@@..คำครู ผู้ชี้-นำ-อุปถัมภ์ สู่พระโพธิญาณ & เรื่องเล่าจากกัลยาณมิตร.@@

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 10 กรกฎาคม 2015.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,446
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    <iframe width="853" height="480" src="https://www.youtube-nocookie.com/embed/sNn4tPBiBtg?&autoplay=&rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 สิงหาคม 2015
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,446
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    การสืบต่อหน่อพุทธภูมิ

    <iframe width="853" height="480" src="https://www.youtube-nocookie.com/embed/gQb-rAwR8oA?&autoplay=&rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 สิงหาคม 2015
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,446
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    <iframe width="853" height="480" src="https://www.youtube-nocookie.com/embed/zfb9UN-fO0E?rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,446
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    [​IMG]
     
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,446
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    [​IMG]
     
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,446
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,446
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    การสัพเพส่งวิญญาณในศาสตร์หลวงปู่ดู่


    ศิษย์ : อย่างที่เราสวดแผ่วิญญาณนี่ คือการสร้างบารมีใช่ไหมค่ะ
    หลวงตา : ใช่ การสร้างกระแสบุญคุณโดยไม่ต้องใช้ทรัพย์ ใช้พลังงาน ต้องผ่านพลังงานให้เป็น สมมุติเรามีศีลอยู่นะ นึกถึงหลวงปู่ปุ๊บ พลังงานมันก็ผ่านตัวเราไปที่ภูมิมัน อยู่ที่ตัวกลางที่ฟอกเนี่ยถ้าอารม์ไม่ดี ขุ่นมัว มันก็ผ่านไม่ได้ จะสัพเพสักแสนจบก็ไม่ได้ คล้ายๆเครื่องมันไม่ไป สายไฟขาด อยู่ที่เราเป็นตัวกลาง ท่านถึงบอกว่าต้องไปพรหมไง พระโพธิสัตว์ถึงต้องผ่านพรหมไง พอลงมาแล้วถึงเลยผ่านพลังงานได้ดี พรหมน่ะมันเป็นทางสามแพร่ง มันเป็นกำลังไง ระหว่างจะไม่เกิดและสร้างบารมีได้ดี เลือกเกิดได้อีก มองเห็นทุกขั้นอีก เพราะความละเอียดเยอะ ไม่ใช่ว่า คือเรารักษาศีล เจริญภาวนามันอยู่ที่เรา บารมีที่เราสร้างเนี่ยแหละได้กำลังบุญ แต่ถ้าบารมีนะต้องไปที่คนเยอะๆ อย่างชาตินี่เราดึงคนไม่ได้ ก็ดึงพลังงานของภพภูมิฝากกระแสไว้กับวิญญาณ สัมภเวสี เทวดา พวกนี้แหละจะเป็นบริวารจะเป็นพวกที่ช่วยเราในอนาคต เขามาเกิดเราก็ตาย เราเกิดเขาก็ตาย ไอ้สามโลกเนี่ยนะมันต้องเจอกัน ถึงเขาเป็นเทวดาเราเป็นมนุษย์ก็เจอกันอยู่ดี สลับไปแบบนี้อาศัยซึ่งกันและกัน เราสังเกตเวลาเราไปไหนเราแผ่ไปเรื่อยๆเนี่ย ยิ่งแผ่ยิ่งดี แล้วพอเวลาเราจะทำบุญอะไรสักอย่างเนี่ย เช่นหล่อพระ พอเราน้อมปุ๊บ อัญเชิญภพภูมิที่เกี่ยวกับเรา กระแสมันจะพุ่งไปที่เขา ถึงเขาจะมาไม่ได้เขาจะมาตามกระแสนะ บางภูมิมาไม่ได้เพราะไม่มีกำลังเหมือนไม่มีค่ารถนั่นแหละ แต่เราจับหลวงปู่ปั๊บ พอเขารับบุญปั๊บโมทนาปั๊บก็กลับไปที่เดิม