เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 25 กรกฎาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,373
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,373
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ เมื่อเช้าตอนบิณฑบาต ก็ได้รับคำนิมนต์จากเจ๊เกี๊ยว (นางนฤณี สมบูรณ์) อดีตเจ้าของร้านลัดดาวัลย์ ขอให้ช่วยดูหิ้งพระให้หน่อยว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ ? เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าลุงเตือน (นายเตือน สมบูรณ์) ซึ่งเป็นสามีนั้น ป่วยด้วยเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ลากยาวมาหลายเดือนแล้ว ไม่ได้ดีขึ้น แล้วญาติกันก็คือเจ๊เข่ง (นางประจิม สมบูรณ์) ก็ป่วยเป็น Long COVID แบบนี้เช่นกัน กระผม/อาตมภาพแจ้งไปว่า ถ้าหากมีเวลาจะไปดูให้

    ในส่วนที่อยากจะบอกกล่าวกับพวกเราทั้งหลายไว้ก็คือว่า โดยปกติเมื่อทำอะไรแล้วมีความเจริญรุ่งเรือง มีความดีงาม เราก็ยกให้เป็นความดีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อถึงเวลาเกิดอะไรไม่ดีงามขึ้น เราก็ไปโทษสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะโทษแม้กระทั่งพระ..!

    กระผม/อาตมภาพเคยบอกกล่าวไปแล้วว่า เวลาเจ็บไข้ได้ป่วย เวลาขาดสติ จะทำให้คนกลายเป็นมิจฉาทิฏฐิได้ง่ายมาก ก็คือสงสัยแม้กระทั่งสิ่งที่เราเคารพนับถือ ว่าอาจจะก่อให้เกิดทุกข์เกิดโทษแก่ตนเอง โดยที่ลืมไปว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ชัดเจนว่า ในส่วนของกรรมที่เกิดขึ้นกับเรานั้น ก็คือเกิดจากสิ่งที่เราได้กระทำไว้ในอดีต แล้วมาส่งผลเป็นวิบาก คือทำให้เราต้องรับผลกรรมนั้น ๆ

    วิบากกรรมในด้านดี เรียกว่า กุศลกรรม สร้างความดี ความงาม ความเจริญรุ่งเรืองให้แก่เรา วิบากกรรมในด้านไม่ดี เรียกว่า อกุศลกรรม สร้างความทุกข์ ความยากลำบาก ความเจ็บไข้ได้ป่วยให้แก่พวกเรา เป็นต้น จึงเป็นเรื่องที่ทดสอบความมั่นคงในพระรัตนตรัยเป็นอย่างดียิ่งประการหนึ่ง

    แต่ว่าเราต้องเข้าใจว่าบุคคลทั่วไปในบ้านเราเมืองเรานั้น ส่วนใหญ่ก็คือปุถุชน เป็นบุคคลที่ยังหนาไปด้วยกิเลส ยังยินดีกับ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ยังทุกข์ใจกับการ เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ เป็นต้น จึงเป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันประคับประคองให้เขาทั้งหลายเหล่านั้น อยู่ในด้านที่ดีที่งามให้ได้ ไม่เช่นนั้นแล้วก็อาจจะกลายเป็นมิจฉาทิฏฐิ ก่อทุกข์ก่อโทษให้เกิดกับตนเองและครอบครัวต่อไปในกาลข้างหน้า
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,373
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    อีกเรื่องหนึ่งก็คือการที่พระ ไม่ว่าจะเป็นระดับหลวงปู่ หลวงพ่อ ครูบาอาจารย์ก็ดี หรือว่าตัวกระผม/อาตมภาพก็ดี พูดอย่างหนึ่งแล้วคนนำไปตีความอีกอย่างหนึ่ง อย่างเช่นนำคำพูดของหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ไปยืนยันขันแข็งว่า หลวงพ่อเคยเกิดเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์นั้นพระองค์นี้ ทั้ง ๆ ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อไม่เคยกล่าวเช่นนั้นเลย ต้องบอกว่าเป็นพวกที่โง่แล้วอวดฉลาด..!

