คลังเรื่องเด่น
-
อาหารและการสร้างสง่าราศีแก่ตน จากคำสอน หลวงปู่เดินหน อิเกสาโร
อาหารและการสร้างสง่าราศีแก่ตน
จากคำสอน หลวงปู่เดินหน อิเกสาโร
เนื่องจากเห็นภาพแบบนี้ในเน็ต เห็นแล้วก็เกิดอาการคัน อยากสอดอยากยุ่งกับชาวบ้านสักนิด เรื่องการนำเอาเครื่องมือมาเป็นภาชนะใส่อาหารแบบนี้ เมืองนอกเขาว่า “ฮิปสเตอร์” อะไรนั่น มันเท่ห์ดูแปลกตาน่าสนใจ หากถามผมกินไหมใส่มาเท่ห์แบบนี้ บอกเลยผมไม่แด๊กครับ ผมถือของผม ใครไม่ถือก็แด๊กได้ครับตามสบาย เรื่องการนำเครื่องมือเครื่องใช้ในการทำงาน มาใส่อาหารหรือใช้ตักอาหารกินเช่นนี้ ตามศาสตร์โบราณถือว่าเป็นเสนียดจัญไร หรือเข้าตำราที่เรียกว่าเป็น **ธรณีสาร** ไม่เป็นมงคลกันผู้กิน อีกอย่างสมัยนี้เห็นนำเอาครกมาเป็นภาชนะใส่ส้มตำ นำเสริฟในร้านอาหารต่าง ๆ แบบนี้เป็นธรณีสารเช่นกัน
เมื่อเวลาผมไปร้านอาหารหากเห็นร้านไหนนำเอาครกใส่ส้มตำมาเสริฟ ผมจะบอกให้เขาไปเปลี่ยนใส่จานมา เพราะผมไม่กินใส่ในครกเด็ดขาด เหตุผลก็มีอยู่แต่หากมาอธิบายเกรงจะยาวเกิน ซึ่งเรื่องเหล่านี้หลวงปู่เดินหน อิเกสาโร บรมครูท่านเคยสอนเอาไว้ ท่านว่าการสร้างมงคลทั้งหลาย เราจำต้องสร้างด้วยตนเองก่อน ต้องเรียน ต้องรู้ ใช่จะไปรอขอให้ใครมาเสกให้ตัวเราดีเราขลัง เพราะความดี และมงคล... -
หลอนเป็นที่สุด เรื่องจริงที่น่ากลัว!!! อาถรรพ์วิญญาณครูนาฏศิลป์ ห้อยหัวรำอย่างงดงาม "รำสวยพอไหม" บอกได้คำเดียว สลบคาที่เลย!!!
หลอนเป็นที่สุด เรื่องจริงที่น่ากลัว!!! อาถรรพ์วิญญาณครูนาฏศิลป์ ห้อยหัวรำอย่างงดงาม "รำสวยพอไหม" บอกได้คำเดียว สลบคาที่เลย!!!
อาถรรพ์วิญญาณครูนาฏศิลป์ ที่บอกได้คำเดียวว่า โคตรหลอน
เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงจากสมาชิกหมายเลข 2578351 เว็บไซต์พันทิปดอทคอมระบุว่า สวัสดีครับก่อนอื่นเลยผมต้องบอกทุกคนเลยนะครับว่าเป็นกระทู้แรกของผมที่จะมาเล่าประสบการณ์ตรงสุดหลอนที่เกิดขึ้นกับผมที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในสระบุรี
เริ่มเข้าเรื่องเลยนะครับ ..
เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวผมครับ ผมเป็นเด็กในจังหวัดทางภาคอีสาน ย้ายเข้ามาอยู่กับครอบครัวในจังหวัดสระบุรีครับแล้วผมก็ย้ายมาเรียนต่อม.4 ที่โรงเรียนแห่งนี้
เรื่องมันมีอยู่ว่าช่วงนั้นเป็นเดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงฤดูหนาวก็จะมืดเร็วครับ ช่วงนั้นเป็นงานเกี่ยวกับการแข่งขันงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ซึ่งผมก็จะได้ร่วมการแข่งขันด้วย ผมได้รับเลือกเข้าการแข่งขัน Drawing (วาดภาพลายเส้น) ซึ่งคุณครูที่ฝึกสอนผมจะเข้มงวดมากคือจะให้ผมและคนอื่นๆที่จะไปแข่งขันได้ซ้อมกันจนเย็นเกือบทุกวันครับเสาร์อาทิตย์ก็ต้องมาซ้อม ซึ้งผมก็ต้องยอมใจซ้อมครับ... -
โลกตะลึง !!! วัยรุ่นอินเดีย วัยเพียง 18 ปี สร้างดาวเทียมที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในโลก...นาซ่าประกาศเตรียมนำไปใช้จริง !!!
โลกตะลึง !!! วัยรุ่นอินเดีย วัยเพียง 18 ปี สร้างดาวเทียมที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในโลก...นาซ่าประกาศเตรียมนำไปใช้จริง !!!
สื่อข่าวรายงานว่า ริฟัต ชารูค วัยรุ่นชาวอินเดียวัย 18 ปี ส่งผลงานดาวเทียมที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในโลก โดยหนักเพียง 64 กรัม เข้าร่วมโครงการประกวด "Cubes in space" ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือนาซา และปรากฎว่า เขาได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะ
ชารูค กล่าวว่า วัตถุประสงค์หลักของดาวเทียมจิ๋วนี้ คือการแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพการทำงานของคาร์บอนไฟเบอร์ จากกระบวนการสร้างแบบ 3 มิติ โดยดาวเทียมจิ๋วดวงนี้มีชื่อว่า กาลัมแซท (KalamSat) ตั้งตามชื่อของประธานาธิบดีอับดุล กาลัม ของอินเดีย ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์การบินในประเทศ
นาซาเตรียมจะนำดาวเทียมจิ๋ว “กาลัมแซท” ขึ้นไปทดลองใช้งานจริงในอวกาศเป็นเวลานาน 12 นาที ในเดือน มิ.ย.นี้ โดย “กาลัมแซท” จะมีคอมพิวเตอร์ออนบอร์ดแบบใหม่ และเซ็นเซอร์ในตัว 8 ตัว สำหรับใช้ตรวจวัดความเร่งในการหมุน และสนามแม่เหล็กของโลกด้วย
สำหรับ ริฟัต ชารูค เป็นเด็กหนุ่มจากรัฐทมิฬนาฑู (อ่านว่า ทะ-มิน-นา-ดู) ปัจจุบัน... -
พญานาค ถ้ำเชียงดาว เจ้าระเบียบจัด!! พระอริยเจ้าหลายองค์ โดนตำหนิหมด แม้ หลวงปู่มั่นสอน ยังไม่ฟัง!! สุดท้าย ไม่มีใครอยากไปรบกวนอีก!!
พญานาค ถ้ำเชียงดาว เจ้าระเบียบจัด!! พระอริยเจ้าหลายองค์ โดนตำหนิหมด แม้ หลวงปู่มั่นสอน ยังไม่ฟัง!! สุดท้าย ไม่มีใครอยากไปรบกวนอีก!!
หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ เล่าถึงพญานาคในถ้ำเชียงดาว ดังนี้
" ภายในถ้ำหลวง ที่ถ้ำเชียงดาว มีพญานาคอยู่ ถ้ำดังกล่าวนี้ ต้องแยกขึ้นไปทางซ้ายมือ อยู่แหนือถ้ำหลวงเล็กน้อย พื้นถ้ำมีก้อนหิน เป็นรูปกงจักรกับดอกบัว มีพญานาคเฝ้าอยู่ภายใต้แผ่นหินนี้
เวลามีพระเข้าภาวนาอยู่ภายในถ้ำนั้น ท่านแทบกระดุกกระดิกตัวไม่ได้เลย เป็นต้องถูกพญานาคกล่าวโทษทันทีว่า สมณะอะไรช่างไม่สำรวม คะนองกายเหมือนเด็ก ๆ
ถ้าเดินไปสะดุดเอาก้อนหินดังกรอกแกรก เขาก็จะกล่าวโทษว่า สมณะอะไรจะเดินจะเหินไม่สำรวมระวัง รีบไปรีบมาเหมือนม้าแข่ง ไม่ว่าพระจะทำอะไร ต้องสำรวมทุกอิริยาบถ ถึงอย่างนั้นก็ไม่วายจะถูกตำหนิติเตียน
พญานาคนี้มีอัธยาศัยชอบพอกันกับ พระมหาบุญ ถ้าพระมหาบุญเข้าไปอยู่ในถ้ำนั้น ไม่ว่าท่านจะทำอะไร เช่น ทำเสียงกระแอมกระไอ เดินเสียงดัง ทำก้อนหินหล่น เธอก็เฉยไม่แสดงกิริยาอะไรต่อต้านเพราะมีจริตเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ไม่มีพระองค์ใดเข้าไปอยู่ในถ้ำนั้นได้นาน เพราะในถ้ำมีช่องให้อากาศเข้าไปทางเดียว... -
“เราจะเป็นคนอกตัญญูไม่ได้” หลวงปู่เจี๊ยะ!!! เล่าถึงเมื่อคราได้เป็นผู้อุปัฏฐากพระอาจารย์มั่นเหมือนได้ดูแลพ่อแม่ตนเอง สาธุ
“เราจะเป็นคนอกตัญญูไม่ได้” หลวงปู่เจี๊ยะ!!! เล่าถึงเมื่อคราได้เป็นผู้อุปัฏฐากพระอาจารย์มั่นเหมือนได้ดูแลพ่อแม่ตนเอง สาธุ
ท่านพระอาจารย์มั่นเมื่อเราไปอยู่กับท่านสี่แล้งกับสามปีเศษๆ กาแฟนี่..มาสังเกตดูในระยะ ๓-๔ ปีที่ไปอยู่ สมัยนั้นก็ยังพอมีบ้าง น้ำตาล กาแฟ อย่างนี้เป็นปีๆ ไม่เคยได้กินเลย ฉันข้าวแล้วก็น้ำเป็นปัจจัยสำคัญเท่านั้นเอง ต่างกันกับพวกเราสมัยนี้ อยากเวลาไหนก็กินได้เวลานั้น
เพราะฉะนั้นมันต่างกัน ท่านเป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังจะต้องการสิ่งใด จะอยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ทั้งนั้นแต่ไม่เอา ท่านต้องการเข้าไปอยู่ในที่กันดาร ขณะหนึ่งที่ปีสุดท้าย ก่อนที่เราจะกลับไปอยู่ที่บ้านนาสีนวล ทางเหนือจังหวัดสกลฯ ทางเข้าไป หมู่บ้านราว ๓๐ กิโลเมตร หมู่บ้านนั้นยากจนทำไร่ทำสวนพอประมาณ ไร่นาก็มีนิดๆ หน่อยๆ เพราะเป็นภูเขา ไปบิณฑบาตมาอย่างนี้ ก็ไม่ค่อยมีกับข้าวที่จะฉัน ถ้ามาสมัยนี้ จ้างให้เราไปอยู่ แถมให้ค่าจ้างวันละ ๕๐๐ บาท ยังไม่เอาเลย นึกแล้วปลงสังเวช สลดใจ ท่านก็อาพาธ ก็เพิ่งจะค่อยดีๆ ขึ้นนิดหน่อยเท่านั้น เข้าไปอยู่ในที่นั้น อยู่กับท่านอดอยากและลำบากมาด้วยกัน... -
"พุทโธ เหยื่อล่อจิต" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
"พุทโธ เหยื่อล่อจิต"
" .. การนึก "พุทโธ พุทโธ" ก็คือ "ล่อให้จิตมันอยู่ตรงนั้นแห่งเดียว" ผู้ที่จะภาวนาเป็นเร็วหรือเป็นช้า อยู่ที่อุบายของแต่ละบุคคล เมื่อจิตไปอยู่ตรงนั้นแห่งเดียวแล้ว ก็เพ่งพิจารณาเฉพาะตรงนั้น อยู่ได้เพียงแค่นั้นก็นับว่าดี
บางคนจิตรวมอยู่ตรงนั้นแล้ว "จับจิตอยู่ตรงนั้นได้แล้วและวางคำบริกรรมมันวางเอง" แล้วตั้งสติจับเอาจิตตรงนั้นพิจารณาผู้นั้น "ใครเป็นผู้คิดผู้นึก ผู้คิดผู้นึกมันออกมาจากใจ สติก็ไปเป็นใจ เลยรวมกันเข้าไปเป็นอันหนึ่ง คือใจอันนั้น"
ผู้พิจารณาอย่างนั้นหัดสมาธิเป็นเร็ว เพราะฉะนั้น "อย่าไปถือเอาคำบริกรรม เราเพียงแต่ว่า พุทโธ ๆ เฉย ๆ เปรียบเหมือนกับเหยื่อล่อปลาให้กินเบ็ด" เวลาปลากินเบ็ดแล้ว "เหยื่อเราก็ไม่เอา" ไม่ทราบมันหายไปไหน "เราต้องการปลานั่นต่างหาก"
อันนี้ก็ฉันใด "เหยื่อสำหรับล่อจิต" คือ "อานาปานสติ หายใจเข้า-ออก หรือ พุทโธ" อยู่ในที่นั้น .. "
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี -
วันอัฏฐมีบูชา
วันอัฏฐมีบูชา
วันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้า
หลังจากเสด็จดับขันธปรินิพพานได้ ๘ วัน
คือหลังจาก “วันวิสาขบูชา” แล้ว ๘ วัน
ถือได้ว่าเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาอีกวันหนึ่ง
ซึ่งเกี่ยวเนื่องต่อจาก “วันวิสาขบูชา”
“วันอัฏฐมีบูชา” เป็นวันที่ชาวพุทธต้องสูญเสีย
พระพุทธสรีระแห่งองค์พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาสักการะอย่างสูงยิ่ง
เราชาวพุทธควรใช้วันนี้เป็นวันแสดงธรรมสังเวช อัปปมาทธรรม
(ธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความไม่ประมาทมัวเมาในอารมณ์ทั้งปวง)
ทำจิตใจให้สงบน้อมระลึกถึงพระพุทธคุณอันหาประมาณมิได้
ให้สำเร็จเป็นพุทธานุสสติภาวนามัยกุศลด้วยเถิด
นอกจากนี้แล้ว วันนี้ยังเป็น วันคล้ายวันที่พระนางสิริมหามายา
