@@..คำครู ผู้ชี้-นำ-อุปถัมภ์ สู่พระโพธิญาณ & เรื่องเล่าจากกัลยาณมิตร.@@

<iframe width="640" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/rHNNdwikATg?&autoplay=1&rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

<iframe width="640" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/BKG45weLl9I?rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

อธิษฐานในสิ่งที่เรากระทำ เวลาที่เราทำบุญที่ไหน ให้ภพภูมิมาอนุโมทนากับข้าพเจ้าได้ตลอดชีวิต การอธิษฐานได้บารมีหลายอย่าง พออธิษฐาน ก็ต้องทำ ก็ได้สัจจะ แล้วเราก็ต้องมีศีล มีการภาวนา มีสมาธิ มีความเพียร มีความอดทน ฯลฯ การพิจารณาแต่ละวัน แสงสว่างก็เกิดทุกครั้งที่เราหายใจเข้าออก เราแผ่ไปให้เขาตลอด เขาก็ได้ทุกลมหายใจเข้าออกเหมือนกัน แต่ถ้าเราจิตเศร้าหมอง เขาละเอียดเขารู้เขาก็ไม่รับ ดังนั้น เราต้องตั้งใจให้เป็นบุญไว้ ต้องทรงอารมณ์ให้ดี ถ้ามีอะไรที่มากระทบจิตต้องรีบคลายใจให้ไวที่สุด โดยการจับภาพหลวงปู่ สวดไตรสรณคมน์ หรือบทสวดใดก็ได้ที่เราสบาย ทรงอารมณ์ให้ดี อธิษฐานบารมี 10 ทัศ บ่อยๆ กำลังก็จะมากขึ้นทุกลมหายใจเข้าออก ไม่กี่ปี กำลังใจมากขึ้น จะตัดภพที่เราต้องเกิดในอนาคตได้ ท่านให้เกาะกระแสท่านไว้ ท่านมีบุญเยอะ แค่เราคิดถึงท่าน เราก็ได้บุญแล้ว การแผ่ได้เมตตาบารมี เกิดภพหน้าจะได้มีพวกเยอะ

 

ทำไมพลังงานจักรพรรดิ์ถึงไปได้ทั้งที่ไม่มีสายต่อ อยู่คนละประเทศ คนละจังหวัด คนสร้างคนละคน คนละแบบ
เพราะเหตุใดหลวงตาเคยสอนว่ารูปลักษณ์พุทธะ สังฆะ หรือเทวดา
ลูกแก้ว คือคนสร้างก็คนละคน รูปลักษณ์ก็ไม่เหมือนกันมาก
ทุกรายละเอียด ทำไมพลังงานถึงไปได้
1)สายก็ไม่มีต่อ
2)อยู่คนละประเทศ อยู่คนละจังหวัด
มันไปได้ยังไง

-มันมีรูปไง มันเป็นศาสตร์หลวงปู่ดู่ไง มันเป็นกระแสเดียวกันไง
เพราะเรานึกถึงหลวงปู่ดู่ประจำไง มันเป็นกระแสเดียวกัน
เวลาเขาไปสร้างหลักตามสถานที่ต่างๆ พวกโทรทัศน์
พวกอินเตอร์เน็ทเนี่ย มันก็ไม่มีสายเหมือนกันแหละ
โทรศัพท์มันมีสายที่ไหน ทำไมมาได้ล่ะ คลื่นมันมาได้อ่ะ
คลื่นจิตก็เหมือนกัน เรามี เราไปวางรูปลักษณ์ไว้อ่ะ
พอเรานึกมันก็ไปใช่ไหมล่ะ

มันเป็นธรรมชาติอะไรครับ

-ไม่ได้เป็นธรรมชาติอะไร มันเป็นเรื่องจริงฮะ ก็เหมือนพวกทีวี
พวกโทรศัพท์ มันมีสายที่ไหนล่ะ ทำไมมันไปได้ล่ะ
มันอยู่ที่เครื่องรับกับเครื่องส่งไง เครื่องส่งก็คือเราไง
เครื่องรับก็คือที่เราเอาไปติดตั้งไว้ไง

อ๋อ เขาบอกว่า แล้วพลังงานบุญเป็นพลังงานที่ดีละเอียด
แต่พลังงานมือถือโทรศัพท์เป็นพลังงานที่หยาบ
ทำไมมันถึงเหมือนกัน

-เหมือนกัน ก็พวกสัมภเวสีก็หยาบ เปรต อสุรกาย ก็หยาบนะฮะ
มนุษย์สามารถมองเห็นด้วยตาด้วยซ้ำไป ถ้าเราไปในแหล่งเขานะ
เหมือนกัน

หลวงตาขาที่หยาบเพราะว่าเขาหยาบมาจากในโลกมนุษย์
ถ้าเราละเอียดในโลกมนุษย์นี้ อนาคตเราก็ไปในภูมิที่สูงถูกไหมคะ
อย่างนี้เราก็ดูคนในปัจจุบันได้เลยว่าจะไปภูมิไหนเลยใช่ไหมคะ

