เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 30 มีนาคม 2025 at 19:27.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,170
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,693
    ค่าพลัง:
    +26,549
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๘

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,170
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,693
    ค่าพลัง:
    +26,549
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๓๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ต้องถือว่ายังอยู่ในช่วงของควันหลงแผ่นดินไหว เมื่อเช้านี้ กระผม/อาตมภาพไปรับทักษิณานุปทาน ในงานพระราชทานเพลิงศพหลวงพ่อผล - พระราชปริยัติกิจ (ผล ผลิตธมฺมมหาเถร) อดีตเจ้าอาวาสวัดพรหมวงศาราม อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะแขวงทุ่งพญาไท เพราะว่าได้รับฎีกานิมนต์จากท่านเจ้าคุณจันทร์แก้ว - พระมงคลรัตนาภรณ์ (จันทร์แก้ว จนฺทรตโน ป.ธ. ๖) รองเจ้าอาวาสวัดพรหมวงศาราม

    เสร็จแล้วก็รีบวิ่งกลับมาวัดท่าขนุน ทันไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพของครูวินิจ ถ้ำทองพอดี แล้วอีกสักครู่ก็ต้องไปร่วมรายการเสียงธรรมจากมหาจุฬาอาศรมต่อ ไม่ต้องเหนื่อยแทน..! เพราะว่าอย่างไรตอนพวกท่านพัก กระผม/อาตมภาพก็ยังคงต้องอยู่ อย่างน้อย ๓ ทุ่มไปแล้ว

    ในเรื่องของรายการเสียงธรรมจากมหาจุฬาอาศรมนั้น จะมีการทำวัตรค่ำ บรรยายธรรม แล้วก็ปฏิบัติธรรมอยู่ ๓ ช่วงด้วยกัน รวมแล้ว ๓ ชั่วโมง ดังนั้น..การที่เราไปร่วมรายการก็เท่ากับบังคับตัวเองให้ทำความดีนั่นเอง แม้กระทั่งท่านอาจารย์เมธา - พระครูภาวนาสารบัณฑิต, ดร. (เมธา จนฺทสาโร) ก่อนหน้านี้ท่านทำหน้าที่ผู้อำนวยการส่วนธรรมนิเทศ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ท่านก็ยังบ่นว่า "ผมเป็นเจ้าของพื้นที่ แต่ว่ามีโอกาสเข้าร่วมรายการเสียงธรรมจากมหาจุฬาอาศรมน้อยกว่าหลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุนอีก..!"

    เรื่องพวกนี้ ถ้ากำลังใจของเราไม่ได้จดจ่อปักมั่นอยู่กับการทำความดี ก็จะกลายเป็นว่าเผลอลืมกันได้ กระผม/อาตมภาพก็เคยลืม แต่ว่าไม่ใช่การลืมเพราะว่าลืมจริง ๆ แต่ที่ไม่ได้เข้าเพราะว่าอยู่ต่างประเทศบ้าง ติดการประชุมอื่นบ้าง เป็นต้น

    คราวนี้ในเรื่องของแผ่นดินไหวที่ผ่านมา ญาติโยมตลอดจนกระทั่งพระของเราส่วนหนึ่งได้ส่งข้อมูลมา เกี่ยวกับเรื่องของการใช้มาตราริกเตอร์สเกลกับแมกนิจูด ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็มีข้อมูลเท่ากับที่ท่านส่งมานั่นแหละ..!

    แต่ความสับสนไปอยู่ตรงที่ว่า กระผม/อาตมภาพเรียนมาตั้งแต่แรกว่า ความสว่างของดวงดาวเขาวัดด้วยหน่วยแมกนิจูด แล้วแผ่นดินไหวเขาวัดด้วยหน่วยริกเตอร์สเกล ในเมื่อถึงเวลาเขาเอาสองอย่างมาปนกัน ก็เลยสับสนกับชีวิต ประมาณว่าปรับตัวไม่ทัน..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,170
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,693
    ค่าพลัง:
    +26,549
    เนื่องเพราะว่าริกเตอร์สเกลนั้นเป็นมาตราวัดแผ่นดินไหวของเก่า ถ้าจำไม่ผิด เขาบอกว่าเต็มที่วัดได้ไม่เกิน ๗ ก็เลยมีการปรับใหม่เป็นแมกนิจูด ซึ่งใช้คำเต็มว่าโมเมนต์แมกนิจูด วัดความเคลื่อนไหวหรือว่าพลังงานที่ปลดปล่อยออกมาของแผ่นดินไหวได้ละเอียดกว่า และสูงกว่า ๗ ริกเตอร์สเกล

