เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 13 กรกฎาคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,511
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,511
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพไปถึงวัดสามพระยา วรวิหาร ตั้งแต่ประมาณ ๖ โมงเช้า เพื่อเข้าถวายมุทิตาสักการะ พระเดชพระคุณพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม ป.ธ.๙, Ph.D.) ประธานสงฆ์วัดสามพระยา วรวิหาร ในฐานะบุคคลที่รู้จักคุ้นเคยกันมา ตั้งแต่สมัยที่ยังอยู่วัดท่าซุง

    สมัยนั้นท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ชุตินฺธรมหาเถระ ป.ธ. ๙) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา วรวิหาร เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ถือว่าเป็นเสาหลักให้แก่บรรดาพระภิกษุสามเณรและญาติโยมวัดท่าซุง ได้เกาะ ได้พึ่งพา ได้อาศัย จนกระทั่งท่านได้นำเอาพระมหาเอื้อน หรือต่อมาภายหลังก็คือพระศรีปริยัติบดี ถัดมาก็เลื่อนเป็นพระราชปริยัติบดี แล้วก็มาเป็นพระเทพสุธี ไปร่วมงานด้วยในฐานะปัจฉาสมณะ คือพระผู้ติดตาม กระผม/อาตมภาพในฐานะผู้ที่ต้อนรับพระเถระซึ่งได้รับนิมนต์มาในงาน จึงมีความคุ้นเคยกับท่านมาตั้งแต่สมัยนั้น

    ครั้นออกจากวัดท่าซุงมาอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อท่านได้เลื่อนขึ้นเป็นพระเทพสุธี ก็ยังมาทำหน้าที่เจ้าคณะภาค ๑๔ ซึ่งดูแลจังหวัดกาญจนบุรี นครปฐม สุพรรณบุรี และสมุทรสาคร จึงทำให้รู้จักมักคุ้นกันมากขึ้น

    ถึงขนาดว่าเวลาทางวัดสามพระยา วรวิหารมีงานสำคัญ อย่างเช่นว่าการอบรมเจ้าอาวาสก็ดี การอบรมพระอุปัชฌาย์ก็ตาม เมื่อคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ซึ่งนำโดยหลวงพ่อพระครูผาสุกิจโกวิท อดีตเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ อดีตเจ้าอาวาสวัดหินแหลม นำพวกเราไปช่วยงาน เมื่อท่านเห็นก็เรียกเลยว่า "เฮ้ยเล็ก..มาทางนี้ มีเรื่องจะคุยด้วย" ทำเอาหลวงพ่ออดีตเจ้าคณะอำเภอก็ยังตีหน้างง ๆ ว่า กระผม/อาตมภาพไปรู้จักคุ้นเคยกับเจ้าคณะภาคมาตั้งแต่สมัยไหน ?

    จนกระทั่งท่านเลื่อนขึ้นมาเป็นพระธรรมคุณาภรณ์ ก็ยังได้ดุกระผม/อาตมภาพว่า "แกต้องรู้จักเข้าหาพระผู้ใหญ่บ้าง แกจะรอให้พระผู้ใหญ่คิดถึงแกอย่างเดียวไม่ได้ ส่วนใหญ่พระผู้ใหญ่นั้นงานเยอะ แกมาทีไรก็มีแต่เรื่องงานเท่านั้น" แล้วท่านก็ถอนหายใจตอบเองว่า "เออ..ดีแล้ว ถ้าแกไม่มา ข้าก็รู้ว่าแกทำงาน แต่ไอ้พวกที่มาเฝ้าเช้าเฝ้าเย็นจนข้ารำคาญนี่ มันไม่คิดจะทำงานอย่างแกบ้างหรือไรวะ ?" ซึ่งเรื่องพวกนี้ต้องบอกว่า เป็นเรื่องที่กระผม/อาตมภาพเอง น้อยครั้งที่จะเล่าให้ผู้หนึ่งผู้ใดฟัง

