@@..คำครู ผู้ชี้-นำ-อุปถัมภ์ สู่พระโพธิญาณ & เรื่องเล่าจากกัลยาณมิตร.@@

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 10 กรกฎาคม 2015.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,358
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    พระอาจารย์กล่าวว่า พระโพธิสัตว์เป็นผู้มุ่งขนถ่ายสัตว์โลกข้ามวัฏสงสาร สิ่งที่ท่านทำเป็นการทำเพื่อคนอื่น ในเมื่อทำเพื่อคนอื่นโดยเฉพาะคนจำนวนมาก ก็เลยต้องศึกษาอะไรให้รู้มากที่สุด เพื่อที่จะได้สอนได้ทุกคน ในเมื่อเป็นดังนั้น ความรู้แต่ละขั้นกว่าจะได้ต้องย้ำแล้วย้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก คนอื่นทำ ๑ - ๓ ครั้งอาจจะผ่านเลย ท่านต้องว่าเป็นร้อยเป็นพัน เป็นหมื่นเป็นแสนครั้ง ฟัง ๆ ดูแล้วแปลก ๆ

    พระโพธิสัตว์มักจะมีปัญญาฉลาดมาก แต่ตอนทำอะไรสักชิ้นหนึ่ง เหมือนกับทดลองแล้วทดลองอีก ทำวิจัยแล้ววิจัยอีก จนกระทั่งมั่นใจจริง ๆ ว่าไม่มีแง่มุมไหนลอดผ่านไปได้แล้ว ท่านถึงยอมวางมือ ก็เลยกลายเป็นช้ากว่าคนอื่น

    เราเดินขึ้นบันไดมา บางทีไม่ได้นับหรอกว่าบันไดมีกี่ขั้น แต่พระโพธิสัตว์ท่านต้องรู้ว่าบันไดนั้นทำด้วยอะไร กว้างยาวเท่าไร ใช้วิธีไหนสร้างขึ้นมา ประกอบด้วยวัสดุอะไรบ้าง เพื่อที่ท่านจะได้ทำบันไดให้คนอื่นเขาเดิน ยากกว่ากันขนาดนั้น

    การปรารถนาพระโพธิญาณไม่ใช่ของแปลก เพราะว่าพุทธประเพณีอย่างหนึ่งที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์จะต้องแสดงก็คือการเปิดโลก ให้สรรพสัตว์ทั้งหลายเบื้องบน ตั้งแต่พระนิพพาน เบื้องล่างยันอเวจี เห็นตลอดถึงกันหมด ทำให้สรรพสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นได้เห็นว่า นี่คือผู้ที่เลิศที่สุด ไม่มีใครยิ่งไปกว่า แล้วก็เลยเกิดความปรารถนาลึก ๆ ในใจว่า ถ้าเราเป็นอย่างนั้นได้ก็ดี

    ตรงจุดนี้แหละที่เป็นจุดเริ่มต้นของการปรารถนาพระโพธิญาณของสรรพสัตว์ทุกรูปทุกนาม มดแดงแมงน้อยอะไรก็มีสิทธิ์ทั้งนั้น คราวนี้ก็บำเพ็ญบารมีไปเถอะ ๔ อสงไขยกับแสนมหากัป นี่แค่หลักสูตรตอนสอบ ส่วนตอนเรียนนั่นต่างหาก ไม่ได้นับ บาลีเขาบอกว่า จิตติตัง สัตตะสังเขยยัง นวะสังเขยยะ วาจะกัง คิดว่าเราจะเป็นพระพุทธเจ้านี่ ๗ อสงไขย พูดว่าเราจะทำเพื่อความเป็นพระพุทธเจ้านี่อีก ๙ อสงไขย แล้วตั้งตาตั้งตาทำเพื่อความเป็นพระพุทธเจ้าอีก ๔ อสงไขยกับแสนมหากัป รวมแล้ว ๒๐ อสงไขย กับเศษแสนมหากัป ไม่เห็นต้น...ไม่เห็นปลายเลย ถ้ากำลังใจไม่แน่วแน่จริง ๆ ก็ถอยกันหมด

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
     
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,358
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    จงอย่าโกรธคนไม่ดี
    ที่จริงเขาก็อยากดีเหมือนกัน
    แต่เขาไม่เข้าใจว่า..
    อะไรเป็นความดี…อะไรคือไม่ดี...
    จะตำหนิ ติเตียนใคร
    ก็จงดูตนเองเสียก่อน
    อย่าให้เขาย้อนว่าเราได้


