เจ้านายเล็กยุวกษัตริย์ ภาพทรงจำพระพี่นาง

ในห้อง 'ข่าวในพระราชสำนัก' ตั้งกระทู้โดย omio, 19 ธันวาคม 2008.

  1. omio

    omio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,214
    www.thairath.com

    ”เมื่อเราเล็กๆในวันเกิดของแต่ละคน แม่มักจะพาไปถ่ายรูปที่ร้าน และนอกจากจะถ่ายรูปคนที่มีวันเกิดแล้ว บางครั้งยังจะถือโอกาสถ่ายรวมกันทั้งครอบครัว.... ในวันเกิดของข้าพเจ้า วันที่ 6 พฤษภาคม แม่ก็ไปรับมาจากชอง โซเลย์ เพื่อไปร้านถ่ายรูปที่มีชื่อเสียงของโลซานน์ ชื่อ ลาลองซี”

    ความตอนหนึ่งในงานพระนิพนธ์ เจ้านายเล็กๆ-ยุวกษัตริย์ โดยสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
    สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงเขียนคำนำไว้ว่า “เจ้านายเล็กๆ-ยุวกษัตริย์ ไม่ได้เป็นหนังสือเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่เป็นหนังสือที่พี่เขียนให้น้องที่จะครบ 5 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2530 เพื่อที่จะระลึกด้วยกันถึงทุกข์สุขสมัยที่เป็นเด็กและเยาวชนด้วยกัน โดยแบ่งให้ผู้อื่นได้ทราบด้วย”


    ลอนดอน-โลซานน์-กลับเมืองไทย 2471 เมื่อถึงยุโรปแล้ว เราได้พักอยู่ที่โรงแรมหนึ่งในลอนดอนชื่อเคนซิงตัน พาเลซ แมนชั่น อยู่ใกล้สวนเคนซิงตัน เด็กๆได้ไปในสวนสาธารณะบ่อยๆ บางครั้งทูลหม่อมฯ (สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก) ก็เสด็จไปด้วย
    แม่ (สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี) เล่าว่า ในสมัยนั้น พระองค์ อานันทฯซนมาก จึงต้องให้ใส่ที่รัดตัวมีสายสองข้างคล้ายๆกับสายบังเหียน โดยมากเมื่ออยู่ในบ้านจะเอาสายไปผูกไว้กับขาโต๊ะ พระองค์ชายก็ยอมให้ผูกอย่างดี วันหนึ่งแหนน พี่เลี้ยงของข้าพเจ้า คงลืมผูก ท่านก็ถามขึ้นมาเองว่า...
    “วันนี้ ทำไมไม่ผูก”

    กรุงเทพฯ 2471-2476 แม่จากประเทศไทยไปเกือบสามปีครึ่ง ทูลหม่อมฯก็ไม่ได้ประทับเมืองไทยมาสองปีครึ่ง ส่วนน้องสององค์ยังไม่เคยเห็นแผ่นดินไทยเลย
    “เราเข้าไปอยู่ในตำหนักที่ทูลหม่อมฯทรงสร้างตั้งแต่ปี 2469 ตำหนักนี้สร้างอย่างประณีตและอยู่สะดวกสบาย ชาววังเรียกว่า...ตำหนักใหม่”




    ส่วนแม่ก็มีงานมากในการจัดระเบียบให้ลูก 3 คน พระองค์เล็กยังเดินไม่ได้ ตอนแรกๆจึงถูกผูกไว้บ่อยๆ ในรถเข็นที่นำมาด้วยจากต่างประเทศ บางวันก็ปูเสื่อให้นั่งเล่นองค์เดียว หรือกับพี่ชาย

    แม่เล่าว่า พระองค์เล็กถึงแม้ว่าจะยังเดินไม่ได้ ก็มีวิธีขององค์เองในการข้ามถนนหน้าบ้าน ที่เป็นกรวดแหลมๆ ท่านจะโก้งโค้ง เอามือและเท้าแตะพื้น และเดินสี่เท้าแบบนี้ไป แทนที่จะคลานให้เจ็บเข่า


    ในสมัยนั้นวังสระปทุมยังนับว่าอยู่ชานเมือง อากาศยังบริสุทธิ์แม่จึงอยากให้ลูกๆได้อยู่กลางแจ้งให้มากที่สุด ท่านจัดที่ทาง สิ่งก่อสร้าง และอุปกรณ์ให้ทีละเล็กทีละน้อย สิ่งแรกที่สร้างขึ้นคือที่เล่นทราย เป็นกรอบไม้สี่เหลี่ยมมีทรายอยู่ข้างใน แบบเดียวกับที่เห็นได้ในสวนสาธารณะในต่างประเทศ