พระพุทธมารดา สิ้นพระชนม์ หลังประสูติเจ้าชายสิทธัตถะ
และเป็น วันคล้ายวันที่พระพุทธองค์ทรงประทับเสวยวิมุตติสุข
ณ พระแท่นวัชรอาสน์ หรือโพธิบัลลังก์ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์
ตลอด ๗ วัน หลังจากตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ อีกด้วย
หลังจากพระพุทธองค์ทรงเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว
เหล่าภิกษุสงฆ์ เทพ พวกเจ้ามัลลกษัตริย์ ได้ถวายการสักการะพระพุทธสรีระ... -
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน ขวานครูพิษณุกัณฑ์ เทพอาวุธปราบมาร สิ่งชั่วร้าย
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน ขวานครูพิษณุกัณฑ์ เทพอาวุธปราบมาร สิ่งชั่วร้าย ลมเพลมพัด อาถรรพ์ต่างๆ
ขวานครูพิษณุกัณฑ์…มีคติการสร้างจากเทวบรมครู...เป็นขวานพระเวทย์ของบรมครูทั่วทั้งฟากฟ้าจักรวาล..ไว้ต้านปราบมารมีอำนาจดุจขวานของปรศุราม...มีประโยชน์มาก พกติดตัวแทนมีดหมอเพราะเป็นของกายสิทธิ์ ใช้ไล่ผี แก้อาถรรพ์ ทางสามแพร่ง ถนนชน ตึกสูง ฮวงจุ้ยได้ทุกอย่างโดยเอา คนขวานชนกับสิ่งไม่ดีนั้นๆใช้ทำน้ำมนต์รักษาโรค กดที่บวม แก้โรคที่รักษาไม่หายโรคเวรกรรม โดยเอาคมขวานแกว่ง ที่น้ำยาต้มยาสมุนไพรก็ได้ เดินทางไกล ป้องกันตัว ผีป่า เจ้าที่เล่นงาให้เอาขวานนี้ซุกไว้ใต้หมอนก่อนนอนก็ได้ บันดาลให้เกิดโชคลาภ บันดาลให้เกิดความเป็นสิริมงคลตามอิทธิฤทธิ์ของเทพส่งผลดีต่อดวงเมืองของประเทศไทย และส่งผลดีต่อประชาชนผู้ประกอบการดี เกื้อกูลอุดหนุนให้มีอำนาจ มีบารมี สมบูรณ์พูนผล ทวีลาภ เป็นมหานิยม ป้องกันโรคภัย คุณไสย จะเป็นผู้โชคดี ร่ำรวยเป็นเศรษฐี...
ปัจจุบันมีพระคณาจารย์ที่นามว่าพ่อท่าเว๊าะห์ท่านเป็นผู้สืบทอดวิชา ทำขวานครูพิษณุกันฑ์ขวานที่ท่านสร้างมีหลายรุ่นและมีหลายแบบ เช่น แบบช่อสูง 30cm,แบบเดี่ยวใหญ่ยาวประมาณ... -
ปัจจุบันสำคัญที่สุด
ปัจจุบันสำคัญที่สุด
หลวงพ่อมนตรี อาภัสสะโร
พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระมหาวิหารเชตวัน เมืองสาวัตถี ได้ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายถึงการปฏิบัติธรรมว่า "ปัจจุบัน" เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะอดีตเป็นสิ่งที่ล่วงไปแล้ว สิ่งที่เป็นอนาคตก็ยังมาไม่ถึง ทั้งอดีตและอนาคตจึงเป็นสิ่งที่ไม่น่าสนใจ สิ่งที่ควรให้ความสนใจก็คือที่นี่และเดี๋ยวนี้ โดยตรัสว่า
"บุคคลไม่ควรคิดถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่ควรมุ่งหวังสิ่งที่ยังมาไม่ถึง บุคคลใดเห็นแจ้งในปัจจุบันธรรม ไม่ง่อนแง่นคลอนแคลนในธรรมนั้น ๆ ผู้นั้นควรเจริญในธรรมเนือง ๆ ความเพียรควรทำเสียวันนี้เดี๋ยวนี้ ไม่มีใครรู้ความตายในวันพรุ่งนี้
เพราะการผลัดเพี้ยนกับความตาย ไม่มีใครทำได้ ผู้รู้ย่อมสงบ เรียกว่าผู้มีความเพียร ไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันและกลางคืนว่า ผู้นั้นมีชีวิตอยู่เพียงวันเดียวประเสริฐที่สุด"
สาเหตุหนึ่งที่ทำ ให้จิตของผู้ปฏิบัติธรรมฟุ้งซ่านไม่สงบ นั้นหมายถึงความปรุงแต่งไปตามสัญญาอารมณ์ทั้งอดีตและอนาคต เราชอบเก็บเรื่องต่าง ๆ ที่ผ่านไปแล้วมานึกคิด ถ้าเป็นเรื่องไม่ดีจิตก็สลดหดหู่เหงาหงอยเซื่องซึมไป ทั้ง ๆ ที่เรื่องเหล่านั้นก็ผ่านพ้นเลยไปแล้ว... -
รูปลักษณะสภาวะทั้งหลายทั้งปวง เป็นเพียงพฤติภาพแห่งดวงจิตของบุคคล
รูปลักษณะสภาวะทั้งหลายทั้งปวง
เป็นเพียงพฤติภาพแห่งดวงจิตของบุคคล
ข้อความทำนองนี้จะปรากฏมากมาย ในพระธรรมเทศนาของท่านมิลาเรปะ เป็นข้อเท็จจริงในธรรมชาติที่พิสูจน์ได้โดยความรู้ทางวิทยาศาสตร์ หรือแม้แต่การใช้วิธีตั้งข้อสังเกตง่าย ๆ ของผู้ไม่รู้หนังสือ ก็ยังอาจสามารถพิสูจน์สัจจธรรมข้อนี้ได้ ผลลัพธ์ก็คือทำให้รู้เท่าทัน รูปลักษณะสภาวะทั้งหลายทั้งปวง ว่าล้วนไม่ได้มีตัวตนของมันเองดำรงอยู่จริง
ในมุมมองของอนิจจัง เมื่อเรากระทบสัมผัสด้วย ตา หู จมูก ลิ้น กาย อย่างใดอย่างหนึ่ง รูปลักษณะสภาวะในภายนอกซึ่งล้วนปราศจากตัวตนของมันเองได้ผันแปรไปแล้ว ดังนั้นการที่เรายังกำหนดความหมายหรือคุณค่าใด ๆ ของรูปลักษณะสภาวะนั้นอยู่ต่อไป ก็นับว่าเป็นเรื่องของพฤติภาพภายในจิตใจซึ่งมีรูปแบบของการสั่งสมอวิชชาไว้หลากหลายนัยยะของแต่ละปัจเจกบุคคลเองล้วน ๆ ที่เนื่องอยู่กับการกระทบสัมผัสนั้น ๆ
ในมุมมองของอนัตตา หรือความไม่มีตัวตนของมันเอง เช่นการที่เราเห็นก้อนเมฆเป็นสิ่งที่หมายถึงได้ แต่ถ้าเข้าไปพิจารณาองค์ประกอบของก้อนเมฆอย่างใกล้ชิด จะเห็นกลุ่มละอองน้ำ และเงาที่เกิดจากละอองเหล่านั้นบดบังแสงอาทิตย์... -
