เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 23 มิถุนายน 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,539
    ค่าพลัง:
    +26,376
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,539
    ค่าพลัง:
    +26,376
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ ช่วงเช้ากระผม/อาตมภาพไปทำบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัย เพื่อขออนุญาตหล่อรูปสมเด็จองค์ปฐม และรูปสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) วัดระฆังโฆสิตาราม ให้กับพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ.ดร. วัดอุทยาน ซึ่งมีผู้คนมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก เนื่องเพราะว่าเป็นวันอุ้มบาตรเข้าวัด

    งานอุ้มบาตรเข้าวัดนั้นเป็นงานที่หลวงพ่อศรี (พระครูนนทมงคลวิศิษฐ์, ดร.) อดีตเจ้าอาวาสวัดอุทยาน ท่านได้ดำเนินการเอาไว้ ก็คือมอบบาตรออมสินให้กับญาติโยมรอบวัด ทำการหยอดเงินทำบุญเอาไว้ทุกวัน มากน้อยแล้วแต่ศรัทธา ครั้นครบรอบปีก็นำเอาบาตรนั้นมา เพื่อที่จะร่วมกันถวายเป็นผ้าป่า ซึ่งแต่ละปีนั้น กรรมการวัดต้องนับกันจนหน้ามืดตาลาย เพราะว่าเหรียญมีเป็นจำนวนมาก..!

    เมื่อทำการบวงสรวงเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ขอตัวกลับกุฏิริมป่าช้าซึ่งเป็นที่พัก ปรากฏว่าคุณนวลจันทร์ เพียรธรรม ประธานคณะกรรมการบริษัทเอ็นซีทัวร์ คุณเอ (ฉัตตริน เพียรธรรม) กรรมการผู้จัดการบริษัทเอ็นซีทัวร์ และน้องหนึ่ง (ณิชชารีย์ จั่นแก้ว) กับน้องการ์ตูน (ศรัณย์พร บุรินทรโกษฐ์) ได้มาขอพบ เพื่อนำเอารายการเที่ยวทองผาภูมิมาส่ง

    รายการนี้กระผม/อาตมภาพใช้คำว่า "รายการทัวร์กินทุเรียน" เพราะว่าคุณนวลจันทร์เมื่อทราบข่าวว่า ทางอำเภอทองผาภูมิจัดงานเทศกาลผลไม้ของดีอำเภอทองผาภูมิ และสืบสานประเพณีลานบ้านลานวัฒนธรรม ในวันที่ ๒๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ ถึง วันที่ ๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ ที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์เขื่อนวชิราลงกรณ ก็เกิดขลังขึ้นมา อยากจะให้ลูกทัวร์ได้ไปลองชิมผลไม้ขึ้นชื่อของทางอำเภอทองผาภูมิ โดยเฉพาะทุเรียนทองผาภูมิและเงาะทองผาภูมิ ซึ่งระยะหลังมีผู้เอาไปแอบอ้างชื่อขายกันเป็นจำนวนมาก

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ทุเรียนทองผาภูมินั้นไปชนะเลิศการประกวดทุเรียนโลก โดยชนะทั้งทุเรียนนนทบุรีและทุเรียนจันทบุรีด้วย จึงทำให้มีชื่อเสียงเลื่องลือ เป็นที่ต้องการมาก จนระยะหลังส่วนใหญ่แล้ว ถ้าหากว่าไม่ขอความร่วมมือเอาไว้ตั้งแต่ต้น ก็มักจะโดนพ่อค้าไปเหมาสวนจนหมด พูดง่าย ๆ ว่า แม้แต่คนทองผาภูมิเองก็แทบจะไม่มีทุเรียนทองผาภูมิไว้กิน กลายเป็นว่าพ่อค้านำไปจำหน่ายที่อื่นจนหมด
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,539
    ค่าพลัง:
    +26,376
    เมื่อมีงานเทศกาลผลไม้ของดีทองผาภูมิ และงานสืบสานประเพณีลานบ้านลานวัฒนธรรม กระผม/อาตมภาพที่เป็นกรรมการคนหนึ่งในการจัดงาน ในฐานะประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ เท่ากับว่ามีส่วนร่วมในงานนี้ด้วย โดยเฉพาะท่านนายอำเภอชาคริต ตันพิรุฬห์นั้น ถึงขนาดยอมลงทุนเป็นผู้แสดงสป็อตโฆษณาถึง ๓ - ๔ สป็อตด้วยกัน เพื่อที่จะนำไปลงเผยแพร่ทางสื่อโซเชียล

    กระผม/อาตมภาพเองเมื่อเห็นว่า คุณนวลจันทร์ลงทุนลงแรงพาพรรคพวกไปกินเงาะกินทุเรียนกัน แถมยังพาไปนอนที่สังขละบุรี เพื่อใส่บาตรพระที่สะพานมอญ ตลอดจนกระทั่งลงมาร่วมโครงการ "หิ้วตะกร้า นุ่งผ้าไทย นั่งแคร่ไม้ ใส่บาตรพระทุกวันอาทิตย์" ของสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ และชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน จึงรับปากว่าจะอยู่ต้อนรับคณะของคุณนวลจันทร์