    สิ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านพูด ท่านบอก ท่านกล่าวนั้น จะพอเหมาะพอดีกับสถานการณ์เป็นที่สุด ไม่ต้องการอาศัยความปัญญาน้อยของท่านไปตีความอะไรมากมายไปยิ่งกว่านั้น แต่เราทั้งหลายก็ยังโง่แล้วอวดฉลาด มักจะไปตีความ เพื่อต้องการจะยกตนเองให้มีความสำคัญขึ้นมา ถ้าหากว่าเป็นภาษาของเด็กสมัยนี้ เขาเรียกว่า "หิวแสง" ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าสงสารมาก


    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าเมื่อหลายวันก่อน กระผม/อาตมภาพได้กล่าวถึงเรื่องที่เจ้าคุณหลวงตา (พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ.) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ที่ท่านบอกว่า มีคนกล่าวโจมตีเรื่องของมโนมยิทธิกันมาก เราควรที่จะยกขบวนเข้ากรุงเทพฯ โดยการไปทางอากาศดีหรือไม่ ? กระผม/อาตมภาพก็ได้รับรองไปว่า ถ้าหากว่าจะไปเมื่อไร แจ้งมาก็แล้วกัน พร้อมเสมอ แต่มีผู้ไปตีความ ฟันธงว่า "ถึงเวลาแสดงอภิญญาใหญ่แล้ว..!"

    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าคุณหลวงตา หรือว่ากระผม/อาตมภาพไม่ได้กล่าวถึงแม้แต่นิดเดียว แต่บรรดาท่านที่อวดฉลาด ก็ไปกล่าวให้คนเขาเข้าใจผิด ดีไม่ดีก็เจอท่านที่ไม่หวังดี ก็จะถูกปรับในข้อหาอวดอุตริมนุสสธรรมไปเลยก็มี

    หรือไม่ก็ประเภทที่กระผม/อาตมภาพทำวัตถุมงคล ไม่ว่าจะเป็นตะกรุดมหาสะท้อน หรือว่าวัตถุมงคลบางชิ้นที่มีอำนาจมหาสะท้อนก็ตาม ก็จะมีผู้ไปกล่าวว่า "ถึงเวลาติดเครื่องถล่มศัตรู ต้องเอาคืนให้สาสม..!" ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นเรื่องของ รัก โลภ โกรธ หลง เต็ม ๆ กระผม/อาตมภาพที่เป็นพระ ไม่มีทางที่จะไปทำสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นอยู่แล้ว แล้ววัตถุมงคลบางชิ้นก็ยังได้รับคำสั่งอย่างชัดเจนว่า "ห้ามคิดร้ายกับผู้อื่น"
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,373
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งที่ท่านพูดออกมา หรือว่าสิ่งที่ท่านเขียนออกมาแล้วนำไปลงตามสื่อโซเชียลต่าง ๆ นั้น ถ้าหากว่าบุคคลที่รู้จักกระผม/อาตมภาพดี หรือว่าเป็นบุคคลที่มีสติสัมปชัญญะเพียงพอ ก็จะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร แต่ว่าคนส่วนใหญ่จะไม่เข้าใจ และไม่รู้เท่าทันตรงนี้ จึงทำให้เกิดเรื่องที่อยู่ในลักษณะที่ว่า ตั้งใจไปเบียดเบียนคนอื่น

    แม้กระทั่งกระผม/อาตมภาพ ก็โดนสั่งห้ามทำตะกรุดมหาสะท้อน เพราะว่ามีการนำเอาไปใช้จนกระทั่งทำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิตอย่างชัดเจนถึง ๒ รายด้วยกัน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ จึงต้องการญาติโยมที่มีสติสัมปชัญญะ มีปัญญาจริง ๆ ก่อนที่จะเสพข่าว เชื่อข่าวอะไรก็ตาม ควรที่จะหาข้อมูลอย่างรอบด้านเสียก่อน

