กาลเวลา เทวดา จักรวาล

จันทรุปราคาเต็มดวง

 

จันทร์แรม 3 ค่ำ

 

คุณ Vachara ถ่ายด้วยกล้อง แบบเลนส์สะท้อนแสง รึยังไงครับ...สวยดีครับ...
รูปเนบิวล่ากลุ่ม Orion นี่ เห็นจากกล้องดูดาวในไทยชัดแบบนี้เลยหรือ?...สนใจอยู่ครับ พอดีมีกล้องตัวเล็กๆแบบหักเหแสงเก่าๆตัวหนึ่ง ว่าจะหาซื้อใหม่อีกซักตัว....แนะนำด้วยครับ...

 

ปฏิบัติธรรมซิครับแล้วจะได้คำตอบ เพราะเรื่องที่ถามเป็นปัจจตังครับ
อ้อ...รูปดวงดาวที่โพส์มาสวยดี

 

Thank you สวยงามจริงๆครับคุณ vachara โดยเฉพาะรูปThe Great Orion Nebula

สวัสดีครับทุกท่าน...

 

เคยอ่านหนังสือเล่มนึงครับ (ธรรมชาติของชาคิภพ) เขาบอกว่าเขาเป็นจิตวิญญาณที่มีอายุมากกว่าเรานับแสนปี เขาเรียกตัวเองว่า "โนวา อนาลัย "ครับ..เป็นการสื่อความรู้คล้ายโทรจิต ผ่านคนไทยคนหนึ่งครับ..เขาเล่าให้ฟังว่า...

ตามธรรมชาติแห่งความเป็นจริงนั้น จิตวิญญาณอยู่เหนือกฎเกณฑ์แห่งระยะทาง ช่องว่าง และกาลเวลา จิตวิญญาณไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต มีแต่ปัจจุบัน จิตวิญญาณไม่ใช้เนื้อที่และสถานที่....

"มิติ"เป็นสิ่งที่เราเข้าใจภายใต้ กฎเกณฑ์ของกาลเวลา ที่เรารู้จัก
"ภพภูมิ" เป็นสิ่งที่เรากำหนดขึ้นภายใต้ กฎเกณฑ์ของระยะทางและช่องว่าง​

......มิติที่แท้จริงและมิติทั้งหมด คือปัจจุบัน........​

......และภพภูมิทั้งหมด คือภาวะแห่งจิตวิญญาณ......

ภพภูมิเป็นสิ่งที่เราทั้งหลายเข้าใจได้ยาก ในสภาวะความรู้สึกนึกคิดที่เราเป็นอยู่ ภพภูมิไม่ใช่สถานที่หรือดาวนพเคราะห์เสมอไป แต่ดาวนพเคราะห์ดวงหนึ่งก็เป็นภพภูมิได้เช่นเดียวกันกับโลกที่เราอาศัยอยู่นี้ ภพภูมิปรากฎอยู่ได้โดยปราศจากดาวนพเคราะห์ และดาวนพเคราะห์ดวงหนึ่งๆก็อาจมีหลายภพภูมิซ้อนๆกันอยู่ ภพภูมิเกี่ยวพันกับความรู้ของเผ่าพันธ์ที่มาตั้งรกรากอยู่ ภพภูมิไม่ใช่สถานที่เสมอไป (อาจเป็นได้ในบางกรณีเท่านั้น)

ภพภูมิอาจเป็นช่วงแห่งกาลเวลา หรือเป็นเพียงหน่วยของอะตอมที่สถิตย์อยู่ได้ด้วยตัวของมันเอง ภพภูมิเป็นการแบ่งแยกภาวะในห้วงจักรวาลด้วยกาลเวลา ด้วยสภาวะ และด้วยเหตุผลจำเพาะ ภพภูมิอาจสลายตัวไปหรือผุดขึ้นในสภาวะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ภพภูมิจึงเป็นบรรยากาศหรือสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยต่อพัฒนาการจำเพาะ ต่อคุณสมบัติจำเพาะและเป้าหมายแห่งความสำเร็จในทิศทางจำเพาะของจิตวิญญาณ ภพภูมิเป็นสภาวะที่เอื้ออำนวยต่อการแบ่งแยกธาตุในลักษณะจำเพาะเพื่อการพัฒนาและการทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ของจิตวิญญาณ

ดาวนพเคราะห์ทั้งหลายได้ถูกใช้ เป็นภพภูมิครั้งแล้วครั้งเล่าในสภาวะที่แตกต่างกันไป แต่ภพภูมิก็ไม่ใช่สถานที่ตั้งใดๆ ในจักรวาล ธาตุแท้แห่งจิตวิญญาณหรือ จิตวิญญาณรวมต่างร่า่งในทุกชาติภพ อาจถือกำเนิดในภพภูมิใดภพภูมิหนึ่ง ก่อนที่จะไปถือกำเนิดในภพภูมิอื่นๆต่อไป ไม่มีลำดับตายตัว ลำดับเหล่านั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์ของธาตุแท้แห่งจิตวิญญาณรวม ซึ่งถือกำเนิดในทุกภพภูมิพร้อมๆกันหมด (คือปัจจุบันขณะของจิตวิญญาณ) การเผชิญประสบการณ์หลากหลายในต่างภพภูมิพร้อมกันหมดทำให้จิตวิญญาณมีความรู้สึกนึกคิดที่ล้ำลึก และสามารถเรียนรู้ได้อย่างชัดแจ้ง ...

