เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 28 พฤศจิกายน 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,494
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,494
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ งานสำคัญของวันนี้ก็คือ การเจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ซึ่งทางคณะสงฆ์จัดทุกวันที่ ๒๘ ของเดือนตลอดปี ๒๕๖๕ งานนี้ต้องบอกว่า ถึงจะติดธุระสำคัญอะไรก็ตาม ต้องถือว่าเป็นงานสำคัญที่สุด กระผม/อาตมภาพเอง ใครนิมนต์วันที่ ๒๘ ของเดือนก็จะปฏิเสธไปทั้งหมด

    เรื่องของสถาบัน ต้องบอกว่าเป็นจิตสำนึกร่วมของบุคคลในชาติ คราวนี้ในรุ่นของกระผม/อาตมภาพนั้น เราได้เรียนวิชาหน้าที่พลเมืองและศีลธรรม เรียนภูมิศาสตร์ เรียนประวัติศาสตร์ แต่มารุ่นหลัง ๆ วิชาเหล่านี้โดนถอดออกหมด โดยเฉพาะในส่วนของวิชาประวัติศาสตร์ ซึ่งกำลังจะโดนถอดออกอีกแล้ว เพราะสายตาคับแคบของผู้บริหาร หรือว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ เห็นว่าวิชาเหล่านี้ไม่มีประโยชน์

    พวกเราต้องเข้าใจนะครับว่า ประวัติศาสตร์ชาติไทยของเรา เอาแค่มีหลักฐานปรากฏชัดเจนก็ ๗๐๐ - ๘๐๐ ปีมาแล้ว ขณะที่ประเทศเกิดใหม่อย่างสหรัฐอเมริกาก็เพิ่งจะ ๒๐๐ กว่าปี แต่ของเขาก็ศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์ พยายามขุดคุ้ยหาความสำคัญมาให้ชนในชาติของเขาได้ศึกษากัน แต่บ้านเราไปโละทิ้ง ในเมื่อเป็นเช่นนั้นการที่เราจะสร้างจิตสำนึกให้เกิดขึ้นกับประชาชนในชาติของเราก็เท่ากับว่าหายไปเลย

    ในเรื่องของระบบการศึกษานั้น ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ "กลืนไม่เข้าคายไม่ออก" กระทรวงศึกษาธิการเป็นกระทรวงที่ได้รับงบประมาณมากที่สุดในประเทศไทย แต่จัดการศึกษาออกมาแล้ว ประเทศเราแทบจะรั้งท้ายอาเซียน อาเซียน ๑๐ ประเทศ มีแต่ประเทศพม่าเท่านั้นที่ในเรื่องของการศึกษาตามหลังไทยอยู่ นอกนั้นแซงเราไปหมดแล้ว..!

    เหตุที่ประเทศพม่าตามหลังไทยอยู่ เพราะว่าเขายังปกครองโดยรัฐบาลเผด็จการทหารมากกว่า โอกาสที่จะเข้าไปเก็บข้อมูลต่าง ๆ เป็นไปได้น้อยมาก เข้าไปเก็บข้อมูลเมื่อไร เราจะรู้ว่าเราเรียนไม่ทันพม่าแล้ว ทันทีที่จบชั้นประถม ที่เขาเรียกว่าระดับสแตนดาร์ด ซึ่งแบ่งออกเป็น ๑๒ ระดับด้วยกัน พอเริ่มเรียนระดับ ๑๐ สแตนดาร์ด ครูบาอาจารย์ของเขาก็เลิกใช้ภาษาพม่าแล้ว บรรยายเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,494
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เรื่องนี้กระผม/อาตมภาพชัดเจนมาก เพราะว่าไปพม่าอยู่เป็นสิบปี แล้วก็ไม่ได้ไปแบบฉาบฉวย หากแต่ว่าไปจนกระทั่งสร้างวัดเสร็จทั้งวัด ในระหว่างที่รอวัสดุ รอการอนุมัติ สารพัดจะรอ ก็เที่ยวไปเลาะดูชีวิตชาวบ้านต่าง ๆ รวมทั้งการศึกษาทั้งทางคณะสงฆ์และทางฆราวาสด้วย ขอยืนยันว่าการศึกษาของเขาเหนือกว่าเรามาก

