว่าอำนาจมืดกำลังทำในสิ่งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญด้วยการสนับสนุนกลุ่มต่อต้านรัฐบาล



ด้านกลุ่มสังเกตการณ์ความขัดแย้งทางสังคมในเวเนซุเอลา รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 รายจากการถูกกราดยิง ท่ามกลางกระแสความวุ่นวายในประเทศ หลังจากที่นายฮวน กุยโด ประธานสมัชชาแห่งชาติและผู้นำพรรคฝ่ายค้านของเวเนซุเอลา และนายนิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของเวเนซุเอลา ต่างออกมาอ้างว่าตนเป็นผู้นำของประเทศ



เหตุการณ์ความวุ่นวายได้ดำเนินไปเป็นวันที่ 3 โดยมีการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนนายกุยโด และกองกำลังความมั่นคงของรัฐบาล ขณะที่มีการปล้นสะดมในกรุงคาราคัส



ด้านนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดในเวเนซุเอลา หลังจากที่สหรัฐ และชาติละตินอเมริกาหลายประเทศ ให้การรับรองนายกุยโด เป็นประธานาธิบดีของเวเนซุเอลา พร้อมทั้งเรียกร้องให้หลีกเลี่ยงความรุนแรง และให้ทุกฝ่ายหันมาเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้ง



กต.สหรัฐสั่งเจ้าหน้าที่ทูตออกจากเวเนฯ



กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐมีคำสั่ง ให้เจ้าหน้าที่ทูตบางส่วนออกจากเวเนซุเอลา พร้อมแนะนำพลเรือนสหรัฐให้พิจารณาเดินทาง ออกจากเวเนซุเอลาเช่นกัน โดยคำสั่งดังกล่าว มีขึ้นเพียง 1 วันหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐให้การ รับรองนายฮวน กุยโด ประธานสมัชชาแห่งชาติ และผู้นำพรรคฝ่ายค้านของเวเนซุเอลา ในฐานะประธานาธิบดีของเวเนซุเอลา



โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐกล่าวในแถลงการณ์ระบุว่า "เราดำเนินมาตรการดังกล่าวบนพื้นฐานการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของเวเนซุเอลาในปัจจุบัน และเราไม่มีแผนที่จะสั่งปิด สถานทูตแต่อย่างใด"



ในเอกสารแจ้งเตือนความปลอดภัย สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐในกรุงคาราคัส ระบุว่า เจ้าพนักงานของรัฐที่ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งจำเป็นเร่งด่วนนั้น ได้รับคำสั่งให้เดินทางออกจากเวเนซุเอลา และพลเรือนอเมริกันควรที่จะพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบในการเดินทางออกจากเวเนซุเอลา ในขณะที่เที่ยวบินพาณิชย์ที่เดินทางออกจากเวเนซุเอลา ยังคงให้บริการได้ตามปกติ



อิหร่านหนุนรัฐบาลเวเนฯต้านสหรัฐ



นายบาห์ราม คาเซมี โฆษกกระทรวงต่างประเทศอิหร่าน ออกแถลงการณ์ว่าสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านสนับสนุนรัฐบาลเวเนซุเอลาในการเผชิญหน้ากับการแทรกแซงจากต่างประเทศ หรือความเคลื่อนไหว อันใดที่ไม่ชอบธรรมและผิดกฎหมาย อาทิ การรัฐประหารในเวเนซุเอลา



"เราหวังว่าความแตกต่างทางการเมืองในเวเนซุเอลาจะได้รับการแก้ไขจากประชาชนและรัฐบาลในประเทศ ด้วยวิธีการทางกฎหมายและสันติ" คาเซมีกล่าว



สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เปิดเผยเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า สหรัฐให้การยอมรับนายฮวน กุยโด ในฐานะ ประธานาธิบดีของเวเนซุเอลา แม้ว่านายนิโคลัส มาดูโร จะได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานาธิบดีของประเทศเมื่อเดือนที่ผ่านมาก็ตามและสหรัฐจะเดินหน้าใช้อำนาจทางเศรษฐกิจและการทูตต่อไปเพื่อกดดันการฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยของเวเนซุเลา


Source: กรุงเทพธุรกิจ


https://www.reuters.com/article/us-...-still-a-primary-source-of-cash-idUSKCN1PJ2CT