    เพียงแต่ว่าเมื่อถึงเวลาแล้วให้รีบเข้าไปที่งานผลไม้ก่อน เร็วเท่าไรก็ดีเท่านั้น เพราะว่าผลไม้ระดับ "พรีเมี่ยม" คือของแท้จากสวน ซึ่งจะต้องมีสติ๊กเกอร์มีคิวอาร์โค้ด ตลอดจนกระทั่งมีกูเกิ้ลแม็พแสดงสวนของตนเองว่าอยู่ที่ไหน โดยที่จะเป็นเต็นท์พิเศษนั้น มักจะหมดเสียในระยะเวลาอันรวดเร็ว ต่อให้ราคาแพงแค่ไหนก็หมดเร็วมาก

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพจึงอยากจะให้เดินทางไปยังเขื่อนวชิราลงกรณ เพื่อหาซื้อผลไม้กันก่อน จากนั้นค่อยมาค้างคืน แล้วรุ่งเช้าวันอาทิตย์มาร่วมงานใส่บาตรวันอาทิตย์ จากนั้นค่อยเข้าไปกราบพระและถวายผ้าป่าที่วัดท่าขนุน

    ด้วยความเห็นใจว่าญาติโยมเดิมทางไปไกล ก็ต้องการที่จะเจอกระผม/อาตมภาพด้วย จึงได้รับปากว่าจะอยู่ต้อนรับคณะเอ็นซีทัวร์ที่นั่น ซึ่งญาติโยมทั้งหลายที่หาตัวเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนยากเย็นเป็นพิเศษ ถ้าหากว่าร่วมไปกับคณะทัวร์ของเอ็นซีทัวร์ ก็พอที่จะประกันความเสี่ยงได้ว่า จะมีโอกาสได้พบเจอกระผม/อาตมภาพสักแวบหนึ่ง หลังจากนั้นก็คงตะลอน ๆ ไปตามภาระงานของตนเอง
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,539
    ค่าพลัง:
    +26,376
    ส่วนในช่วงบ่ายวันนี้ กระผม/อาตมภาพไปร่วมประชุมคณะกรรมการดำเนินงานจัดโครงการ "แสดงพระธรรมเทศนา ๔ ภาคเฉลิมพระเกียรติ" ซึ่งงานนี้เป็นการจัดแสดงพระธรรมเทศนาภาคสุดท้าย ก็คือภาคกลาง จะจัดที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในวันอาทิตย์ที่ ๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗

    แต่ด้วยความที่ว่ากระผม/อาตมภาพนั้น น่าจะต้องโดนกำหนดให้เป็นพระเกจิอาจารย์เสกน้ำศักดิ์สิทธิ์ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสเจริญพระชนมายุ ๗๒ พรรษา ซึ่งมีกำหนดการในวันเดียวกัน จึงได้กราบเรียนพระเดชพระคุณพระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. (ประยูร ธมฺมจิตฺโต ป.ธ.๙, Ph.D.) ท่านเจ้าคุณอาจารย์ ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติว่า งานนี้ถึงเป็นกรรมการ กระผม/อาตมภาพก็คงไม่สามารถที่จะร่วมงานด้วยได้ นอกจากร่วมถวายปัจจัยในการนี้ไป ๑๐๐,๐๐๐ บาท เพราะว่าค่าเช่าสถานที่ก็คือศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ในวันอาทิตย์นั้น อยู่ที่วันละ ๑๒ ล้านบาท..!

    แม้ว่าจะได้รับการถวายจากคุณฐาปน สิริวัฒนภักดีก็ตาม แต่ว่างานด้านอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยไทยธรรมถวายพระมหาเถระที่มาร่วมงาน ๗๓ รูป ตลอดจนกระทั่งข้าวปลาอาหารและน้ำดื่ม ที่จะถวายพระภิกษุสงฆ์จนกระทั่งญาติโยมที่ไปร่วมงานอีกหลายพันคน ก็คงจะต้องแบ่งสันปันส่วนกันรับผิดชอบ

    ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมบัณฑิตบ่นว่า "ท่านมีแต่ให้ผมอยู่ฝ่ายเดียว ผมไม่มีโอกาสได้ให้อะไรท่านบ้างเลย" ที่ท่านปรารภมาเช่นนี้ก็เพราะว่า ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะไปขอพระฐานานุกรมของท่านบ้าง ขอท่านสนับสนุนงานนั้นงานนี้บ้าง ขอท่านช่วยไปเป็นประธานในงานของตนบ้าง แต่กระผม/อาตมภาพนั้น ถวายปัจจัยให้กับท่านเพื่อช่วยงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาโดยสุจริตจริง ๆ

    ดังนั้น..ท่านจึงได้ตั้งกองทุนเผยแผ่พระพุทธศาสนา ด้วยเงินที่กระผม/อาตมภาพถวายท่านไว้ครั้งแรก ๑ ล้านบาท แล้วก็มีการเพิ่มทุนมาเป็นระยะ เมื่อท่านเจ้าคุณอาจารย์บ่นมาในลักษณะนี้ เหมือนกับว่า "เมื่อไรจะขอท่านสักที" กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่ขออภัย เนื่องเพราะว่าเป็นคนขออะไรใครไม่เป็น..!

