" ​พุทธศาสนา​ใน​สายตา​แม่ชีฝรั่ง​ "

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ๙๙๙๙๙๙๙๙๙, 19 กันยายน 2008.

  1. ๙๙๙๙๙๙๙๙๙

    ๙๙๙๙๙๙๙๙๙ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +2,808
    ศาสนาพุทธ​ใน​สายตาของฉัน​นั้น​ไม่​ใช่​เป็น​เพียงแค่ศาสนา​ ​แต่​ยัง​เป็น​ปรัชญาชีวิต​ ​เรา​ไม่​จำ​เป็น​ที่​จะ​ต้อง​เชื่อทุกสิ่ง​ ​ทุกอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัส​ไว้​ ​ชีวิตของเรา​ไม่​ได้​ขึ้น​อยู่​กับ​พระผู้เป็น​เจ้าดลบันดาล​ให้​เป็น​ไป​ ​แต<!--coloro:#0000ff--><!--/coloro-->่ชีวิต​เป็น​ของเรา​ ​เรา​สามารถ​ที่​จะ​มีชีวิตที่ดี​ได้​ ​หรือ​ไม่​ดีก็​ได้​
    อยู่​ที่การทำ​ตัวของเรา​เอง เรา​เท่า​นั้น​ที่​เป็น​ที่พึ่งของตัวเรา​ ​พระพุทธเจ้า​ ​ไม่​เคยทรงตรัสว่า​ให้​เชื่อ​ ​แต่ท่านสอน​ให้​เราหา​ความ​จริง​ด้วย​การปฎิบัติ​เอง​ ​พิสูจน์ทดสอบธรรมะที่ท่านตรัส​ไว้​ ​ด้วย​การปฎิบัติ​ให้​รู้จริง​ ​ด้วย​ตัวเอง<!--colorc-->
    <!--/colorc-->​ ​คำ​นี้​เองที่ทำ​ให้​ฉันสนใจพุทธศาสนา​ ​ที่ฉัน​ไม่​ต้อง​ทำ​ตัวเหมือน​เป็น​ลูกแกะ​ ​ที่​เอา​แต่​เดินตามคนเลี้ยง​
    ​ด้วย​คำ​สอนของครูบาอาจารย์​เราก็​สามารถ​นำ​มา​เป็น​วิถีทางแห่งการปฎิบัติ​ ​แต่ทุกคนก็​ยัง​คง​ต้อง​ปฎิบัติ​ ​ด้วย​ตนเอง​ ​ไม่​มี​ใครมาทำ​แทน​ให้​ได้​ ​เราควรดี​ใจที่วันนี้​ยัง​มีครูบาอาจารย์ที่พอ​จะ​มี​ความ​รู้​จาก​ประสบการณ์มา​ถ่ายทอด​ให้​ด้วย​ตัวเอง​ ​สอน​ใน​วิถีทางที่ถูก​ต้อง​ซึ่ง​สำ​คัญมาก​ ​เรา​ไม่​สามารถ​เข้า​ใจ​ได้​ ​ถ้า​เราฟังธรรมะ​แต่​เพียง​อย่างเดียว​ ​เรา​จะ​ได้​ความ​รู้​จาก​การอ่าน​ ​แต่​ถ้า​เรา​ต้อง​การ​จะ​รู้จริง​ให้​ลึกซึ้ง​ ​ต้อง​ปฎิบัติ​ด้วย​ตนเอง​ ​เป็น​ทาง​ ​เดียวที่​จะ​รู้​ได้​ ​บางครั้งมีคนมาถามฉันเกี่ยว​กับ​พระ​เจ้าว่า​ ​พระ​เจ้ามีจริง​หรือ​ไม่​ ​ฉันก็ตอบว่า​"พระ​เจ้ามีจริง​ ​แต่​ ​ฉันเชื่อ​ใน​แนวทางที่พระพุทธเจ้าสอน​ ​พระพุทธเจ้ารู้ทุกอย่าง​ใน​โลกนี้​ ​รู้​ทั้ง​จักรวาล​ ​พระองค์​ยัง​คงรู้​เรื่อง​ ​พระ​เจ้า​ด้วย​ ​และ​ท่าน​ยัง​คงรู้ว่า​ใครสร้างเรา​ ​นั่นก็คือตัวเราสร้างตัวเรา​เอง"