ทีนี้เป็นโอกาสที่ดีของเรา รักษาศีลทรงสมาธิให้ดี เวลาไปไหนเราก็แผ่ไปเรื่อย นึกถึงหลวงปู่แต่ถ้าอารมณ์ขุ่นมัวอย่าทำ กระแสมันไม่ผ่าน มันก็ได้แต่เรานะ ได้เราอยู่ ทีนี้เราไปไหนมาไหน นี่แหละธุรกิจของหลวงปู่ท่านไม่ได้ต้องการอะไร ส่งวิญญาณครอบวิมานนี่แหละพวกนี้ ส่งวิญญาณให้มดก็ได้ หมูก็ได้ ไก่ก็ได้ ขนาดวันนี้ยังเจอหมูตั้งหลายตัว หมูที่เขาเอาไปฆ่านะ ขนาดนั่งอยู่ในกุฏิยังแผ่ได้เลย เราไม่มีโอกาสที่จะดึงคน ดึงคนมันดึงยาก ไม่มีอะไรยากเท่าดึงคน เพราะคนมันมีธาตุทั้งสองธาตุ มีทั้งจิตและกาย กายปกติจิตไม่ปกติ จิตปกติกายไม่ปกติ พออารมณ์ไม่ดี อารมณ์หงุดหงิด ขนาดปวดท้องยังทำอะไรไม่ได้เลย ปวดท้องนี่ลองแผ่สิ โอ๊ย ไม่ได้ มันติดไง มันติดที่ท้องมันปวดนะ มันยาก ไม่ต้องไปฝึกอย่างอื่นหรอก เอาสองอย่างนี้ก็เหลือกินแล้ว ฟอกเราเป็นพรหมวิหารในตัว เป็นการสร้างกระแสของพรหมวิหารละเอียดนะ เรามีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ในตัวทุกวัน มันกระทบชิ่งไปมาผ่านที่เรา ทำแล้วมันสนุกมันเพลิน โอ้ปีหนึ่งนี่จริงๆแล้วบารมีเยอะกระแสพวกเยอะ เพิ่มไปจากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสาม เป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่น เวลาคนตายเยอะๆนี่ เราส่งไปนี่ โอ้ เป็นสายเลยนะ เช่น ไปโรงฆ่าสัตว์ โรงพยาบาล เยอะเลย เป็นลาภของเรา ทำงานแบบนี้สบายไม่ต้องไปสนใจกับคน จริงมั๊ย
    ศิษย์ : หลวงตาครับ แล้วถ้าเป็นพวกสัตว์เขาจะช่วยเรายังไง อย่างเป็นปลาครับ
    หลวงตา : มันจะเกิดเป็นคนอยู่ ไม่ใช่มันจะเกิดเป็นปลาอย่างเดียว วันหลังจะพาไปส่งปลา เพราะส่งแล้วมันจะเป็นเทวดาทันทีเลย
    ศิษย์ : เทวดาอะไรครับหลวงตา เทวดาปลาเหรอครับ
    หลวงตา : หึๆ เทวดาคนนี่แหละ อย่างหมานี่ พอเราสัพเพปุ๊บ มันเป็นรูปร่างคนทันที พอมันมีบุญอยู่มันก็ทรงอยู่ ถ้าไม่มีบุญแล้วก็ ชิ่วววว เข้าท้องหมาอย่างเดิม คือ ถ้ามันเปลี่ยนนี่มันเปลี่ยนเป็นเทวดาหมดเลยนะพวกสัตว์ แต่ก็ไปตามกรรมของเขา แต่ถ้าเราฉลาดหน่อย ส่งเขาเสร็จเราบอก เอ้าโมทนาบุญที่ข้าพเจ้าทำ ที่หลวงปู่ทำ พอมันสาธุ มันก็อยู่นั่นอีกแหละ ตามเรา คราวนี้ตามเรา แล้วมันก็สวดกับเรา ตามเราไปแสงสว่างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันก็อายุยืนขึ้น แต่มันตามจิกเราตลอด มันจะเอาบุญเรื่อยๆนะ วิญญาณที่กรรมหนักๆนี่พอส่งปั๊บลงนรกเลยก็มีเยอะไปตามกรรมเขาเลย เราไม่สามารถจะตามไปช่วยได้
    ศิษย์ : คือเวลาเราต้องให้เขาโมทนาเลย ?
    หลวงตา : อย่างเดียวแค่นั้นเองที่เราทำ เขาไปตามกรรมของเขา ไม่งั้นเขาก็ตอดที่ภูมิตรงนี้ ถ้าเขาติดก็ติดนาน สมมุติว่าหลวงตาตายไป อายุจริงๆ60 แต่ดันไปตาย50 เหลืออีก10ใช่ไหม เอา50ไปคูณ10เข้าไปก็นับเป็นโลกทิพย์ละ พอเราส่งปั๊บมันก็ขึ้นละ ภ้ามีบุญอยู่ มันก็กลายเป็นเทวดาโดยไม่ต้องรออายุทิพย์ คือไปก่อนว่างั้นเถอะ เราไม่สามารถจะไปเปลี่ยนภพอื่นได้นะ เปลี่ยนคนไม่ได้ เปลี่ยนได้อย่างเดียวนั่นคือคนที่มีกรรม คนที่มีวิญญาณแฝง เจ้ากรรมนายเวรแฝง เราก็ส่งวิญญาณเขาไป แล้วก็ขอให้หลวงปู่ท่านเทศน์ให้มันฟังหน่อย ขอท่านเทศน์ให้มันฟังการอาฆาตซึ่งกันและกันนี้ เป็นการผูกกระแสเวียนว่ายตายเกิด ให้ท่านเทศน์ให้ฟังเดี๋ยวมันก็ยอม เดี๋ยวมันก็เปลี่ยน




