@@..คำครู ผู้ชี้-นำ-อุปถัมภ์ สู่พระโพธิญาณ & เรื่องเล่าจากกัลยาณมิตร.@@

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 10 กรกฎาคม 2015.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    [​IMG]


    เริ่มต้นทุกอย่างที่ตัวเราใช่ที่ใครอื่น
    เพราะทุกความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ ก็เกิดขึ้นจากตัวเราเป็นผู้ลงมือกระทำ




    ระฆังธรรม วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    [​IMG]


    เขาไปไหน (คนที่ไม่สวดมนต์ภาวนา) ผีออกห่างเลย มีแต่ผีจะทำร้าย เราไปไหนผีตามเป็นพรวน ห่างกันไหม แม้แต่รอยยิ้มมันยังไม่ให้เลย ...งั้นแม่ชีต้องยิ้มให้ผีนะ แม่ชีตอบ อ้อ ....ที่หลวงตายิ้มให้พวกนู่คือยิ้มให้ผีพวกนู๋ใช่ไหมค่ะ หลวงตาตอบใช่ เอานี้เรื่องจริงนะฮะ เผลอๆ มันว่าเราด้วย(คนที่ไม่สวดมนต์ภาวนา).....

    ถามตอบธรรมะหลวงตาม้า วันอังคารที่ 7 เมษายน 2558
     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    [​IMG]




    วิธีจะละขันธ์ 5  ถอดขันธ์ 5 ทิ้ง   วิธีจะถอดสละขันธ์ 5   วางขันธ์ 5 นั้น   ต้องเป็นผู้ตั้งอยู่ในสังวรกถา ที่จะตั้งอยู่ในสังวรกถาได้  ต้องอาศัยมีความรู้ความเห็นแยบคาย   เห็นแยบคายอย่างไร ?   รู้เห็นแยบคาย  ความยินดีในรูปในอารมณ์นั้นๆ  ต้องปล่อยวาง   ต้องละต้องทิ้งความยินดีในอารมณ์นั้นๆ ถ้ายังยึดความยินดีในอารมณ์อยู่  ปล่อยขันธ์ 5 ไม่ได้  การยึดอารมณ์ยินดีในอารมณ์ท่านยกเป็นตำรับตำราไว้เป็นเนติแบบแผน เป็นภาษามคธว่า  

    สุภานุปสฺสึ วิหรนฺตํ
    โภชนมฺหิ อมตฺตญฺญุํ
    ตํ เว ปสหตี มาโร อินฺทฺริเยสุ อสํวุตํ
    กุสีตํ หีนวีริยํ
    วาโต รุกฺขํ ว ทุพฺพลํ
    แปลเป็นสยามภาษาว่า  สุภานุปสฺสึ ผู้ที่เห็นอารมณ์งาม  รูปารมณ์ก็ดี สัทธารมณ์ คันธารมณ์ รสารมณ์ โผฏฐัพพารมณ์ ผู้เห็นอารมณ์งาม   รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ นั่นแหละเรียกว่า สุภานุปสฺสึ  ผู้เห็นอารมณ์งามอยู่ ไม่สำรวมในอินทรีย์ทั้งหลาย   ไม่รู้จักประมาณในการบริโภคอาหาร   มีความเกียจคร้าน   กุสีตํ จมอยู่ในอาการอันบัณฑิตพึงเกลียด   หีนวิริยํ มีความเพียรเลวทราม    ตํ เว ปสหตี มาโร มาร ย่อมประหารบุคคลผู้นั้นได้    วาโต รุกฺขํ ว ทุพฺพลํ เหมือนลมประหารต้นไม้ อันมีกำลังทุพพลภาพได้ฉันนั้น นี้พระคาถาต้น   คาถาสองรองลงไป 

    อสุภานุปสฺสึ วิหรนฺตํ
    โภชนมฺหิ จ มตฺตญฺญุํ
    ตํ เว นปฺปสหตี มาโร อินฺทฺริเยสุ สุสํวุตํ
    สทฺธํ อารทฺธวีริยํ
    วาโต เสลํ ว ปพฺพตํ
    ผู้ที่เห็นอารมณ์อันไม่งาม   สำรวมดีในอินทรีย์ทั้งหลาย  รู้จักประมาณในการบริโภคอาหารหรือโภชนาหาร   มีความเชื่อ   ปรารภความเพียรอยู่   มารย่อมประหารบุคคลผู้นั้นไม่ได้   เหมือนอย่างลมประหารภูเขาอันล้วนแล้วด้วยศิลาเขยื้อนไม่ได้ ฉันนั้น   

    จกฺขุนา สํวโร สาธุ
    ฆาเนน สํวโร สาธุ
    กาเยน สํวโร สาธุ
    มนสา สํวโร สาธุ
    สพฺพตฺถ สํวุโต ภิกฺขุ สาธุ โสเตน สํวโร
    สาธุ ชิวฺหาย สํวโร
    สาธุ วาจาย สํวโร
    สาธุ สพฺพตฺถ สํวโร
    สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ
    แปลเนื้อความว่า  สำรวมตาได้ ยังประโยชน์ให้สำเร็จ    สำรวมหูได้ ยังประโยชน์ให้สำเร็จ      สำรวมจมูกได้ ยังประโยชน์ให้สำเร็จ   สำรวมลิ้นได้ ยังประโยชน์ให้สำเร็จ   สำรวมกายได้ ยังประโยชน์ให้สำเร็จ   สำรวมวาจาได้ ยังประโยชน์ให้สำเร็จ   สำรวมใจได้ ยังประโยชน์ให้สำเร็จ   สำรวมในที่ทั้งหมดปรากฏว่า ยังประโยชน์ให้สำเร็จโดยแท้   ผู้ศึกษาธรรมวินัยเป็นผู้สำรวมแล้วในอินทรีย์ทั้งหลายในอินทรีย์ทั้งสิ้น เมื่อสำรวมได้เช่นนี้ตัดสินว่า  สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ  ย่อมหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวงไปด้วยประการดังนี้   นี่สังวรกถา แสดงการสำรวม

    แต่ว่าที่กล่าวมานี้  ตามวาระพระบาลีคลี่ความเป็นสยามภาษา   ถ้าจะอรรถาธิบายขยายความในการที่ปล่อยขันธ์ 5 เป็นลำดับไป  ขันธ์ทั้ง 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ที่เราแบ่งเป็นภาระหนักอยู่ในบัดนี้ แล้วอวดดีด้วยนะ  ภาระของตัวหนักพออยู่แล้ว  ยังอวดดีไปแบกภาระของคนอื่นเขาเข้าอีกด้วย   เอากันละตรงนี้ อวดดีแบกภาระของคนอื่นเขาเข้าด้วย  ไม่ใช่แบกน้อยด้วย   บางคนแบกหลายๆ ขันธ์   แอบไปแบกเข้า 5 ขันธ์อีกแล้ว  หญิงก็ดีชายก็ดีแอบไปแบกเข้าอีก 5 ขันธ์  แล้วรวมของตัวเข้าเป็น 10 ขันธ์  แล้วหนักเข้า ก็หลุดออกมาอีก 5 ขันธ์  เป็น 15 ขันธ์ แล้วแบกเอาไป   แบกเข้าไปเฮอะ  เอ้าหนักเข้าๆ  หลุดออกมาอีก 5 ขันธ์แล้ว  เป็น 20 ขันธ์แล้ว  นานๆ หลายๆ ปีเข้า  หลุดออกมาอีก 5 ขันธ์ แล้วเป็น 25 ขันธ์    นานๆ หลุดออกมาอีก 5 ขันธ์แล้ว เอ้าเป็น 30 ขันธ์ ดังนี้แหละ    บางคนแบก ถึง 40-50-60-70-80-90   บางคนถึง 100 ขันธ์   สมภารแบกตั้ง 1,000 ขันธ์เชียวนา ไม่ใช่น้อยๆ  นั่นอวดดีล่ะ   ถ้าอวดดีอย่างนี้ต้องหนักมาก เขาจึงได้ชื่อว่าสมภาร   สัมภาระ แปลว่าหนักพร้อม   หนักรอบตัว  พ่อบ้านแม่บ้าน พ่อครัวแม่ครัว ก็เหมือนกัน หนักใหญ่อีกเหมือนกัน   หนักรอบอีกเหมือนกัน  เพราะแบกขันธ์ทั้งนั้น  ที่ทุกข์ยากลำบากกันหนักหนา  ทีเดียว  เพราะแบกขันธ์เหล่านี้แหละต้องปลูกบ้านเป็นหย่อมๆ เป็นหลังเป็นพืดไป   นั่นเพราะอะไร  บริหารขันธ์แบกขันธ์ทั้งนั้น แบกภาระที่หนักทั้งนั้น  ไม่ใช่เล็กน้อย  ไม่ใช่พอดีพอร้าย  เพราะเหตุดังนั้น  การแบกภาระของหนักนี่แหละ   ถ้าปล่อยไม่ได้วางไม่ได้ละก้อ เป็นทุกข์หนักทีเดียว    บุคคลผู้แบกของหนักไป บุคคลผู้แบกขันธ์ 5 ที่หนักไป  ถ้าว่าปล่อยวางขันธ์ 5 ไม่ได้ ก็เป็นทุกข์แท้ๆ    ถ้าปล่อยวางขันธ์ 5 เสียได้ก็เป็นสุขแท้ๆ เหมือนกัน   ตรงกันข้ามอย่างนี้

