เกาหลีพบน้ำมันอีกอื้อในบ่อเวียดนาม

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>7 กุมภาพันธ์ 2549 21:00 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=445 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=445> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>
กรุงเทพฯ- บริษัทน้ำมันเกาหลี (Korea National Oil Corp- KNOC) แถลงในวันอังคาร (7 ก.พ.) ที่ผ่านมาว่าปริมาณน้ำมันดิบสำรองในบ่อสือตือจาง (Su Tu Trang) ที่แหล่ง 15-1 นอกเขตชายฝั่งทะเลภาคใต้เวียดนามนั้นมีมากถึง 300 ล้านบาร์เรล และมีก๊าซธรรมชาติประมาณ 3-4 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ซึ่งสูงกว่าที่แถลงเอาไว้เมื่อคราวการสำรวจขุดเจาะทดลองสิ้นสุดลงใหม่ๆ

บริษัท KNOC กับบริษัทแม่คือ SK Corp ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีและมีโรงกลั่นน้ำมันเป็นของตนเองร่วมกันมีผลประโยชน์อยู่ในแหล่งน้ำมัน 15-1 ของเวียดนามรวม 23.25% ก่อนหน้านั้นบริษัทได้แถลงว่าปริมาณสำรองในบ่อสือตือจางมีอยู่ประมาณ 220 ล้านบาร์เรลเท่านั้น

บริษัทปิโตรเวียดนามซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐถือหุ้นอยู่ในหลุมก๊าซและน้ำมันดิบแห่งดังกล่าว 50% ที่เหลือ 23.25% เป็นหุ้นส่วนของบริษัทโคโนโคฟิลิปส์ (ConocoPhillips) จากสหรัฐฯ อีก 3.5% เป็นของบริษัทเกโอเปโตรล์ (GeoPetrol) จากฝรั่งเศส โดยบริษัทจากเหาลีนี้ได้เข้าร่วมลงทุนในการสำรวจขุดเจาะในแหล่งน้ำมันดังกล่าวตั้งแต่เดือน ก.ย.2541 เป็นต้นมา

ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่มีการยืนยันปริมาณน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติในหลุมดังกล่าวที่แน่นอนและชัดเจน ซึ่งได้ช่วยเสริมฐานะการเป็นประเทศที่ส่งออกน้ำมันดิบมากที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยกระทรวงพลังงานของเวียดนามแถลงว่า จะเริ่มทำการผลิตน้ำมันจากแหล่งนี้ในปี 2554 เป็นต้นไป

บริษัทปิโตรเวียดนามเพิ่มจะออกแถลงในสัปดาห์นี้ยืนยันความเป็นผู้ส่งออกน้ำมันใหญ่อันดับ 3 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากมาเลเซีย กับอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นการชิงอันดับจากประเทศบรูไนที่เป็นสมาชิกของกลุ่มโอเปกด้วย ขณะที่เวียดนามไม่ได้เป็นสมาชิกองค์การผู้ส่งออกน้ำมันของโลกดังกล่าว

ใน 5 ปีที่ผ่านมาปิโตรเวียดนามมีรายได้จากการส่งออกน้ำมันดิบและก๊าซถึง 400 ล้านล้านด่ง หรือประมาณ 25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ประเทศที่นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่จากเวียดนามคือ จีน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น อังกฤษ และสหรัฐฯ

ผู้อำนวยการใหญ่ บ.ปิโตรเวียดนาม นาย เจิ่น หง็อก แก็ง (Tran Ngoc Canh) เปิดเผยว่าในปี 2548 ปีเดียว บริษัทฯได้ส่งออกน้ำมันดิบทั้งสิ้น 18.8 ล้านตัน ทำรายได้ถึง 7.4 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้อัตราการเติบโตของผลกำไรเพิ่มขึ้น 30% จากปี 2547 และ นำเงินเข้างบประมาณรัฐเพิ่มขึ้นถึง 28%

ที่ผ่านมาปิโตรเวียดนามร่วมกับหุ้นส่วนต่างๆ ค้นพบน้ำมันและก๊าซเพิ่มมากขึ้นในแหล่งน้ำมันและก๊าซทั้ง 5 แหล่งในประเทศ รวมทั้งการพบบ่อก๊าซและน้ำมันดิบ 2 แห่งในต่างประเทศซึ่งปิโตรเวียดนามร่วมถือหุ้นอยู่ด้วย คือ ในประเทศแอลจีเรีย และมาเลเซีย

ในกลางปี 2548 ที่ผ่านมา บริษัทปิโตรเวียดนามได้ฉลองการผลิตน้ำมันดิบได้ครบ 200 ล้านตันในรอบ 20 ปี.

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>