    อีกส่วนหนึ่งก็คือพี่อรรณพ (พันตำรวจเอกอรรณพ กอวัฒนา) ที่ได้ถวายพระเครื่องหลวงปู่ปานพิมพ์ทรงสัตว์ทั้ง ๖ พิมพ์ จำนวนรวมกันแล้ว ๒๐๐ กว่าองค์ให้กระผม/อาตมภาพ ซึ่งตรงนี้อยู่ ๆ ก็มีเว็บไซต์บางแห่ง นำเอาพระเครื่องหลวงปู่ปานไปลงจำหน่ายเป็นจำนวนค่อนข้างจะหนาตา แล้วก็มีการร่ำลือกันไปว่า "ได้มาจากวัดท่าขนุน..!"

    เมื่อพี่ณพส่งข่าวมา กระผม/อาตมภาพจึงได้เรียนท่านไปว่า "ยังอยู่ครบทุกองค์ ถ้าหากว่าใครขี้สงสัยมากก็พาไปวัดท่าขนุน กระผม/อาตมภาพจะเปิดให้ดูเอง" พี่อรรณพบอกว่าตรงส่วนนี้ไม่ได้สงสัยอะไรเลย เพราะว่ารู้นิสัยของกระผม/อาตมภาพดีเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่ว่าเป็นสิ่งที่ลือกันอยู่ในตลาดพระเครื่อง จึงเรียนมาเพื่อเป็นข้อมูลให้กระผม/อาตมภาพได้รับทราบเอาไว้

    จึงขอโอกาสใช้พื้นที่ตรงนี้ในการแจ้งให้ทุกท่านได้ทราบว่า พระเครื่องนั้นพี่อรรณพท่านถวายมา ก็เพื่อประโยชน์ในพระพุทธศาสนา แล้วกระผม/อาตมภาพก็ยังไม่เห็นว่าจะนำไปใช้ในส่วนไหน จึงยังคงเก็บเอาไว้เฉย ๆ อยู่ในลักษณะบูชาไปวัน ๆ เท่านั้น

    แม้ว่าจะมีบุคคลจำนวนมากติดต่อมา ให้ราคาพระเครื่องหลวงปู่ปานพิมพ์นั้นพิมพ์นี้ ราคาเท่านั้นเท่านี้ ก็ไม่ได้รับการตอบสนองจากกระผม/อาตมภาพ ถ้าหากว่ามาทางโทรศัพท์ก็คือตัดสายทิ้ง ถ้าหากว่ามาทางไลน์ก็คือลบทิ้งแล้วบล็อกไปเลย ถ้าหากว่ามาทาง PM (ข้อความส่วนตัว) ในเว็บไซต์ ก็ไม่เปิดอ่านอีกด้วย ท่านทั้งหลายเหล่านี้ เมื่อไม่ได้รับการตอบสนองหลาย ๆ ครั้งเข้า ท้ายสุดก็เลิกราไปเอง แต่ก็ไม่คิดว่าจะกลายเป็นประเด็นขึ้นมาอีก
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,373
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    อีกส่วนหนึ่งที่อยากจะใช้พื้นที่ตรงนี้บอกกล่าวก็คือว่า ญาติโยมทั้งหลายที่มีน้ำจิตน้ำใจ แต่ว่าอาจจะ "ฉลาดน้อย" ไปหน่อย อย่างเช่นไปโพสต์ว่ากระผม/อาตมภาพต้องการสิ่งโน้นสิ่งนี้ ถ้าหากว่าตนเองซึ่งเป็นผู้ถวายตายไปแล้ว ก็ขอให้ท่านอื่น ๆ ช่วยกันถวายต่อด้วย..!