    จนกระทั่งท่านขึ้นมาเป็นพระพรหมดิลก กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค ๑ แล้วก็ลาออกมาเป็นเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร จนกระทั่งต้องคดี กลายเป็นนักโทษอยู่ในเรือนจำกลาง กระผม/อาตมภาพก็ยังไปเยี่ยมเยียนท่าน แล้วก็ได้เห็นความเป็นนักปราชญ์ ความเป็นนักปฏิบัติที่แท้จริงของท่าน เพราะว่าเมื่อไปเยี่ยม แทนที่กระผม/อาตมภาพจะเป็นห่วงท่าน ท่านกลับเป็นห่วงกระผม/อาตมภาพเสียเอง ท่านบอกว่า "ข้าอยู่ในนี้ ข้าถือว่ารอดแล้ว แกอยู่ข้างนอกต่างหาก ให้ระวังเอาไว้ให้ดี ไม่รู้ว่าจะโดนเมื่อไร..!?"
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,511
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    ครั้นเมื่อท่านพ้นคดีออกมา ยังไม่ได้รับตำแหน่งแห่งที่สมณศักดิ์อะไรกลับคืน กระผม/อาตมภาพไปเยี่ยม ท่านก็ยังขอบอกขอบใจ บอกว่า "ถ้ามีเวลาเมื่อไร ข้าจะแวะไปหาแกที่ท่าขนุน ตอนนี้สุขภาพร่างกายไม่ค่อยดี ต้องไปหาหมอมากกว่าไปหาคนอื่น" จนกระทั่งท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์พระพรหมดิลกคืนมา โดยถือว่าไม่มีความมัวหมองใด ๆ กระผม/อาตมภาพก็ยังโผล่ไปตามวาระและเวลาที่เหมาะสม

    แม้กระทั่งวันนี้ที่รีบไปกราบท่าน ก็เพราะว่ามีกิจการงานอื่นรออยู่ ได้กราบเรียนท่านว่า "นอกจากเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ระบาดแล้ว กระผมยังโดนแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ (หนกลาง) ต้องออกตรวจประเมินยกหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบ จนกระทั่งไม่มีเวลาที่จะจัดงาน แม้กระทั่งปีนี้ วันที่ ๑๐ - ๑๑ - ๑๒ - ๑๓ กันยายน กระผมก็ยังต้องตรวจประเมินยกหมู่บ้านศีล ๕ ต้นแบบอยู่เลย ทำให้ไม่มีเวลาจัดงานวันบูรพาจารย์วัดท่าขนุนในวันที่ ๑๔ กันยายน จึงไม่มีโอกาสที่จะนิมนต์หลวงพ่อไปที่วัดท่าขนุนอีกเลย" ท่านบอกว่า "ไม่เป็นไร..เดี๋ยวข้าเป็นคนไปหาแกเอง ไม่ต้องนิมนต์ก็ได้"

    เมื่อได้เวลาอันสมควร เพราะว่าท่านจะต้องออกใส่บาตรเนื่องในวันเกิดและปล่อยชีวิตสัตว์ กระผม/อาตมภาพจึงขออนุญาตกราบลา วิ่งกลับมาดูบรรดาผู้เข้ารับการอบรมพระคิลานุปัฏฐากที่วัดปรังกาสี การมาเยี่ยมการอบรมนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เนื่องเพราะว่าพระผู้น้อยที่เข้าอบรมนั้น บางทีตั้งหน้าตั้งตาอบรม แล้วก็ไม่รู้ว่ามีพระผู้ใหญ่มองเห็นหรือไม่ ว่าตนเองมาทำหน้าที่สำคัญอยู่ ? เมื่อเห็นพระผู้ใหญ่มา ก็รู้สึกชื่นใจ มีกำลังใจ

    เมื่อให้กำลังใจบรรดาผู้เข้าอบรมเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็วิ่งกลับไปฉันเพลที่วัดท่าขนุน เพื่อให้ทางวัดท่าขนุนได้เห็นหน้าเจ้าอาวาสบ้าง..! เสร็จแล้วกระผม/อาตมภาพก็วิ่งกลับไปที่วัดปรังกาสี เพื่อร่วมงานพระราชทานเพลิงศพนายพิเชียร ประชากุล อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านดินโส อดีตรองนายกเทศมนตรีตำบลสหกรณ์นิคม ซึ่งถือว่าเป็นผู้บริหารโรงเรียนแทบจะเจ้าแรก ๆ ที่วิ่งไปหากระผม/อาตมภาพถึงเกาะพระฤๅษี ทันทีที่
    กระผม/อาตมภาพย้ายไปอยู่ที่นั่น เนื่องเพราะว่าท่านไปขอใช้สถานที่ในการฝึกลูกเสือ ซึ่งมีการตั้งฐานฝึกต่าง ๆ ในบริเวณนั้น