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jan 28) ยุโรปกำหนดเส้นตายเวเนฯเลือกตั้งใหม่ : 3 ชาติในยุโรปขีดเส้นตาย 8 วันให้ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ของเวเนซุเอลากำหนดวันจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งใหม่ มิฉะนั้นจะรับรองแกนนำฝ่ายค้านเป็นผู้นำคนใหม่


นายกรัฐมนตรี เปโดร ซานเชซ ของสเปน แถลงเมื่อวันเสาร์ว่า หากภายใน 8 วัน ไม่มีการประกาศจัดการเลือกตั้งที่ยุติธรรม เสรี และโปร่งใสในเวเนซุเอลา สเปนก็จะรับรองนายฮวน กุยโดประธานสมัชชาแห่งชาติจากพรรคฝ่ายค้านเป็นประธานาธิบดีเวเนซุเอลา


นอกจากนี้ รัฐบาลเยอรมนีและฝรั่งเศส ได้แสดงจุดยืนคล้ายกันกับสเปน แรงกดดันจากยุโรปมีขึ้นหลังจากนายกุยโด ประธานสมัชชาแห่งชาติเวเนซุเอลา สาบานตนเป็นรักษาการประธานาธิบดีต่อหน้าผู้ชุมนุมหลายหมื่นคนเมื่อวันพุธ (23ม.ค.)โดยอ้างว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนพ.ค.ปีที่แล้วที่ประธานาธิบดีมาดูโรเป็นฝ่ายชนะเป็นโมฆะ และหลายชาติอย่างสหรัฐ บราซิล อาร์เจนตินา ได้ประกาศรับรองนายกุยโดแล้ว


ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศเวเนซุเอลา ออกมาปฏิเสธเส้นตายของสหภาพยุโรป โดยบอกว่าไม่มีใครมีสิทธิ์มากำหนดเส้นตายให้เวเนซุเอลา หรือมาบอกว่าจะมีการเลือกตั้งหรือไม่


นอกจากนี้ สหรัฐ ยังพยายามผลักดันให้คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติรับรองนายกุยโด แต่รัสเซียคัดค้าน และกล่าวหาว่าสหรัฐกำลังสนับสนุนความพยายามรัฐประหารในเวเนซุเอลา พร้อมทั้งเสนอเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยระหว่างรัฐบาลเวเนซุเอลาและฝ่ายค้าน

ขณะที่เม็กซิโก เสนอตัวช่วยไกล่เกลี่ยยุติความขัดแย้งในเวเนซุเอลา และประธานาธิบดีมาดูโร บอกว่า พร้อมเจรจาในทุกที่ แต่นายกุยโด กล่าวต่อหน้าผู้สนับสนุนเมื่อวันศุกร์ (25ม.ค.)ปฏิเสธเข้าร่วมการเจรจา และประกาศว่าการเดินขบวนบนท้องถนนจะยังดำเนินต่อไปจนกว่าจะมีรัฐบาลชั่วคราวช่วงถ่ายโอนอำนาจ และจัดการเลือกตั้งใหม่ที่มีความเสรี


Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


https://www.washingtonpost.com/worl...90f794-20e4-11e9-a759-2b8541bbbe20_story.html

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jan 27) ทรูโดสั่งปลด “ทูตแคนาดาประจำจีน” ทันที! หลังแนะให้ “สหรัฐฯ” เลิกขอส่งตัว “ลูกสาวซีอีโอหัวเว่ย” : เมื่อวานนี้(26 ม.ค) นายกรัฐมนตรีแคนาดา จัสติน ทรูโด แถลงสั่งปลด จอห์น แม็คคัลลัม ( John McCallum) เอกอัครราชทูตแคนาดาประจำจีนทันทีหลังเขาให้สัมภาษณ์ โดยชี้จะเป็นประโยชน์กับแคนาดาหากสหรัฐฯยุติการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน เม่ง หว่านโจว


เอเอเฟพีรายงานเมื่อวานนี้(26 ม.ค)ว่า จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดากล่าวผ่านแถลงการณ์ในวันเสาร์(26)ระบุว่า “เมื่อคืนนี้ผมได้ร้องขอและได้รับหนังสือลาออกจากตำแหน่งของ จอห์น แม็คคัลลัม (John McCallum)ในฐานะเอกอัครราชทูตแคนาดาประจำจีน”


