เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 21 กรกฎาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,373
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕


     
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,373
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ตั้งแต่เช้ามากระผม/อาตมภาพก็วิ่งงานทั้งวัน พักผ่อนไม่พอ อาการมาลาเรียเรื้อรังกำเริบขึ้นมาเสียแล้ว เพราะฉะนั้น...เดี๋ยวเสร็จจากตรงนี้ กระผม/อาตมภาพจะไปฉันยาแล้วพักเลย ปล่อยพวกท่านว่างานกันต่อไป

    งานสำคัญที่พวกเราไปกันวันนี้ก็คือ ถวายสักการะพระเถระเจ้าคณะปกครองในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งจะตรงกับวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๘ ของทุกปี จำง่าย ๆ ว่า แรม ๓ ค่ำ เดือน ๘ ถวายสักการะเจ้าคณะปกครองในภาค ๑๔ และกรุงเทพฯ พอมาแรม ๘ ค่ำ เดือน ๘ ก็ถวายสักการะเจ้าคณะปกครองในจังหวัดกาญจนบุรีของเรากันเอง


    คราวนี้การที่ไปถวายสักการะเจ้าคณะปกครองนั้น โดยหลัก ๆ ก็คือให้พวกเราที่ส่วนใหญ่แล้วเป็นพระบวชใหม่ ได้รู้จักเจ้าคณะปกครองระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัดว่ามีใครบ้าง นั่นคือจุดประสงค์หลัก


    วัตถุประสงค์อื่น ๆ รองลงไป พวกเราต้องรู้จักเก็บ รู้จักคว้ากันเอง อย่างเช่นว่า ดูระบบการต้อนรับขับสู้อาคันตุกะของแต่ละวัดว่าเป็นอย่างไร ส่วนไหนดี เราจะได้เก็บมาใช้ที่วัดของเรา สภาพวัดของเขามีความสว่าง สะอาด สงบแบบไหน มีอะไรดีกว่า ที่เราควรที่จะลอกแบบมาทำตามบ้าง เรื่องพวกนี้เราต้องมีสายตา และรู้จักทำตัวเป็น "ครูพักลักจำ" เก็บเอาสิ่งดี ๆ มาใช้


    วัดท่าขนุนของเรา จุดอ่อนใหญ่ที่สุดเลยก็คือเรื่องการต้อนรับพระอาคันตุกะ วัดของเราไม่มีร้านกาแฟ ไม่มีตู้เย็น ไอ้ที่ไม่มีเพราะว่ากระผม/อาตมภาพไม่ให้มีเอง ดังนั้น...การต้อนรับอาคันตุกะของพวกเราก็จะค่อนข้างขาดตกบกพร่อง

    คำว่า ขาดตกบกพร่อง ความจริงไม่ได้บกพร่องในเรื่องของธรรมวินัย แต่เป็นการบกพร่องในเรื่องโลก ๆ อย่างเช่นว่า ไม่มีกาแฟสด ไม่มีน้ำปั่น ซึ่งกระผม/อาตมภาพเห็นว่าไม่มีความจำเป็น แต่ว่าถ้าหากใครคิดที่จะทำก็ต้องคิดให้ดี

    ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายไปสร้างวัดวาอาราม หรือว่าเป็นเจ้าอาวาสที่ไหนก็ตาม แล้วทำสิ่งเหล่านี้ขึ้นในวัดของตนเอง ประการแรกเลย ทุนต้องถึง เงินทุนไม่ถึงทำไม่ได้
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,373
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    ประการที่สอง วัดจะหาความสงบได้ยาก เดี๋ยวเกิดมีคนติดใจ เพื่อนฝูงคนโน้นแวะมา ผู้บังคับบัญชาท่านนี้แวะมา ผลัดกันมาสักวันละ ๔ - ๕ ราย ท่านก็ประสาทรับประทานแล้ว ดังนั้น...ต้องดูวัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการวัดว่าเราทำเพื่ออะไร ? ถ้าทำเพื่อความสงบระงับก็ไม่จำเป็นต้องมี แต่ถ้าทำเพื่ออยากให้คนรู้จัก ให้เขากล่าวถึง ก็ทำไปเถอะ

    บางวัดสร้างห้องน้ำราคาหลายสิบล้าน คาดว่าเอ่ยชื่อมาสัก ๒ - ๓ วัด พวกท่านก็รู้จักดีกันทั้งนั้น กระผม/อาตมภาพยังไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องทำแบบนั้น เราต้องเข้าใจว่า วัตถุประสงค์ของห้องน้ำห้องส้วมก็คือผ่อนคลายทุกข์หนักเบา ถ้าหากว่ามีความสะอาด มีจำนวนที่พอเพียงในการรองรับบุคคลที่มาก็พอแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องไปติดเครื่องปรับอากาศ ไม่จำเป็นที่จะต้องไปตกแต่งด้วยสถาปนิกหรือมัณฑนากรระดับประเทศ ไม่จำเป็นต้องสั่งวัสดุเลิศหรูแพง ๆ เก็บเงินเอาไว้ซ่อมโบสถ์จะดีกว่ากระมัง ?