    -4PTiPYohdDN5Y_VAJTR2MSlVnonNPNBoJecSftqmHB0&_nc_ohc=CIvy-N_OBCIAX88EKQO&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,358
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    L-wkteimdjX72qsq2K--uGZ_4kLFwZ_a1Nv3V8csFyxn&_nc_ohc=D_p2T4xn808AX8IVyN_&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,358
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    -R7TwtToldoGYjd-Jru6SH0RlA8tYPRM1y7n4bS97FFq&_nc_ohc=CKzjR71ufKAAX8-m5UE&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    "เล่าเรื่องพระสีวลี"
    โดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    " .. ในสมัยพระพุทธเจ้า "องค์นี้เป็นที่หนึ่ง (พระสีวลี) ท่านจึงยกเอตทัคคะ คือเลิศในทางความมีอดิเรกลาภ" เครื่องสักการะบูชา จตุไทยทานมีมากนะองค์นี้ นี่พระสีวลี องค์หนึ่งเลิศทางหนึ่งๆ
    อย่าง "พระสารีบุตรเลิศทางปัญญา ฝนตกเจ็ดวันเจ็ดคืน พระสารีบุตรนับได้ทุกเม็ด สามารถนับได้" องค์อื่นนับไม่ได้ แต่พระสารีบุตรสามารถนับได้ นี่อัตโนมัติ เขาเรียกว่าคอมพิวเตอร์ แต่ว่าคอมพิวเตอร์ของธรรมไม่ได้เหมือนโลก ละเอียดไปกว่านั้น แม้เช่นนั้นยังถูกตำหนิจากพระพุทธเจ้า "ไอ้ความรู้ของเธอขี้ปะติ๋ว เราตถาคต ฝนตกตั้งกัปตั้งกัลป์นับได้หมด" นั่นล่ะธรรมชาติที่รู้จริงๆ อย่างนั้น ไม่ผิดไม่พลาด นั่นล่ะ พระญาณหยั่งทราบ ทางนี้เขาเรียกคอมพิวเตอร์ นี่คอมพิวเตอร์ของธรรมเป็นอย่างนี้
    คอมพิวเตอร์ของพระพุทธเจ้าใช้มากับพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ กับบรรดาสาวกผู้มีความเชี่ยวชาญทางไหนก็เป็นคอมพิวเตอร์ทั้งนั้น ประจำองค์ท่านเป็นประจำอย่างงั้น ทางเราปัจจุบันเขาเรียกคอมพิวเตอร์หรืออะไร คอมพิวเตอร์ของธรรมเป็นอย่างนั้นคิดดูซิฝนตกตั้งกัปตั้งกัลป์นับได้หมดทุกเม็ด ตกมากขนาดไหนนับได้หมดไม่เคลื่อนคลาด
    "นี่พระสีวลีท่านก็อติเรกลาภมากเหมือนกัน" จนพระพุทธเจ้าท่านหาอุบายยกชมเชย คือพระเรวตะ เป็นน้องชายของพระสารีบุตร ท่านชอบอยู่ในป่าในเขาเป็นประจำ ทีนี้พระพุทธเจ้า "เราอยากไปเยี่ยมพระเรวตะ" พระอานนท์ก็ทูลว่า "จะไปได้อย่างไง อยู่ในป่าในเขาลึก ๆ อาหารการกินจะมีมาจากที่ไหน มีแต่ป่าแต่เขา จะหาอยู่หากินได้ยังไง โคจรบิณฑบาตมาก"
    ยากอะไร "เราก็เอาพระสีวลีไปด้วยสิ" (พระพุทธเจ้าทรงรับสั่ง) ถ้าพระสีวลีไปนี่ มาทุกแห่งทุกหนทุกทิศทุกทางเทวบุตร เทวดา มาทั้งนั้น นี่ฤทธิ์ธานุภาพบุญของท่านนะ "จึงเรียกว่าพระสีวลีเป็นผู้เลิศเลอในเรื่องอติเรกลาภมาก" ไปที่ไหนทั้งเทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมมนุษย์มนากราบไหว้บูชา ถวายเครื่องสักการะบูชา มันต่างกันอย่างนั้นน่ะ
    นี่พูดถึงเรื่องอดีตของท่าน "ท่านทำไม่ถึงมีอติเรกลาภมาก ท่านเป็นนักเสียสละ ถึงไหนถึงกัน ตลอดมา เป็นนิสัยกว้างขวาง การบริจาคทานไม่อัดไม่อั้น ไม่กลัวหมดทำมาตลอดประจำนิสัยของท่าน"
    ทีนี้วาระสุดท้ายมาเป็นพระอรหันต์แล้ว นี่เป็นครั้งสุดท้าย ท่านจะไม่มาเกิดอีก มาตายอีก "ความเลิศเลอของท่านจึงแสดงให้โลกเห็น พระสีวลีไปที่ไหนเกลื่อนไปด้วยเครื่องจตุปัจจัยไทยทานทั้งเทวบุตรเทวดาอินทร์พรหม เด่นกว่าเพื่อน เด่นกว่าบรรดาสาวกทั้งหลาย บรรดาสาวกทั้งหลายก็มีแต่ว่าองค์นี้เด่นกว่าเพื่อน จึงยกให้เป็นเอตทัคคะ เลิศทางนี้"
    ไม่ใช่เหล่านั้นท่านไม่มี มีเหมือนกัน "แต่องค์นี้เด่นกว่าเพื่อน อดีตชาติของท่านเป็นนักเสียสละ" แม้แต่ไปเป็นสัตว์ก็เป็นหัวหน้าสัตว์ เป็นมนุษย์นี่ก็เขาต้องมาเชิญท่านไปทำบุญให้ทาน ทีนี้เวลาผลสุดท้ายที่ท่านบรรลุพระอรหันต์เรียบร้อยแล้ว ผลบุญของท่านประจักษ์ไปที่ไหนเกลื่อนไปหมด .. "
     
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,358
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
     
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,358
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
     
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,358
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
     
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,358
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    วันนี้มากราบหลวงพ่อ ท่านอธิบายเรื่องการกินน้ำผึ้งได้ชัดเจน ดังนี้ค่ะ

    ให้เอาน้ำผึ้ง ชงน้ำเปล่าอุณหภูมิห้อง (ห้ามใช้น้ำร้อน) สัดส่วน น้ำ ๑ แก้ว น้ำผึ้ง ๑ ช้อนกาแฟ คนให้ละลาย แล้วดื่มก่อนนอนจะช่วยฟื้นฟูตับ ทำให้นอนหลับง่าย หลับลึก

    และช่วยปรับระบบลำไส้ โดยน้ำผึ้งเป็นอาหารหล่อเลี้ยงแบคทีเรียในลำไส้ กินทุกวันได้ยิ่งดี

    ท่านแนะนำน้ำผึ้งสวนจิตรจากร้านดอยคำของโครงการหลวง ราคาไม่แพง หาซื้อง่ายค่ะ

    หมายเหตุ
    น้ำผึ้งกับเต้าหู้ห้ามกินด้วยกัน หาเรื่องตาย เพราะน้ำผึ้งจะทำให้เต้าหู้แข็งเป็นหิน และตกตะกอนที่ลำไส้
    เต้าฮวยนมสดบางชนิดที่ทำจากเต้าหู้ แล้วใส่น้ำผึ้งก็ห้ามกินคู่กัน

    *************************************

    https://watthakhanun.com/webboard/showthread.php?p=290825#post290825
     
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,358
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    ถาม : ลูกชายความจำเสื่อม ก็เลยไปบนบวชกับหลวงพ่อ แต่ว่าช่วงนี้งานอะไรก็ยังไม่เสร็จ ก็เลยจะขอเลื่อนบวชไปช่วงหลังปีใหม่ครับ ?
    ตอบ : อันนี้ต่อรองอาตมาไม่ได้ ต้องไปต่อรองกับคนที่เราบนด้วย ส่วนใหญ่เวลาเราบนก็จะเอาเร็ว ๆ แต่เวลาแก้บนก็จะให้ช้า ๆ ระวัง..รางวัลใหญ่จะมาเสียก่อน..!