    แต่ว่า วิธีปล่อยขันธ์ 5 ไม่ใช่ของเล็กน้อย   ไม่ใช่เป็นของปล่อยง่าย   ถ้าปล่อยไม่ได้ ก็เป็นทุกข์   ปล่อยได้ก็เป็นสุข  แต่ขันธ์ 5 จริงๆ เราก็ไม่รู้จักมันเสียแล้วนะ   ปล่อยมันอย่างไร  รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณน่ะ เอาเถอะ  แก่เฒ่าอยู่วัดอยู่วาไปตามกัน   บวชแล้วก็ตาม ไม่บวชก็ตาม   ถามจริงๆ เถอะว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จริงๆ น่ะคืออะไร   เอาละอึกอักกันทีเดียว  ไม่เข้าใจตัวของตัวแท้ๆ  ไม่เข้าใจ   รูปน่ะคือร่างกาย ประกอบด้วยธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ ผสมกันอยู่นี้   ถ้าว่าแยกออกไปก็เป็น 28  มหาภูตรูป 4  อุปาทายรูป 24  เป็นรูป 28 ประการดังนี้   นี่แหละมีรูปเท่านี้  เป็นเบญจขันธ์นี้   รูป 28 เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ นามขันธ์ 4 โดยย่อ สังขาร 3 วิญญาณ 6    เวทนา ความรู้สึก  สัญญา ความจำ  สังขาร ความคิด  วิญญาณ ความรู้  เป็นดวงสีต่างๆ กัน ส่วนเวทนาก็เป็นดวง  ถ้าสุขเวทนาก็ใส  ถ้าทุกขเวทนาก็ขุ่น  ดังนี้ เป็นดวงๆ ดังนี้  สัญญา ความจำก็เป็นดวงเหมือนกัน  เป็นดวงต่างกัน ดีชั่วหยาบละเอียดเลวประณีต   สังขาร ความคิดดีคิดชั่ว คิดไม่ดีไม่ชั่ว นี่ก็เป็นดวงอีกเหมือนกัน   วิญญาณ ความรู้  ความรู้ก็เป็นดวงอีกเหมือนกัน   ต้องรู้จักพวกนี้  ให้เห็น พวกนี้เสียก่อน  ให้เห็นขันธ์ทั้ง 5 เสียก่อน ให้เป็นปฏิบัติ 

    ที่แสดงแล้วนั่นเป็นปริยัติ   ถ้าปฏิบัติ ต้องเห็น   เห็นขันธ์ทั้ง 5 นั่น   รูปเป็นดังนั้นโตเล็กเท่านั้น  สัณฐานอย่างนั้น เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ   เมื่อเห็นเบญจขันธ์ทั้ง 5 แล้ว  ก็ดูความจริงของมัน  ขันธ์ 5 เหล่านี้น่ะ ถ้าแม้ว่า ขืนไปยึดถือมันเข้าไว้ละก้อ เป็นทุกข์   ท่านถึงได้วางตำราเอาไว้ว่า  ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา ยึดถือมั่นในเบญจขันธ์ 5 นั่นเป็นทุกข์   ถ้าหากว่าปล่อยเบญจขันธ์ 5 เสียได้ก็เป็นสุข   แต่ว่าปล่อยไม่ใช่ได้ง่าย  ปล่อยไม่ได้ง่ายเหมือนอะไร   ปล่อยไม่เป็น   ถ้าปล่อยเป็นปล่อยได้ง่าย   ปล่อยไม่เป็นปล่อยได้ยาก  ปล่อยไม่เป็นเหมือนอะไร  เหมือนเด็กๆ กำไฟเข้าไว้  ยิ่งร้อนหนักเข้า   ยิ่งกำหนักแน่นหนักเข้า  ร้องใจหายใจคว่ำก็ร้องไป  ปล่อยไม่เป็น   คลายมือไม่เป็น   ถ่านก้อนที่กำเข้าไว้น่ะ  เมื่อเด็กกำเอาเข้าไว้แล้ว  กำเสียดับเลยทีเดียว  กำเสียมิดทีเดียว  มือก็ไหม้  เข้าไปรูหนึ่งแล้ว   นั่นเพราะอะไร เด็กมันปล่อยถ่านไฟไม่เป็น  ปล่อยไม่เป็นหรือมันไม่ปล่อย  ปล่อยไม่เป็นจริงๆ  ถ้าปล่อยเป็นมันก็ปล่อยเหมือนกัน   

    เหมือนพวกเรานี่แหละยึดมั่นเอาเบญจขันธ์ทั้ง 5 เข้าไว้  ปล่อยไม่เป็น   ไม่รู้จะปล่อยท่าไหน   วางท่าไหนก็ไม่รู้  วางไม่ออก ปล่อยไม่ออก   ปล่อยไม่เป็น วางไม่เป็น หรือปล่อยไม่ได้ วางไม่ได้   ไอ้ที่ปล่อยไม่ได้วางไม่ได้  อีกพวกหนึ่ง    ไอ้ที่ปล่อยไม่เป็นน่ะพวกหนึ่ง

    ปล่อยไม่ได้วางไม่ได้น่ะ รู้แล้วว่าปล่อยเท่านั้นวางเท่านั้น   ไม่ยอมปล่อย ไม่อยากปล่อย   เพราะอะไร เสียดายมัน  นั่นอีกพวกหนึ่ง  ไม่อยากปล่อยขันธ์ 5 อยากจะได้ขันธ์ 5 ให้มากขึ้น นั่นพวกหนึ่ง

    ไอ้ที่ปล่อยไม่เป็นน่ะพวกหนึ่ง   ไม่ได้เล่าเรียนศึกษา  ไม่ได้ฟังธรรมของสัตบุรุษ   ไม่ได้ฝึกฝนใจในธรรมของสัตบุรุษ   ไม่ได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า   ไม่ได้ฝึกฝนใจในธรรมของพระพุทธเจ้า  ไอ้พวกนั้นปล่อยไม่เป็น 