    อยากให้ระลึกถึงพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่พระองค์ท่านได้เตือนเอาไว้โดยให้หลักว่า "ซื้อในสิ่งที่จำเป็นต้องใช้" หรือไม่ก็พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) วัดญาณเวศกวัน ท่านกล่าวเอาไว้นานเนกาเลแล้วเกี่ยวกับเรื่องของ "คุณค่าแท้และคุณค่าเทียม"

    อย่างเช่นว่า คุณค่าแท้จริงของนาฬิกาก็คือบอกเวลา ต่อให้เป็นนาฬิกามิคกี้เมาส์เรือนละ ๒๕๐ - ๓๐๐ บาท ถ้าบอกเวลาได้ ก็เป็นอันว่าแสดงคุณค่าของตัวเองออกมาเต็มที่แล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องไปใช้ Rolex ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปใช้ Patek Philippe ซึ่งเรือนละหลายแสน ถึงหลายล้านบาท..!

    หรือว่าอย่างโทรศัพท์ คุณค่าที่แท้จริงก็คือเอาไว้ติดต่อสื่อสาร ในเมื่อสามารถโทรออก รับเข้า ฟังข้อความได้ ก็น่าจะครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว มีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปเอาแอปพลิเคชันมากมายมหาศาลมา ? แล้วก็ไม่เคยมีใครใช้ครบถ้วน ทำให้ราคาสูงขึ้นไปถึงเครื่องละหลายหมื่นบาท
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,373
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    โดยเฉพาะพระภิกษุสามเณรของเรา พระพุทธเจ้าจัดสถานะของเราไว้เทียบเท่ากับขอทาน ต้องออกไปขอเขากิน ถ้าขอทานรวยก็คงไม่มีใครอยากให้การสงเคราะห์ แปลว่า ทำอย่างไรที่เราจะอยู่ให้เหมาะสมกับสถานะของตน ?

    ท่านอาจารย์เตชะเข้าไปในกุฏิของ
    กระผม/อาตมภาพแล้วตกใจ ถามว่า "อาจารย์ไม่มีเตียงหรือ ?" กระผม/อาตมภาพตอบแบบขำ ๆ ว่า "ผมนอนดิ้นครับ ถ้านอนกับพื้นก็ไม่ต้องตกเตียง" จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีเตียง ปูผ้ากับพื้นสักมุมหนึ่งจะนอนตรงไหนก็ได้ วันไหนเบื่อขึ้นมาก็ลากผ้าไปมุมอื่น ก็จะได้ที่นอนเปลี่ยนบรรยากาศเพิ่มขึ้นมาอีกที่หนึ่งแล้ว

    ไม่มีเครื่องปรับอากาศ แต่เรือนรับรองอาคันตุกะกระผม/อาตมภาพติดเครื่องปรับอากาศให้ กุฏิตัวเองมีญาติโยมเมตตาถวายเครื่องปรับอากาศไว้ ก็อยู่อย่างนั้นแหละ อยู่ไปจนเจ๊ง..!

    เรื่องพวกนี้เราจะต้องตระหนักว่า สถานะของตนเป็นอย่างไร เป็นเรื่องแรกเลยที่พระภิกษุสามเณรของเราจะลืมไม่ได้ พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรเมธี (มีชัย วีรปญฺโญ ป.ธ.๙, ผศ.ดร.) เจ้าคณะภาค ๑ เจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนาราม หรือที่กระผม/อาตมภาพเรียกด้วยความคุ้นเคยว่า "ท่านเจ้าคุณอาจารย์มีชัย" ท่านบอกว่า เราต้องมีความเป็นสมณะ ๕ ประการด้วยกัน ไม่เช่นนั้นแล้วเราจะไม่ใช่นักบวชที่แท้จริง

    สมณะแรกเลยคือสมณสัญญา ต้องรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราเป็นนักบวช สิ่งหนึ่งประการใดที่เหมาะสมกับนักบวช มีแค่สิ่งนั้นก็เพียงพอแล้ว
    ท่านทั้งหลายที่มาช้าอาจจะไม่ได้เห็น แต่ท่านที่มาเร็ว จะเห็นว่าก่อนหน้านี้วัดท่าขนุนมีรถยนต์อยู่ ๗ - ๘ คัน ญาติโยมเขาชอบถวาย กระผม/อาตมภาพต้องขอสัญญาว่า "ใครจะถวายรถ กระผม/อาตมภาพรับได้ แต่มีข้อแม้ว่า ถ้าให้วัดอื่นนี่ห้ามโกรธกัน ถ้าคิดว่าทำใจไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาถวาย"

