อิเหนาโหดฆ่าชาวติมอร์ฯเกือบ2 แสน

ในห้อง 'ข่าวทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 20 มกราคม 2006.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,494
    อิเหนาโหดฆ่าชาวติมอร์ฯเกือบ'2 แสน'

    อิเหนาโหดฆ่าชาวติมอร์ฯเกือบ 2 แสน


    เอกสารลับแฉ อินโดนีเซียสุดป่าเถื่อน เข่นฆ่าชาวติมอร์ตะวันออก 180,000 ศพทุกรูปแบบในช่วงเข้ายึดปกครองดินแดนแห่งนี้ 24 ปี ไม่ว่าจะเป็นข่มขืน เผาและฝังทั้งหมด

    หนังสือพิมพ์ดิ ออสเตรเลียน ของออสเตร เลีย รายงานเมื่อวันพฤหัสบดีอ้างรายงานของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ระบุว่า กองทัพอินโดนีเซียได้สังหารชาวติมอร์ตะวันออกถึง 180,000 ศพ ในช่วงที่ปกครองดินแดนแห่งนี้นานถึง 24 ปี โดยในรายงานบอกว่า มีการใช้อาวุธเคมีและระเบิดนาปาล์ม เพื่อทำให้อาหารและน้ำเป็นพิษ และมีเหยื่อบางรายถูกเผาและฝังทั้งเป็นอย่างทารุณโหดร้าย ขณะที่ บางรายถูกล่วงละเมิดทางเพศ

    ร้อยละ 90 ของผู้เสียชีวิตจำนวน 180,000 ศพ หรือเกือบ 1 ใน 3 ของประชากรก่อนช่วงถูกอินโดนีเซียรุกราน เสียชีวิตเพราะความอดอยากและโรคภัยไข้เจ็บ โดยความอดอยากถูกใช้เป็นเสมือนอาวุธเพื่อเข่นฆ่าชาวติมอร์ฯ รายงานความหนา 2,500 หน้าของยูเอ็นฉบับนี้ ได้มาจากการสัมภาษณ์ผู้ลี้ภัยชาวติมอร์ 8,000 คน ในติมอร์ตะวันตก เอกสารของกองทัพอินโดนีเซียและแหล่งข่าวกรองต่างประเทศ เอกสารชุดนี้มีกำหนดจะส่งถึงยูเอ็นโดยประธานาธิบดีซานานา กุสเมา ของติมอร์ตะวันออกในวันศุกร์นี้

    ความโหดร้ายป่าเถื่อนที่กองทัพอินโดนีเซียกระทำต่อชาวติมอร์ตะวันออกมีหลากหลายรูปแบบ เช่น การฝังและเผาทั้งเป็น และการตัดใบหูและอวัยวะเพศให้เห็นกันแบบเต็มตาต่อหน้าครอบครัวของเหยื่อ สตรีชาวติมอร์ฯหลายพันคนถูกข่มขืนกระทำชำเราและล่วงละเมิดทางเพศระหว่างที่อิเหนายึดครองติมอร์ฯ นอกจากนี้ มีประชาชนกว่า 18,600 ศพ ถูกฆ่าอย่างผิดกฎหมาย หรือหายสาบสูญ และตำรวจ หรือทหารอินโดนีเซีย ถูกตราหน้าว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของชาวติมอร์ฯ ถึงร้อยละ 70

    รายงานฉบับนี้ มีการนำเสนอต่อรัฐบาลติมอร์ตะวันออกเมื่อหลายเดือนก่อน แต่นายกุสเมาต้องการเก็บไว้เป็นความลับ เนื่องจากเกรงว่าจะทำให้อินโดนีเซียไม่พอใจ แต่เขาก็เปลี่ยนใจ และจะมอบเอกสารลับชิ้นนี้ต่อนายโคฟี อันนัน เลขาธิการยูเอ็นในวันศุกร์นี้

    ด้านรัฐมนตรีอินโดนีเซีย กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า อินโดนีเซียได้ตกลงที่จะประสานความร่วมมือกับติมอร์ตะวันออก ในการแก้ไขปัญหาและเสริมสร้างความปรองดองระหว่างกันและว่า ควรจะมองไปในอนาคตมากกว่าอดีต.