วิญญาณธาตุ
วิญญาณธาตุ
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
วัดบวรนิเวศวิหาร
คัดจากเทปธรรมอบรมจิต ข้อความสมบูรณ์
อณิศร โพธิทองคำ บรรณาธิการ
บัดนี้ จักแสดงธรรมะเป็นเครื่องอบรมในการปฏิบัติอบรมจิต ในเบื้องต้นก็ขอให้ทุกๆ ท่านตั้งใจนอบน้อมนมัสการ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ตั้งใจถึงพระองค์พร้อมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ ตั้งใจสำรวมกายวาจาใจให้เป็นศีล ทำสมาธิในการฟัง เพื่อให้ได้ปัญญาในธรรม
จะแสดงพระพุทธคุณบทว่าภควาในความหมายว่าพระผู้มีการไป คือตัณหาความดิ้นรนทะยานอยากในภพทั้งหลาย อันคายเสียแล้ว คือละเสียแล้ว ความของพระพุทธคุณบทนี้ได้แสดงมาแล้วในความหมายนี้ครั้งหนึ่ง แต่ยังไม่หมดกระแสธรรมะอันเกี่ยวเนื่องอยู่ เพราะฉะนั้นจึงแสดงเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่งในวันนี้ พระพุทธเจ้าได้ทรงละภพชาติไม่เกิดในภพชาติใหม่ พระองค์ได้ทรงเป็นผู้หักกิเลสดับกิเลส หักใจดับใจได้ดังที่ได้แสดงมาแล้ว
เพราะฉะนั้นจึงไม่ทรงถือภพชาติใหม่ ทรงเป็นผู้สิ้นภพสิ้นชาติแล้ว ตั้งแต่เมื่อพระองค์ได้ตรัสรู้พระโพธิญาณ ทรงละอาสวะกิเลสได้ทั้งสิ้น มีอวิชชาเป็นต้น เพราะฉะนั้น จึงไม่มีภพชาติเหลืออยู่... -
ต้องเข้าใจ!ตายไม่แปลว่าหมดกรรมดีเสมอไป"หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ" เผย พระองค์หญิงวิภาวดีสิ้นชีพิตักษัยเพราะ "กรรมดีส่งผลดีเกินกว่าร่างธรรมดาจะรับไหว"
ต้องเข้าใจ!ตายไม่แปลว่าหมดกรรมดีเสมอไป"หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ" เผย พระองค์หญิงวิภาวดีสิ้นชีพิตักษัยเพราะ "กรรมดีส่งผลดีเกินกว่าร่างธรรมดาจะรับไหว"
สมเด็จพระนางเจ้าฯ : พระองค์หญิงวิภาวดี รังสิต ต้องสิ้นชีพิตักษัย เพราะกฎของกรรมที่ทำไว้ในชาติปางก่อนใช่ไหม?
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ : ถ้าจะกล่าวถึง กฎของกรรมเดิม ก็ถือว่ามีความสำคัญเหมือนกัน แต่กรรมที่ใหญ่ไปกว่านั้นคือ กรรมดีในปัจจุบัน ในเมื่อท่านเข้าถึงแล้ว ก็มีความจำเป็นต้องสิ้นชีพิตักษัยในวันรุ่งขึ้น เพราะตามธรรมดาความดีที่มาก เขาถือว่าความดีล้น ร่างกายของคนทนไม่ไหว จะต้องตาย อันนี้ ถ้าไปถามหมอดูหลายๆท่านจะรู้ แต่บางท่านอาจจะรู้หรือไม่รู้ อาตมาไม่ทราบ เคยทราบมาตั้งแต่เป็นเด็กๆ มีขุนนางท่านหนึ่งเป็นพระยา อยู่ๆก็ปรากฏว่ามี ต้นบัวหลวงมาขึ้นอยู่บนหลังคาของท่าน ซึ่งไม่มีน้ำ มันก็ขึ้น แล้วก็มีดอกงามไสว ท่านไปนิมนต์พระมาสวดต่อนาม บังเอิญอย่างยิ่งอาตมาก็มีส่วนไปด้วย ก็ถามท่านว่า การที่มีต้นบัวหลวงดอกบัวหลวงเกิดอยู่บนหลังคาซึ่งไม่มีน้ำ จัดว่าเป็นมหามงคล ทำไมท่านเจ้าคุณจึงต้องทำบุญอย่างนี้ คือคล้ายๆทำบุญต่ออายุ ท่านบอกว่ามันเป็นมหามงคลจริงขอรับ เป็นโชคใหญ่... -
สงสัยไหม? ทำไมบางเกจิบางท่านละสังขารแล้วร่างไม่เน่า เรื่องนี้ "หลวงปู่ดู่" มีคำตอบ...
สงสัยไหม? ทำไมบางเกจิบางท่านละสังขารแล้วร่างไม่เน่า เรื่องนี้ "หลวงปู่ดู่" มีคำตอบ...
๓๗ เรื่องเล่า ธรรมะลึกซึ้งเข้าใจง่าย หลวงปู่ดู่ พฺรหฺมปัญโญ วัดสะแก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เรื่องตายแล้วไม่เน่า
ผู้เขียนเคยไปที่วัดป่าเลไลย จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อไปนมัสการศพของหลวงพ่อถิร ปรากฏว่าร่างกายไม่เน่าเปื่อย มีเล็บและเกศางอกออกมา เป็นที่อัศจรรย์ใจและเกิดความสงสัย เมื่อมีโอกาสได้กราบเรียนหลวงปู่ดู่ ท่านอธิบายว่า
"ผู้ที่ตายแล้วไม่เน่ามี ๓ ประเภท"
๑.ผู้ที่กินว่าน
๒.ผู้ที่มีคาถาอาคมเสกข้าวกินประจำ
๓.พระอรหันต์อธิษฐานทิ้งร่างไว้ให้คนสักการะกราบไหว้ ตัวอย่างเช่น หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน จังหวัดสุพรรณบุรี
ผู้เขียนเกิดความไม่แน่ใจ เพราะเราไม่สามารถตัดสินได้ว่าองค์ไหนเป็นพระอรหันต์ หลวงปู่บอกว่า "เราต้องดูปฏิปทาหรือราศี พวกที่กินว่านหรือมีคาถานั้นจะไม่มีราศี ผิวพรรณไม่สดใส" ผู้เขียนจึงได้ปรารภกับหลวงปู่ โดยกล่าวอ้างถึงในสมัยก่อนหลวงปู่มีผิวพรรณที่ค่อนข้างดำ แต่ในปัจจุบันหลวงปู่มีราศีสดใสสวยงาม แม้แต่หลวงปู่บุดดา เมื่อก่อนเขาว่าท่านผิวดำเหมือนกัน หลวงปู่ตอบว่า "ไม่ต้องสงสัย... -
ภาพระบบสุริยจักรวาล...ภาพแรกในไทย !!! โดยแนวคิดของ ร.4 ผู้ปรีชาญาณด้านดาราศาสตร์...จิตรกรรมฝาผนัง วัดบรมนิวาส...