-ถูก สวดมนต์บ่อยๆ จิตเบาก็เป็นพรหมแล้ว พรหมไปได้ทุกภูมิ
พรหมไม่มีเพศไปได้ทุกภูมิ ยกเว้น ข้างล่าง เพราะข้างล่าง
ต้องขออนุญาติพญายม เพราะลงไปแล้วเขาจะหยุด มันเป็นดินแดน
ที่เขาทรมาน

อย่างนี้ใครเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ก็ไปพรหมหมดเลย

-ถ้าสวดก็ไปฮะ ถ้าไม่สวดก็ไป ถ้าปฏิบัติถ้าทำก็ไป
ในห้องนี้ก็ต้องไปเจอกันบนนั้นใช่ไหมคะ

แม่ชีวันนี้มีอารมณ์เป็นยังไงล่ะ

-อารมณ์สบายไหม กระทบแล้วสบายไหม กระทบแล้วมันไปไวไหม
อ้าวนั่นล่ะ โอเคแล้ว อย่าให้มันค้างไปถึงชั่วโมงเลยนะ
ค้างถึงชั่วโมงไหม สิบนาที นั่น มันอยู่ที่ตรงนั้น
มันมีอาการแต่ว่ามันเบนได้ไวไงใช่ไหม โห ถ้าไม่มีอาการก็
หลวงตาสาธุเลยเนี่ย ได้ยินเสียงแล้วไม่กระตึ๊กเลยเนี่ย
สาธุเลยอ่ะ มันต้องมีมั่ง กระตึ๊กใช่ไหม มันต้องมีมั่ง
แต่เราเบรคมันไวแค่นั้นอ่ะ เปลี่ยนไว ไปไว
ลองไม่เปลี่ยนสักสิบปีสิ ตาย อารมณ์เศร้าสักสิบปีเนี่ย ตาย
ไม่เหลือหรอก นั่งเศร้าอยู่อย่างนั้นอ่ะ

ที่มา : หลวงตาม้าตอบปัญหาธรรม 9 ธันวาคม 2555

 

สมมติเราทำบุญไป ถวายเสต็กพระ แล้วตอนตายไป
เสต็กเปลี่ยนเป็นบุญ ไปเป็นยังไง

-แสงสว่าง แสงสว่างในการนึกอะไรก็อิ่ม นึกถึงเสต็กก็อิ่ม

ก็ได้กินแต่เสต็กสิครับ

-นึก อิ่มไง มันกินไม่ได้ มันไม่มีธาตุ เทวดาไม่มีธาตุ จะกินยังไง

ตอนนี้อายุ 70 กว่าแล้ว เพิ่งเคยได้ใส่บาตรครั้งเดียวครั้งแรก
แต่เขาเลี้ยงพระเยอะมาก เลี้ยงอย่างดี เสต็กอย่างดี อยากถาม
หลวงตาว่าทำไมบุญน้อยมาก

-ก็ยังได้ทำก็ยังโอเคแล้ว คือเทวดาเนี่ย เวลาอยู่เทวดาเนี่ย
เขาไม่ได้กินอย่างเราใช่ไหม เขาไม่มีธาตุ จิตมันนึกมันก็อิ่ม
ที่มันหมดก็เพราะเสวยบุญมากนึกมาก มันก็ต้องกินเหมือนกันน่ะ
เสพทางจิตอ่ะ เสพเหมือนกับเราแหละ แต่มันมีธาตุเดียว
คือบุญที่เขาทำ มันอยู่ในโลกเนี่ย มันหมดในโลกน่ะ บนเทวโลกก็หมด
ก็ต้องลงมาในโลกอีก แล้วก็มารับเศษกรรมของโลกที่เคยทำ
แล้วก็ทำใหม่ทั้งที่ดีและไม่ดี มันเวียนว่ายตายเกิด

แล้วบุญมันเกิดจากอะไร สวดมนต์แล้วได้อะไร

-บุญเกิดความสบายใจ ความสบายใจทำให้อายุยืน
เพราะใจมันควบคุมธาตุอยู่ฮะ ถ้าอารมณ์สบายธาตุก็สบาย

แล้วถ้าผมเริ่มสวดจักรพรรดิ์ตอนนี้ ผมยังจะขึ้นเทวดาได้หรือไม่
เพราะตั้งแต่เกิดมา ผมมานั่งย้อน ผมทำบาปมาเกือบล้วน

-อย่าไปคิดถึงมัน มันไม่มา ถ้าคิดเมื่อไรมันมาเมื่อนั้น
สวดมนต์ไป คิดถึงพระ

นี่แสดงว่ายังมีบุญอยู่ใช่ไหมครับหลวงตา

-มี

ยังมาได้สวดมนต์ทำบุญ

-มี สวดมนต์ไปเรื่อยๆอ่ะ สวด ก่อนนอนก็สวดๆให้หลับ ตื่นนอนก็สวด
โอย เรื่องเด็กๆ ไม่ไปไหนหรอก ไม่ต่ำกว่าเทวดาหรือพรหมโน่นแหละ

