เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 7 พฤษภาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,372
    วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ บรรดาคณะกรรมการตรวจรับงานก่อสร้างพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน ที่ฟังการพรีเซนต์จากบริษัทรับเหมาแล้วก็อย่าเพิ่งถอดใจ ถ้ารายละเอียดไม่มากขนาดนั้น เขาคงจะไม่เสียเวลาออกแบบถึง ๒ - ๓ ปี เพียงแต่ว่าการตรวจรับนั้นเป็นการตรวจรับตามงวดงาน จากที่ตกลงกันไว้ก็คือ ๑๙ งวด ถ้าหากว่าตรวจผ่านงวดที่ ๑ ถึง ๑๘ ต้องจ่ายให้เขางวดละ ๘ ล้านบาท งวดที่ ๑๙ งวดสุดท้าย ถึงจ่ายให้เขา ๑๑ ล้านบาท รวมแล้ว ๑๕๕ ล้านบาท..!

    คราวนี้ในระหว่างนั้นก็คืองานที่คืบหน้าไปครั้งละประมาณ ๕ เปอร์เซ็นต์ ก็แปลว่ารายละเอียดจะไม่ได้มากมายมหาศาล เหมือนกับที่เขาใช้เวลาทั้งวันบอกให้พวกเรารู้ แล้วยังมีงานอีกหลายส่วนที่กระผม/อาตมภาพต้องทำเอง อย่างพระวิสุทธิเทพแก้วทั้งองค์ รูปหล่อหลวงปู่สาย หรือว่ารูปหล่อนักรบโบราณพร้อมเครื่องรางของขลัง ตรงส่วนนี้ยังเป็นรายจ่ายที่เกินไปจาก ๑๕๕ ล้านบาทอีกมาก

    การตรวจงานของเราครั้งละ ๕ เปอร์เซ็นต์ ถ้าตรงไหนไม่เข้าใจก็สอบถาม ผู้รับเหมากับคอนซัลท์ฯ เขาจะจัดการให้ ดังนั้น...พวกเราแค่ดูความเรียบร้อยว่าเป็นไปตามงวดงานหรือเปล่า ? แล้วแจ้งให้ผมทราบ ถ้าคณะกรรมการทั้งหมดมีความเห็นร่วมกันว่าจ่ายเงินได้ ผมก็จะได้โอนเงินให้เขาไป

    ก็แปลว่าตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป จะมีรายจ่ายประจำเดือนหนึ่งต่ำสุด ๘ ล้านบาท ยังไม่ต้องนับงวดละอีก ๒ ล้านกว่าของทางด้านตลาดชุมชนริมฝั่งแม่น้ำแควน้อย ก็คือตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๕ นี้ สิ้นเดือนเมื่อไร ก็จะมีรายจ่ายเดือนหนึ่งเกิน ๑๐ ล้านบาท..!

    แล้วเดือนนี้ยังต้องมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กอีก ๓๐โรงเรียน จะว่าไปแล้วก็เท่ากับ ๓๑ โรงเรียน เพราะว่ามีทุนการศึกษาระดับอุดมศึกษาต่างหาก หรือถ้าหากว่านับทุนการศึกษาพระภิกษุสามเณรด้วยก็คือ ๓๒ โรงเรียนดี ๆ นี่เอง

    คราวนี้ท่านทั้งหลายก็จะได้เห็นว่าอานุภาพพระคาถาเงินล้านที่แท้จริงเป็นอย่างไร เพราะว่าตอนนี้ผมมีเงินติดตัวอยู่ตั้งหลายพันบาท..! คาดว่าพอจ่ายให้เขาแน่นอน..ทุกท่านไม่ต้องกังวล..!!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,372
    อีกส่วนหนึ่งก็คือ แรลลี่ทัวร์ของเว็บเพจกิฟท์จังพลังเวทย์ที่มาในวันนี้ ยังไม่ใช่ส่วนที่ได้นัดกระผม/อาตมภาพเอาไว้ ที่เขามาก็คือเป็นแค่จุดเที่ยวที่เขาต้องเช็คอิน หรือว่าทำกิจกรรมตามโปรแกรมที่วางเอาไว้

