อาลัย... เจ้ากอแก้ว ประกายกาวิล ณ เชียงใหม่

​

​

อาลัย เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่​

​

เจ้ากอแก้ว ประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ หรือ เจ้ากอแก้ว หรือเจ้าป้า เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2477 จัดเป็นไฮโซพันธุ์แท้ ซึ่งถูกเรียกขานจนติดปาก จากคนทั่วทั้งเมืองว่า "เจ้าป้า" เมื่อวัยใกล้ 70 ปีของเจ้าป้า ได้ออกหนังสือชีวประวัติ ของตนเอง เป็นเล่มแรก โดยเล่าผ่านเทปให้ คณะผู้จัดทำนำไป เรียงร้อยเป็นตัวหนังสือ ในชื่อว่า "เจ้าป้าเองค่ะ" ซึ่งตีแผ่ชีวิตของ ตัวเองถึง ที่มาที่ไปตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน รวมถึงการตัดสินใจทำสิ่งโน้นสิ่งนี้ ใครที่เคยเข้าใจผิดในตัวเจ้าป้า จะได้เข้าใจกันเสียงใหม่

บทแรกของหนังสือเป็นเรื่องราวประวัติของเจ้ากอแก้ว และเรื่องราวของต้นตระกูลว่ามาจากไหน เริ่มจากเจ้าตา (เจ้าหลวงเชียงใหม่ องค์ที่ 9 - พลตรีเจ้าแก้ว นวรัฐฯ) พระธิดาของท่านคือเจ้าหญิงศิริประกาย เป็นเจ้าแม่ของเจ้าป้า ตอนเกิดชื่อจริงๆ ของเจ้ากอแก้วคือ "เจ้าประกายกาวิล" ซึ่งเป็นชื่อที่ในหลวงรัชกาลที่ 7 โปรดเกล้าฯ พระราชทาน แต่วันที่เกิดหม่อมกอบแก้วไปที่เชียงใหม่และไปเฝ้าเจ้าตาขอให้ตั้งชื่อหลานสาวว่า "กอบแก้ว" แต่ตัว บ.ใบไม้หายไป จึงกลายเป็น "กอแก้ว"

นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวของเจ้าป้าที่เข้ามาเป็นนักเรียนประจำที่ ร.ร.มาแตร์เดอีฯ แล้วบินไปร่ำเรียนในต่างแดน เน้นเรื่องมารยาทการเข้าสังคม พอกลับเมืองไทยก็กลายเป็นสาวเปรี้ยงแห่งยุค ด้วยความที่เป็นคนชอบแต่งหน้าแต่งตัวเรื่อยมาจนถึงช่วงที่มีลูกชายคือ "กุ๊กกี้" หรือ ทินกร อัศวรักษ์ ซึ่งตั้งชื่อตามดาราคนหนึ่งในสมัยนั้นที่หวีผมเรียบแปร้ตลอด

แล้วก็ถึงวันร้ายวันเศร้าของเจ้าป้าที่เกิดอาการปวดศีรษะโดยไม่ทราบสาเหตุ เมื่อไปเช็กก็พบเนื้องอกในสมองต้องทำการผ่าตัด โดยเจ้าป้าเปิดใจก่อนที่จะถึงแก่กรรมเกี่ยวกับอาการป่วยครั้งล่าสุดที่เป็นสาเหตุให้ ต้องฉลองปีใหม่ที่ผ่านมา ด้วยการเข้าโรงพยาบาลรักษาเนื้องอกที่กระดูกสันหลังว่า "เมื่อปลายปีที่แล้ว จู่ๆก็รู้สึกปวดหลังมาก ไปหาหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หมอบอกว่ากล้ามเนื้ออักเสบ เรารักษายังไง ก็ไม่หายปวด จนถึงปีใหม่ก็ยังปวดอยู่อย่างนั้น แต่ด้วยความที่อยากสนุก เลยไปอบหลัง กินยา รักษาตัวทุกอย่าง เพื่อจะได้ มีแรงไว้ฉลองปีใหม่ แต่พอวันที่ 1 ม.ค. อาการปวดเริ่มกำเริบขึ้น และคราวนี้รุนแรงมาก ลูกชายเลยพาไปแอดมิต หมอจับเอกซเรย์พบว่าเป็นเนื้องอกที่กระดูกสันหลังข้อที่สอง!!"

