ในหลวงรับสั่งทหารหนักแน่น

ทรงชี้-สิ่งผิดปกติ เกิดขึ้นนานัปการ

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินตรวจพลสวนสนามของกองทัพ และทหารมหาดเล็ก รักษาพระองค์ เนื่องในพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตน เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.

</TD></TR></TBODY></TABLE>ในหลวงพระราชทานพระบรมราโชวาทแด่ทหารหาญ ในพิธีสวนสนามและปฏิญาณตน ทรงชี้บ้านเมืองไม่น่าวางใจ มีอันตรายและความไม่ปกตินานัปการเกิดขึ้น ทหารจึงต้องหนักแน่นเข้มแข็งยิ่งขึ้น หากทำสำเร็จก็จะเป็นเกียรติของกองทัพ ประชาชนเป็นสุข บ้านเมืองก็อยู่รอดปลอดภัย

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 2 ธ.ค. พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช เสนาธิการทหาร พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.โสภณ ศีลพิพัฒน์ เสนาธิการทหารบก พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.ร.อ.วีรพล วรานนท์ เสนาธิการทหารเรือ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เสนาธิการทหารอากาศ ตามเสด็จพระราชดำเนินทรงตรวจพลสวนสนาม พล.ต.พฤณท์ สุวรรณทัต ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ในฐานะผู้บังคับกองผสมนำทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์จำนวน 13 กองพัน ร่วมพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตน

จากนั้นเวลา 17.15 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯโดยรถยนต์พระที่นั่ง มายังบริเวณต้นขบวนแถวทหาร จากนั้น พล.ต.พฤณท์ ได้กราบบังคมทูลถวายรายงานขอพระราชทานอัญเชิญเสด็จพระราชดำเนินตรวจพลสวนสนามด้วยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วยนายทหารพิเศษ ประจำหน่วยทหารรักษาพระองค์ 8 นายตามเสด็จ ซึ่งภายหลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงตรวจพลสวนสนามแล้ว ได้เสด็จขึ้นสู่พลับพลาที่ประทับ ผู้บังคับกองพันและหมู่เชิญธงชัยเฉลิมพล เข้าประจำที่หน้าพลับพลา

ต่อมาพล.อ.เรืองโรจน์ นำทหารผู้ใหญ่กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล หลังจบคำถวายพระพร พล.อ.เรืองโรจน์ นำพานดอกไม้ธูปเทียนแพทูลเกล้าฯถวายจากนั้นได้นำทหารถวายคำสัตย์ปฏิญาณความว่า "ทหารรักษาพระองค์จักยอมตายเพื่อรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งมหากษัตริย์เจ้าจะถวายรักษาความปลอดภัยต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจนชีวิตหาไม่ พร้อมทั้งเชิดชูและรักษาไว้ ซึ่งเกียรติยศเกียรติศักดิ์ของทหารรักษาพระองค์" จากนั้นผู้บังคับกองผสมสั่งถวายความเคารพวงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี พร้อมปล่อยลูกโป่งและแพรถวายพระพรทรงพระเจริญ พร้อมปืนใหญ่ยิงสลุตถวาย 21 นัด

จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จหน้าพลับพลาที่ประทับ พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่นายทหารผู้ใหญ่ที่เข้าเฝ้าฯ และทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชดำรัสตอบเหล่าทหารและข้าราชการที่มาถวายพระพรว่า ข้าพเจ้าและพระราชินีมีความชื่นชมเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นความเข้มแข็ง พร้อมเพรียงของเหล่าทหารรักษาพระองค์ในพิธีปฏิญาณตนสวนสนามครั้งนี้ ขอขอบใจในคำอำนวยพรและคำปฏิญาณ ที่มาจากความจริงใจของแต่ละคน ขอฉลองพรและไมตรีกำนัล ด้วยใจจริงเช่นเดียวกัน เป็นที่ทราบกันดีว่าทหาร มีหน้าที่ป้องกันประเทศและปกป้องคุ้มครองประชาชนให้มีชีวิตอยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นปกติสุข หน้าที่ดังนี้ถือว่าสำคัญมาก โดยเฉพาะในระยะปัจจุบันสถานการณ์ในบ้านเมืองเราอาจกล่าวได้ว่าไม่น่าไว้วางใจนัก เหตุเพราะภยันตรายและความไม่เป็นปกตินานัปการ ทหารจึงต้องสำนึก ตระหนักในความรับผิดชอบนี้ที่มีและหน้าที่ของตนนั้นให้เข้มแข็ง หนักแน่นยิ่งขึ้น ซึ่งหากสามารถกระทำได้ครบถ้วน แท้จริง ก็จะเป็นความสำเร็จ เป็นความดี เป็นเกียรติ เป็นศักดิ์ศรีของทหารและกองทัพไทย ประชาชนก็จะอยู่เย็นเป็นสุข บ้านเมืองก็จะอยู่รอดปลอดภัย และดำรงอยู่ได้ด้วยความมั่นคง สวัสดี ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ กับทั้งอำนาจแห่งความภักดีแห่งชาติ บ้านเมือง จงดลบันดาลให้ทหารทุกคนประสบแต่ความสุข ความเจริญ ความมีชัยและความสำเร็จในสิ่งที่พึงประสงค์โดยทั่วกัน

