ใต้จมหนัก พระพุทธรูปมีน้ำตา ลือเป็นอาเพศ!

ในห้อง 'ข่าวทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 27 พฤศจิกายน 2005.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492

    ลือเป็นอาเพศ! ประมงเรือล่ม 15ตังเกลอยคอ อุตุชี้ฝนยังไม่ซา

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    พระร้องไห้- พระพุทธกิตติสิริชัย พระพุทธรูปที่ตั้งอยู่บนยอดเขาธงชัย บ้านกรูด จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีคราบคล้ายน้ำพระเนตรไหลออกมา ชาวบ้านเชื่อเป็นสิ่งบอกเหตุก่อนจะเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ ตามข่าว

    </TD></TR></TBODY></TABLE>สถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ยังวิกฤตหนัก ฮือฮาพระพุทธกิตติสิริชัยหลั่งน้ำตา เผยเป็นองค์พระที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเขาที่ประจวบฯ ชาวบ้านลือเป็นอาเพศและลางที่ทำให้น้ำท่วม ขณะที่เรือประมงล่มในอ่าวไทยบริเวณใกล้เกาะเต่า จนท.เร่งช่วยชีวิต 15 ตังเกที่ลอยคอ ส่วน จ.นครฯ ดีเจ.คนดังไปดูบ่อปลาเจอน้ำซัดติดข้ามคืน ต้องช่วยออกมาได้อย่างระทึก อุตุฯเตือนใต้ยังมีฝนถล่ม

    "แม้ว"ถกผู้ว่าฯแก้น้ำท่วม

    เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 26 พ.ย. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "นายกฯ ทักษิณ คุยกับประชาชน" ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยว่า เมื่อเย็นวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้เรียกประชุมผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี สงขลา พัทลุง นครศรีธรรมราช และนายกเทศมนตรี ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อหารือปัญหาน้ำท่วม ขณะนี้พบว่าทุกจังหวัดสามารถช่วยเหลือตัวเองได้และมีการประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการประสานงานล่วงหน้าการแจ้งเตือนภัยจากกรมอุตุนิยมวิทยากับผู้ว่าฯ ทั้งทางโทรศัพท์ และการส่งเอสเอ็มเอส ส่วนที่เกาะสมุยยังมีฝนตกต่อเนื่องจึงให้ผู้ว่าฯสุราษฎร์ธานี เตรียมเครื่องสูบน้ำให้เพียงพอ

    นายกฯ กล่าวว่า ส่วนที่ จ.นครศรีธรรมราช เดิมมีเครื่องสูบน้ำแล้ว 40 เครื่อง แต่ไม่เพียงพอและได้ขอเพิ่มอีก 10 เครื่อง จึงให้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ หาเครื่องสูบน้ำจากจังหวัดอื่นเพิ่มอีก 10 เครื่อง เชื่อว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม หลังจากระดับน้ำลดลงแล้วจะต้องมาดูแลการช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะการได้รับผลกระทบจากพื้นที่การเกษตร

    นำคณะเยี่ยมชาวหาดใหญ่

    จากนั้นเวลา 08.30 น. พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมด้วย พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกฯ และรมว.ยุติธรรม, พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รมว.มหาดไทย, นายเนวิน ชิดชอบ รมต.ประจำสำนักนายกฯ, นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.มหาดไทย, น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ, น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกฯ ได้เดินทางจากโรงแรมเจ.บี.หาดใหญ่ ไปยังบ้านบางแฟบ อ.หาดใหญ่ เพื่อเยี่ยมประชาชนที่ถูกน้ำท่วมขัง เนื่องจากอยู่ใกล้บริเวณคลองระบายน้ำที่กำลังมีการก่อสร้างแต่ยังไม่แล้วเสร็จ

    พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวกับประชาชนกว่า 1,000 คนที่มาต้อนรับว่า ตนมาค้างคืนที่ อ.หาดใหญ่ เพื่อพูดคุยกับผู้ว่าราชการจังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วม เพื่อถามทุกข์สุขว่ามีอะไรที่จะต้องให้ส่วนกลางมาช่วยหรือไม่เพราะได้กระจายอำนาจและกระจายเงินมาให้ส่วนภูมิภาคดูแลประชาชนแล้วอย่างใกล้ชิด พบว่าแต่ละจังหวัดนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นส่วนราชการได้ร่วมกันแก้ปัญหาได้อย่างดีสามารถดูแลตัวเองได้ ดังนั้นคงไม่ต้องการความช่วยเหลือจากส่วนกลางมากนัก ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่รัฐบาลกระจายอำนาจมา ทำให้สามารถดูแลประชาชนได้เร็วยิ่งขึ้น