    ทางคณะสงฆ์ไทย ถ้าเรียนบาลี ถือว่าเปรียญธรรม ๙ ประโยคสูงสุด แต่ว่าถ้าไปเปรียบกับของพม่า ก็เทียบเท่ากับธัมมะจริยะของเขา ซึ่งแบ่งออกเป็น ๘ ระดับ เราจะเรียกว่าเปรียญธรรม ๘ ประโยคก็ได้ แล้วของเราก็หมดแค่นั้น ถ้าหากว่าจะศึกษาต่อ ก็เอาวุฒิการศึกษาไปเรียนต่อในระดับปริญญาโท เพราะว่าประโยค ๙ เขาให้ปริญญาตรี ไม่ใช่เทียบเท่านะครับ เปรียญธรรม ๙ ประโยคเป็นปริญญาตรี รับรองโดยกระทรวงศึกษาธิการเลย

    แต่ว่าพอไปเรียนปริญญาโท จะประสบความยากลำบากอย่างสาหัสมาก กระผม/อาตมภาพมีประสบการณ์มาด้วยตนเอง ก็คือเพื่อนที่เรียนปริญญาโทด้วยกัน จบเปรียญธรรม ๙ ประโยคมา ไปไม่เป็นเลยครับ เพราะว่าวิชาพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ สังคมศาสตร์อะไรเขาไม่เป็นเลย เรียนแต่บาลีมาอย่างเดียว

    กระผม/อาตมภาพก็ต้องแบกเพื่อนไปด้วย ถึงเวลาก็ต้องดึงเข้ามาอยู่กลุ่มเดียวกัน เพื่อจะได้มีงานส่ง อันไหนที่ไม่ไหวก็ช่วยกันทำ ช่วยกันเข็น ทุกวันนี้ที่รุ่นของกระผม/อาตมภาพรักกันมาก ก็เพราะว่าช่วยเหลือกันแบบนี้มาตั้งแต่ต้น แต่เราก็เห็นชัดเจนว่าการศึกษาของเราตัน

    แต่ทางพม่าไม่ใช่อย่างนั้น พม่าเขายังมีต่อในส่วนของบาลีปารคู ใช้ภาษาบาลีในชีวิตประจำวัน พูดคุยกันเหมือนกับเราใช้ภาษาทั่วไปนี่เอง ผ่านระดับนั้นแล้วก็ยังไปศึกษาตรีปิฏกบัณฑิต ก็คือท่องจำพระไตรปิฎกให้ได้ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์

    เพราะฉะนั้น..ในส่วนของการศึกษาทางคณะสงฆ์พม่าก้าวหน้ากว่าเราเยอะ แล้วศึกษากันอย่างจริงจังมาก เหตุเพราะว่าส่วนหนึ่งก็คือไม่อยากเป็นทหาร ถ้าหากว่าบวช เขายกเว้นการเกณฑ์ไปเป็นทหารให้ บ้านเราน่าจะมีบ้างนะ แต่ของพม่าเขารบราฆ่าฟันกันอยู่เป็นปกติ ไปเป็นทหารโอกาสตายมีสูงมาก จึงกลายเป็นว่าทั้งตัวผู้บวชเอง หรือว่าพ่อแม่ ก็พยายามผลักดันลูกให้ไปบวช จะได้ไม่ต้องโดนเกณฑ์ทหาร จะได้ไม่ต้องไปเสี่ยงชีวิตกัน
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,494
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    ส่วนในเรื่องการเรียนของฆราวาส น่าเสียดายที่ว่า มีอยู่ช่วงหนึ่งที่นักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยทำการประท้วงรัฐบาลทหาร ก็เลยโดนรัฐบาลยุคนั้น ที่เราเรียกตัวย่อว่า SLORC สั่งปิดมหาวิทยาลัยไป ๕ ปี..!

    ช่วงนั้นกระผม/อาตมภาพอยู่พม่าพอดี ไปได้ลูกสาวพม่ามา ๒ คน ก็คือเจ้าแมวกับเจ้าเป็ด เรียนปริญญาตรีอยู่ดี ๆ ไปต่อไม่ได้ เพราะว่ารัฐบาลปิดมหาวิทยาลัย เจ้าสองคนก็เลยมาเรียนภาษาไทย แล้วเก่งโคตรเลย ก็คือ ก.ไก่ ถึง ฮ.นกฮูก สระอะไปไล่จนกระทั่ง อำ ไอ ใอ เอา ท่องได้ภายในวันสองวันเอง แล้วด้วยความที่เรียนมาถึงระดับนั้นแล้ว ก็เลยใช้วิธีลอก คำว่าลอกก็คือเขียนตามแบบ ทำให้สามารถเขียนภาษาไทยได้เร็วมาก แล้วอ่านได้เร็ว สอนไปแค่ ๒ อาทิตย์นี่สะกดคำอ่านได้แล้ว เหลือแต่แปลความหมายเท่านั้น

