เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 20 กุมภาพันธ์ 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,372
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๕ ฝนเริ่มตกตั้งแต่ออกบิณฑบาต พระของเราแต่ละรูปก็อยู่ในอาการที่ว่า "เหมือนลูกหมาตกน้ำ" พอดีทางด้านเจ้าหน้าที่ชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน ให้ช่างมาถ่ายวิดีโอเพื่อนำเสนอข้อมูลชุมชนกับทางกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ก็เป็นอันว่าเสียเปล่า เพราะว่าไม่สามารถที่จะถ่ายทำได้อย่างที่ต้องการ

    คราวนี้พระใหม่ของเราบางทีก็อาจจะไม่เข้าใจ ว่าทำไมฝนตกถึงไม่หยุดบิณฑบาต ? ก็ต้องบอกกันง่าย ๆ แค่ว่า ถ้าตราบใดที่ยังต้องกิน ก็ยังต้องบิณฑบาต ถ้าเป็นสำนวนทหารตามที่กระผม/อาตมภาพได้รับการฝึกฝนมาก็คือ ทหารไม่ใช่ดินเหนียว แล้วก็ไม่ใช่เทียนขี้ผึ้ง โดนแดดโดนฝนจะได้ละลาย

    ถ้าถามว่าเกี่ยวอะไรกับทหารด้วย ? ก็เพราะว่าพระภิกษุสามเณรคือทหารในกองทัพธรรมของพระพุทธเจ้า ถ้าความลำบากแค่นี้ทนไม่ได้ ก็ไม่สมควรที่จะอยู่ในกองทัพธรรมแห่งนี้


    บางท่านก็อาจจะคิดว่าทำไมไม่กางร่มเวลาบิณฑบาต ? ร่มช่วยได้เหมือนกันเฉพาะเวลาฝนตกไม่แรงมาก แต่ถ้าฝนตกแรงมากอย่างที่กระผม/อาตมภาพเคยเจอมา กางร่มอยู่ยังตกทะลุร่มเฉยเลย ก็คือความแรงของเม็ดฝน ทำให้ร่มไม่สามารถที่จะต้านเอาไว้ได้ทั้งหมด

    โดยเฉพาะการกางร่ม พระพุทธเจ้าอนุญาตเฉพาะในอารามคือภายในวัด หรืออุปจารแห่งอาราม ก็คือพื้นที่ของวัด กางเพื่ออะไร ? ท่านใช้คำว่า "เพื่อป้องกันอาพาธอันอาจจะกำเริบ" คือป้องกันการป่วยไข้กำเริบขึ้น แปลว่าเราต้องป่วยอยู่แล้ว ไม่ได้ว่าป้องกันไม่ให้เป็นไข้ แต่ป้องกันไข้ไม่ให้กำเริบ


    ส่วนใครเขาจะกางร่มหรือไม่กางร่ม พวกเราไม่ต้องไปยุ่งกับเขา ให้รู้ว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าอนุญาตคืออย่างนี้ ส่วนใครเขาจะใจกล้าหน้าด้านแหกคอกอย่างไรเป็นเรื่องของเขา อย่าไปสนใจตรงนี้ สนใจแค่ว่าเราทำผิดหรือว่าทำถูก ถ้าทำถูกแล้วก็ทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ถ้าหากว่าทำผิดก็รีบแก้ไขให้ถูกต้อง
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เรื่องพวกนี้ถ้าหากว่าเราขาดสติก็จะทำให้โดนอาบัติ แรก ๆ ก็อาจจะเป็นอาบัติเล็ก ๆ ไปก่อน พอนานไป ๆ กิเลสที่มายามากก็จะชวนให้เราโดนอาบัติหนักขึ้น โดยที่มีข้ออ้างว่า "คราวที่แล้วยังทำได้เลย" ถ้าอยู่ในลักษณะอย่างนั้นก็แปลว่าไม่น่าจะรอด ต้องโดนพระธรรมวินัยที่เปรียบเหมือนกับทะเล ซัดขึ้นฝั่งเหมือนกับซากศพ ดังที่มีเปรียบเทียบไว้ในพระไตรปิฎก

    อย่างในระยะนี้ที่มีข่าวคราวโด่งดังตามสื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรกที่ซุกสีกาไว้ในกุฏิ แล้วโดนหมอปลาพาตำรวจไปจับ นำตัวเอาไปสึก หรือว่าเรื่องของท่านเจ้าคุณแจ๊ค รองเจ้าคณะจังหวัดนครนายก ที่ตำรวจนำหมายค้นไปขออนุญาตค้นกุฏิเกี่ยวกับเรื่อง "เงินทอน" ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจกันว่าคำนี้หมายถึงอะไร แต่ว่าไปเจอถุงยางอนามัยกับเหล้าเบียร์อยู่ในกุฏิด้วย แล้วล่าสุดนี้ก็พระที่วัดปางหมู จังหวัดแม่ฮ่องสอน เอาปืนไล่ยิงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน..!