    ขึ้น ฮ.ตรวจการณ์ถึงพัทลุง

    นายกฯ กล่าวว่า ส่วนการระบายน้ำที่ อ.หาดใหญ่ นั้นมีโครงการพระราชดำริ และโครงการที่รัฐบาลสนับสนุนงบเพื่อทำคลองระบายน้ำให้สมบูรณ์แต่ขณะนี้ยังไม่สมบูรณ์ เนื่องจากยังมีราษฎรที่ไม่ยอมรับค่าเวนคืนอีกจำนวนหนึ่งเป็นระยะทาง 2 ก.ม. หากตรงนี้เรียบร้อยจะทำให้การระบายน้ำทำได้ดีและรวดเร็วยิ่งขึ้น โอกาสที่น้ำจะท่วมหาดใหญ่เหมือนคราวก่อนก็ไม่มีแน่ จึงอยากขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนที่ยังไม่ยอมรับค่าเวนคืนทั้งที่รัฐบาลให้สูงกว่าราคาตลาด หากขยับขยายได้จะทำให้การแก้ปัญหาน้ำท่วมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถือว่าเป็นการเสียสละบนพื้นฐานของค่าตอบแทนที่ไม่ต่ำกว่าราคาตลาด

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายกฯ ได้เดินทางมายังกองบิน 56 เพื่อขึ้นเฮลิคอปเตอร์แบบแบล็คฮอว์คเพื่อสำรวจบริเวณน้ำท่วมแถบอำเภอหาดใหญ่ อ.เมือง จ.สงขลา ไปจนถึง อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง

    เร่งให้ทางหลวงขยายร่องน้ำ

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคณะนายกฯ มาถึงมัสยิดบ้านบางมวง ต.ฝาละมี อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง มีนายอำเภอปากพะยูนรายงานความคืบหน้าสถานการณ์และการให้ความช่วยเหลือประชาชน จากนั้นนายกฯ ได้พบปะกับประชาชนที่มารอต้อนรับประมาณ 500 คนพร้อมกับกล่าวกับชาวบ้านว่า ตนมีความเป็นห่วงจึงแวะมาเยี่ยมเพื่อดูความเดือดร้อนและความต้องการของพี่น้องประชาชนว่าเป็นอย่างไร รัฐบาลมาดูเพื่อให้การช่วยเหลือถูกต้องและชัดเจนขึ้น ตรงกับความต้องการและจะให้กรมทางหลวงชนบทเข้ามาช่วยเรื่องการขยายร่องน้ำและเส้นทางในพื้นที่ เพื่อให้ไหลลงสู่ปากพนังจะได้เร่งระบายน้ำโดยเร็ว

    จากนั้นนายกฯ ได้เดินดูสภาพพื้นที่น้ำท่วมบริเวณริมคลองบางมวงที่อยู่ใกล้มัสยิดดังกล่าว และขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปยัง จ.ยะลา เพื่อทอดผ้าป่า อย่างไรก็ตาม ภายหลังเสร็จพิธีทอดผ้าป่า พ.ต.ท.ทักษิณได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์กลับมายังกองบิน 56 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อขึ้นเครื่องแอร์บัส 319 ไทยคู่ฟ้า กลับมายังกรุงเทพฯ

    เตือน"ละงู"น้ำเหนือไหลบ่า

    ผู้สื่อข่าวรายงานสภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ จ.สตูล ว่าน้ำได้ท่วมบ้านเรือนและเรือกสวนไร่นาที่อยู่สองฝั่งคลอง อ.ละงู และลำคลองมะนัง โดยเฉพาะ ต.น้ำผุด ในหมู่ที่ 3, 10, 11 ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ถนนในหมู่บ้านน้ำท่วมประมาณ 1 เมตร ถึง 1.50 เมตร ทางด้านนายสมเกียรติ อินทรคำ หัวหน้าสำนักงานป้องกันบรรเทาสาธารณภัย จ.สตูล พร้อมนายสมพิศ หาญณรงค์ นอภ.ละงู ได้เข้าให้การช่วยเหลือโดยแจกถุงยังชีพจำนวน 150 ถุง และเรือท้องแบนให้จำนวน 2 ลำ เพื่อช่วยเหลือเบื้องต้น

