หลังจากนี้ ครอบครัวนาวิกโยธินที่เสียชีวิตจะเป็นอย่างไร?

ในห้อง 'ข่าวทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย paang, 23 กันยายน 2005.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    [​IMG]



    แม้หน่วยงานรัฐบาลระดับสูงจะพยายามเข้าเจรจากับชาวบ้านตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ให้ปล่อยตัวทหารนาวิกโยธินสองนายคือ ร.ต.วินัย นาคะบุตร และ จ.อ.คำธร ทองเอียด หลังถูกจับตัวมัดมือมัดเท้านานกว่า 19 ชั่วโมงก็ตาม แต่ก็ไม่เป็นผล หลังกลุ่มวัยรุ่นในหมู่บ้าน ซึ่งเชื่อว่ามีแนวร่วมเข้าไปปลุกระดม ได้ร่วมกันใช้ไม้ มีด รุมทุบตีและแทงทั้งคู่เสียชีวิตด้วยความทรมาน ทิ้งไว้เพียงร่างไร้อันวิญญาณ และความโศกเศร้าของครอบครัวที่อยู่เบื้องหลัง ชีวิตวันนี้จะเป็นอย่างไร?

    นางลัดดาวัลย์ ทองเอียด อายุ 32 ปี ภรรยาของ จ.อ.คำธร ทหารกล้าที่พลีชีวิตให้กับความรุนแรงในภาคใต้ กล่าวว่า ตลอดเวลาที่สามีไปปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ได้โทรศัพท์พูดคุยกันทุกวัน เมื่อสอบถามถึงงานที่ทำอยู่ก็จะได้คำตอบว่า ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ ซึ่งก็ได้ย้ำกับสามีว่า ให้ระมัดระวังตัวทุกครั้งที่ออกลาดตระเวน

    อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนวันที่ 20 กันยายน ได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อกันตามปกติ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงคิดว่าสามีคงอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ กระทั่งเช้าก็ยังไม่สามารถติดต่อได้อีก ต่อมาในช่วงสายจึงมาทราบว่า สามีถูกชาวบ้านกักตัวไว้

    "ตอนนั้นคิดในใจอยู่ตลอดว่า คงจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น และเชื่อว่าเขาจะต้องปลอดภัย เพราะเขาเป็นคนดี ชาวบ้านในพื้นที่รักใคร่มาก เนื่องจากได้ขับรถรับส่งนักเรียนมุสลิมในพื้นที่ติดต่อกันมา 2 ปีแล้ว แต่ตอนบ่ายก็มาทราบว่าเขาถูกรุมทำร้ายจนเสียชีวิต ฉันเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก และรู้สึกน้อยใจว่าที่ผ่านมาเขาช่วยเหลือสังคมมาตลอด แต่เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ คนในสังคมแห่งนี้ทำไมไม่มีใครให้ความช่วยเหลือเขาเลย" ภรรยาของ จ.อ.คำธร กล่าว

    นางลัดดาวัลย์ เปิดเผยอีกว่า ชาวบ้านไม่น่าจะทำกันเลย สามีทำงานอยู่ในพื้นที่ อ.ระแงะ มากว่า 10 ปี ช่วยเหลือชาวบ้านทุกอย่าง ตั้งแต่ขับรถรับส่งลูกหลานชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนาไป-กลับโรงเรียนกับบ้านทุกวัน ช่วยเหลือและพัฒนาหมู่บ้าน ช่วยก่อกำแพง แม้แต่ทาสีมัสยิดในพื้นที่ก็ตาม นึกไม่ถึงว่าชาวบ้านจะโหดเหี้ยมได้ถึงขั้นนี้

    "ฉันกับสามีมีลูกด้วยกันแล้วหนึ่งคน เป็นลูกสาวอายุสามขวบ และก็กำลังตั้งท้องลูกคนที่ 2 ได้ 4 เดือน สามีเคยบ่นๆ ว่า หากได้ลูกชายก็จะทำหมันเลย มีแค่สองคนก็พอ ไม่เคยนึกมาก่อนว่าเขาจะต้องมาจากฉันกับลูกๆ ไป ทั้งยังไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าลูกในท้อง ซึ่งมีอายุครรภ์ได้ 4 เดือนแล้ว และคุยกันไว้ว่าทันทีที่ลูกคนที่ 2 คลอดออกมา ครอบครัวเราจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข" ภรรยาของ จ.อ.คำธร กล่าว

    นางลัดดาวัลย์ กล่าวอีกว่า เมื่อเสียสามีไปแล้วคงต้องเลี้ยงดูลูกเพียงลำพัง เพราะตัวฉันเองทำงานเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราวของ รพ.ระแงะ เท่านั้น ตอนนี้ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรกับครอบครัวที่เหลือต่อไป แต่อยากให้ต้นสังกัดของสามีช่วยเหลือดูแลในเรื่องการศึกษาแก่ลูกด้วย เพื่อให้อนาคตของเด็กได้อยู่บนเส้นทางที่ดีตามที่ผู้เป็นพ่อคาดหวังไว้

