เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 17 ตุลาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,364
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,364
    วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ วันนี้มีงานสำคัญสองอย่าง คือการเปิดอบรมก่อนสอบนักธรรมชั้นตรี กับฟังการนำเสนอแบบสะพานแขวนหลวงปู่สายอันใหม่ กว่าจะเสร็จสิ้นเรียบร้อยลงไปได้ ก็เย็นย่ำค่ำลงพอดี

    คราวนี้ในส่วนของการอบรมนั้น ขอให้พระใหม่เข้าใจว่าไม่ใช่การสอนหนังสือ แต่เป็นการมาทบทวนเรื่องที่ท่านทั้งหลายได้ศึกษาไปแล้ว เพื่อที่จะได้จดจำให้แม่นยำขึ้น แล้วขณะเดียวกัน อาจจะมีการบอกเคล็ดลับวิธีการทำข้อสอบอย่างไรให้ได้คะแนนมากขึ้น ถ้าคิดว่าครูบาอาจารย์ท่านจะมาจ้ำจี้จ้ำไชเราทีละหัวข้อ ทีละเรื่อง ก็แปลว่าต้องผิดหวังอย่างแน่นอน

    ดังนั้น..คนที่เข้ารับการอบรมก่อนสอบ ถ้าหากว่าจะได้ผล ต้องเป็นคนที่อย่างน้อยเรียนผ่านไปแล้ว ๑ รอบ จะได้มาทบทวนในสิ่งที่เราเรียนไป แล้วขณะเดียวกันมีเคล็ดลับ มีวิธีการอะไร ที่ช่วยให้การสอบของเราเป็นไปโดยสะดวก ราบรื่น และอาจจะได้คะแนนจากครูบาอาจารย์มากขึ้น อย่างเช่นว่า เขียนหนังสือได้สะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย ตอบคำถามได้ชัดเจน มีการทวนคำถามเล็กน้อย เพื่อที่ให้ผู้ตรวจจดจำได้ว่า เนื้อหาข้อนี้สอบถามเรื่องอะไร เป็นต้น ก็แปลว่า ถ้าเราไม่มีอะไรอยู่ในหัวเลย ก็ไม่ต้องเสียเวลาไปอบรมก่อนสอบ เพราะว่าครูบาอาจารย์ท่านจะไม่รอเรา หากแต่ว่าขึ้นหน้าไปอย่างเดียว จนกว่าจะจบในวิชานั้น ๆ

    ส่วนอีกเรื่องหนึ่งก็คือการที่จะสร้างสะพานแขวนหลวงปู่สายทดแทนอันเก่า ซึ่งปัญหาจะอยู่ที่ว่า ชายฝั่งแม่น้ำแควน้อยทั้งสองฝั่งนั้นสูงต่ำกว่ากันมากเหลือเกิน มากหรือไม่มาก ฝั่งข้างโน้น เราต้องลงบันไดมา ๕๒ ขั้น บิณฑบาตอยู่ทุกวันได้นับหรือเปล่าว่าบันไดมีกี่ขั้น ? ดังนั้น..เมื่อถึงเวลาแล้ว การทำหมุดหลักยึดเพื่อที่ให้ลวดสลิงจะได้ขึงตึงรับน้ำหนักสะพานแขวนได้ จึงเป็นปัญหาใหญ่อย่างหนึ่ง เนื่องเพราะว่าฝั่งข้างโน้น ถ้าหากว่าทำจุดยึดไม่ดี อาจจะดึงจนกระทั่งตลิ่งพังลงมาทั้งแถบ..!

    แต่ว่าปัญหาทั้งหลายเหล่านี้ ผู้ออกแบบได้พยายามที่จะคิดเผื่อแล้ว พวกเราจึงได้ทักท้วงในส่วนที่สงสัยข้องใจ แล้วก็ขอเปลี่ยนแปลงวัสดุบางส่วน อย่างเช่นว่า ที่เป็นเหล็กแล้วทาสี ซึ่งถ้าไม่มีการซ่อมบำรุงอย่างต่อเนื่องก็จะผุพังหมด ให้เป็นสเตนเลส เพื่อที่จะได้มีความคงทนมากกว่ากันหลายเท่า แต่ขณะเดียวกัน ราคาก็แพงขึ้นอีกมากด้วย..!