    พอพ้นจากจุดนั้นไป รัฐบาลก็ไปเร่งในเรื่องของการท่องเที่ยว ก็เลยไม่ส่งเสริมในเรื่องของการศึกษา ทุกวันนี้เด็กพม่าต้องผลัดกันเรียนนะครับ ก็คือจำนวนนี้เรียนภาคเช้า จำนวนนี้เรียนภาคบ่าย จำนวนนี้เรียนภาคค่ำ ไม่อย่างนั้นแล้วจะมีสถานศึกษาไม่พอให้เด็กเรียน เพราะว่ารัฐบาลไม่ยอมให้สร้างเพิ่ม เนื่องจากว่าพอเรียนแล้วก็มักจะไปประท้วงรัฐบาล ซึ่งความจริงถ้าหากว่าอย่างบ้านเราที่ไปชูสามนิ้ว ก็แค่จับอาจารย์โยนเข้าคุกไปสักปีสองปี เด็กก็ไม่มีใครไปปลุกระดมแล้ว แต่เรื่องนี้แล้วแต่รัฐบาลเขาจัดการกันเถอะ อาตมภาพไม่ขอยุ่งด้วย..!

    คราวนี้ก็เลยทำให้เรื่องของการศึกษาบ้านเราแทบจะล้าหลัง ติดอันดับสุดท้ายของโลกเลยก็ว่าได้ แต่ที่อัศจรรย์กว่านั้นก็คือสิงคโปร์เป็นอันดับหนึ่งของโลก อยู่ข้างบ้านของเรานี่เอง

    กระผม/อาตมภาพไปสิงคโปร์ เดินตามเด็กนักเรียนอนุบาล อาจารย์เขาอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ พาเด็กไปเที่ยววัด ไปเข้ามัสยิด ไปเข้าเทวาลัย เดินตามไปเรื่อยครับ เขาจะเห็นผมเป็นโจรขโมยเด็กหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? เหตุเพราะว่าอยากจะดูว่าเรื่องของการศึกษาของเขาไปได้ไกลแค่ไหน
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,494
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เมื่อมีโอกาสก็สอบถามพูดคุย ปรากฏว่าถ้าเกิดเป็นคนสิงคโปร์อย่างน้อยต้องเรียน ๒ ภาษา ภาษาแรกก็คือภาษาของตนเอง อย่างเช่นว่า ภาษาจีน ภาษาอินเดีย หรือภาษายาวี อีกภาษาหนึ่งอย่างน้อยต้องเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อที่จะได้สื่อสารกันได้ทั้งประเทศ หรือถ้าหากว่าจะเอามากกว่านั้นก็เรียนภาษาจีนกับภาษาอังกฤษเพิ่มเติม เพราะว่าได้ใช้งานแน่นอน คนที่รู้ ๒ ภาษา ๓ ภาษา โอกาสได้งานทำมีมากกว่า

    ดังนั้น..พอเห็นเขาบรรยายให้เด็กฟังตั้งแต่ชั้นอนุบาลด้วยภาษาอังกฤษ กระผม/อาตมภาพก็ยอมรับว่าการศึกษาของเราไม่มีทางที่จะสู้เขาได้ เพราะว่าบ้านเราขนาดจบปริญญาตรีแล้ว การสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษยังยากเลย เหตุเพราะว่าขาดความชำนาญ พอเขาถามมา เราก็ต้องมาคิดว่าเขาถามอะไร ? แปลภาษาอังกฤษเป็นไทยในหัว แล้วยังมีขั้นตอนว่าเราจะตอบอะไร ? แปลภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษในหัว กว่าที่จะอ้าปากตอบ เขาก็ไปแล้วอีก ๗ - ๘ ประโยคเป็นอย่างน้อย..!

    ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายดูในการประชุมเอเปคที่ผ่านมา ล่ามจีน ไม่ใช่ล่ามนะครับ กระผม/อาตมภาพอยากจะเรียกว่าเครื่องแปลภาษา เพราะว่าล่ามในความเคยชินของเขาก็คือ เจ้าตัวพูด ๑ ประโยค เราแปล ๑ ประโยค แต่นี่ไม่ใช่ คนพูดพูดไปเรื่อย คนแปลก็แปลไปเรื่อย ไม่มีการหยุดเลยครับ ต่อเนื่องตลอด พออีกฝ่ายหนึ่งตอบกลับมา ทางด้านนี้ก็แปลเป็นภาษาจีนให้เจ้านายตัวเองฟังยาวไปเลย