    ส่วนความสว่างของดวงดาวนั้น ถ้าคำเต็มก็คือแอพแพแรนซ์แมกนิจูด ยิ่งค่าน้อยเท่าไร ดาวดวงนั้นยิ่งสว่างมาก จำง่าย ๆ แค่นี้พอ ถ้ายิ่งติดลบก็ยิ่งสว่างหนักเข้าไปใหญ่ ไม่ต้องไปสนใจว่าเขาวัดกันอย่างไร ฟังแล้วปวดหัว แต่คราวนี้พอถึงเวลาเขาใช้แค่คำว่าแมกนิจูดอย่างเดียว ก็ทำให้ไอ้ประเภทเรียนมากอย่างกระผม/อาตมภาพก็ปวดหัวไป เหมือนเขาบอกว่าให้เอายาแก้ปวดหัวไปกินแก้ปวดท้อง อะไรประมาณนั้น ?!

    ในเรื่องพวกนี้ การศึกษาของเรานั้นก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ ความรู้รุ่นเก่า ๆ ที่กระผม/อาตมภาพเรียนมา หลายอย่างใช้ในปัจจุบันไม่ได้ เพราะว่าเขาปรับเปลี่ยนไปหมดแล้ว ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการปรับประเภทที่อาศัยความคิดเห็นของตนเองเป็นใหญ่ อย่างที่ศาสตราจารย์พิเศษจำนงค์ ทองประเสริฐ (ราชบัณฑิต) อาจารย์ปู่ของชาว มจร. อดีตท่านเจ้าคุณพระกวีวรญาณ ท่านพยายามปรับภาษาไทย แล้วก็ทำให้สิ่งที่กระผม/อาตมภาพเรียนมานั้นใช้ไม่ได้

    อย่างเช่นว่าต้นโพธิ์ ก็คือโพธิ์ เขาตัดทิ้งไปเลยเหลือ ต้นโพ พ.พาน ตัวเดียว สิงห์โต ก็คือ สิงหะ ตัดทิ้งไปเลย เหลือแต่ สิงโต ไม่มี ห์ ซึ่งกระผม/อาตมภาพบอกว่ามันเหมือนกับลิงมากกว่าสิงห์ หรือไม่ก็อย่างอินทรีย์ที่แปลว่าใหญ่ นกอินทรีย์คือนกใหญ่ ก็ไปตัด ย์ ออก
    กระผม/อาตมภาพนั่งเถียงจนกระทั่งท่านขอดูบัตรประจำตัวว่าชื่ออะไร ? ทำไม "เถียงคำไม่ตกฟาก" แบบนี้ ?

    ลักษณะที่ท่านทำเหมือนอย่างกับภาษาจีนเขาว่า "เจียะป้าบ่อสื่อ" อยู่ว่างเกินไป ไม่รู้จะทำอะไร ? ท่านใช้คำว่า "ในเมื่อมีคำไทยอยู่ แล้วจะลากไปบวชทำไม ?" ก็คือจะลากไปเข้าบาลีทำไม ? ก็คืออยากจะได้คำที่เป็นภาษาไทยล้วน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าภาษาทุกภาษาจะมีคำปนภาษาอื่นอยู่ ภาษาไทยของเราไอ้คำที่ปนอยู่มากจนเราแยกแทบไม่ค่อยออกเลยก็คือภาษาเขมร แม้กระทั่งภาษาจีน ภาษาอังกฤษ บาลี สันสกฤต ใช้จนเราคิดว่าเป็นภาษาไทย แต่ความจริงแล้วไม่ใช่
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,170
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,693
    ค่าพลัง:
    +26,549
    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านพยายามไปปรับแก้ สิ่งที่กระผม/อาตมภาพเรียนมาจึงสับสนไปหมด เพราะว่าตอนเรียน เรียนมาอย่างนี้ ปัจจุบันเขียนอย่างนี้กลายเป็นผิด เดี๋ยวเจอหน้าก็ต้องเถียงกับท่านอีก คราวนี้ด้วยความที่ท่านเป็นราชบัณฑิต ท่านมั่นใจในความรู้ตัวเอง ส่วนกระผม/อาตมภาพเป็นเด็กสู้ครู ไม่หนีครูบาอาจารย์หรอก ในเมื่อแก้ไขกันไปมาก ๆ บางสิ่งบางอย่างใช้ไม่ได้ ก็ต้องมานั่งเครียดอยู่ในปัจจุบัน..!

