ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #จัดให้ ยุโรปลดดอก 0.25%! ลด 2งวดซ้อน ครั้งแรกรอบ 13ปี! (ปีนี้ลด 3งวดละ)หลังเงินเฟ้อต่ำกว่าเพดานครั้งแรกรอบ3ปี

    แบงก์ชาติยุโรป (แบงก์กลางของยูโรโซน) ลดดอกเบี้ยนโยบายทั้ง 3 ตัว ลง 0.25% เหมือนกันทั้ง 3 ตัว
    ลดมาอยู่ที่เท่าไร ก็ตามที่แปะมาเลยจ้า
    FB_IMG_1729172562419.jpg FB_IMG_1729172567558.jpg FB_IMG_1729172574990.jpg
    https://www.facebook.com/share/p/9USVgjwrZQk4LxP8/
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Oct 17, 2024 เสียหายมาก! ภัยพิบัติน้ำท่วมไทยปีนี้จ่อเสียหาย 30,000-50,000 ล้านบาท จังหวัดถูกน้ำท่วมนาน 15 วันอาจเสียหายถึง 20% ของขนาดเศรษฐกิจจังหวัด

    ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ผลกระทบจากน้ำท่วมในปี 2567 อาจคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท หรือ 0.16% ของ GDP ประเทศ และจะเพิ่มสูงขึ้น หากสถานการณ์กินระยะเวลานานขึ้น หรือขยายขอบเขตไปยังพื้นที่อื่นๆ มากขึ้น ความเสียหายหลักส่วนใหญ่จะตกในภาคเกษตร รายได้ครัวเรือน ซึ่งจะกระทบตามมาต่อการบริโภคและเศรษฐกิจไทยในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี ในระยะข้างหน้า การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่แปรปรวน ทำให้ภัยพิบัติมีความเสี่ยงที่จะเกิดถี่และรุนแรงขึ้นอีก และจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นหากไม่มีการวางแผนรับมือ

    การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสุดขั้ว ทำให้บางพื้นที่เสี่ยงเกิดน้ำท่วมรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังปี 2567 ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝนของไทย โดยสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัด ตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี จนถึงปัจจุบัน ยังไม่สิ้นสุด เนื่องจากยังไม่หมดฤดูฝน ทั้งนี้ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ ประเมินว่า พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน จะเคลื่อนจากภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ในเดือนกันยายนและตุลาคม มาเป็นภาคกลางและภาคใต้ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบหรือสร้างความเสียหายต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทั้งพื้นที่และผลผลิตทางการเกษตร รายได้ของครัวเรือน ธุรกิจ/ผู้ประกอบการ รวมถึงสิ่งปลูกสร้าง/ที่อยู่อาศัย และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ของรัฐ เช่น ถนนทรุด สะพานขาด เป็นต้น
    (มีต่อหน้า 2/2)

    (ต่อหน้า 2/2)
    น้ำท่วมปี 2567 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่ตกที่ภาคเกษตรและครัวเรือน สถานการณ์อาจรุนแรงขึ้น ขึ้นอยู่กับปริมาณฝน ระยะเวลาและพื้นที่
    ภายใต้สมมติฐานน้ำท่วมแต่ละพื้นที่กินเวลาเฉลี่ยประมาณ 15 วัน และเกิดความสูญเสียต่อ Gross Provincial Product (GPP) ในสัดส่วนประมาณ 20% ของจังหวัดนั้นๆ ยกเว้นบางพื้นที่อย่างเชียงราย ที่น้ำท่วมซ้ำหลายรอบ ระยะเวลาจะมากกว่าเฉลี่ย และเชียงใหม่ ที่เกิดน้ำท่วมในเขตเมือง สัดส่วนความสูญเสียต่อ GPP จะมากกว่าเฉลี่ย

    ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ผลกระทบจากน้ำท่วมในปี 2567 อาจคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท หรือ 0.16% ของ GDP ประเทศ อย่างไรก็ดี ถ้าเหตุการณ์ดังกล่าวกินระยะเวลานานขึ้น หรือขยายขอบเขตไปยังพื้นที่ต่างๆ มากขึ้น โดยเฉพาะในเขตตัวเมืองของภาคกลางและภาคใต้ ผลกระทบในกรณีเลวร้าย อาจมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท หรือ 0.27% ของ GDP ประเทศ

    แม้ในแง่เม็ดเงินผลกระทบปี 2567 จะน้อยกว่าปี 2554 ที่เกิดมหาอุทกภัยซึ่งในปีนั้นกินระยะเวลานาน กระทบโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมและภาคการผลิตเป็นหลัก เพิ่มเติมจากภาคเกษตรและครัวเรือน แต่ภัยพิบัติในปีนี้ ก็นับว่ารุนแรงมากโดยเฉพาะในบางพื้นที่ เช่น เชียงราย เชียงใหม่ เป็นต้น ซึ่งความเสียหายหลักส่วนใหญ่จะตกในภาคเกษตร รายได้ของครัวเรือน และการท่องเที่ยวในบางจังหวัด ส่งผลกระทบตามมาต่อการบริโภคและเศรษฐกิจไทยในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี

    ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า การฟื้นฟูหลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย คงจะมาจากงบประมาณของภาครัฐและการใช้จ่ายของภาคเอกชน ซึ่งคงช่วยหนุนกิจกรรมการก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านได้บางส่วน แต่ขณะเดียวกัน ครัวเรือนคงจำเป็นต้องก่อหนี้ ซึ่งก็จะมีผลกดดันการใช้จ่ายสินค้าและบริการที่ไม่จำเป็นอื่นๆ ตามมา ไปข้างหน้า จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสุดขั้ว ทำให้ภัยพิบัติมีความเสี่ยงจะเกิดถี่และรุนแรงขึ้นอีก ดังนั้น ทุกฝ่ายควรวางแนวทางรับมือ เช่น การมีระบบเตือนภัยที่ชุมชน/ท้องถิ่นเข้าใจง่าย แผนปฏิบัติการฉุกเฉินเมื่อเกิดเหตุในแต่ละระดับ การทำประกันภัย การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถรองรับความเสี่ยง เป็นต้น

    https://www.facebook.com/share/p/3s6gzYVqcCMsNdKt/
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Oct 17, 2024 รอโอนซ้ำ! กระทรวงการคลังเตรียมจ่ายเงิน 10,000 รอบเก็บตกผ่านบัตรสวัสดิการรัฐกว่า 3.8 แสนรายที่ยังไม่ได้รับ จากกรณีการโอนจ่ายไม่สำเร็จเริ่ม 21 ตุลาคมนี้

    นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ผู้พิการและผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวนกว่า 3.8 แสนรายที่ยังไม่ได้รับเงิน 10,000 บาทในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 เนื่องจากการโอนจ่ายในรอบที่แล้วทำไม่สำเร็จ เพราะยังไม่ได้ต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการหรือยังไม่ได้ทำบัตรประจำตัวคนพิการให้สมบูรณ์อีกทั้งมีผู้มีสิทธิ์ที่กรมบัญชีกลางยังจ่ายเงินไม่สำเร็จทางกรมบัญชีกลางได้กำหนดวันจ่ายเงินในรอบการจ่ายเงินซ้ำให้เร็วขึ้น

    โดยรอบการจ่ายซ้ำรอบแรกจะจ่ายในวันที่ 21 ตุลาคม 2567 สำหรับผู้พิการที่ทำบัตรหรือต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการภายในวันที่ 10 ตุลาคม 2567 และผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนภายในวันที่ 18 ตุลาคม 2567 ส่วนจ่ายเงินครั้งที่สองจะจ่ายเงินในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 และครั้งที่สามในวันที่ 19 ธันวาคม 2567

    ทั้งนี้ขอให้ผู้มีสิทธิ์ทำการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนหรือติดต่อธนาคารเพื่อแก้ไขบัญชีเงินฝากธนาคารที่มีปัญหาข้างต้น เพื่อให้พร้อมรับเงินตามโครงการในรอบการจ่ายเงินซ้ำ สำหรับคนพิการที่บัตรประจำตัวคนพิการหมดอายุหรือผู้ที่ได้รับเงินเบี้ยความพิการที่ไม่มีบัตรประจำตัวคนพิการข้อมูลบัตรไม่สมบูรณ์ขอให้ดำเนินการต่ออายุบัตรหรือแก้ไขข้อมูลที่ศูนย์บริการคนพิการทั่วประเทศ ส่วนคนดำเนินการทุกอย่างแล้วภายใน 31 สิงหาคมนี้ขอให้ตรวจสอบบัตรอีกครั้งว่าบัตรหมดอายุหรือไม่

    https://www.facebook.com/share/p/F5CTo42Lt2777LVT/
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Oct 17, 2024 ตรึงต่อ ! "พีระพันธุ์" คาดตรึงค่าไฟ น้ำมันดีเซลถึงสิ้นปี 67 หวังมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน ลดต้นทุนค่าพลังงาน กระตุ้นเศรษฐกิจ

    นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงาน ได้จัดเตรียมแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการทำให้ราคาพลังงานมีต้นทุนถูกลง โดยเฉพาะเรื่องค่าไฟฟ้า ที่พยายามตรึงไว้เท่าเดิม

    ส่วนราคาน้ำมันดีเซลที่จะสิ้นสุดมาตรการตรึงราคาไม่เกิน 33 บาท/ลิตร ในวันที่ 31 ต.ค.นี้ ก็มีแนวโน้มที่จะตรึงราคาต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี และมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน อย่างไรก็ตาม ยังต้องพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ให้รอบด้าน