ภาพระบบสุริยจักรวาล...ภาพแรกในไทย !!! โดยแนวคิดของ ร.4 ผู้ปรีชาญาณด้านดาราศาสตร์...จิตรกรรมฝาผนัง วัดบรมนิวาส...
ภาพเขียนภายในพระอุโบสถวัดบรมนิวาส ราชวรวิหาร ถูกบันทึกเป็นฐานข้อมูลด้านประวัติศาสตร์ว่าเป็นฝีมือของจิตรกรหัวก้าวหน้าผู้มีความใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 จิตรกรล้ำยุคผู้นั้นคือ "ขรัวอินโข่ง" กล่าวกันว่าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งผนวชที่วัดราชาธิวาสวรวิหาร ได้ทรงคิดแนวเรื่องปริศนาธรรมขึ้น แล้วโปรดเกล้าให้ขรัวอินโข่ง เป็นผู้เขียนภาพประกอบ ภาพปริศนาธรรมที่อยู่บนผนังเหนือช่องหน้าต่างและประตู เป็นสิ่งที่นักวิชาการต่างๆ มักเอ่ยอ้างถึงเมื่อกล่าวถึงวัดบรมนิวาส เนื่องด้วยเป็นงานจิตรกรรมฝาผนังที่ทรงคุณค่ายิ่ง คนในภาพเขียนเป็นชาวต่างชาติ ทั้งยังประกอบภาพเขียนด้วยเทคโนโลยีของชาวตะวันตก ซึ่งในสมัยดังกล่าวยังไม่มีขึ้นในประเทศไทย
สุรชัย จงจิตงาม อาจารย์ประจำภาควิชาศิลปะไทย คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ในปี 2546 ได้เข้ามาเก็บข้อมูลด้านจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถ วัดบรมนิวาส... -
ทำบุญด้วยการถวาย “น้ำ” สิ่งที่หาได้ง่ายๆ แต่อานิสงส์แรงมากจนคาดไม่ถึง !!
ทำบุญด้วยการถวาย “น้ำ” สิ่งที่หาได้ง่ายๆ แต่อานิสงส์แรงมากจนคาดไม่ถึง !!
การถวายน้ำ เป็นบุญที่มีอานิสงส์มากถึงขนาดพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแนะนำให้ทำ ขาดอาหาร 7 วันตาย แต่ถ้าเราขาดน้ำเพียง 3 วัน เราก็ตายแล้ว ดังนั้น น้ำจึงเป็นสิ่งสำคัญมากต่ออัตภาพความเป็นมนุษย์
ด้วยเหตุนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านจึงให้ความสำคัญกับการทำบุญถวายน้ำแด่พระภิกษุสงฆ์มาก และหากเราศึกษาจาก อรรถกถา ขุททกนิกาย เปตวัตถุ จูฬวรรคที่ 3 สานุวาสีเถรเปตวัตถุ เราจะพบว่า
พระพุทธเจ้าถึงกับให้พระอานนท์ไปบอกกับสามเณรรูปหนึ่งว่า ให้ไปทำบุญตักน้ำดื่มใส่หม้อไว้ให้เต็ม เพื่อให้พระภิกษุได้ฉันเป็นประจำสม่ำเสมอ เนื่องจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเห็นด้วยญาณทัศนะว่า สามเณรรูปนี้ เป็นผู้มีบุญน้อยมาก ทำให้กลายเป็นเด็กเร่ร่อน อดๆ อยากๆ ไม่มีจะกิน เนื่องจากไม่เคยทำบุญกุศลไว้เลย หนำซ้ำในอดีตชาติยังทำกรรมหนักไว้กับพระปัจเจกพุทธเจ้าที่ชื่อ “สุเนตต์” จนตกนรกหมกไหม้ยาวนานถึง 84,000 ปี และไปเกิดเป็นเปรตผู้หิวโหยทนทุกข์ทรมานมาหลายชาติ แต่พอสามเณรได้เติมบุญให้ตัวเองตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแนะนำ ด้วยอานิสงส์นี้... -
อย่าเข้าใจว่า มาทำบุญที่นี่ จะตัดบาป ตัดกรรม ตัดเวร ได้นะ ....หลวงปู่ครูบาวงศ์
"...อย่าเข้าใจว่า มาทำบุญที่นี่ จะตัดบาป ตัดกรรม ตัดเวร ได้นะ ... ตัดไม่ได้
อโหสิกรรม ... ถือว่าตัดได้
จะต้องขอเอง ... ให้คนอื่นไปขอไม่ได้ ไม่พ้นจากกรรม
เราต้องขอเอง ต้องอ่อนน้อม กล่าวคำสารภาพกับตัวเขา
เขาจึงจะอโหสิ งดโทษให้เรา..."
ซึ่ง พระพุทธองค์ กล่าวไว้ในพระไตรปิฎกว่า ...
เรามีกรรมเป็นของตน
เรามีกรรมเป็นผู้ให้ผล
เรามีกรรมเป็นแดนเกิด
เรามีกรรมเป็นผู้ติดตาม
เรามีกรรมเป็นผู้อาศัย
กรรมอันใดที่ทำไว้ ... ความดี หรือ ความชั่ว ตัวเราเป็นผู้รับผลกรรมนั้น -
ทำไมตั้งใจจะละอาสวะให้หมดไป จึงไม่หมดไปได้อย่างใจ
สนทนาธรรมภาคปฏิบัติ ปฏิปัตติวิภัชน์
พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
จากหนังสือ จิตตภาวนา มรดกล้ำค่าทางพุทธศาสนา
ผ. ถามว่า การปฏิบัติก็มุ่งต่อความพ้นจากกิเลส แต่ทำไมตั้งใจจะละอาสวะให้หมดไป จึงไม่หมดไปได้อย่างใจ
ฝ. ตอบว่า อาสวะเป็นกิเลสที่ไม่ประกอบด้วยเจตนา ต้องอาศัยอริยมรรคที่เป็นกุศลพ้นเจตนาจึงละไว้ได้ การตั้งใจละนั้นเป็นกุศลที่ประกอบด้วยเจตนา เพราะฉะนั้นจึงละอาสวะไม่ได้ คงละได้แต่กิเลสที่ประกอบด้วยเจตนา แต่ก็ละได้ชั่วคราว ภายหลังอาจเกิดขึ้นได้อีก เพราะเป็นโลกิยกุศล
ผ. พูดว่า อ้อ อย่างนี้นี่เล่า ข้าพเจ้าไม่รู้ว่ากิเลสที่ไม่ประกอบด้วยเจตนา ต้องละด้วยกุศลที่พ้นจากเจตนา คือ อริยมรรค ส่วนกิเลสที่ประกอบด้วยเจตนา เป็นกรรมวัฏฝ่ายบาป ต้องละด้วยกุศลที่ประกอบด้วยเจตนา ซึ่งเป็นกรรมวัฏฝ่ายบุญ
ฝ. พูดว่า ถ้าตั้งใจจะละอาสวะได้ง่าย ๆ เหมือนอย่างตั้งใจทำกรรมวัฏฝ่ายบุญแล้ว พระอรหันต์ก็คงหาได้ง่าย ๆ ในโลก พระอริยสงฆ์คงไม่น่าอัศจรรย์เท่าไหร่ แม้พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี เสขบุคคล ๓ จำพวกนี้ก็ต้องอาศัยอริยมรรค ซึ่งเป็นกุศลที่พ้นจากเจตนา จึงจะฆ่าสังโยชน์ได้
ผ. ถามว่า... -
"อันความกรุณาปรานี จะมีใครบังคับก็หาไม่"
" .. อันความกรุณาปรานี จะมีใครบังคับก็หาไม่
หลั่งมาเอง เหมือนฝน อันชื่นใจ
จากฟากฟ้า สุราลัยสู่แดนดิน .. "
.. สุนัขในสายพระเนตร เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวรฯ
สัตว์น้อยใหญ่พลอยได้รับพระเมตตา ..