    เมื่อรู้จักมักคุ้นกัน กระผม/อาตมภาพก็ได้ให้ทุนการศึกษากับทางโรงเรียนบ้านดินโสเป็นโรงเรียนที่สอง เพิ่มเติมจากโรงเรียนบ้านป่าไม้สะพานลาว ซึ่งได้รับเป็นโรงเรียนแรก แล้วก็ให้ต่อเนื่องยาวนานมา จนกระทั่งเกิน ๓๐ ปี อย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,511
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    อดีต ผอ.พิเชียร ประชากุล ต้องบอกว่าเป็นตัวอย่างของบุคคลชาติพันธุ์ที่เจริญก้าวหน้า จนกระทั่งบางทีคนไทยก็อาย เนื่องเพราะว่าท่านเป็นกะเหรี่ยงบ้านนาสวน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมแล้ว ท่านก็ได้รับโควต้าไปศึกษาต่อในระดับประกาศนียบัตร เพื่อที่จะได้กลับมาสร้างความเจริญให้กับท้องที่ของตน แล้วท่านก็ขวนขวายเรียนต่อเองจนจบปริญญาตรี

    หลังจากที่ได้รับบรรจุเป็นครูน้อยที่โรงเรียนบ้านกุยแหย่ อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรีแล้ว เมื่อย้ายมาเป็นครูที่โรงเรียนบ้านดินโส ท่านก็ค่อย ๆ เจริญก้าวหน้ามาตามลำดับ จนกระทั่งเกษียณอายุลงในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านดินโส แล้วก็ยังรับหน้าที่ต่าง ๆ ในการรับใช้ประชาชนมา ไม่ว่าจะเป็นประธานของโครงการนั้น ประธานของกลุ่มนี้ จนกระทั่งท้ายที่สุดก็ลงสมัครเลือกตั้งสภาชิกสภาเทศบาลตำบลสหกรณ์นิคม แล้วได้รับความไว้วางใจ เลือกขึ้นเป็นรองนายกเทศมนตรี

    อย่าลืมว่าท่านเองเป็นกะเหรี่ยง ที่กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่าเป็น "กะเหรี่ยงหัวก้าวหน้า" กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ โดยปกติแล้วชนชาวชาติพันธุ์ต่าง ๆ นั้น ถ้าหากว่าออกไปสู่โลกภายนอก ต่อให้พูดเก่งแค่ไหนก็กลายเป็นใบ้ไปเสียหมด ไม่กล้าพูด ไม่กล้าคิด เหมือนกับตอนที่อยู่กับพวกเดียวกัน แต่ว่าอดีต ผอ.พิเชียร ท่านกล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ กล้าที่จะเรียกร้องเพื่อชาติพันธุ์ของตนเอง กล้าที่จะเข้าไปรับใช้พี่น้องประชาชน จึงควรเป็นตัวอย่างที่ยกให้คนอื่นได้ดูว่า เราเองเป็นคนไทยแท้ ๆ แต่ว่าน้อยคนที่สามารถไปถึงระดับของอดีต ผอ.พิเชียรได้

    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเราดูเป็นตัวอย่าง ก็จะได้พากเพียรพยายามให้มากขึ้น อยู่ในลักษณะที่ว่า บุคคลผู้เพียรพยายามย่อมประสบความสำเร็จ ถ้าจะยกบาลีขึ้นมาก็คือ วายะเมเถวะ ปุริโส ยาวะ อัตถัสส นิปปะทา ขึ้นชื่อว่าเกิดเป็นคนต้องมีความพยายามร่ำไป จนกว่าที่จะสำเร็จประโยชน์ แล้วท้ายที่สุดความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จก็อยู่ที่นั่น ครั้นได้วางดอกไม้จันทน์ เพื่อร่วมในการพระราชทานเพลิงศพท่านเรียบร้อยแล้ว
    กระผม/อาตมภาพก็ได้บอกลาทุกคนในงาน เดินทางกลับยังวัดท่าขนุน