    เราต้องไม่ลืมว่า ถ้าหากว่าอ่านหนังสือในสมัยเก่า ๆ คำอ่านที่มาจากภาษาอังกฤษ ในปัจจุบันนี้อ่านกันไม่รู้เรื่องแล้ว เขาออกเสียงกันตามสบาย อย่างสถานีรถไฟ สเตชั่นในทุกวันนี้ สมัยก่อนเขาเรียก "กะเตชั่น" แบดมินตันเป็น "ปั๊กกะตั้น" แล้วแต่เขาจะเรียกกัน ในเมื่อท่านอยากจะได้ภาษาไทยบริสุทธิ์ ชาติหน้าบ่าย ๆ ก็หาไม่ได้หรอก..!

    เพียงแต่ว่าแผ่นดินไหวในพม่านั้น ความชัดเจนยังไม่มี ยอดผู้ตายก็ทะยานสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ จากเมื่อคืน ๙๐๐ กว่าศพ ตอนนี้ก็ ๒,๐๐๐ กว่าศพ ทางด้านต่างประเทศเขาประมาณว่าน่าจะตายเป็นแสนเลย..!

    ส่วนที่น่าเสียดายที่สุดก็คือพระเจดีย์ฉิ่นเพียวเม หรือที่เรียกภาษาชาวบ้านว่าเจดีย์เมียะเต็งต่าน ที่มิงกูน ประเทศพม่า เป็นพระเจดีย์ที่สร้างได้สวยมาก และสร้างด้วยเหตุที่ว่าบากะยีดอ หลานของพระเจ้าปะดุงที่ยกทัพมาถล่มไทย ๙ ทัพนั่นแหละ..! สร้างให้กับพระเทวีของท่าน ก็คือฉิ่นเพียวเม คนออกแบบออกแบบได้สวยมาก ก็คืออยู่ในลักษณะเป็นเขาสัตตภัณฑ์คีรี ที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุอยู่ แล้วก็จะมีมหาสมุทรทีละชั้น ทีละชั้นเข้าไป จนกระทั่งถึงองค์พระเจดีย์ก็คือยอดเขาพระสุเมรุ..พังกระจายเลย..!

    แม้กระทั่งวัดหลวงพ่อพระมหาเมี้ยตมุนีก็ได้รับผลกระทบมาก ถ้าหากท่านที่เคยไป ตลอดทางเดิน ๔ ทิศที่เข้าไปกราบหลวงพ่อพระมหาเมี้ยตมุนี จะเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านค้าโดนแผ่นดินไหวกระจัดกระจายไปหมด บางแห่งก็ถล่มลงมา เพียงแต่ว่าไม่กระทบกับองค์หลวงพ่อพระมหาเมี้ยตมุนีเท่านั้น..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,170
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,693
    ค่าพลัง:
    +26,549
    ที่อัศจรรย์กว่านั้นก็คือพระบรมธาตุอินทร์แขวน ถ้าหากว่าท่านไม่ได้สัมผัสด้วยตนเอง จะไม่รู้ว่าอัศจรรย์แค่ไหน เพราะว่าเป็นหินใหญ่ก้อนหนึ่งที่ตั้งไว้หมิ่น ๆ ริมหน้าผาเท่านั้น ที่หนักกว่านั้นก็คือกระผม/อาตมภาพไปครั้งแรกก็ลองไปโยกดู โยกได้จริง ๆ ครับ..! แต่ปรากฏว่าแผ่นดินไหวแรงขนาดนั้น มีแค่ยอดฉัตรสั่น ๆ อยู่หน่อยเดียว ก้อนหินยังไม่ไหวเลย ถ้าเขาบอกว่าพระอินทร์เอามาตั้งไว้ ท่านก็ขลังจริงเหมือนกัน..!