    จากหนังสือ.....หลวงตาสอนศิษย์ เล่ม 1
    เรื่องพลังงาน กำลัง กระแส และกำลังจักรพรรดิ
    หน้า 37-39
    พระอาจารย์วรงคต วิริยะธโร (หลวงตาม้า)
    วัดพุทธพรหมปัญโญ (ถ้ำเมืองนะ) อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
     
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,446
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    คำขอขมากรรมแบบจัดเต็ม

    [​IMG]






    คำขอขมากรรมแบบจัดเต็มที่อธิษฐานขอหลวงปู่ดู่ให้ท่านดลจิตให้พบ ขอแบบเข้าถึงก้นบึ้งจิต จริงใจเข้าถึงใจในการเจรจาขอเจ้ากรรมนายให้อโหสิก็มีการเพิ่มเติมเนื้อหาตอนอาราธนาในแบบฉบับสายธรรมตามรอยหลวงปู่..จำได้ว่าตอนโน้นเข้าวิเวก 4เดือน4วัน โดนกรรมเล่นงานถึงกระทบธาตุขันธ์เกือบแย่ก็จะอยู่ไม่ได้แน่ะ จับหลวงปู่กำหนดจิตได้คำขอขมากรรมจัดเต็มคล้ายๆเนื้อหานี้เลยนะ ที่นี่เริ่มเห็นกรรมตัวเอง ย้อนไปสำนึก ที่ละเรื่องทีละเรื่องก็เบา ปลดกรรมบางส่วนแต่คงไม่หมดหรอกเนอะ..
    ครั้งนี้อีกไม่น่าเกิน 10วัน..กว่าต้องเข้าวิเวก 7เดือนเลยตั้งใจวางแผนขอขมากรรมก่อนจะเข้าเลยรวบรวมตามกระแสจิตที้น้อมหาหลวงปู่ดู่ได้ใจความ ก็ค้นมาได้แนวนี้ไว้พิจารณาอาจจะเพิ่มเติมตัดต่อไปตามแรงเหวี่ยงของกรรม..(แต่ละคนนะ).และทั้งหมดยกเป็นธรรมทาน..เพื่อขอให้ท่านเจ้ากรรมนายเวรทั้งตัวข้าพเจ้าและครอบครัวผู้มีพระคุณ หลวงตาม้าและบริวาร และผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันธ์กับข้าพเจ้าทั้งหมด ขอกรรมทั้งหลายจะได้บรรเทาและคลายลง

    สาธุหลวงปู่ดู่..โปรดเมตตาเป็นพยาน และมาเจรจาต่อรอง มาเทศนาธรรมนำกายทิพย์สมรกายลูกหลานที่อ่านอยู่นี่ไปขอขขมากรรมเจ้ากรรมนายเวรจะได้ทุเลาทุกข์ภัยทั้งหลายเถิด...จะได้ใช้ธาตุขันธ์นี้เพื่อประโยชน์ต่อตนเอง ต่อผู้มีพระคุณต่อชาติ ต่อพุทธกิจในพระพุทธศาสนาและพระมหากษัตริย์ ตลอดจนต่อสามแดนโลกธาตุ..

    #บทขอขมากรรมสำนึกผิดด้วยความจริงใจ (ต้องใช้เวลานิดนึงค่อยๆวางอารมณ์ น้อมไปช้าๆอย่ารีบนะ และทำบ่อยๆก็ดีนะ ^^)

    ด้วยเดชะ ขออาราธนาบารมีหลวงปู่ดู่เป็นที่สุด อัญเชิญบารมีสมเด็จองค์ปฐมบรมมหาจักรพรรดิ พุทธบารมีพระพุทธเจ้สทุกพระองค์ พระโพธิสัตว์ทุกพระองค์อดีตปัจจุบันถึงอนาคต ธัมมบารมี สังฆบารมี กำลังจักรพรรดิ กำลังไตรณคมณ์ ข้าพเจ้าจะขอหลวงปู่ดู่น้อมอัญเชิญ สิ่งศักดิ์สิทธิ์และเทวดาทั้งหมื่นโลกธาตุ แสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล มาเป็นพยาน มาเจรจา มาเทศนาให้ข้าพเจ้าบอกกล่าวขอขมาลาโทษ ขออโหสิกรรม สำนึกผิด ตั้งจิตใหม่ ให้ถูกให้ควร

    ในกาลบัดนี้ด้วยเทอญข้าพเจ้าจะขอตั้งความใฝ่ดี ความละอายต่อบาป และความเกรงกลัวต่อบาป ไว้เป็นเบื้องหน้า จะกราบแทบเท้าขอขมา ขอลาโทษ กระทำคืนความผิดของตน ต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดังนี้
    1. สิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกิน ต่อพระพุทธเจ้าทุกทุกพระองค์ พระธรรมเจ้าทุกทุกพระธรรมขันธ์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกทุกพระองค์ พระอริยสงฆ์สาวกทุกทุกองค์ และปูชนียวัตถุสถานอันเกี่ยวเนื่องกับพระรัตนตรัยและสิ่งมีคุณทุกทุกสิ่งสถาน มาในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ทั้งหมดทั้งสิ้น

