เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 7 มีนาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,391
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,368
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,391
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,368
    วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ มีเสียงคนบ่นว่าวันเวลาอันสุขสงบผ่านไปแล้ว เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคมมาจนถึงวันนี้ เป็นวันที่กระผม/อาตมภาพได้อยู่วัดท่าขนุนเป็นช่วงยาว เพราะว่าโดยปกติแล้ว วันหรือว่าสองวันกระผม/อาตมภาพก็ต้องออกไปวิ่งงานและค้างคืนทางด้านนอก

    แต่เนื่องจากว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องจัดงานประจำปีปิดทองพระพุทธบาทวัดท่าขนุน และงานทำบุญอุทิศอดีตเจ้าเมืองหน้าด่านทั้ง ๗ หัวเมือง ซึ่งนอกจากจะรวมงานประจำปี รวมงานทำบุญอุทิศอดีตเจ้าเมืองหน้าด่านแล้ว ยังรวมเอางานด้านวัฒนธรรมเข้าไปด้วย จึงต้องอยู่กำกับกันอย่างใกล้ชิด

    ดังนั้น..ในช่วงระยะเหล่านี้ ถึงแม้ว่าจะมีฎีกานิมนต์มาและสนิทสนมกันมาก อย่างหลวงพ่อเจ้าคุณพระสมุทรวชิรโสภณ, ดร. (โสภณ ธมฺมโสภโณ) หรือที่กระผม/อาตมภาพเรียกกันว่า หลวงพ่อเจ้าคุณโสภณ วัดเพชรสมุทรวรวิหาร ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเรียนปริญญาเอกมาด้วยกัน นิมนต์ให้ไปงานทำบุญวันบูรพาจารย์ของวัดเพชรสมุทรวรวิหาร

    แต่ปรากฏว่าในเมื่อตรงกับงานทางด้านทองผาภูมิ โดยเฉพาะตรงกับวันจัดขบวนแห่เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และขบวนแห่เทิดเกียรติอดีต ๗ เจ้าเมืองหน้าด่านของจังหวัดกาญจนบุรี กระผม/อาตมภาพก็ต้องแจ้งคืนฎีกาหลวงพ่อท่านไป

    เพราะว่าในเรื่องของงานนั้น เราจะต้องคำนวณงานหนักเบาว่างานไหนสำคัญกว่า ซึ่งถ้าหากว่างานของวัดเพชรสมุทรวรวิหารนั้นขาด กระผม/อาตมภาพไปก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าหากว่างานของทางด้านนี้ขาดกระผม/อาตมภาพไป ก็แปลว่าสะดุดติดขัดไปหมด เนื่องเพราะว่าในขั้นตอนสำคัญบางอย่างที่จะต้องตัดสินใจ ก็จะไม่มีคนรับผิดชอบตัดสินใจให้ เป็นต้น

    เมื่อได้อยู่วัดหลายวัน แล้วในขณะเดียวกันฟ้าดินก็เป็นใจ คืออากาศอยู่ที่ระหว่าง ๑๖ - ๑๘ องศาเซลเซียส ญาติโยมหลายท่านที่มาปฏิบัติธรรมในช่วงนี้ไม่นึกว่าจะมาเจอกับอากาศหนาว กระผม/อาตมภาพก็ประมาทไป ลืมแจ้งให้ทุกท่านทราบ เนื่องจากว่าอากาศระดับนี้นั้นคนทองผาภูมิเขาไม่ถือว่าหนาวกัน ลืมไปว่าญาติโยมมาจากที่อื่น ไม่เคยชินกับอากาศแบบนี้ก็จะต้องหนาวอยู่แล้ว

     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,391
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,368
    โดยเฉพาะญาติโยมจำนวนมากที่มาวัดในช่วงนี้ ก็ถือว่ามีโอกาสได้พบกับเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ที่เขาเล่าลือกันว่าพบตัวยากเป็นนักหนา ซึ่งความจริงถ้าหากว่าท่านทั้งหลายดูในเฟซบุ๊ก บางทีก็อาจจะพบง่าย