    วิบากกรรม


    ​มีทุกข์​และ​การดับทุกข์​อยู่​ที่​ใจเรานี้​เอง​ ​ไม่​มี​ใครมาลงโทษเรา​เว้นตัวเรา​เองที่​จะ​ได้​รับผลแห่งการกระทำ​ของเรา​ ​ไม่​มี​ใคร​ให้​รางวัลเรา​โดย​ที่​เรา​ไม่​ได้​ทำ​ความ​ดีอะ​ไร​ ​ทำ​ดี​ได้​ดี​ ​ทำ​ชั่ว​ได้​ชั่ว​ ​นั่นคือสิ่ง​ทั้ง​หมดที่​เป็น​ไป​ ​ไม่​มีพระ​เจ้าสร้าง​ ​เราสร้างทุกอย่างเอง​ ​
    <!--coloro:#ff0000--><!--/coloro-->เรา​เห็นวิบากกรรมอย่างนี้​ ​เรา​จะ​ระมัดระวังการกระทำ​ของเรา​ ​บาปที่​ ​เราทำ​มัน​จะ​ย้อนกลับมามีผล​กับ​ตัวเรา​เอง​ ​จาก​การที่​เข้า​ใจอย่างนี้​ ​ความ​กลัว​ใน​การทำ​บาป​ ​ความ​ละอายต่อบาป​ ​จะ​เกิดขึ้น​ใน​ใจ​ ​<!--colorc--><!--/colorc-->ไม่​ใช่​กลัวว่าพระ​เจ้า​จะ​ลงโทษ​ ​เรา​เข้า​ใจ​ใน​บาปที่​เราทำ​ไปว่ามัน​จะ​มามีผล​กับ​เรา​อยู่​ใน​ใจเรา​ ​ตลอดเวลา​ ​เมื่อมากๆ​ขึ้น​ ​ผลมันก็ก่อ​ให้​เกิดทุกข์​ให้​กับ​เรา​ ​และ​ทุกอย่างที่​เราทำ​ดีมันก็​จะ​เป็น​วิบากกรรมที่ก่อ​ให้​ ​เกิด​ความ​สุข​ ​ทุกอย่าง​อยู่​ที่​เรา​เลือก​ ​ทุกข์​หรือ​สุขเรา​เลือกเอง​
    ความ​ดับทุกข์


    ​สิ่งหนึ่งที่สำ​คัญ​ใน​คำ​สอนของพระพุทธเจ้าคือ​ ​ความ​ดับทุกข์​ ​ไม่​มี​เกิด​ ​ไม่​มี​แก่​ ​ไม่​มี​เจ็บ​ ​ไม่​มีตาย​ ​มันมีผล​ ​ทำ​ให้​เรา​ไม่​ติดสุข​ไม่​ติดทุกข์​ ​มีอุ​เบกขา​ ​ที่​เรียกว่านิพพาน​
    ​ไม่​มีคำ​สอน​ใน​ศาสนา​อื่น​ใด​ ​สอนทางออก​ ​ทางแก้ทุกข์​ ​ใน​เรื่องของการเกิด​ ​การแก่​ ​การเจ็บ​ ​และ​การตาย​ ​ที่​เรียกว่า​ " ​สังสารวัฎ" ​แน่นอนว่าทุกศาสนา​นั้น​ดี​ ​อยาก​ให้​ทุกคน​เป็น​คนดี​ ​เค้าสอนเรื่องศีล​จะ​ได้​ไม่​มีบาป​ ไม่​ไป​​เกิด​ใน​นรก​ ​หรือ​ไปเกิด​เป็น​เปรต​ ​เป็น​สัตว์​เดรัจฉาน​ ​สอน​ให้​คนทำ​ดี​ ​เกิดมาอีกที อย่างน้อยก็ขอ​ให้​ได้​เป็น​คน​ ​
    ที่​ไหนมีการสอนทางออก​จาก​สังสารวัฎ​ ​เป็น​ไม่​มี​ ​และ​ด้วย​พระกรุณาอันยิ่ง​ใหญ่​ที่พระพุทธเจ้าท่านทรงสั่งสอนศิษย์​ ​ที่​เรียกว่า​ ​มรรคมีองค์​แปด​ ​ธรรมะที่พระพุทธเจ้า​ได้​ตรัสรู้​ไว้​ ​ให้​เราดูทุกข์​ ​สมุทัย​ ​นิ​โรธ​ ​มรรค​ ​และ​ทางดับทุกข์​ ​โดย​ดับสมุทัย​ ​เรา​สามารถ​ทำ​ได้​โดย​ปฎิบัติตามคำ​สั่งสอนของพระพุทธเจ้า​ ​และ​นี่คือคำ​สั่งสอนของพระพุทธเจ้า​เมื่อ​ 2500 ​ปีมา​แล้ว​ ​จนทุกวันนี้มีลูกศิษย์สำ​เร็จมรรคผล​เป็น​ล้านคน​ได้​ ​เรา​โชคดีที่​เรา​ยัง​มีพระอริยเจ้าคอยสั่งสอน​ ​เรา​จึง​ไม่​ควร​จะ​เสียเวลา​ ​มาดับทุกข์ของตัวเรา​เองเลย​ ​และ​มาสำ​รวจดู​ความ​สงบสุข​และ​การหลุดพ้น​กัน​
    ​ความ​กรุณา