ส่วนใหญ่อายุขัยของมนุษย์ประมาณ 80
แสดงว่าของผมเหลือแค่ 10 ปีเอง แล้วผมจะทันหรือไม่

-ไม่แน่หรอก อาจจะ 120 ก็ได้ ยังมีคน 120

โอ้ สาธุ

-ที่ถ้ำยังมีเลยเมื่อก่อนนี้ที่ชาวบ้านอ่ะ 119 ปีอ่ะ

119

-ใช่ เพิ่งตายเมื่อ 5-6 ปีมาเนี่ยแหละ คนเราไม่แน่น่ะ อายุยืนก็มีนะ
90-100 พระสังฆราชตอนนี้ยัง 90 จะ 100 อยู่แล้ว ท่านยังอยู่เลย

ที่มา : หลวงตาม้าตอบปัญหาธรรม 9 ธันวาคม 2555

 

ผิดสัจจะ

คนที่ผิดสัจจะ กำลังจะตก ทำอะไรก็จะไม่สำเร็จ พูดแล้วอย่ากลับคำ สัจจะรักษาให้มั่น แล้วจะพัฒนาเป็นวาจาสิทธิ์

 

"ใครสร้างพระพุทธมหาจักพรรดิ์ จะ อุดมสมบูรณ์ ร่ำรวย ไม่อดไม่อยาก มีทรัพย์มาก ให้ไปหล่อทำไว้บ้างนะ ถ้าทำได้"

หลวงปู่สังข์










เครดิต https://www.facebook.com/photo.php?...559.1073741829.100007444906232&type=3&theater

 

สนทนาธรรม
เมื่อครั้งที่อาจารย์ศุภรัตน์ กับหมู่เพื่อนใกล้สำเร็จการศึกษา ได้มากราบนมัสการหลวงปู่ดู่ ท่านได้สนทนาธรรมกับคณะอาจารย์อยู่นาน สาระสำคัญที่เกี่ยวกับการปฏิบัติคือ
เมื่อพบแสงสว่างในขณะภาวนา ให้ไล่ดู ถามหลวงปู่ว่า ไล่แสงหรือไล่จิตครับ ท่านตอบว่า ให้ไล่จิต โดยเอาแสงเป็นประธาน(เข้าใจว่าอาศัยปิติ คือความสว่างมาสอนจิตตนเอง) เช่นไล่ว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์มีจริงหรือไม่ มีจริงก็เป็นพยานแก่ตน ถามหลวงปู่ว่า ไล่ดูมักเห็นแต่สิ่งปกปิด คือกิเลสในใจ
ท่านว่า @@ ถ้าแกเกลียดกิเลสเหมือนเกลียดหมาเน่า หรือของบูดเน่าก็ดี ให้เกลียดให้ได้อย่างนั้น @@

 