    แล้ววันนี้ที่ทางมัคคุเทศก์มาขอร้องให้ผมเลิกรับสังฆทานช่วงบ่าย แล้วไป ๆ เสียให้พ้น..! ก็เพราะว่าญาติโยมส่วนใหญ่พอเห็นอาตมภาพนั่งอยู่ ก็ไม่ยอมไปทำกิจกรรมตามโปรแกรมของเขา พูดง่าย ๆ ว่าลงทุนซื้อแรลลี่ทัวร์มาแล้ว ส่วนที่ต้องการให้คุ้มค่าที่สุดก็คือส่วนของการมาที่วัดท่าขนุนนี่เอง

    วันนี้กระผม/อาตมภาพก็เลยเบี้ยวงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะว่าโยมเป็นคนขอร้องเอง แต่ว่าในส่วนของพรุ่งนี้นั้น ตามโปรแกรมที่เขาลงเอาไว้ก็คือ ฟังธรรมจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน แล้ววันพรุ่งนี้ กระผม/อาตมภาพก็ยังมีภารกิจที่อื่นด้วย ก็อาจจะฉวยโอกาสบันทึกเป็นเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนไปด้วยเลย ขอดูเวลาและสถานที่ก่อนว่าเหมาะสมหรือเปล่า ?

    อีกส่วนหนึ่งที่ท่านทั้งหลายทำอยู่ ซึ่งกระผม/อาตมภาพอนุโมทนาด้วย และอยากจะเตือนให้ระมัดระวังก็คือส่วนของเวรยาม โดยเฉพาะเวรดึก บางทีง่วงมาก ๆ พวกเราอาจจะขอกระพริบตาทีหนึ่ง แล้วก็ได้ของแถมมาหลายชั่วโมง..! เหมือนอย่างที่กระผม/อาตมภาพเคยมาแล้ว

    ช่วงนั้นไปถวายการรับใช้พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงที่บ้านสายลม ตั้งแต่ประมาณเที่ยงวันศุกร์ แล้วก็กลับบ้านประมาณ ๓ ทุ่มครึ่งถึง ๔ ทุ่มของคืนวันจันทร์ เหนื่อยมาหลายวัน แล้วก็ยังต้องโหนรถเมล์กลับบ้าน

    ตอนนั้นรถเมล์ที่นั่งส่วนมากก็คือสาย ๓๘ กระผม/อาตมภาพต้องลงที่ปากซอยอ่อนนุช หรือถ้าชื่อเป็นทางการก็คือซอยสุขุมวิท ๗๗ เมื่อรถขึ้นสะพานลอยพระโขนง เหลืออีกครึ่งป้ายก็จะถึง ถ่างตามาหลายวัน เหนื่อยเต็มที ขอกระพริบตาทีเดียว ลืมตาขึ้นมาเห็นป้ายกรมอุตุนิยมวิทยาบางนา เป็นการกระพริบตาที่นานมาก ขอยืนยันว่ากระพริบตาทีเดียว นั่นคืออาการที่โบราณเขาเรียกว่า "หลับใน" ไม่รู้เหมือนกันว่าสติขาด ตัดหลับไปตอนไหน..!?
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,372
    วันนั้นก็เลยยิ่งกลับบ้านดึกกว่าปกติ เพราะว่าต้องพยายามหารถเมล์รอบดึกย้อนกลับมาที่ปากซอยอ่อนนุชใหม่ ยังดีที่ตอนนั้นยังมีรถสองแถว สมัยนั้นยังเป็นรถสองแถว ไม่ใช่รถเมล์เล็ก ทุกคันก็พยายามที่จะแข่งขันกันทำมาหากิน แย่งผู้โดยสารกันบ้าง ปาดหน้ากันบ้าง รับประกันว่าถ้าใครเคยขึ้นรถสองแถวกรุงเทพฯ ยุคนั้น จะเข็ดไปตลอดชีวิต เหมือนอย่างที่กระผม/อาตมภาพเจอมา