    ที่มา : dailynews.co.th
     
  2. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,494
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>แฉอิเหนาฆ่าคนเกือบสองแสนระหว่างยึดติมอร์ตะวันออก24ปี</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>20 มกราคม 2549 07:21 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=380 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=380>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ชาวติมอร์ตะวันออกมารวมตัวประท้วงเพื่อเรียกร้องเสรีภาพ เมื่อเดือนมีนาคม 1999</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี - ทหารตำรวจอินโดนีเซียใช้การสังหารหมู่ การทรมาน และการปล่อยให้อดตายเป็นอาวุธ ระหว่างยึดครองติมอร์ตะวันออกอยู่เป็นเวลา 24 ปี ซึ่งเป็นเหตุให้มีพลเรือนเสียชีวิตไปถึง 180,000 คน ทั้งนี้ตามรายงานฉบับหนึ่งที่เตรียมยื่นเสนอต่อองค์การสหประชาชาติ และหนังสือพิมพ์ดิ ออสเตรเลียน ของออสเตรเลียนำมาตีพิมพ์เผยแพร่วานนี้(19)

    ดิ ออสเตรเลียน บอกว่ารายงานฉบับนี้ซึ่งมีความยาวถึง 2,500 หน้า เป็นเอกสารที่จัดทำโดย คณะกรรมาธิการเพื่อการยอมรับ, ความจริง, และการปรองดองของชาวติมอร์ตะวันออก และมีกำหนดจะยื่นเสนอต่อสหประชาชาติ โดยประธานาธิบดี ซานานา กุสเมา ของติมอร์ตะวันออก ในวันนี้(20)

    รายงานได้ให้รายละเอียดต่างๆ อาทิ ทหารอินโดนีเซียใช้ระเบิดนาปาล์มและอาวุธเคมีอย่างไร ไปจนถึงการวางยาพิษอาหารและแหล่งน้ำ ในช่วงปี 1975 ที่พวกเขาเข้ารุกรานดินแดนแห่งนี้ ซึ่งเป็นอดีตอาณานิคมของโปรตุเกสที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก

    เอกสารนี้ซึ่งเขียนขึ้นจากการสัมภาษณ์ประจักษ์พยานเกือบ 8,000 คน ตลอดจนอาศัยเอกสารและข่าวกรองของทหารอินโดนีเซียที่ได้มาจากแหล่งระหว่างประเทศ ยังให้รายละเอียดการประหารชีวิตผู้คนแบบรวบรัดจำนวนหลายพันคน ตลอดจนการทรมานผู้คน 8,500 คน

    พฤติกรรมสุดโหดที่กระทำ มีทั้งการฝังทั้งเป็น การเผาทั้งเป็น ตลอดจนการตัดใบหูและอวัยวะสืบพันธุ์ของเหยื่อ แล้วนำมาให้ครอบครัวของพวกเขาดู

    นอกจากนั้น สตรีชาวติมอร์ตะวันออกนับพันนับหมื่นคน ยังได้ถูกข่มขืนและทำร้ายต่างเพศในระหว่างการยึดครองอีกด้วย

    "การข่มขืน, การเอาเป็นทาสทางเพศ, และความรุนแรงทางเพศ คือเครื่องมือซึ่งถูกนำมาใช้ โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธการซึ่งมุ่งหมายที่จะทำให้พวกผู้สนับสนุนการเรียกร้องเอกราช เกิดประสบการณ์อย่างล้ำลึก ในความสยองขวัญ, ความรู้สึกว่าไร้อำนาจ, และความรู้สึกสิ้นหวัง" ดิ ออสเตรเลียนอ้างอิงข้อความตอนหนึ่งในรายงานของคณะกรรมาธิการ