    จากประมาณการครั้งแรกที่ ๓๕ ล้านบาท ปัจจุบันนี้ไม่รวม VAT อยู่ที่ ๓๙ ล้านเศษ แต่ว่าในส่วนนี้ทางด้านเทศบาลตำบลทองผาภูมิ จะรับผิดชอบงบประมาณส่วนใหญ่ ถ้าหากว่าส่วนไหนขาด ทางวัดท่าขนุนจึงค่อยออกเอง คราวนี้ถ้าหากว่ามีการรื้อสะพานเก่าออก เพื่อสร้างของใหม่ พวกเราก็ต้องเดินไปเดินกลับในการบิณฑบาตเส้นทางเดิม ก็แปลว่าต้องอ้อมกันเป็นระยะทางนับกิโลเมตรทีเดียว แต่ว่าเดินไปไม่กี่วันก็คงจะชินแล้ว ไม่ถือว่าเป็นปัญหาอะไร
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,364
    อีกส่วนหนึ่งที่อยากจะบอกกล่าวในที่นี้ก็คือว่า มีผู้ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือที่เรียกกันตามความเคยชินว่าอีเมล์ มาถึงกระผม/อาตมภาพ ให้ช่วยตรวจสอบยันต์ที่เขาผูกขึ้นมาด้วย ว่ามีอะไรต้องแก้ไขหรือไม่ ? พอแค่ดูก็รู้ว่าเป็นพวกคัน อยากจะทำอะไรที่เขาเรียกว่า สร้างความเด่นความดังให้แก่ตัวเอง แต่ไม่มีความเข้าใจในสิ่งนั้นอย่างแท้จริง

    ท่านใดที่จะผูกอักขระเลขยันต์ต่าง ๆ อันดับแรกเลย อย่างน้อยต้องได้อภิญญา ๕ เพราะว่าความศักดิ์สิทธิ์จะอยู่ที่การอธิษฐานจิตกำหนดเอาไว้ ถ้าไม่ถึงอภิญญา ๕ โอกาสที่จะทำให้ขลังและศักดิ์สิทธิ์เป็นระยะเวลาที่ยาวนานนั้น เป็นไปไม่ได้

    อันดับที่สอง ท่านต้องเข้าใจก่อนว่า ลักษณะการเขียนยันต์ ไม่ว่าจะเป็นสี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม วงกลม แต่ละอย่างแทนอะไร แล้วในเมื่อแทนในสิ่งนั้น ๆ แล้ว วัฎจักรคือการหมุนวนของแต่ละแบบแต่ละอย่างคืออะไร เมื่อถึงเวลาท่านลงอักขระเลขยันต์แล้วจะได้ไม่ไปขัดกัน ไม่ใช่เหมือนอย่างกับว่า หนทางต้องตรงไปข้างหน้า แต่เรากลับเดินถอยหลัง โอกาสที่จะถึงจุดหมายก็มีเหมือนกัน แต่ต้องเดินให้รอบโลกเสียก่อน..!

    ดังนั้น..เรื่องพวกนี้ถ้าหากว่าเราไม่มีความรู้ความสามารถที่แท้จริง อย่าเสียเวลาไปทำเลย แค่อักขระเลขยันต์ที่ครูบาอาจารย์เก่า ๆ ถ่ายทอดทิ้งเอาไว้ให้พวกเราได้ศึกษาเล่าเรียนก็ว่ากันไม่รู้จบแล้ว แล้วหลายคนก็สงสัยว่าทำไมหลวงปู่หลวงพ่อท่านนั้นทำได้ขลังมาก ? ทำไมท่านนี้ทำแล้วไม่ขลังเหมือนกับท่านโน้น ? ก็เพราะว่าการเข้าถึงและกำลังสมาธิสมาบัติของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

    เรื่องของอักขระเลขยันต์นั้น วัตถุประสงค์หนึ่งของคนโบราณก็คือ ให้เราศึกษาเพื่อที่จะพัฒนาตัวเอง ทั้งกาย วาจา และใจ ให้ดีขึ้นไปตามลำดับ ก็คือเรียนแล้ว เรื่องของคำพูด เรื่องของสมาธิ เรื่องของแนวคิด จะต้องดีขึ้น และท้ายที่สุด ถ้าหากว่าได้อภิญญาได้สมาบัติ สามารถเอาไปพิจารณาวิปัสสนาญาณ จนกระทั่งหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้ก็ยิ่งดี