    ขณะที่ การจัดทำแผนพลังงานชาติ (National Energy Plan) ขณะนี้ทั้ง 5 แผนพลังงาน ได้ผ่านการเปิดรับฟังความคิดเห็นไปแล้วในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ปัจจุบัน อยู่ระหว่างนำส่งแผนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแสดงความคิดเห็น คาดว่าจะสามารถนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในช่วงปลายปีนี้ ก่อนประกาศใช้ต่อไป

    #พีระพันธุ์ #ค่าไฟ #น้ำมันดีเซล #พลังงาน #เศรษฐกิจ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/PcYiJZB5p6ZaoaL6/
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กมธ.สคบ. จี้ สคบ.ไล่หาปลาเน่า จนท.รับจดทะเบียนดิไอคอน พบเป็นหน้าห้องผู้ตรวจ สำนักนายกฯท่านหนึ่ง “ประเสริฐพงษ์” บอกรับเงินบอสเกิน 3 พันด้วย อู้ฟู่! ได้กระเป๋าแบรนด์เนม ตอนนี้ปิดเฟซ-ออกกลุ่มไลน์ รองเลขาฯบอกลาหายตัวไปแล้ว เชื่อCIBตามจับ “ชายปริศนา” ในคลิปเสียงได้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000100385

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes

    https://www.facebook.com/share/p/kWYrkcRw41iYy5Cw/
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Oct 20, 2024 เหล็กจีนล้ม! บริษัทผลิตเหล็กเกือบ 75% ในจีนขาดทุนหนัก คาดหลายรายจ่อล้มละลาย วิกฤตอุตสาหกรรมเหล็กจีนเลวร้ายในรอบ 16 ปี

    สำนักวิจัย บลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ (Bloomberg Intelligence) ซึ่ง อยู่ในสื่อยักษ์ใหญ่ระดับโลกบลูมเบิร์ก โดยนายมิเชลล์ เหลียง นักวิเคราะห์อาวุโส บลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ เปิดเผยว่า ผู้ผลิตเหล็กในประเทศจีนเกือบ 3 ใน 4 หรือเกือบ 75% เผชิญกับภาวะขาดทุนในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 ที่สำคัญ ผู้ผลิตเหล็กหลายรายมีแนวโน้มที่จะล้มละลายในเร็วๆนี้

    บริษัทซินเจียง ปาอี้ ไอออน แอนด์ สตีล บริษัทกานซู จิ่ว สตีล กรุ๊ป และบริษัทอันหยาง ไอออน แอนด์ สตีล กรุ๊ป เป็น 3 บริษัทที่เผชิญกับความเสี่ยงสูงสุดที่จะล้มละลาย ปิดกิจการ และอาจตกเป็นเป้าหมายการเข้าซื้อกิจการเพื่อรวบรวมธุรกิจจากรายใหญ่

    การควบรวมกิจการในอุตสาหกรรมเหล็กจะช่วยส่งเสริมการรวมกลุ่มของผู้ผลิตเหล็กในประเทศ รัฐบาลจีนต้องการให้อุตสหกรรมดังกล่าวมีความแข็งแรงมากขึ้น โดยต้องการให้บริษัทผู้ผลิตเหล็ก 5 อันดับแรกควบคุมตลาด 40% ภายในปี 2025 และให้บริษัท 10 อันดับแรกครองส่วนแบ่งตลาดรวมกัน 60%

    อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมจีนยังคงตามหลังเกาหลีใต้และญี่ปุ่นอยู่มาก

    ก่อนหน้านี้ ไชน่า เป่าอู่ สตีล กรุ๊ป คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของจีนได้เตือนเมื่อเดือนสิงหาคมผ่านมาว่า อุตสาหกรรมเหล็กจีนกำลังเผชิญกับวิกฤตที่เลวร้ายกว่าในปี 2008 และ 2015 สาเหตุจากความต้องการในประเทศจีนที่ตกต่ำลงอย่างมากจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ครั้งใหญ่ในจีนส่งผลให้โรงงานเหล็กจีนจำเป็นต้องส่งออกเพิ่มขึ้น กระตุ้นให้เกิดการตอบโต้ทางการค้าจากหลายประเทศที่กล่าวหาว่าจีนส่งเหล็กไปทุ่มตลาดในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน

    #จีน #เหล็ก #ล้มละลาย #เศรษฐกิจ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/LEDXaifvid5DYJBC/
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘ติง หนิง’ บิ๊กบอสแชร์ลูกโซ่จีน เหยื่อถูกหลอกทะลุ 9 แสนราย ก่อความเสียหาย 2.5 แสนล้านบาท
    .
    เคสแชร์ลูกโซ่ของเบอร์นีย์ เมดอฟฟ์มีผู้เสียหายกว่า 40,000 คน แต่ในจีน มีคนกว่า 900,000 คนที่ตกเป็นเหยื่อของบอส ‘ติง หนิง’ เจ้าของแพลตฟอร์มลงทุนจีนที่สัญญาผลตอบแทนสูงลิ่ว แต่เบื้องหลังคือการหลอกลวงครั้งใหญ่ที่ทำให้หลายคนสูญเสียทุกอย่าง
    .
    เมื่อเอ่ยถึง “แชร์ลูกโซ่” กลวิธีหลอกลวงที่ทำให้หลายคนหน้ามืดตาบอด ยอมขายบ้านขายรถมาลงทุน เพื่อหวังจะเป็นเศรษฐี และมีชีวิตอยู่อย่างอู้ฟู่เหมือนเหล่าบอสๆ หลายคนคงนึกถึง “เบอร์นีย์ เมดอฟฟ์” อาชญากรแชร์ลูกโซ่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
    .
    ในฝั่งของจีนก็มีเหมือนกัน แม้ขนาดจะไม่ใหญ่เท่าเมดอฟฟ์ แต่จำนวนเหยื่อที่เสียหายนั้น “สูงกว่า”เคสเมดอฟฟ์มาก โดยมีจำนวนกว่า 900,000 รายทั่วเมืองจีน ขณะที่เคสเมดอฟฟ์นั้นอยู่ที่ราว 40,000 คน ซึ่ง “หัวโจก” ที่ก่อคดีแชร์ลูกโซ่อันสะเทือนขวัญในจีนนี้มีชื่อว่า “ติง หนิง” (Ding Ning) เจ้าของ “อีจูเป่า” (Ezubao) แพลตฟอร์มการให้กู้ยืมออนไลน์แบบบุคคลต่อบุคคล (P2P) ที่มีฐานอยู่ในมณฑลอานฮุย ทางภาคตะวันออกของจีน
    .
    สำหรับเคสอีจูเป่า มีเงินทุนหมุนเวียนกว่า 50,000 ล้านหยวน และได้ก่อความเสียหายสูงถึง 7,700 ล้านดอลลาร์หรือราว 2.5 แสนล้านบาท
    .
    ใช้สื่อรัฐสร้างภาพอันน่าเชื่อถือ
    .
    “อีจูเป่า” เปิดตัวในเดือนกรกฎาคม 2557 และได้เริ่มระดมทุนจากภายนอกผ่านแคมเปญโฆษณาขนาดใหญ่ หากดูเพียงผิวเผิน อีจูเป่าเหมือนเป็นเว็บไซต์ให้กู้ยืมออนไลน์ที่มีโครงการลงทุนหลากหลาย และเสนออัตราผลตอบแทนรายปีให้นักลงทุนที่ 9%-14.6% ซึ่งสูงกว่าการฝากเงินในธนาคารมาก จนเป็นที่สนอกสนใจของเหล่านักลงทุน
    .
    เพื่อทำให้เครือข่ายที่มีอยู่เบ่งบานทั่วจีน ติง หนิงทุ่มสุดตัวกับแคมเปญโฆษณาและการสร้างภาพลักษณ์อย่างมาก โดยเขาใช้เงินกว่า 150 ล้านหยวนหรือราว 700 ล้านบาทสำหรับโฆษณาทางโทรทัศน์ ซึ่งโฆษณาของบริษัทถูกออกอากาศในเกือบทุกช่องโทรทัศน์ทั่วประเทศจีน รวมถึงช่อง CCTV ที่เป็นของรัฐด้วย
    .
    เนื่องจากช่องของรัฐมักถูกมองว่าเป็นเครื่องมือของรัฐบาล ประชาชนจึงอาจเข้าใจผิดว่าโฆษณาที่ออกอากาศทาง CCTV หมายถึงได้รับการรับรองจากรัฐบาล
    .
    ไม่เพียงเท่านั้น บอสติงยังเข้าร่วมงานสาธารณะและกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับนวัตกรรมต่าง ๆ อีกทั้งยังได้รับการสัมภาษณ์โดยสื่อข่าวทางการของรัฐบาล เพื่อแบ่งปันว่า ธุรกิจของเขาช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างไรบ้าง
    .
    อีกนิสัยสำคัญของบอสติง คือ ต้องการให้ผู้ลงทุนมองว่าเขาเป็นคนรวยมาก จะได้ช่วยเสริมภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือ ความสำเร็จด้านการเงิน และกระตุ้นความกระหายให้ผู้คนเข้ามาลงทุนกับเขา
    .
    พนักงานทุกคนของติงถูกกำหนดให้แต่งกายด้วยแบรนด์หรู และเครื่องประดับราคาแพงเพื่อแสดง “ภาพลักษณ์ที่ดีของบริษัท”
    .
    ชีวิตหรูหราของบอสจากเงินนักลงทุน
    .
    เมื่อเวลาผ่านไป ความจริงของบริษัทให้กู้ยืมออนไลน์นี้ก็เผยโฉมออกมา ผลตอบแทนที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากการลงทุนในโครงการต่าง ๆ อย่างที่โฆษณา แต่มาจากเงินของนักลงทุนคนใหม่หมุนจ่ายให้นักลงทุนคนก่อนหน้า
    .
    อีกทั้งสำนักข่าวซินหัวรายงานอีกว่า เงินทุนมหาศาลที่ติงระดมมาได้นั้น ถูกนำไปใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยเพื่อสนองความหรูหราของกลุ่มผู้บริหาร เรียกได้ว่ามีการยักยอกเงินของเหล่านักลงทุนเกิดขึ้น
    .
    สำหรับบอสติง เขาใช้เงินของนักลงทุนไปกับค่าใช้จ่ายส่วนตัวอันหรูหรา รวมถึงเป็นของขวัญสำหรับคุณหญิงจาง หรือจาง หมิ่น (Zhang Min) สาวสวยที่ติงแต่งตั้งให้เป็นประธานอีจูเป่า โดยในบรรดาของขวัญเหล่านั้นก็มีวิลล่าในสิงคโปร์มูลค่า 130 ล้านหยวน (600 ล้านบาท) แหวนเพชรสีชมพูมูลค่า 12 ล้านหยวน (55 ล้านบาท) และเงินสด 550 ล้านหยวน (2,500 ล้านบาท) อีกทั้งเขายังใช้เงินทุนที่ระดมได้มาจ่ายเงินเดือนสูงให้กับพนักงานของบริษัท
    .
    ยกตัวอย่างพนักงานอย่างติง เตี้ยน (Ding Dian) น้องชายของบอสติง เห็นเงินเดือนของตัวเองเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ล้านหยวนต่อเดือน!
    .
    อีจูเป่าแตก ตำรวจบุกจับเหล่าบอส
    .
    ด้วยการร้องทุกข์จากผู้เสียหายจำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่จีนจึงเข้าตรวจสอบบริษัทอีจูเป่า เพียงแต่คดีนี้ยากในการสืบสวน เนื่องจากนักสืบต้องเผชิญกับความซับซ้อนของเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์อย่างน้อย 200 เครื่อง และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับแผนการหลอกลวงจำนวนมาก
    .
    เพื่อปกปิดหลักฐาน ผู้บริหารของอีจูเป่าได้ใส่บัญชีการเงินมากกว่า 1,200 เล่มลงในถุงพลาสติก 80 ใบ และฝังไว้ใต้ดินลึก 6 เมตรในเขตชานเมืองของมณฑลอานฮุย ตำรวจต้องใช้เวลาขุดมากกว่า 20 ชั่วโมงโดยใช้รถขุด 2 คัน
    .
    เมื่อรวบรวมหลักฐานได้อย่างมีน้ำหนักแล้ว ทางตำรวจจีนจึงเข้าบุกจับบอสติงและพรรคพวก พร้อมแจ้ง 4 ข้อหา คือ ความผิดฐานระดมทุนอย่างฉ้อฉล ลักลอบขนโลหะอันมีค่า ครอบครองอาวุธปืนอย่างผิดกฎหมาย และการข้ามพรมแดนโดยไม่ได้รับอนุญาต
    .
    จาง หมิ่น อดีตประธานอีจูเป่าสารภาพว่า “อีจูเป่า เป็นแชร์ลูกโซ่อย่างสมบูรณ์” ขณะถูกคุมตัวอยู่ที่ศูนย์กักกันของตำรวจ จางเผยว่าผู้บริหารของบริษัทต่างรู้ดีว่าเรื่องทั้งหมดเป็นการหลอกลวง
    .
    ด้านหยง เล่ย (Yong Lei) ผู้ควบคุมความเสี่ยงโครงการของอีจูเป่ากล่าวว่า “เท่าที่ผมรู้ โครงการที่ระบุไว้ 95 เปอร์เซ็นต์เป็นของปลอม”
    .
    ส่วนหัวโจกอย่าง “ติง หนิง” ผู้ถูกสื่อขนานนามว่าเป็น “เบอร์นีย์ เมดอฟฟ์แห่งจีน” ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต รวมถึงถูกปรับ 100 ล้านหยวนและทรัพย์สินส่วนตัวของเขามูลค่า 500,000 หยวนถูกยึด
    .
    ติง เตี้ยน น้องชายของบอสติงถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต และถูกปรับ 70 ล้านหยวน ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องกับแผนการหลอกลวงอีก 24 คนได้รับโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ถึง 15 ปี
    .
    คำตัดสินของศาลจีนระบุว่า “การระดมทุนอย่างผิดกฎหมายโดยผู้ต้องหาทั้ง 26 คนที่นำโดย ติง หนิง ติง เตี้ยน และจาง หมิ่น ได้เกี่ยวข้องกับจำนวนเงินที่มหาศาลมาก ก่อให้เกิดความเสียหายทางการเงินอย่างหนักแก่ผู้ลงทุนทั่วประเทศ และบิดเบือนระบบการกำกับทางการเงินของรัฐอย่างรุนแรง”
    .
    จะเห็นได้ว่า ความฝันที่จะร่ำรวยเร็วกลายเป็นฝันร้าย เมื่อหลายแสนคนในจีนหลงเชื่อคำลวงของ “อีจูเป่า” จนสูญเสียเงินเก็บไปกับการลงทุนที่ไม่มีวันได้คืน ติง หนิง และพรรคพวกใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อหลอกลวงเหยื่อให้มั่นใจว่าเงินลงทุนของพวกเขาจะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ความจริงแล้ว เงินเหล่านั้นกลับถูกนำไปใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยเพื่อสนองความสุขส่วนตัวของกลุ่มผู้บริหาร
    .
    อ่านฉบับเต็มได้ที่: https://www.bangkokbiznews.com/world/1149831?anm=
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #InsightForOpportunities #กรุงเทพธุรกิจUpdate

    https://www.facebook.com/share/p/PKMLqNcQ832wro9H/
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    UPDATE: ตำรวจเตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม 18 บอสดิไอคอนกรุ๊ปในเรือนจำ เน้นข้อหาหลัก ผิด พ.ร.บ.ฟอกเงิน และข้อหาย่อย อั้งยี่-ซ่องโจร
    .
    วันนี้ (20 ตุลาคม) มีรายงานว่า หลังจากที่ พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) มีคำสั่งให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เข้ามาร่วมสืบสวนสอบสวนในคดีดิไอคอนกรุ๊ป ซึ่งล่าสุด พล.ต.ต. สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. ได้หารือร่วมกับ พล.ต.ต. พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. เกี่ยวกับการต้องแจ้งข้อกล่าวหากับกลุ่มผู้ต้องหา (บอส) ทั้ง 18 คนเพิ่มเติม
    .
    สำหรับฐานความผิดที่จะแจ้งเพิ่ม จะเป็นข้อหาร่วมกันกระทำผิดฐานฟอกเงินเป็นหลัก นอกจากนี้อาจมีข้อหาอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น ความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงิน รวมไปถึงข้อหาย่อยอย่างอั้งยี่-ซ่องโจร เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหามีพฤติกรรมเป็นขบวนการในลักษณะขององค์กรอาชญากรรม
    .
    โดยการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมนั้น ทีมสอบสวนจะมอบให้พนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เข้าไปแจ้งข้อหากับผู้ต้องหาทั้งหมดในเรือนจำ ซึ่งคาดว่าจะสรุปข้อหาที่จะแจ้งเพิ่มเติมได้ภายในสัปดาห์นี้
    .
    ส่วนการขยายผลไปสู่การจับกุมผู้ต้องหากลุ่มที่ 2 ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมหลักฐานและให้ชุดสืบสวนแกะรอย ซึ่งจะต้องมีการออกหมายเรียกหรือหมายจับผู้ต้องหาในกลุ่มต่อไปอย่างแน่นอน เช่น กลุ่มแม่ข่ายต่างๆ รวมไปถึงกลุ่มพนักงานของบริษัทบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการลงนามในเอกสารที่มีผลทางกฎหมาย แต่คาดว่าต้องใช้เวลาตรวจสอบหลักฐานอีกสักระยะ
    .
    #ดิไอคอนกรุ๊ป
    #TheStandardNews