เมื่อกล่าวจบผู้บังคับกองผสมได้สั่งกองผสมสวนสนามผ่านหน้าพลับพลาที่ประทับจำนวน 12 กองพัน และกองพันทหารม้ารักษาพระองค์ 1 กองพัน สวนสนามผ่านหน้าพลับพลาตามลำดับ ภายหลังเสร็จสิ้นการสวนสนามกองดุริยางค์ขับร้องเพลง "ป่ารักน้ำ" ภายหลังจบเพลงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จฯกลับ ด้วยรถยนต์พระที่นั่ง ผู้บังคับกองผสม พร้อมทหารนำถวายพระพรเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ" พร้อมกัน 3 ครั้ง เป็นอันเสร็จพิธี

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 08.00 น.ที่กระทรวงสาธารณสุข นายพินิจ จารุสมบัติ รมว.สาธารณสุข เป็นประธานพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดินและแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยนายพินิจ กล่าวว่า ในปีนี้ขอน้อมนำพระบรมราโชวาทของในหลวง ที่พระราชทานแก่ข้าราชการพลเรือน เนื่องในโอกาสวันข้าราชการพลเรือนที่วังไกลกังวลวันที่ 31 มี.ค. 2548 มาเป็นแนวทาง เพื่อให้ชาวสาธารณสุขใช้ปรับเปลี่ยนทัศนคติ และพฤติกรรมเพื่อเป็นข้าราชการที่ดี

นายพินิจกล่าวว่า ข้าราชการผู้ปฏิบัติบริหารงานของแผ่นดิน จะต้องรู้ตระหนักแน่ในการสละ อันได้แก่ การสละสำคัญสองประการ คือ สละเพื่อประโยชน์ส่วนรวมที่ยิ่งใหญ่และเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตัวประการหนึ่ง กับสละความคิดจิตใจที่ต่ำทรามต่างๆอีกประการหนึ่ง จึงจะเป็นที่เชื่อถือ ไว้วางใจของคนทั้งปวง และสามารถดำรงตำแหน่งหน้าที่อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และมีความเจริญมั่นคงตลอดไป ทั้งนี้ตนเชื่อว่าทุกคนต้องการเป็นคนดีอยู่แล้ว สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่าจะมีโอกาสหรือไม่ ข้าราชการส่วนใหญ่เป็นคนดีโดยเนื้อแท้ หากเป็นคนดีในองค์กร ก็จะเป็นคนดีของชาติได้

เมื่อเวลา 08.00 น. ที่โรงเรียนนายเรืออากาศ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ.ได้เป็นประธานพิธีวางพานพุ่มถวายสักการะ เนื่องในวโรกาสวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 5 ธันวาคม โดยมีคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่เข้าร่วมพิธีวางพานพุ่มและถวายสัตย์ปฏิญาณ

ส่วนที่กองบัญชาการกองทัพเรือ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. กล่าวว่า กองทัพเรือจะจัดแสดงนิทรรศการพระราชกรณียกิจ 60 ปีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่หอประชุมกองทัพเรือ และแสดงขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในเวลากลางคืนในวันที่ 12 มิ.ย. 2549 โดยมีเรือเข้าร่วมขบวนทั้งสิ้น 52 ลำ ซึ่งกองทัพเรือได้เตรียมฝึกฝีพายเรือจำนวน 2,400 คน ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ทั้งนี้ เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมทั้งพระมหากษัตริย์จากอีก 28 ประเทศที่จะมาร่วมทอดพระเนตร ซึ่งกองทัพเรือจะจัดซ้อมใหญ่เหมือนจริงในแม่น้ำจำนวน 7 ครั้ง เป็นเวลากลางวัน 2 ครั้ง กลางคืน 5 ครั้ง จึงเป็นโอกาสที่ประชาชนจะได้ชมล่วงหน้า เพื่อจะได้ไม่ต้องมาเบียดแออัดในวันจริง จึงอยากจะเชิญประชาชนให้ติดตามชมในเวลากลางคืนที่กองทัพเรือจัดซ้อม

ที่มา http://www.matichon.co.th/khaosod/