 

​

ส่วนสาเหตุของอาการ "เจ้าป้า" บอกว่า ก่อนหน้านั้นเคยเป็นเนื้องอกที่ศีรษะด้านหลังมาก่อน ต้องผ่าตัดถึง 3 ครั้ง โดยครั้งแรก เมื่อ 20 ปีก่อน ครั้งที่สอง 5 ปีถัดมา และครั้งที่ 3 เมื่อ 10 ปีก่อน หมอเลย สันนิษฐานว่าเนื้องอกที่ศีรษะคงจะเคลื่อนลง มาที่กระดูกสันหลัง ถ้าตรวจพบช้าจะอันตรายมาก ตอนที่หมอตรวจเจอยังบอกเลยว่า ถ้ามาช้ากว่านี้อีกเดือนเดียวมีสิทธิ์เป็นอัมพาตถาวร!! ปกติคนที่เป็นเนื้องอกจะต้องรักษาด้วย การผ่าตัด แต่เนื้องอกที่กระดูกสันหลังอันตรายมาก เพราะเป็นตำแหน่งของปลายประสาท วิธีรักษามีทางเดียวคือฉายแสงกับกินยา แต่ยาตัวนี้มีผลข้างเคียงทำให้ตัวบวม!! เคยบวมจนตาปิด คางห้อยพูดแทบไม่ได้!!

"เจ้าป้าไม่เคยกลัว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อย่างอาการป่วย ถ้ารู้สึกเจ็บก็พัก อย่าไปฝืนตัวเอง ถ้าวันหนึ่งต้องจากไปจริงๆ ก็เป็นธรรมชาติของชีวิต อย่าไปคิดมากดีกว่า ทุกๆปีจะอัดเสียงตัวเองใส่เทปไว้ สำหรับเปิดในงานศพตัวเอง!! อยากให้คนที่มางานศพได้ฟังเสียงขอบคุณจากเรา จริงๆ ความตายเป็นเรื่องธรรมดา ที่ทุกคนต้องเจอ ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า เมื่อ ถึงคราวต้องตาย ไม่ต้องแช่งตัวเองก็ตายอยู่ดี!!"

วาระสุดท้ายของชีวิต...เจ้ากอแก้ว ประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. ของวันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม 2548 ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตกรุนแรง จากที่เข้ารับการรักษาตัวด้วยโรคปอดอักเสบทั้งสองข้าง และโรคเนื้องอกในสมอง ซึ่งป่วยมาเป็นระยะหลายปี หลังจากที่หัวใจเต้นอ่อนลง ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม และหยุดเต้นในที่สุด ปิดตำนาน "ไฮโซขนานแท้" ของเมืองไทย ด้วยวัย 70 ปี ท่ามกลางความเศร้าโศกของบรรดาญาติสนิทและผู้ที่เคารพรัก "เจ้าป้า" ...

<HR>

 

​

เปิดตำนานเจ้าแม่ตัดริบบิ้น​

​

ภาพของเจ้าป้ากับการตัดริบบิ้นเปิดงานดูเหมือนจะ เป็นกิจกรรมที่คู่กันมาตลอดตั้งแต่สมัยสาวๆ จนมีคนตั้งฉายาให้ว่า "เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น" มีบางครั้งที่เจ้าป้าทำสถิติวิ่งรอกออกงานสังคม 7-8 งาน ตั้งแต่เช้าจนดึก แต่พักหลังการรับงานก็จะเพลาลงจากเมื่อก่อน เนื่องจากสุขภาพไม่ค่อยอำนวย​

"บางคนเขาถือเคล็ดว่า เชิญเจ้าป้ามาตัดริบบิ้นแล้วกิจการดี รุ่งเรือง เขาก็เชิญเราไป ใครเชิญไปเราก็ถือว่าเขาให้เกียรติ ไปร่วมงานเขาแล้วทำให้เจ้าของงานสบายใจเราก็ยินดี แรกๆ ก็รับได้หลายงาน หรืออาจจะเรียกว่าเกือบทุกงาน แต่ช่วงหลังๆ รับไม่ค่อยไหว เพราะมันเยอะ มีไม่รู้กี่สิบงาน มีคนถามเจ้าป้าบ่อยมากว่า ออกงานทุกวันเป็นสิบๆ ปี ไม่เหนื่อยหรือ ไม่คิดจะหยุดออกงานบ้างหรือ คนเขาคงสงสัยว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนไปงานโน้นงานนี้ได้ทุกวัน" เจ้าป้าเล่าถึงความรู้สึกในหนังสือ "เจ้าป้าเองค่ะ"