    ด.ญ.อาภาศิริ นาคะบุตร หรือน้องหวาน อายุ 14 ปี บุตรสาวคนเดียวของ ร.ต.วินัย กล่าวระหว่างร่วมพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพบิดา ที่วัดโคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส ว่า ยังทำใจไม่ได้กับการจากไปของพ่อ แต่ยืนยันว่าพ่อจะอยู่ในใจลูกเสมอ และจะระลึกถึงความดีที่พ่อเคยสอนและย้ำเตือนให้ปฏิบัติตลอดไป

    "หนูเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และเชื่อว่าความดีที่พ่อได้สร้างมาจะเป็นเครื่องยืนยัน และคงอยู่ในสังคมแห่งนี้ตลอดไป ส่วนคนไม่ดีอีกไม่นานกฎแห่งกรรมจะตามทัน ถูกกฎหมายบ้านเมืองลงโทษ และสิ่งที่ก่อเอาไว้จะตกสู่ตัวเขาทั้งหมดในไม่ช้านี้" บุตรสาวคนเดียวของ ร.ต.วินัย กล่าว

    ที่บ้านเลขที่ 1 หมู่ 6 ต.หนองขนาก อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ ร.ต.วินัย โดยเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น พบนางนารถ นาคะบุตร อายุ 89 ปี ผู้เป็นแม่ ที่อยู่ในอาการซึมเศร้า เปิดเผยว่า ปัจจุบันพักอาศัยอยู่กับ นางปรุง กาลจุลศรี อายุ 49 ปี ลูกสาวคนที่ 5 ส่วน ร.ต.วินัยเป็นลูกคนสุดท้องในจำนวนหกคน ตนได้พบลูกชายมาหาครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ตอนนั้นเขามาทำบุญให้กับพ่อที่เสียชีวิตไปนานกว่า 10 ปีแล้ว ในครั้งนั้นลูกบอกว่ามีงานมาก จึงไม่ค่อยได้มา แต่ก็จะโทรศัพท์มาหาและมักเข้ามาช่วยเหลือดูแลเรื่องการเงินมาโดยตลอด เนื่องจากฐานะทางบ้านไม่สู้จะดีนัก

    "ลูกชายได้ซื้อที่ดินไว้ถึง 3 งาน อยู่ห่างจากบ้านแม่ไปประมาณ 50 เมตร และได้ปลูกบ้านหลักเล็กๆ เอาไว้แล้ว เพราะมีโครงการว่าจะกลับมาอยู่ที่อยุธยา แต่จะรอให้ลูกสาวคนเดียวของเขาเรียนจบและมีงานทำก่อน ก็จะลาออก แล้วพาครอบครัวมาทำสวน ทำไร่ อยู่ที่บ้านเกิด และจะใช้ชีวิตในบั้นปลายอยู่ที่นี่ นอกจากนี้เขายังบอกอีกว่า อยากจะไปบวชเป็นพระอยู่ที่ภาคอีสานสักระยะหนึ่งอีกด้วย" แม่ของ ร.ต.วินัย กล่าว

    นางนารถ กล่าวอีกว่า วันนี้เขาคงไม่ได้กลับมาอยู่ที่นี่อีกแล้ว ตนเสียใจมาก อยากเห็นหน้าเขาเป็นครั้งสุดท้าย แต่ก็ไม่มีโอกาส เพราะด้วยอายุที่มากแล้ว ทำให้เดินทางไปไหนมาไหนลำบาก และไม่มีปัญญาจะไปรดน้ำศพลูก จึงอยากให้ทางราชการส่งศพลูกชายมาประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิด หรือไม่ก็จัดรถบัสมารับตนและญาติพี่น้อง เพื่อไปรดน้ำศพลูกที่ จ.นราธิวาส

    นางนารถ เปิดเผยด้วยว่า อยากบอกลูกให้รู้ว่าพี่น้องทุกคนภูมิใจที่เขาเป็นทหารและได้เสียชีวิตในหน้าที่ เขาเคยพูดกับแม่ว่า อยากให้ลูกสาวคนเดียวเรียนจบก่อนและมีงานทำก็จะลาออก แล้วจะพาครอบครัวมาทำสวน ทำไร่ อยู่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นบ้านเกิด และจะใช้ชีวิตในบั้นปลายอยู่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา นอกจากนี้เขายังบอกว่า อยากจะไปบวชพระอยู่ในภาคอีสานสักระยะหนึ่งด้วย

    ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของทหารทั้ง 2 นาย และขอให้วิญญาณ ร.ต.วินัย นาคะบุตร และ จ.อ.คำธร ทองเอียด ไปสู่สุคติด้วยเถิด... <CENTER>
    เนื้อหาข่าวจาก หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
    <TABLE width=400 border=0><TBODY><TR><TD align=middle width=200></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
     
  2. pnarongr

    pnarongr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2005
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +115
    ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ คนเลวอีกไม่นานก็จะโดนสวรรค์ลงโทษให้ตายตกไปตาม ๆ กันเองแหละครับ ไม่ต้องอาฆาติพยาบาทให้เป็นบาปทางจิตใจหรอกครับผม
    ปังปอนด์
     

แชร์หน้านี้

Loading...