    ไอ้พวกที่ได้ฟังแล้วจะปล่อยก็เป็น แต่ว่าเสียดายไม่ยอมปล่อย    อีกพวกหนึ่งตั้งใจปล่อยจริงๆ   แต่ปล่อยไม่ได้  ไอ้ที่ไม่อยากปล่อยน่ะ เหมือนอะไรล่ะ   เหมือนพรานวางเบ็ด   เมื่อปลาติดเบ็ดแล้ว  ถ้าปลาตัวเล็กๆ พอจะปลดปล่อยได้   ถ้าปลาถึงขนาดเข้าปล่อยไม่ได้  เสียดาย   ต้องใส่เรือของตัวไป  ไอ้อยากปล่อยแต่ปล่อยไม่ได้น่ะเหมือนอะไร   เหมือนนกติดแร้ว  อยากปล่อย  แต่เครื่องติดมันมี  มันมีเหมือนอะไรล่ะ   นี่แหละเหมือนอย่างเราครองเรือน  อย่างนี้แหละ  อยากจะปล่อยมัน  แต่ว่าเครื่องติดมันมีเลยปล่อยไม่ได้ เสียดาย   มันปล่อยไม่ได้   มันติดอยู่ดังนั้นแหละ   ปล่อยไม่ถนัด  เพราะเหตุฉะนี้แหละเบญจขันธ์ทั้ง 5 ไม่ใช่เป็นของพอดีพอร้าย  ต้องถอดกัน   ไม่ถอด ปล่อยไม่ได้

    วิธีถอดเบญจขันธ์เบื้องต้นต้องสำรวม   ที่จะสำรวมน่ะ  ต้องพิจารณาเบญจขันธ์ทั้ง 5 เสียก่อนว่าเป็นของไม่ดีไม่งาม  เป็นของไม่ดีไม่งามนะ  เป็นของหนักจริงๆ นะ   รู้ว่าเป็นของหนักแล้ว   เริ่มต้นทีเดียว  เมื่อเห็นว่าหนักละก็เริ่มต้นสำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เลยทีเดียว   สำรวมระวังไว้ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ในเวลาที่รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ มากระทบ   คอยระวังไว้สำรวมไว้ให้ดี  เมื่อระวังให้ดีแล้วสละความยินดียินร้ายไม่ให้มากระทบ  ไม่ให้ความชอบความไม่ชอบซึ่งเป็นกิเลสหยาบเข้ามากระทบได้   สละเสีย เมื่อสละเช่นนั้น   ถ้าว่าเกียจคร้านไม่ได้นะ  ต้องหมั่นขยันทีเดียว  ต้องมีความเชื่อมั่นว่าปล่อยได้จริง  แล้วขยันหมั่นเพียรจริงๆ  นั่นแหละจึงจะปล่อยได้   ถ้าไม่สำรวมระวังปล่อยพลั้งเผลอละก้อ เหมือนดังคนเกียจคร้านมีปัญญาเลวทราม  ก็ต้องรัดรึงตรึงตราอยู่ในเบญจขันธ์ทั้ง 5   ก็บุคคลมีศรัทธา มีความเพียรดี มีความเพียรหมั่นขยัน  กลั่นกล้านั้นแหละอาจปล่อยขันธ์ 5 ได้ล่ะ   แต่ว่าวิธีจะปล่อย ท่านชี้แจงแสดงย่อยออกไปเป็นตำรับตำราออกไปเป็นส่วนๆ   ให้เป็นตำรับตำราออกไปว่า  จกฺขุนา สํวโร สาธุ สำรวมตาได้ยังประโยชน์ให้สำเร็จ ยังประโยชน์ให้สำเร็จ   อย่างไร  ความติดมั่นในรูปารมณ์ก็ไม่มี สำรวมหูได้ยังประโยชน์ให้สำเร็จ  สำเร็จอย่างไร   ความติดมั่นในสัททารมณ์ก็ไม่มี  หยุดไปได้    สำรวมจมูกได้ ความติดมั่นถือมั่นในกลิ่นก็ไม่มี  หลุดไปได้    สำรวมในลิ้นได้ ก็ไม่ติดในรส   สำรวมในกายได้ ความสัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็ง ก็หลุดไป   ยังประโยชน์ให้สำเร็จดังนี้   เมื่อสำรวมกายได้ สัมผัสก็หลุดไป  สำรวมวาจาได้ ที่จะมีโทษทางวาจาก็ไม่มี  หลุดไป สำรวมใจได้   โทษทางใจก็ไม่มี ยังประโยชน์ให้สำเร็จเป็นชั้นๆ ไป ดังนี้    ความสำรวมทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นั้นแหละ ทั้ง 6 อย่างสำรวมได้แล้ว ก็ยังประโยชน์ให้สำเร็จได้ทั้งหมด   ปรากฏว่าผู้ศึกษาพระธรรมวินัยต้องเป็นผู้มีหลักมีเกณฑ์อย่างนี้  เมื่อมีหลักมีเกณฑ์อย่างนี้แล้ว   ได้ชื่อว่าสำรวมดีในสิ่งทั้ง 6 ประการ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ สำรวมใจดีแล้วหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้จริงๆ นะ

    เขาทำกันอย่างไร   ต้องทำใจให้หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลางกายมนุษย์ที่เคยแสดงอยู่เสมอๆ   เข้าสิบเข้าศูนย์ให้ดี  ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์   ใสบริสุทธิ์เท่าฟองไข่แดงของไก่   พอหยุดนิ่งก็เข้ากลางของกลางๆๆๆๆๆ เป็นลำดับไป   เมื่อเข้ากลางของกลางเป็นลำดับ  จนกระทั่งถึงดวงศีล ดวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ

    เข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด  กายมนุษย์หยาบหลุด หยุดอยู่ศูนย์กลางของธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ละเอียด   ถูกส่วนเข้า  เข้ากลางของกลาง   หยุดเรื่อยไป  ถูกส่วนเข้า ก็ถึงดวงศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ
    เข้าถึงกายทิพย์ กายมนุษย์ละเอียดก็หลุดไป
    เข้าถึงกายทิพย์ละเอียด กายทิพย์หยาบก็หลุดไป
    เข้าถึงกายรูปพรหม กายทิพย์ละเอียดก็หลุดไป
    เข้าถึงกายรูปพรหมละเอียด  กายรูปพรหมหยาบหลุดไป
    เข้าถึงกายอรูปพรหม  กายรูปพรหมละเอียดหลุดไป
    เข้าถึงกายอรูปพรหมละเอียด กายอรูปพรหมหยาบหลุดไป
    เข้าถึงกายธรรม กายอรูปพรหมละเอียดหลุดไป
    นี่หลุดไป 8 กายแล้ว