    ถาม : แล้วลูกชายเขาจะเป็นอย่างไรบ้างครับ ?
    ตอบ : ต้องถามหมอ ความจำเสื่อมดันมาถามพระ..!

    ถาม : เขาจำได้หมดแล้วครับ แต่ว่าอาการเขาเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมครับ ?
    ตอบ : จับฝึกกรรมฐาน ถ้าหากว่าสมาธิทรงตัว ทุกอย่างจะดีขึ้น

    คนเคยเจ็บเคยป่วยจะให้เหมือนเดิมคงเป็นไปไม่ได้ ก็ต้องมีเปลี่ยนแปลงกันบ้าง แต่ว่าระยะหลังมีหนังบ้าง หนังสือบ้าง ประเภทที่เรียกว่าทะลุมิติไปเข้าอีกคนหนึ่ง ก็เลยเหมือนกับว่าความจำเสื่อมใช่ไหม ? ...(หัวเราะ)...

    __________________
    ........................

    พระอาจารย์กล่าวกับโยม “ค่อย ๆ เดินนะจ๊ะ อายุมากขึ้นก็ต้องระวังมากขึ้น ช่วงเดือนที่ผ่านมาอาตมาตกบันได บันไดทางเดินกลับจากบิณฑบาต เพราะว่าฝนมักจะตกหนักตอนช่วงเช้าที่เดินบิณฑบาต สบงจีวรรัดตัวจนก้าวไม่ออก ขั้นบันไดเป็นขั้นใหญ่ แต่เท้าก้าวได้นิดเดียวเพราะว่าสบงรัดติดอยู่ ก็ร่วงเลย ...(หัวเราะ)...

    ถึงได้เข้าใจว่า สมัยอยู่วัดท่าซุงอาตมาไม่เคยเรือล่ม แต่บรรดารุ่นพี่ ๆ ที่เรือล่มเขาแนะนำกันไว้ เขาบอกว่าเรือล่มเมื่อไรสลัดจีวรออกให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นจะโดนจีวรรัดจมน้ำตาย พอมาเจอกับตัวเองตอนฝนตกถึงได้รู้ จีวรดูดติดเนื้อ ก้าวขาไม่ออก แล้วถ้าอยู่ในน้ำก็ไม่สามารถที่จะเตะขาเพื่อว่ายน้ำได้ ...(หัวเราะ)...

    พระเณรวัดท่าขนุนเคยชินกับการเดินตากฝนทุกเช้า ไม่ชินก็ต้องชิน เพราะว่าเจ้าอาวาสไม่ทิ้งการบิณฑบาต อายุก็มากกว่า ตำแหน่งก็สูงกว่า แถมยังป่วยตลอดด้วย คุณจะเอาข้ออ้างอะไรมา..! จะอ้างว่าแก่ก็แก่สู้เจ้าอาวาสไม่ได้ จะอ้างว่าป่วยก็ป่วยสู้เจ้าอาวาสไม่ได้ จะอ้างว่ามีหน้าที่การงาน เจ้าอาวาสก็มีมากกว่า จึงต้องไปตากฝนด้วยกันแต่โดยดี..!

    ถึงเวลาโยมอายุมากก็ค่อย ๆ ลุก ค่อย ๆ นั่ง โดยเฉพาะการใส่รองเท้านี่แหละที่ต้องระวังสุด ๆ รองเท้าถุงเท้านี่เวลาเราเดินบันไดที่เป็นไม้กระดานจะลื่นมาก อาตมาเคยบอกพระเณรให้สังเกตว่า บ้านโยมบางหลังเราต้องขึ้นบันไดไป ๔-๕ ขั้นเพื่อที่จะรับบาตร คราวนี้บันไดก็ชัน ประกอบกับหน้าฝนบันไดเปียกก็ลื่นมาก เราต้องตั้งสติระมัดระวังสุดชีวิต ทำอย่างไรที่เวลาปกติเราจะตั้งสติให้ได้ระดับนั้น ถ้าเวลาปกติตั้งสติได้ในระดับที่ขึ้นลงบันไดชัน ๆ เปียก ๆ ลื่น ๆ ได้ ก็แปลว่าพอที่จะเอาตัวรอดได้ ไม่อย่างนั้นสติไม่พอ รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นก่อน ก็โดนลากไปไกลหลายกิโลเมตรแล้ว”

    __________________
    ........................

    ถาม : เดจาวูนี่เป็นอนาคตังสญาณหรือเปล่าครับ ?
    ตอบ : เป็นไปได้ทั้งอนาคตังสญาณและอตีตังสญาณ ส่วนใหญ่แล้วฝรั่งเขาเข้าใจว่าเป็นอนาคตังสญาณ แต่เราต้องเห็นอย่างเช่นว่า เขามองภาพบางอย่าง เสร็จแล้วเขารู้สึกว่าเขาเคยมาที่นี่มาก่อน อันนั้นก็คืออตีตังสญาณ ในอดีตเคยมาตรงนั้น คนไทยเราใช้คำว่าเหมือนกับฝันไป ...(หัวเราะ)...

