เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 5 ธันวาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ตั้งแต่เช้ามากระผม/อาตมภาพก็มีภารกิจมากมายรออยู่ เริ่มจากการนำผู้บวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ รุ่นที่ ๘/๒๕๖๕ ปฏิบัติธรรมช่วงเช้ามืดตั้งแต่ประมาณตี ๓ ครึ่ง หลังจากนั้นก็ไปร่วมงานเจริญพระพุทธมนต์เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอทองผาภูมิ ต่อด้วยการบิณฑบาต เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

    เมื่อเสร็จภารกิจกลับมา ก็นำผู้บวชเนกขัมมะฯ ปฏิบัติธรรมช่วงสาย ต่อด้วยพิธีปิดการปฏิบัติธรรม ยังโชคดีว่าตอนนี้เป็นการมอบวุฒิบัตรออนไลน์ ไม่เช่นนั้นแล้วก็คงต้องเสียเวลาในการมอบวุฒิบัตรแก่ผู้บวชเนกขัมมะฯ อีกพักใหญ่

    เมื่อเสร็จสิ้นการปฏิบัติธรรมแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้เดินทางไปยังวัดสะเนพ่อง หมู่ที่ ๑ ตำบลไล่โว่ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อร่วมงานพุทธาภิเษกพระพุทธรูปแก้วขาว (พระพุทธรัตนสังขละบุรีศรีสุวรรณ) ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของอำเภอสังขละบุรี โดยฉันเพลบนรถด้วยข้าวกล่องตามเคย

    พระพุทธรูปแก้วขาวองค์นี้มีที่มาก็คือ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้พระราชทานให้แก่เจ้าเมืองสังขละบุรีในช่วงนั้น คือพระศรีสุวรรณคีรี (ภูวะโพ่) เจ้าเมืองกะเหรี่ยง ซึ่งกะเหรี่ยงอำเภอสังขละบุรีนั้นได้รับสิทธิพิเศษ ไม่ต้องเกณฑ์ทหาร เนื่องเพราะว่าทางเมืองสังขละบุรี ได้ถวายช้างเผือกให้แก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงได้รับการยกเว้นการเกณฑ์ทหารทั้งอำเภอ

    พระพุทธรูปแก้วขาวองค์นี้ เมื่อเป็นสมบัติพระราชทานโดยในหลวงรัชกาลที่ ๓ จึงได้มีการดูแลรักษามาอย่างหวงแหนโดยเจ้าเมืองสังขละบุรี ตลอดจนกระทั่งลูกหลานชาวบ้านสะเนพ่องมาจนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งได้ประดิษฐานอยู่ที่วัดสะเนพ่อง ซึ่งวัดสะเนพ่องนี้ ถ้าหากว่าออกเสียงตามสำเนียงกะเหรี่ยง จะต้องออกเสียงว่า "สะหนี่พุ่ง" แต่ว่าคนไทยออกเสียงสบายลิ้น บางทีก็ออกชัด ๆ เลยว่า "เสน่ห์พ่อง" ก็เลยทำให้เป็นคนที่ขาดเสน่ห์ ขาดความน่ารักไปโดยปริยาย