    หลังจากนั้น กระผม/อาตมภาพก็ไล่แจกให้วัดอื่นเขา จนกระทั่งเหลือรถกระบะคันสุดท้ายที่พวกท่านขอร้องว่าเก็บเอาไว้ขนของบ้าง ไม่อย่างนั้นก็จะเหลือแต่รถที่กระผม/อาตมภาพใช้งานอยู่คันเดียว แล้วรถคันนั้นก็ไม่ใช่ของ
    กระผม/อาตมภาพ ไม่ใช่ของวัด แล้วก็ไม่ใช่ของกระผม/อาตมภาพเองด้วย เป็นของเจ้าของรถที่ตกลงกันว่า "ถ้าจะซื้อรถถวาย อันดับแรกเลย ต้องรับผิดชอบค่าซ่อม ค่าเข้าศูนย์ทั้งหลายทั้งปวงด้วย กระผม/อาตมภาพมีหน้าที่ใช้อย่างเดียว อันดับที่สองก็คือ ถ้าวันไหนเบื่อขึ้นมาแล้วยกให้วัดอื่น ก็ช่วยเซ็นเอกสารโอนให้เขาด้วย..!"
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,373
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    ข้อที่สองท่านบอกว่า ต้องประกอบด้วยสมณสารูป เรื่องนี้ท่านที่ศึกษาในเสขิยวัตร จะรู้ว่าวัตรปฏิบัติที่พระภิกษุสามเณรพึงต้องกระทำ ๗๕ ข้อ ประกอบด้วยอะไรบ้าง เพื่อให้พระ ให้เณร อย่างน้อย ๆ มีเปลือกนอกที่คนเห็นแล้วเลื่อมใสศรัทธา ไม่ใช่เห็นแล้วรังเกียจ ให้คนอยากเข้าใกล้ ไม่ใช่เห็นแล้วหนีห่างจากพระพุทธศาสนา

    กระผม/อาตมภาพว่า ๒ ข้อน่าจะพอแล้วกระมัง ? มีสมณสัญญา ไม่หลงลืมสภาพของตนเอง มีสมณสารูป ยืน เดิน นั่ง นอน ดื่ม กิน คิด พูด ทำ โดยระลึกอยู่เสมอว่า การเป็นพระภิกษุสามเณที่ดีของพระพุทธเจ้า ต้องปฏิบัติในเสยขิยวัตร ๗๕ ข้ออย่างไรบ้าง

    ถ้าท่านสังเกต จะเห็นว่ากระผม/อาตมภาพออกจากกุฏิเมื่อไร จะมีจีวรติดตัวมาด้วย ห่มมาเรียบร้อย ทำงานก็ทำทั้งอย่างนั้นแหละ ก็เพื่อสมณสารูป นี่ยังดีนะครับ ถ้ายังเป็นท่านอาจารย์ใหญ่ธัมมะเสนะ รองเจ้าคณะรัฐมอญที่ประเทศพม่าโน่น วัดของท่าน พระภิกษุสามเณรก่อสร้างนี่ยังต้องห่มจีวรติดตัวนะครับ อันนั้น
    กระผม/อาตมภาพก็ว่าทารุณเกินไป

    ดังนั้น...ในส่วนที่ท่านทั้งหลายไปในวันนี้จะเห็นว่า บางทีสิ่งหนึ่งประการใดที่เราไปพบ ไปเจอมา แล้วเกิดตั้งคำถามกับตนเองว่าใช่หรือเปล่า ? ก็ขอให้ยึดถือสมณสารูป สมณสัญญานี้เป็นหลัก ถ้าหากว่าไม่ได้จัดอยู่ในทั้ง ๒ หัวข้อนี้ก็ไม่ใช่แน่นอน เป็นเรื่องที่เราต้องมีจิตสำนึก ตระหนักรู้อยู่เสมอ ซึ่งแปลว่าเราต้องประกอบด้วยสติ สมาธิ ทรงตัวเป็นปกติ แล้วท้ายที่สุดก็ต้องมีปัญญาที่จะมองเห็นว่าอะไรควร อะไรไม่ควรด้วย

    วันนี้เรายังต้องมีการเทศน์วันพระภาคค่ำอีก ได้รบกวนเวลาท่านทั้งหลายมากพอแล้ว จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...