 

​

​

ผมสีม่วงโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์​

​

เอกลักษณ์ของเจ้ากอแก้วที่ถึงแม้จะอยู่ไกลหลายร้อยลี้ก็รู้ว่าเป็นเจ้าป้าฯ นั่นคือ ทรงผมอันฟูฟ่องที่ย้อมสีม่วงเข้ม ไม่เพียงแต่จะม่วงเพียงแค่สีผมเท่านั้น บรรดาเสื้อผ้า เครื่องประดับ อาทิ รองเท้า กระเป๋า ต่างหู ก็เป็นสีม่วง ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าม่วงไปหมด เคยมีคนใจกล้าถามเจ้าป้าว่า กกน.สีม่วงด้วยหรือเปล่า เจ้าป้าตอบอย่างอารมณ์ดีว่า ถ้าใส่ก็ต้องเป็นสีม่วงอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่ใส่ก็เป็นสีเนื้อแน่นอน ส่วนเรื่องสีม่วงนั้นเป็นรสนิยมที่ชอบเป็นการส่วนตัว ดูเป็นสีที่มีเสน่ห์ ทั้งที่จริงแล้วไม่ได้เกิดวันเสาร์ที่ต้องโลกกับสีม่วงเลย​

เวลามีคนมาถามว่าทำไมย้อมสีม่วง คำตอบของเจ้าป้าคือ เพราะผมเดิมเป็นสีขาวหมดแล้วและที่เลือกย้อมสีม่วงเพราะไม่ชอบย้อมผมสีดำ ส่วนสีน้ำตาลมีคนทำเยอะแล้ว เจ้าป้าชอบสีม่วงมากกว่าเลยย้อมเป็นสีม่วง ตอนย้อมแรกๆ มีคนต่อว่าเยอะ แต่เราไม่เคยสนใจ อยากว่าก็ว่าไป ฉันชอบของฉันอย่างนี้ เลยกลายเป็นเอกลักษณ์ของเจ้ากอแก้วไปเลย จะกลับมาย้อมผมสีดำก็เวลาที่ต้องไปงานศพ งานพิธีใหญ่ๆ แต่ส่วนมากก็จะเป็นสีม่วงตลอด มีคนบอกว่าสีม่วงกลายเป็นสัญลักษณ์ของเจ้ากอแก้ว แต่จริงๆ แล้วมีน้อยคนที่จะรู้ว่าเจ้าป้าชอบสีชมพูเป็นชีวิตจิตใจ



เจ้าวิล-เจ้าหญิงศิริกาลวิล สิงหรา ณ อยุธยา ในฐานะพี่สาวผู้ชิดใกล้กับเจ้าป้ามากที่สุดเคยเล่าว่า "เจ้ากอแก้วเป็นเด็กซนมาก" ชอบเล่นเป็นเด็กผู้ชายและเป็นคนที่กลัวสัตว์เลื้อยคลานและเกลียดกล้วยเอามากๆ เนื่องจากสมัยเรียนอยู่ที่มาแตร์เอดีนั้น ใครทำผิดก็จะถูกทำโทษไม่ให้ทานขนม แต่ให้ถูกทานกล้วยตลอดทั้งสัปดาห์ แล้วคิดเอาเองเถิดว่า เด็กแก่นเซี้ยวอย่างเจ้ากอแก้วจะต้องทานกล้วยบ่อยแค่ไหน เรียกว่าจบจากมาแตร์ฯ เจ้าป้าไม่แตะกล้วยอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นกล้วยอบ หรือทอดก็ตาม

ส่วนลูกชายหัวแก้วหัวแหวน กุ๊กกี้-ทินกร อัศวรักษ์ เล่าถึงความเปรี้ยวของคุณแม่ว่า "แม่มีอะไรแปลกเสมอ บางวันใส่กระโปรงสั้นแต่งหน้าเข้มไปส่งที่โรงเรียน พอจะกลับก็ยกขาขึ้นดูนาฬิกาที่ติดไว้กับข้อเท้า แล้วบอกว่าบ่ายสามจะมารับ เพื่อนนี้อึ้งไปเลย"