วิธีปฏิบัติเวลาไปวัดแบบสั้นๆ นะคะ
.
1. เมื่อถึงหน้าวัด หรือเห็นป้ายชื่อวัดให้อธิษฐานว่า “ข้าพเจ้าขออนุโมทนาบุญกับผู้ที่เคยสร้างวัด... ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน อนาคตทั้งหมดทั้งมวลด้วยเทอญ สาธุ (จบที่หว่างคิ้วด้วย)
.
2. ไปถึงวัดคุณบอกว่า หลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า ช่วยแผ่บุญ ครอบวิมาน ปรับภพภูมิไปที่ภูมิเทวดา เทพพรหมเทวดา โอปาติกะ ภพภูมิทั้งหมดที่ปกปักษ์รักษา และอยู่รอบบริเวณวัดนี้ตลอดระยะทางไม่ประมาณได้ ทั่วทั้ง 360องศา และที่เคยเกี่ยวข้องกับวัดนี้ และที่เคยเกี่ยวข้องกับผู้ที่อยู่ที่วัดแห่งนี้ทั้งหมด ที่เคยเกี่ยวข้องมาตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน อนาคตทั้งหมดทั้งมวล ขออัญเชิญทุกท่านมาร่วมสวดจักรพรรดิ์กับข้าพเจ้าตลอดชีวิต ขอให้ทุกท่านตามหลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า โมทนาบุญตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน อนาคตทุกๆ พระองค์ ข้าพเจ้าอนุญาตให้ทุกท่านร่วมโมทนาบุญกับข้าพเจ้า รับบุญจากข้าพเจ้า ผ่านบุญจากตัวข้าพเจ้าได้ตลอดชีวิต
นะโม 3+จักรพรรดิ์ 1+สัพเพ 3 (ขณะสวดน้อมพลังงานจากหลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า ผ่านมาที่เรา แผ่ออกไปทั่ววัด รอบบริเวณวัดให้หมด กำหนดเป็นวงกว้างเหมือนเราเป็นจุดศูนย์กลางแผ่ออกไปทั่วตัวก็ได้)
.
3. นำพระผง หรือลูกแก้วจักรพรรดิ์ ไปวางไว้ที่ฐานพระ วางไว้มือพระ กระถางธูป (ใช้ลูกแก้วอย่างเดียว) เวลาคนมากราบไหว้ มาอธิษฐาน ก็เปรียบได้ของกับพระจักรพรรดิ์ที่เราไปวางด้วย วางไว้กี่องค์ก็ได้ หรือวางที่ศาลพระภูมิได้หมด ก็อธิษฐานพระผง ลูกแก้วไปตามที่มีสอนอธิษฐานเรื่องฝากกระแสกับพระผง ลูกแก้วจักรพรรดิ์ เป็นต้น
.
4. บอกตามนี้อีก "หลวงปู่หลวงตา ช่วยครอบพระจักรพรรดิ์ให้กับรูปลักษณ์พุทธะ ธัมมะ สังฆะที่เป็นสื่อกลางของพุทธศาสนาทั้งหมดในวัดนี้ด้วย" แล้วนึกพระจักรพรรดิ์องค์ใหญ่ซ้อนทับทั้งวัดเลย ขณะซ้อนให้สัพเพไปด้วย 3ครั้ง เวลาใครมากราบไหว้ ก็เปรียบเสมือนกราบไหว้พระจักรพรรดิ์ กำลังก็จะมากที่สุด สิ่งที่ขอก็จะเป็นจริงเร็วขึ้น สามารถครอบพระจักรพรรดิ์ที่รูปปั้นที่คนเชื่อได้ เช่น พระพิฆเนศ พระพรหมเป็นต้น
อธิษฐาน "ข้าพเจ้าขอฝากกระแสกับพระผงจักรพรรดิ์ ลูกแก้วจักรพรรดิ์ รูปลักษณ์พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ทุกรูปทุกนามที่เป็นสื่อกลางของพุทธศาสนาที่มีอยู่ในวัดนี้ทั้งหมด นับจากนี้ตราบจนข้าพเจ้าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ"
.
5. แล้วให้บอกว่า "หลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า ช่วยตั้งกองบุญให้ด้วย" การตั้งกองบุญให้ตั้งหน้ารูปลักษณ์พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่เป็นสื่อกลางของพระพุทธศาสนาที่มีอยู่ในวัด จะตั้งหน้าวิหาร โบสถ์ อุโบสถ ก็ได้เช่นกัน
.
6. กราบพระถวายชีวิตหน้าพระพุทธรูปใน รูปหล่อหลวงพ่อต่างๆ วัดนั้นนะคะ (ใครแยกกายทิพย์ไปวัดอื่นด้วยก็ทำพร้อมกัน ไม่ต้องกราบที่เดียวนะคะ ทำหลายที่พร้อมกัน)
กราบครั้งแรกกล่าว พุทธัง ชีวิตังเม ปูเชมิ
(ข้าพเจ้าขอบูชาพระพุทธเจ้าด้วยชีวิตของข้าพเจ้า นึกกราบพระพุทธรูป พระจักรพรรดิ์)
กราบครั้งที่สองกล่าว ธัมมัง ชีวิตังเม ปูเชมิ
(ข้าพเจ้าขอบูชาพระธรรมด้วยชีวิตของข้าพเจ้า นึกกราบพระไตรปิฏก หนังสือสวดมนต์ หนังสือพระที่ชอบ)
กราบครั้งที่สามกล่าว สังฆัง ชีวิตังเม ปูเชมิ
(ข้าพเจ้าขอบูชาพระสงฆ์ด้วยชีวิตของข้าพเจ้า นึกกราบหลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า หรือหลวงพ่อที่กราบขณะนั้น)
..- กล่าว พุทธัง วันทามิ (กราบ) ธัมมัง วันทามิ (กราบ) สังฆัง วันทามิ (กราบ)