    ขอบอกกล่าวอย่างชัดเจนว่า กระผม/อาตมภาพไม่มีสิ่งหนึ่งประการใดที่ต้องการเลย เพราะว่าปัจจัย ๔ คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรคนั้น มีครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ไม่มีสิ่งหนึ่งประการใดที่ต้องการต่างหากออกไปแม้แต่อย่างเดียว

    สิ่งที่ท่านทั้งหลายส่งไปวัดท่าขนุนนั้น ร้อยละ ๙๙ กระผม/อาตมภาพไม่ได้เปิดดูเอง หากแต่เป็นเลขานุการบ้าง พระที่เข้าเวรอยู่ตอนช่วงนั้นบ้าง เปิด แล้วก็ตัดสินใจว่าจะส่งไปที่ไหน ถ้าเป็นหนังสือก็เข้าห้องสมุด ถ้าหากว่าเป็นเครื่องสังฆทานต่าง ๆ ก็เข้ากองกลาง เมื่อถึงเวลาก็นำออกมาให้พระท่านเลือกใช้กัน จนกระทั่งเหลือจากพระท่านเลือกแล้ว ก็มอบให้กับสถานที่ต่าง ๆ ที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นทางโรงเรียน โรงพยาบาล หรือว่าหน่วยราชการต่าง ๆ ได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์

    สิ่งหนึ่งประการใด ถ้ากระผม/อาตมภาพไม่ได้หามาด้วยตนเอง จะไม่ได้อยู่ในความทรงจำเลย เพราะกระผม/อาตมภาพเป็นบุคคลที่ขี้เกียจคิด ขี้เกียจปรุงแต่ง ดังที่ได้เคยเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเราและบอกกล่าวแก่ญาติโยมหลายครั้งว่า เก็บที่นอน เก็บกุฏิทีไร ก็ได้เงินทุกที


    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าแม้แต่ปัจจัยที่ญาติโยมทั้งหลายถวายมาตามงานต่าง ๆ เมื่อถึงเวลากลับไปก็กอง ๆ รวมกันเอาไว้ เป็นระเบียบเรียบร้อยบ้าง ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยบ้าง เมื่อถึงเวลาก็ไม่ได้ใส่ใจ อาจจะลืมไป หลาย ๆ เดือนหรือว่าข้ามปีไปเลย..! เมื่อถึงเวลามาเก็บกวาดกุฏิ จัดความเป็นระเบียบ ก็มักจะพบเงินทั้งหลายเหล่านี้กองอยู่ ก็ได้มาทีละเป็นจำนวนมาก ๆ ด้วยกัน ดังนั้น..ในเมื่อส่วนของเงินทองยังไม่ได้ใส่ใจ เรื่องอื่นก็ไม่ต้องพูดถึง..!

    จึงขอบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายที่เมตตาว่า ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าส่งสิ่งหนึ่งประการใดไปเลย เพราะว่ากระผม/อาตมภาพเองไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร โดยเฉพาะในส่วนของยารักษาโรค ไม่เคยใช้เลยแม้แต่นิดเดียว เนื่องจากว่าเลิกการใช้ยามา ๔- ๕ ปีแล้ว


    ก่อนหน้านี้เอาใจร่างกายด้วยการบำรุงรักษาเป็นอย่างดี แต่ว่าดูแลเท่าไรก็ยังคงเจ็บไข้ได้ป่วยไม่เลิก ท้ายสุดกระผม/อาตมภาพก็เลยตัดสินใจเลิกฉันยาทั้งสิ้นทั้งปวง กลับทำให้สุขภาพดีขึ้นมาเสียอีก จึงไม่จำเป็นที่ท่านทั้งหลายจะส่งสิ่งของต่าง ๆ มาให้ ไม่ว่าจะดีเลิศลอยเพียงใดในความรู้สึกของท่าน มาถึงตรงหน้ากระผม/อาตมภาพก็เท่านั้นเอง สักแต่ว่าเป็นรูป สักแต่ว่าเป็นธาตุ ไม่ได้มีอะไรที่สำคัญไปมากกว่านั้น


    สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๒๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...