แต่ทว่าเอเอฟพีชี้ ทรูโดไม่ได้ให้เหตุผลในแถลงการณ์ถึงการสั่งปลดแม็คคอลลัม แต่เป็นคำสั่งที่มีผลบังคับใช้ทันที ซึ่งผู้ช่วยของแม็คคัลลัม จิม นิกเกิล (Jim Nickel ) จะเข้ารับตำแหน่งอุปทูตรักษาราชการสถานเอกอัครราชทูตประจำจีนในระหว่างนี้


ทั้งนี้เอกอัครราชทูตแคนาดาที่เพิ่งถูกสั่งให้ลาออกได้ให้ความเห็นผ่านสื่อในไม่กี่วันมานี้เกี่ยวกับคดี "เม่ง หว่านโจว" ลูกสาวผู้ก่อตั้งบริษัทโทรคมนาคมจีน หัวเว่ย ที่ชี้ว่าจะเป็นการดีสำหรับแคนาดาหากว่า ทางสหรัฐฯสามารถยุติการขอตัวเม่งในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนเพื่อส่งตัวเธอกลับไปดำเนินคดีในสหรัฐฯ


แม็คคัลลัมได้กล่าวรายงานสรุปต่อสมาชิกรัฐสภาแคนาดาถึงชะตากรรมของพลเมืองแคนาดา 2 รายที่ยังคงถูกกักตัวอยู่ในจีน และพลเมืองรายที่ 3 อยู่ในสถานะขั้นรับโทษขั้นประหารชีวิตซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่ถูกมองว่าทางปักกิ่งใช้เพื่อบีบบังคับแคนาดาในคดีบุตรสาวผู้ก่อตั้งบริษัทหัวเว่ย


และหลังจากนั้นแม็คคัลลัมได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อจีนในมาร์คัม( Markham) จังหวัดออนแทริโอ โดยชี้ว่า เขาเชื่อว่า คำขอตัวส่งผู้ร้ายข้ามแดนของสหรัฐฯมีช่องโหว่อย่างร้ายแรง


โดยได้ชี้ไปถึงการให้ความเห็นทางการเมืองของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ถึงความคาดหวังการส่งตัวในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนของคดีเม่ง ***และในความเป็นจริงที่ทางแคนาดาไม่ได้ร่วมลงนามในการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯที่ทางวอชิงตันต้องการตัวเธอ***


ซึ่งการให้ความเห็นของเขาถูกโจมตีทันทีจากการเมืองฝ่ายค้านแคนาดาและคนอื่นๆ ต่อการทำให้การเข้มงวดต่อการให้ความสำคัญในจุดยืนของรัฐบาลแคนาดาที่จะไม่เข้ายุ่งในกระบวนการทางยุติธรรมลดลง


และ 1 วันหลังจากนั้นแม็คคอลลัมออกแถลงยอมรับว่า ตัวเองได้กล่าวผิดพลาด และรู้สึกเสียใจต่อความเห็นของตัวเองซึ่งทำให้เกิดความสับสน


แต่ทว่าในวันศุกร์(25) ทูตแคนาดาออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อแคนาดา เดอะ แวนคูเวอร์ สตาร์ ( The Vancouver Star) โดยชี้ว่า จะเป็นเรื่องดีสำหรับแคนาดาหากสหรัฐฯจะยกเลิกการขอตัวเ ม่ง หว่านโจว กลับไปดำเนินคดีในสหรัฐฯ


“จากความเห็นของทางแคนาดา หาก(สหรัฐฯ)ยุติการคำขอร้องส่งตัว จะถือเป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับแคนาดา” แม็คคัลลัมกล่าวให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ในระหว่างงานการกุศล


และเสริมต่อว่า “เราต้องทำให้แน่ใจว่าหากสหรัฐฯจะทำข้อตกลงเช่นนั้น มันต้องรวมไปถึงการปล่อยตัวของพลเมือง 2 คนของเรา และสหรัฐฯตระหนักเป็นอย่างมากในเรื่องนี้”