ครูอุปัชฌาอาจาริยคุณัง วันทามิ (กราบ) มาตาปิตุคุณัง วันทามิ (กราบ) พระไตรสิกขาคุณัง วันทามิ (กราบ) (กราบทางจิตนะคะ)
.
7. ในกรณีที่ไปวัดถ้ำเมืองนะ วัดสะแกให้อธิษฐานตามนี้นะคะต่อหน้ารูปหล่อหลวงปู่ดู่ ถ้าไปวัดอื่นก็อธิษฐานเปลี่ยนจากหลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า เป็นหลวงพ่อองค์อื่นที่อยู่ที่วัดนั้นนะคะ "ข้าพเจ้าขออนุโมทนาบุญกับหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ - หลวงตาม้า วิริยธโร ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน อนาคตทั้งหมดทั้งมวลด้วยเทอญ สาธุ และข้าพเจ้าขอฝากชีวิตกับหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ - หลวงตาม้า วิริยธโร ให้ช่วยเหลือเกื้อกูลข้าพเจ้าในการเวียน ว่าย ตาย เกิด นับตั้งแต่บัดนี้ตราบจนข้าพเจ้าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ"
"ข้าพเจ้าขอฝากดวง ถวายชีวิต มอบชีวิตนี้ ดวงจิตนี้ ของข้าพเจ้า บิดามารดา ญาติพี่น้องของข้าพเจ้าทุกๆ คน บุคคลในครอบครัวข้าพเจ้าทุกๆ คน บุคคลทุกคนที่เกี่ยวข้องกับปัญหาทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับข้าพเจ้า ผู้ที่เคยมีพระคุณต่อข้าพเจ้าทั้งหมด เจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้าทั้งหมด สัมมาอาชีพของข้าพเจ้าทั้งหมด ธุรกิจของข้าพเจ้าทั้งหมด ทรัพย์สินเงินทองของข้าพเจ้าทั้งหมด ให้หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ - หลวงตาม้า วิริยธโร เป็นเจ้าของ เป็นพ่อแม่ครูอาจารย์คอยดูแลอบรมสั่งสอนคุ้มครองข้าพเจ้าทั้งหมด ทั้งทางโลก และทางธรรม นับจากนี้ตราบจนข้าพเจ้าทั้งหมดเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ"
.
8.ไปทำบุญหย่อนตู้อะไรก็ตาม ให้อธิษฐานว่า”หลวงปู่หลวงตา ลูกขอเอาเงินนี้ร่วมบุญอื่นๆ กับ benfever ข้าพเจ้าและคณะขอชำระหนี้สงฆ์ที่เคยติดค้างมาตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบันทั้งหมดทั้งมวลด้วยเทอญ ขอให้ความขัดข้องทั้งทางโลก ทางธรรม จงอย่าได้บังเกิดขึ้นมีกับข้าพเจ้า และคณะนับตั้งแต่บัดนี้ตราบจนข้าพเจ้าทั้งหมดเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ“ (อธิษฐานแบบสั้นนะคะ) คราวนี้ท่านนำเงินเป็นเหรียญไปหยอดตู้บาทเดียว ห้าสิบสตางค์ก็ได้ จะได้กระจายบุญ และเป็นสะพานบุญได้ทั่ววัด เพราะในวัดนึงมีหลายตู้ ทำบุญมากน้อยได้บุญเท่ากันนะคะ อยู่ที่จิตท่านขณะทำ ทำแบบนี้ทุกท่านได้อานิสงส์เป็นสะพานบุญด้วย
.
9. เห็นใครในวัดที่ไปทำบุญ สวดมนต์ ภาวนา อธิษฐาน ทำสมาธิ ฟังธรรม ก็อธิษฐานตั้งองค์พระให้เค้า วิธีมีบอกก่อนหน้านี้แล้ว
.
10. เห็นใครถวายดอกไม้ก็นึกภาพใครจะใหญ่เกินกรรม พร้อมกำพระ อธิษฐาน “พุทธะสะ ธัมมะสะ สังฆะสะ ปูเชมิ”
.
11. เห็นใครจุดเทียน ก็นึกภาพใครจะใหญ่เกินกรรม พร้อมกำพระ อธิษฐาน”โอม อัคคีไฟฟ้า พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา”
.
12. เห็นใครฟังธรรม อ่านหนังสือธรรมะ สวดมนต์ภาวนา ก็นึกภาพใครจะใหญ่เกินกรรม พร้อมกำพระ อธิษฐาน”ขอให้เค้าเข้าถึงธรรม ได้ธรรมะ”
.
13. นำพระผงจักรพรรดิ์ หรือลูกแก้วจักรพรรดิ์ไปหย่อนที่น้ำ คลอง ที่ใดก็ได้ บอกว่า "หลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า ช่วยทำน้ำทั้งหมดในคลองสายนี้ แม่น้ำสายนี้ ให้เป็นน้ำมนต์จักรพรรดิ์มีสรรพคุณเหมือนน้ำมนต์จักรพรรดิ์ที่หลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า เคยอธิษฐานเสกทุกประการด้วยเทอญ" สัพเพ 3รอบไปที่น้ำทั้งสายนั้นที่หย่อนพระผง หรือลูกแก้วแล้วสังเกตุดูว่าหลังจากทำแล้วจะเป็นยังไงอธิษฐานเงินทำบุญนั้น ให้ทำจากบ้านเลยค่ะ เพราะเวลาไปวัดสมาธิจะมีน้อย
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะคะ สาธุค่ะสาธุ