    ขณะเดียวกันศูนย์เฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย เตรียมพร้อมตลอด 24 ช.ม โดยมีนายมานิต วัฒนเสน ผวจ.สตูล เป็นผู้อำนวยการศูนย์ ได้มีการเตรียมพร้อมเรื่องเรือท้องแบน เครื่องอุปโภคบริโภค พร้อมสั่งการให้ อ.ละงู ได้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากอีกระลอก เนื่องจากน้ำเหนือที่กิ่ง อ.มะนัง ซึ่งมีฝนตกหนักปริมาณน้ำฝนสูงถึง 140 ม.ม. อาจไหลบ่าลงมาในพื้นที่เพิ่มเติมอีกได้หากฝนยังไม่หยุดตก

    ชุมพรท่วมสูง 1 เมตรใน 3 อำเภอ

    เมื่อเวลา 14.30 น.วันเดียวกัน นายธนกร ตระบันพฤกษ์ หัวหน้าป้องกันบรรเทาสาธารณภัยฝ่ายพลเรือน จ.ชุมพร เปิดเผยว่า หลังจากมีฝนตกหนักในพื้นที่ จ.ชุมพร ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ในพื้นที่ของ อ.ละแม หลังสวน และทุ่งตะโก อำเภอรอบนอกของชุมพรตอนล่าง มีน้ำท่วมขังระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร

    รายงานข่าวแจ้งว่า ในพื้นที่ ม.7 ต.สวนแตง อ.ละแม สายเลียบชายทะเลที่สามารถใช้เป็นเส้นทางลงใต้ได้มีระดับน้ำที่ท่วมบนถนนลาดยางผิวจราจรสูงประมาณ 1 เมตร ทำให้รถไม่สามารถผ่านไปมาได้

    ด้าน อ.หลังสวน นายชนะกาญจน์ ทิพย์ประเสริญสุข ปลัดอาวุโส อ.หลังสวน เปิดเผยว่า ฝนได้ตกกระหน่ำลงมาในคืนวันที่ 25 พ.ย. ทำให้เกิดพื้นที่น้ำท่วมเพิ่มขึ้น น้ำป่าได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่ ต.บางน้ำจืด หลายหมู่บ้าน เดือดร้อนนับพันคน ทางอำเภอได้ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว และมีการอพยพชาวบ้านประมาณ 350 คนจากพื้นที่ไปพักอาศัยในที่ปลอดภัย เนื่องจากเกรงว่าน้ำป่าจะไหลหลากลงมาท่วมบ้านเรือนในพื้นที่ไหล่เขา

    จับตาแม่น้ำตรังหวั่นล้นทะลัก

    นายประเสริฐ วงศ์วราทิพย์ หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำสำนักงานโครงการชลประทานตรัง กล่าวถึงภาวะน้ำในคลองต่างๆ ที่เคยมีปริมาณมากส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ว่า น้ำในแม่น้ำปะเหลียนขณะนี้บริเวณต้นน้ำภาวะน้ำกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว จะมีก็แต่ปริมาณน้ำที่ไหลมารวมตัวกันปริเวณด้านล่าง เช่น ต.บางด้วน และ ต.ท่าพญา อ.ปะเหลียน ยังคงมีน้ำท่วมขัง แต่คาดว่าไม่นานคงกลับเข้าสู่ภาวะปกติ คาดว่าหากฝนไม่ตกลงมาอีกปริมาณน้ำก็จะเข้าสู่ภาวะปกติเช่นเดียวกัน

    นายประเสริฐกล่าวต่อไปว่า คงมีก็แต่แม่น้ำตรังที่ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อันเนื่องมาจากน้ำที่ไหลมาจาก อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช โดยขณะนี้ตนพร้อมเจ้าหน้าที่กำลังทำการสำรวจตลอดเส้นทางขึ้นไปหากปริมาณน้ำด้านบน เช่น ที่ด่านมาตรวัดน้ำท่าประดู่ ต.นาวง และที่ต.ห้วยนาง ซึ่งหากปริมาณน้ำจุดดังกล่าวยังมีปริมาณมากคาดว่าคลองท่าจีนคงระบายน้ำลงสู่ทะเลไม่ทัน อาจส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำตรังได้

    เร่งช่วยเหลือในพื้นที่ 4 อำเภอ

    ด้านนายสันต์ จันทรวงศ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง สรุปถึงพื้นที่ที่ประสบภาวะน้ำท่วมในจังหวัดตรังว่า มีใน 4 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ปะเหลียน, อ.นาโยง, อ.เมือง และ อ.ห้วยยอด โดยความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นในลักษณะที่น้ำได้ไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตร ขณะที่น้ำที่ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนนั้นไม่กี่ชั่วโมงก็แห้ง โดยที่ไม่มีอะไรเสียหายมากนัก ขณะที่ความเสียหายทางด้านพื้นที่การเกษตร และสัตว์เลี้ยง ยังไม่ได้ทำการสำรวจ