" .. การเดินสำรวจตรวจตรารอบพระอาราม เป็นวัตรปฏิบัติที่เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงยึดถือมาโดยตลอด ด้วยทรงเห็นว่าเป็นทั้งการออกกำลังกายและเป็นการทรงงานไปพร้อมกัน คือเป็นโอกาสที่จะได้ตรวจดูเสนาสนะสงฆ์ อาคารสถานที่ เพื่อทราบความเป็นอยู่และสภาพทั่วไปของวัด
สิ่งที่ทรงพบเห็นเป็นประจำระหว่างการตรวจตรา ก็คือ "สุนัข" จนเป็นที่โจษจันกันทั่วไปว่า "วัดบวรนิเวศวิหารเป็นวัดที่มีสุนัขมาก บ้างเป็นสุนัขที่มีเจ้าของ บ้างจรจัด บางตัวน่ารัก ขี้เล่น บางตัวเกรอะกรัง ขี้เรื้อน"
ครั้งใดที่พบสุนัขขี้เรื้อน ก็มักจะตรัส "ถามหาเจ้าของว่าอยู่คณะใด กุฏิไหน" เมื่อทรงทราบแล้ว ก็จะโปรดให้บอกแก่ภิกษุสามเณรในที่นั้น "ให้ช่วยดูแลให้ดี" ทั้งยังทรงกระเซ้าว่า
"คนตั้งเยอะแยะยังดูแลได้ สุนัขตัวเดียวทำไมดูแลไม่ได้"
ในคราวเย็นวันหนึ่ง เป็นที่ผิดสังเกตว่า ไม่มีสุนัขอยู่เพ่นพ่านเหมือนเคย จึงตรัสถามบรรดาศิษย์ที่ตามเสด็จ... -
คําคมสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)
.....................
คําคมสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)
"บุญเราไม่เคยสร้าง...ใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า ... ลูกเอ๋ย ก่อนที่จะเข้าไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเอง คือบารมีของตนลงทุนไปก่อน เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สินในบุญบารมีที่ไปเที่ยวขอยืมมาจนพ้นตัว...เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีมา ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมดไม่มีอะไรเหลือติดตัว...แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า หมั่นสร้างบารมีไว้...แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง... จงจำไว้นะ... เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้... ครั้นเมื่อถึงเวลา... ทั้วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่... จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลยจะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า"
"เคล็ดลับสู่ความสำเร็จสุดยอดในทางธรรม คือ จะต้องมีสัจจะอันแน่วแน่ และมีขันติธรรมอันมั่นคง จึงจะฝ่าฟันอุปสรรค บรรลุความสำเร็จได้ อาตมามีกฎอยู่ว่า เช้าตีห้าไม่ว่าฝนจะตก ฟ้าจะร้อง อากาศจะหนาว ต้องตื่นทันที ไม่มีการผัดเวลา แล้วเข้าสรงน้ำ ชำระกายให้สะอาด แล้วจึงได้สวดมนต์และปฏิบัติสมถกรรมฐานหนึ่งชั่วโมง... -
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน แหวนตะกร้อ(พิรอด)มหาแหวนอาคมแห่งสยามประเทศ
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน แหวนตะกร้อ(พิรอด)มหาแหวนอาคมแห่งสยามประเทศ
เครื่องรางของขลังในสมัยโบราณมากมายหลายชนิด หนึ่งในนั้นอันเป็นที่นิยมกันมากในหมู่ผู้ชายชาตรีคือ “แหวนพิรอด” อนึ่งคนสมัยก่อนมีนิสัยรบทัพจบศึกสงครามอยู่บ่อยครั้งต้องมีการต่อสู้กับข้าศึกจึงมีผู้ประดิษฐ์คิดค้นของขลังชนิดนี้ขึ้นมาโดยอาศัยว่าจะทำให้คงกระพันชาตรี ฟันแทงไม่เข้า ป้องกันตัวจากข้าศึกศัตรู
"แหวนพิรอด" ในปัจจุบันนี้ค่อนข้างหายาก และอาจารย์ที่ทำดูจะหายากตามไปด้วย นับเป็นวัฒนธรรมเครื่องรางโบราณอีกชนิดหนึ่งที่กำลังจะหายไปกับยุคโลกาภิวัฒน์ หรือยุคเทคโนโลยี ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะนำพาสังคมไทยไปในรูปแบบใดจะเป็นการสร้างชาติ หรือสิ้นชาติที่หมาย ถึงการสูญเสียวัฒนธรรมเก่าๆไปแลกกับวัฒนธรรมขยะยุคไอ.ที. (I.T.) ที่วัยรุ่นปัจจุบันมักมีพฤติกรรมแปลกให้เห็นอยู่เสมอๆ ในหน้าหนังสือพิมพ์ ฝากข้อคิดไว้นิดว่าชาติจะมีความหมายอะไร ถ้าหากเราไม่สามารถรักษาเอกลักษณ์คือวัฒนธรรมเอาไว้ได้ แหวนพิรอดว่ามีสองชนิด ตามตำราไสยศาสตร์นั้นบอกเล่าเรื่องราวของ แหวนพิรอดว่ามีสองชนิด คือชนิดเล็กใช้สวมนิ้ว ชนิดใหญ่ใช้สวมแขน ซึ่งมักเรียกว่า “สนับแขนพิรอด”... -
"ของดี ไม่ต้องอวด" (หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป)
"ของดี ไม่ต้องอวด"
" .. ในวันหนึ่ง ที่วัดถ้ำกลองเพล "ในหลวงและพระราชินีเสด็จไปเยี่ยมหลวงปู่ขาว" พอดีหลวงปู่(หลวงปู่จันทร์ศรีฯ)ก็ไปเฝ้าท่านที่นั่น จำได้ว่า .. ในขณะนั้นอาตมากับพระอาจารย์บุญเพ็งนั่งอยู่กับท่าน ในหลวงก็ถามธรรมไปหลายข้อ แต่จำได้ว่า "ข้อสุดท้าย ในหลวงถามว่า พระกัมมัฏฐาน ทำไมไม่โฆษณา เหมือนอย่างกัมมัฏฐานอื่น ๆ" หลวงปู่ขาวก็ได้ทูลว่า "ทองคำเป็นของมีค่า เขาโฆษณากันหรือปล่าว" หมายความว่า "ของดีไม่ต้องโฆษณา"