    เข้าถึงกายธรรมโคตรภูละเอียด กายธรรมโคตรภูหยาบก็หลุดไป
    เข้าถึงกายธรรมพระโสดาบันหยาบ กายธรรมโคตรภูละเอียดหลุดไป
    เข้าถึงกายธรรมพระโสดาละเอียด กายพระโสดาหยาบก็หลุดไป
    เข้าถึงกายธรรมพระสกทาคาหยาบ กายพระโสดาละเอียดก็หลุดไป
    เข้าถึงกายธรรมพระสกทาคาละเอียด กายพระสกทาคาหยาบก็หลุดไป
    เข้าถึงกายธรรมพระอนาคาหยาบ กายพระสกทาคาละเอียดก็หลุดไป
    เข้าถึงกายธรรมพระอนาคาละเอียด กายพระอนาคาหยาบก็หลุดไป
    เข้าถึงกายพระอรหัตหยาบหรือพระอรหัตตมรรค   กายพระอนาคาละเอียดก็หลุดไป
    เข้าถึงกายพระอรหัตละเอียดหรืออรหัตตผล กายพระอรหัตหยาบหรืออรหัตตมรรคก็หลุดไป
    พอเข้าถึงอรหัตตผล เรียกว่า วิมุตติญาณทัสสนะ   เรียกว่าเข้าถึงวิราคธาตุวิราคธรรมจริงๆ  หลุดจากธรรมที่ปะปนด้วยกิเลส  สราคธาตุสราคธรรม หลุดหมด เบญจขันธ์ทั้ง 5
    ขันธ์ 5 ของมนุษย์  ขันธ์ 5 ของกายมนุษย์ละเอียด เมื่อเข้าถึงกายทิพย์-กายทิพย์ละเอียดแล้ว ก็หลุด
    ขันธ์ 5 ของกายทิพย์-กายทิพย์ละเอียด เมื่อเข้าถึงกายรูปพรหม-รูปพรหมละเอียด ก็หลุด,
    ขันธ์ 5 กายของรูปพรหม-รูปพรหมละเอียด  เข้าถึงอรูปพรหม-อรูปพรหมละเอียด ก็หลุด, หลุดหมด หลุดเป็นชั้นๆ ไป
    ขันธ์ 5 ของกายอรูปพรหม-อรูปพรหมละเอียด ถึงกายธรรมเสียแล้ว ก็หลุด, ถึง กายธรรมพระโสดา ขันธ์ 5 ของกายธรรมโคตรภูหยาบ-โคตรภูละเอียด หลุด, เข้าถึงกายธรรมพระสกทาคาแล้ว กายธรรมของโสดา-โสดาละเอียดหลุด, เข้าถึงกายธรรมของ พระอนาคาหยาบ-อนาคาละเอียดแล้ว กายธรรมของพระสกทาคาหยาบ-สกทาคาละเอียด หลุดออกไปเช่นนี้ เป็นชั้นๆ เช่นนี้เรียกว่ารู้จักสำรวมถูกส่วนเข้าแล้วหลุดเป็นชั้นๆ ไปดังนี้ เมื่อหลุดออกไปได้แล้วเห็นว่าหลุดจริงๆ ไม่ใช่หลุดเล่นๆ ถ้าว่าโดยย่อแล้วละก็ พอถึง กายธรรมหยาบละเอียดเท่านั้นไปนิพพานได้แล้ว แต่ว่าหลุดดังนี้เป็นตทังควิมุตติ ประเดี๋ยวก็ กลับมาอีก พอหลุดแค่พระโสดา นั่นเป็นโลกุตตระ ข้ามขึ้นจากโลกได้แล้ว เป็นอริยบุคคลแล้ว แต่ว่าไม่พ้นจากไตรวัฏฏ์ ต้องอาศัยไตรวัฏฏ์ เพราะยังไปนิพพานไม่ได้ ต้องอาศัยกามภพ รูปภพอยู่ แต่ว่าอาศัยอยู่แต่เปลือกนอก ข้างในล่อนจากเปลือกนอกเสียแล้ว อย่างนั้นก็พอ ใช้ได้ แต่ว่ายังไม่ถึงที่สุด ต้องถึงที่สุดคือพระอรหัตตผลนั่นแหละจึงจะพ้นขาดเด็ดเป็น วิราคธาตุวิราคธรรมจริงๆ หลุดได้จริงๆ เช่นนี้ อย่างนี้เอาตัวรอดได้ อย่างนี้ เมื่อรู้จักหลัก ความหลุดพ้นเช่นนี้แล้วก็ตั้งใจให้แน่วแน่ ต้องมีความสำรวมเบื้องต้น ที่ท่านได้ชี้แจงแสดงไว้ใน อารมณ์ที่ไม่งาม แล้วสำรวมระวังให้ดี รู้จักประมาณในการบริโภคอาหาร มีความเพียร มีศรัทธา กล้าหาญไม่ย่อท้อ นั่นแหละคงจะไปถึงที่สุดได้ ทว่าย่อท้อเสียแล้วถึงที่สุดไม่ได้ง่าย ให้เข้าใจ หลักอันนี้ หลักที่แสดงแล้ว ที่แสดงในทางขันธ์ 5 เป็นของหนักแล้ว คิดสละขันธ์ 5 นั่นได้ ด้วยความสำรวมระวัง นี้เป็นทางปริยัติ เป็นลำดับไปจนเข้าถึงถอดกายเป็นชั้นๆ ออกไปแล้ว จนกระทั่งถึงพระอรหัต ถึงวิราคธาตุวิราคธรรม กายพระอรหัตหยาบ-พระอรหัตละเอียดนั้น ในแนวนั้นเป็นทางปฏิบัติ ปฏิเวธก็เป็นชั้นๆ เคยแสดงแล้ว

    กายมนุษย์เมื่อปฏิบัติถูกส่วนเข้าแล้วเห็นกายมนุษย์ละเอียด นั่นเป็นนิโรธ เป็น ปฏิเวธ รู้แจ้งแทงตลอดของกายมนุษย์ เมื่อกายมนุษย์ละเอียดเข้าถึงกายทิพย์ ก็เป็นปฏิเวธ ของกายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์เมื่อเข้าถึงกายทิพย์ละเอียด ก็เป็นปฏิเวธของกายทิพย์ รู้จักกายทิพย์ละเอียดแล้ว เมื่อกายทิพย์ละเอียดเข้าถึงกายรูปพรหม ก็เป็นปฏิเวธของ กายทิพย์ละเอียด, กายรูปพรหมเข้าถึงกายรูปพรหมละเอียด ก็เป็นปฏิเวธของกายรูปพรหม, กายรูปพรหมละเอียดเข้าถึงกายอรูปพรหม ก็เป็นปฏิเวธของกายรูปพรหมละเอียด, กายอรูปพรหมหยาบเห็นกายอรูปพรหมละเอียด ก็เป็นปฏิเวธของกายอรูปพรหมหยาบ, กายอรูปพรหมละเอียดเห็นกายธรรม ก็เป็นปฏิเวธของกายอรูปพรหมละเอียด, กายธรรมเห็นกาย ธรรมละเอียด ก็เป็นปฏิเวธของกายธรรมหยาบ, กายธรรมละเอียดเห็นกายธรรมพระโสดา ก็เป็นปฏิเวธของกายธรรมละเอียด, กายธรรมพระโสดาเห็นกายธรรมพระโสดาละเอียด ก็เป็นปฏิเวธของกายธรรมพระโสดาหยาบ, เมื่อกายธรรมของพระโสดาละเอียดเห็นกายธรรม ของพระสกทาคา ก็เป็นปฏิเวธของกายธรรมพระโสดาละเอียด, กายธรรมพระสกทาคาเห็นกายธรรมละเอียดของพระสกทาคาเอง ก็เป็นปฏิเวธของกายธรรมพระสกทาคา, กายธรรมละเอียดของพระสกทาคาเห็นกายธรรมพระอนาคาหยาบ ก็เป็นปฏิเวธของกายธรรมพระสกทาคาละเอียด, กายธรรมพระอนาคาเห็นกายธรรมละเอียดของพระอนาคาเอง ก็เป็นปฏิเวธของกายธรรมพระอนาคา, กายธรรมของพระอนาคาละเอียดเห็นกายธรรมของพระอรหัต ก็เป็นปฏิเวธของกายธรรมพระอนาคาละเอียด, กายธรรมของพระอรหัตหยาบหรืออรหัตตมรรคเข้าถึงกายธรรมของพระอรหัตละเอียดหรือพระอรหัตตผล ก็เป็นปฏิเวธของกายธรรมพระอรหัต นี่ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ เป็นมาลำดับอย่างนี้ เมื่อรู้จักหลักดังนี้ละก็ การเล่าเรียนในทางพุทธศาสนา การแสดงก็ดี การสดับตรับฟังก็ดี ให้รู้จักทางปริยัติ ทาง ปฏิบัติ ทางปฏิเวธ จึงจะเอาตัวรอดได้ ถ้ารู้จักแต่เพียงทางปริยัติ ยังข้องขัดอยู่ในทางปฏิบัติ ต้องให้เข้าถึงทางปฏิบัติ ยังข้องขัดอยู่ในทางปฏิเวธ ให้เข้าถึงทางปฏิเวธนั่นแหละจึงจะเอาตัว รอดได้ ด้วยประการดังนี้

    ที่ได้ชี้แจงแสดงมานี้ตามวาระพระบาลี คลี่ความเป็นสยามภาษาตามมตยาธิบาย พอสมควรแก่เวลา เอเตน สจฺจวชฺเชน ด้วยอำนาจความสัตย์ที่ได้อ้างธรรมปฏิบัติตั้งแต่ต้น จนอวสานนี้ สทา โสตฺถี ภวนฺตุ เต ขอความสุขสวัสดีจงบังเกิดแก่ท่านทั้งหลาย บรรดา มาสโมสรในสถานที่นี้ทุกถ้วนหน้า อาตมภาพชี้แจงแสดงมาพอสมควรแก่เวลา สมมติว่ายุติ ธรรมีกถาโดยอรรถนิยมความด้วยเพียงเท่านี้ เอวํ ก็มีด้วยประการฉะนี้.