    นายสันต์กล่าวต่อว่า ในด้านการให้ความช่วยเหลือนั้น สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประสานยังอำเภอ รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการช่วยเหลือ ที่ผ่านมาได้นำถุงยังชีพจำนวน 300 ชุดไปมอบให้ ขณะที่บริเวณห้องโถงชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดตรังหลังใหม่ ได้มีเจ้าหน้าที่ร่วมกันบรรจุถุงยังชีพจำนวน 1,000 ถุง เตรียมพร้อมสำหรับความช่วยเหลือหากมีใครร้องขอมา

    ประจวบฯยังวิกฤตระดมช่วย

    วันเดียวกัน ที่ จ.ประจวบฯ นายอรรณพ เพ็ชรวิเศษ ผอ.ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 4 ประจวบคีรีขันธ์ ได้ระดมกำลังจากศูนย์ ปภ.เขต 2 สุพรรณบุรี ปภ.เขต 3 ปราจีนบุรี ปภ.เขต 4 ประจวบคีรีขันธ์ และปภ.เขต 11 สุราษฎร์ธานี วิทยาลัยเทคนิคประจวบคีรีขันธ์ กองบิน 53 ตชด.147 นำเครื่องจักรกลเข้าปรับปรุงเส้นทางเพื่อให้สามารถเดินทางเข้าไปที่อ่างเก็บน้ำคลองลอย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าสันอ่างขาด น้ำกัดเซาะจนถึงพื้นหินชั้นเดิมมีความยาวประมาณ 80 เมตร จึงก่อให้เกิดน้ำป่าเข้าถล่มหมู่บ้านคลองลอยหายไปกว่าครึ่งหมู่บ้าน และน้ำเข้าท่วมอำเภอบางสะพานตามที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ โดยได้เร่งดำเนินการซ่อมแซมสันอ่างให้แล้วเสร็จโดยเร็ว นอกจากนี้ได้ทำการติดตั้งบ้านน็อกดาวน์ที่หมู่บ้านคลองลอยจำนวน 25 หลังคาเรือนให้ชาวบ้านได้พักอาศัยและกำลังทำการติดตั้งที่บ้านกรูดอีกจำนวนหนึ่ง

    "จินตนา"ชี้ชาวบ้านกรูดถูกเมิน

    นางจินตนา แก้วขาว ประธานกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบ้านกรูด กล่าวว่า ชาวบ้านกรูดยังไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร ซึ่งมีทั้งบ้านที่หายไปทั้งหลังและบ้านชำรุดบางส่วน

    ไม่มีสิ่งของอุปโภคบริโภค ชาวบ้านบางคนหมดตัว แต่เนื่องจากหน่วยงานมักพุ่งไปให้ความช่วยเหลือในเขตตัวอำเภอส่วนใหญ่ โดยกลุ่มอนุรักษ์ได้รับการช่วยเหลือจากพันธมิตร เช่น ชาวบ้านบ่อนอก สภาทนายความ มูลนิธิโรงเรียนหมู่บ้านเด็ก กลุ่มพลังงานทางเลือก ได้ส่งปัจจัย 4 ทั้งเครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ข้าว อาหารแห้ง ซึ่งเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ยืนยันได้ว่าไม่มีการประกาศเตือนชาวบ้านกรูด ซึ่งกรณีที่ รมว.มหาดไทยได้กล่าวว่า ชาวบ้านไม่เชื่อการประกาศเตือนนั้นจึงไม่ใช่เรื่องจริง ดูเหมือนว่าชาวบ้านไม่สนใจในการประกาศซึ่งไม่เป็นเรื่องจริง เพราะในขณะที่น้ำท่วมตนได้ประสานงานกับ นอภ.บางสะพาน ก็ยอมรับว่าไม่มีการประกาศ โดยได้ขอสนับสนุนเรือเข้ามารับคนแก่ที่ติดน้ำและติดอยู่ตามต้นไม้อยู่ 2 คน แต่เรือยังไม่สามารถเข้ามาช่วยได้ ชาวบ้านได้ใส่เสื้อชูชีพว่ายน้ำไปให้การช่วยเหลือนำออกมาได้