    คราวนี้เราเองไม่เข้าใจ แล้วเพียรพยายามที่จะไปทำ แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่เรารักเราชอบและอยากทำ แต่ว่าโอกาสที่จะเกิดผลนั้นมีน้อยมาก อยากจะยกตัวอย่างท่านหนึ่งที่ชัดเจนที่สุดก็คือหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม หลวงพ่อกวยแม้ว่าจะศึกษาจากครูบาอาจารย์หลายต่อหลายรูปด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่เฒ่า วัดค้างคาว หลวงปู่ศรี วัดพระปรางค์ หรือว่าหลวงปู่เดิม วัดหนองโพธิ์ แต่ท่านเองก็พยายามที่จะประยุกต์วิชาการเหล่านี้ แล้วในที่สุดก็ผูกเป็นยันต์ประจำตัวขึ้นมา
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,364
    ถ้าท่านทั้งหลายดูก็อาจจะคิดว่า ท่านเขียนเป็นตุ๊กตารูปคนแบบเด็กเขียน ประมาณตุ๊กตาหัวไม้ขีด แต่ความจริงนั่นคือพระคาถาพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ นะโมพุทธายะ แต่ว่าท่านดัดแปลงจนเหมือนอย่างกับรูปคน แค่มองดูก็รู้ว่านี่คือหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม

    แต่คราวนี้ถ้าหากว่าท่านศึกษาประวัติหลวงพ่อกวย แม้ว่าจะไม่ได้พบเห็นท่านมาก็ตาม จะเห็นว่าในแต่ละวัน ท่านนั่งลงอักขระเลขยันต์ จารตะกรุด เขียนยันต์ ตลอดจนกระทั่งถักตะกรุดทั้งหลายเหล่านั้น ซึ่งต้องใช้สมาธิที่ทรงตัวต่อเนื่อง เท่ากับรักษากำลังใจให้อยู่กับการภาวนาทั้งวัน ซึ่งถ้าหากว่าใจของเราอยู่กับการภาวนาทั้งวัน ไม่หลุดไป รัก โลภ โกรธ หลง กำลังใจก็จะผ่องใสขึ้นเรื่อย ๆ และท้ายที่สุด เมื่อปัญญาเกิด ก็จะเห็นช่องทาง ว่าทำอย่างไรที่จะหลุดพ้นจากกองทุกข์ เข้าสู่พระนิพพานได้

    อักขระเลขยันต์ต่าง ๆ สัมพันธ์ไปถึงระบบจักรวาล หรือถ้าเรียกก็ต้องเรียกว่าเอกภพ เอกภพหรือ Universe นั้นประกอบไปด้วยดาราจักร คือกาแล็กซี่จำนวนมากมายมหาศาล แต่ละกาแล็กซี่จะมีจักรวาลย่อย อย่างเช่นสุริยจักรวาลของเรา ซึ่งประกอบไปด้วยดาวฤกษ์ และมีดวงดาวอื่น ๆ หมุนวนอยู่รอบข้างเป็นบริวาร ถ้าหากว่าเราสามารถเข้าใจลักษณะของการหมุนวน การส่งผ่าน เปลี่ยนถ่ายพลังงานต่าง ๆ เหล่านั้นได้ เราถึงจะเข้าใจอย่างแท้จริงว่า อักขระเลขยันต์ที่คนโบราณผูกขึ้นมานั้น มีอานุภาพในระดับสะท้านจักรวาลเลยทีเดียว..!

    เนื่องเพราะว่าอักขระตัวเดียว อาจจะประกอบขึ้นมาจากดาราจักรหลายดาราจักรด้วยกัน ก็คือเป็นพลังงานของกาแล็กซี่โน้น กาแล็กซี่นี้ แล้วแต่ว่าแต่ละกาแล็กซี่นั้น อยู่ในลักษณะของการหมุนวนและส่งผ่านพลังงานอย่างไร ทำไมเราเวลาจะลบผง ต้องขึ้น "พินทุ เอกัง กุมัง พันธัง" ไล่ไปเรื่อยตั้งแต่หัวกลม ๆ ขึ้นมา ใครจะไปเชื่อว่า แค่หัวอักขระหัวเดียวเท่ากับดาราจักรทั้งดาราจักร ซึ่งประกอบไปด้วยดวงดาวจำนวนมากมายมหาศาล..!

    ดังนั้น..ท่านที่ส่งยันต์มาให้กระผม/อาตมภาพตรวจสอบ จึงเป็นการกระทำที่เสียเวลาทั้งสองฝ่าย ก็คือตัวเองส่งมา กระผม/อาตมภาพก็ไม่มีเวลาที่จะไปอธิบายยาวเหยียดเหมือนอย่างกับที่มาบันทึกเสียงธรรมนี้ แล้วขณะเดียวกันอธิบายไป เขาจะเข้าใจหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? ดังนั้น..ให้ไปศึกษาของเก่า ๆ ที่ครูบาอาจารย์ท่านผูกเอาไว้ ถ้าสามารถเข้าถึงเคล็ดลับ ก็จะใช้งานได้ดีกว่าของตัวเองเสียอีก

    สำหรับวันนี้ก็เรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอังคารที่ ๑๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...