    เก็บตกบ้านเติมบุญ
    ตุลาคม ๒๕๖๓
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,358
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    ?temp_hash=5f3298a76b150e424397c6a594488ff9.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,358
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    ต้องการให้ปฐมฌานทรงตัว
    1f539.png ผู้ถาม : กระผมฝึกกรรมฐาน ๔๐ กอง เอาอานาปานุสสติกรรมฐานผสมกับพุทโธ ปฏิบัติ ๒-๓ เดือนได้อุปจารสมาธิ กระผมอยากจะเรียนถามหลวงพ่อว่าวิธีจะรักษาอารมณ์ให้เข้าถึงปฐมฌานอย่างละเอียดนั้น จะต้องปฏิบัติอย่างไรต่อไปครับ
    1f538.png หลวงพ่อ : ก็ได้ตั้ง ๔๐ กรรมฐานจะมาถามอะไรอีกละ ได้ ๔๐ ก็จบสมาบัติ ๘ จะมาถามอะไรอีก
    1f539.png ผู้ถาม : อ๋อ มันเลยฌานแล้วหรือครับ ?
    1f538.png หลวงพ่อ : ใช่ ก็ฌานเหมือนกัน อรูปฌานก็ได้ด้วย ทั้งรูปฌานและอรูปฌาน
    1f539.png ผู้ถาม : สงสัยว่าใน ๔๐ กรรมฐานคงจะเอามากองเดียวกระมังครับ (หัวเราะ)
    1f538.png หลวงพ่อ : งัดขึ้นมา ๔๐ ฉันตกใจเลย นึกว่าไอ้คนนี้ต้องเป็นพระโพธิสัตว์แน่
    1f539.png ผู้ถาม : อ๋อ ถ้าได้ ๔๐ กองต้องเป็นพระโพธิสัตว์
    1f538.png หลวงพ่อ : อ้าว ถ้าไม่ใช่พระโพธิสัตว์ได้ยาก พระโพธิสัตว์ต้องรักษาอารมณ์ ๔๐ ครบแน่ ต้องเป็นปรมัตถบารมีนะ ถ้ากรรมฐาน ๔๐ ได้หมด ๒ในวิชชา ๓ ก็ได้ ๕ ในวิชชา ๖ ก็ได้ สมาบัติ ๘ ก็ได้ เรียกว่าทั้งเหาะทั้งเดินอากาศได้เสร็จ ก็เป็นอันว่าอุปจารสมาธิว่าไปกี่เดือนแล้ว ๓ เดือน ยังไม่ถึงอุปจารสมาธินะ
    จะให้ฌานทรงตัวนะ ไม่มีทาง ถ้าไม่ใช่พระโสดาบัน ตอบง่ายๆ
    1f539.png ผู้ถาม : ต้องให้ถึงพระโสดาบันหรือครับ ?
    1f538.png หลวงพ่อ : ใช่ ถ้าแค่ฌานโลกีย์ ฌานไหนก็ตามไม่มีการทรงตัว เพราะอารมณ์ขึ้นๆลงๆ ไม่มีการทรงตัวแน่ ไม่แน่นอน ศีลคล่อง
    .
    .
    .
    1f64f.png หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
    270d.png จากธัมมวิโมกข์ เมษายน ๒๕๓๖ หน้า ๙๔
     
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,358
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    พระสารีบุตรบอกเรื่องการปฏิบัติ

    ตอนที่เจริญกรรมฐานกัน มีพระองค์หนึ่งท่านมา ท่านมายืนข้างหน้า มองดูแล้วไม่ทราบว่า พระโมคคัลลาน์ หรือ พระสารีบุตร สงสัยถามท่าน บอก ฉันสารีบุตรนะ ท่านบอกว่า การที่เธอแนะนำบรรดาท่านพุทธบริษัทให้ใช้อารมณ์พิจารณา ตามที่ว่าเมื่อกี้นี้ไม่ผิด ถูก แต่ว่าน่าเป็นผลทางอ้อมเกินไป ท่านบอกว่าให้แนะนำการไม่ห่วงเป็นสำคัญ คือท่านแนะนำแบบนี้
    หมายความว่า ทุกวันให้คิดไว้เสมอว่า ถ้าเราจะตายเมื่อไร งานต่าง ๆ ที่มีอยู่ สามีก็ดี ภรรยาก็ดี ลูกหลานก็ตาม สมบัติทั้งหมด เราไม่ห่วง ให้ใช้ปัญญาตามความเป็นจริงว่าคนที่เขาตายแล้ว เขาห่วงแล้วช่วยใครได้บ้าง ให้คิดอย่างนี้ทุกวัน วันละนิดวันละหน่อยก็ใช้ได้
    อย่างตอนเช้าก็ดี ก่อนหลับก็ดี เวลานั้นจิตไม่กังวล คิดว่า ถ้าเราตายเวลานี้ หรือตายเมื่อไรก็ตาม งานต่าง ๆ ที่เราทำหรือทำคั่งค้างถึงคนข้างหลังเราไม่ห่วง ให้คิดเอานะ มันไม่ได้แค่นี้ ยังต่ออีก หลังจากนั้นท่านก็พาขึ้นไปหาโยม ไปกราบพ่อแม่ผู้มีคุณ และหาโยมท่าน ระหว่างมาบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ กับพระจุฬามณี ก็เห็นครูบาอาจารย์เยอะ เหลียวไปดูพระองค์หนึ่ง ศรีษะแหลมเปี๊ยบ แล้วก็เครื่องแต่งตัวสวยมาก ท่านบอกว่าฉันคือพระศรีอาริย์อีก 1 ล้านปี จะลงมา ตรัส ท่านบอกว่า ให้เขานับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปอีก 1 ล้านกับ 2 ปี จะลงมาปฏิสนธิครรภ์มารดา คอยนั่งนับนะ ปีหนึ่งขีดแกร๊กหนึ่ง ต่อจากนั้นไปเป็นปุโรหิต หลังจากนั้นมีความเบื่อหน่าย ก็ออกแสวงหาพระโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า
    แล้วก็หลังจากนั้นไปท่านก็พาไปหาพระใหญ่ คือ องค์สมเด็จ
    ท่านถามว่า "เมื่อกี้พระสารีบุตรท่านแนะนำอย่างนี้ใช่ไหม"
    บอกว่า "ใช่ พระพุทธเจ้าข้า"
    ท่านบอกว่า "นั่นแหลาะถูกแล้ว เขาแนะนำไม่ผิด"
    ท่านบอกว่าให้คิดเป็นอารมณ์ทุกวัน วันหนึ่งสัก 2 นาทีก็ใช้ได้ ถ้าเราตายเมื่อไร คำว่าห่วงทั้งหมดจะไม่มีในเรา ตัดสินใจไว้เลยนะ บ้านปลูกไม่เสร็จ ครัวยังทำอะไรไม่เสร็จก็ตาม ท่านบอกว่าไอ้คนที่ตายแล้วมันช่วยอะไรได้บ้าง คิดตามความเป็นจริง ป่วยไข้เมื่อไรให้อารมณ์จิตนี้มันทรงตัว คิดว่าความป่วยคราวนี้อาจจะตายก็ได้ คิดว่าความห่วงนิดหนึ่งจะไม่มีในเรา เพราะว่าไม่มีคนใดที่กลับมาช่วยทางบ้านดายหญ้า ผ่าฝืน ตักน้ำ หุงข้าว ก็มีคนเดียว นางนาคพระโขนง
    แล้วท่านก็ตรัสถอยหลังไปอีกหน่อยว่าให้มีอารมณ์จิตเหมือนของเมื่อ พ.ศ.2500 อารมณ์นั้นแหละคืออารมณ์พระนิพพาน ท่านทำให้ท้าวสหัมบดีพรหมมาตามไป อีตอนนี้พอเริ่มเข้าโรงพยาบาล ก็มีความรู้สึกว่าเวลานี้เราไม่มีอะไรแล้ว ร่างกายมันก็จะพังทรัพย์สินต่าง ๆ ไม่มีห่วงเลย มันไม่ห่วงเอานะ มันเฉยเลย ถ้าเราใช้ศัพท์วิปัสสนาญาณเขาเรียกว่า "สังขารุเปกขาญาณ" แต่ความจริงมันไม่ทำอะไรเลยนะ มีความรู้สึกเฉย ๆ เห็นว่าร่างกายจะเป็นอย่างอื่น จะห่วงทำไม ใจสบายจริง ๆ ท่านบอกว่าให้อารมณ์ชินอย่างนี้ นั้นหมายความว่าเวลาป่วย ทุกวันให้คิดก่อนมันจะมีอารมณ์อย่างนี้ ถ้าป่วยคราวไหนมีอารมณ์อย่างนี้ขึ้นมา นี่หวังได้เลย นิพพานในชาตินี้ ท่านยืนยัน
    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 182 เดือนพฤษภาคม 2539 หน้า 29-30)
     