    เรื่องพวกนี้ขอเริ่มที่วัดบางหญ้าแพรกก่อน บุคคลที่นำชาวบ้านและตำรวจบุกเข้าไปตรวจค้นเจ้าอาวาสก็คือหมอปลา ซึ่งต้องบอกว่าเป็นยูทูบเบอร์ชื่อดัง แต่หมอปลาไม่ใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมาย ไม่มีสิทธิ์อะไรเลยที่จะทำอย่างนั้น เจ้าอาวาสต่างหากที่เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย แล้วการที่ให้ตำรวจบังคับเอาตัวเจ้าอาวาสไปสึก ตำรวจท่านนั้นก็ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะไม่มีอำนาจ ถ้ามีการฟ้องกลับเมื่อไรก็ซวยทั้งโขยง..!

    เราต้องมาแยกแยะว่าสิ่งที่เจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรกทำเป็นการผิดพระธรรมวินัย ไม่ใช่ผิดกฎหมายบ้านเมือง ต่อให้หมอปลานำตำรวจบุกเข้าไปเจอเจ้าอาวาสกำลังร่วมเพศกับผู้หญิงอยู่ ถ้าผู้หญิงเขาบรรลุนิติภาวะแล้วสมยอมก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะว่าไม่มีอะไรผิดกฎหมาย แต่ว่าตรงนี้ผิดพระธรรมวินัย

    ถ้าจะดำเนินการให้ถูกต้อง คุณอาจจะล้อมกุฏิเอาไว้ หรือถ้ามีโอกาสเข้าไปข้างในก็ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน แต่ต้องติดต่อเจ้าคณะปกครองใกล้ชิด ก็คือเจ้าคณะตำบล ให้เจ้าคณะตำบลมาดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพระธรรมวินัย ก็ต้องมีการสอบสวนกัน ซึ่งเป็นการที่พระสอบสวนกัน ไม่ใช่ตำรวจหรือว่าฆราวาสไปสอบสวนพระในเรื่องที่ผิดพระวินัย ส่วนความผิดถูกอย่างไรก็ต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,372
    ดังนั้น...ตรงจุดนี้ถ้าหากว่าใครจะไปเป็นเจ้าอาวาส ขอให้ทราบไว้ว่า ถ้าท่านได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสเมื่อไร ท่านเป็นเจ้าพนักงานโดยกฎหมาย ก็คือพระราชบัญญัติคณะสงฆ์มาตราที่ ๔๕ ระบุเอาไว้ชัดเจน ว่าผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสและไวยาวัจกรเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ถามว่าตามกฎหมายนั้น ก็ตามประมวลกฎหมายอาญาที่ระบุเอาไว้ว่า เจ้าพนักงาน หมายถึง บุคคลซึ่งกฎหมายบัญญัติว่าเป็นเจ้าพนักงานหรือได้รับแต่งตั้ง ตามกฎหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ราชการ ไม่ว่าเป็นประจำหรือครั้งคราว และไม่ว่าจะได้รับค่าตอบแทนหรือไม่ ฯลฯ เป็นบุคคลผู้ที่ทำหน้าที่ควบคุมดูแลรักษากฎหมาย หรือว่าระเบียบ ตามกฎหมายนี้และกฎหมายอื่น คำว่ากฎหมายอื่นในที่นี้คือพระราชบัญญัติคณะสงฆ์

    ที่มากล่าวตรงนี้ ไม่ได้ให้พวกเราใจกล้าหน้าด้านทำผิดแล้วไปเถียงกับตำรวจ หรือว่าเถียงกับหมอปลา เราต้องแยกแยะให้ถูกว่าอะไรเป็นสิ่งที่ผิดพระวินัย สิ่งที่ผิดพระวินัยต่อให้ไม่มีใครโจทก์ ไม่มีใครฟ้อง คุณก็ผิดทันทีที่ทำแล้ว แต่ถ้าหากว่าเป็นการผิดกฎหมาย อย่างเช่นในเรื่องของเจ้าอาวาสวัดปางหมูเอาปืนไล่ยิงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ถ้าหากว่าพบเห็นในลักษณะนั้น ถือว่าผิดซึ่งหน้า ตำรวจมีสิทธิ์ที่จะจับกุมได้เลย