    พระพุทธกิตติสิริชัยหลั่งน้ำตา

    นายจีรวุฒิ แจวสกุล นายกเทศมนตรีตำบลบ้านกรูด กล่าวว่า ขณะนี้ได้ทำการสำรวจทั้งความเสียหายของประชาชนและสาธารณูปโภคพบว่า มีค่าความเสียหายในขณะนี้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท มีบ้านที่ถูกน้ำพัดลงทะเลไปจำนวน 31 หลังคาเรือน บ้านจำนวนมากเกิดความเสียหาย เรือประมงอีกมากกว่า 30 ลำอับปาง ที่สำคัญอุปกรณ์ในการทำประมงของชาวประมงแทบทั้งหมดสูญหายไปกับน้ำ นอกจากนี้ยังมีถนนเลียบชายหาดเกิดความเสียหายแทบทั้งเส้น ซึ่งบ้านกรูดปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญรองมาจากอำเภอหัวหิน ดังนั้นจะต้องเร่งทำการฟื้นฟูอย่างเต็มที่แต่คงต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร

    ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ชาวบ้านกรูดพบว่าที่องค์พระพุทธกิตติสิริชัย ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาธงชัย พระเนตรได้มีคราบคล้ายน้ำตาไหลออกมา เป็นที่แปลกใจของชาวบ้านและนักท่องเที่ยว บางรายกล่าวว่า อาจจะเป็นสิ่งบอกเหตุก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ และทำให้ชาวบ้านกรูดได้รับผลกระทบจำนวนมาก

    ส่งกำลังช่วยกู้"เกาะสมุย"

    วันเดียวกัน ที่ จ.สุราษฎร์ฯ นายวิจิตร วิชัยสาร ผวจ.สุราษฎร์ธานี ได้ส่งกำลังทหารจากจังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี ทหารกองบิน 7หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 46 กรป.กลาง และกำลังเจ้าหน้าที่อส. รวม 280 นาย พร้อมรถบรรทุกทหาร 6 ล้อ 4 คัน และเครื่องสูบน้ำ 10 เครื่อง ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ อ.เกาะสมุย ก่อนขึ้นเฮลิคอปเตอร์เดินทางไปตรวจสภาพความเสียหายบริเวณแหล่งท่องเที่ยวหาดเฉวง ต.บ่อพุด และหาดละไม ต.มะเร็ต อ.เกาะสมุย โดยมีนายธีรยุทธ เอี่ยมตระกูล นายอำเภอเกาะสมุย และนายวรากรณ์ รัตนรักษ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเกาะสมุย ให้การต้อนรับพาตรวจบริเวณชายหาดเฉวงที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด และรายงานสถานการณ์ในพื้นที่

    นายวิจิตรกล่าวว่า หลังจากออกตรวจพื้นที่และรับฟังปัญหาต่างๆ เมื่อเห็นระดับน้ำที่หาดเฉวง และโครงสร้างต่างๆ ที่ได้รับความเสียหาย ต้องยอมรับว่ายังน่าเป็นห่วงมาก ได้สั่งการให้ส่วนราชการต่างๆ ทั้งไฟฟ้าและประปาในระดับจังหวัดเข้ามาดูแล เพราะหากใช้หน่วยงานระดับอำเภอจะมีขนาดเล็ก การเข้าช่วยเหลือประชาชนจะเป็นไปอย่างไม่ทันการณ์

    "สำหรับค่าเสียหายยังไม่ได้มีการประเมิน แต่เท่าที่ดูในด้านโครงสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ ไม่เสียหายเท่าไหร่ แต่ด้านภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเสียหายมาก เพราะสื่อต่างประเทศต่างประโคมข่าวน้ำท่วมเกาะสมุยออกไปจนน่ากลัว เราจะต้องกู้ภาพการท่องเที่ยวของเกาะสมุยกลับมาโดยเร็ว" นายวิจิตรกล่าว

    หวั่นเครื่องบริโภคขาดแคลน

    นายธีรยุทธ เอี่ยมตระกูล นอภ.เกาะสมุย กล่าวว่า ระดับน้ำเริ่มลดลงแต่มีบางพื้นที่ยังมีน้ำท่วมขังสูงประมาณ 70 ซ.ม.ที่บ้านละไม บ้านเฉวง บ้านปลายแหลม ซึ่งกำลังเร่งระบายลงสู่ทะเล แต่ศูนย์อุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนให้เฝ้าระวังจะมีฝนตกต่อเนื่องอีก 2-3 วัน ขณะที่ปริมาณน้ำฝนที่ตกสะสมในพื้นที่เกาะสมุยช่วง 3 วัน เกินกว่า 500 มิลลิเมตร ซึ่งมีปริมาณสูงกว่ายอดเฉลี่ยน้ำฝนทั้งจังหวัด