 

ปฏิบัติธรรมจนถึง กายพระพุทธเจ้า และกายพระจักรพรรดิ
โดย พระราชพรหมเถร (วีระ คณุตตโม)
อดีตรองเจ้าอาวาส และอดีตพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

วันนี้ จะได้พูดถึง กายธรรม หรือธรรมกาย ธรรมกายนี้เป็นกาย วิสุทธิขันธ์ หรือเป็นธรรมขันธ์ เป็นกายที่จะหลุดพ้น ถ้าเราจะเข้านิพพานเราจะต้องเอากายธรรมนี้เข้านิพพาน ถ้าเราไม่มีกายธรรมนี้แล้ว เราไม่สามารถที่จะเข้านิพพานได้ เพราะว่า กายมนุษย์ กายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์ กายพรหม กายอรูปพรหมนั้นไม่สามารถที่จะเข้าสู่นิพพานได้ ต้องเอากายธรรมเข้าสู่นิพพานได้ กายธรรมจึงเป็นกายที่เป็นอสังขตธาตุ อสังขตธรรม หมายถึงไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง ส่วนกายมนุษย์ ทิพย์ พรหม อรูปพรหม นี้เป็นกาย สังขตธาตุ สังขตธรรม คือยังมีปัจจัยปรุงแต่งอยู่ ก็เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาอยู่ ส่วนกายธรรมนั้น เป็นนิจจัง สุขัง อัตตา

เมื่อเราเห็นกายธรรมแล้ว กายธรรมนี้หย่อน 5 วา ยังไม่ถึง 5 วา เราก็เข้าไปในกลางของกายธรรม ก็มีดวงธรรมที่ทำให้เป็นธรรมกาย จะเห็นดวงศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ แล้วเราก็จะเห็นกายธรรมละเอียด ใสละเอียดกว่ากายธรรมหยาบ นิ่งเข้าไปในกลางกายธรรมละเอียด ก็มีดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายธรรมละเอียด ดวงศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ แล้วเราก็จะเห็นกายพระโสดา...
กายพระโสดานี้หน้าตัก 5 วา สูง 5 วา เกตุดอกบัวตูม เราก็นิ่งเข้าไปในกลางกายพระโสดาหยาบ เห็นดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายพระโสดาหยาบ ดวงศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ ในกลางดวงวิมุตติญาณทัสสนะ เราก็จะเห็นกายพระโสดาละเอียด นิ่งเข้าไปในกลางกายพระโสดาละเอียด ก็มีดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายพระโสดาละเอียด ดวงศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ เราจะเห็นกายพระสกิทาคาหยาบ หน้าตัก 10 วา สูง 10 วา เกตุดอกบัวตูม นิ่งเข้าไปในกลางกายสกิทาคาหยาบ ก็จะเห็นดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายสกิทาคาหยาบ ดวงศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ เราจะเห็นสกิทาคาละเอียด 10 วาเหมือนกัน ซึ่งใสกว่าละเอียดกว่า

นิ่งเข้าไปในกลางกายสกิทาคาละเอียด ก็มีดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายสกิทาคาละเอียด จะเห็นดวงศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ ทีนี้เราจะเห็นกายพระอนาคาหยาบ 15 วา นิ่งเข้าไปในกลางกายพระอนาคาหยาบ ก็จะมีดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายพระอนาคาหยาบ ดวงศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ เราจะเห็นกายพระอนาคาละเอียด นิ่งเข้าไปในกลางกายพระอนาคาละเอียด ซึ่งใส ละเอียดกว่ากายพระอนาคาหยาบ มีดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายพระอนาคาละเอียด มีดวงศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ ในกลางดวงวิมุตติญาณทัสสนะ เราจะเห็นกายพระอรหัตหยาบ หน้าตัก 20 วา สูง 20 วา เกตุดอกบัวตูม .

ในกลางนั้น เราก็จะเห็นดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายพระอรหัตหยาบ 20 วา จะเห็นดวงธรรม ดวงศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ ในกลางดวงวิมุตติญาณทัสสนะนั้น เราก็จะเห็นกาย อรหัตละเอียด 20 วา ใสละเอียดกว่ากายอรหัตหยาบ ในกลางนั้นก็มีดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายพระอรหัตละเอียด มีดวงศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ ในกลางนั้น เราก็จะเห็นกาย.. เราก็จะเห็นกาย พระนิพพาน เราจะเห็นพระนิพพาน ในกลาง... เราจะเห็นกายพระนิพพาน พระนิพพานก็มีลักษณะ เหมือนกายพระอรหัต แต่ว่า มีฐานรองรับ... มีฐานชุกชี... 10 กายที่เราเห็นนั้นไม่มีฐานชุกชีรองรับ... แต่ว่ากายนี้เราจะเห็นมีฐานชุกชี

เราก็นิ่งไปในกลางกายพระพุทธเจ้า ก็จะมีดวงธรรมที่ทำให้เป็นพระพุทธเจ้า ดวงศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ เราจะเห็นกายพระจักรพรรดิ จักรพรรดิมีลักษณะเหมือนพระทรงเครื่อง เราก็นิ่งเข้าไปในกลางจักรพรรดินั้น ก็จะเห็นดวงธรรม ดวงศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ เราก็จะเห็นพระพุทธเจ้า... จักรพรรดิ... พระพุทธเจ้า... จักรพรรดิ... ไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด บุญศักดิ์สิทธิ์หรือเรื่องของบุญนั้น ไม่มีที่สิ้นสุด เราจะเห็นพระพุทธเจ้า จักรพรรดิ พระพุทธเจ้า จักรพรรดิ ไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด แต่ในทางบาปนั้น เราจะเห็น ไปสิ้นสุดเอาแค่โลกันตร์ มีราคะ โทสะ โมหะ....... (เสียงไม่ชัดเจน) ..................