    ​บางครั้งคนเรามัก​จะ​พูด​ถึง​พระ​และ​แม่ชี​ ​รวม​ถึง​ผู้​ปฎิบัติธรรม​อื่นๆ​ ​ตามแนวทางการปฎิบัติพุทธศาสนา​ ​แบบเถรวาท​ ​ว่า​เป็น​การปฎิบัติ​เพื่อตัวเอง​เท่า​นั้น​ ​พวกเค้า​ต้อง​การหาทางหลุดพ้น​จาก​ความ​ทุกข์​และ​สังสารวัฎ​ ​โดย​ไม่​เอา​ใจ​ใส่​ต่อ​ผู้​อื่น​ ​แต่สำ​หรับฉัน​ไม่​ได้​คิดเช่น​นั้น​กับ​แนวทางการปฎิบัติ​เพื่อพัฒนาสติปัญญา​ ​แต่​ถ้า​ ​ปราศ​จาก​ความ​เมตตากรุณาต่อ​ผู้​อื่น​ ​พวกเค้า​เหล่า​นั้น​ก็​ไม่​สามารถ​จะ​บรรลุ​ถึง​ปัญญา​ได้

    ​ฉันเห็นว่าบางเวลา​ ​ฉันก็​สามารถ​ทำ​ให้​บางคนมี​ความ​สุข​ได้​ ​และ​ฉันก็มี​ความ​สุขใจยิ่งกว่า​ ​และ​ ​ความ​สุขใจ​นั้น​ทำ​ให้​การปฎิบัติ​นั้น​ง่ายขึ้น​ ​<!--coloro:#ff0000--><!--/coloro-->ถ้า​ใจเรา​ไม่​มี​ความ​สุขก็ยากที่​จะ​ปฎิบัติ​ให้​ได้​ผลดี​ ​ดัง​นั้น​การที่ฉัน​ช่วย​ให้​ผู้​คนมี​ความ​สุข​นั้น​ก็​เท่า​กับ​ช่วย​ตัวฉันเอง​ด้วย<!--colorc--><!--/colorc-->​ ​ถ้า​เราพบว่า​เรา​ยัง​มี​ความ​ความ​ทุกข์​อยู่​ ​ซึ่ง​เป็น​ธรรมดา​ ​ของมนุษย์​ผู้​ที่​ยัง​เวียนว่ายตายเกิด​ ​เราก็​จะ​รู้​ได้​ว่า​ไม่​ใช่​แต่​เรา​เท่า​นั้น​ที่​ยัง​มี​ความ​ทุกข์​แต่มนุษย์ทุกคนที่​ยัง​ ​เวียนว่ายตายเกิด​อยู่​ต่างก็​เผชิญ​กับ​ความ​ทุกข์​ทั้ง​นั้น