    แต่ถ้าหากว่าอย่างรายของเจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรก ถ้าตำรวจไม่มีหมายค้นจากศาลไป จะทำอะไรไม่ได้เลยนะครับ ถ้าเจ้าอาวาสเขาไล่เตะลงจากกุฏิมา ยังต้องบอกว่าเจ้าอาวาสปฏิบัติตามหน้าที่ของตนเอง เพราะว่าเจ้าอาวาสเป็นเจ้าหน้าที่พนักงาน มีหน้าที่ปกครองสอดส่องดูแลภายในวัดนั้นตามกฏหมาย

    เรื่องนี้ก็ขอให้หมอปลากับตำรวจที่ทำหน้าที่ในวันนั้น บนบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางเจ้าป่าเจ้าเขาที่ไหนก็ได้ ว่าอย่าให้อดีตเจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรกเขารู้กฎหมายแบบนี้ ไม่อย่างนั้นความซวยจะมาถึงตัว เพราะว่าเขาฟ้องกลับได้

    ส่วนในเรื่องของท่านเจ้าคุณแจ๊คนั้น ตำรวจมีหมายค้นของศาล สามารถทำได้ แต่เมื่อค้นแล้ว หลักฐานอื่นที่เกี่ยวกับ "เงินทอน" ไม่ต้องพูดถึง ไปพูดถึงถุงยางอนามัยกับเหล้าเบียร์ในกุฏิ ขอบอกว่าไม่ได้ผิดกฏหมายและไม่ได้ผิดศีลธรรม เพราะว่าไม่ได้ใช้ ไม่ได้กินให้เห็นต่อหน้าต่อตา
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,372
    ดังนั้น...ถ้าหากว่านักข่าวไปจี้ถามว่าเป็นของท่านหรือเปล่า ? เป็นอะไรที่ท่านเอาไว้ใช้หรือเปล่า ? ไม่จำเป็นต้องตอบก็ได้ แต่ถ้าหากว่ากิน ก็คือมีเหล้ามีเบียร์อยู่ หรือว่าใช้ถุงยางอนามัย ต่อให้กำลังใช้ต่อหน้าต่อตา หรือว่าใช้แล้วทิ้งไว้ แต่ว่าสามารถตรวจได้ว่ามีดีเอ็นเอของท่าน นั่นก็เป็นการผิดพระวินัย ไม่ได้ผิดกฎหมายบ้านเมือง

    ประเด็นพวกนี้ต้องแยกให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นแล้วบางทีสังคมก็ตัดสินไปแล้วว่าพระผิดกฎหมายบ้านเมือง หรือว่าไปละเมอเพ้อพกว่าชาวบ้านก็ดี หมอปลาก็ดี มีอำนาจตามกฎหมาย สามารถบุกไปค้นจับพระสึกได้ ถ้าวันไหนเจอพระจ้วงหงายหลังตกกุฏิมา
    กระผม/อาตมภาพจะไม่แปลกใจเลย เพราะว่าถ้าอยู่ ๆ มีคนบุกเข้ามาในวัด แล้วพระไม่ดูแลป้องกัน พระที่เป็นเจ้าอาวาสต่างหากที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่..!

    ดังนั้น...ในเรื่องของกฎหมายก็ดี พระวินัยก็ดี เหมือนกับอาวุธ ใช้ในทางที่ถูก ก็เป็นคุณเป็นประโยชน์ทั้งตัวเองและสังคม แต่ถ้าใช้ในทางที่ผิดเมื่อไร ก็เหมือนกับที่ผมเคยให้โอวาทในงานปฐมนิเทศว่า ยิ่งเรียนรู้มากก็เหมือนกับ "เหี้ยติดปีก" เพราะว่าสามารถที่จะอาศัยช่องว่างรอยโหว่นี้หลบหลีกกฎหมาย หรือว่าพระธรรมวินัยไปได้ จึงเป็นเรื่องของจิตสำนึกล้วน ๆ

    และขณะเดียวกัน ในความเป็นพระภิกษุสามเณรนั้น ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เราต้องถือหลักของผู้พิพากษา ก็คือบุคคลนั้นเป็นแค่ "ผู้ต้องหา" ไม่ใช่ "นักโทษผู้กระทำผิด" จนกว่าจะสอบสวนกันโดยพยานหลักฐานให้แน่นหนาก่อน