เพราะฉะนั้น เราจะเห็น... บุญนี่ละเอียดกว่าบาปมาก เพราะว่า บุญนี้ไม่มีที่สิ้นสุด จะมีพระพุทธเจ้า จักรพรรดิ พระพุทธเจ้า จักรพรรดิ... (เสียงไม่ชัด) เข้ากลางของกลาง กลางของกลางไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อเราเดินสิ้นสุดถึง 18 กายแล้ว เราเดินเข้าไปในนิพพาน และเดินเข้าไปในจักรพรรดิ ไม่มีที่สิ้นสุด อันนี้เป็นการเดินของ ฝ่ายบุญ คือฝ่ายขาว เมื่อเราเดินเข้าไป โดยไม่มีที่สิ้นสุดเช่นนั้น เมื่อเราเดินหนักเข้าหนักเข้า กายก็จะแตกออก หมายถึงว่ากายจะพิสดารออก เป็นเถา เป็นชุด เป็นชั้น เป็นตอน เป็นภาค เป็นพืด อันนี้เป็นไปโดยอัตโนมัติ ถ้าเราเดิน 18 กาย หนักเข้า หนักเข้า และเดินเข้าไปถึงนิพพาน พระพุทธเจ้า จักรพรรดิ เรื่อยๆ ไป

เราจะเห็นกายทุกๆกายจะแตกออก หมายถึงจะพิสดารออก เป็นเถา ชุด ชั้น ตอน ภาค พืด อันนี้เป็นขั้นตอนต่อไป ซึ่งเราจะได้ทำวิชชาขั้นพิสดารต่อไป เมื่อเราได้ 18 กายแล้ว มันหาสิ้นสุดแค่นั้นไม่ กายจะพิสดารออก เป็นเถา เป็นชุด เป็นชั้น เป็นตอน เป็นภาค เป็นพืด กายมนุษย์ละเอียด ก็จะแตกออกเป็นเถา เป็นชุด เป็นชั้น เป็นตอน เป็นภาค เป็นพืด กายทิพย์ กายพรหม กายอรูปพรหม กายธรรม โสดา สกิทาคา อนาคา อรหัต ทุกกายก็จะแตกออกเป็นเถา ชุด ชั้น ตอน ภาค พืด ส่วนพระพุทธเจ้า จักรพรรดิ ก็จะพิสดารออก เป็นเถา เป็นชุด เป็นชั้น เป็นตอน เป็นภาค เป็นพืด ... (ไม่ชัดเจน) อันนี้เป็นโดยอัตโนมัติ กายจะมากออกไปเรื่อยๆ

ถอดเทปโดย Pittaya Wong (What is Dhammakaya Meditation?)

 

พระพุทธเจ้า ท่านเคยเป็นมนุษย์อย่างเรา มีสิบนิ้วเหมือนเรา แต่ท่านเลือกใช้เวลาสร้างบารมี แต่เราซึ่งเคยเกิดร่วมสมัยกับท่านเลือกใช้เวลาทำสิ่งไร้สาระ


..ถ้าเอ็งจะเป็นอย่างท่าน ต้องมีใจเข้มแข็งที่จะเลือกทำความดี

 

วิธีทำ น้ำมนต์ดอกบัว ฉบับย่อ
การทำน้ำมนต์ดอกบัวเป็นการประยุกต์ ดัดแปลง และที่สำคัญได้ขออนุญาตเผยแพร่ออกสู่สาธารณะจากหลวงปู่ดู่แล้ว เป็นวิธีที่ทุกคนสามารถทำเองอยู่กับบ้านได้ ดังนี้
๑.นำน้ำสะอาดใส่ขัน นำดอกบัวที่เด็ดก้านพับกลีบแล้วลงลอย นำพระวางในดอกบัว ( มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ )
๒.พนมมือ นึกน้อมถวายดอกบัวบูชาแก่หลวงปู่
๓.นั่งภาวนาไปเรื่อย ๆ ตามความพอใจ
แต่ในฐานะที่เราเป็นศิษย์ เมื่อขอความเมตตา ขอท่านเป็นที่พึ่งที่ระลึกจากหลวงปู่ผู้เป็นครูบาอาจารย์แล้ว ฉะนั้น คำภาวนาที่ใช้ ให้ใช้ว่า “ นะโม พรหมปัญโญ ” เท่านั้น !
ผลที่จะได้จากการทำน้ำมนต์ดอกบัว คือ
๑.ได้บุญจากการบูชาหลวงปู่ด้วยดอกบัว
๒.ได้บุญจากการภาวนา
๓.ได้น้ำมนต์ ( สารพัดใช้ สุดแต่อธิษฐานเอา )
ท่านว่า เมื่อสำเร็จเป็นน้ำมนต์แล้ว จะมีอานุภาพเหมือนน้ำมนต์ของหลวงปู่ทวด น้ำมนต์ของพระมหาโพธิสัตว์เจ้ากวนอิมผู้ยิ่งใหญ่
๔.อย่าเห็นเป็นเรื่องง่าย ๆ จงปฏิบัติด้วยความเคารพต่อหลวงปู่ผู้เป็นครูบาอาจารย์เจ้า จักสำเร็จเกินกว่าที่ปรารถนาไว้
นะโม พรหมปัญโญ …
ขอให้หัวใจของท่าน
จงเปรียบประดุจรัตนปทุมมาลย์
อันควรค่าแก่การรองรับแก้วมณีคือหลวงปู่
เพื่อความรุ่งเรือง สำเร็จ สุขสงบเถิด ฯ


นะโม พรหมปัญโญ ...