เมื่อเป็นเช่นนั้น "ในหลวงก็ยิ้มแล้วมีอาการพอใจ" หลวงปู่ขาวท่านพูดเพียงสั้น ๆ แค่นั้น อันนี้ถ้าเราจะมาวินิจฉัยด้วยปัญญาก็จะได้คำตอบที่กว้างขวาง เป็นคำตอบที่ลึกซึ้งตรึงใจเหลือเกิน "คือของดีนั้นไม่ต้องไปอวดใคร คือดีอยู่ที่ใจของเรานั้นเอง" อันนี้เป็นเหตุให้ในหลวงท่านยิ้มขึ้นมา เข้าใจว่า "พอพระทัยในคำตอบ" อันนี้อาตมานั่งอยู่นั้น ครั้นต่อมา ท่านก็ไม่ถามอะไรอีกต่อไป .. "
"จันทร์ศรีส่องธรรม" หน้า ๗๑
หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป -
แนวปฏิบัติสติปัฏฐานภาวนามี ๒ นัย
แนวปฏิบัติสติปัฏฐานภาวนามีสองนัย
พระนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาจารย์
(พระอาจารย์ เทสก์ เทสรังสี)
วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๗
คัดจากหนังสือ ประมวลแนวปฏิบัติธรรม
ผู้จะลงมือเจริญสติปัฏฐานสี่แต่ละข้อ นอกจากเป็นผู้เห็นโทษทุกข์เบื่อหน่าย คลายความยินดีเพลิดเพลินติดอยู่ในกามคุณห้า แลทำความเลื่อมใสพอใจในการที่จะปฏิบัติตามสติปัฏฐาน เพราะเชื่อมั่นตามคำพยากรณ์ของพระพุทธเจ้าว่า เป็นทางที่จะให้พ้นจากกองทุกข์ได้อย่างแท้จริงแล้ว อย่าได้ลังเลสงสัยในสติปัฏฐานข้ออื่นอีก ที่เรายังมิได้เจริญ เพราะสติปัฏฐานทั้งสี่เมื่อเจริญข้อใดข้อหนึ่งให้เป็นไปแล้ว ข้ออื่นๆ ก็จะมาปรากฏชัดแจ้งให้หายสงสัยในข้อนั้นเอง แล้วก็อย่าไปหวังหรือปรารถนาอะไรๆ ไว้ล่วงหน้าให้มาเป็นอารมณ์ จะเป็นอุปสรรคแก่การเจริญสติปัฏฐาน
อนึ่งความคิดปรุงแต่งว่า เราเจริญสติปัฏฐานแล้วจะได้จะเห็นจะเป็นอย่างนั้นๆ ก็อย่าให้มีอยู่ในจิตแม้แต่นิดเดียว แล้วพึงตั้งสติคุมจิตให้อยู่เป็นปัจจุบันอยู่เฉพาะสติปัฏฐานที่เรากำลังเจริญอยู่นั้น โดยวิธีใดวิธีหนึ่งซึ่งจะได้อธิบานต่อไปข้างหน้า
นัย ๑ - ๑... -
ประวัติหลวงปูมั่น ธุดงค์ที่ถ้ําเชียงดาว
ประวัติหลวงปูมั่น ธุดงค์ที่ถ้ําเชียงดาว
ธรรมะกับธรรมชาติ :- Published on Oct 16, 2016 -
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน งูกินหาง(นาคบาศ)เครื่องรางแห่งการไม่รู้อดอยาก
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน งูกินหางเครื่องรางแห่งการไม่รู้อดอยาก
นาคบาศ
นาคบาศ...จัด เป็น สุดยอดเครื่องราง แห่งโชคลาภ และป้องกันภัย คือ
มีกินไม่มีหมด ไม่มีอด งูกินหางกัน ต่างตัวก็ต่างกิน ยิ่งกินก็ยิ่งรัดเข้าหากัน
พอชนกันก็คลายออก จึงเรียกว่า กินไม่หมด ตามตำนาน โบราณไทยใหญ่ และ ล้านนา " นาคบาศ " คือ
"ศรของอินทรชิต" ที่ยิงเข้าไปเป็นงูรัดศัตรู ซึ่งภายหลังพญานาคราชได้มครอบครองไว้ และ พรานบุญไปขอยืม บ่วงบาศนี้ จากพญานาค และเนื่องจากพรานบุญเคยช่วยเหลือพญานาคราชไว้ พญานาคราชได้ให้สัญาว่า ขอก็จะให้ ทั้งที่เป็นของสำคัญ และกลัวพรานบุญไม่คืน แต่ก็ให้ไป เพราะต้องรักษาคำพูด พรานบุญจึงสามารถจับกินรีได้ และนำ"บ่วงบาศ"นั้นไปคืน พญานาคราช นาคบาศยังเป็นบ่วงเชือกที่แข็งที่สุด พญาครุตเจ้าแห่งนก ก็ยังกลัว บ่วงบาศนี้เช่นกัน .
และ พรานบุญไปขอยืม บ่วงบาศนี้ จากพญานาค และเนื่องจากพรานบุญเคยช่วยเหลือ
พญานาคราชไว้ พญานาคราชได้ให้สัญญาว่า ขออะไรก็จะให้ ทั้งที่เป็นของสำคัญ
และกลัวพรานบุญไม่คืน แต่ก็ให้ไป เพราะต้องรักษาคำพูด
พรานบุญจึงสามารถจับกินรีได้ และนำบ่วงนาคบาศนั้นไปคืน พญานาคราช... -
หลักตัดสินพระธรรมวินัย
สังขิตตสูตร
[๑๔๓] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลา ป่า มหาวัน ใกล้พระนครเวสาลี ครั้งนั้นแล พระนางมหาปชาบดีโคตมีเสด็จเข้าไป เฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วประทับยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส ขอพระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมโดยย่อแก่หม่อมฉัน ซึ่งหม่อมฉันได้ฟังแล้ว จะพึงเป็นผู้หลีกออกจากหมู่อยู่ผู้เดียว ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยวอยู่เถิด ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรโคตมี ท่านพึงรู้ธรรมเหล่าใดว่า
ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อความกำหนัด ไม่เป็นไปเพื่อความคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อประกอบสัตว์ไว้ ไม่เป็นไปเพื่อพรากสัตว์ออก
เป็นไปเพื่อสั่งสมกิเลส ไม่เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักมาก ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อความไม่สันโดษ ไม่เป็นไปเพื่อความสันโดษ
เป็นไปเพื่อความคลุกคลีด้วยหมู่คณะ ไม่เป็นไปเพื่อความสงัด
เป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน ไม่เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงยาก ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย
ดูกรโคตมี... -
การรู้นี้จะทะลุหมดทั้งสามโลก
ประสบการณ์ของนักปฏิบัติธรรม
การที่เราพยายามปล่อยวาง ไม่ให้มีตัวมีตนเกิดขึ้นในจิตในใจ ถ้าเราสามารถทำได้มากเท่าไร เราจะชนะใจตนเองมากเท่านั้น ผลที่พยายามไม่ยึดถือในตัวตนนี่เอง คือจุดหลุดพ้น
สภาพร่างกายในขณะนี้ ถึงแม้จะถูกเวทนามันรุมเร้าเอาอย่างมากก็ตาม แต่เมื่อเราทำความเข้าใจในสภาพที่แท้จริงแล้ว มันจะกลับเป็นประโยชน์และเป็นตัวปัญญาให้เราคิดแก้ไขเอาชนะสิ่งนั้นให้ได้ในที่สุด ได้มาพิจารณาถึงความเจ็บปวดในขณะที่เกิดจงกรม ใช้สติตามรู้อยู่ตลอดว่ามันปวดที่ส้นเท้าและข้อเท้ามาก แต่รู้เฉย ๆ ไม่ปรุงมัน ดูมันไป จนกลายเป็นสภาพที่มีตัวรู้เด่นอยู่เหนือความเจ็บปวดทั้งมวล แต่ในสิ่งที่กำลังรู้อยู่นี้ มิใช่ว่าอาการเจ็บปวดนั้นจะอันตรธานไป หรือลดน้อยถอยไป มันยังแสดงปฏิกิริยาของมันอย่างปกติ แต่สิ่งที่เรียกว่า รู้ นั้น ก็ยังรู้อยู่ แต่แยกกันไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่มีอาการตอบสนองหรือปรุงแต่งต่อเนื่องแต่อย่างใด เพียงแต่รับรู้ไว้เท่านั้น
นี่คือผลที่เราไม่นำเอาตัวตนของเรา เข้าไปร่วมในเหตุการณ์นั้น เมื่อมันขาดผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ มันมีเพียงกิริยาอย่างเดียว มันจึงเป็นประโยคที่ไม่สมบูรณ์ เมื่อไม่สมบูรณ์... -
"สติกับปัญญา" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
"สติกับปัญญา"
" .. "เรื่องสตินี่สำคัญนะ ในความพากเพียร" ท่านทั้งหลาย "อย่าเผลอสติ" จับสติให้ดีให้ติด อุบายวิธีการต่าง ๆ ที่ได้รับความทุกข์ความลำบากทรมานนี้ "ก็เพื่อบำรุงสติ"
"ถ้าสติดีแล้ว กิเลสจะขึ้นได้ลำบากและจะขึ้นไม่ได้" แล้วปัญญาฟันละที่นี่ สติดี ปัญญาฟันขาดสะบั้น ๆ ไปเลย "ปัญญานะแก้กิเลส สติจับให้ ปัญญาเป็นผู้ฟัน" สำคัญที่ตรงนี้ .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน -
วิธีช่วยชีวิตคนที่ต้องแรงสินบน ต้องเสนียด และต้องคุณไสย ของหลวงพ่อปาน
ในเรื่องการรักษาโรคช่วยชีวิตคนของหลวงพ่อปาน เป็นที่เลื่องลือ มากในสมัยนั้น ผู้คนต่างแห่กันมา ที่วัดจนแน่นขนัด จนไม่มีที่รับ รองแขกเพียงพอ
วิชาการรักษาโรคและวิชาการบางอย่างที่หลวงพ่อปานสำเร็จและนำมาช่วยเหลือผู้ได้รับทุกข์ เท่าที่เกิดปาฏิหาริย์และได้รับการบันทึกไว้มีมากมาย ตัวอย่างเช่น รักษาโรคด้วยน้ำมนต์ โรคที่ท่านรักษาด้วยน้ำมนต์ เรียกว่าโรคภายใน เช่น บางคนถูกของ ถูกคุณ ถูกเขากระทำมา โรคที่เกิดจากกรรมเวร ถูกผีสิง เป็นต้น บางครั้งก็ต้องแป้งเสกควบคู่ด้วย
ในตอนเพล ขณะที่ท่านพักผ่อนท่านจะทำการเสกน้ำมนต์เตรียมไว้ล่วงหน้า เพื่อเวลาอาบจะได้สะดวก และท่านได้ใช้เวลาในการอาบนั้นบริกรรมเสกเป่าเฉพาะรายอีกด้วย
น้ำมนต์ของท่านนี้ศักดิ์สิทธิ์นักและกรรมวิธีในการรักษาโรคด้วยน้ำมนต์ แบ่งออกเป็น 3 ช่วงระยะ คือ
ช่วงแรก ท่านจะเรียกคนไข้มาหาแล้วถามชื่อเสียงเรียงนาม ถามอาการแล้วยื่นหมากให้คำหนึ่ง คาถาที่ใช้เสกหมากนี้ท่านบอกผู้ใกล้ชิดว่า ใช้ดังนี้จะขลังหรือไม่อยู่ที่จิตของผู้ทำ
"ตั้ง นะโม 3 จบ แล้วว่า โสทาย นะโม พุทธายะ ลัมอิทังโล นันโทเทติ ยาทาโลเทตีติ"
เมื่อคนไข้ได้รับหมากเสกแล้วให้เคี้ยวให้แหลก... -
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน ผ้ายันต์สิหิงค์หลวง จักพรรดิ์แห่งผ้ายันต์ ยอดมหาพุทธานุภาพ
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน ผ้ายันต์สิหิงค์หลวง จักพรรดิ์แห่งผ้ายันต์ ยอดมหาพุทธานุภาพ
เรื่อง "ผ้ายันต์สิหิงค์หลวง"
ผ้ายันต์สะหิงหลวง หรือผ้ายันต์พระพุทธสิหิงค์ " แห่งอาณาจักรล้านนา ผู้ปกบ้านคุ้มเมือง ก้ำฟ้า เฟือนดินมาให้ชมกันนะครับ...โดยนัยยะของการจัดสร้างผ้ายันต์ชนิดนี้ ก็สืบเนื่องมาจากวัฒนธรรมของคนในแถบล้านนาสมัยก่อน จะไม่บูชาพระพุทธรูปไว้ที่บ้าน แต่จะนำไปไว้ที่วัดแทน เพราะไม่เช่นนั้นแล้วพระพุทธรูปก็จะกลายเป็นพระบ้านไปเสียหมด ดังนั้นเมื่อต้องการสร้างความยึดมั่นในพระพุทธศาสนาให้มั่นคง จึงมีการวาดภาพพระพุทธลงบนผ้า ที่เรียกว่าผ้ายันต์แทน...โดยอาศัยเค้าคติความเชื่อเกี่ยวกับพระพุทธรูปของทางล้านนา สูงสุดแห่งความศรัทธาก็คือ " พระพุทธสิหิงค์ " แห่งวัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่นั่นเอง และอาศัยหลักการสร้างตามคัมภีร์ตรีนิสิงเหนำมาเป็นหลักประกอบ จนกลายเป็นผ้ายันต์สะหิงหลวง หรือผ้ายัีนต์พระพุทธสิหิงค์นั่นเอง โดยผู้ชายผู้เป็นพ่อบ้านในสมัยนั้น จึงจำเป็นต้องเรียนรู้ในเรื่องของศาสตร์เหล่านี้เพื่อเป็นการพัฒนาจิตใจ และความศรัทธาอย่างมั่นคงควบคู่กันไปด้วย ดังนั้นจึงเป็นอันเชื่อได้อย่างมั่นใจเลยว่า...
หน้า 374 ของ 412