    “เราได้เลี้ยงสัตว์กันหลายชนิด สุนัขตัวแรกนั้น ข้าพเจ้าตั้งชื่อว่าเจ้าบ๊อบบี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นสุนัขไทย คงเป็นเพราะแหม่มคนหนึ่งเป็นผู้ให้ข้าพเจ้า ตัวที่สองชื่อเป็นไทยแล้วชื่อ นรินทร์ นอกจากนั้น ยังมีกระต่ายและนกซึ่งอยู่ในกรงสูงๆ ขนาดคนเข้าไปยืนได้...มีนกขุนทองตัวหนึ่งด้วย”


    วันหนึ่งนกตัวนี้หลุดไปจากกรงเล็กของมัน ขึ้นไปเกาะอยู่บนต้นไม้ และพูดซ้ำๆ “แหมพระองค์เล็กคะ” เป็นเสียงแหนน และ “พระองค์ชาย... พระองค์ชาย” เป็นเสียงห้าวๆ และห้วนๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ธันวาคม 2008
  2. omio

    omio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,214
    ตอนยุวกษัตริย์ ที่โลซานน์ 2478-2481 วิลล่าวัฒนา การศึกษาในโรงเรียนไม่เป็นสิ่งที่เพียงพอให้เด็กโตขึ้นเป็นคนดี ครอบครัว ตั้งแต่พ่อแม่ จนถึงพี่น้องกันเองมีส่วนที่สำคัญ เราสามคนเป็นกำพร้าพ่อมาตั้งแต่เล็กๆ ภาระของแม่จึงหนักมาก ต้องเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ ซึ่งแม่ก็ทำหน้าที่นี้มาอย่างเข้มแข็ง


    เมื่อมาถึงโลซานน์ใหม่ๆ แม่ได้เขียนถึงสมเด็จย่า หรือสมเด็จพระพันวัสสาฯ ว่า
    “....ลูกของหม่อมฉัน หม่อมฉันรักอย่างดวงใจ และหม่อมฉันมีความตั้งใจอยู่เสมอที่จะนำให้ลูกไปในทางที่ถูกที่ดี สำหรับจะได้เป็นประโยชน์แก่ตัวเอง ญาติ บ้านเมืองตัวของหม่อมฉันเองทำประโยชน์อะไรให้บ้านเมืองไม่ได้มาก แต่ถ้าได้ช่วยลูกๆให้ได้รับความอบรม เล่าเรียนในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่บ้านเมืองได้แล้ว หม่อมฉันก็จะรู้สึกอิ่มใจเหมือนกัน”


    วันที่ 30 ตุลาคม 2477 แม่ยังเขียนถึงสมเด็จพระพันวัสสาฯ ว่า “...หม่อมฉันรู้สึกว่าตัวเคราะห์ดีมากที่มีลูกฉลาด แต่เด็กฉลาดเลี้ยงยากมากกว่าเด็กโง่เพราะต้องพูดกันมาก และต้องอธิบายกันให้เห็นจริงทุกอย่างถึงจะเชื่อ”

    “แม่ไม่เคยชมเราว่าฉลาดหรืองาม จะชมก็เมื่อประพฤติตนดีทำอะไรที่น่าสรรเสริญ เราจึงไม่เหลิง อาจขาดความมั่นใจในตัวเองบ้าง แต่ก็ทราบอยู่เสมอว่าเราเป็นใคร ทำให้เราเป็นผู้ที่นับถือความจริง มีสัจจะ ไม่หลอกใครและไม่หลอกตัวเอง สิ่งที่ช่วยมากในการนี้คือเราไม่ได้มีคนที่มาห้อมล้อมอยู่มากมายตลอดเวลา... มายอ...มาเอาใจ”


    ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ไม่รู้จักเจ้าเสียจริงๆ ไม่มีใครเรียกเราว่า เจ้าชายหรือเจ้าหญิง เรียกนาย และนางสาว ภาษาฝรั่งเศสไม่มีเด็กชาย เด็กหญิง จึงทำให้เราเหมือนกับคนธรรมดา

    พี่น้องก็ช่วยกันหาความรู้โดยการเล่นต่างๆ เช่น เวลารับประทานอาหารจะเล่นทายอะไรกันต่างๆ บางพักจะเป็นเกมภูมิศาสตร์ บางพักก็จะเป็นเกมประวัติศาสตร์ แต่พระเจ้าอยู่หัวและพระอนุชาจะเล่นอะไรหลายอย่างซึ่งจะนำประโยชน์มาได้ ภายหลัง



    การเล่นแบบซนๆมีบ้างเหมือนกัน เช่น วันหนึ่งแม่ได้ยินเสียงร้องเพลงเอะอะออกมาจากห้องเย็บผ้า เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เห็นสองพระองค์เอากระโปรงที่พาดไว้ที่พนักเก้าอี้ เพื่อจะแก้เมื่อมีเวลา มาสวมเต้นระบำแบบฮาวายจนตะเข็บขาดหมด
    แม่ก็ถามว่า ทำไมจึงเอากระโปรงของแม่มาเล่นเช่นนี้ ได้รับคำตอบว่ากระโปรงตกอยู่ที่พื้น นึกว่าไม่ใช่แล้ว แม่เลยปรับเสียคนละ 2 แฟรงค์