ในแถลงการของผู้นำแคนาดา เขาได้กล่าวสรรเสริญการทำงานตลอดเกือบ 20 ปีของแม็คคัลลัม โดยชี้ว่า เขานำมาซึ่ง “เกียรติยศ” ที่พร้อม “ความโดดเด่น”


เอเอฟพีรายงานว่า ในอดีตแม็คคัลลัมเคยดำรงตำแหน่งระดับรัฐมนตรีมาแล้ว รวมไปถึงอดีตรัฐมนตรีกลาโหมแคนาดา อดีตรัฐมนตรีกระทรวงทหารผ่านศึก และรัฐมนตรีคนเข้าเมืองแคนาดา


Source: ผู้จัดการออนไลน์


https://mgronline.com/around/detail/9620000009186

 

เขตปกครองพิเศษที่ มหาเธร เสรอให้นำมาใช้ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ มีแต่จะทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น เพราะขบวนการแบ่งแยกดินแดนจะไม่หยุดแค่เขตปกครองพิเศษ พวกเขาต้องการแยกดินแดน และจะยิ่งสร้างสถานการณ์เพื่อขยายผลให้ไปสู่เป้าหมายการแบ่งแยกดินแดน ดูฟิลิปปินส์ เป็นตัวอย่าง การจัดเขตปกครองพิเศษทำให้ปัญหาจบไหม

----

Ch7HD News


แม้ทางการฟิลิปปินส์เพิ่งจัดให้มีการลงประชามติให้ชาวมุสลิมทางตอนใต้ปกครองตนเอง แต่ยังไม่สามารถลดความขัดแย้งที่รุนแรงลงได้ ล่าสุดเกิดเหตุระเบิดวิหารทางศาสนาคริสต์ 2 ครั้ง เสียชีวิตแล้วอย่างน้อยเกือบ 20 ราย


อ่านรายละเอียด คลิกที่นี่ http://s.ch7.com/323422


#ระเบิด #วิหารคริสต์ #ฟิลิปปินส์

#Ch7HDNews #ข่าว7HD

ติดตามข่าวอื่น news.ch7.com

 

วิทยาศาสตร์ทันโลก และภัยพิบัติในไทย


***สาเหตุเชิงกายภาพของอากาศที่ทำให้ กทม. เผชิญภาวะมลพิษขณะนี้***

ในเชิงสภาวะทางอากาศ หลักๆมี 2 ปัจจัยคือ ฤดูหนาว และ หย่อมความกดอากาศต่ำ ที่ทำให้ กทม. เกิดภาวะอากาศปิดและลมไม่พัดพาเอาฝุ่นและมลพิษออกไปจากพื้นที่ แอดมินจะอธิบายถึงกระบวนการพวกนี้


อันแรกคือ การเกิดการแยกชั้นของอากาศที่อากาศอุ่นกว่าดันอยู่ด้านบนของอากาศที่เย็นกว่า (เรียก inversion หรือการกลับหัวกลับหาง) ดังรูป 1,2 นี้คือที่คาซักสถานและเม็กซิโก ที่มลพิษถูกกักอยู่ชั้นล่าง..ปกตินั้น อากาศยิ่งสูงยิ่งหนาว (ยอดดอยอินทนนท์จึงหนาว) แต่เนื่องจากว่ามวลอากาศในภูมิภาค/ทวีปต่างๆเคลื่อนตัวไปมา จึงเกิด inversion ได้ เพราะอากาศอุ่นดันเบากว่าซะนี่ พอลอยมาปิดทับอากาศเย็นกว่า(หนักกว่า)ด้านล่างเสมือนฝาปิด ทุกอย่างก็นิ่งไปหมด ขาดลมพัด


ในหน้าหนาวนั้น inversion เกิดขึ้นได้บ่อย อย่างในปักกิ่งที่มลพิษอากาศมักเกิดในหน้าหนาว สาเหตุนึงเป็นเพราะ รังสีความร้อนที่แผ่ออกมาจากพื้นผิวโลกดันเกินปริมาณรังสีที่ได้รับจากดวงอาทิตย์ เพราะดวงอาทิตย์ทำมุมต่ำกับพื้นที่นั้นๆ ในฤดูหนาว