    https://www.facebook.com/share/p/CMHYQvygkUfW3qzf/
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เพนตากอนฉุนมือมืดปล่อยเอกสารลับสุดยอด “แผนอิสราเอลเตรียมโจมตีอิหร่าน” ให้สื่อโปรเตหะราน หลุดนอกวงชาติมหาอำนาจ Five Eye ส่วนเนทันยาฮูจัดหนักโจมตี “กาซา” ดับ 73
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    เอเจนซีส์ - สหรัฐฯมีรายงานสอบสวนเอกสารข่าวกรองลับระดับสูงที่รั่วไปโผล่สื่อโปรเตหะราน Middle East Spectator เผยแพร่แผนอิสราเอลเตรียมโจมตีอิหร่านที่เผยแพร่ในกลุ่ม 5 ชาติสมาชิก Five Eye ส่วนทหาร IDF โจมตีทางเหนือของกาซาคืนวันเสาร์(19 ต.ค) ดับ 73 คน
    .
    CNN ของสหรัฐฯรายงานวานนี้(19 ต.ค)ว่า แหล่งข่าว 3 คนที่รู้ในเรื่องนี้ยืนยันความถูกต้องของเอกสารข่าวกรองลับอเมริกันระดับสูงที่รั่วไปถึงด้านนอกกลุ่มจับตาความมั่นคง Five Eye ที่มีสมาชิก 5 ประเทศได้แก่ สหรัฐฯ อังกฤษ ออสเตรเลีย แคนาดา และออสเตรเลีย
    .
    เนื้อหาในเอกสารลับที่มีตราประทับความลับระดับสูงที่มีข้อความระบุเผยแพร่เฉพาะในกลุ่มประเทศ Five Eye เกี่ยวข้องแผนอิสราเอลเตรียมโจมตีอิหร่าน ซึ่งเอกสารลับถูกเผยแพร่ผ่านช่องทางเทเลแกรมของสื่อ Middle East Spectator เมื่อราวคืนวันศุกร์(18)
    .
    ภายในเอกสารลงวันที่ 15 ต.ค และวันที่ 16 ต.ค ตามลำดับ
    .
    CNN รายงานว่า ตามรายงานระบุว่า เป็นการเปิดเผยถึงการเตรียมการของอิสราเอลที่ดูเหมือนจะกระทำเพื่อเปิดฉากโจมตีอิหร่าน ซึ่งหนึ่งในเอกสารที่อ้างว่าเป็นการรวบรวมโดยสำนักงานข่าวกรองเชิงภูมิศาสตร์สหรัฐฯ NGA (National Geospatial-Intelligence Agency) กล่าวว่า เป็นแผนเกี่ยวกับการเคลื่อนย้านกระสุนของอิสราเอล
    .
    ขณะที่เอกสารอีกชิ้นเปิดเผยว่า ได้ให้ข้อมูลแก่สำนักงานความมั่นึงแห่งชาติสหรัฐฯ NSA (National Security Agency) และแสดงถึงการฝึกซ้อมของกองทัพอากาศอิสราเอลฝึกโจมตีจากอากาศสู่ภาคพื้น ที่เชื่อว่าเป็นการเตรียมตัวเพื่อโจมตีอิหร่าน แต่ทว่า CNN ชี้ว่าไม่ได้รายงานตรงตามทุกตัวอักษร
    .
    แอกซิออส (Axios) ของสหรัฐฯรายงานเพิ่มเติมว่า เนื้อหาตามเอกสารระบุว่า เป็นการฝึกซ้อมของกองทัพอากาศอิสราเอลเกิดขึ้นสัปดาห์นี้
    .
    และมีการรายงานเตรียมความพร้อมของหน่วยโดรนอิสราเอลที่อาจถูกใช้เพื่อโจมตีอิหร่านเช่นกัน
    .
    เอกสารลับชั้นสูงของสหรัฐฯดังกล่าวถูกเผยแพร่โดย Middle East Spectator ที่แอกซิออสชี้ว่า เป็นสื่อโปรอิหร่าน โดยในแถลงการณ์ในวันศุกร์(18) อ้างว่า ได้รับเอกสารความลับจากแหล่งข่าวภายในชุมชนข่าวกรองสหรัฐฯเกี่ยวกับแผนเตรียมความพร้อมของอิสราเอลเพื่อโจมตีอิหร่าน
    .
    ทั้งนี้ช่องทางเทเลแกรมของ Middle East Spectator มักจะเผยแพร่เนื้อหาสนับสนุนเตหะราน และอีกทั้งโปรไฟล์ที่อยู่บน X ยังระบุว่าตั้งอยู่ในอิหร่าน
    .
    แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่อเมริกันแสดงความเห็นต่อแอกซิออสว่า เชื่อว่าการรั่วของเอกสารลับนั้นจะไม่ส่งผลต่อแผนปฎิบัติการของอิสราเอลต่ออิหร่าน
    .
    อย่างไรก็ตามแอกซิออสชี้ว่า หากเอกสารดังกล่าวเป็นของจริงจะแสดงให้เห็นถึงการจับตามของสหรัฐฯต่ออิสราเอล รวมไปถึงการใช้ดาวเทียมเพื่อสอดแนมความเคลื่อนไหวที่ที่ฐานทัพอากาศอิสราเอล
    .
    ขณะเดียวกันอิสราเอลโจมตีทางอากาศทางเหนือของกาซาคืนดึกของวันเสาร์(19) ที่เมืองเบต ลาเฮีย (Beit Lahia)มีผู้เสียชีวิตไปไม่ต่ำกว่า 73 คนรวมเด็กและผู้หญิง อ้างอิงจากเจ้าหน้าที่กาซา
    .
    บีบีซีของอังกฤษรายงานวันอาทิตย์(20)ว่า นอกเหนือจากนี้ยังพบผู้บาดเจ็บอีกหลายสิบคนและมีจำนวนมากยังคงติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง
    .
    เทลอาวีฟประกาศจะตรวจสอบรายงานตัวเลขสูญเสียโดยชี้ไปว่า ตัวเลขที่เผยแพร่โดยเจ้าหน้าที่กาซาของฮามาสนี้สูงเกินจริงและไม่ได้สอดคล้องกับตัวเลขของกองทัพอิสราเอล
    .
    การโจมตีล่าสุดเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังรายงานการยิงต่อสู้จากทหาร IDF ของอิสราเอลที่โรงแรมอินโดนีเซียตั้งอยู่ในเมือง
    .
    ผู้สนใจสามารถชมคลิปเพิ่มได้ที่...https://mgronline.com/around/detail/9670000101081

    https://www.facebook.com/share/p/8ktQYiwRGMQy5TEz/
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “ไบเดน” บินด่วนพบ “ชอลซ์- สตาร์เมอร์ -มาครง” หารือเครียด “ยูเครน-ตะวันออกกลาง” อยู่ในเยอรมันไม่ถึง 24 ช.ม “ปูติน” ขู่ยอมให้ “เซเลนสกี” มีนิวเคลียร์ ถือเป็นการยั่วยุ
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน เดินทางจากสหรัฐฯเข้ากรุงเบอร์ลินวันศุกร์(18 ต.ค) พบ 3 ผู้นำสำคัญของนาโตจากเยอรมัน อังกฤษ และฝรั่งเศส หารือเครียดปัญหายูเครน-ตะวันออกกลางหลังเลือกตั้งสหรัฐฯวันที่ 5 พ.ย ขณะที่ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ตั้งโต๊ะแถลงวันเดียวกันว่า มอสโกจะถือเป็นการยั่วยุหากยูเครนมีอาวุธนิวเคลียร์ในมือ
    .
    เลอมงด์(Le Monde)ของฝรั่งเศสรายงานวันอาทิตย์(20 ต.ค)ว่า เสียงความเห็นระหว่างการประชุมด่วนระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง และนายกรัฐมนตรีเยอรมัน โอลาฟ ชอลซ์ นั้นแตกแยกในประเด็นการเชิญยูเครนร่วมองค์การนาโต
    .
    ซึ่งตามข้อเสนอโดยประธานาธิบดีเซเลนสกีนั้นชี้ไปว่า ช่วงเวลาดีที่สุดที่ยูเครนจะเข้าร่วมนาโตได้นั้นน่าจะเป็นก่อนเดือนธันวาคมและเป็นช่วงเวลาท้ายของการดำรงตำแหน่งของไบเดนพอดี และการเข้าร่วมนาโตในความเป็นจริงจะเริ่มขึ้นหลังจากสงครามสิ้นสุด
    .
    ตามมุมมองของยูเครนชี้ว่า การที่เคียฟเข้าร่วมนาโตได้จะกลายเป็นหลักประกันทางความมั่นคงที่ดีที่สุดในการหยุดการรุกรานจากรัสเซีย
    .
    ซึ่งประเด็นของการหารืออยู่ที่แผนแห่งชัยชนะ( victory plan ) ที่ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ได้เสนอต่อคนเหล่า เป็นการหารือเกิดขึ้นในอีก 3 สัปดาห์สหรัฐฯกำลังจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นและการเยือนครั้งนี้ยังเป็นเสมือนการอำลาของเขาต่อเพื่อนชาติพันธมิตรของไบเดน ซึ่งเขาอยู่ในดินแดนเยอรมันไม่ถึง 24 ช.มก่อนเดินทางกลับออกไป
    .
    และก่อนหน้าการประชุมซัมมิตเขาได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงเยอรมัน Grand Cross special class of the Order of Merit จากประธานาธิบดีเยอรมัน อ้างอิงจาก VOA ของสหรัฐฯ
    .
    ในการประชุมซัมมิตยังมีการหารือประเด็นปัญหาตะวันออกกลาง โพลิติโกรายงานว่า ทั้งไบเดนและชอลซ์มีความเห็นตรงกันว่า การเสียชีวิตของหัวหน้ากลุ่มฮามาส ยาห์ยาร์ ซินวาร์ นั้นจะเปิดโอกาสต่อการหยุดยิงในเขตฉนวนกาซา
    .
    และในวันเดียวกัน(18)ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน กล่าวในการประชุมหัวหน้าสื่อชาติต่างๆของกลุ่ม BRICS ระบุว่า หากว่ายูเครนนั้นสามารถมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในความครอบครอง รัสเซียจะถือเป็นการยั่วยุ
    .
    สปุตนิกนิวส์ของรัสเซียรายงานวันเสาร์(19)ว่า มีรายงานเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ในยูเครนนั้นถือเป็นอีกหนึ่งการยั่วยุ ประธานาธิบดีปูตินกล่าว
    .
    ทั้งนี้ในวันพฤหัสบดี(17) ผู้นำยูเครนได้แถลงต่อหน้าผู้นำชาติสมาชิก EU ในการประชุมซัมมิตที่กรุงบรัสเซลส์ว่า ยูเครนจำเป็นต้องได้รับการเชิญให้เข้าร่วมนาโต หรือไม่เคียฟจำเป็นต้องกลับมาติดอาวุธนิวเคลียร์อีกครั้ง หนังสือพิมพ์เยอรมัน บิลด์(Bild) รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวเคียฟที่ไม่เปิดเผยชื่อ ที่มีรายงานว่ายูเครนสามารถพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ได้ไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นเพื่อใช้กับรัสเซียหากตะวันตกปฎิเสธการตอบรับเข้าร่วมนาโต
    .
    “นี่เป็นอีกหนึ่งการยั่วยุ” ปูตินกล่าวระหว่างการปนะชุมร่วมกับตัวแทนสื่อชาติสมาชิก BRICS ซึ่งในปีนี้มีรัสเซียเป็นเจ้าภาพ พร้อมเสริมต่อว่า มาตรการใดๆของยูเครนต่อการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์จากยูเครนจะได้รับการตอบโต้อย่างเหมาะสม
    .
    เขากล่าวว่า มันไม่เป็นการยากที่จะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ในโลกยุคใหม่ แต่อย่างไรก็ตามไม่เป็นที่ชัดเจนว่ายูเครนมีความสามารถในการทำเช่นนั้น
    .
    ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวว่า มอสโกจะไม่ปล่อยให้การปรากฎของอาวุธนิวเคลียร์ในยูเครนไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด พร้อมเสริมต่อว่า และอีกทั้งรัสเซียจะติดตามหากว่ามีตะวันตกชาติใดต้องการเคลื่อนย้ายอาวุธนิวเคลียร์มาที่ยูเครน
    .
    ผู้สนใจสามารถชมคลิปเพิ่มได้ที่...https://mgronline.com/around/detail/9670000101159