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,358
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    หวังเป็นพระโสดาบัน
    *********************
    [๖๗] ภิกษุทั้งหลาย
    ๙. หากภิกษุพึงหวังว่า ‘เราพึงเป็นพระโสดาบัน เพราะสังโยชน์ ๓ ประการสิ้นไป ไม่มีทางตกต่ำ มีความแน่นอนที่จะสำเร็จสัมโพธิในวันข้างหน้า’
    ภิกษุนั้นพึงทำศีลให้บริบูรณ์ หมั่นประกอบธรรมเครื่องสงบใจภายในตน ไม่เหินห่างจากฌาน ประกอบด้วยวิปัสสนา เพิ่มพูนเรือนว่าง
    ................
    ข้อความบางตอนใน อากังเขยยสูตร มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๒ http://www.84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=12&siri=6
    ...ก็ในบทว่า พฺรูเหตา สุญฺญาคารานํ นี้ ภิกษุเรียนเอากัมมัฏฐานด้วยอำนาจสมถะและวิปัสสนา แล้วเข้าไปนั่งยังเรือนว่างตลอดวันและคืน พึงทราบว่าเป็นผู้เจริญสุญญาคาร. ส่วนภิกษุแม้กระทำความเพียรในปราสาทชั้นเดียวเป็นต้น ไม่พึงเห็นว่าเป็นผู้เจริญสุญญาคารเลย.
    ก็ด้วยคำเพียงเท่านี้ เทศนานี้แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าจะทรงเริ่มด้วยสามารถการยกอธิศีลสิกขานั้นแสดงก่อนก็ตาม ก็พึงทราบว่าเป็นเทศนาที่นับเนื่องในไตรสิกขาโดยลำดับ เพราะรวมสมถะและวิปัสสนาเข้าด้วยกัน เหตุที่สมถะและวิปัสสนามีศีลเป็นปทัฏฐาน เหมือนกับการเทศนาธรรมที่เป็นข้าศึกของตัณหา แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าจะทรงเริ่มด้วยสามารถการยกตัณหาขึ้นแสดงก่อน ก็พึงทราบว่าเป็นเทศนาที่นับเข้าในหมวด ๓ แห่งธรรมเครื่องเนิ่นช้าโดยลำดับ เพราะรวมมานะและทิฏฐิเข้าด้วยกัน เหตุที่มานะและทิฏฐิมีตัณหาเป็นปทัฏฐาน.
    ................
    ข้อความบางตอนในอรรถกถาอากังเขยยสูตร http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=12&i=73
    =AZXwc5TcgnXGPK3wOmX02PqOq1FRUycTykB3Ys2pTZYr3RvJO9DUmb5_gd0tFxfDGZ_zVWcZuv7729sK4KSAN0yD-KnAbgSSPNBaL5Za3xGsjuGbK8tRQgof6x3yLV1PUKKGiTfOfrfcByk3pidInVCdD3EfSBL-cO5qclZAkZHx6zwNd3-FqHK4PwAAMFokjfs&__tn__=EH-R'] 2_1ag-XukK2-L2MlrmFwXd6rPFrPSA6z5Jlc_rJ0M2C2&_nc_ohc=1EYECEeonlEAX_QRfca&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,358
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    วิธีช่วยคนตายก่อนอายุขัย...#สัมภเวสี 1f479.png

    #สัมภเวสี คือ คนที่ตายก่อนอายุขัย เรียกว่ามีกรรมที่เรียกกันว่า อุปฆาตกรรม มาริดรอน ตัดรอนเสียตั้งแต่ยังไม่หมดอายุขัย ท่านพวกนี้เวลาตาย ทางนรกไม่ต้องการ ทางสวรรค์ไม่ต้องการ บุญที่ทำไว้ยังไม่ให้ผล หรือว่าบาปที่เขาทำยังไม่ให้ผล ยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะเรียกไปสอบสวนและจัดการลงโทษมีสภาพเหมือนกับคนออกจากบ้านนี้ แล้วไปเข้าบ้านโน้นไม่ได้ จะกลับมาเข้าบ้านนี้ก็ไม่ได้ เดินไปเดินมาอยู่ด้วยความลำบาก อยากจะกินอะไรก็หากินไม่ได้ ผีประเภทนี้เรียกว่าสัมภเวสี แปลว่าพวกแสวงหาที่เกิด

    วิธีช่วยคนตายก่อนอายุขัย(สัมภเวสี)

    ถ้าญาติของเราตาย ตายด้วยอำนาจของสัมภเวสี
    คือไม่สิ้นอายุ ฟ้าผ่าตาย สุนัขกัดตาย มดกัดตาย ยุงกัดตาย คลอดบุตรตาย ถูกฆ่าตาย ถูกยิงตาย รถชนตาย แต่ก็ไม่แน่นักนะบรรดาพวกนี้ถึงอายุขัยก็มี แต่เผื่อเหนียวไว้ก่อน