    "น่าห่วงที่สุดคือเรื่องเครื่องอุปโภคและบริโภค เพราะที่ผ่านมาได้ภาคธุรกิจโรงแรมบนเกาะสนับสนุนนำไปช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน จึงเร่งประสานสำรองอาหารเพื่อรองรับสถานการณ์ที่ยังไม่ทราบว่าจะมีฝนตกอีกกี่วัน จากการสำรวจความเสียหายพบว่าถนนสายรอบเกาะสมุยหลายจุดถูกน้ำกัดเซาะเสียหาย คอสะพานหลายจุดชำรุดต้องห้ามรถขนาดใหญ่แล่นผ่าน" นายธีรยุทธกล่าว

    สนามบินเปิดบริการได้แล้ว

    นายเรืองนาม ใจกว้าง นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย กล่าวว่า โชคยังดีที่ไม่เกิดความเสียหายกับนักท่องเที่ยวถึงขั้นสูญหายหรือเสียชีวิต แต่มีปัญหาที่นักท่องเที่ยวเข้า-ออกจากโรงแรมที่พักไปเที่ยวที่ไหนไม่ได้ ยังมีพักค้างอยู่ประมาณ 1,000 คน ซึ่งบางส่วนที่ต้องการเดินทางกลับทางโรงแรมจะมีรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อออกไปส่งได้ ขณะนี้จึงได้แจ้งให้สมาชิกสมาคมชะลอการรับนักท่องเที่ยวเข้าพักไว้ก่อน ส่วนความเสียหายของโรงแรมและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องยังไม่สามารถประเมินได้ เพราะยังมีฝนตกอยู่

    นายสิริชัย เจริญรัถ ผอ.สนามบินสมุย ของบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด กล่าวว่า วันนี้หลังจากสภาพอากาศฟ้าเปิดแล้วสายการบินบางกอกแอร์เวย์เริ่มออกบินตั้งแต่เวลา 06.00 น. โดยเที่ยวใดที่ผู้โดยสารเต็มจะออกทันที เพื่อเร่งส่งผู้โดยสารให้ได้มากที่สุดก่อนที่ช่วงบ่ายท้องฟ้าจะปิดและบินไม่ได้ เนื่องจากมีผู้โดยสารตกค้างเดินทางไม่ได้จากวันก่อนอยู่ 1,500 คน

    ผู้ว่าฯสุราษฎร์ไปอยู่บนเกาะ

    นายวิจิตร วิชัยสาร ผวจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ล่าสุดพื้นที่ประสบภัยมี 7 อำเภอ ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 1,500 ครอบครัว ส่งถุงยังชีพไปช่วยแล้ว 1,750 ชุด ซึ่งหลังจากลงตรวจพื้นที่เกาะสมุยแล้วน่าเป็นห่วงมาก เนื่องจากน้ำในพรุเฉวงที่เก็บน้ำได้ 5 แสนลบ.ม.กำลังล้นออกมา และย่านธุรกิจท่องเที่ยวที่หาดเฉวงถูกน้ำท่วมเสียหายมากยังประเมินไม่ได้ ตนจึงจำเป็นต้องพักแรมอยู่บัญชาการที่เกาะสมุยด้วยตนเองเพื่อเร่งคลี่คลายสถานการณ์โดยเร็วที่สุด โดยได้ขอกำลังจากทหารบกสุราษฎร์ธานีมาเพิ่มอีก 20 นาย พร้อมรถบรรทุก 2 คัน ส่วนบ้านที่ปลูกบนภูเขายังไม่มีรายงานดินถล่มลงมา

    อ่าวไทยเรืมล่ม-ช่วย15ตังเก

    เมื่อเวลา 13.30 น. พล.ร.ท.จำนงค์ กิตติพีรชล ผู้บัญชาการกองเรือภาคที่ 1 กองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติและการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เขต 1 ได้รับแจ้งจากพ.ต.ต.ชยพล ยิ่งใหญ่ ตำรวจน้ำจังหวัดชุมพรว่า ได้รับแจ้งเหตุมีเรือประมงขนาดใหญ่ ชื่อเรือประมงร่วมโชคพรทวี จมลงระยะห่างจากเกาะเต่าประมาณ 42 ไมล์ทะเล ลูกเรือประมงทั้ง 15 คน กำลังลอยคออยู่ในทะเล