    https://www.facebook.com/share/p/4wdyQYZDgr78AQkQ/
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FB_IMG_1729638107143.jpg

    พายุโซนร้อนจ่ามี ไม่เข้าประเทศไทยโดยตรง โดยจะมีผลทำให้
    25 ถึง 27 ต.ค.2567 ทำให้มีฝนตกหนักในภาคใต้ และภาคตะวันออกของประเทศไทย
    27 ต.ค. ฝนตกเพิ่มมากขึ้นในภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคตะวันออก
    . . . . .
    . . . พายุโซนร้อนจ่ามี (#20:Trami=ดอกชาของเวียดนาม) ก่อตัวขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกใกล้ประเทศฟิลิปปินส์ เป็นพายุลูกที่ 20 ของปีนี้ เคลื่อนที่ทางทิศตะวันตกค่อนทิศเหนือเล็กน้อย
    โดยอาจจะมีความเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับความแรงของมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนที่จะเคลื่อนตัวลงมาสู่ประเทศไทย ลาว และเวียดนามในช่วงเวลาดังกล่าว ในเบื้องต้นนี้:
    22 ถึง 24 ต.ค.2567 ขึ้นฝั่งและจะทำให้ฝนตกหนักมาก ทั่วทั้งเกาะลูซอนของประเทศฟิลิปปินส์
    24 ถึง 25 ต.ค. เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตก ผ่านทะเลจีนใต้
    26 ถึง 27 ต.ค. ขึ้นฝั่งประเทศเวียดนาม ทำให้ฝนตกหนักมากที่เมืองดานัง ฮอยอัน เว้ ดองฮา ดองฮอย เมืองวินห์ และพื้นที่ใกล้เคียง
    27 ถึง 28 ต.ค. เคลื่อนตัว วกกลับ ไปทำให้ฝนตกหนักมากที่เกาะไหหลำ แล้วสลายตัวไป

    https://www.facebook.com/share/p/RWq1uYg7jLyUNvq4/
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Oct 24, 2024 อ่อนค่าต่อ! เงินบาทวันนี้เปิดขยับอ่อนค่าลงอีก หลังบอนด์ยีลด์หนุนดอลลาร์แข็งค่า รับนโยบายหาเสียงก่อนเลือกตั้งสหรัฐ
    .
    นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 33.83 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจากปิดตลาดเมื่อเย็นวันอังคารที่ระดับ 33.49 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเงินตลาดโลกและภูมิภาค เนื่องจากดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักตามบอนด์ยีลด์ที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยตอบรับนโยบายหาเสียงด้านเศรษฐกิจของนายโดนัล ทรัมป์ ที่คาดการณ์จะชนะเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งจะมีขึ้นในต้นเดือน พ.ย.นี้
    .
    สำหรับปัจจัยในประเทศต้องรอดูทิศทางของเงินทุนระหว่างประเทศ (Flow) ในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรที่มีแนวโน้มไหลออก และการค้าทองหลังราคาในตลาดโลกเมื่อคืนร่วงลงมากว่า 30 ดอลลาร์/ออนซ์
    .
    อย่างไรก็ตาม เงินบาทอ่อนค่าตามภูมิภาคและตลาดโลก เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าตามบอนด์ยีลด์ที่ปรับตัวสูงขึ้นจากคาดการณ์ผลเลือกตั้ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.65-33.95 บาท/ดอลลาร์
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/4eWZvkx
    .
    Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
    YouTube: https://www.youtube.com/@BTimes_ch3
    X: https://twitter.com/BTimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/
    TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
    .
    #เงินบาท #ค่าเงิน #ดอลลาร์ #ราคาทองคำ #ตะวันออกกลาง #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/ToLjvpztdnXhmDz6/
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แม้ตั้งแต่ปี 2560 ไทยจะครองตำแหน่งแชมป์ส่งออกรถยนต์นั่งไปอาเซียนมาโดยตลอด ทว่าหลังผ่าน 7 เดือนแรกของปี 2567 กลับพบจีนและญี่ปุ่นขยับส่วนแบ่งขึ้นนำไทยได้เป็นครั้งแรก ขณะที่อินโดนีเซียแม้ยังมีส่วนแบ่งน้อยกว่า แต่ก็ขยับเข้ามาใกล้ไทยมากขึ้น
    .
    ขณะเดียวกัน ส.อ.ท. ระบุว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ปีนี้ยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัว โดยสถานการณ์ 9 เดือนที่ผ่านมาพบว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศร่วงทั้งสันดาปและ EV ต่ำสุดในรอบ 53 เดือน
    .
    โดยปม ‘หนี้ครัวเรือน’ ยังคงเป็นกับดักร้ายฉุดรั้งเศรษฐกิจไทย บวกกับความไม่แน่นอนของสงครามตะวันออกกลางที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ก็มีผลต่อการผลิต โดยกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ยอมรับว่าปีนี้จำเป็นต้องปรับลดการผลิตลง
    .
    อ่านบทความฉบับเต็มต่อได้ที่: https://thestandard.co/thailand-auto-market-decline/
    .
    #TheStandardWealth