    เมื่อการประชุมครั้งก่อน กระผม/อาตมภาพจำไม่ได้ว่า G20 หรืออย่างไร ที่มีล่ามผู้หญิงจีนคนหนึ่งสร้างความแตกตื่นให้กับเขาทั้งโลก ก็เพราะแปลในลักษณะอย่างนี้ แต่ปรากฏว่ามาครั้งนี้ ล่ามจีนทุกคนทำได้หมด แล้วเป็นการฝึกฝนกันเอง พอถึงเวลาจบปริญญาแล้วก็เข้าสถาบันภาษา จากสถาบันภาษามาก็ฝึกในการแปลแบบนี้อีก ๒ ปี คนเป็นพันล้าน ถ้าคุณไม่เก่ง ไม่ได้งานทำนะครับ

    ดังนั้น..ในเรื่องของการศึกษาจึงเป็นเรื่องที่สำคัญสุด ๆ เพียงแต่ว่าบ้านเรานั้น นโยบายมักจะไม่ต่อเนื่อง ยิ่งในช่วงที่กระผม/อาตมภาพเรียนจบมาไม่นาน ใครมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ก็มักจะคิดหลักสูตรของตัวเองขึ้นมา แล้วท้ายสุดไอ้หลักสูตรเอาเด็กเป็นศูนย์กลาง ไชลด์เซ็นเตอร์ (Child Center) ก็กลายเป็นหลักสูตร "ควายเซ็นเตอร์" ในความรู้สึกของผู้ปกครองส่วนใหญ่ เพราะว่าไม่ให้เด็กท่องจำ แต่ว่าจะให้เด็กคิดเอง ทำเอง ซึ่งไปไม่ได้กับบริบทของบ้านเรา ไอ้ระบบคิดเองทำเองนั้นเป็นของฝรั่งเขา
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,494
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    ถามว่าดีไหม ? ดี..แต่บริบทของฝรั่งเขาก็คือ พอเด็กเริ่มหยิบช้อนเล่น เขาก็ส่งจานข้าวให้กินแล้ว ถึงเวลาจะละเลงเละไปทั้งบ้านก็ไม่ว่าอะไร หมดเวลาก็เก็บ ล้าง จับอาบน้ำอาบท่า ต่อให้แหกปากร้องว่าไม่ได้กินก็เรื่องของเอ็ง รอไปจนกว่าจะถึงมื้อหน้า โดนเข้าไปสักวันสองวันเด็กก็จะจำว่าถ้าไม่กินก็หิว จึงต้องรีบตักใส่ปาก ส่วนบ้านเรา บางทีสิบกว่าขวบแล้วยังไล่ป้อนอยู่เลย เราจะเห็นว่าเด็กฝรั่งพอเดินได้ปุ๊บ พ่อแม่จะจูงให้เดิน บ้านเราบางที ๗-๘ ขวบแล้วยังอุ้มเข้าสะเอวอยู่เลย..!

    ในเมื่อบริบทของบ้านเราไม่ได้ เพราะว่าเราไม่เคยสอนให้เด็กคิด ให้เด็กทำด้วยตนเอง ยกเว้นพ่อแม่หัวก้าวหน้าไม่กี่บ้าน ในเมื่อเป็นในลักษณะอย่างนี้ เด็กก็เลยคิดเองทำเองไม่เป็น แล้วไม่ให้ท่องจำอีก ก็เลยไม่เหลืออะไรอยู่ในหัว ของเก่าก็ไม่ได้ ของใหม่ก็ไม่ดี การศึกษาบ้านเราก็เลยตกหลุมติดหล่มอยู่ทุกวันนี้

    โดยเฉพาะครูบาอาจารย์เป็นหนี้ท่วมหัว กู้สหกรณ์ทุกรูปแบบที่กู้ได้ กระผม/อาตมภาพเคยถามเพื่อนว่า "ทำไมกู้ถึงขนาดนั้น ?" ตอบได้น่าชื่นใจมาก เพื่อนบอกว่า "เป็นหนี้ไว้แล้วเขาจะไม่ไล่เราออก" ฟังแล้วรู้สึกเห็นอนาคต..!

    ดังนั้น..เรื่องพวกนี้ถ้าหากว่าเป็นไปได้ กระผม/อาตมภาพจะฝากบรรดาท่านทั้งหลายที่เข้าไปเกี่ยวข้องในระดับสูงอยู่เสมอ ว่าให้คิดช่วยแก้ไขหน่อย ไม่อย่างนั้นแล้วการศึกษาของเราก็ยังคงล้าหลัง ตามหลังเขาไป ยิ่งนานก็ยิ่งโดนเขาทิ้งห่างไปทุกที

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๒๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...