    เนื่องจากว่ากระผม/อาตมภาพวิ่งงานของคณะสงฆ์อยู่ทางด้านนอก แล้ววันนี้ก็ต้องเริ่มเดินทาง เพื่อเตรียมไปทำหน้าที่ของตนในงานปฏิบัติธรรมของเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ซึ่งประกอบไปด้วยจังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครปฐมและสมุทรสาคร ซึ่งมีสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดทั้งสิ้น ๑๒๐ สำนัก

    แต่คราวนี้กระผม/อาตมภาพนั้นเป็นคนมีเวรมีกรรมมาก เพราะว่าชื่อในการปฏิบัติธรรมก็เป็นเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดกาญจนบุรีแห่งที่ ๒๓ (วัดท่าขนุน) แต่เนื่องจากว่าผู้มาปฏิบัติธรรมทั้งหมดนั้นก็คือเจ้าสำนักปฏิบัติธรรม พูดง่าย ๆ ว่าอยู่ในระดับ "เจ้าสำนักวัดเส้าหลิน" ทั้งนั้น จึงทำให้ทางพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) เกรงว่าจะมีรายการ "เอาไม่อยู่" จึงได้แต่งตั้งให้กระผม/อาตมภาพเป็นหนึ่งในพระวิปัสสนาจารย์ประจำโครงการ ก็แปลว่าการปฏิบัติธรรมตนเองก็ต้องมาร่วม เป็นวิปัสสนาจารย์ก็ต้องทำหน้าที่ด้วย

    แล้วเมื่อวานนี้ทางพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ยังมีคำสั่งมาอีกว่า เจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ รองเจ้าคณะอำเภอและเลขานุการ จะต้องไปร่วมในพิธีเปิดงานครั้งนี้โดยพร้อมเพรียงกัน

    กระผม/อาตมภาพก็เลยต้องแบ่งภาคเป็น ๓ ร่างคือ

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดกาญจนบุรี แห่งที่ ๒๓ (วัดท่าขนุน)

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. พระวิปัสสนาจารย์ประจำโครงการปฏิบัติธรรมของเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔

    และพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ซึ่งเดินทางไปร่วมงานเพื่อเป็นเกียรติในพิธีเปิดครั้งนี้
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,391
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,368
    ท่านทั้งหลายได้ยินแค่นี้ก็รู้สึกว่าปวดหัวมากพอแล้ว แต่ถ้าหากว่าทราบว่ากระผม/อาตมภาพนั้น มีตำแหน่งถึง ๓๐ กว่าตำแหน่ง ก็อาจจะเครียดถึงขนาดเส้นเลือดในสมองแตกไปเลยก็ได้..! เพียงแต่ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเราจัดความสำคัญของงานได้ จัดลำดับความก่อนหลังเร็วช้าของงานได้ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็สามารถที่จะบริหารจัดการให้ดีได้เช่นกัน

    แต่ว่าในเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ตั้งแต่ฆราวาสจนเป็นพระ สิ่งที่กระผม/อาตมภาพพบมาเหมือนกันหมดอีกอย่างหนึ่ง ก็คือบรรดาผู้บังคับบัญชา ถ้าหากว่าใช้ใครแล้วได้อย่างใจ ก็มักจะเรียกใช้แต่คนนั้น แม้แต่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงนั้นในช่วง ๔ พรรษาสุดท้าย ก็คือปี ๒๕๓๒, ๒๕๓๓, ๒๕๓๔ และ ๒๕๓๕ ท่านเรียกใช้งานกระผม/อาตมภาพจนหัวทิ่มหัวตำ แทบจะกลายเป็นตัวป่วนประจำวัด เพราะว่าแต่ละงานที่ท่านสั่งให้ทำนั้น ต้องกระทบกับคนอื่นเป็นส่วนใหญ่