    คณะกรรมาธิการอ้างว่า นโยบายต่างๆ ของฝ่ายทหารอินโดนีเซียที่ใช้ต่อต้านประชากรพลเรือนในติมอร์ตะวันออก ในช่วงปี 1975-1999 เป็นเหตุให้มีคนเสียชีวิตไประหว่าง 84,000 - 183,000 คน ซึ่งจะเท่ากับหนึ่งในสามของประชากรในดินแดนแห่งนี้ทีเดียว

    มากกว่า 90% ของผู้เสียชีวิตเหล่านี้ ตายเพราะความอดอยากและโรคภัยไข้เจ็บ ทั้งนี้ทหารตำรวจอินโดนีเซีย "ตัดสินใจอย่างจงใจ ที่จะใช้การทำให้พลเรือนชาวติมอร์ตะวันออกอดตาย มาเป็นอาวุธอย่างหนึ่งของสงคราม" รายงานนี้ระบุ

    เฉพาะผู้ถูกฆ่าหรือสูญหายไปจากการไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ในระหว่างการยึดครองติมอร์ตะวันออกของอินโดนีเซียนั้น รายงานบอกว่ามี 18,600 คน โดยที่ตำรวจหรือทหารอินโดนีเซียเป็นผู้รับผิดชอบการเสียชีวิตนี้ประมาณ 70%

    คณะกรรมาธิการเพื่อการยอมรับ, ความจริง, และการปรองดองของชาวติมอร์ตะวันออก จัดตั้งขึ้นโดยอดีตนักรบต่อต้านของติมอร์ตะวันออก ตลอดจนกลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆ

    ทางคณะกรรมาธิการได้ยื่นรายงานนี้ต่อรัฐบาลหลายเดือนแล้ว โดยตอนแรกประธานาธิบดีกุสเมา ซึ่งเป็นอดีตผู้นำของขบวนการต่อต้านที่มีชื่อว่าเฟรติลิน ต้องการเก็บรายงานเป็นความลับ เพราะเกรงจะสร้างความร้าวฉานกับอินโดนีเซียขึ้นมาอีก แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนใจ และกำหนดยื่นรายงานนี้ต่อเลขาธิการยูเอ็น โคฟี อันนัน ที่นครนิวยอร์กวันนี้

    ด้านเอกอัครราชทูตติมอร์ตะวันออกประจำยูเอ็น โจเซ หลุยส์ กูเทียเรส ให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุเอบีซีของออสเตรเลียว่า เขาไม่เชื่อว่ารายงานนี้จะมีผลกระทบมากมายอะไร เพราะสิ่งที่พูดส่วนใหญ่ก็เป็นที่ทราบกันอยู่แล้ว จึงไม่น่าจะสร้างความเสียหายให้แก่ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างรัฐบาลของเขากับอินโดนีเซีย

    ขณะที่รัฐมนตรีทบวง ยุสริล อิห์ซา ของอินโดนีเซีย กล่าววานนี้ว่า ติมอร์ตะวันออกกับอินโดนีเซียได้ตกลงกันแล้ว ที่จะดำเนินงานร่วมกันเพื่อการปรองดองและแก้ไขปัญหาต่างๆ ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมองไปยังอดีต เพราะจะไม่ช่วยอะไร แต่ควรมองไปยังอนาคตจะดีกว่า

    "ถ้าเราต้องการมีความยุติธรรมและซื่อตรงแล้ว พวกประเทศตะวันตกที่เคยเอาประเทศเอเชียแอฟริกาเป็นอาณานิคมนั้นยิ่งเลวร้ายกว่านี้อีก" รัฐมนตรีผู้ได้ชื่อว่าเป็นพวกมุสลิมเคร่งจารีตผู้นี้กล่าว
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...