    2. สิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกิน ต่อพระโพธิสัตว์ทุกทุกองค์ และท่านผู้ทรงคุณ ซึ่งกำลังขวนขวายสร้างบารมี อยู่ในเส้นทางเครือข่ายแห่งพุทธะทั้งปวง มาในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ทั้งหมดทั้งสิ้น

    3. สิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกิน ต่อบิดามารดาผู้มีพระคุณชุบเลี้ยงข้าพเจ้ามาตั้งแต่เท้าเท่าฝาหอย มีการไม่รู้จักสำนึกบุญคุณที่ท่านชุบเลี้ยงมา ดื้อด้านไม่ฟังคำสั่งสอน ต่อล้อต่อเถียงทำให้ท่านเสียใจ ไม่กระทำตามโอวาทที่ท่านสอนสั่ง ไม่ขวนขวายตอบแทนบุญคุณท่าน มาในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ทั้งหมดทั้งสิ้น

    4. สิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกิน ต่อครูบาอาจารย์ผู้สอนสั่งด้วยหวังดี โอบอ้อมอารีมีพระคุณเกื้อหนุนด้วยเมตตา โดยทำให้ท่านต้องระอา เพราะความดื้อด้านถือตัวหัวแข็ง บ้างก็แข่งดีเข้าใจว่าตัวเองนี้เก่งกล้า ทั้งที่สงวนรักษาความโง่เขลาเบาปัญญาไว้อย่างประคบประหงม ไม่น้อมรับโอวาทที่ท่านเมตตาสอนสั่งด้วยห่วงใย ทำให้ท่านผู้หวังดีต้องคับแค้นแน่นใจ มาในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ทั้งหมดทั้งสิ้น

    5. สิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้เคยหักหลัง ทรยศ คดโกง ต่อท่านผู้มีพระคุณ ผู้มีบุญคุณ ต่อท่านผู้มีความซื่อสัตย์ จงรักภักดี จริงใจต่อข้าพเจ้า มาในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ทั้งหมดทั้งสิ้น

    6. สิ่งใดที่ข้าพเจ้า ได้เคยลบหลู่ล่วงเกิน ต่อท่านผู้มีคุณธรรมอันสูงส่ง เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี หรือเพราะความเย่อหยิ่งถือดี ยกตนข่มท่าน มาในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ทั้งหมดทั้งสิ้น

    7. สิ่งใดที่ข้าพเจ้า ได้เคยแสดงความไม่ยำเกรง ต่อจิตวิญญาณ ทั้งในภูมิชั้นสูง ภูมิชั้นกลาง ภูมิชั้นต่ำ ได้เคยล่วงเกินทำร้ายทำลายให้ท่านเดือดร้อน ด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม มาในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ทั้งหมดทั้งสิ้น

    8. สิ่งใดที่ข้าพเจ้า ได้เคยทำให้ท่านผู้ใกล้ชิดสนิทแน่น ทั้งเป็นญาติมิตรสามีภรรยาลูกหลานเหลนสืบสายโลหิต ต้องคับแค้น ขัดข้อง ผิดหมองใจ โดยการแสดงนิสัยอันธพาลมารโหดร้ายต่อคนใกล้ชิด มองข้ามคนสนิทไปสนใจแต่คนนอก ทำให้ท่านต้องน้อยใจ เสียใจ น้ำตาตก เพราะว่าข้าพเจ้าถือทิฏฐิหยาบกระด้าง เอาแต่ใจและความต้องการของตัวเองเป็นใหญ่ มาในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ทั้งหมดทั้งสิ้น

    9.สิ่งใดที่ข้าพเจ้า ได้เคยกระทำไปโดยไม่สมควรแก่ศักดิ์ศรีและฐานะ กระทำไปโดยไม่ละอายต่อบาป ไม่เกรงกลัวต่อบาป ผิดสัจจะ ผิดศีล ผิดธรรม ไม่ยำเกรงต่อโอวาทของพระศาสดา โดยละเมิดข้อห้าม หรือไม่เอื้อเฟื้อกระทำตามที่พระองค์สั่งสอน มาในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ทั้งหมดทั้งสิ้น

    10. สิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้เคยกระทำการกักขฬะ เหี้ยมโหด เลวร้าย อาฆาต พยาบาท สาปแช่ง จองเวร อิจฉา ริษยา ไม่อยากให้คนอื่นได้ดี ทั้งด่าว่า ใส่ร้ายป้ายสี นินทา กล่าววาจาส่อเสียดยุยงให้แตกสามัคคีกัน ปั้นโยนความผิดให้ผู้อื่นโดยไม่เป็นความจริง หรือพูดจาพล่อย ๆ โดยไม่ยั้งคิดไม่รับผิดชอบ อันเป็นเหตุให้ผู้อื่นต้องลำบากเดือดร้อน มาในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ทั้งหมดทั้งสิ้นด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน

    ข้าพเจ้าขอตีแผ่ความจริงใจ ในการยอมรับสำนึกผิดของข้าพเจ้า ไปตลอดหมื่นโลกธาตุ แสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาลขอพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกทุกพระองค์ ได้โปรดเมตตามาเป็นพระประธาน ในการขอขมาลาโทษของข้าพเจ้าในกาลครั้งนี้ด้วยเทอญขอแสดงอาการ ละพยศ ลดมานะ ละทิฏฐิ ขอสำนึกผิดในบาปกรรมที่ทำมา ต่อไปนี้จะตั้งตา ละชั่ว ประพฤติดี ทำจิตให้ขาวรอบ เชื่อฟังพระพุทธเจ้า เคารพพระธรรม เดินตามพระอริยสงฆ์ด้วยอำนาจเดชพระเมตตาของพระบรมศาสดาจารย์เจ้า ในวาระโอกาสที่ข้าพเจ้าได้กราบขอขมาลาโทษ ยอมรับสำนึกผิดในกาลครั้งนี้ ขอให้ญาณบารมีของข้าพเจ้า ได้ผุดเกิดใหม่ ภายใต้ร่มธรรมรอยพระพุทธบาท ปกเกล้า ปกเกศ ให้ข้าพเจ้าได้เจริญรุ่งเรือง ร่มเย็นเป็นสุข ในเส้นทางธรรมยาตราของพระพุทธองค์ตลอดไปในวาระมงคลโอกาส ที่ข้าพเจ้าได้เกิดใหม่ ภายใต้ร่มพระบารมีธรรมญาณของพระองค์เจ้านี้ ข้าพเจ้าจะพึงแสดงออก ซึ่งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม อันประกอบด้วยกุศลและเมตตา ต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ข้าพเจ้าจะตั้งจิตยำเกรงอย่างแรงกล้า ต่อพระพุทธเจ้า ต่อพระธรรมเจ้า ต่อพระสงฆเจ้า มีความละอายและเกรงกลัวต่อบาป มีความยินดีในการบริจาคทาน ในการรักษาศีล ในการเจริญภาวนา ในการสร้างบารมี ในการสร้างความดี ในการสร้างกุศลจิต ในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อเพราะว่าข้าพเจ้าได้มีศรัทธาความเชื่ออย่างแรงกล้า ในเรื่องกฎแห่งกรรม ว่าบุคคลกระทำการสิ่งใด ไม่ว่าดีหรือชั่วก็ตาม ตนเองนั่นแล ที่จะเป็นผู้รับทั้งผลดีและผลชั่ว ไม่ใช่ผู้อื่นจะมาเป็นผู้รับผล ตนเองนั่นแลที่จะเป็นผู้รับผลอย่างเต็มที่ อย่างถี่ถ้วนทุกคดี ไม่ว่าชั่วหรือดี เป็นกฎตายตัว ตลอดกาลนาน จนสิ้นโลกข้าพเจ้าขอตีแผ่ความจริงใจไปตลอดโลกธาตุ ประกาศโทษตน ด้วยความละอายต่อบาป และความเกรงกลัวต่อบาป ข้าพเจ้าจะขวนขวายปรับปรุงตนเป็นคนใหม่ จะเห็นโทษในความชั่วแม้เล็กน้อย แล้วไม่ฝืนกระทำ จะเห็นคุณในความดีแม้เล็กน้อย แล้วขวนขวายกระทำโดยเคารพเอื้อเฟื้อ จะไม่ประมาท ไม่ทอดธุระ ไม่เชือนแช ต่อความดีและคนดีทั้งปวง จะไม่ทำตัวให้คุ้นเคยเป็นสหายใกล้ชิด ต่อความชั่วและคนชั่วทั้งปวง จะขวนขวายคบหากัลยาณมิตรผู้เป็นบัณฑิต เพื่อเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ในเส้นทางแห่งการปฏิบัติบูชา ด้วยความยำเกรงอย่างแรงกล้าต่อพระธรรม ไปจนกว่าที่จะถึงซึ่งพระนิพพาน ในอนาคตกาลอันใกล้นี้ด้วยเทอญ

    สัพเพ 3 จบ หรือ 5 จบ
    .........
    บทความเดิมที่มา:พระชุมพล พลปญฺโ เขียนเพื่อเป็นพุทธบูชา ในวันวิสาขบูชา ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๓(บทขอขมากรรมสำนึกผิดนี้ ถ้าใครใช้ทุกวันจะช่วยแก้ไขวิบากเวรกรรมให้เบาบางลง และช่วยให้เจริญก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมเป็นอย่างยิ่ง)(ไม่สงวนลิขสิทธิ์)