    ในชีวิตตั้งแต่บวชมา ๓๖ ปี ขึ้นรถเมล์ครั้งเดียวแล้วไม่ขึ้นอีกเลย ไปไหนเมื่อไร ถ้าไม่ใช่รถส่วนตัวก็ต้องแท็กซี่ ไม่ใช่หัวสูง ตอนนั้นกระผม/อาตมภาพลากลับบ้านครั้งแรกหลังจากที่บวชมา ๘ เดือน ก็คือบวชตั้งแต่วันที่ ๑๕ พฤษภาคม จนกระทั่งหลังรับกฐินแล้ว งานทุกอย่างเริ่มน้อยลง ก็ขออนุญาตกลับบ้าน ติดรถตู้ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อมาด้วย มาลงที่หน้าปากทางเข้าบ้านนายทหารอากาศดอนเมือง บริเวณนั้นไม่มีรถเมล์ใหญ่เลย มีแต่สองแถว

    ตอนที่ก้าวขึ้นรถไป ยังไม่ทันจะเต็มตีน รถสองแถวก็กระชากออก กระผม/อาตมภาพหัวทิ่มใส่ผู้หญิงคนหนึ่งเต็ม ๆ..!!! หลังจากขอโทษขอโพยกันแล้ว ก็มีโยมเมตตาลุกให้พระนั่ง ปรากฏว่าพอถึงจุดที่จะลง เพิ่งจะลุกยืนขึ้นได้ครึ่งตัว กำลังจะเอื้อมมือไปจับราว ไอ้คนขับกระทืบเบรกอีก..!! กระผม/อาตมภาพหัวทิ่มเข้าใส่ผู้หญิงอีก..!! แล้วที่เจ้ากรรมที่สุดคือเป็นผู้หญิงคนเดิม..!! เหมือนกับเจตนาเลย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชีวิตนี้ไม่ขึ้นอีกเลย ไม่ว่าจะรถเมล์ประเภทไหน ไปไหนก็ใช้แท็กซี่ เพิ่งจะมาเปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้าไม่กี่ครั้ง นอกนั้นก็รถส่วนตัวตลอด

    ตรงจุดนี้ ถ้าหากว่าเวรดึกของเรา กระผม/อาตมภาพว่าพวกท่านลืมไปแล้วว่าผมพูดเรื่องอะไร ถ้าหากว่าเวรดึกของเราง่วงมาก แล้วกระพริบตาทีเดียวก็อาจจะยันสว่าง ดังนั้น...ถ้าเป็นไปได้ก็คือ เราพยายามพักผ่อนให้มากไว้ พอถึงรอบเวรดึกก็ใช้วิธีเดินจงกรม ซึ่งจะเป็นการ "ป้องปราม" ที่ดีที่สุด ไม่ใช่การ "ปราบปราม" คนที่คิดจะทำอะไรทุจริต ถ้ายังมีคนอยู่ มีแสงสว่างอยู่ หรือมีเสียงดัง เขาจะไม่กล้า

    สมัยที่อยู่วัดท่าซุง ถ้าหากดับไฟก่อนที่จะมองหน้าคนรู้เรื่อง หลวงพ่อท่านจะด่าทุกครั้ง ท่านบอกว่าอย่าประหยัด ให้เปิดไฟจนกว่าแสงเงินแสงทองขึ้นจนมองเห็นหน้าคนได้ชัดว่าใครเป็นใครแล้วค่อยปิด ท่านบอกว่าคนทุจริตกลัวอยู่ ๒ อย่าง คือกลัวแสงสว่างกับกลัวเสียงดัง
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เพราะฉะนั้น...พวกท่านทั้งหลายจะเห็นว่าวัดท่าขนุนเรามีสัญญาณกันขโมย ถ้าเสียงดังเมื่อไร ตรงนั้นจะกลายเป็นจุดสนใจ แล้วเขาก็จะทุจริตไม่ได้ เมื่อเราเดินอยู่ นอกจากไม่ง่วงแล้ว ถ้าหากว่ามีใครที่คิดจะทุจริต อย่างน้อยก็ยังได้เห็นว่ามีพระเดินอยู่ เขาก็จะไม่กล้าลงมือ