ในฤดูหนาว การแยกชั้นของอากาศนี้ไปกันไม่ให้เกิดการผสมผสานถ่ายเทของอากาศในแนวตั้ง (mixing) และกันไม่ให้เกิดการกระจัดกระจายตัวด้วยลม (dispersion) ของอนุภาคฝุ่น/มลพิษต่างๆ ทั้งแนวตั้งและแนวนอน ...ปกติในสภาวะที่ไม่มี inversion นั้น เนื่องจากลมอากาศจะเริ่มพัดพาจากบริเวณที่อุ่นกว่าไปยังบริเวณที่เย็นกว่า จากการลอยตัวของอากาศอุ่น (เรียก convection) ในแนวตั้ง(แนวดิ่ง)นั้น ลมจึงเกิดขึ้นจากกระบวนการนี้และหอบควันเสีย/ฝุ่นต่างๆจากใกล้ผิวโลกที่เราหายใจ(อากาศอุ่นเพราะรังสีจากดวงอาทิตย์ส่อง/สะท้อนผิวโลก) ขึ้นไปสูงๆหลายกิโลเมตรที่อากาศเย็นกว่า และเกิดผสมผสาน/mixing กับอากาศที่สะอาดกว่าอากาศใกล้ผิวโลก(จากกิจกรรมมนุษย์) เพราะเมื่ออากาศอุ่นลอยตัว อากาศเย็นที่หนักกว่าก็พัดลงมาแทนที่มวลที่ลอยขึ้นไป เกิดการผสมผสานให้อากาศเฉลี่ยที่เราหายใจไม่เป็นมลพิษมากนัก


ปกติเมืองต่างๆทั่วโลกที่มีปัญหาเรื่องนี้มักถูกล้อมรอบด้วยภูเขา เพราะจะเป็นเสมือนอ่างที่ถูกปิดฝาด้วยลมอุ่น กักฝุ่น/มลพิษไว้ด้านล่างที่คนหายใจ ถ้าในไทย จังหวัดที่เข้าข่ายนี้ก็คือเชียงใหม่ในบางพื้นที่ที่ต่ำ ...เชียงใหม่โดยทั่วไปแล้วอากาศดี แอดก็ว่า บ้านแอดอากาศดี๊ดีนะ แต่หากเมื่อไหร่เกิด inversion ของอากาศ ดังที่กล่าวข้างต้น ด้วยสภาพที่ถูกล้อมด้วยภูเขาเป็นแอ่งปิด ในบางพื้นที่ก็จะแย่หน่อย เช่นเดียวกับเม๊กซิโกซิตี้ (รูป 2) ที่ถูกล้อมไปด้วยภูเขาไฟเก่า


อย่างไรก็ดี กทม. เกิดปัญหาในขณะนี้ ส่วนนึงหลักๆก็เพราะ หย่อมความกดอากาศต่ำที่มาจากจีนสู่ไทย ...ผลกระทบจากความกดอากาศต่ำต่อมลพิษทางอากาศนั้น แม้ว่าจีนจะประสบมาพอควร แต่งานวิจัยก็ยังค่อนข้างใหม่ แต่หลักๆ นักวิทย์กล่าวว่า จากข้อมูลอุตุฯ 10 ปีบริเวณแอ่งสีฉวนของเขา พบว่า ใน 8 ครั้งจาก 10 ครั้งที่เกิดเหตุการณ์มลพิษสูงนั้นเกิดเพราะหย่อมความกดอากาศต่ำที่พาดผ่าน ...เขากล่าวว่า เมื่อเมืองใหญ่ๆตั้งอยู่ตรงหน้าหย่อมความกดอากาศต่ำและมีอากาศอุ่นจากทิศใต้พัดผ่าน ก็จะกระตุ้นให้เกิด inversion (การแยกชั้นอากาศ) ที่รุนแรงขึ้นมาทันที เสมือนฝาปิดที่ทำให้อากาศแทบหยุดนิ่งในแนวดิ่ง และทำให้ความเร็วลมในแนวนอนก็ต่ำลงไปด้วย ไม่ถ่ายเทมลพิษ (ดูรูป 3 ประกอบ) ...เมื่อหย่อมความกดอากาศต่ำเริ่มพัดผ่านเมืองใหญ่ที่เกิดมลพิษไป ลมเย็นและแห้งจึงเข้ามามีอิทธิพลแทน และ inversion จึงค่อยๆหายไป และลมพัดถ่ายเทตามปกติ อากาศดีขึ้นมาก ...จากข้อมูลอันละเอียดของพวกเขา ถามว่า ความกดอากาศต่ำนั้นต่ำแค่ไหน ที่ดูเหมือนทำให้เกิด inversion รุนแรงขึ้นมาทันที (แบบ กทม. ช่วงนี้) เขาให้ค่าที่ 700 hPa (เฮกโตปาสคาล) ถ้าต่ำกว่านี้ (บวกกับหน้าหนาว) ก็แทบจะเตรียมใจได้เลย จึงมีประโยชน์ต่อกรมที่จับตาดูมลพิษในอนาคต