    แต่กระผม/อาตมภาพถือว่า อันดับแรกเลยก็คือ ทำตามคำสั่งของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ อันดับที่สองก็คือ ทำให้วัดท่าซุงของเราปรากฏชื่อเสียงให้เป็นที่เคารพเลื่อมใสของบุคคลทั่วไป ดังนั้น..จึงทำงานเหล่านี้อย่างเต็มที่ ทำอย่างชนิดที่มีหลายคนมองว่า
    กระผม/อาตมภาพจะพลาดเมื่อไรแล้วโดนหลวงพ่อฟันหัวขาด..! แต่บังเอิญกระผม/อาตมภาพนั้นเป็นบุคคลที่ชอบงานท้าทาย ใครยกเก้าอี้ไฟฟ้ามาแล้วก็จับให้นั่งเก้าอี้ไฟฟ้านั้น กระผม/อาตมภาพก็มักจะนั่งเก้าอี้ไฟฟ้าเป็นบัลลังก์ราชาเสมอไป จึงเป็นเหตุให้คนอื่นถึงหมั่นไส้ขนาดไหนก็ทำอะไรไม่ได้..!

    เพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเราจะทำงาน อันดับแรกเลย อย่าลืมหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือจงละเว้นจากอคติทั้งปวง

    ไม่ว่าจะเป็นฉันทาคติ ลำเอียงเพราะรัก คนนี้เป็นคนของเรา เราต้องปกป้องเขา แม้แต่ทำความผิด ถ้าอย่างนี้ก็ไม่ใช่แล้ว

    โทสาคติ ลำเอียงเพราะโกรธ เราไม่ชอบขี้หน้าเขา จึงหาทางกลั่นแกล้งเขาในขอบเขตอำนาจของตน ถ้าอย่างนี้ก็ไม่ใช่อีกเช่นกัน

    ภยาคติ ลำเอียงเพราะกลัว คนนี้เส้นใหญ่ คนนี้ลูกเจ้าพ่อ ลูกเจ้าแม่ แล้วเราก็ละเว้นให้เขาทำผิด ก็ไม่ใช่อีกเช่นกัน

    โมหาคติ ลำเอียงเพราะหลง ในลักษณะที่เรียกว่าใครจะทำดีทำชั่วอย่างไร ตนเองบางทีก็ยังแยกแยะไม่ถูก ถ้าอย่างนี้ก็ไม่ใช่อีกเช่นกัน

    ดังนั้น ในเรื่องของการทำงาน อันดับแรกเลย เราต้องเว้นจากอคติทั้ง ๔ อย่าให้มี อย่าให้เกิดขึ้นในใจเป็นอันขาด
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,391
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,368
    กระผม/อาตมภาพได้รับคำสอนจากพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ฐานิสฺสรมหาเถระ (นิยม ฐานิสฺสโร ป.ธ.๙) อดีตเจ้าคณะใหญ่หนกลาง อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม อดีตเจ้าอาวาสวัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร ท่านให้ข้อคิดไว้ว่า "แม้เกลียดชังก็ต้องตั้งกรุณา" ได้ยินแล้วรู้สึกสว่างที่กลางใจ ก็คือเราจะใช้อคติไม่ได้อย่างเด็ดขาด ทุกอย่างต้องเป็นไปตามหลักธรรมเท่านั้น

    อันดับต่อไปก็คือต้องถือหลักอิทธิบาท ๔ ทุ่มเทให้กับงานตรงหน้าอย่างเต็มที่ ฉันทะ ยินดีและพอใจที่จะทำงาน ถึงแม้ว่าผู้บังคับบัญชามอบหมายงานที่ยากเข็ญใจขนาดไหนมาก็ตาม ก็ต้องทุ่มเททำกันชนิดแลกด้วยชีวิต ถ้าทำอย่างนี้ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จถึงจะมีขึ้นมาได้