    สมมุติว่าเขาเป็นสัมภเวสี พอตายไปแล้วไม่ต้อวทำบุญมาก ทำบุญให้ได้บุญชัดๆ หาอาหารชนิดทีไม่มีบาป เอาผ้าไตรมา ๑ ไตร เอาพระพุทธรูปมา ๑องค์ นิมนต์พระมารับสังฆทานที่บ้าน ทำเงียบๆ อย่าให้มีเหล้ายาปลาปิ้ง อย่าทุบแม้แต่ไข่สักหนึ่งฟอง เมื่อทำบุญเสร็จ อุทิศส่วนกุศลให้เฉพาะคนที่ตาย
    ไม่ให้ใครทั้งหมด

    ถ้าทำอย่างนี้ละ ท่านพวกนี้จะมีความสุข ได้รับผลบุญทันที มีความผ่องใส มีความอิ่มเอิบ เมื่อเข้าถึงอายุขัยเมื่อใด ก็เป็นอันว่าพวกนี้จะไปถึงด้านของสวรรค์ก่อน


    ?temp_hash=e6a61f53954cc4569b0cbf96fd8de5da.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,358
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    ถาม : ผมเคยเปิดเว็บ เจอที่หลวงพ่อฤๅษีบอกว่า พระพุทธเจ้าเป็นคนไทย ผมก็เลยสงสัย ?
    ตอบ : เอาเป็นอันว่า พระพุทธเจ้าเป็นคนในตระกูลไท ถ้าใช้คำว่าเป็นคนไทย เราจะไปคิดว่าพระองค์ท่านเป็นคนในประเทศไทย แล้วจะเตลิดไปถึงขนาดเกิดในเมืองไทยไปด้วย..!

    อย่าลืมว่าไทยมีสารพัด ไทยน้อย ไทยใหญ่ ไทยพวน ไทยอาหม ไทยลื้อ ไทยเขิน เป็นคนในตระกูลไท เพราะบ้านเราเมืองเราเพิ่งจะเป็นประเทศไทยสมัยรัชกาลที่ ๖ นี่เอง ก่อนหน้านั้นเป็นสยาม ถัดจากนั้นขึ้นไปก็ยังเป็นอโยธยา เป็นสุโขทัย ยังไม่ใช่ประเทศไทยในปัจจุบัน

    ถาม : ก็คือไม่ใช่แขกตัวดำ ๆ ตามที่เราเข้าใจ ?
    ตอบ : ไม่ใช่..เพราะสมัยก่อนผู้คนสามารถไปถึงกันหมด โดยที่ไม่มีเขตแดนประเทศเป็นเครื่องขีดคั่น จะมีเครื่องขีดคั่นขึ้นมาก็ต่อเมื่อมีใครสักคนหนึ่งตั้งตนเป็นใหญ่ขึ้นมา แล้วก็ขยายอาณาเขตครอบครองออกไปว่าถึงตรงไหน

    แต่สมัยก่อนก็ยังไม่แน่ชัดเหมือนกับสมัยนี้ โดยเฉพาะพวกที่อยู่ระหว่างรอยต่อ ระหว่างแดนต่อแดน ก็คือคนเชื้อชาติเดียวกัน เพียงแต่โดนกำหนดให้อยู่กันคนละเขตกันเท่านั้นเอง

    ภาษาไทยกับภาษาลาว ก่อนหน้านี้คือภาษาเดียวกัน มาพัฒนาเปลี่ยนแปลงเพราะไทยกรุงเทพฯ ภาษาไทยที่แท้จริงคือภาษาแบบอีสาน ภาษาไทยกรุงเทพฯ ของเราเป็นภาษาไทยแบบเหน่อเจ๊ก คนจีนพอมีมาก ๆ เข้า พูดไทยแล้วไม่ชัดไปเรื่อย ๆ แต่จำนวนคนเขามีมากกว่า ยิ่งมีฐานะดีกว่าด้วย จะพูดจะทำอะไรก็มีคนเลียนแบบทำตาม ภาษาไทยแบบจีนจึงพัฒนามาเป็นภาษาหลักอย่างในปัจจุบัน

    ยิ่งเป็นส่วนกลางที่ควบคุมทางภูมิภาคอยู่ด้วย เขาก็เลยเอาเป็นภาษาหลัก กลายเป็นภาษาที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นภาษาไทย ขณะเดียวกันภาษาไทยดั้งเดิมก็ไปว่าเขาเป็นภาษาลาวบ้าง คำเมือง (ภาษาเหนือ) บ้าง

    ถาม : สถานที่ประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพาน อยู่ที่นั่นจริงหรือครับ ?
    ตอบ : มีอยู่จริง แต่บางจุดก็ไม่ตรง ห่างจากสถานที่จริงหลายกิโลเมตร แต่เราต้องมาดูวัตถุประสงค์ พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ในมหาปรินิพพานสูตรว่า บุคคลที่ได้ไปไหว้สังเวชนียสถานทั้ง ๔ จะได้เป็นอนุสติระลึกนึกถึง ในเมื่อเรายึดเป็นอนุสติแล้วจะไหว้ตรงไหนก็ได้ ขอให้ไหว้แล้วระลึกถึงพระพุทธเจ้าได้ก็พอแล้ว

    ถาม : โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่ค่อยเชื่อว่าอยู่ในอินเดีย เพราะในร่องรอยไม่ค่อยเหลือแล้วตรงนั้น
    ตอบ : ไม่เป็นไร ถ้าเราเจอเหตุการณ์แบบนี้เข้าสักที ต่อไปเขาก็จะไม่เชื่อว่าประเทศไทยมีพระพุทธศาสนา เพราะอิสลามบุกเข้าไปทำลายหมด เขาไม่ได้เผาเฉย ๆ แต่โกยดินกลบด้วย ตอนที่เขาขุดมหาวิทยาลัยนาลันทาขึ้นมา อยู่ใต้ดินเกือบสามเมตร..!