ยังมีเพื่อนรุ่นน้องอย่าง นงนุช นามวงศ์ เล่าเรื่องสนุกๆ ของเจ้าป้าเกี่ยวกับงานอดิเรกที่ไม่เคยพลาด เรียกว่า "เมื่อไหร่มีไพ่เจ้าป้าอยู่ได้นาน" ถึงขนาดเคยถูกจับขึ้นโรงพักในข้อหาเล่นการพนันจนเป็นข่าวหน้าหนึ่งมาแล้ว นอกจากนี้ สิ่งที่เจ้าป้ากลัวมากที่สุดคือ กุ๊กกี้ ลูกชายสุดที่รักนั่นเอง

ส่วน สมศักดิ์ ชลาชล เล่าถึงความรักความผูกพันที่มีต่อเจ้ากอแก้วว่า รู้จักเจ้าป้ามานานกว่า 25 ปี มีความผูกพันสนิทสนมกันมาก ทุกวันอาทิตย์จะนัดรับประทานข้าวด้วยกันและยกให้เจ้าป้าเป็นเหมือนแม่คนที่สอง ที่ผ่านมามีแต่คนเรียกตัวเองว่า "ช่างผมไฮโซ" แต่เขากลับมองว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้มานั้นเป็นเพราะเจ้าป้าพาตัวเองออกงานเข้าสังคมทำให้คนรู้จักเยอะ

"ผมว่าเจ้าป้าเป็นคนที่ประเสริฐที่สุดในความรู้สึกของผม เจ้าป้ามีจิตใจดี ไม่เคยนินทาว่าร้ายใคร มีน้ำใจ อย่างเวลานั่งรถไปด้วยกันจะเป็นภาพเจ้าป้าช่วยซื้อพวงมาลัยเด็กที่ขายริมถนน ให้เงินขอทาน ไปกินข้าวข้างถนน เวลามีเด็กมาขอเงินเจ้าป้าจะให้ทุกครั้งไม่เคยไล่ ไม่เคยรังเกียจ เพราะสงสารพวกเขา สิ่งดีๆ ที่ได้จากเจ้าป้ามีมูลค่ามหาศาล ไม่ใช่มีแต่ผมรู้สึกแบบนี้คนเดียว มีอีกหลายคนที่รู้สึกเหมือนกัน" ช่างผมไฮโซ กล่าว

 

​

​

เจ้าของฉายา สาวสองพันปี​

​

เจ้าป้าเคยเล่าให้ฟังว่า "เคล็ดลับในการดูแลตัวเองของเจ้าป้าแทบไม่มีอะไรเลย เพราะเป็นคนที่ไม่พิถีพิถันหรือวิตกกังวลใจกับอะไรมาก โดยปกติแล้วจะเป็นคนนอนค่อนข้างดึก คือจะหลับหลังเที่ยงคืนไปแล้ว แต่จะอย่างไรก็ตาม ขอให้นอนได้ครบ 8 ชั่วโมง หรือไม่ก็ 6-7 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ตื่นประมาณ 9-10 โมง อ่านหนังสือพิมพ์ ทานอาหารเช้านิดหน่อย ขนมปัง ไข่ กาแฟ อะไรพวกนี้ง่ายๆ ไม่ต้องยุ่งยาก จะไม่ใช่คนควบคุมอาหารอย่างจริงๆ จังๆ แต่จะใช้วิธีออกกำลังกายให้มากขึ้น เพราะถ้ารู้ตัวว่ารับประทานเยอะเกินไปแล้ว ก็ควรจะหาวิธีออกกำลังกายให้นานหน่อย​