    คัดจาก ขันธ์ห้า เป็นภาระอันหนัก เทศนาธรรมโดย หลวงพ่อวัดปากน้ำ( สด จันสโร )
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    <iframe width="853" height="480" src="https://www.youtube-nocookie.com/embed/W_vo8cjIeqw?&autoplay=&rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 สิงหาคม 2015
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    [​IMG]



    การสัพเพส่งวิญญาณในศาสตร์หลวงปู่ดู่

    ศิษย์ : อย่างที่เราสวดแผ่วิญญาณนี่ คือการสร้างบารมีใช่ไหมค่ะ

    หลวงตา : ใช่ การสร้างกระแสบุญคุณโดยไม่ต้องใช้ทรัพย์ ใช้พลังงาน ต้องผ่านพลังงานให้เป็น สมมุติเรามีศีลอยู่นะ นึกถึงหลวงปู่ปุ๊บ พลังงานมันก็ผ่านตัวเราไปที่ภูมิมัน อยู่ที่ตัวกลางที่ฟอกเนี่ยถ้าอารม์ไม่ดี ขุ่นมัว มันก็ผ่านไม่ได้ จะสัพเพสักแสนจบก็ไม่ได้ คล้ายๆเครื่องมันไม่ไป สายไฟขาด อยู่ที่เราเป็นตัวกลาง ท่านถึงบอกว่าต้องไปพรหมไง พระโพธิสัตว์ถึงต้องผ่านพรหมไง พอลงมาแล้วถึงเลยผ่านพลังงานได้ดี พรหมน่ะมันเป็นทางสามแพร่ง มันเป็นกำลังไง ระหว่างจะไม่เกิดและสร้างบารมีได้ดี เลือกเกิดได้อีก มองเห็นทุกขั้นอีก เพราะความละเอียดเยอะ ไม่ใช่ว่า คือเรารักษาศีล เจริญภาวนามันอยู่ที่เรา บารมีที่เราสร้างเนี่ยแหละได้กำลังบุญ แต่ถ้าบารมีนะต้องไปที่คนเยอะๆ อย่างชาตินี่เราดึงคนไม่ได้ ก็ดึงพลังงานของภพภูมิฝากกระแสไว้กับวิญญาณ สัมภเวสี เทวดา พวกนี้แหละจะเป็นบริวารจะเป็นพวกที่ช่วยเราในอนาคต เขามาเกิดเราก็ตาย เราเกิดเขาก็ตาย ไอ้สามโลกเนี่ยนะมันต้องเจอกัน ถึงเขาเป็นเทวดาเราเป็นมนุษย์ก็เจอกันอยู่ดี สลับไปแบบนี้อาศัยซึ่งกันและกัน เราสังเกตเวลาเราไปไหนเราแผ่ไปเรื่อยๆเนี่ย ยิ่งแผ่ยิ่งดี แล้วพอเวลาเราจะทำบุญอะไรสักอย่างเนี่ย เช่นหล่อพระ พอเราน้อมปุ๊บ อัญเชิญภพภูมิที่เกี่ยวกับเรา กระแสมันจะพุ่งไปที่เขา ถึงเขาจะมาไม่ได้เขาจะมาตามกระแสนะ บางภูมิมาไม่ได้เพราะไม่มีกำลังเหมือนไม่มีค่ารถนั่นแหละ แต่เราจับหลวงปู่ปั๊บ พอเขารับบุญปั๊บโมทนาปั๊บก็กลับไปที่เดิม ทีนี้เป็นโอกาสที่ดีของเรา รักษาศีลทรงสมาธิให้ดี เวลาไปไหนเราก็แผ่ไปเรื่อย นึกถึงหลวงปู่แต่ถ้าอารมณ์ขุ่นมัวอย่าทำ กระแสมันไม่ผ่าน มันก็ได้แต่เรานะ ได้เราอยู่ ทีนี้เราไปไหนมาไหน นี่แหละธุรกิจของหลวงปู่ท่านไม่ได้ต้องการอะไร ส่งวิญญาณครอบวิมานนี่แหละพวกนี้ ส่งวิญญาณให้มดก็ได้ หมูก็ได้ ไก่ก็ได้ ขนาดวันนี้ยังเจอหมูตั้งหลายตัว หมูที่เขาเอาไปฆ่านะ ขนาดนั่งอยู่ในกุฏิยังแผ่ได้เลย เราไม่มีโอกาสที่จะดึงคน ดึงคนมันดึงยาก ไม่มีอะไรยากเท่าดึงคน เพราะคนมันมีธาตุทั้งสองธาตุ มีทั้งจิตและกาย กายปกติจิตไม่ปกติ จิตปกติกายไม่ปกติ พออารมณ์ไม่ดี อารมณ์หงุดหงิด ขนาดปวดท้องยังทำอะไรไม่ได้เลย ปวดท้องนี่ลองแผ่สิ โอ๊ย ไม่ได้ มันติดไง มันติดที่ท้องมันปวดนะ มันยาก ไม่ต้องไปฝึกอย่างอื่นหรอก เอาสองอย่างนี้ก็เหลือกินแล้ว ฟอกเราเป็นพรหมวิหารในตัว เป็นการสร้างกระแสของพรหมวิหารละเอียดนะ เรามีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ในตัวทุกวัน มันกระทบชิ่งไปมาผ่านที่เรา ทำแล้วมันสนุกมันเพลิน โอ้ปีหนึ่งนี่จริงๆแล้วบารมีเยอะกระแสพวกเยอะ เพิ่มไปจากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสาม เป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่น เวลาคนตายเยอะๆนี่ เราส่งไปนี่ โอ้ เป็นสายเลยนะ เช่น ไปโรงฆ่าสัตว์ โรงพยาบาล เยอะเลย เป็นลาภของเรา ทำงานแบบนี้สบายไม่ต้องไปสนใจกับคน จริงมั๊ย

    ศิษย์ : หลวงตาครับ แล้วถ้าเป็นพวกสัตว์เขาจะช่วยเรายังไง อย่างเป็นปลาครับ

    หลวงตา : มันจะเกิดเป็นคนอยู่ ไม่ใช่มันจะเกิดเป็นปลาอย่างเดียว วันหลังจะพาไปส่งปลา เพราะส่งแล้วมันจะเป็นเทวดาทันทีเลย

    ศิษย์ : เทวดาอะไรครับหลวงตา เทวดาปลาเหรอครับ

    หลวงตา : หึๆ เทวดาคนนี่แหละ อย่างหมานี่ พอเราสัพเพปุ๊บ มันเป็นรูปร่างคนทันที พอมันมีบุญอยู่มันก็ทรงอยู่ ถ้าไม่มีบุญแล้วก็ ชิ่วววว เข้าท้องหมาอย่างเดิม คือ ถ้ามันเปลี่ยนนี่มันเปลี่ยนเป็นเทวดาหมดเลยนะพวกสัตว์ แต่ก็ไปตามกรรมของเขา แต่ถ้าเราฉลาดหน่อย ส่งเขาเสร็จเราบอก เอ้าโมทนาบุญที่ข้าพเจ้าทำ ที่หลวงปู่ทำ พอมันสาธุ มันก็อยู่นั่นอีกแหละ ตามเรา คราวนี้ตามเรา แล้วมันก็สวดกับเรา ตามเราไปแสงสว่างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันก็อายุยืนขึ้น แต่มันตามจิกเราตลอด มันจะเอาบุญเรื่อยๆนะ วิญญาณที่กรรมหนักๆนี่พอส่งปั๊บลงนรกเลยก็มีเยอะไปตามกรรมเขาเลย เราไม่สามารถจะตามไปช่วยได้

    ศิษย์ : คือเวลาเราต้องให้เขาโมทนาเลย ?