...รูปที่ 4 นี้สาธิตการพัดของลมที่น้อยลงในอ่างสีฉวนนี้ระหว่างเกิด inversion จากความกดอากาศต่ำ จุดแดงคือบริเวณที่มลพิษจะแย่ที่สุด


กรมควบคุมมลพิษไทยถึงกล่าวว่า อาจต้องรอถึงเดือนกุมภาพันธ์ ที่อากาศจะอุ่นขึ้นใน กทม. และลมจะพัดพามากขึ้น หอบเอาฝุ่นควันออกไปจากพื้นที่ ตอนนี้เราคงทำได้หลักๆคือลดการใช้รถ และกิจกรรมที่สร้างฝุ่นและมลพิษต่างๆ จ้า


ดร. ไพลิน ฉัตรอนันทเวช

(คิดถึงทุกท่านจ้า มัวเป็นมนุษย์เงินเดือน)


อ้างอิง

https://en.wikipedia.org/wiki/Inversion_(meteorology)

https://www.atmos-chem-phys.net/18/13601/2018/acp-18-13601-2018.pdf

https://en.wikipedia.org/wiki/Atmospheric_convection#Overview

 

แผ่นดินไหว ขนาด 5.8
ภูมิภาค FIJI
วันที่ 27 มกราคม 3562 เวลา 17:16:27.6 น.ไทย
สถานที่ 20.19 S ; 177.79 W
ความลึก 552 km

Magnitude 5.8
Region FIJI REGION
Date time 2019-01-27 10:16:27.6 UTC
Location 20.19 S ; 177.79 W
Depth 552 km
Distances
289 km W of Nuku‘alofa, Tonga / pop: 22,400 / local time: 23:16:27.6 2019-01-27

457 km SE of Suva, Fiji / pop: 77,400 / local time: 22:16:27.6 2019-01-27

952 km SW of Apia, Samoa / pop: 40,500 / local time: 00:16:27.6 2019-01-28

https://m.emsc.eu/earthquake/earthquake.php?evid=741166

 

Clima Extremo 24


อเมริกาเหนือ



ทะเลสาบอีรีแช่แข็งและทั่วถึงเนื่องจากฤดูหนาวขั้วโลกระหว่างสหรัฐอเมริกาและแคนาดา

 

Clima Extremo 24


รัสเซีย



หิมะที่แรงที่สุดใน 68 ปีที่ผ่านมาถูกบันทึกในมอสโก


วันเสาร์นี้กรุงมอสโกประสบกับหิมะตกหนักที่สุดใน 68 ปีที่ผ่านมาในเมืองหลวงรัสเซีย ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงปริมาณหิมะก็สูงถึง 10 มิลลิเมตร


เจ้าหน้าที่เตือนว่าหิมะตกหนักจะยังคงมี กำลังเท่ากันกับในวันอาทิตย์และแนะนำผู้อยู่อาศัยในเมืองและภูมิภาคมอสโก

 

La nueva era de la tierra - respaldo


ทุกอย่างที่อยู่ใกล้ทะเลสาบอีรี กำลังแข็งสุดขั้วว้าว.....

26.01.2019

 

La nueva era de la tierra - respaldo


สิ่งต่าง ๆ ในเม็กซิโก



รถบรรทุกข้าวพลิกคว่ำในเวราครูซ คนขับเสียชีวิต และประชาชนขโมยสินค้าทั้งหมด

2019/01/26

 

La nueva era de la tierra - respaldo


#URGENTE


ด่วน: สถิติครั้งประวัติศาสตร์ของอุณหภูมิใน santiago ชิลี


รายละเอียด

 

La nueva era de la tierra - respaldo


การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่แย่มาก