    เมื่อไปถึง ทางคณะกรรมการวัดได้เมตตาเปิดให้กระผม/อาตมภาพเข้าไปกราบพระแก้วขาวถึงภายในห้องประดิษฐาน จึงได้เห็นว่าพระพุทธรูปแก้วขาว ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของสังขละบุรีนั้น ได้รับการระวังป้องกันเป็นอย่างดียิ่ง กระจกทางด้านหน้าห้องประดิษฐานพระพุทธรูป เป็นกระจกกันกระสุน ประตูเข้าทางด้านข้างเป็นเหล็ก หนาเป็นนิ้วเลย..! แล้วก็มียังมีกุญแจ ซึ่งลักษณะการไขนั้นเป็นไปโดยยาก เพราะว่าจะต้องตั้งอกตั้งใจจริง ๆ เนื่องจากว่าเป็นกุญแจเข้ารหัสอีกด้วย..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    เมื่อเข้าไปกราบองค์พระแก้วขาวแล้วออกมาทางด้านนอก ดูเขาจัดมณฑลพิธีจนเสร็จเรียบร้อย กระผม/อาตมภาพซึ่งมีภารกิจรออยู่ ก็ขอเขาทำการปลุกเสกวัตถุมงคลก่อนเพื่อน เมื่อกราบขอบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้โปรดเมตตาสงเคราะห์ ก็เห็นพระพุทธรูปแก้วขาวท่านขยายองค์ใหญ่จนเต็มมณฑลพิธี แล้วอยู่ในลักษณะเหมือนกับเป็นสายล่อฟ้า ก็คือบารมีที่พระแผ่ลงมาผ่านองค์หลวงพ่อแก้วขาว แล้วกระจายไปสู่พระพุทธรูปแก้วขาวองค์จำลองทั้งหมด จนสว่างไสวเหมือนอย่างกับพระอาทิตย์ยามเที่ยง

    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พรว่า พระพุทธรูปที่เข้าพิธีพุทธาภิเษกครั้งนี้ จะช่วยให้ทุกคนร่มเย็นเป็นสุข พ้นจากภัยธรรมชาติ และโดยเฉพาะพ้นจากโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งคำว่าพ้นจากโรคภัยไข้เจ็บในที่นี้ก็คือโรคระบาดใหญ่ ไม่ได้หมายความว่าโรคเล็กโรคน้อยอะไรก็พ้นทั้งหมด

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพจึงได้ตั้งใจขอเผื่อน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ซึ่งระยะนี้มีอาการเจ็บร้าวลงสะโพก ว่าถ้าหากว่าสามารถที่จะป้องกันโรคได้จริง ก็ขอให้หายจากอาการที่เป็นอยู่ แล้วก็เกิดความรู้สึกเหมือนกับตนเองเจ็บสะโพกร้าวเป็นเส้นลงไป จากนั้นก็หายวับไปในฉับพลันเหมือนกับปลิดทิ้ง ซึ่งเมื่อเล่าให้ฟัง น้องเล็กก็บอกว่าหายจากการเจ็บแล้วจริง ๆ..!

    เมื่อครบเวลาตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมตตาสงเคราะห์แล้ว กระผม/อาตมภาพก็ทำน้ำมนต์พรมรอบมณฑลพิธี พร้อมกับโปรยดอกไม้ถวายเป็นพุทธบูชา ทางผู้จัดงานได้ถวายปัจจัยไทยธรรมมา กระผม/อาตมภาพก็มอบคืนให้ไปทั้งหมด เพื่อที่จะได้ใช้ในงานของทางวัดต่อไป แล้วตนเองก็เดินทางกลับออกมา

    แต่ว่าตอนขาเข้านั้น ได้ขับรถลุยลงไปในลำห้วยโรคี่เพื่อที่จะเข้าสู่วัด ตอนแรกก็เห็นว่า ทำไมทางวัดจึงจอดรถไว้อีกฝั่งหนึ่ง แล้วยอมลงเดินเกือบ ๒ กิโลเมตรเข้าวัด ? เมื่อขาออกถึงได้รู้ชัด เพราะว่าน้ำขึ้นสูงมามาก ตอนขาเข้าดูแล้วก็ประมาณแค่ครึ่งล้อรถเท่านั้น แต่ว่าขาออกนี่ ถึงขนาดท่วมล้อรถเลยทีเดียว ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าถ้าอีกสักพักหนึ่งแล้ว น้ำจะสูงแค่ไหน เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าระยะนี้มีฝนหลงฤดูตกอยู่บ่อย ๆ แล้วทำให้อาจจะเกิดน้ำป่าไหลหลากมาตอนไหนก็ไม่รู้แน่..!?
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    หลังจากที่หลุดพ้นออกมาได้ก็เดินทางกลับมาสู่ทองผาภูมิ แล้วก็มุ่งลงไทรโยค เข้าตัวเมืองกาญจนบุรี หนีรถติดออกมาทางอำเภอพนมทวน เพราะว่าเป็นวันหยุดยาว คือวันที่ ๓-๔-๕ ธันวาคมต่อเนื่องกัน ทำให้บุคคลที่เดินทางท่องเที่ยวนั้น พากันกลับเข้ากรุงเทพฯ กันเป็นจำนวนมาก จึงทำให้การจราจรหนาแน่นมาก ไม่สามารถที่จะทำความเร็วได้เลย