    ความฉุนเฉียวก็มีบ้างเวลาเล็กๆอยู่ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงเล่าว่า เมื่อยังอยู่ที่แฟลตถนนทิสโซ่ต์ พระเชษฐากริ้วอะไรไม่ทราบ ทรงทำท่าจะบิดรางให้หักเสีย จึงรีบขออย่าให้ทรงทำเลย ประทานน้องเสียดีกว่า


    แต่พระองค์เองบางครั้งพระอารมณ์เสียเหมือนกัน ในจดหมายลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2479 แม่เล่าถวายสมเด็จพระพันวัสสาฯ ว่า ชอบเล่นรถยนต์เล็กๆแข่งกัน ผู้ใหญ่ก็เข้ามาเล่นด้วย “...เล็กเวลาไม่ชนะออกจะโกรธเสมอ ต้องพยายามอธิบายกันใหญ่โตถึงการเล่นว่าต้องมีแพ้และชนะบ้าง”
    แม่บอกว่า สมเด็จพระพันวัสสาฯพอพระทัย รับสั่งว่า “เหมือนย่า” แม่เขียนต่อไปว่า “นันทดีมาก ถ้าไม่ชนะก็ไม่ว่าอะไร นันทปีนี้รู้สึกดีขึ้นมาก ทำท่าเป็นเด็กโต”


    กลับเมืองไทย 2488-2489 คราวนี้ข้าพเจ้าไม่ได้ตามเสด็จเพราะได้แต่งงานไปแล้ว และเพิ่งมีบุตรหญิงเมื่อเดือนพฤศจิกายนนี้เอง แต่ได้รับลายพระหัตถเลขาจำนวนหนึ่งที่รัชกาลที่ 8 พระราชทานไปที่สวิตเซอร์แลนด์ จึงสามารถเชิญบางตอนมาลงได้
    ลายพระราชหัตถเลขาฉบับสุดท้ายที่ทรงมีมา ลงวันที่ 27 และ 29 พฤษภาคม 2489 ทรงเล่าถึงการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ การเลือกสมาชิกวุฒิสภาซึ่งเป็นไปตามความต้องการของพรรคพวกของนายกรัฐมนตรี ต่อจากนั้นมีการตั้งประธานต่างๆ ตั้งนายกรัฐมนตรี และการรับรองผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์......
    “...ไม่ทราบว่าทุกอย่างจะพร้อมหรือไม่ หรือว่าจะมีอุปสรรคอีกในนาทีสุดท้าย”
    อุปสรรคก็มีขึ้นมาได้จริงๆในวันที่ 9 มิถุนายน 2489 เวลาใกล้ 9 นาฬิกา
    บทส่งท้าย สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ยกกวีนิพนธ์ของอัลเฟรด เดอ วีนยี่ นักเขียนฝรั่งเศส...“ไม่ช้ายอดเขาก็โผล่พ้นเมฆโดยไม่มีโมเสส ฝูงชนต่างซึมเซา โศกสลด โยชวาเดินสู่ดินแดนที่พระผู้เป็นเจ้าทรงให้คำมั่นว่าจะเป็นที่พำนักของชาว ยิว ด้วยใบหน้าเคร่งขรึมและซีดหมอง เพราะเป็นผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงเลือกไว้แล้ว” ตามคัมภีร์คริสต์ศาสนา พระเจ้าได้ทรงสั่งให้โมเสสเป็นผู้นำชาวยิวออกจากประเทศอียิปต์ไปสู่อิสราเอล เพราะชาวอียิปต์ไม่ยินดีให้อยู่ในประเทศของเขา เวลาโมเสสจะสนทนากับพระเจ้าจะต้องขึ้นไปบนยอดเขาซึ่งจะมีเมฆปกคลุม จะมีฟ้าแลบฟ้าร้องเพื่อมิให้ใครกล้ามอง
    พระเจ้าได้ตรัสด้วยว่า โมเสสจะนำชาวยิวไปถึงอิสราเอล แต่จะไม่สามารถเข้าไปได้ โยชวาจึงเป็นผู้ที่ต้องทำหน้าที่รับผิดชอบนำชาวยิวเข้าอิสราเอล


    ยุวกษัตริย์พระองค์หนึ่งเสด็จสวรรคตไปแล้ว ยุวกษัตริย์อีกพระองค์หนึ่งก็เสด็จขึ้นครองราชย์ต่อไป.
     
  3. chantima

    chantima เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2008
    โพสต์:
    747
    ค่าพลัง:
    +407
    ทรงพระเจริญ
     

แชร์หน้านี้

Loading...