    หลวงตา : อย่างเดียวแค่นั้นเองที่เราทำ เขาไปตามกรรมของเขา ไม่งั้นเขาก็ตอดที่ภูมิตรงนี้ ถ้าเขาติดก็ติดนาน สมมุติว่าหลวงตาตายไป อายุจริงๆ60 แต่ดันไปตาย50 เหลืออีก10ใช่ไหม เอา50ไปคูณ10เข้าไปก็นับเป็นโลกทิพย์ละ พอเราส่งปั๊บมันก็ขึ้นละ ภ้ามีบุญอยู่ มันก็กลายเป็นเทวดาโดยไม่ต้องรออายุทิพย์ คือไปก่อนว่างั้นเถอะ เราไม่สามารถจะไปเปลี่ยนภพอื่นได้นะ เปลี่ยนคนไม่ได้ เปลี่ยนได้อย่างเดียวนั่นคือคนที่มีกรรม คนที่มีวิญญาณแฝง เจ้ากรรมนายเวรแฝง เราก็ส่งวิญญาณเขาไป แล้วก็ขอให้หลวงปู่ท่านเทศน์ให้มันฟังหน่อย ขอท่านเทศน์ให้มันฟังการอาฆาตซึ่งกันและกันนี้ เป็นการผูกกระแสเวียนว่ายตายเกิด ให้ท่านเทศน์ให้ฟังเดี๋ยวมันก็ยอม เดี๋ยวมันก็เปลี่ยน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    [​IMG]



    เรื่อง "ทำบุญ อย่าสร้างความโลภ คิดเอาเปรียบเทวดา"
    (คติธรรม สมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี)
    ในการทำบุญ สิ่งที่จะได้ก็คือ ระหว่างเราผู้เป็นมนุษย์เรารู้ว่าสิ่งที่เราทำนี้จะเป็น "มงคล" ทำให้จิตใจเบิกบานดี นี่คือการเสวยผลแห่งบุญในปัจจุบัน ทีนี้การทำบุญเพื่อจะเอาผลตอบแทนนั้น มนุษย์นี้ออกจะเอาเปรียบเทวดา ทำบุญครั้งใด ก็ปรารถนาเอาวิมานหนึ่งหลังสองหลัง การทำบุญแบบนี้เรียกว่า ทำเพราะหวังผลตอบแทนด้วย "ความโลภ" บุญนั้นก็ย่อมจะไม่มีผล ท่านอย่าลืมว่า ในโลกวิญญาณเขามีกระแสทิพย์รับทราบในการทำของมนุษย์แต่ละคนเขามีห้องเก็บบุญและบาปแห่งหนึ่งอันเป็นที่เก็บบุญและบาปของใครต่อใครและของเรื่องราวนั้นๆ กรรมของใครก็จะติดตามความเคลื่อนไหวของตนๆนั้น ไปตลอดระหว่างที่เขายังไม่สิ้นอายุขัย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    "ข้าโมทนากับพวกแกที่มาภาวนากันตั้งแต่ยังหนุ่มสาว เพราะหากไปรอภาวนาตอนแก่มันจะไม่ทันการณ์ เหมือนคนที่รอจะหัดว่ายน้ำตอนแพใกล้แตก มีแต่จะจมน้ำตายเท่านั้น"

    บางส่วนของคติธรรมคำสอนโดย... หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา

    Graphics by... ชยปุญฺโญ ภิกขุ (อธินันท์ อ่ำบุญ) Athinan Aumboon วัดพุทธพรมปัญโญ ถ้ำเมืองนะ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    [​IMG]



    "คติธรรมคำสอน วันอังคารที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๒"


    จิตจะปรุงแต่งรูปเพื่อที่จะเกิดใหม่ โดยกระแสกรรม เพราะมีกรรมเป็นแดนเกิด

    ถ้าบันทึกหลายปีเข้า คิดอะไรแล้วก็จะได้

    เมื่อเราสวดของเราไปเรื่อยๆ เราจะรู้สึกได้ว่าสิ่งไหนควรหลีก ไม่ควรหลีก จะทำดี หรือไม่ทำดี เราจะรู้ว่าจะทำยังไง มันจะรู้สึกได้เอง

    การจับภาพหลวงปู่ดู่ จะใช้ (กำหนด) ภาพไหนก็ได้ เพราะฝึกไปนานๆ ภาพก็จะสลับไปสลับมาอยู่แล้ว ภาพไหนก็ได้เหมือนกัน

    หนึ่งกัปป์ กระดูกเรา ที่เผาๆ กัน ในหนึ่งดวงจิต กองเท่าภูเขา

    จิตเราบางทีก็ดี บางทีก็ไม่ดี มันก็อยู่ด้วยกันในจิตๆ เดียว ก็ไม่ต้องไปถามแล้วว่า สิ่งใดควรหรือไม่ควร เช่น ควรใส่พระอาบน้ำได้ไหม สวดมนต์ขณะอาบน้ำบาปไหม มันอยู่ที่เราว่าจิตเราจะคิดว่าตรงไหนที่มันสะอาดหรือมันสกปรก ให้พิจารณาดูตามสภาพของความเป็นจริง สิ่งที่ทำอยู่มันควรไม่ควร อยู่ที่เจตนาของเรา

    จับภาพหลวงปู่ยังไงก็ได้ ให้นึกถึงท่านบ่อยๆ คุยกับท่านบ่อยๆ ท่านไม่ทิ้งเราเด็ดขาด

    มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นที่พึ่งที่อาศัย

    ถ้าเวลาสองทุ่มครึ่งสวดไม่ทัน หรือมีเวลาไม่มาก พอ ๒๐.๓๐ น. ก็ให้สวดจักรพรรดิสัก ๑ จบ เพื่อเป็นการฝากกระแสไป ถ้าไม่มีเวลาจริงๆ

    ขี้เกียจก็สวด ขยันก็สวด ให้สวดไปเรื่อยๆ บันทึกที่จิตไปเรื่อยๆ สวดบ่อยๆ เหมือนเราเก็บเงินไว้วันละ ๑ บาท ๑๐ ปี ก็มากขึ้นเรื่อยๆ ถ้า ๑๐ ปี เราบันทึกพลังงานเข้าไปในจิต พลังงานจะหนาแน่นมากแค่ไหน ลองคิดดู แล้วเราจะเข้าใจอะไรหลายๆ อย่างได้ง่ายขึ้น เพราะเราเริ่มมีกำลัง

    จิตสบายก็สวด จิตไม่สบายก็สวด ได้ครึ่งหนึ่งก็ยังดี อย่างน้อยก็ยังได้บันทึกกระแสอยู่

    เวลาขี้เกียจสวด ก็ให้นึกว่าสวดเพื่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็ได้ เป็นการได้ความกตัญญู

    ถ้าขี้เกียจสวดมนต์ ไม่ชอบสวดก็นั่งมองภาพหลวงปู่ไปก็ได้ ใช้ได้เหมือนกัน

    พลังงาน คือ กรรมที่เราทำทุกวัน กระแส คือ สิ่งที่บันทึกในจิตเรา ความระลึกรู้ที่มีอยู่บันทึกในจิต พอนึกถึงความสุขก็นึกไปสุข พอนึกถึงเรื่องที่เป็นทุกข์ มันก็ทุกข์ นี่แหละคือกระแสและพลังงาน

    อย่าลืมสัพเพ ส่งบุญให้กับสรรพสัตว์ที่เรากินไปตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และในอนาคต ทำให้กระแสของกรรม กระแสของโรคเบาบางมากขึ้น เพราะเวลาเรากินเนื้อสัตว์ สัตว์มันก็มีความอาฆาตแค้น ก็ให้ส่งบุญไป ความโกรธจะเบาบางลง สัตว์ถึงแม้จะโดนแยกชิ้นส่วนขนาดไหน จิตมันก็ยังจำได้ว่ามันไปอยู่ที่ไหนบ้าง ก็เหมือนกับเรานึกถึงบ้านของเรา เราก็นึกออกว่าส่วนไหนของบ้านมีอะไร มันก็เหมือนกัน ให้สัพเพไป