    รัฐพิหาร รัฐเดียวมีวัดอยู่สามหมื่นกว่าวัด จนเขาเรียกว่ารัฐพิหาร โดนเขาทำลายเกลี้ยงไม่เหลือ คุณลองดูอินโดนีเซีย บรมพุทโธ (บุโรบุโด) เป็นสัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนาที่ใหญ่โตมาก แต่เหลืออะไรบ้างนอกจากตัวบรมพุทโธอย่างเดียว นอกนั้นเป็นอิสลามหมด

    อัฟกานิสถานก่อนหน้านั้นเป็นเขตประกาศศาสนาของศาสนาพุทธเต็ม ๆ เลย ปัจจุบันแม้แต่พระพุทธรูปใหญ่เขาก็ทำลายทิ้งหมด หลวงจีนฟาเหียน ท่านบันทึกเอาไว้ว่า มีพระนอนยาวถึงสามร้อยศอก แต่เขายังหากันไม่เจอ เจอแต่พระยืนและโดนพวกตาลีบันทำลายเรียบร้อยไปแล้ว

    เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์
    มกราคม ๒๕๕๔
     
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,358
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
     
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,358
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    qIj46Hgn9RBRP_UIHuCD0MPs_lHmmUL3C3rUiu79O76g&_nc_ohc=IBUX3piVAX4AX8d60Rs&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    โอวาทครั้งสุดท้ายของหลวงปู่มั่น ภูริทัตตมหาเถระ

    "ผู้ถือไม่มีบาป ไม่มีบุญ ก็มากมายเข้าแล้ว แผ่นดินนับวันแคบ มนุษย์แม้จะถึงตาย ก็นับวันมากขึ้น นโยบายในทางโลกีย์ใด ๆ ก็นับวันประชันขันแข่งกันขึ้น พวกเราจะปฏิบัติลำบากในอนาคต เพราะเนื่องด้วยที่อยู่ไม่เหมาะสม เป็นไร่เป็นนาจะไม่วิเวกวังเวง

    ศาสนาทางมิจฉาทิษฐิ ก็นับวันจะแสดงปฏิหาริย์ คนที่โง่เขลาก็จะถูกจูงไปอย่างโคและกระบือ ผู้ที่ฉลาดก็เหลือน้อย

    ฉะนั้นพวกเราทั้งหลายจงรีบเร่งปฏิบัติธรรม ให้สมควรแก่แก่ธรรมดังไฟที่กำลังใหม้เรือน จงรีบดับเร็วพลันเถิด ให้จิตใจเบื่อหน่ายคลายเมาวัฏสงสาร ทั้งโลกภายในหนังหุ้มอยู่โดยรอบ ทั้งโลกภายนอกที่รวมเป็นสังขารโลก ให้ยกดาบเล่มคมเข้าสู้ คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา พิจารณาติดต่ออยู่ไม่มีกลางวันกลางคืนเถิด

    ความเบื่อหน่ายคลายเมาไม่ต้องประสงค์ ก็จะต้องได้รับแบบเย็นๆและแยบคายด้วยจะเป็นสัมมาวิมุตติ และสัมมาญาณะอันถ่องแท้ ไม่ต้องสงสัยดอก

    พระธรรมเหล่านี้ไม่ล่วงไปไหน มีอยู่ ทรงอยู่ในปัจจุบัน จิตในปัจจุบัน ที่เธอทั้งหลายตั้งอยู่หน้าสติ หน้าปัญญา อยู่ด้วยกัน กลมกลืนในขณะเดียวนั้นแหละ"

    โอวาทธรรมคำสอนของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
    ที่มาของบทความ :คัดมาจากหนังสือ"เพชรน้ำหนึ่ง"
    จดบันทึกโดยหลวงปู่หล้า เขมปตฺโต วัดบรรพตคีรี (วัดภูจ้อก้อ)
    ต.หนองสูงใต้ อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร
     
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,358
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    ?temp_hash=a96aca3781497e373e6c4af8e9434320.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,358
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    rM1FyAMoxXEGoT8vEPgKbmF-VU3-Y9w0-1NdzCbhYcOh&_nc_ohc=pSPFeX363N4AX8AsmD6&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    ถาม : "มหาสังฆทาน" แบบเต็มรูปแบบนั้น มีวัตถุทานอย่างอื่นประกอบด้วย นอกเหนือจากพระพุทธรูปขนาด ๕ นิ้ว, ผ้าไตรจีวร และอาหาร ตามแบบที่หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ได้กล่าวไว้หรือเปล่าครับ ?
    ตอบ : อะไรก็ได้แม้แต่ชิ้นเล็ก ๆ ชิ้นเดียว ถ้าตั้งใจถวายสงฆ์ ๔ รูปเป็นเจ้าของร่วมกันถือว่าเป็นสังฆทานทั้งหมด

    ที่คุณว่ามาเข้าใจผิดแล้ว ก็คือ หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านได้รับการขอจากบรรดาผีทั้งหลายบ่อย ๆ จึงได้จัดเป็นชุดสังฆทานขึ้นมา ผีบอกว่าพระพุทธรูปทำให้เขาได้ในส่วนของรัศมีกายที่สว่างมาก พรหมเทวดาเขาวัดกันที่รัศมีกาย ใครสว่างมากก็มีศักดานุภาพมากกว่า ในส่วนของผ้าหรือผ้าไตรจีวรทำให้มีเครื่องประดับเป็นทิพย์ ส่วนของอาหารทำให้เขาอิ่มทิพย์ ซึ่งก็คือของหลักที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านให้จัดในส่วนของสังฆทาน แต่ไม่ได้หมายความว่าสังฆทานต้องมีแบบนั้น มีขนมแค่ชิ้นเดียวถวายพระ ๔ รูปขึ้นไปก็เป็นสังฆทานเช่นกัน

    ถาม : ขอพระอาจารย์เมตตาแนะนำเพิ่มเติมด้วยครับ หากสิ่งเหล่านั้นยังประโยชน์แด่สงฆ์ครับ ?
    ตอบ : พระพุทธรูปหน้าตักสัก ๒๑ ศอก ถวายไปเถอะ...!

    ถาม : ในส่วนของผ้าไตรจีวร จำเป็นหรือไม่ว่าต้องกี่ขันธ์ ?
    ตอบ : ไม่จำเป็น เป็นผ้าเปล่า ๆ กว้างคืบยาวคืบขึ้นไปก็เป็นจีวรเช่นกัน

    ถาม : การถวายผ้าไตรจีวร ๙ ขันธ์ อานิสงส์ต่างจากถวายเพียงผ้าสบงธรรมดา หรือชุดผ้าไตรจีวรที่จำนวนขันธ์น้อยกว่าอย่างไรบ้างครับ ?
    ตอบ : ถ้าถวายในชิ้นส่วนที่สมบูรณ์ พระไม่ต้องไปตัดเย็บย้อมด้วยตนเอง อานิสงส์ก็ได้ในส่วนของความสะดวกสบายเพิ่มขึ้น ในส่วนของวัตถุทานถ้าสมบูรณ์พร้อม เวลาที่เราได้รับอะไรก็ได้รับอย่างสมบูรณ์พร้อม ไม่ขาดตกบกพร่องเช่นกัน

    ถาม : ถวายสังฆทานเพียงผ้าสบงสำหรับนุ่งเพียงอย่างเดียว ถือว่าเป็นการถวายผ้าไตรจีวรไหมครับ ? หรือต้องถวายผ้าครบชุดทั้ง ๓ ส่วน เท่านั้น ?
    ตอบ : ตอบไปแล้ว ฟังหรือเปล่าครับ..!?