    https://www.facebook.com/share/p/KGEZ46V9SThfJeq4/
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    UPDATE: เศรษฐกิจไทย เงินบาท และดอกเบี้ยนโยบาย จะเป็นอย่างไร? ใต้เงาทรัมป์ vs. แฮร์ริส
    .
    CIMB THAI คาด เศรษฐกิจไทยปี 2568 จะขยายตัวได้เพียง 2.5% หาก โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะ เทียบกับ 3.2% ในกรณีที่ คามาลา แฮร์ริส ชนะ พร้อมคาดว่าเงินบาทอาจอ่อนค่าลงถึงระดับ 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐช่วงปลายปี 2568 หากทรัมป์ชนะ ในทางตรงกันข้ามหากแฮร์ริสชนะการเลือกตั้ง เงินบาทน่าจะแข็งค่าแตะระดับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในปลายปี 2568 ด้าน UOB มองว่า นโยบายของทรัมป์อาจดันให้เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น พร้อมชี้ว่านโยบายของแฮร์ริสเน้นเป้าหมายชัดเจนกว่าแม้จะไม่สุดโต่งเท่า
    .
    วันนี้ (24 ตุลาคม) ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า สำนักวิจัยฯ ประเมินฉากทัศน์ที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะชนะได้เป็นประธานาธิบดีในการเลือกตั้งสหรัฐฯ เพราะหาก คามาลา แฮร์ริส ชนะ คงเห็นการเปลี่ยนแปลงไม่มาก เนื่องจากมีความเป็นไปได้สูงที่จะดำเนินนโยบายต่อเนื่องจาก โจ ไบเดน ประธานาธิบดี ดังนั้นหากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เศรษฐกิจไทยปี 2568 จะเต็มไปด้วยทั้งโอกาสและความท้าทาย
    .
    โดยสำนักวิจัยฯ มองว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 จะขยายตัวได้เพียง 2.5% ในกรณีของทรัมป์ เทียบกับ 3.2% ในกรณีของแฮร์ริส โดยคาดว่านอกจากการส่งออกที่จะชะลอและกดดันการลงทุนภาคเอกชนให้เติบโตช้าลงแล้ว ความต้องการในประเทศจะอ่อนแอตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลง โดยเฉพาะข้าว ยางพารา และมันสำปะหลัง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้ภาคการเกษตรทั่วประเทศ รวมทั้งครัวเรือนที่มีรายได้น้อยในพื้นที่ชนบท ก็จะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการลดลงของกำลังซื้อ แต่เชื่อว่าการบริโภคภาคเอกชนยังเติบโตได้ด้วยแรงขับเคลื่อนจากภาคการท่องเที่ยวและมาตรการแจกเงินของรัฐบาล
    .
    “เศรษฐกิจไทยภายใต้นโยบายการค้าและนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์น่าจะมีความผันผวนมากกว่ากรณีของแฮร์ริส โดยเฉพาะจากความพยายามลดทอนอำนาจทางเศรษฐกิจของจีน ซึ่งจะกดดันการค้าและการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน” ดร.อมรเทพ กล่าว
    .
    แนวโน้มด้านบวกหากทรัมป์ชนะ
    .
    1. เศรษฐกิจโลกจะรอดจากภาวะถดถอย เพราะมาตรการลดภาษีนิติบุคคลจะกระตุ้นให้ธุรกิจในสหรัฐฯ เพิ่มการจ้างงานและปรับขึ้นค่าแรง ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตขึ้น
    .
    2. ราคาน้ำมันดิบโลกจะลดลงจากนโยบายส่งเสริมการผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ และการทำข้อตกลงที่เป็นประโยชน์กับประเทศในตะวันออกกลางและรัสเซีย เป็นผลดีต่อประเทศที่นำเข้าพลังงานอย่างไทย และจะช่วยลดค่าครองชีพของคนในประเทศ
    .
    3. มีการย้ายฐานการลงทุนมาไทยเพิ่มขึ้น เพราะภาษีการค้าที่กำหนดต่อจีนจะกระตุ้นให้บริษัทจีนย้ายการดำเนินงานไปยังประเทศอื่น ช่วยเสริมสร้างอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และดิจิทัล
    .
    แนวโน้มด้านลบหากทรัมป์ชนะ
    .
    1. การส่งออกของไทยเสี่ยงโตช้าจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และความกังวลว่าการค้าระหว่างประเทศจะหยุดชะงัก
    .
    2. ต้นทุนกู้ยืมของรัฐบาลจะอยู่ระดับสูงตามความเสี่ยงทางการคลัง ไม่ใช่เพียงแค่ในสหรัฐฯ แต่ยังรวมถึงไทยด้วย เพราะอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลมักเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน
    .
    3. รายได้ภาคเกษตรของไทยเสี่ยงลดลงตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก กดดันให้อุปสงค์ในประเทศไทยอ่อนแอตาม
    .
    ได้ทรัมป์บาทอ่อน แฮร์ริสมาบาทแข็ง
    .
    ดร.อมรเทพ ยังมองด้วยว่า กรณีทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง แม้ Fed อาจปรับลดดอกเบี้ยลงมากกว่าที่คาดไว้ เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ รอดพ้นจากภาวะถดถอยจากสงครามการค้า ดอลลาร์สหรัฐน่าจะอ่อนค่าตามทิศทางดอกเบี้ยที่ลดลง แต่คาดว่าตลาดจะให้น้ำหนักกับความเสี่ยง รวมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อาจยังคงอยู่ในระดับสูง สะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะที่สูงขึ้น ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนที่สูงจะทำให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดเกิดใหม่ และนำเงินกลับไปถือดอลลาร์สหรัฐแทน ทำให้ดอลลาร์แข็ง บาทอ่อน โดยคาดว่าเงินบาทอาจอ่อนค่าลงถึงระดับ 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงปลายปี 2568
    .
    ในทางตรงกันข้าม หากแฮร์ริสชนะการเลือกตั้ง Fed จะทยอยปรับลดดอกเบี้ยตามทิศทางเงินเฟ้อที่ลดลง นักลงทุนจะลดความสนใจในเงินดอลลาร์ลง เงินบาทน่าจะแตะระดับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในปลายปี 2568
    .
    ในส่วนของมาตรการทางการเงินของไทย ดร.อมรเทพ มองว่า ธปท. จะปรับลดดอกเบี้ยเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศ และลดความเสี่ยงด้านภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ แม้การลดดอกเบี้ยจะทำให้เงินบาทอ่อนค่าและเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อต่อสินค้านำเข้ามากขึ้นก็ตาม สำนักวิจัยฯ มองว่าดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะอยู่ที่ระดับ 1.25% ในกรณีของทรัมป์ เทียบกับที่ระดับ 1.50% ในกรณีของแฮร์ริส
    .
    UOB มอง นโยบายของทรัมป์อาจดันให้เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น

    เฮงคุนเฮา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายกลยุทธ์ตลาด ธนาคารยูโอบี กล่าวเมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่า ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ รวมถึงนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ อัตราดอกเบี้ย และค่าเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ผลกระทบดังกล่าวอาจส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั่วเศรษฐกิจโลก รวมถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
    .
    นักวิเคราะห์หลายท่านระบุถึงความเสี่ยงที่นโยบายของทรัมป์อาจทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น โดยระหว่างการหาเสียง ทรัมป์ประกาศสนับสนุนให้มีการเพิ่มภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าหลายรายการ
    .
    - เสนอให้เพิ่มภาษีนำเข้าจากจีนอย่างมีนัยสำคัญสูงสุดถึง 60%
    - ภาษีนำเข้ารถยนต์จากเม็กซิโกในอัตราร้อยละ 200
    - เสนอให้ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าทุกประเภทในอัตรา 10%
    .
    “การดำเนินนโยบายดังกล่าวอาจส่งผลต่อเงินเฟ้อ เนื่องจากภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ราคาสินค้านำเข้าปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ทรัมป์ยังต้องการส่งตัวผู้เข้าเมืองผิดกฎหมายกลับประเทศ ซึ่งอาจทำให้ตลาดแรงงานตึงตัวและผลักดันให้ค่าแรงสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดแรงกดดันด้านเงินเฟ้ออีกทางหนึ่ง” UOB กล่าว
    .
    แม้จะดูเหมือนว่านโยบายของทรัมป์จะช่วยยืดอายุวงจรการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่การดำเนินนโยบายเหล่านี้แม้เพียงบางส่วนอาจส่งผลให้เกิดเงินเฟ้ออีกครั้งในสหรัฐฯ สถาบันเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศปีเตอร์สันเตือนว่า ข้อเสนอภาษีนำเข้าของทรัมป์อาจทำให้ค่าใช้จ่ายในครัวเรือนของชาวอเมริกันทั่วไปเพิ่มขึ้นกว่า 2,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี
    .
    เงินเฟ้อที่สูงขึ้นนี้อาจส่งผลทำให้แผนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ไม่ลงลึกเท่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เราคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed จะลดลงจาก 5% ในปัจจุบัน เหลือ 3.5% ภายในสิ้นปีหน้า แต่หากทรัมป์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง เราก็ไม่อาจคาดเดาการดำเนินการอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ได้
    .
    แฮร์ริสเสนอนโยบายเศรษฐกิจที่มีเป้าหมายชัดเจนและไม่สุดโต่งเท่า
    .
    ในขณะเดียวกัน คามาลา แฮร์ริส ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ได้นำเสนอนโยบายในภาพรวมกว้างๆ โดยเฉพาะด้านการค้า แฮร์ริสน่าจะยังคงดำเนินนโยบาย ‘สนามเล็กรั้วสูง’ ตามแนวทางของรัฐบาลไบเดน โดยจัดเก็บภาษีนำเข้าเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่ไม่สุดโต่งเท่านโยบายที่ทรัมป์เสนอ
    .
    ส่วนด้านนโยบายภาษี แฮร์ริสเสนอให้เพิ่มภาษีรายได้สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้สูงสุด รวมถึงภาษีสำหรับกลุ่มการเก็งกำไรสูงสุดและภาษีนิติบุคคล โดยสงวนการลดภาษีให้กับอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์และอุตสาหกรรมสะอาด
    .
    ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตมีเป้าหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจขนาดเล็กและครัวเรือนที่มีรายได้น้อยรับมือกับค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น โดยรวมแล้วนโยบายเศรษฐกิจของแฮร์ริสมีเป้าหมายชัดเจนและไม่สุดโต่งเท่านโยบายของทรัมป์ และน่าจะมีผลกระทบด้านเงินเฟ้อน้อยกว่าต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ
    .
    นอกจากนี้แฮร์ริสยังสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงมีอิสระในการดำเนินนโยบาย ซึ่งแตกต่างจากข้อเสนอของทรัมป์ที่ต้องการให้ประธานาธิบดีมีอำนาจในการตัดสินใจด้านนโยบายการเงินมากขึ้น แฮร์ริสยังไม่ได้เสนอมาตรการให้ลดค่าเงินดอลลาร์เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ทรัมป์กล่าวถึงบ่อยครั้ง
    .
    ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร
    .
    #TheStandardWealth

    https://www.facebook.com/share/p/bFcF6Gx1hH5Ekv5Q/
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Oct 25, 2024 เพิ่มผลตอบแทน! รัฐมนตรีแรงงาน เล็งขยายอายุเกษียณการทำงาน เป็น 65 ปี ดึงต่างด้าว แผงลอย อาชีพอิสระเข้าระบบ วางเป้าผลตอบแทนกองทุนประกันสังคมปี 68 มากกว่า 5%

    นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่ามีแนวทางที่จะขยายอายุเกษียณการทำงาน 55 ปีในบริษัทเอกชน อาจจะขยายไปถึง 65 ปี และส่วนราชการ ขยายไปถึง 65 ปีเช่นกัน เนื่องจากปัจจุบันคนดูแลสุขภาพได้ดีขึ้น และความเจริญทางการแพทย์ เหมือนเช่นสิงคโปร์ สวิสเซอร์แลนด์ โดยจะดำเนินการแก้ไขพ.ร.บ.ประกันสังคมรวมถึงเพิ่มผู้ประกันตนที่เป็นแรงงานต่างชาติ อาทิ เมียนมา ลาว กัมพูชา จำนวน 2 ล้านคน จากปัจจจุบันมีแรงงานต่างด้าวเข้าระบบประกันสังคมเพียง 1.5 ล้านคน โดยที่ผ่านมา มีแรงงานต่างด้าวเข้ามาเป็นแรงงานเถื่อนจำนวนมาก ดังนั้น ได้ให้กรมการจัดหางานทำงานเชิงรุก เข้าไปตรวจสอบ โดยอาจเปิดโอกาสให้แรงงานต่างด้าวมาลงทะเบียน หากยังไม่มาลงทะเบียนอีกจะส่งกลับประเทศต้นทาง

    อีกทั้งยังมีผู้ที่มีอาชีพอิสระที่ยังไม่ได้เข้าระบบประกันสังคม ผู้ประกอบอาชีพอิสระ คนขับรถแท็กซี่ ไรเดอร์ รวมถึงกลุ่มที่กฎหมายปัจจุบันได้รับการยกเว้น ได้แก่ ลูกจ้างของกิจการเพาะปลูก ประมง ป่าไม้และเลี้ยงสัตว์, ลูกจ้างทำงานบ้าน และลูกจ้างผู้ค้าหาบเร่ แผงลอย ก็จะให้เข้ามาระบบประกันสังคม ม.40

    นอกจากนี้ จะเสนอให้ปรับเพิ่มอัตราเงินสมทบนายจ้างและผู้ประกันตนฝ่ายละ 2% รัฐบาล 2.5% รวม 3 ฝ่าย 6.25% ซึ่งจะดำเนินการแก้ไข พ.ร.บ.ประกันสังคม โดยจะมีการเสนอไปที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติและส่งเรื่องไปที่สภาผู้แทนราษฎรต่อไป

    รวมถึงจะปรับเพิ่มเพดานค่าจ้างอย่างต่อเนื่องตามค่าเงินเพื่อสิทธิประโยชน์ที่เพียงพอของผู้ประกันตน โดยจะมีการดำเนินการแก้ไขกฎกระทรวงในประเด็นนี้
    นอกจากนี้ยังได้มีการหารือผู้เกี่ยวข้องกับกองทุนประกันสังคม ที่มีแนวคิดให้จัดการค่าใช้จ่ายผันแปร (Floating Cost) ที่เป็นค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาล แต่หากเราทำเป็นค่าใช้จ่ายคงที่ (Fixed Cost) โดยให้บริษัทประกันภัยเข้ามาดูแลแทน โดยกองทุนเข้าไปซื้อประกันแล้วให้บริษัทประกันมาดูแลรับผิดชอบ ก็จะทำให้กองทุนประกันสังคมจะมีค่าใช้จ่ายต่ำลง และช่วยให้การวางแผนบริหารกองทุนทำได้ง่ายขึ้น โดยปัจจุบันยอมรับว่า ค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่สุด ซึ่งมีประมาณ 6 หมื่นล้านบาทต่อปี

    สำหรับการเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนได้ให้เป้าหมายไม่ต่ำกว่า 5% ในปี 68 จากปี 66 ที่มีผลตอบแทนอยู่ในระดับ 2.3-2.4% หากทำได้จะยืดอายุเงินกองทุนประกันสังคมไปอีก 3-4 ปี โดยอดีตอัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ในระดับสูง แต่ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเริ่มลดลงแล้ว ซึ่งหลังจากได้คณะกรรมการประกันสังคมชุดใหม่เมื่อปลายปี 66 มีแนวคิดให้กองทุนประกันสังคมลงทุนในต่างประเทศ ขณะนี้ก็ได้เริ่มลงทุนในสหรัฐและยุโรป ให้ผลตอบแทนราว 6-7% เพื่อมาเฉลี่ยกับสินทรัพย์ลงทุนในไทย ดึงให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงขึ้น และมีโอกาสขยายลงทุนสินทรัพย์ได้ไม่ต่ำกว่าระดับ BBB ที่จะให้ผลตอบแทนสูงขึ้นได้ด้วย โดยในปัจจุบันกองทุนมีผลตอบแทนสูงขึ้นมาที่ 2.7%

    ทั้งนี้ ในปีหน้ากองทุนจะปรับสัดส่วนการลงทุนในไทยมาเป็นการลงทุนความเสี่ยงต่ำราว 65% ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล เงินฝาก เป็นต้น และอีก 35% ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง อาทิ หุ้นในประเทศ ลงทุนผ่านกองทุนหุ้นในต่างประเทศ และลงทุนอสังหาริมทรัพย์ จากเดิมลงทุน 70/30 เพราะปัจจุบันตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนต่ำมาก และเป็นตลาดที่อ่อนไหวมาก

    "เราจะไม่พยายามไปลงทุนเอง(หุ้นในต่างประเทศ) แต่เราจะลงทุนผ่านกองทุน เพราะเราคงไม่มีปัญญาไปวิเคราะห์ในหุ้นแต่ละตัวแต่ละประเทศซึ่งเราวิเคราะห์ไม่ไหว ซึ่งวันนี้เราเห็นแล้วว่าเราลงทุนในประเทศไทย 70% ผลตอบแทนมันต่ำ แต่ตอนนี้เราสามารถดึงผลตอบแทนขึ้นมาได้ 2.7% เพราะวันนี้เราลงทุนต่างประเทศได้กำไรค่อนข้างดี โดยเฉพาะตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปีนี้มีผลตอบแทนถึง 10%"

    นายพิพัฒน์ กล่าวว่า หลังจากนี้ไป เมื่อเงินฝากหรือพันธบัตรรัฐบาลที่ถืออยู่ครบกำหนดก็จะผลักเม็ดเงินออกไปลงทุนตลาดหุ้นในต่างประเทศผ่านกองทุนรวม เพื่อให้ผลตอบแทนสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม การลงทุนของกองทุนประกันสังคม ก็จะต้องผ่านขั้นตอนจนถึงบอร์ดประกันสังคมที่จะอนุมัติการลงทุนที่เห็นสมควร

    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
    YouTube: https://www.youtube.com/@BTimes_ch3
    X: https://twitter.com/BTimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/
    TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3

    #แรงงาน #ประกันสังคม #แรงงาน #กองทุนประกันสังคม #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/SrEXbmpFWp3aVWsb/
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วิกฤติมั้ย? กองทรัสต์ท้องถิ่นของจีน"ล้ม"(ไม่มีปัญญาใช้หนี้)สูงสุดในประวัติศาสตร์ ฟาดไป 27ล้านล้านบาท!!! #สัญญาณอันตราย

    จริงๆ ตรงนี้เขียนนิยามยาก เพราะมันไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ทางการเงินท่ามาตรฐาน
    ปกติถ้ารัฐบาลท้องถิ่นหรือเอกชนในท้องถิ่นจะเป็นหนี้ ก็ออกหุ้นกู้ เป็นขนบทั่วไปที่ทำๆ กัน แต่ถ้าไม่ใช่ ไม่ได้อยู่ในตลาดตราสารหนี้ ก็จะเป็นเชิงคล้ายๆ กับกองทรัสต์ ที่ไม่ได้อยู่ในท้องตลาดในระบบ
    ข่าวนี้จึงสำคัญมากสองเด้ง เด้งแรกคือ สิ่งนี้มันกลายเป็น "หนี้เสีย" สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนอีกเด้งคือ มันคืออะไรที่ไม่ค่อยรู้ไม่ค่อยเข้าใจ ไม่ใช่ท่ามาตรฐาน นั่นยิ่งทำให้น่ากลัว และเอาเข้าจริงพอมันไม่อยู่ในระบบเป็นเรื่องเป็นราว ก็ยิ่งทำให้ไม่แน่ชัดว่าสเกลมันเท่าไหร่กันแน่ เท่าที่ประเมินตอนนี้ คือน่าจะประมาณ 8 แสนล้านดอลลาร์ ที่เป็น "หนี้เสีย"
    แล้วยิ่งพอมันไม่ใช่ของระดับประเทศ แต่เป็นระดับท้องถิ่น มันก็ยิ่งน่าสะพรึง เพราะจะซึมลึก ในรากฝอยที่เป็นแขนงลงไป ซึ่งเข้าใจใช่มั้ยล่ะครับ ว่าพวกรากฝอยเนี่ย ยุ่ยได้ง่าย โดนอะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็ขาดแล้วไม่เหมือนรากแก้ว
    ภาพพวกนี้ไม่ดีเอาซะเลยครับ จีนหมักหมมปัญหาพวกนี้ไว้เยอะมาก แก้ยากใช่เล่นเลยล่ะครับ
    https://www.bloomberg.com/news/arti...nese-municipal-debt-market?srnd=homepage-asia