    การรอคอยเป็นทุกข์อย่างยิ่ง คิดแล้วให้รีบทำเลย ไม่ต้องรอ จะไปรออะไร รอแล้วเมื่อไรจะได้ทำสักที

    หลวงปู่จะตามดูเราจนกว่าเราจะสำเร็จตามที่เราปรารถนา จะตามดูแลเราไปเรื่อย

    พลังงานทุกอย่างเกิดจากมนุษย์ มนุษย์เป็นคนสร้างพลังงาน

    จิตคนบันทึกทั้งบุญและบาป ด้วยความคิดและการกระทำ ทุกลมหายใจเข้าออก ทรงอารมณ์ให้ดี กำลังก็จะมากขึ้น

    การจะทรงอารมณ์ให้ดีได้ทั้งวัน ขึ้นอยู่กับสังคมที่เราอยู่ เพราะสังคมปัจจุบันมีสิ่งที่เข้ามากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มาก

    จะเบนกระแสได้โดยการจับภาพหลวงปู่ แล้วก็สวดไปเรื่อยๆ ให้อธิษฐานสิ่งที่ดีขอให้รับ สิ่งที่ไม่ดีขออย่าให้ได้รู้ เป็นวิธีการเบนกระแสสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ นี่แหละประโยชน์การสวดมนต์

    วิชาของหลวงปู่สามารถตัดภพตัดชาติได้ ทุกวันนี้ที่เราฝึกเพื่อฝึกกำลังใจ ฝึกให้มีกำลัง ฝึกเตรียมตัวตาย สวดไปนานๆ เข้า เราสามารถบังคับจิตของเราได้ ทำไปเถอะมีประโยชน์ ดีกว่าหายใจทิ้งเปล่าๆ

    เราไปห้ามความคิดใครไม่ได้ บางครั้งเรายังห้ามความคิดเราไม่ได้เลย เราจึงต้องระวังตัวเอง

    ถ้าท้อก็ไปตั้งหลักใหม่ พิจารณา จะทำอะไรตัดสินใจแล้วต้องอดทน

    มองภาพหลวงปู่แล้วเกิดศรัทธาในท่านพลังงานของท่านก็มายังเรา แล้วเราก็สามารถแผ่ไปตามที่เรานึกได้

    คนหมดกามก็ไม่เกิดแล้ว ไม่เข้าท้อง ไม่เกิดอีก กามหมดไม่ง่าย แต่ก็จะลดลงไปเรื่อยๆ

    ภาพ คือ เหตุ เมื่อเห็นภาพเราสามารถสวดไปได้แผ่ไปให้เขาได้

    เราเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้ จะเปลี่ยนได้ต้องทำที่ปัจจุบัน

    ความทุกข์ที่จะเกิดขึ้นข้างหน้าจะน้อยลง เพราะเรายังไงก็ได้ ไม่ได้ไปแสวงหาอะไรมากไป ให้ค่อยๆ พิจารณาไป ภาวนาเพื่อพิจารณา เพื่อฝึกจิตให้เรายึดทุกสิ่งทุกอย่างให้น้อยลง

    จิตเรามันวิ่งไปวิ่งมา เราจึงต้องหาพลังงานมาเพื่อให้จิตไปยึดกับพลังงาน อาจเป็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เพื่อให้จิตอยู่ที่ใดที่หนึ่ง มีประโยชน์มากในกาลข้างหน้าเวลาที่เราจะตาย ยังไงเราก็ต้องตาย ให้เตรียมตัวตาย

    ปัจจุบันมาจากอดีต ถ้าไม่มีเชื้อในอดีต ปัจจุบันก็ไม่ทำ

    การจะหนีกรรม ต้องพยายามสวดมนต์ ภาวนา นั่งสมาธิ ทำจิตให้นิ่งๆ ตอนนี้จิตจะเป็นพรหม ทำไปนานๆ ความสบายก็อยู่ในจิต เวลาไปเจอเรื่องไม่สบายของคนอื่น มันก็จะหนีเองเพราะมันไม่สบาย พอเสพความสบายเข้าไป พอเจอสิ่งที่ไม่สบายมันก็ตีออกไม่เข้าไป ทำไปเรื่อยๆ มันก็จะลืมทุกข์

    ทำกรรมฐาน ก็เหมือนกับการทำบุญในใจ

    เวลาขี้เกียจให้นอนสวด แต่ให้คิดว่าจิตเราไปสวดอยู่ที่อื่น

    เวลาเกิดปีติขณะนั่งสมาธิ ให้จับกรรมฐานที่เราทำแล้ววางอุเบกขา

    เวลานั่งสมาธิพยายามอย่าส่งจิตออกนอก ให้จิตอยู่ในพุทธะ จิตอยู่ในคำภาวนา อยู่ในกรรมฐานที่เราทำอยู่

    อดีต คือ ปัจจุบัน การกระทำปัจจุบัน คือ อนาคต

    คิดในสิ่งที่ดี สิ่งที่ไม่ดีมันก็ไม่มา คิดไม่ดี ความคิดก็กินธาตุตัวเอง

    กรรมมันมีกันทุกคน คนที่ไม่มีกรรมไม่มีหรอก ให้ดูที่ขั้นปลาย ทำยังไงก็ได้อย่างนั้น

    นึกถึงท่านบ่อยๆ ก็จะเกิดความคุ้นเคย ให้มีความผูกพัน เราจะเอาบารมีท่านมาทำอะไรก็ได้ โดยวิธีการขอ หรือนึกบ่อยๆ ไม่รู้ว่าท่านจะผูกพันกับเราไหม รู้แต่ว่าเราจะผูกพันกับท่าน

    บางส่วนของคติธรรมคำสอนโดย... พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร (หลวงตาม้า) วัดพุทธพรหมปัญโญ (ถ้ำเมืองนะ) ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

    Graphics by... ชยปุญฺโญ ภิกขุ (อธินันท์ อ่ำบุญ) Athinan Aumboon วัดพุทธพรมปัญโญ ถ้ำเมืองนะ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

    ท่านสามารถรับชม วีดีโอ ประวัติหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ, ประวัติหลวงตาม้า, ประวัติวัดพุทธพรหมปัญโญ ถ้ำเมืองนะ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และ วีดีโอ อื่นๆ ของวัดพุทธพรหมปัญโญ (ถ้ำเมืองนะ) ได้ที่... http://www.youtube.com/user/Athinan58?feature=mhee

    ท่านสามารถดาวน์โหลดหนังสือ "สามแดนโลกธาตุ" รวบรวมเรียงโดย... ชยปุญโญ ภิกขุ (อธินันท์ อ่ำบุญ) Athinan Aumboon วัดพุทธพรมปัญโญ ถ้ำเมืองนะ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ได้ที่...
    https://drive.google.com/file/d/0B_b4WKOY-ZOmSmpTanprVFBuWFU/edit?usp=sharing

    ท่านสามารถดาวน์โหลดหนังสือ "คติธรรมคำสอน" โดย... พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร (หลวงตาม้า) หมายเหตุ ไม่สามารถแสดงหน้าตัวอย่างได้ เพราะไฟล์มีขนาดใหญ่ 131 MB และไม่ใช่ไวรัส ได้ที่... https://docs.google.com/file/d/0B_b4WKOY-ZOmdVp5RVZNWEk2bTA/edit?usp=sharing

    ท่านสามารถดาวน์โหลดหนังสือ "หลวงตาสอนศิษย์ เล่มที่ 1/5 ฉบับเต็ม" ได้ที่... https://docs.google.com/file/d/0B_b4WKOY-ZOmeHgwWnhVZU85ajg/edit?usp=sharing

    ท่านสามารถดาวน์โหลดหนังสือ "หลวงตาสอนศิษย์ เล่มที่ 2/5 ฉบับเต็ม" ได้ที่... https://docs.google.com/file/d/0B_b4WKOY-ZOmU1E2eEhzczE2MzQ/edit?usp=sharing