    เก็บตกบ้านวิริยบารมี
    ธันวาคม ๒๕๕๙
     
  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,358
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    บรรลุอรูปฌานขั้นสุดท้าย ตั้งแต่เป็นเณร

    น้อมถวายมุทิตาสักการะครบรอบ ๖๗ ปี
    พระเทพสังวรญาณ วิ. (จิรพล อธิจิตฺโต ป.ธ.๗)

    พระอาจารย์คม อภิวโร เล่าให้หมู่คณะฟังหลายครั้งว่า
    ท่านเจ้าคุณอาจารย์ พระเทพสังวรญาณ เคยสอนพระอาจารย์คม อภิวโร ตั้งแต่เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔-๖ โรงเรียนวัดบวรนิเวศ

    ช่วงเย็นหลังเลิกเรียน หรือวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ท่านเจ้าคุณอาจารย์จะเมตตาให้ถือย่ามตามไปกิจนิมนต์ต่างๆเสมอ ส่วนใหญ่เป็นการไปแสดงพระธรรมเทศนา อบรมจิตตภาวนา

    ถ้าสถานที่นิมนต์นั้นไม่ไกลจากวัดบวรนิเวศวิหารนักท่านเจ้าคุณอาจารย์จะเดินไป ถ้าอยู่ไกลจึงจะนั่งรถไป ท่านไม่นิยมนั่งรถแท็กซี่ จะใช้บริการรถสามล้อเครื่อง(รถตุ๊กตุ๊ก) เป็นส่วนใหญ่

    ในปี พ.ศ. ๒๕๔๒ ท่านเจ้าคุณอาจารย์เป็นผู้ปลงผมบวชเณรให้แก่สามเณรคม และนำขึ้นกราบทูลขอพระกรุณา สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร ให้ทรงประทานบรรพชา และประทานโอวาท ก่อนส่งไปปฏิบัติธรรมที่วัดญาณสังวราราม จังหวัดชลบุรี ซึ่งระหว่างนั้นท่านเจ้าคุณอาจารย์เมตตาตามไปอบรมสั่งสอนที่จังหวัดชลบุรีหลายครั้ง

    เมื่อครบกำหนดเพื่อนสามเณรในคณะกราบลาสึกกันหมดแล้ว แต่สามเณรคมยังขอต่อเวลาอีกเพื่อจะไปทำพิธีเททองหล่อพระประธานวัดป่าแห่งหนึ่งซึ่งสามเณรคมเป็นผู้รับผิดชอบโครงการ หลังจากนั้นจึงได้กราบลาสึกมาเรียนหนังสือตามปกติ และได้รับเลือกตั้งเป็นประธานนักเรียนคนเเรกของโรงเรียนวัดบวรนิเวศ (เดิมมีแต่ประธานคณะ ๕ คณะ) โดยท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร เมตตาเสด็จมาเป็นองค์ประธานในพิธีไหว้ครูและมอบตำแหน่งประธานนักเรียนให้

    การภาวนาทุกอย่างในช่วงนั้น ได้กราบเรียนหลวงปู่กูด รกฺขิตฺสีโล, หลวงตาฮ้อ ฐิติโก และท่านเจ้าคุณอาจารย์เป็นหลัก

    ครั้งหนึ่งกราบเรียนท่านถึงอารมณ์การภาวนาที่แปลกมากคือ

    “…จิตผมไม่ทราบเป็นอย่างไร มีสติชัดแต่เบาเหลือเกิน มันว่างไปหมด มันละเอียดกว่าความคิด มันไม่มีความคิด เหมือนจะมีความจำแต่ก็เหมือนจะไม่มีความจำอะไรเลย แม้นแต่ตัวกำหนดอยู่ รู้อยู่ ก็เหลืออยู่น้อยเดียวเท่านั้น …”

    ท่านเจ้าคุณอาจารย์สอบอารมณ์ ซักถามกลับไปกลับมาแง่มุมต่างๆอยู่นาน เมตตาตอบว่า

    “เนวสัญญานาสัญญายตนะ”

    จากนั้นท่านจึงเมตตาสอนอธิบายอย่างละเอียดต่อไป

    ภายหลังได้พบคุณแม่จันดี โลหิตดี คุณแม่จันดีเรียกคุณพ่อคุณแม่ไปพบที่วัดป่าบ้านตาด ขอให้ลูกคมได้เป็นลูกท่าน ได้ศึกษาปฏิบัติธรรมกับท่านจนได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ

    ยามได้มาวัดบวรนิเวศวิหารครั้งใด นอกจากกราบพระพุทธชินสีห์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดทั้งหลายแล้ว การได้กราบท่านเจ้าคุณอาจารย์ก็ถือเป็นมงคลอันเลิศ เป็นที่ชื่นใจสำนึกในบุญคุณท่านเจ้าคุณอาจารย์ตลอดมา

    พระอาจารย์คม อภิวโร เล่าให้ชาววัดป่าธรรมคีรี และรุ่นพี่รุ่นน้องศิษย์เก่าบวรนิเวศฟังหลายครั้ง ผู้บันทึกก็พลอยได้อนุโมทนาสาธุการด้วยทุกครั้ง

    ผู้บันทึก : พระมหาวุฒิมา ปญฺญาวุฑฺโฒ

    …………………………………………

    กราบถวายมุทิตาสักการะ
    พระเทพสังวรญาณ วิ. (จิรพล อธิจิตฺโต ป.ธ.๗)

    เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร-สมุทรปราการ(ธ)
    ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร
    ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร
    ผู้ช่วยแม่กองธรรมสนามหลวง

    กราบบูชาความดีท่านเจ้าคุณอาจารย์ด้วยเศียรเกล้า

    Cr.วัดป่าธรรมคีรี
    ************************

     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...