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า "ผู้ให้นั้นเป็นที่รัก แต่ผู้ขออาจจะกลายเป็นผู้ที่ถูกรังเกียจก็เป็นได้" เนื่องเพราะว่าพระภิกษุสามเณรของเรานั้น ปกติแล้วปัจจัย ๔ ก็คืออาหารบิณฑบาต จีวรที่ใช้นุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยก็ในวัดวาอารามของตนเอง ยารักษาโรค กระผม/อาตมภาพก็มีหมอที่ปวารณารักษาให้อยู่แล้ว จึงไม่มีอะไรที่ขาดเลยแม้แต่อย่างเดียว ทำเอาท่านเจ้าคุณอาจารย์พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่นึกว่าลูกศิษย์จะตั้งหน้าตั้งตาดันท่านออกหน้าไปทำงานอย่างเดียว โดยที่ไม่ได้หวังอะไรจากท่านเลย
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,539
    ค่าพลัง:
    +26,376
    ความจริงกระผม/อาตมภาพก็หวังมากอยู่ ก็คือหวังในบุญของธรรมทาน ที่ท่านเจ้าคุณอาจารย์ในฐานะประธานคณะกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะดำเนินโครงการในแต่ละปี ซึ่งที่ผ่านมานั้นก็ล้วนแต่เป็นโครงการที่ทำไปทั่วประเทศ กระผม/อาตมภาพก็พลอยได้บุญใหญ่ตรงนี้ไปด้วย

    ถ้าไปคำนึงถึงบาลีหลักฐานที่ปรากฏอยู่ก็คือ สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ การให้ธรรมเป็นทานชนะซึ่งทานทั้งปวง ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ กระผม/อาตมภาพก็น่าจะแบกบุญที่ท่านเจ้าคุณอาจารย์ทำ แบบกินไม่ไหวใช้ไม่หมด เพราะว่าเป็นผู้สนับสนุนในฐานะ "กองเกียกกาย"

    คำว่า เกียกกายนั้น คนรุ่นใหม่ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้เสียแล้ว สมัยนี้ต่อให้เป็นทหารเขาก็ใช้คำว่า กองพลาธิการ ก็คือกองหนุนที่จะสนับสนุนทั้งเสบียงอาหารและอุปกรณ์ในการรบทั้งปวง โดยที่ก่อนหน้านี้ก็แบ่งออกเป็นถึง ๕ ฝ่ายด้วยกัน ก็คือฝ่ายที่ ๑ กำลังพล ฝ่ายที่ ๒ ข่าวกรอง ฝ่ายที่ ๓ วางแผนยุทธการ ฝ่ายที่ ๔ ส่งกำลังบำรุง และฝ่ายที่ ๕ กิจการพลเรือน ก็คือในการปฏิบัติการจิตวิทยาต่อบรรดาชาวบ้านต่าง ๆ เป็นต้น

    ในเมื่อเป็นเช่นนี้ กระผม/อาตมภาพเองนั้น ในปัจจุบันห่างเหินจากวงการมานานมาก ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีฝ่ายอื่น ๆ เพิ่มมาหรือเปล่า ? แต่ว่าในฐานะของฝ่ายส่งกำลังบำรุง ซึ่งในสมัยก่อนเรียกกันว่ากองเกียกกาย
    นั้น กระผม/อาตมภาพก็ทำหน้าที่เกียกกายให้แม่ทัพใหญ่ท่านสบายใจว่า เวลาออกรบแล้ว ทางด้านหลังจะไม่ขาดอะไร ต่อให้ขาดก็สามารถที่จะส่งมาสนับสนุนได้ทันการ เป็นต้น

    หลังจากที่ประชุมกันเสร็จเรียบร้อย กระผม/อาตมภาพก็ไข้จับตามเคย เนื่องเพราะว่าอยู่ในห้องปรับอากาศนาน ๆ ทีไรก็เป็นเรื่องทุกที่ ขนาดอยู่ในกุฏิที่พักวัดอุทยาน ยังเปิดเครื่องปรับอากาศเอาไว้ที่ ๒๗ - ๒๘ องศาเซลเซียส ซึ่งแม้กระทั่งตัวคอมเพรสเซอร์ด้านนอกก็ไม่ทำงาน มีแค่คอมเพรสเซอร์ในตัวเครื่องปรับอากาศอย่างเดียว ก็สามารถที่จะทำงานอย่างเพียงพอแล้ว คนอื่นเข้ามาเมื่อไรก็ร้อนจนเหงื่อแตก เมื่อไปเจอเครื่องปรับอากาศเย็น ๆ ไม่คุ้นเคยทีไรก็เป็นไข้ทุกที หลังจากที่บันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนนี้ก็คงต้องอาศัยยาแก้ไข้อีกตามเคย..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุ สามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๒๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...