    ท่านสามารถดาวน์โหลดหนังสือ "หลวงตาสอนศิษย์ เล่มที่ 3/5 ฉบับเต็ม" ได้ที่... https://docs.google.com/file/d/0B_b4WKOY-ZOmMGVzQnYzWUI2Ukk/edit?usp=sharing

    ท่านสามารถดาวน์โหลดหนังสือ "หลวงตาสอนศิษย์ เล่มที่ 4/5 ฉบับเต็ม" ได้ที่... https://docs.google.com/file/d/0B_b4WKOY-ZOmZU1SempNQjh4NXM/edit?usp=sharing

    ท่านสามารถดาวน์โหลดหนังสือ "หลวงตาสอนศิษย์ เล่มที่ 5/5 ฉบับเต็ม" ได้ที่... https://docs.google.com/file/d/0B_b4WKOY-ZOmcmVtYmd1cHhTY1E/edit?usp=sharing

    ท่านสามารถดาวน์โหลด "เรื่องเล่าหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ" ได้ที่... https://docs.google.com/file/d/0B_b...YTk4LWE3ZDQtNWI4NWU4MTI4YWE0/edit?usp=sharing

    ท่านสามารถดาวน์โหลด "การปฏิบัติกัมมัฏฐานโดยละเอียดของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ" ได้ที่... https://docs.google.com/file/d/0B_b...NjA4LTkxNTYtMjM3YjhkMjcxYWI2/edit?usp=sharing

    ท่านสามารถดาวน์โหลดหนังสือ "ไตรรัตนญาณจักรพรรดิเปิดโลก" ได้ที่... https://docs.google.com/file/d/0B_b...ZmEyLWI0NjctNTIzOTBmMzI1ZGJl/edit?usp=sharing

    ท่านสามารถดาวน์โหลด "บทสวดพระคาถามหาจักรพรรดิ" ได้ที่... https://docs.google.com/file/d/0B_b...YTI4LThhZmYtYjY4ZmRlZWIyNGQz/edit?usp=sharing

    ท่านสามารถดาวน์โหลด "คำแปลบทสวดพระคาถามหาจักรพรรดิ" ได้ที่... https://drive.google.com/file/d/0B_...MzUwLTg5ZjYtNDExNTI3YTgxMzM3/edit?usp=sharing

    ชยปุญฺโญ ภิกขุ (อธินันท์ อ่ำบุญ) Athinan Aumboon วัดพุทธพรหมปัญโญ ถ้ำเมืองนะ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    ........................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 มีนาคม 2016
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    [​IMG]



    หลวงปู่เคยพูดเตือนสติลูกศิษย์รุ่นหนุ่มที่ยังมองสาวๆ ว่าสวยงามน่าหลงไหลใฝ่ฝันกันนักว่า... "แกมันดูตัวเกิดไม่ดูตัวดับ ไม่สวย ไม่งาม ตาย เน่า เหม็น ให้เห็นอย่างนี้ได้เมื่อไร ข้าว่า... แกใช้ได้"

    บางส่วนของคติธรรมคำสอนโดย... หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา

    Graphics by... ชยปุญฺโญ ภิกขุ (อธินันท์ อ่ำบุญ) Athinan Aumboon วัดพุทธพรมปัญโญ ถ้ำเมืองนะ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    [​IMG]


    ทุกวันศุกร์ตั้งแต่เวลาหกโมงเช้าถึงเจ็ดโมงเช้าวันอาทิตย์... ขอเชิญชวนทุกท่าน... ร่วมสวดบทพระคาถามหาจักรพรรดิ และ ปฏิบัติภาวนา ยืน เดิน นั่ง นอน ตลอด 24 ชั่วโมง ณ ถ้ำใหญ่ วัดพุทธพรหมปัญโญ ถ้ำเมืองนะ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และแผ่ส่งกุศลผลบุญไปให้แก่เจ้ากรรมนายเวรและผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวเนื่องกับเรา, เจ้ากรรมนายเวรของพ่อแม่ปู่ย่าตายายลูกหลานเหลนและผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวเนื่อง,เจ้ากรรมนายเวรกับผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันทั้งหมดทั้งมวลทั้งในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ และแผ่ส่งกุศลผลบุญนี้ส่งไปให้ทั่วทั้งสามแดนโลกธาตุ ส่วนท่านที่ไม่สามารถเดินทางมาได้ก็ขอให้ปฏิบัติอยู่ที่บ้าน หรือจะน้อมจิตมาร่วมปฏิบัติที่ถ้ำใหญ่ วัดถ้ำเมืองนะก็ได้นะ สาธุ สาธุ สาธุ

    Graphics by... ชยปุญฺโญ ภิกขุ (อธินันท์ อ่ำบุญ) Athinan Aumboon วัดพุทธพรมปัญโญ ถ้ำเมืองนะ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    [​IMG]


    เราต้องฝึกกระแสของพลังงาน ต้องเข้าใจพลังงาน พลังงานอาศัยจิต จิตอาศัยธษตุ เราสามารถดึงพลังงานจากใครก็ได้แล้วแผ่ไปทั้งสามแดนโลกธษตุ เวลาสวดจักรพรรดิ นรกก็จะหยุด สวรรค์ก็จะสวดด้วย




    บางส่วนของคติธรรมคำสอนโดย... พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร (หลวงตาม้า) วัดพุทธพรหมปัญโญ ถ้ำเมืองนะ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
    Graphics by... ชยปุญฺโญ ภิกขุ (อธินันท์ อ่ำบุญ) Athinan Aumboon วัดพุทธพรมปัญโญ ถ้ำเมืองนะ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    [​IMG]

    ใกล้เกลือตีนด่างเพราะมันเหยียบเลย ข้าโดนมาโชกแล้ว แต่ข้าไม่สนใจ ดีชั่วอยู่ที่ตัวเราไม่ได้อยู่ที่คนอื่น เรื่องของบุญใครทำใครได้ ทำให้กันไม่ได้ เหมือนกับใครหิวข้าวก็ต้องกินเอง ใครกินใครอิ่ม บางคนต้องจ้างให้มาวัด แต่ก็มาไม่ถึงวัดเพราะแวะกินเหล้าข้างทาง บางทีให้ปฏิบัติแต่จะหวังรางวัลที่หนึ่งหรือถูกหวย นั่นเละแล้ว ไม่ได้เรื่องแล้ว"

    คติธรรมคำสอนโดย... หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา

    Graphics by... ชยปุญฺโญ ภิกขุ (อธินันท์ อ่ำบุญ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    พระธรรมคำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    [​IMG]




    ๑.ขณะใดจิตเหนื่อยใจ มีความอ่อนใจ
    ไร้กำลังต่อต้านกิเลส ขณะนั้นไม่สมควร
    ใช้อารมณ์คิด ให้กำหนดรู้ลมหายใจ
    เข้าออกเป็นกรณีสำคัญ จักช่วยให้
    หายเหนื่อยใจได้
    ๒.อย่าลืมอานาปานัสสติ นอกจากระงับ
    กายสังขาร คือ ระงับทุกขเวทนาแล้ว
    ก็ยังระงับอารมณ์ฟุ้งซ่าน นิวรณ์ทั้ง ๕ ประการ
    ก็สามารถระงับได้ชั่วคราว
    ๓.จงหมั่นเรียนรู้ประโยชน์ของอานาปานัสสติ
    ให้มาก และจงหมั่นทำหาความชำนาญใน
    อานาปานัสสติ ให้มาก เพราะจักทำให้จิตมีกำลัง
    เมื่อถอนออกมาจากฌานแล้ว จักใช้กำลังมาทำ
    วิปัสสนาญาณ จักมีปัญญาคมกล้ามาก



    รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    คำสอนที่ทรงมอบไว้ให้แก่พสกนิกร

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    [​IMG]



    ....ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงตาว ผ่านมาให้แสงสว่าง แล้วจากไปตามเวลา โดยไม่ได้หวังการตอบแทนใดๆ......



    [​IMG]
     
  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    <iframe width="853" height="480" src="https://www.youtube-nocookie.com/embed/k6ycqifVW9o?rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...