    แต่ขณะเดียวกัน ก็อย่าหลงประเด็นเป็นอันขาด พระภิกษุสามเณรของเราปกครองดูแลกันโดยพระธรรมวินัย ถ้าล่วงละเมิดเมื่อไรก็ผิดเดี๋ยวนั้น ไม่ใช่ต้องรอให้ศาลชั้นต้นตัดสิน แล้วก็อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ตัดสินแล้วก็ฎีกา ศาลฎีกาตัดสินว่าผิด ก็ยังอุตส่าห์ฟ้องศาลปกครองต่อไป ถ้าลักษณะอย่างนั้น เขาเรียกว่าหลงประเด็น เพราะว่าความผิดตามพระธรรมวินัยไม่ได้เกี่ยวอะไรกับศาลเลย ถ้าผิดแล้วไม่ยอมรับ ก็เป็นเรื่องที่เจ้าคณะปกครองสงฆ์จะดำเนินการกันไปตามกฎเกณฑ์ที่มีอยู่
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,372
    ที่ต้องมาบอกกล่าวให้พวกท่านทั้งหลายฟัง และขณะเดียวกันญาติโยมก็ได้รู้ได้ทราบด้วย ก็เพราะว่าในสิ่งที่เขาทำกันนั้นไม่ถูกต้อง ทำให้ศาสนาเศร้าหมองและบอบช้ำมาก รุ่นเก่า ๆ ที่เคยอยู่วัดท่าขนุนแห่งนี้ทันตอนที่ผมเป็นรองเจ้าอาวาสอยู่ จะเห็นว่าการสอบสวนพระภิกษุที่กระทำละเมิดอาบัติ กระผม/อาตมภาพจะให้ฆราวาสและแม่ชีออกไปหมดเลย แม้กระทั่งสามเณรด้วย เพราะว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นเป็นอนุปสัมบัน เนื่องจากมีศีลที่บังคับอยู่ว่า ภิกษุบอกอาบัติชั่วหยาบของภิกษุอื่นแก่อนุปสัมบัน เราก็ต้องอาบัติศีลขาดเช่นกัน

    ดังนั้น...เรื่องพวกนี้ผู้ที่จะตัดสินในเรื่องของพระธรรมวินัย จึงต้องมีความรอบคอบและรอบรู้ในพระธรรมวินัยอย่างแท้จริง การตัดสินเขาจึงใช้หลักสัมมุขาวินัยเสียส่วนมาก ก็คือพร้อมหน้าโจทก์ พร้อมหน้าจำเลย พร้อมคณะสงฆ์ พร้อมด้วยหลักธรรม ทุกอย่างต้องแน่นอนและแน่นแฟ้น ค่อยระบุโทษ ไม่เช่นนั้นก็เหมือนกับแม่ของพระกุมารกัสสปะ


    แม่ของพระกุมารกัสสปะเป็นภิกษุณีแต่ตั้งท้องพระกุมารกัสสปะ แล้วพระเทวทัตสั่งให้สึก ภิกษุณีท่านยืนยันว่าท่านไม่ได้มีความผิด ท่านไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับใครตั้งแต่บวชมา พระพุทธเจ้าจึงให้ตั้งพระอุบาลีและนางวิสาขามหาอุบาสิกาเป็นคณะกรรมการสอบสวน เมื่อไล่วันไล่เวลาที่พระกุมารกัสสปะอยู่ในท้องกี่เดือน ๆ ก็ฟันธงได้ว่าท้องมาตั้งแต่ก่อนบวช เพียงแต่ว่าช่วงสองสามเดือนแรกอาจจะไม่รู้สึกอะไร

    เราจะเห็นว่าแม้แต่อาบัติชั่วหยาบของภิกษุอื่น พระพุทธเจ้าก็ไม่ให้บอกแก่อนุปสัมบัน คือผู้ที่มีศีลน้อยกว่า ก็เพราะว่าคนส่วนใหญ่แล้วกำลังใจมักจะไหลไปในทางต่ำ ขนาดไม่ผิดยังฟันธงว่าผิด ถ้าหากว่าผิดอย่างทุกวันนี้ก็จะเหมาเอาว่า พระเณรก็เหมือน ๆ กันหมดนั่นแหละ ก็เลยกลายเป็นว่า ปลาเน่าไม่กี่ตัวทำให้คณะสงฆ์ไทยเหม็นไปหมดทั้งประเทศ


    ท่านทั้งหลายจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องศึกษาพระธรรมวินัยให้ชัดเจน เมื่อถึงเวลาจะได้รอบคอบและรอบรู้ ในการตัดสินให้ถูกต้องและเป็นไปโดยธรรม เอาเสียงชาวบ้านไม่ได้ ต้องเอาหลักธรรมวินัยเป็นใหญ่


    จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวญาติโยมที่ฟังอยู่ให้พลอยได้ความรู้ในด้านนี้ไปด้วย

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...