มีหลายคำถามที่เจ้าป้ากล้าที่จะตอบซึ่งหากเป็นสาวไฮโซคนอื่นคงเขวี้ยงค้อนวงใหญ่ให้คนถามไปแล้ว อาทิ เรื่องศัลยกรรมหน้าซึ่งเจ้าป้ายอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่า ที่หน้าสวยเช้งอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่อื่นไกล ด้วยฝีมือหลานชายซึ่งเป็นหมอศัลยกรรมนั่นเอง "ด้วยความที่หลานเขาร้อนวิชา และมือไม้สั่นอยากจะทำให้ รบเร้ามานานในที่สุดก็ใจอ่อนยอมให้ทำ แรกๆ หน้าก็บวม แต่หลังจากนั้นก็ดูเป็นปกติ ด้วยความที่เป็นมืออาชีพหน้าจึงดูเป็นธรรมชาติ ไม่เด้งจนเกินไป"



อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจในชีวิตของเจ้ากอแก้วคือช่วงสุดท้ายของชีวิตแม้จะยังมาไม่ถึง แต่เจ้าป้าได้เตรียมการบางอย่างเพื่องานศพของตนเอง อาทิ ให้เพื่อนฝูงที่สนิทเขียนคำไว้อาลัยล่วงหน้า หรือแม้กระทั่งอัดเสียงตัวเองใส่ในเทปคลาสเซ็ต โดยพูดว่า "ขอบพระทัย ขอบคุณและขอบใจ" ซึ่งเจ้าป้าย้ำนักย้ำหนาว่าให้ลูกชายเตรียมไว้เปิดในงานสวดศพของตนเอง เพื่อเป็นการขอบคุณแขกเหรื่อที่มาร่วมงานซึ่งเทปอัดเสียงนี้จะอัดใหม่ทุก 2 ปี เพื่อให้เสียงที่แขกได้ยินใกล้เคียงกับเสียงเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ให้มากที่สุด

ครั้งสุดท้าย "เจ้ากอแก้ว" ได้บันทึกวิดีโอที่บ้านพักย่านหัวหมาก เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2548 เพียง 2 วัน ก่อนที่จะอาการทรุดหนัก โดยเทปดังกล่าวเจ้ากอแก้วอัดไว้เพื่อเตรียมพร้อมการเสียชีวิตและนำมาเปิดในงานศพของตัวเอง ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โดยในเทปบอกว่า ขอบพระทัย ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงาน รวมทั้งของดพวงหรีด ดอกไม้ ทุกชนิด และงดจัดพิธีใหญ่โต ให้นำเงินไปช่วยเหลือการกุศล...

​

​

​

 

​

​

​

​

​

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=516 align=center border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>20:05 น. : คนแวดวงไฮโซร่วมอาลัย'เจ้ากอแก้ว'คับคั่ง

</TD></TR><!-- end story header --><TR><TD colSpan=3></TD></TR><TR><TD colSpan=3></TD></TR><TR><TD colSpan=3></TD></TR><TR><TD width=50></TD><!--story --><TD class=text width=416>ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น. ญาติได้เคลื่อนย้ายศพเจ้ากอแก้ว ประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ ซึ่งถึงแก่กรรมด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก ออกจากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ไปยังวัดธาตุทอง ศาลาที่ 44 เพื่อประกอบพิธีรดน้ำศพ มีญาติสนิท เพื่อนในแวดวงไฮโซ เช่น ม.ล.ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี นางดารุณี กฤตบุญญาลัย นายสมศักดิ์ ชลาชล ร่วมพิธีด้วยความรักอาลัยท่ามกลางสื่อมวลชนจำนวนมากที่รอรายงานข่าว



ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานหีบทองทึบประกอบเพื่อเป็นเกียรติยศบรรจุศพเจ้ากอแก้ว พร้อมพระราชทานน้ำหลวงอาบศพและทรงรับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ตลอด 7 วัน โดยนายจรัล กังสดาล ผู้แทนกองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง อัญเชิญน้ำหลวงอาบศพมายังวัดธาตุทอง ขณะที่คุณหญิงเพ็ญศรี ไชยยงค์ อัญเชิญพวงมาลาประทานและน้ำหลวงอาบศพประทานจากพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรราชาทินัดดามาตุ จากนั้นมีพิธีสวดพระอภิธรรมศพในเวลา 17.50 น.



ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ศาลาตั้งศพประดับด้วยดอกไม้สดสีม่วง แซมด้วยลูกมะนาว ผ้าม่านสีม่วง ซึ่งเป็นสีที่เจ้ากอแก้วชื่นชอบ ส่วนมะนาวก็เป็นผลไม้ที่เจ้ากอแก้วชื่นชอบเช่นกัน แม้เจ้าภาพจะประกาศงดพวงหรีด ขอรับบริจาคเงินเพื่อนำไปช่วยเหลือวัด เด็กยากจนในชนบท ตามความประสงค์ของเจ้ากอแก้ว แต่ยังมีผู้ส่งพวงหรีดมาแสดงความเสียใจจำนวนมาก



<CENTER></CENTER>
























นายเบิร์ท โรเมโร สามีเจ้ากอแก้ว กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับการจากไปของเจ้ากอแก้ว แต่ก็ดีใจที่เจ้ากอแก้วไปสบาย ไม่เจ็บปวดอีกแล้ว ซึ่งก่อนจะเสียชีวิตก็ไม่ได้สั่งเสียอะไร แต่ได้ฝากให้นายทินกร อัศวรักษ์ ลูกชายคนเดียวของเจ้ากอแก้วดูแลตน และฝากให้ตนดูแลนายทินกรเช่นกัน ตลอดเวลาที่เจ้ากอแก้วล้มป่วยตนได้เฝ้าดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนสิ่งที่ประทับใจในตัวเจ้ากอแก้ว คือ เป็นคนตรงไปตรงมา อยู่ด้วยกันมากกว่าสามีภรรยา คือ เป็นเพื่อน ปรึกษากันได้ทุกเรื่อง ตนเคยห้ามไม่ให้เจ้ากอแก้วออกงานสังคม แต่ไม่สำเร็จ เพราะเป็นคนชอบออกสังคมมาก จึงทำได้แต่เพียงดูแลอยู่ห่างๆ เท่านั้น



ด้านนางดารุณี กฤตบุญญาลัย กล่าวว่า ใจหายกับการจากไปของเจ้ากอแก้ว เนื่องจากเป็นแบบอย่างของผู้หญิงรุ่นใหม่ เป็นคนคิดนอกกรอบ มีความเมตตากรุณากับทุกคน ไม่ชอบตำหนิใคร เป็นคนสนุกสนาน อยู่ตรงไหนไม่มีการแบ่งแยก มีแต่ความปรองดองกัน





ข้อมูลเพิ่มเติม

>> รายงานพิเศษ!...อาลัย เจ้ากอแก้ว ประกายกาวิล ณ เชียงใหม่
>> ภาพบรรยากาศการเคลื่อนย้ายศพและพิธีรดน้ำหลวงอาบศพ

http://www.thairath.co.th/thairath1/2548/hotissue/korkaew/korkaew.php

http://www.thairath.co.th/thairath1/2548/breaking.news/bknews.php?id=15100
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ขอให้ท่านเข้าสู่สุคติภูมิตามที่ได้สั่งสมมาจนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของชีวิตครับ

 

ขอให้เจ้าป้าไปสู่สุขคติค่ะ

น้องไข่ขอร่วมอนุโมทนาบุญด้วยค่ะ_/|\_

 

ก้อยขอไว้อาลัยด้วยนะคะ เจ้าป้าต้องไปสู่สุคติแน่นอน เพราะขณะมีชีวิตอยู่ ทำแต่สิ่งที่ดีๆ

+++ ชะลอความแก่พอได้ แต่ชะลอความตายไม่มีสิทธิ์ " ทุกชีวิตเมื่อถึงเวลา ต้องไป" +++

 

ขอให้ความดีที่เจ้าป้าทำมาตลอดชีวิต นำเจ้าป้าไปสู่สุคติในสัมปรายภพด้วยเทอญ

 

ว่าแต่มีใครพอทราบไหมครับว่าตอนนี้เจ้าป้าไปอยู่ที่ไหนแล้วครับ

 

เพิ่งออกรายการไปเองนี่ทำไม ไปเร็วจัง

 

ขอให้เจ้าป้าไปสู่สุคติค่ะ

 

เป็น แบบ อย่างครับ บุคคลแม่แบบ เลย ตัวตาย แต่ ความดียังอยู่ คอยกระตุ้นเตือน พวกเรา ครับ
สู่สุขคติ เถิดครับ เจ้าป้า

 

ขอร่วมไว้อาลัยแด่เจ้ากอแก้วด้วยค่ะ ขอให้ไปสู่สุคติด้วยเถิด .......