    ​การที่​ได้​พบ​กับ​อาจารย์ที่​สามารถ​ชี้ทางออก​จาก​ทุกข์​ให้​กับ​เรา​ได้​นั้น​นับว่า​โชคดีที่สุด​แล้ว​ ​เรา​จะ​สามารถ​ปฎิบัติ​เพื่อหลุดพ้น​จาก​ทุกข์​ด้วย​ตัวของเรา​เอง​หรือ​ ​<!--coloro:#ff0000--><!--/coloro-->สำ​หรับฉัน​แล้ว​มัน​ไม่​เพียงพอ​ ​การมีครูบาอาจารย์​นั้น​สำ​คัญมาก​ ​ถ้า​เรา​ยัง​คงเวียนว่ายตายเกิด​ ​อยู่​ใน​สังสารวัฎ<!--colorc--><!--/colorc-->​ ​ดัง​นั้น​จะ​ดู​เหมือนว่า​เป็น​เหตุ​เป็น​ผล​กัน​กับ​ที่​เราทำ​กรรม​ไว้​ ทุกสิ่งทุกอย่างแม้ว่า​เรา​จะ​จำ​ไม่​ได้​แล้ว​ก็ตามว่าทำ​อะ​ไรไปบ้าง​ ​กรรมดี​ ​กรรมชั่ว​ ​ถ้า​เรา​สามารถ​ระลึกได่ว่าคนที่ยืน​อยู่​ตรงหน้า​เรานี้​เคย​เป็น​แม่ของเรา​เมื่ออดีตชาติ​ใด​ชาติหนึ่ง​ ​และ​เขากำ​ลังเผชิญ​ความ​ทุกข์​อยู่​ ​เขาอาจ​จะ​ไม่​เชื่อว่าทำ​อย่างไร​จะ​พ้นทุกข์​ได้​ ​แต่ทำ​ไมเรา​จะ​ไม่​ช่วย​เค้าคน​นั้น​หรือ

    ​นี้​เป็น​สิ่งที่สำ​คัญ​ส่วน​หนึ่ง​ใน​การปฎิบัติ​ ​เพื่อนนักปฎิบัติธรรม​ใน​คอร์สเข้มข้นของฉันบางคน​ ​ยัง​คง​ไม่​ลืมสิ่งต่างๆ​ ​บางครั้งที่ปฎิบัติ​เสร็จ​แล้ว​พวกเขาก็​ได้​แผ่​เมตตา​ให้​กับ​ครูบาอาจารย์​ ​พ่อแม่​ ​บุคคลอัน​เป็น​ที่รัก​และ​ ​สรรพสัตว์​ทั้ง​หลาย​ ​และ​บุคคลที่​ต้อง​การ​ความ​ช่วย​เหลือทางด้านจิตใจ​และ​จิตวิทยา​ ​การ​ให้​ความ​ช่วย​เหลือ​กับ​ ​บุคคลที่​แตกต่าง​กัน​ก็​ต้อง​ใช้​ความ​สามารถ​ที่​แตกต่าง​กัน​ไป​ ​และ​ทาง​ใด​ที่พวกเค้า​สามารถ​จะ​ช่วย​เหลือ​ให้​กับ​ผู้​อื่น​ ​มี​ความ​สุข​ได้​ ​ถึง​แม้ว่า​จะ​เป็น​วิถีทางที่​แตกต่างออกไปก็​จะ​ทำ​ ​สิ่งนี้คือธรรม​ ​บางครั้งอาจ​จะ​มาก​ ​บางครั้งอาจ​จะ​น้อยแต่​ถ้า​ปราศ​จาก​ความ​เมตตากรุณา​ ​ปัญญาก็​จะ​ไม่​เกิด

    ​ฉันเองก็​ต้อง​การที่​จะ​แผ่​เมตตาของฉันที่มี​ให้​กับ​ผู้​อื่น​และ​สรรพสัตว์​ทั้ง​หลาย​ ​ให้​บังเกิด​ความ​สุข​ทั้ง​ ​ใน​อดีต​ ​ปัจจุบัน​ ​และ​อนาคต​ ​และ​สิ่ง​ใด​ก็ตามที่​จะ​พัฒนาการการ​ให้​และ​สติปัญญาอัน​จะ​นำ​ไปสู่นิพพาน
    (บริจิต​ ​สล็อตเทนเบเชอร์)

    ที่มา-http://www.budpage.com/forum/view.php?id=3978
     
  2. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    อนุโมทนาสาธุบญ


    ละความชั่วด้วยศีล ทำความดีด้วยทาน จิตเบิกบานด้วยภาวนา
     

แชร์หน้านี้

Loading...