    ข้อที่สอง วิริยะ ต้องมีความพากเพียรในระดับ "ฝนทั่งให้เป็นเข็ม" เด็กสมัยนี้ไม่เคยเห็นทั่ง ก็คือเหล็กทั้งก้อนที่เอาไว้รองรับการตีเหล็กของคนโบราณ ถ้าหากว่าเราจะฝนเหล็กทั้งก้อนให้เป็นเข็มได้ ต้องใช้ความเพียรพยายามเท่าไรก็ประมาณนั้น

    ข้อที่สาม จิตตะ กำลังใจต้องจดจ่อปักมั่นอยู่กับงาน ไม่เคลื่อนคลายไปไหน จนกว่างานนั้นจะสำเร็จลงตามเป้าประสงค์ของเรา

    ข้อสุดท้ายคือวิมังสา ต้องหมั่นไตร่ตรองทบทวนอยู่เสมอว่า เราทำอะไร ? เพื่ออะไร ? งานนั้นยังอยู่ตรงตามเป้าประสงค์หรือไม่ ? ยังขาดเหลืออีกมากน้อยเท่าไร ? ต้องใช้ความเพียรพยายามเพิ่มขึ้นในจุดใดบ้าง ? เหล่านี้เป็นต้น
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,391
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,368
    ดังนั้น..ในเรื่องของอิทธิบาท ๔ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้ตรัสว่า เป็นคุณเครื่องที่ยังให้งานสำเร็จ แปลว่า ไม่ว่าท่านจะทำงานทางโลกหรือว่าทำงานทางธรรมก็ตาม ถ้าประกอบไปด้วยอิทธิบาท ๔ งานนั้นต้องสำเร็จอย่างแน่นอน แล้วถ้าหากว่าสำเร็จลงโดยบริสุทธิ์ยุติธรรม ปราศจากอคติทั้งปวง ก็ถือว่าเป็นผลงานที่ควรค่าแก่การสรรเสริญ

    เพียงแต่ว่าการที่กระผม/อาตมภาพมาทำหน้าที่พระวิปัสสนาจารย์ครั้งนี้นานถึง ๗ วัน สงสารก็แต่พระใหม่ที่เพิ่งบวช กำลังใจยังไม่ทรงตัว หวังจะพึ่งพระอุปัชฌาย์อาจารย์ ปรากฏว่าพระอุปัชฌาย์อาจารย์ต้องไปเป็นพระวิปัสสนาจารย์เสียแล้ว

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าพระมหาอินทรปกรณ์ ฐิตสุโภ ป.ธ.๔ ซึ่งเป็นเลขานุการเจ้าคณะตำบลลิ่นถิ่นเขต ๒ สังกัดวัดท่าขนุน ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นพระวิปัสสนาจารย์ประจำโครงการครั้งนี้ ส่วนพระมหาอุตรา อุตฺตโร ป.ธ.๖ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนฝ่ายสาธารณูปการนั้น ท่านก็ต้องมาเป็นตัวแทนกระผม/อาตมภาพในการปฏิบัติธรรม ในฐานะเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดกาญจนบุรีแห่งที่ ๒๓ (วัดท่าขนุน)

    ก็แปลว่าพระอุปัชฌาย์ก็ไม่อยู่ พระอาจารย์ก็หายไป ลูกศิษย์ทั้งหลายก็ต้องทำตัวเป็น "ลูกเสือลูกจระเข้" ในเมื่อเกิดมาแล้วก็พยายามตะเกียกตะกายเอาตัวรอดให้ได้ก่อนก็แล้วกัน รอจนกว่าพระอุปัชฌาย์อาจารย์กลับไป ถ้าไม่ตายเสียก่อน เดี๋ยวจะไปแนะนำเองว่าต้องทำมาหากินอย่างไร จึงจะสามารถหลุดจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอังคารที่ ๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...