    (ป.ล. เอาบทอารธณาบารมีแบบหลวงปู่ดู่มาเพิ่มเติมช่วงต้นนะ เพิ่มเติม สัพเพแผ่เมตตาตอนท้าย

    เมตตาเจโต วิ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,446
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    [​IMG]


    "การอ่อนน้อมถ่อมตน คือการไม่ถือตัว ใครแนะนำอะไรมาก็ฟัง เห็นด้วยก็ยินดี ไม่เห็นด้วยก็ยินดี ยินดีในสิ่งที่ผู้อื่นแสดง อย่าไปชินกับการเถียง อย่าไปทำบ่อย ดูอย่างบางคนที่ชินกับการอยู่บ้าน ห่างบ้านหน่อยก็ร้องจะกลับบ้าน

    ดูอย่างหลวงตา หลวงตาเกิดความเคยชินที่จะไปหาหลวงปู่ ติดที่จะไปวัดสะแก เหมือนที่หลวงปู่ท่านสอน ให้จิตอยู่กับพระ ก่อนนอนตื่นนอนก็ให้กราบพระ สวดไปจิตก็อยู่กับพระ แรกๆไม่ง่ายนะ แต่พอทำๆไปจากวันละ สองครั้ง ก็เป็น สามครั้งสี่ครั้ง คราวนี่นานๆไป เห็นพระที่ใหนก็นึกกราบแล้ว พระองค์ใหนเราก็นึกไปกราบท่านได้หมดแหละ จะที่ถ่ำ ที่วัดใหนเราก็สามารถกราบได้หลายๆองค์พร้อมๆกันได้เลย แยกไปกราบได้ทุกองค์เลยนะ"

    ธรรมะหลวงตาม้า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. choksila58

    choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    631
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    ..อนุโมทนาสาธุ.. ทานบารมีไม่ใช่แค่ว่าเป็นผู้ได้ให้ไว้มาก ยังรวมไปถึงเป็นผู้ที่ได้ให้ในสิ่งที่ให้ได้ยาก ได้ให้ไว้มากก้อยังไม่พอยัง
    จะต้องให้ได้ยากลำบากทรมานใจแท้
     
  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,446
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    [​IMG]
     
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,446
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    <iframe width="640" height="480" src="https://www.youtube-nocookie.com/embed/qOfG8CqtAic?&autoplay=&rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 สิงหาคม 2015
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,446
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    [​IMG]




    ~•คำของครู•~
    เย็นวันนั้น นิสิตหนุ่มก้มลงกราบลาเพื่อกลับเข้ากรุงเทพฯ เมื่อเงยหน้าสบตา เสียงนุ่มนวลอ่อนโยนของหลวงปู่ก็ดังขึ้นว่า
    "แกไม่ต้องมาหาข้า...ข้าให้ข้า"
    ประโยคที่สั้น กระทัดรัดและเต็มไปด้วยคำถามเช่นนี้ ต่อให้กาลเวลาผ่านไปตราบชั่วชีวิต ก็ยากจะลืม...

    เป็นที่รู้กันในหมู่ศิษย์ว่า หลวงปู่ท่านพิจารณา แยกแยะศิษย์ในการชี้แนะสั่งสอน ท่านมิได้ลำเอียงหรือเลือกที่รักมักที่ชังเเต่เป็นเพราะท่านรู้ซึ้งถึงแก่นแท้ดีว่าใครเป็นใคร ถ้ามองด้วยสายตาธรรมดาชั้นต้น หลวงปู่เป็นผู้ฉลาด เป็นผู้มีปัญญามาก หากมองด้วยสายตาชั้นกลางหรือลึกลงไปยิ่งกว่านั้น ท่านคือมหาปัญญาอันกว้างขวาง ครั้นเมื่อมองกันให้ถึงที่สุดแล้ว หลวงปู่คือพระมหาปัญญาอันลึกซึ้งสุดหยั่ง ซึ่งแล้วแต่ใคร จะเข้าถึงท่านได้เพียงใด
    ฉะนั้น เราจึงไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า หลวงปู่ท่านใช้หลักการกฏเกณฑ์ใดในการสั่งสอนสรรพสัตว์แม้กระทั่งทุกวันนี้ เพราะเป็นเรื่องเฉพาะ เป็นเรื่องของครูผู้มหาปัญญา เป็นเรื่องของพระบรมสัตว์ ไม่ใช่เรื่องของสามัญสัตว์ผู้ยังมืดบอดอย่างพวกเรา
    นิสิตปรัชญาและศาสนาเฝ้าครุ่นคิด...
    "แกไม่ต้องมาหาข้า..." หมายความว่ากระไร?
    "ข้าให้ข้า" อีกเล่า...หมายความว่ากระไร?
    ใช่แยกเป็นสองประโยค หรือว่าประโยคเดียวกันนะ?....