​

กาลเวลาก็คือเรื่องของ"มิติ"ที่ทับซ้อนกันอยู่ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกันหมดในปัจจุบัน...เป็นเรื่องที่เข้าใจยากครับ..เพราะเราเองก็ถูกปิดมิติเอาไว้ให้รู้ได้อย่างจำกัด...เวลาของแต่ละภพภูมิก็ไม่เท่ากัน...

ถ้าหากจะทำให้เข้าใจง่ายขึ้น สามารถเทียบกับภูเขาสักลูกหนึ่ง
อดีต เปรียบเหมือนชั้นหินด้านล่างที่ทับถมกันมานานนับหลายปี
ปัจจุบัน เปรียบเหมือนบนภูเขา ที่มีต้นไม้ ต้นหญ้า ที่เกิดขึ้น ดำรงอยู่ และตายไป
อนาคต เปรียบเหมือน แสงแดด อากาศ หรือฝน ที่อยู่รอบๆตัวเรา ที่เราไม่สามาคาดการณ์ได้ ว่าฝนจะตก แดดจะออกจริงๆเมื่อไหร่...
เช่นถ้าฝนตกลงมา น้ำฝนก็จะตกลงบนผิวดิน (หมายถึงปัจจุบันได้รับผลและมีโอกาสที่จะทำอย่างไรกับน้ำก็ได้) และน้ำฝนนั้นก็สามารถซึมผ่านลงสู่ใต้ดินให้ชุ่มชื้นได้ไม่จำกัดเวลา (อดีตจึงสามารถแก้ไขได้เช่นกัน)
จะเห็นได้ว่ามีความต่อเนื่องกันทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต แต่สำคัญที่สุดก็คือการใช้ พลังแห่งปัจจุบัน เพราะมีพลังอำนาจในการแก้ไขอดีต และเปลี่ยนแปลงอนาคตได้ครับ...
ดั้งนั้น การเราสามารถรับรุ้ข้อมูลเรื่องในอนาคต หรืออตีตได้ ก็คงมาจากจิควิญญาณร่วมร่าง แต่ต่างเวลา และต่างมิติ....ของเราเองส่วนหนึ่งครับ...


ไปอ่านเพิ่มเติมได้ครับ...
http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=19213

 

โอ้...มัวแต่ดูภาพเพลิน เลยลืมออกความคิดเห็นเลยครับ

"มิติ"เป็นสิ่งที่เราเข้าใจภายใต้ กฎเกณฑ์ของกาลเวลา ที่เรารู้จัก
"ภพภูมิ" เป็นสิ่งที่เรากำหนดขึ้นภายใต้ กฎเกณฑ์ของระยะทางและช่องว่าง

ขอคิดในเรื่องนี้แล้วกันผิดถูกไงก็ว่ากันมาครับ
มันคล้ายๆ matrix เหมือนกันตรงที่
โลกที่เราอาศัยอยู่นี้มันเป็นโลกที่ถูกดึงลงมาปิดตาคุณไว้จากความเป็นจริง
อะไรคือจริงอะไรคือไม่จริง คำจำกัดความของมันอยู่ตรงไหน
เพราะถ้าเราคิดว่าสิ่งที่เราสัมผัสได้ รับรู้ถึงรสชาติ มองเห็น
แล้วเกิดอุปทานไปตามสิ่งเหล่านั้นนั่นคือจริง

มันก็เป็นเพียงสัญญาณไฟฟ้าที่ถูกส่งผ่านมายังสมอง
เมื่อสมองรับรู้มันก็ส่งผ่านเข้ามาทางจิตใจ แล้วก็เกิดอุปทานตามมา
นั่นคือมิติอย่างหนึ่งในภพนี้ที่มนุษย์สามัญธรรมดาจะเข้าใจได้
ส่วนภพหรือมิติอย่างอื่นมันอยู่นอกเหนือความรับรู้ของเรา มันก็เป็นเรื่องเข้าใจยาก
เหมือนคุณพยายามจะมองเข้าไปในโพรงกระต่ายเพื่อดูว่ามันลึกแค่ไหน

สวัสดีครับ...