    หลังรับแจ้งพล.ร.ท.จำนงค์ ได้สั่งการให้เรือหลวงวิทยาคม และเรือตรวจการณ์(เรือต.)110 ได้ปรับแผนให้ความช่วยเหลือ พร้อมได้สั่งการให้เครื่องบินลาดตระเวน ดอร์เนี่ยร์ จากหมวดบินเฉพาะกิจ กองเรือภาคที่ 1 กองเรือยุทธการ เข้าตรวจสอบค้นหาผู้ประสบภัย และสามารถตรวจพบเรือประมงดังกล่าวจมในทะเลพบลูกเรือประมงเกาะอยู่ที่บริเวณหัวเรือซึ่งโผล่เหนือน้ำประมาณ 2 เมตร จำนวน 8 คน อีก 7 คนลอยคอในทะเลจึงได้ให้ความช่วยเหลือ

    น้ำซัดดีเจ.ดังเมืองคอนจมระทึก

    เมื่อเวลา 08.00 น.วันเดียวกัน นายสกล จันทรักษ์ นอภ.สิชล นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งว่ามีคนถูกน้ำพัดจมหายไปในลำคลองหิน เขตรอยต่อระหว่างม.1 ต.เปลี่ยน อ.สิชล และม.2 ต.กลาย อ.ท่าศาลา ขอให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปทำการช่วยเหลือด่วน จึงประสานงานกับตชด.424 อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ต.เปลี่ยน อ.สิชล ออกทำการค้นหาผู้สูญหาย โดยนำเรือท้องแบนออกตระเวนไปตามลำคลองดังกล่าวซึ่งมีน้ำเชี่ยวกราก และใช้เวลาในการค้นหากว่า 4 ช.ม.จึงพบ 2 ลุงและหลานติดอยู่ที่ต้นไม้กลางลำคลอง

    ทราบชื่อในเวลาต่อมาคือนายวิโรจน์ ขวัญเกื้อ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 ถ.พัฒนาการคูขวาง ต.ในเมือง อ.เมือง นครศรีธรรมราช เป็นนักจัดรายการชื่อดังทางสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย นครศรีธรรมราช รู้จักกันในนาม "หมอโรจน์" ส่วนหลานชื่อนายสัมพันธ์ ขวัญเกื้อ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 225 ม.10 ต.กลาย อ.ท่าศาลา นครศรีธรรมราช โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้ความพยายามในการช่วยเหลืออยู่หลายชั่วโมง จนกระทั่งเวลา 13.00 น. วันเดียวกันจึงสามารถช่วยเหลือนายวิโรจน์และนายสัมพันธ์ได้อย่างปลอดภัย

    แฉนาทีระทึกติดอยู่นานข้ามคืน

    นายวิโรจน์ได้กล่าวถึงนาทีระทึกว่า ตนมาทำฟาร์มเลี้ยงกุ้งอยู่ที่ ม.10 ต.กลาย อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช โดยให้นายสัมพันธ์ หลานชายเป็นคนดูแล และเมื่อวานนี้เห็นว่ามีฝนตกหนักมากจึงรีบมาดูแลฟาร์มเพราะเป็นห่วงว่าน้ำท่วม ในที่สุดก็ท่วมจริง ฟาร์มเสียหายหมด นอกจากนั้นรถยนต์จมอยู่ใต้น้ำ 2 คัน ตนกับหลานติดอยู่ที่ฟาร์มวันนี้เป็นวันที่สองแล้ว และช่วงเช้าเห็นน้ำเริ่มลดระดับลงจึงนำเรือพายออกจากฟาร์มไปหาเสบียงมาตุนไว้

    ระหว่างทางได้พายเรือผ่านคลองหินซึ่งน้ำไหลเชี่ยวมาก จึงรีบพายเรือฝ่าสายน้ำเพื่อจะไปอีกฝั่ง แต่ปรากฏว่าถูกกระแสน้ำพัดจนเรือล่มกลางลำคลอง ทำให้เราสองคนลอยคอตะเกียกตะกาย พยายามว่ายน้ำไปหาสิ่งยึดเกาะ ก่อนจะลอยไปติดอยู่ที่ต้นไม้ข้างคลองซึ่งยังมีนํ้าท่วมสูงอยู่ ขณะนั้นได้คว้าโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในถุงพลาสติกติดมือมาได้ หลังจากยึดเกาะต้นไม้ได้แล้วจึงโทรศัพท์แจ้งให้คนมาช่วยเหลือดังกล่าว

    นครศรีฯเสียหายนับสิบล้าน

    นายวิชม ทองสงค์ ผวจ.นครศรีธรรมราช รับมอบถุงยังชีพจากนายวิฑูรย์ เดชเดโช นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีฯ จำนวน 10,000 ชุด เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมในนครศรีธรรมราช โดย อบจ.ได้ใช้รถบรรทุก 11 คันลำเลียงไปแจกจ่ายแก่ประชาชนที่ประสบภัยตามพื้นที่ต่างๆ นอกจากนี้ อบจ.ยังได้สนับสนุนรถบรรทุกเพื่อขนส่งหญ้าให้กับกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคที่อ.เชียรใหญ่ อ.ชะอวด เนื่องจากมีสัตว์เลี้ยงเดือดร้อนจำนวนมาก