    ในเรื่องของแผ่นดินไหว หรือภัยธรรมชาติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น นอกจากจะวัดผลการปฏิบัติของเราแล้ว ยังวัดความสามารถในการบริหารจัดการของหน่วยงานที่รับผิดชอบได้ด้วย ปัจจุบันนี้ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าเรามีกรมบรรเทาสาธารณภัย แล้วเคยเห็นเขาทำงานทันบรรดามูลนิธิต่าง ๆ ไหม ? พอถึงเวลาบรรดาร่วมกตัญญูก็ดี ปอเต็กตึ๊งก็ตาม ไปถึงก่อน ทำงานไปก่อน แล้วพอเจ้าใหญ่นายโตไปถึง บางทีก็ไม่รู้เรื่อง กูสั่งอย่างเดียว กลายเป็นกีดมือขวางเท้า แทนที่จะปล่อยให้ผู้เชี่ยวชาญเขาทำงานตามความถนัดของตัว..!

    มีอยู่อย่างเดียวที่เขาหมดปัญญาก็คือตอนที่ ๑๓ หมูป่าติดอยู่ในถ้ำหลวง อันนั้นต้องการผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติจริง ๆ ถึงต้องฟังคนต่างประเทศเขา เพราะว่าบ้านเราไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น แต่ต่างประเทศเขามีมาแล้ว

    จึงเป็นเรื่องที่บ้านเราควรจะสังคายนาพวกหน่วยงานทั้งหลายเหล่านี้ ให้มี "แอ็คชั่น" มากกว่านี้หน่อย ไม่ใช่อะไร ๆ ก็พึ่งมูลนิธิของเอกชน พึ่งเขาก็พึ่งอย่างเดียว งบประมาณอะไรก็ไม่มีให้ ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขามีให้หรือเปล่า ? แต่จากประสบการณ์ตัวเองที่ดูแลมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ สาขาทองผาภูมิอยู่หลายปี นอกจากไม่เคยได้รับเงินสนับสนุนสักบาทแล้ว ยังต้องควักเงินไปให้เขาอีกต่างหาก..!
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,170
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,693
    ค่าพลัง:
    +26,549
    เพียงแต่พวกเราทั้งหลายส่วนหนึ่ง พอถึงเวลาเจอกับเหตุการณ์ ด้วยความที่สติไม่พอ สมาธิไม่พอ ทำอะไรไม่ถูก จนกลายเป็นภาระของคนอื่น แค่แข้งขาอ่อนเดินไม่ออกก็ซวยแล้ว เพราะว่าถ้าคนเยอะ ๆ เขาไม่สนใจหรอกใครเป็นใคร เหยียบกันตายมามากต่อมากแล้ว..!

    ดังนั้น..ให้ถือว่าภัยพิบัติแบบนี้เป็นเครื่องวัดการปฏิบัติของเราว่า เพียงพอที่จะอาศัยได้หรือไม่ ? เพราะว่ากำลังของคนเรา แบ่งหยาบ ๆ ได้ ๓ ระดับ

    ระดับแรก ช่วยตัวเองไม่ได้ ช่วยคนอื่นไม่ได้

    ระดับที่ ๒
    ช่วยตัวเองได้ ช่วยคนอื่นไม่ได้

    ระดับที่ ๓ ช่วยได้ทั้ง
    ทั้งตัวเองและคนอื่น

    ต้องวัดดูว่าตัวเราอยู่ในระดับไหน ถ้าหากว่าอยู่ในระดับสูงแล้ว ก็พยายามปรับให้เข้มข้น ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ถ้าอยู่ในระดับต่ำ ก็ต้องรีบใช้ความเพียรพยายามให้มากกว่าเดิม
    ไม่ใช่ถึงเวลาเขื่อนแตกมาไม่รู้ว่าจะไปทางไหน..!?

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๓๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...