    แต่ว่าวันนี้เป็นวันที่ ๑๓ ของเดือน ซึ่งเป็นธรรมเนียมของวัดท่าขนุนว่า จะมีการสวดพระพุทธมนต์เย็นถวายหลวงปู่สาย อคฺควํโส (พระครูสุวรรณเสลาภรณ์) อดีตเจ้าอาวาสรูปที่ ๓ ของวัดท่าขนุน แล้วพรุ่งนี้เช้าก็เป็นการทำบุญถวายหลวงปู่สายตรงกับวันมรณภาพ แต่ความจริงท่านมรณภาพในเดือนกันยายน เพียงแต่ว่าวันที่ ๑๔ กันยายนนั้น เราทำบุญใหญ่ในฐานะวันบูรพาจารย์ของวัดท่าขนุน แต่ว่าทุกเดือนนั้น ถ้าหากว่าไม่ได้ตรงกับสามเดือนในช่วงเข้าพรรษา เราก็จะทำบุญถวายหลวงปู่ทุกวันที่ ๑๔ ของเดือนนั้น ๆ ส่วนในช่วงวันเข้าพรรษานั้น เราจะเลือกเอาวันพระที่ใกล้เคียงวันที่ ๑๔ มากที่สุด แล้วก็ทำบุญถวายท่านไป พร้อมกับการทำบุญทุกวันพระ
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,511
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    ในเรื่องของครูบาอาจารย์ก็ดี ในเรื่องของการกตัญญูกตเวทีบุคคลก็ตาม เป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายควรที่จะเทิดคุณครูบาอาจารย์ไว้เหนือเศียรเหนือเกล้า ควรที่จะมีการแสดงออกซึ่งกตเวทิตาต่อบุคคลที่เป็นครูบาอาจารย์ของเรา

    กระผม/อาตมภาพนั้น นอกจากหลวงปู่สายที่ถือว่าเป็นครูบาอาจารย์ทางด้านจังหวัดกาญจนบุรีแล้ว ครูบาอาจารย์หลักก็คือพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ซึ่งกระผม/อาตมภาพจัดวันไหว้ครูตามสายบูรพาจารย์วัดท่าซุงทุกวันขึ้น ๕ ค่ำ เดือนไหนก็ตามของปีนั้น ซึ่งตรงกับวันเสาร์ และได้คำสั่งจากพระท่านให้จัดงานไหว้ครูประจำปี ปีนี้ก็ได้จัดงานไหว้ครูประจำปี และเป่ายันต์เกราะเพชรในวันที่ ๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพรหมดิลกท่านยังปรารภว่า "ตอนแรกข้าก็เสียดายว่า วิชาการสำคัญที่สุดวิชาหนึ่งของหลวงพ่อฤๅษีฯ ก็คือการเป่ายันต์เกราะเพชร ไม่มีใครได้ไว้เลย แม้กระทั่งเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ข้าถามตอนที่เขานิมนต์ไปงาน เขาก็บอกว่าไม่ได้รับเอาไว้"

    กระผม/อาตมภาพจึงได้กราบเรียนถวายท่านว่า "ความจริงก็มีบุคคลที่ได้รับการครอบครูเอาไว้ ๙ รูป แต่ว่าออกมาอยู่ข้างนอกบ้าง สึกหาลาเพศไปบ้าง มรณภาพไปบ้าง ปัจจุบันนี้ก็มีกระผม/อาตมภาพที่เป็นหลักอยู่ เพราะว่าได้รับอนุญาตให้จัดการเป่ายันต์เกราะเพชรเพื่อสงเคราะห์ญาติโยมได้ แต่ว่าก็จัดตามที่พระท่านสั่งเท่านั้น ถ้าไม่ได้สั่ง กระผมก็ไม่กล้าที่จะจัดเช่นกัน"

    เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่า ถ้าหากว่าเราท่านกตัญญูกตเวทิตาต่อครูบาอาจารย์ แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังตรัสเอาไว้ว่า ภูมิ เว สัปปุริสานัง กตัญญูกตเวทิตา การรู้คุณท่านและตอบแทนคุณท่านนั้น ถือว่าเป็นพื้นฐานของคนดี

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๑๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...