    https://www.facebook.com/share/p/p4zhaWsf5t2xe9bh/
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตุลามหาวิปโยคเลยทีเดียว
    ก.ย. ริงกิตแตะระดับแข็งสุดในรอบ 3 ปีเชียวนะครับ (กราฟลง แปลว่ายิ่งแข็ง / กราฟขึ้น แปลว่ายิ่งอ่อน)
    นี้คือ performance ดีสุดของเอเชียเลยนะครับ อัตราความแข็งดีมาก แต่ไม่ทันไร พอเข้า ต.ค. กลายเป็นอ่อนลง 6.6% (ที่จริง ยังเหลือพรุ่งนี้อีกวัน) --- สถิติรายเดือนที่อ่อนลงหนักสุดในรอบ 9 ปี
    ไม่ดีเอาซะเลย ส่วนหลักเพราะพอใกล้เลือกตั้งอเมริกา คนก็กลัวความสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นของผลลัพธ์ ทำให้ผละจากเงิน emerging market และประจวบเหมาะกับริงกิตเป็นท้อปๆ ของ emerging market พอดี แบบนี้ก็โดนเต็มๆ เลยล่ะครับ
    นอกจากนี้ ริงกิตปกติมันมี sensitivity ไปตามเยนกับหยวนค่อนข้างสูง ฉะนั้น พอเยนกับหยวนอ่อน มันก็โดนลากไปด้วยล่ะครับ
    ซึ่งความจริง บาทไทยก็ใช่ย่อย ทรงเดียวกันเลย เพียงแต่เพื่อนบ้านเราไปหนักกว่าครับ

    FB_IMG_1730287237374.jpg

    ริงกิตสีส้ม กับบาทสีม่วง กราฟก็แทบจะทับกันเลยล่ะครับ แข็งอ่อนไปด้วยกัน เพียงแต่ดีกรีเขาแรงกว่าครับ (กราฟคนละสเกล)

    FB_IMG_1730287286294.jpg

    https://www.facebook.com/share/zwgsgVpiyAAMuFbd/
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Oct 30, 2024 ขึ้นพรวด!ราคาน้ำมันปาล์มปรับขึ้นแรง 10 บาทต่อขวดลิตร หลังฝนทิ้งช่วงทำผลผลิตปาล์มออกน้อย น้ำมันถั่วเหลืองจ่อขอปรับขึ้นบ้าง 1-2 บาท

    ราคาผลผลิตปาล์มดิบปรับขึ้นต่อเนื่องหลังฝนทิ้งช่วงทำให้ผลผลิตปาล์มออกสู่ตลาดลดลง โดยล่าสุดราคาปาล์มดิบแต่ 9.10 บาทต่อกิโลกรัม โดยปรับขึ้นมาเกือบ 2 บาท นับจากต้นเดือน ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตน้ำมันปาล์ม ทำให้ราคาน้ำมันปาล์มขวดปรับขึ้นรวดเดียว 10 บาทต่อขวดลิตร จากเดิมขายอยู่ที่ 40 กว่าบาทเป็น 50 กว่าบาทต่อขวดลิตร และมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอีก

    ขณะที่น้ำมันถั่วเหลืองก็ส่งสัญญาณขอปรับราคาขายขึ้น 1 - 2 บาท ภายในต้นเดือนพฤศจิกายนนี้เช่นกัน

    ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ได้หารือสมาคมโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มและสมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม เพื่อบริหารจัดการสต๊อกน้ำมันปาล์ม โดยงดการส่งออกในช่วงนี้ จนกว่าสถานการณ์ผลผลิตน้ำมันจะเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มตั้งแต่มกราคม 2568 พร้อมขอความร่วมมือผู้ผลิตน้ำมันปาล์มปาล์มปาล์มบรรจุขวดชะลอการปรับราคาออกไปให้นานที่สุด ขณะที่ห้างค้าส่งค้าปลีกให้ความร่วมมือในการตรึงราคาน้ำมันพืชพร้อมจัดโปรโมชั่นเพื่อช่วยเหลือประชาชน

    #น้ำมันพืช #น้ำมันปาล์ม #น้ำมันมันถั่วเหลือง #ปาล์มดิบ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/LGUU2oLqN5CkV2uM/
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Oct 30, 2024 วูบเยอะ! ยอดผลิตรถยนต์โตโยต้าวูบทั่วโลก ลดลงติดต่อกันเดือนที่ 8 ในเดือนก.ย. 67 เนื่องมาจากยอดขาย ผลิตในสหรัฐฯ และจีนทรุด

    สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ (Toyota Motor) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น เปิดเผยในวันนี้ (30 ต.ค.) ว่าการผลิตรถยนต์ทั่วโลกปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 ในเดือน ก.ย. ขณะที่ทั้งยอดขายและการผลิตในสหรัฐฯ และจีน ซึ่งเป็นสองตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของโตโยต้า ก็ปรับตัวลงเช่นกัน

    โดยการผลิตรถยนต์ทั่วโลกของโตโยต้าลดลง 8% ในเดือน ก.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 826,556 คัน โดยการผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ ลดลง 14% และการผลิตในจีนลดลง 19%

    สำหรับปัจจัยที่ทำให้การผลิตรถยนต์โตโยต้าในสหรัฐฯ ลดลงนั้น มาจากการระงับการผลิตและการส่งมอบรถรุ่น Grand Highlander และ Lexus TX ซึ่งเป็นรถสปอร์ตอเนกประสงค์ เนื่องจากพบปัญหาเกี่ยวกับถุงลมนิรภัย อย่างไรก็ดี โตโยต้าได้เริ่มกลับมาผลิตรถยนต์ทั้งสองรุ่นอีกครั้งเมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา

    ส่วนในจีนนั้น โตโยต้ายังคงเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักจากการที่ผู้บริโภคหันไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดแบบปลั๊กอิน (plug-in hybrids) ที่จำหน่ายโดยผู้ผลิตรถยนต์ของจีน

    ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกลดลง 7% ในเดือน ก.ย. สู่ระดับ 853,149 คัน โดยยอดขายในสหรัฐฯ ร่วงลง 20%, ยอดขายในจีนลดลง 9% และยอดขายในญี่ปุ่นลดลง 6% ส่วนในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ยอดขายรถยนต์ของโตโยต้าอยู่ที่ 7.4 ล้านคัน ลดลง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

    #โตโยต้า #ยอดผลิตรถยนต์ #ยอดขายรถยนต์โตโยต้า #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/bgsnUu2mDV3YkNbD/
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,680
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Oct 30, 2024 แข็งค่าต่อ! เงินบาทเปิดตลาดแข็งค่าขึ้น หลังราคาทองยังทำออลไทม์ไฮ ระวังความผันผวนช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ
    .
    นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าเงินบาทวันนี้ที่ระดับ 33.66 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 33.77 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.55- 33.80 บาทต่อดอลลาร์ (ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ) โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท(USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นในลักษณะ Sideways Down (กรอบการเคลื่อนไหว 33.65-33.80 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำจนทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ (All-Time High)
    .
    นอกจากนี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาผสมผสาน โดยยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings) ลดลงสู่ระดับ 7.44 ล้านตำแหน่ง แย่กว่าคาด ขณะที่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Conference Board Consumer Confidence) พุ่งขึ้นสู่ระดับ 108.7 จุด ดีกว่าคาดไปมาก ก็ทำให้เงินดอลลาร์ไม่สามารถปรับตัวแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องได้ ก่อนจะทยอยอ่อนค่าลงบ้าง ตามแรงขายทำกำไรของผู้เล่นในตลาด
    .
    ทั้งนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็ชะลอลงแถวโซนแนวรับ 33.65 บาทต่อดอลลาร์ ตามโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงปลายเดือน รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมซื้อน้ำมันดิบจากผู้เล่นในตลาด หลังราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่องในช่วงระยะสั้น จากความกังวลผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางต่ออุปทานน้ำมันดิบที่ทยอยคลี่คลายลง
    .
    สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท ประเมินว่าการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในช่วงคืนที่ผ่านมาได้ทำให้เงินบาทมีโอกาสชะลอการอ่อนค่าลงบ้าง และเงินบาทก็อาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเงินบาทยังคงมีโซนแนวต้านแถว 33.85 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่โซนแนวรับแรกจะอยู่ในช่วง 33.65 บาทต่อดอลลาร์ และมีแนวรับถัดไปแถว 33.50 บาทต่อดอลลาร์
    .
    อย่างไรก็ตามแม้เงินบาทจะพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง จากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ซึ่งก็อาจยังไม่เห็นการปรับฐานของราคาทองคำที่ชัดเจน ต่อเนื่องและรุนแรง จนกว่าตลาดจะรับรู้ทั้งรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ควรระวังความผันผวนของราคาทองคำ ที่จะส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของเงินบาท
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/3A9YS8i
    .
    Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
    YouTube: https://www.youtube.com/@BTimes_ch3
    X: https://twitter.com/BTimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/
    TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
    .
    #เงินบาท #ลงทุน #การเงิน #หุ้น #ทองคำ #น้ำมัน #ตลาดหุ้น #ราคาทอง #เศรษฐกิจ #เล่นหุ้น #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/MVLybQv9mkd1PW87/
     

แชร์หน้านี้

Loading...