    ชีวิตแสนสั้นนัก ศิษย์หลายคนผ่านการศึกษา ผ่านโลก ผ่านชีวิต เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ก่อเกิดเป็นมวลความรู้ความเข้าใจ มากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป กระทั่งเส้นผมเปลี่ยนสี เรี่ยวแรงถดถอย ความแก่ ความเจ็บ ความตายเริ่มเข้าหา หลายคนยังคิดไม่ตก ขบไม่แตก ว่าคำของครูคือหลวงปู่ที่ได้ให้ไว้ในวันนั้น มีความหมายว่ากระไร บางคนจนลมหายใจสุดท้ายมาถึงก็ยังคิดไม่ออกบอกตัวเองไม่ได้ ว่าหลวงปู่ได้ชี้ทางสว่างอะไรไว้ให้แก่ตน
    ...คำของครู ถ้าคิดตกขบแตก จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมหาศาล...
    แล้ว...ประสาอะไรกับนิสิตหนุ่ม ที่ยังเยาว์ทั้งวัยและปัญญาคนนั้น!
    หลวงปู่ท่านอ่านความคิดจิตใจของทุกคนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ไม่มีใครมีความลับหรือปิดบังซ่อนเร้นอำพลางท่านได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งนิสิตหนุ่ม ท่านรู้ว่า เจ้าหน้าอ่อนที่นั่งอยู่เบื้องหน้านี้ ไม่ได้สนใจแยแสพระเครื่องหรือวัตถุมงคลใดของท่าน แต่เพ่งความคิดเพ่งความสนใจมายังตัวท่านเหนือสิ่งอื่นใด ท่านจึงย้อนยอกให้ว่า...
    "ข้าให้พระแกองค์หนึ่ง แกไปหาเอาเอง"
    ช่างเหมาะกับอุปนิสัยใคร่ครวญครุ่นคิด ชอบสงสัยเสียนี่กระไร!
    นิสิตหนุ่มไม่ได้มีสติปัญญาสูงส่งจนสามารถรู้ซึ้งถึงความหมายด้วยเวลาอันรวดเร็ว แต่เป็นการค่อย ๆ ซึมซับรับรู้อย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยอาศัยความหมั่นเพียรในการศึกษาหาความรู้ หมั่นเพียรในการคิดพิจารณา หมั่นเพียรในการฝึกฝนอบรมตน และที่สำคัญ เขามีครูคือหลวงปู่ผู้เดียวอยู่ในหัวใจ อย่างไร้ความลังเลสงสัย อย่างที่ใครก็ไม่อาจมาแทนที่ได้อีก
    เขาเพียรหาพระที่หลวงปู่ให้อยู่หลายปีก็ยังตีปริศนานั้นไม่ออก พระที่ท่านให้ต้องไม่ใช่พระผง พระโลหะหรือวัตถุมงคลอื่น ๆ แน่นอน...แล้วเป็นพระอะไร? องค์ไหน?
    ...กำลังแห่งตนเพียงลำพังยากเข้าถึง ต้องพึ่งครู...
    ตอนนั้น เขายังคิดอย่างประโยคข้างต้นไม่ได้ หลวงปู่ท่านรู้...แม้ละสังขารไปแล้ว ท่านก็ยังตามมาชี้แนะ ชี้นำ ขัดเกลา ให้บทเรียน อย่างที่เขาไม่รู้ตัวเลย!
    เวลาไปไหว้พระสวดมนต์ในสถานที่ใด ๆ ครั้นถึงบทที่ว่า...นะโม พรหมปัญโญ นิสิตหนุ่มจะเกิดอาการสะดุ้งเฮือก! รุนแรงมากน้อยแตกต่างกันไป บางครั้งรีบลืมตาแทบจะลุกขึ้นยืน แต่เมื่อคิดขึ้นได้ว่ากำลังอยู่ในท่ามกลางคนหมู่มาก จึงจำต้องสำรวม เก็บอาการ เก็บความสงสัยไว้ในใจเงียบ ๆ
    หลายคนเวลากำพระภาวนาแล้วเกิดอาการหลาย ๆ อย่างขึ้นนั้นเป็นเรื่องจริง แต่นิสิตหนุ่มไม่ได้กำพระ ไม่ได้แขวนพระ เขาเพียงแค่สวดมาถึงบท นะโม พรหมปัญโญ เท่านั้น ก็เกิดอาการราวกับพลังของอะไรบางอย่างพุ่งเข้าใส่เหมือนไฟช็อต ลงบนกระพุ่มมือบ้าง ตามลำตัวบ้าง กลางกระหม่อมบ้าง จนสุดท้ายลงตลอดทั้งร่าง! อาศัยที่ชอบภาวนามาตั้งแต่ย่างเข้าวัยรุ่น ได้รับประสบการณ์แปลก ๆ หลายอย่าง นิสิตหนุ่มจึงไม่คิดว่าตนเองผิดปกติแต่ประการใด
    บางครั้ง แค่เขาสวด นะโม พรหมปัญโญ ก็เกิดปิติขนพองสยองเกล้า เบาสบาย เป็นที่พึ่ง เป็นที่หลบภัยในยามสับสน เคว้งคว้าง เป็นทุกข์ตามประสาวัยรุ่นที่ยังเยาว์ต่อโลก
    บางครั้ง นะโม พรหมปัญโญ ก็ช่วยดึงจิตให้รวมลงอย่างรวดเร็วขณะภาวนา แต่ตอนนั้น เขายังคิดไม่ได้ว่าเกิดจากอะไร