 

สรุปแล้วจะบอกว่า โลก เข้าแถวซ้อนกันแต่มองไม่เห็นไปไม่ถึง เพราะมีกำแพงเวลา
ซินะ

ดีใจจังหันหลังหละก็โลกเรา
ดีจริงหว่าหันหน้าแก็แม่นโลกเรา

 

แต่เอะทำไมนักวิทยาศาสตร์ถึงมุ้งแต่จะดาวเคราห์ดวงอื่นหละ

ก็เพราะว่า โลกในมิติแต่ละมิตินั้นก็มีเรา ชื่อเหมือนเราเดะอาศัยอยู่แล้ว ( สงสัยจะดูหนังฝรั่งมากไป )

ไม่ช้าย เพราะการคิดเรื่องกำแพงเวลา มันเชื่ออยาก ถึงแม้ทฤษฎีจะมีจริง และการพิสูจน์ แต่ ติดอยู่ที่วิที่สร้างช่องทางนั้นไง

ท่าน อ.อภิชัย เคยพูดว่ารู้มัย ทำไม คนไทยถึงไม่ค่อยเห็นมนุษย์ต่างดาว

เพราะเป็นไปได้ว่า มนุษย์ต่างดาวอาจไม่ได้เดินทางด้วยพาหนะที่เดินทางด้วยความเร็วอย่างเดี่ยวอาจอาศัยกฏของเวลา เป็นตัวช่วยในการเดินทาง และกฏของโพลงตัวหนอนด้วย

----------------------------------

 

"ธรรมชาติของชาติภพ" ของ คุณโนวา อนาลัย หนังสือเล่มนี้ดีมาก
แสดงให้เห็นถึงชาติภพที่แท้จริงของมนุษย์ชาติ รายละเอียดดี มีเรื่องราวแห่งความเป็นจริงๆๆ
บุคคลใดได้อ่านแล้ว ถ้าสามารถตีความได้แตกตลอดทั้งเล่ม แสดงให้เห็นว่า คนๆนั้นเข้าถึงธรรมชาติของจักรวาล " พลังงานแห่งความรักที่แท้จริง" โดยที่พลังจิตของตนจะสามารถเลื่อนไหลออกไปนอกอวกาศ เข้าไปในจักรวาลที่เงียบสงบ เวลาจะหยุดนิ่ง ตรึงอยู่กับที่ ไร้ขอบเขต
นี่แหละคือ ความนิ่งและสงบของจิตจริงๆ ไม่มีสิ่งใดมารบกวนจิตใจเราได้
ล่องลอยได้ไปทั่วทิศ
นี่แหละคือ ธรรมชาติของจิตแท้ๆ หาใดมาเปรียบปานได้
ไม่มีสิ่งใดมาเกาะเกี่ยว
ไม่มีสิ่งใดมากำหนดเรา ให้ทำโน่น ทำนี่
อิสระ อิสระ อิสระ

 

ใช่ครับ.." ธรรมชาติของชาติภพ" เป็นหนังสือที่ดีมากครับ..ถ้าอ่านให้ทะลุปรุโปร่ง แล้วตีความหมายเก่งๆ เราจะได้ความรู้แบบทะลุมิติไปเลยครับ..ผมอ่านแล้วยังชอบ ต้องอ่านซ้ำรอบสอง..แปลกครับเล่มเล็กๆ หนาแค่ 2 ซ.ม. แต่หายากเหมือนกันครับ...ลองไปหาที่ร้านซีเอ็ด กันดูนะครับ..ถ้าหากสนใจ...

คุณจะมองเห็นและเข้าใจยิ่งขึ้นว่า พลังอำนาจแห่งปัจจุบัน มีความหมายมากเพียงใด...และจิตวิญญาณของเรามีหลายรูปธรรมที่แบ่งออกมาทำหน้าที่ ต่างที่ ต่างเวลา กันได้อย่างไร..และเรื่องการเกิดภพชาติจริงๆเป็นอย่างไร..ถือว่าเป็นหนังสือแนะนำนะครับ...

 

หนังสือเล่มนี้ "ธรรมชาติของชาติภพ" โนวา อนาลัย
สมาชิก palungjit.org ควรจะอ่านเอา ประดับความรู้เพื่อการปฏิบัติธรรม
จะได้เข้าใจแจ่มแจ้งขึ้นบ้าง เป็นความรู้ในแนวกว้างขึ้น
เป็นการเปิดจิตเปิดใจ
ยอมรับหลักความเป็นจริง

 

วิเคราะห์แบบส่วนตั๊วส่วนตัว

บางทีอาจไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวอย่างเดียวที่เดินทางมายังโลกเรา
ผู้ที่เดินทางมาอาจเป็นมนุษย์ที่อยู่บนโลกนี่เอง
แต่อาศัยอยู่คนละช่วงเวลากับพวกเรา
เดินทางมาจากอนาคตเพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ของพวกเขาเอง
และไม่สามารถจะเข้ามาแทรกแซงหรือมาบอกได้ว่าพวกเขาเป็นใคร
เพราะจะทำให้เหตุการณ์ต่างๆในอนาคตเปลี่ยนแปลง