 

ที่มาวิชาแต่งองค์อาจารย์ศุภรัตน์ได้สนทนาถึงที่มาของวิชานี้ หลวงปู่ดู่ท่านเล่าว่า "ต้นเค้าเดิม มาจากอาจารย์สมเด็จพระนเรศวร คือพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว พระสมัยก่อนเวลานุ่งห่มจีวรสบง ต้องมีสติไม่ใช่นุ่งเลย ห่มเลย เหมือนกับปัจจุบัน ทำให้ได้บุญด้วยเพราะระลึกถึงพระสูตร พระวินัย พระปรมัตถ์"อาจารย์ศุภรัตน์ได้เรียนถามว่สถ้าเป็นคนธรรมดาไม่ใช่พระจะทำได้ไหม หลวงปูตอบว่า "ได้สมัยก่อนเขาให้ทหารฝึกให้คล่อง จิตจะได้นึกถึงพระ การออกรบทำไปเพื่อป้องกีนตนเองและรักษาประเทศชาติ ทำให้มีขวัญและกำลังใจ ถ้าเกิดพลาดพลั้งตายไป โอกาสไปดีมีมากกว่าคนไม่นึกถึง"อาจารย์ศุภรัตน์ใช้เวลาหลายวันในการรวบรวมคาถาทั้งหมดจนในที่สุดถือสมบูรณ์เกือบ100%พร้อมกันนี้ยังได้รวบรวมวิชาของหลวงปู่และท่านเจ้าคุณนรฯร่วมเข้าไปด้วยและอาจารย์ศุภรัตน์ได้เรียนท่านหลวงปู่ว่าผู้หญิงทำได้ไหม หลวงปู่ตอบว่า "ผู้หญิงยิ่งต้องทำเพราะอันตรายมีมากกว่าผู้ชาย"วิชานี้ในระยะแรกให้ทำอย่าได้ขาดจนคล่อง เมื่อเป็นอัตโนมัติแล้วเพียงแค่ระลึกก็เกิดพลังเกิดขึ้นอย่างง่ายดาย ผู้ใดปฏิบัติได้ตามนี้ จะเกิดศิริมงคลป้องกันภยันตรายที่จะเกิดขึ้นโดยมีการปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอจะได้รับผลทั้งในชาติปัจจุบันและมีอานิสงส์เป็นบุญกุศลติดตัวไปถึงชาติหน้า




***เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าให้ล้างหน้าแล้วท่องว่า พุทธังล้างหน้า ธัมมังล้างทุกข์ สังฆังเพิ่มสุข สวัสดีมีชัย***การอาบน้ำแปรงฟันให้ท่องว่า พุทธัง สะระนัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระนัง คัจฉามิ สังฆสานัง คัจฉามิ***เมื่อสวมกางเกงท่องว่า อาปามะจะปะ***เวลาใส่เสื้อให้ท่องว่า ทิมะสังอังขุ พุทธัง อิมัง องค์คะพันธนัง อฐิษฐามิ ธัมมัง อิมัง องค์คะพันธนัง อฐิษฐามิ สังฆัง อิมัง องค์คะพันธนัง อฐิษฐามิ***ถ้ามีสร้อยใส่พระเวลาสวมคอท่องว่า อิมัง องคะ พันธนัง อฐิษฐามิ กะระมะทะ กิริมิทิ กุรุมุทุ เกเรเมเท***ก่อนออกจากบ้านให้กลั้นใจหยิบดินมาใส่หัวแล้วท่องว่านางแม่ธรณีเจ้าเอ๋ยอยู่แล้วหรือยัง อยู่ สังขาตังโลกัง วิทู***ก่อนก้าวเท้าออกจากบ้านให้ยืนเท้าชิดกัน มือประสานข้างหน้า แล้วกำหนดลมหายใจดูว่ารูจมูกข้างไหนลมเดินสะดวกให้ก้าวเท้านั้นออกไปก่อน แล้วท่องว่า อิติปิโส ภะคะวา ยาตรา ยามดี พระอาทิตย์เป็นศรี สวัสดี ลาโภนะโม พุทธายะ ต่อบทที่เหลือพรุ่งนี้ครับ



### เฟส หลวงปู่ดู่ อาจารย์ศุภรัตน์ หลวงตาม้า