    เรื่องของการหลับตาแล้วได้ของแถมมามาก สมัยที่กระผม/อาตมภาพเข้าเวรอยู่ชายแดน อันตรายมาก เพราะว่าช่วงนั้นเรายังรบกับเขมรแดงของเฮง สัมริน ซึ่งมีทหารญวนคอยช่วยเหลืออยู่ แล้วทหารญวนจะมีหน่วยกล้าตายที่เรียกว่า แซปเปอร์ บุกเข้ามาเชือดยามทิ้งเป็นปกติ..!!

    มีอยู่คืนหนึ่งกระผมเจอเวรดึก ก็คือตี ๒ ปรากฏว่าสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนตี ๓ เพราะว่าเป็นเวลากรรมฐาน นั่งงง ๆ ว่า นี่กูไม่ได้เข้าเวรนี่หว่า..? ก็เลยเรียกเพื่อน รู้ว่าก่อนหน้านี้เป็นเวรของเขา ถามว่า "ทำไมไม่เรียกกูวะ ?" เพื่อนบอกว่า "กูเรียกแล้ว..มึงก็ลุกขึ้นมาแล้วด้วย บอกให้กูไปนอนได้เลย"

    เชื่อไหมว่าผมไม่มีความจำส่วนนั้นอยู่ในสมองเลย..? น่าจะประมาณว่าละเมอ หรือที่โบราณเรียกว่า "ไหล" ก็คือหลับไหล ไหลก็คือทำอะไรได้ทั้ง ๆ ที่หลับอยู่ บางคนลุกขึ้นมา หุงข้าว ต้มแกง ตักน้ำใส่ตุ่มเรียบร้อยทั้งบ้านแล้วไปนอนต่อก็มี ตื่นขึ้นมาถามคนอื่นว่าใครเป็นคนทำ..!??

    เจ้ากรรมเถอะ...ผู้กองได้ยินเสียงพอดี เพื่อนก็เลยซวยตามผม เพราะว่าผู้กองท่านให้ทั้ง ๒ คนวิ่งแข่งกันขึ้นเนินแล้วก็วิ่งกลับมา ๕๐ รอบ ไอ้เนินนั่นก็คือเนินที่เราต้องอยู่เวร แล้วก็ยังโชคดีที่ว่าไม่มีแซปเปอร์หลุดเข้ามา ไม่อย่างนั้นเพื่อนฝูงอาจจะได้ตายกันอีกมาก..!
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เพราะฉะนั้น...ในเรื่องของการเหนื่อย ถ้าหากว่าสภาพจิตของเราไม่เข้มแข็งจริง ๆ ขอยืนยันว่าเอาไม่อยู่ เผลอแล้วก็มักจะตัดหลับไปเองเลย

    ตรงจุดนี้เวรยามของเราที่เสียสละอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ก็ถือว่าเราได้ประกอบคุณงามความดี ในส่วนของการป้องกันรักษาของสงฆ์ ขณะเดียวกันก็ฉวยโอกาสฝึกฝนตนเองไปด้วย เหมือนที่กระผม/อาตมภาพสมัยที่ยังอยู่วัดท่าซุง ตอนนั้นนอนคืนหนึ่งประมาณ ๒ ชั่วโมงเท่านั้น ๒๒ ชั่วโมงที่เหลือ ทำงานพร้อมกับภาวนา ถ้าหากว่าพ้นจากงาน คราวนี้ก็เหลือแต่ภาวนาอย่างเดียว

    ถ้าท่านทั้งหลายได้ยินได้ฟังแล้วอยากจะเลียนแบบปฏิปทานี้
    กระผม/อาตมภาพก็ยินดีและโมทนาด้วย แต่ขอยืนยันว่ายาก เพราะว่าถ้าสมาธิไม่ดีพอ ไม่มีทางที่เราจะใช้เวลา ๒ ชั่วโมงพักผ่อนแล้วจะอยู่ได้ทั้งวัน

    จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...