    กระผม/อาตมภาพมาถึงวัดสี่แยกเจริญพรประมาณ ๕ โมงเย็น ได้เข้าไปให้โอวาทต่อพระนวกะที่บวชถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งจัดโดยท่านพระครูปฐมสาธุวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดสี่แยกเจริญพร ทำการอุปสมบทหมู่จำนวน ๖๓ รูปด้วยกัน โดยทำการปลุกใจให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น ตั้งหน้าตั้งตาถือศีลปฏิบัติธรรมให้ดี เพราะว่ามีเวลาในการบวชน้อย

    แต่ว่าเวลาในการบวชน้อยไม่ได้หมายความว่าบุญกุศลของเราจะน้อย เพราะว่ากุศลผลบุญในการบวชนั้นมีมากมายมหาศาล สมมติว่าในชีวิตฆราวาส เรามีศีล ๕ เปรียบเหมือนกับมีเงินต้นทุนอยู่ ๕ ล้านบาท เมื่อเรามาบวช มีศีล ๒๒๗ เปรียบเหมือนกับมีเงิน ๒๒๗ ล้าน ถ้าหากว่านำไปลงทุนในสิ่งเดียวกัน แล้วได้กำไรขึ้นมา คนที่ลงทุน ๕ ล้านกับคนที่ลงทุน ๒๒๗ ล้าน ใครจะได้กำไรมากกว่ากัน ? ก็สามารถที่จะตอบได้ในทันที..!

    ดังนั้น..พระใหม่ทั้งหลายที่บวชจึงอย่าคิดว่าตนเองมีเวลาน้อย ถ้าเราตั้งหน้าตั้งตาไหว้พระ สวดมนต์ เจริญพระกรรมฐาน ประกอบกิจการงานตามที่พระพี่เลี้ยงแนะนำ เราก็สามารถที่จะสั่งสมบุญกุศลจำนวนมากได้ เพราะว่าเรามีต้นทุน คือศีลพระนั่นเอง

    เมื่อท่านทั้งหลายถึงพร้อมด้วยต้นทุน ถ้าอยู่ต่อก็สามารถเป็นกำลังให้กับพระพุทธศาสนา ถ้าสึกหาลาเพศออกไป บุญกุศลนี้ก็จะช่วยให้ท่านทั้งหลายมีความคล่องตัวในความเป็นอยู่มากกว่าคนอื่นเขา เพราะว่าการดำเนินชีวิตของเรานั้น ล้วนแต่ไปตามบุญตามบาปแต่เดิมที่เราได้สร้างมา แต่ว่าเราได้บุญจำนวนมหาศาลจากการบรรพชาอุปสมบท ไปถือศีล ปฏิบัติธรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทำได้ยากมาเสริม ทำให้เรามีต้นทุนเพิ่มขึ้นมหาศาล ดังนั้น..ถ้าไปทำมาหากิน ก็ย่อมมีความคล่องตัวมากกว่าคนอื่นเขา เป็นต้น

    เมื่อจบการบรรยายแล้ว รับปัจจัยไทยธรรมจากพระครูเทพ กระผม/อาตมภาพก็ถวายเงินทั้งหมดคืนไป เพื่อให้ท่านนำไปใช้ในการดูแลพระนวกะ ซึ่งยังต้องบวชอยู่อีกหลายวัน แล้วตนเองก็เดินทางฝ่ารถติดไปสู่จุดหมายปลายทางของตน เพื่อเตรียมที่จะทำกิจกรรมในวันรุ่งขึ้นต่อไป

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...