    นายวิชมกล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดว่า วันนี้ทุกอำเภอทั้ง 21 อำเภอ กับ 2 กิ่งอำเภอ ฝนหยุดตกแล้ว และระดับน้ำเริ่มลดลงในหลายพื้นที่ยกเว้น 8 อำเภอ ที่ยังคงมีระดับท่วมขังในระดับสูงคือ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ, หัวไทร, ปากพนัง, ฉวาง, ทุ่งใหญ่, ถ้ำพรรณรา, พิปูน และเมือง โดยเฉพาะในเขตเทศบาลนครฯ ยังคงมีน้ำท่วมขังอยู่

    ผวจ.นครฯ สรุปความเสียหายน้ำท่วม ขณะนี้ด้านสาธารณประโยชน์มีถนนเสียหาย 176 สาย, สะพาน 12 แห่ง, ทำนบเหมืองฝาย 41 แห่ง, โรงเรียน 4 แห่ง, ท่อระบายน้ำ 3 แห่ง ส่วนความเสียหายด้านการเกษตร มีนาข้าวเสียหาย 2,925 ไร่, พืชไร่ 2,550 ไร่, พืชสวน 3,350ไร่, ปศุสัตว์ 6,750 ตัว ความเสียหายเบื้องต้น 10,282,185 บาท

    ทัพภาค4จัดศูนย์ช่วยเหลือ

    พ.อ.ภาสกร ทวีตา รองผอ.กองกิจการพลเรือน กองทัพภาค 4 ค่ายวชิราวุธ อ.เมือง นครศรีธรรมราช ได้เปิดเผยว่า ภายหลังที่กองทัพภาคที่ 4 ได้จัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากอุทกภัยในหลายพื้นที่ของภาคใต้ มีหน่วยทหารที่ขึ้นตรงของศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 จำนวน 17 หน่วยได้จัดเรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ 20 ลำ, รถยนต์บรรทุก 6 ล้อ จำนวน 15 คัน ออกไปให้การช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัยจากอุทกภัย 9 จังหวัดภาคใต้คือสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สงขลา สตูล ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ซึ่งพบว่าราษฎรจำนวนมากประสบความเดือดร้อนจากอุทกภัยครั้งนี้ ซึ่งหน่วยทหารกองทัพภาคที่ 4 ได้ช่วยเหลืออพยพเคลื่อนย้ายประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว พร้อมทั้งจัดเฮลิคอปเตอร์ จำนวน 1 ลำ ออกบินสำรวจความเสียหายเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือจนกว่าสถาณการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ

    สงขลาสรุปเสียหาย6อำเภอ

    วันเดียวกัน รายงานข่าวจากจังหวัดสงขลา นายสมพร ใช้บางยาง ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ในฐานะผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน จ.สงขลา ได้สรุปสถานการณ์ และผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมในพื้นที่จ.สงขลา ระหว่างวันที่ 23-25 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ปรากฏว่าในเขตพื้นที่ จ.สงขลา เกิดน้ำท่วมขังแล้ว 6 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมืองสงขลา หาดใหญ่ รัตภูมิ กระแสสินธุ์ สทิงพระ นาหม่อม รวม 45 ตำบล 2 เทศบาล 190 หมู่บ้าน ถนนได้รับความเสียหายที่สำรวจแล้ว 31 สาย เป็นทางหลวงแผ่นดิน 7 สาย ถนนชนบท อบต. 24 สาย สะพาน 2 แห่ง มูลค่าความเสียหายกว่า 1,050,000 บาท

    อุตุฯเตือนใต้ยังมีฝนถล่ม

    สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 15 เรื่องน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่งในภาคใต้ ว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ปกคลุมบริเวณภาคใต้ตอนล่าง กำลังเคลื่อนตัวไปปกคลุมทะเลอันดามัน ประกอบกับมีแนวลมพัดสอบของลมตะวันออกกับตะวันออกเฉียงใต้ปกคลุมภาคใต้ ทำให้ยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ระนอง พังงา และภูเก็ต อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยของจังหวัดดังกล่าว ระวังอันตรายจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในระยะนี้ ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง



    ที่มา: ข่าวสด
     

แชร์หน้านี้

Loading...