    ในห้องนอนของเขา เหนือหัวเตียงมีกระดาษขาวแผ่นหนึ่งติดอยู่ บนกระดาษเขียนด้วยเมจิกเส้นหนาสีแดงว่า นะโม พรหมปัญโญ ท่ามกลางความมืด เขาเคยเห็นแสงสีนวลสว่างขึ้นมาจากกระดาษแผ่นนั้น! และในเวลาต่อมา เขาเห็นอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ไม่ใช่แสงสีนวล แต่เป็นฉัพพรรณรังสีอันตระการตา!! ให้ความรู้สึกเยือกเย็นอย่างประหลาดล้ำ
    เขาได้รับประสบการณ์อีกหลายอย่างจาก นะโม พรหมปัญโญ จนกระทั่งค่ำคืนหนึ่ง เขาก็หาพระที่หลวงปู่ให้จนเจอ ที่แท้...พระองค์นั้นก็คือ หลวงปู่ดู่ คือครู คือ นะโม พรหมปัญโญ นี่เอง!
    หลายสิบปีต่อมาเมื่อมองย้อนหลังกลับไป ทุก ๆ ประสบการณ์อันน่ามหัศจรรย์ทั้งหลายซึ่งนำไปสู่ความรู้ความเข้าใจนั้น หลวงปู่เป็นครูผู้คอยช่วยเหลือ ชี้แนะ ชี้นำ สั่งสอนและแสดงให้ปรากฏมาโดยตลอด และท่านก็มิได้ให้หยุดยั้งปัญญาความรู้อยู่เพียงแค่นั้น ท่านยังให้ลงลึกละเอียดเข้าไปได้เรื่อย ๆ อย่างไม่จำกัด ว่า...ข้าคือใคร? อย่างที่ไม่ต้องอาศัยมุมมองหรือการตีความใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นประสบการณ์ตรงโดยตนของคน ๆ หนึ่งเอง ไม่จำเป็นต้องอาศัยภาษาหรือคำพูดให้มากความ ว่ากันตรง ๆ ชัด ๆ กันเลย
    จะต้องไม่ลืมว่า ศิษย์ของหลวงปู่ไม่ว่ารุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่นั้นหลากหลายเหลือเกิน!
    อย่ามองข้ามครู จงหยุดคิดสักนิดพิจารณาสักหน่อยเถิดว่า คำสอน พระคาถา ศิษย์ พระเครื่องวัตถุมงคล กระทั่งชีวิตของตน! และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายนั้นเกิดขึ้นจากใคร?
    หลายครั้ง...เส้นผมก็บังภูเขา
    "แกไม่ต้องมาหาข้า..." ได้ยินครั้งแรกก็รู้สึกชาไปทั้งตัว คิดซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้งก็รู้สึกเจ็บแปล๊บเข้าไปถึงหัวใจ...น้อยเนื้อต่ำใจ
    "ข้าให้พระแกองค์หนึ่ง..."
    "ข้าให้ข้า..."
    ประโยคหนึ่งที่ครูในหัวใจไม่เคยพูดออกมาสักคำ แต่ทำให้ดูเลยหลายสิบปีก็คือ...
    ...ข้าอยู่กับแกตลอดเวลา...
    วันนี้ ข้าพเจ้ายิ้ม
    และหลวงปู่ท่านก็ยิ้ม.



    เครดิต https://www.facebook.com/jakrapat.chuchart
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,446
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    <iframe width="640" height="480" src="https://www.youtube-nocookie.com/embed/WVcXIuWxFdM?&autoplay=&rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 สิงหาคม 2015
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,446
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,446
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    [​IMG]



    เมื่อมีบททดสอบ...แล้วไม่รู้สึกอะไรเลยหรือปลอดโปร่ง แผ่เมตตาฯได้.....จะนึกถึงคำของหลวงตาได้อยู่คำหนึ่งว่า..(คำว่ากำลัง คือทนได้ทุกๆกระแส)..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,446
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,446
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,446
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    เราจะสังเกตว่ากายในเราจะเป็นพุทธภูมิชั้นใดอย่างไร

    <iframe width="853" height="480" src="https://www.youtube-nocookie.com/embed/dz_ZhkDMLvI?&autoplay=&rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,446
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...